วันเวลาปัจจุบัน 22 ส.ค. 2025, 19:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2012, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามว่าเราเกิดมามีกาย-ใจเพื่ออะไรกันหนอ เพราะเมื่อคิดได้ก็มีกาย-ใจนี้แล้ว กาย-ใจไม่เที่ยงไม่ถาวร เกิดมาไม่นานก็หายไป แล้วจะมีทำไมกัน :b23:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2012, 23:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่าต้องถามว่า
โง่ สิ่งใด อะไร อยู่หนอ จึงหยั่งลงสู้การเกิด มามีกาย-ใจ นี้อีก หนอ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 00:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เราตั้งใจเกิด....

ไม่ได้เกิดแบบไม่ตั้งใจ....

ปัญหาคือ....เดิมเราตั้งใจเกิดเพื่ออะไร?

ไอ้ที่ไม่รู้...เพราะขันธ์ 5 มันครอบหัวเราอยู่

จะรู้ได้...ต้องลองโผล่หัวออกจากขันธ์ทั้ง 5 ดู


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 00:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เราตั้งใจเกิด....

ไม่ได้เกิดแบบไม่ตั้งใจ....

ปัญหาคือ....เดิมเราตั้งใจเกิดเพื่ออะไร?

ไอ้ที่ไม่รู้...เพราะขันธ์ 5 มันครอบหัวเราอยู่

จะรู้ได้...ต้องลองโผล่หัวออกจากขันธ์ทั้ง 5 ดู


ผมว่า
อาจจะไม่ตั้งใจเกิด แต่มีเหตุปัจจัยให้เกิด หรือหากตั้งใจเกิด ก็เพื่อ แค่ให้ได้เกิด ไม่ได้เพื่อสิ่งใด้หลังจากเกิด หรือ ตั้งใจเกิด เพื่อสิ่งที่หลังจากเกิด แต่จำไม่ได้เพราะ ได้เกิด
หากไม่รู้ลองดูนี้ครับ
ภวสูตร

[๕๑๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง
ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้
ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ภพ ภพ ดังนี้
ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์
ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในกามธาตุจักไม่มีแล้ว กามภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ท่าน

พระอานนท์ทูลว่า ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ


พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างเลวของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วย
ประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผล
ให้ในรูปธาตุจักไม่มีแล้ว รูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ


พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างกลางของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วย
ประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้
อรูปธาตุจักไม่มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ


พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างประณีตของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ
ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้
ด้วยเหตุดังกล่าวมาฉะนี้แล ฯ


:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 00:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:

พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น
พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง
เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ
อย่างประณีตของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ
ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้
ด้วยเหตุดังกล่าวมาฉะนี้แล ฯ


:b8:


ชัด...เจน...ดี

ผมถาม...ถึง...เรา..ๆ

ผมไม่คิดว่า....ผู้ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา...และ...เชื่อในพระธรรมคำสอน....ไม่ใช่พวกชิงหมาเกิด...แน่..แน่

แล้ว...เรา ๆ ดำลงมาหาอะไร?

แต่หากจะว่ากันโดยทั่ว ๆ ไป.แล้ว...

ทุกดวงจิตเกิดมา.....หา..สุข

โดยดูจากสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติกัน...ในทุกขณะจิต

สุข....คำเดียว...
(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 01:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะ....สุข...คำเดียว....

ปัจจัย 4...คืออย่างแรก...เพื่อทำให้ร่างกายอยู่ได้นานที่สุด...เพราะคิดว่า..ยื่งนานก็ยื่งสุข...

ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...ก็เพื่อสุข

เสื่อมลาภ...เสื่อมยศ..นินทา...ก็ไม่เอา...เพราะมันไม่สุข

โกงกินคอรัปชัน...เอาเปรียบเหยียบหัวคน...หากรู้ว่าที่สุดเป็นทุกข์แล้วมันไม่ทำหรอก...ที่ทำเพราะคิดว่ามันจะได้สุข...มันถึงทำ

พอมีความรู้มีสติปัญญาขึ้นมาหน่อย....ก็เริ่มสังเกตุ...สุข...ข้างต้นมันเป็นเวทนา..เป็นเพียงความรู้สึก...เดียวมันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา...เลยไปหาสุข..อันที่ยิ่งกว่าความรู้สึก....ก็เลยพยายามฝ่าด่านเวทนาออกไป....เลยเข้าป่าเป็นโยคะโยคีฤาษีชีไพร....ทำฌานทำสมาบัติ...ใจนิ่งสงบพ้นจากเวทนา...ก็พอใจ....เป็นเทวดาเป็นพรหม...ก็ว่าสุข

นี้...ก็เพื่อ..สุข

แต่....สิทธัตถะมหาโพธิสัตว์....จบสมาบัติ8...แล้ว..ก็ยังเห็นว่า...ยังสุขไม่จริง....เพราะออกจากสมาบัติแล้ว....ยังทุกข์ได้อีก.....ทรงคิดว่า...สุขจริงต้องไม่เปลี่ยนแปลง....จึงออกมาค้นหาโมกขธรรมต่อ..

นี้ก็เพื่อ..สุข....ความจริงที่ไม่แปรเปลี่ยนไปมาอีก

แล้วจึงพบ...

นิพพานัง...ปรมัง....สุขัง


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 06 มิ.ย. 2012, 01:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 01:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากสุข....แค่ในโลกมนุษย์....ก็หากันไป....ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...สุข

อยากสุข...ในโลกนี้และโลกหน้า...ก็อย่าทำชั่ว..ให้เกรงกลัวต่อการทำบาป...ทำใจสงบให้ฌานสมบัติ

อยากสุขอย่างยิ่ง.....ก็ทำ..มรรค 4 ผล 4...นิพพาน 1 ให้แจ้ง

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2012, 02:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


โค้ด:
ทุกดวงจิตเกิดมา.....หา..สุข


:b8: :b8: :b8:

ทุกคนก็หาสุขกันทั้งนั้น ประโยชน์อะไรเล่าจะเกิดจากการหยิบยื่นทุกข์ให้กัน

ขอให้ทุกท่านพบเจอความสุขตามที่ทุกท่านปรารถนา

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2012, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ขณะจิต เขียน:
ขอถามว่าเราเกิดมามีกาย-ใจเพื่ออะไรกันหนอ เพราะเมื่อคิดได้ก็มีกาย-ใจนี้แล้ว กาย-ใจไม่เที่ยงไม่ถาวร เกิดมาไม่นานก็หายไป แล้วจะมีทำไมกัน :b23:

:b12:
...เราเกิดมามีกาย-ใจ...อย่างแรกก็เพื่อมา แก่ เจ็บ และตาย แบบโลกทั่วๆไปเค้าเป็นกัน...
...อย่างที่สองซึ่งสำคัญกว่าก็คือการแสวงหาสัจจธรรมเพื่อการหลุดพ้นออกจากกองทุึกข์...
...โดยการเดินทางในสังสารวัฏแบบทวนกระแสโลก...นำชีวิตเข้าสู่ทางธรรมก่อนสิ้นลมค่ะ...
:b44: :b43:
:b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2012, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เพราะ....สุข...คำเดียว....

ปัจจัย 4...คืออย่างแรก...เพื่อทำให้ร่างกายอยู่ได้นานที่สุด...เพราะคิดว่า..ยื่งนานก็ยื่งสุข...

ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...ก็เพื่อสุข

เสื่อมลาภ...เสื่อมยศ..นินทา...ก็ไม่เอา...เพราะมันไม่สุข

โกงกินคอรัปชัน...เอาเปรียบเหยียบหัวคน...หากรู้ว่าที่สุดเป็นทุกข์แล้วมันไม่ทำหรอก...ที่ทำเพราะคิดว่ามันจะได้สุข...มันถึงทำ

พอมีความรู้มีสติปัญญาขึ้นมาหน่อย....ก็เริ่มสังเกตุ...สุข...ข้างต้นมันเป็นเวทนา..เป็นเพียงความรู้สึก...เดียวมันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา...เลยไปหาสุข..อันที่ยิ่งกว่าความรู้สึก....ก็เลยพยายามฝ่าด่านเวทนาออกไป....เลยเข้าป่าเป็นโยคะโยคีฤาษีชีไพร....ทำฌานทำสมาบัติ...ใจนิ่งสงบพ้นจากเวทนา...ก็พอใจ....เป็นเทวดาเป็นพรหม...ก็ว่าสุข

นี้...ก็เพื่อ..สุข

แต่....สิทธัตถะมหาโพธิสัตว์....จบสมาบัติ8...แล้ว..ก็ยังเห็นว่า...ยังสุขไม่จริง....เพราะออกจากสมาบัติแล้ว....ยังทุกข์ได้อีก.....ทรงคิดว่า...สุขจริงต้องไม่เปลี่ยนแปลง....จึงออกมาค้นหาโมกขธรรมต่อ..

นี้ก็เพื่อ..สุข....ความจริงที่ไม่แปรเปลี่ยนไปมาอีก

แล้วจึงพบ...

นิพพานัง...ปรมัง....สุขัง



:b1: ก่อนรู้จักศาสนา ตั้งแต่เด็กมาก็ไขว่คว้าหาแต่สุข

ผ่านสุขแต่กลับกลายเป็นทุกข์มามากมายจึงเริ่มรู้ว่า มันบังคับเอาตามใจไม่ได้

เมื่อมารู้จักพุทธศาสนา ก็เริ่มศรัทธา เพราะสุขจากสมาธิและความสงบ

แต่มันก็ ไม่ยั่งยืนยังเปลี่ยนแปรได้

ก็หวังไว้ว่านิพพานอันสูงสุด อันดับทุกข์สิ้นเชิงนั่นแหละเป็นเป้าหมายสุดท้าย

แต่ถ้าไม่รู้จักพุทธศาสนา ก็คงไขว่คว้าหาสุขเรื่อยไปจนตายอย่างคนอื่นๆเขา

คิดเห็นคล้ายๆกันเลยครับท่านกบ :b43:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 01:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
สิ่งไร..ไร...ได้มา...ล้วนมีปรารถณาเป็นเบื้องต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 06:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราจักบัญญัติการมา การไป จุติ อุปบัติ
หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์แห่งวิญญาณ เว้นจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร ข้อนี้ไม่เป็น
ฐานะที่จะมีได้.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดเท่าไหร่ เหล่าคนจำนวนมากที่ไขว่หาสุขในโลก ที่ยังไม่เห็นทุกข์แลต้องการความดับทุกข์

คงไม่สนใจศาสนาจริงๆ แลเข้าถึงวิธีปฏิบัติได้ ย่อมถือศาสนาแต่ปากเท่านั้นเอง

ต้องขออนุโมทนากับผู้ที่ ถูกความทุกข์ขบกัดจนเข็ดหลาบ จนแสวงหาความดับทุกข์

ขอกราบงามๆให้ความทุกข์สักพันครั้งที่สอนให้ข้าพเจ้าเข็ดหลาบ

กับความจริงว่าทุกสิ่งล้วนถือเอาไม่ได้นาน ทุกข์แท้ ทุกข์แท้ :b8:


:b1:เอ? แล้วอย่างนี้มีเหตุผลอื่นไหมหนอ ที่ทำให้คนเข้ามาสู่ศาสนา นอกจากความปรารถนาดันทุกข์ :b10:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร