วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 20:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 120 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ผมเห็น มาจากการได้อ่าน ได้ฟังมา แล้วเอามาคิดวิเคราะห์ สรุปเอา
ซึ่งไม่ทราบได้ว่า จิตเราเห็นตระหนักอย่างนั้นหรือไม่ เพราะจิตไม่ใช่เรา

รูป เป็นขันธ์
เวทนา เป็นขันธ์
สัญญา เป็นขันธ์
สังขาร เป็นขันธ์
วิญญาณ เป็นขันธ์

นิพพาน ไม่เป็นขันธ์

Quote Tipitaka:
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ภาค ๑-หน้าที่ 682

อรรถกถาอุทยัพพยญาณนิทเทส

พระโยคาวจรนั้น เมื่อเห็นความเกิดและความเสื่อมของขันธ์ ๕ อย่างนี้

ย่อมรู้อย่างนี้ ว่า การรวมเป็นกองก็ดี การสะสมก็ดี ย่อมไม่มีแก่ขันธ์ที่ยังไม่

เกิดก่อนแต่ขันธ์เหล่านี้เกิด, ชื่อว่าการมา โดยรวมเป็นกอง โดยความ

สะสม ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่เกิดขึ้น, ชื่อว่าการไปสู่ทิศน้อยใหญ่ ย่อมไม่มีแม้

แก่ขันธ์ที่ดับ, ชื่อว่าการตั้งลงโดยรวมเป็นกอง โดยสะสม โดยเก็บไว้ในที่

แห่งหนึ่ง ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับแล้ว. เหมือนนักดีดพิณ เมื่อเขาดีดพิณอยู่

เสียงพิณก็เกิด, มิใช่มีการสะสมไว้ก่อนเกิด, เมื่อเกิดก็ไม่มีการสะสม, การ

ไปสู่ทิศน้อยใหญ่ออกเสียงพิณที่ดับไปก็ไม่มี, ดับแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ไม่สะสมตั้ง

ไว้, ที่แท้แล้วพิณก็ดี นักดีดพิณก็ดีอาศัยความพยายามอันเกิดแต่ความ

พยายามของลูกผู้ชายไม่มีแล้วยังมีได้, ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ฉันใด, ธรรมมีรูป

และไม่มีรูปแม้ทั้งหมดก็ฉันนั้นไม่มีแล้วยังมีได้ ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ พระ

โยคาวจรย่อมเห็นด้วยประการฉะนี้แล.


:b8: :b8: :b8:

ลึกซึ้งมากครับ อนุโมทนาเอามาให้อ่านกัน

มีสิ่งบดบังการเห็นที่ต้องเข้าไปพิจารณา ตัวอย่างหันหลังให้เจ้าของเสียง ที่ได้ยินกลับปรุงแต่งว่ามีเจ้าของ มีที่มา ทั้งๆที่ธาตุรู้ทำงานอย่างเดียวคือโสต แต่เพราะการปรุงแต่งจึงหมายว่ามีเจ้าของ เป็นเขา เป็นเรา กำหนดรู้ทันอายตนะภายในแล้วพิจารณาการเกิดดับของธาตุรู้ ความเป็นอายตนะคือความเสมอกันของขันธ์5 หรือพันธุกรรมของสัตว์โลกตามภาษาวิทยาศาสตร์ เช่นคนหูได้ยินที่ทำงานปรกติ เพราะมีเหตุคือ ธาตุรู้ทำงาน อายุยังน้อย เรียกว่าความเสมอกัน เสียงพิณที่ได้ยิน ก็ได้ยินติ๊งๆ เหมือนกัน พิณเสียงสูงหรือเสียงต่ำก็จำแนกได้เสมอกัน คือความเป็นอนัตตา ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่จำกัดว่าเสียงพิณนี้คนนี้ควรได้ยินอีกคนไม่ควรได้ยิน ก็ไม่ใช่ แม้ธรรมชั้นสูงนั้น หากความเสมอกันคืออาศัยมรรคมีองค์8ที่สมบูรณ์ จึงมีความเสมอของธรรมชั้นสูง ความไม่เสมอก็เพราะขาดมรรค หรือมรรคไม่สมบูรณ์จึงไม่มีความเสมอ นี่คือความเป็นอนัตตา ก็เป็นความคิดเห็นตามการพิจารณาของผม หากว่าผิดพลาดก็ขออภัยครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย student เมื่อ 10 มิ.ย. 2012, 02:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 01:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
eragon_joe เขียน:
คือ จะเป็นอะไรก็อีกเรื่อง

แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นอะไร
ถ้าไม่มีสิ่งใดมาให้เห็นแล้วจะเห็นได้มั๊ย

การเห็นมันเป็นไปด้วยปัจจัย ไม่ได้เป็นอะไร


กระผม งง ครับท่านเอก่อน :b23:


:b1: หมายถึง การเห็นมันเป็นด้วยปัจจัย คือ มีผัสสะ
มีสิ่งที่เข้าไปเห็น สิ่งที่ทำให้เห็น สิ่งที่ถูกเห็น

เรื่องสภาวะธรรมบางอย่าง
มันเป็นอาการที่จิตเข้าไปรู้ ธรรมารมณ์

ซึ่ง ธรรมารมณ์ จิตเข้าไปรู้ ก็ด้วยปัจจัย
ปัจจัยส่วนหนึ่งก็ เจตสิก ที่ประกอบกับจิต
(ที่ทำให้ทัศนะมันเป็น น้ำขุ่น น้ำข้น น้ำใส)

โสดาบัน ก็เป็นด้วยอำนาจของ เจตสิก

อิอิ อธิบายแบบมั่ว ๆ อย่างนี้ งงมั๊ย .. :b9: :b9:

โสดาบัน นั้นไม่มี
มีแต่เจตสิก คำนี้ถือว่ารุนแรงสำหรับคนที่ยึดถือในความเป็นอริยะชั้นต่าง ๆ
...

:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 10 มิ.ย. 2012, 02:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 02:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะธรรม มันสัมพันธ์กับ เจตสิก
อย่าหลงคิดว่ามันสัมพันธ์กับเรา

:b16:

ส่วนเราเป็นอะไร ก็เหมือนกับกาฝาก
ที่เจตสิกแสดงธรรมารมณ์อันละเอียดให้เห็น มันก็ไปยึดว่าสิ่งนั้นเป็นเรา
ไม่ได้เห็นว่า เป็นไปตามปัจจัย

:b13: :b9: :b9:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมั่นมีสติต่องานและหน้าที นี่แหล่ะคือการปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุด
สิ่งนี้เป็นโพธิปักฯในส่วนของ อิทธิบาทสี่ จุดหมายของอิทธิบาทสี่ก็คือ
สมาธิที่ตั้งมั่น

เมื่อเรามีสติและสมาธิที่ตั้งมั่นบ่อยๆแล้ว ก็ปฏิบัติอิทธิบาทในขั้นต่อไป
ด้วยการตั้งจุดมุ่งหมายใหม่ นั้นก็คือ ปฏิบัติให้ได้มาซึ่งไตรลักษณ์
ทำได้โดยการ มั่นเอาสติมารู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น ณ.ปัจจุบันนั้น เช่น
โกรธก็รู้ หลงก็รู้ ราคะก็รู้ การตามรู้อารมณ์นี่แหล่ะเป็นเหตุปัจัยให้เห็นไตรลักษณ์

การเห็นไตรลักษณ์ ไม่ใช่การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของจิต
แต่จะเป็นในลักษณะเข้าไปรู้การทำงานของขันธ์ และการทำงานของขันธ์
ก็ไม่ใช่การเกิดดับเหมือนดวงไฟ แต่เป็นไปในลักษณะของเหตุปัจจัยการแทนที่กัน
ของกระบวนการขันธ์


การตามรู้อารมณ์ก็คือการ ตามรู้ผลของกระบวนการขันธ์นั้นเอง
การจะเกิดอารมณ์ต่างๆได้ต้องมีเหตุปัจจัยมาจาก รูป(กาย) วิญญาณ
เวทนา สัญญาและสังขารขันธ์

การทำงานของขันธ์จะต้องครบขันธ์ห้าทุกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ความสำคัญมันอยู๋ที่สังขารขันธ์ ผลของสังขารขันธ์หรือเรียกว่า
อาการของจิต จะออกมาในลักษณะใด บ้างก็เป็นอกุศล โลภ โกรธ หลง
บ้างก็กุศล สติ ปัญญา

การเห็นไตรลักษณ์นั้นก็คือ เมื่อกระบวนการขันธ์หนึ่งจบลง
สังขารขันธ์หรืออาการของจิต จะเป็นปัญญา


อธิบายความในส่วนของการเกิดปัญญา
ปัญญามันก็เกิดจากกระบวนการขันธ์เช่นกัน มันเป็นลักษณะกระบวนการขันธ์หนึ่ง
ไปเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดกระบวนการของอีกขันธ์หนึ่ง

มันเกิดได้จาก การตามรู้อารมณ์(อาการของจิต)หรือสังขารณ์ขันธ์
เมื่อเรารู้อารมณ์หรือสังขารขันธ์ ย่อมต้องเกิดกระบวนการขันธ์ใหม่ขึ้นแล้ว
ความสำคัญมันอยู่ที่สัญญาของกระบวนการขันธ์ใหม่นี้

สัญญาก็คือการจำได้หมายรู้ คือมันไปจำหรือเปรียบเทียบอารมณ์เก่าที่เคย
เกิดในอดีตกับอารมณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นณ.ปัจจุบัน ความหมายคือ
อารมณ์สองตัวนั้นต้องต้องเหมือนกัน เช่นโกรธหรือราคะฯลฯ
ผลของกระบวนการขันธ์แบบนี้จะเกิดอาการของจิตที่เป็นปัญญา
และปัญญาตัวนี้เอง ไปทำให้เราไปเห็น ความเป็นอนิจัง ทุกขังและอนัตตาของขันธ์


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 07:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
eragon_joe เขียน:
คือ จะเป็นอะไรก็อีกเรื่อง

แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นอะไร
ถ้าไม่มีสิ่งใดมาให้เห็นแล้วจะเห็นได้มั๊ย

การเห็นมันเป็นไปด้วยปัจจัย ไม่ได้เป็นอะไร


กระผม งง ครับท่านเอก่อน :b23:


:b1: หมายถึง การเห็นมันเป็นด้วยปัจจัย คือ มีผัสสะ
มีสิ่งที่เข้าไปเห็น สิ่งที่ทำให้เห็น สิ่งที่ถูกเห็น

เรื่องสภาวะธรรมบางอย่าง
มันเป็นอาการที่จิตเข้าไปรู้ ธรรมารมณ์

ซึ่ง ธรรมารมณ์ จิตเข้าไปรู้ ก็ด้วยปัจจัย
ปัจจัยส่วนหนึ่งก็ เจตสิก ที่ประกอบกับจิต
(ที่ทำให้ทัศนะมันเป็น น้ำขุ่น น้ำข้น น้ำใส)

โสดาบัน ก็เป็นด้วยอำนาจของ เจตสิก

อิอิ อธิบายแบบมั่ว ๆ อย่างนี้ งงมั๊ย .. :b9: :b9:

โสดาบัน นั้นไม่มี
มีแต่เจตสิก คำนี้ถือว่ารุนแรงสำหรับคนที่ยึดถือในความเป็นอริยะชั้นต่าง ๆ
...

:b12:


:b8: ที่หลวงปู่ดุลย์ว่า ต้องใช้คิดเพื่อหยุดคิด ก็เพราะเช่นนี้ใช่ไมท่าน


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 07:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
govit2552 เขียน:
ผมเห็น มาจากการได้อ่าน ได้ฟังมา แล้วเอามาคิดวิเคราะห์ สรุปเอา
ซึ่งไม่ทราบได้ว่า จิตเราเห็นตระหนักอย่างนั้นหรือไม่ เพราะจิตไม่ใช่เรา

รูป เป็นขันธ์
เวทนา เป็นขันธ์
สัญญา เป็นขันธ์
สังขาร เป็นขันธ์
วิญญาณ เป็นขันธ์

นิพพาน ไม่เป็นขันธ์

Quote Tipitaka:
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ภาค ๑-หน้าที่ 682

อรรถกถาอุทยัพพยญาณนิทเทส

พระโยคาวจรนั้น เมื่อเห็นความเกิดและความเสื่อมของขันธ์ ๕ อย่างนี้

ย่อมรู้อย่างนี้ ว่า การรวมเป็นกองก็ดี การสะสมก็ดี ย่อมไม่มีแก่ขันธ์ที่ยังไม่

เกิดก่อนแต่ขันธ์เหล่านี้เกิด, ชื่อว่าการมา โดยรวมเป็นกอง โดยความ

สะสม ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่เกิดขึ้น, ชื่อว่าการไปสู่ทิศน้อยใหญ่ ย่อมไม่มีแม้

แก่ขันธ์ที่ดับ, ชื่อว่าการตั้งลงโดยรวมเป็นกอง โดยสะสม โดยเก็บไว้ในที่

แห่งหนึ่ง ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับแล้ว. เหมือนนักดีดพิณ เมื่อเขาดีดพิณอยู่

เสียงพิณก็เกิด, มิใช่มีการสะสมไว้ก่อนเกิด, เมื่อเกิดก็ไม่มีการสะสม, การ

ไปสู่ทิศน้อยใหญ่ออกเสียงพิณที่ดับไปก็ไม่มี, ดับแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ไม่สะสมตั้ง

ไว้, ที่แท้แล้วพิณก็ดี นักดีดพิณก็ดีอาศัยความพยายามอันเกิดแต่ความ

พยายามของลูกผู้ชายไม่มีแล้วยังมีได้, ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ฉันใด, ธรรมมีรูป

และไม่มีรูปแม้ทั้งหมดก็ฉันนั้นไม่มีแล้วยังมีได้ ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ พระ

โยคาวจรย่อมเห็นด้วยประการฉะนี้แล.


:b8: :b8: :b8:

ลึกซึ้งมากครับ อนุโมทนาเอามาให้อ่านกัน

มีสิ่งบดบังการเห็นที่ต้องเข้าไปพิจารณา ตัวอย่างหันหลังให้เจ้าของเสียง ที่ได้ยินกลับปรุงแต่งว่ามีเจ้าของ มีที่มา ทั้งๆที่ธาตุรู้ทำงานอย่างเดียวคือโสต แต่เพราะการปรุงแต่งจึงหมายว่ามีเจ้าของ เป็นเขา เป็นเรา กำหนดรู้ทันอายตนะภายในแล้วพิจารณาการเกิดดับของธาตุรู้ ความเป็นอายตนะคือความเสมอกันของขันธ์5 หรือพันธุกรรมของสัตว์โลกตามภาษาวิทยาศาสตร์ เช่นคนหูได้ยินที่ทำงานปรกติ เพราะมีเหตุคือ ธาตุรู้ทำงาน อายุยังน้อย เรียกว่าความเสมอกัน เสียงพิณที่ได้ยิน ก็ได้ยินติ๊งๆ เหมือนกัน พิณเสียงสูงหรือเสียงต่ำก็จำแนกได้เสมอกัน คือความเป็นอนัตตา ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่จำกัดว่าเสียงพิณนี้คนนี้ควรได้ยินอีกคนไม่ควรได้ยิน ก็ไม่ใช่ แม้ธรรมชั้นสูงนั้น หากความเสมอกันคืออาศัยมรรคมีองค์8ที่สมบูรณ์ จึงมีความเสมอของธรรมชั้นสูง ความไม่เสมอก็เพราะขาดมรรค หรือมรรคไม่สมบูรณ์จึงไม่มีความเสมอ นี่คือความเป็นอนัตตา ก็เป็นความคิดเห็นตามการพิจารณาของผม หากว่าผิดพลาดก็ขออภัยครับ



ผมเห็นเรื่อง ขันธ์5 ในกฏ อิทัปปัตยตา (เหตุ-ปัจจัย สืบเนื่อง) ไหลสู่ กฏไตรลักษณ์ คืนสู่สภาพก่อนการประชุม

:b8:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 09:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
โสดาบัน ก็เป็นด้วยอำนาจของ เจตสิก

อิอิ อธิบายแบบมั่ว ๆ อย่างนี้ งงมั๊ย .. :b9: :b9:

โสดาบัน นั้นไม่มี
มีแต่เจตสิก คำนี้ถือว่ารุนแรงสำหรับคนที่ยึดถือในความเป็นอริยะชั้นต่าง ๆ
...

:b12:

โสดาบันไม่มี.....แต่ที..เจตสิก..ดันมี...

นิสัยเก่าอรูปพรหม.. ..รึเปล่า...
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 11:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
โสดาบัน ก็เป็นด้วยอำนาจของ เจตสิก

อิอิ อธิบายแบบมั่ว ๆ อย่างนี้ งงมั๊ย .. :b9: :b9:

โสดาบัน นั้นไม่มี
มีแต่เจตสิก คำนี้ถือว่ารุนแรงสำหรับคนที่ยึดถือในความเป็นอริยะชั้นต่าง ๆ
...

:b12:

โสดาบันไม่มี.....แต่ที..เจตสิก..ดันมี...

นิสัยเก่าอรูปพรหม.. ..รึเปล่า...

:b32: :b32:


ยังมาเป็นคำถามได้อีกเน๊อะ ... :b32:

เจตสิก มันก็เป็นไปตามปัจจัย

ส่วนจะเป็น นิสัยเก่าอะไรนั้น ... ไอ้ที่เป็นนั่น
ถ้ามันเป็น เคยเป็น หรือจะไปเป็น มันเป็นสิ่งที่น่าสำคัญมั่นหมายเหร๋อ .. :b22:

จริง ๆ นะ ถ้ามันเป็นนิสัยเก่าอรูปพรหม
การหลุดจากภพนั้นแล้วมาสู่ภพนี้ ทำไมมันจะไม่รู้ .. :b13: :b13: :b4:
และถ้ามันเห็นเช่นนั้นแล้ว
ไอ้ที่มันเห็น มันจะเห็นว่าสังสารเป็นเรื่องน่าสนุก น่าหลงไหล หรือว่าน่าปลงสังเวชกันล่ะ

:b6: :b6: :b6:
:b32: :b32: :b13:

เรื่องของภพ เป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะเอามาพูดหยอกเล่นกันได้ง่าย ๆ นะ
มันอาจจะเป็นเรื่องน่าสนุก น่าชิม น่าลิ้มลองสำหรับชนหมู่หนึ่ง
แต่มันกลับเป็นเรื่องที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งสำหรับชนอีกหมู่หนึ่ง
ชนิดที่ว่า แทบไม่อยากจะได้ยินเลย

ชนหมู่หนึ่งอาจจะปฏิบัติเพื่อแสวงหาภพ
แต่ชนหมู่หนึ่งปฏิบัติเพื่อแสวงหาการสิ้นไปแห่งภพ ... :b8:

ว่าแต่จะให้เล่ามั๊ยล่ะ ว่าอรูปพรหมเขาเห็นกัน เขาคุยกัน เขาอยู่กันยังไงน่ะ

:b14: :b5: :b6: :b32:

555555555 .... :b22: :b22: :b22:

:b13: :b13: :b13:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 11:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6:

อย่างน้อย ๆ ที่นั่นก็ไม่มีหมูไง

:b13: :b13: :b13:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
รอให้เป็นโคตรภูบุคคล โสดา สกิทาคมี อานาคามี อรหันต์ก่อนถึงกล่าวคำว่า เห็น
จักขุกรณี ญานกรณี........


กระผมขอโทษนะครับ ที่กล่าวผิด
งั้นเปลี่ยนเป็นว่า เข้าใจกันว่าไงและปฏิบัติกันอย่างไรเพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ ดีมั้ยครับท่าน

*** เข้าใจใน อนัตตา หมดสงสัยเรื่อง กรรม และเหตุที่พระพุทธองค์ ไม่กล่าวถึง สิ่งเริ่ม ของการเกิดทุกข์

สาธุครับ

ปฏิบัติอย่างนี้ครับ ม้วนเดียวจบ(ยาก)
Quote Tipitaka:
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๔๐๗๐ - ๕๑๙๙. หน้าที่ ๑๖๗ - ๒๑๒.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=31&i=362

พระพุทธองค์ไม่ทรงกล่าวอริยสัจจ์4หรือ????? เป็นไปไม่ได้


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คนบางคนก็ปฏิบัติธรรมเพราะความอยาก..แต่ไม่ใช่แสวงหาความสุขหรือความหลุดพ้น :b43:
:b13:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ท่านเห็น อนิจจัง เห็น ทุกขัง เห็น อนัตตา เห็นอย่างไร ทั้งในรูปแบบของขันธ์5 และ อื่นๆ ครับ


เห็นทุกทีที่มีสติเมื่อผัสสะกาย-จิต มันกระทบ สั่นไหว ไม่นิ่ง

แต่ถ้าเผลอ สติไม่ทันก็มักไหลตามไปพักใหญ่เหนื่อยเหมือนกัน เห็นตอนเหนื่อยแล้วนี่แหละ :b5:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ปุจฉา : อนัตตา เป็นเช่นไรหนอ

ท่่านทั้งหลายช่วย วิสัชนา ให้ยิ่งๆขึ้นด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2012, 23:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b6: :b6:

อย่างน้อย ๆ ที่นั่นก็ไม่มีหมูไง

:b13: :b13: :b13:


ถ้าที่นั้นมีหมู...ผมจะฆ่าตัวตาย

อยู่ไปก็อายหมู...

ต้องที่สวรรค์ของ.อิ....ส.....ล.....า......ม...ซิ..หมูถึงขึ้นไปไม่ได้

สวรรค์พุทธก็ไม่มีหมู..นะ...(เพราะถูกกินจนหมด) :b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 11 มิ.ย. 2012, 01:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ปุจฉา : อนัตตา เป็นเช่นไรหนอ

ท่่านทั้งหลายช่วย วิสัชนา ให้ยิ่งๆขึ้นด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ


ไต่stepกันใหม่ก่อน

สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 120 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร