วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 18 พ.ค. 2012, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงแรกๆที่คุณน้องนั่งกรรมฐานยังจับหลักไม่ได้ นั่งไปซักพักจะวอกแว๊กคือมีความรู้สึกว่า มีคนมาป้วนเปี้ยนจ้องมองเราอยู่ ทำให้ทำสมาธิไม่ได้ คุนน้องเลยศึกษาในเวปจนลองเอาเทคนิคนี้มาใช้ คือ ก่อนทำสมาธิจะอธิฐานว่า ข้าพเจ้าขออุทิษส่วนกุศลในการบำเพ็ญกรรมฐานจิตในวันนี้ขออุทิศบุญกุศลให้แด่เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติมารับอานิสงค์ผลบุญจากการบำเพ็ญกรรมฐานครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วย แล้วเมื่อได้รับผลบุญแล้วก็ขอให้อโหสิกรรมให้แก่กันอย่าได้จองเวรกันและกันเถิด ขอให้ท้าวจตุโลกบาล4เป็นสักขีพยานในการอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเทอญ (เพราะว่าต้องมีพยานด้วย.. เด่วมาเอาผลบุญเราไปแล้วไม่ยอมอโหสิให้เผื่อเจ้ากรรมนายเวรขี้โกง :b32: )ถ้าเรานั่งสมาธิได้ฌาน1 ท้าวโลกจตุบาล4จะส่งองครักษ์มาคอยคุ้มกัน เรา ที่ศึกษามา คุนน้องเลยนั่งสมาธิแบบสุขสงบไม่กลัวว่าจะมีใครทำอะไร ลองเอาเทคนิคคุนน้องไปใช้ดูก็ได้น๊าไม่สงวนลิขสิทธ์ :b16:


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ค. 2012, 01:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครเกิดวันอะไรดูเอานะเจ้าค่ะ ตำนานชาติเวร ดาวประจำวันเกิด เป็นความรู้ทางโหราศาสตร์
http://www.horawej.com/index.php?lay=sh ... 49&Ntype=3
ส่วนคุนน้องเกิดวันพฤหัสบดี คัดมาให้อ่านคร่าวๆ
ตามหลักพยากรณ์
พระพฤหัสสบดี เป็นดาวขนาดใหญ่รองลงมาจากพระอาทิตย์ สร้างขึ้นจากพระฤๅษี ตามธรรมดาพระฤๅษีต้องแก่กล้าไปด้วยวิชาอาคม เวทมนต์ ญาณต่างๆ ดังนั้น พระพฤหัสบดีจึงมีอำนาจอิทธิฤทธิ์และอิทธิพลมาก เป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการทุกประเภท มีศีลมีธรรมอันสูงส่ง ผู้ใดมีพระพฤหัสบดีกุมลัขณา ถือว่าเป็นโกมุท เกณฑ์มีกลิ่นหอม เป็นที่เคารพบูชาของสมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย ดาวพระพฤหัสบดีเสมอด้วยพระอิศวร คือเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ทั้งหลาย มีความรู้ความสามรถชำนาญในทางไสยศาสตร์ ไตรเภทต่าง ๆ กอปรด้วยมีใจเมตตากรุณาปราณี โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อ สุขุมรอบคอบละเอียดถี่ถ้วน ไม่ให้โทษแก่ผู้ใด เพียงแต่ไม่ช่วยเท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าได้เป็นศัตรูกับใครแล้วร้ายกาจนัก ถึงกับวอดวายฉิบหายขายตนทีเดียว

ผู้ที่มีพระพฤหัสบดีเป็นศัตรู นับว่าเคราะห์ร้ายที่สุด ในการดูดวงชาตาการพยากรณ์ทั้งหลาย ก็ต้องดูพระพฤหัสบดีเป็นลักขณาก่อนอื่นเสมอ มิตรของพระพฤหัสบดีก็คือพระอาทิตย์ เพราะเป็นบุตรเขย ส่วนพระอังคาร พระเสาร์ แ ละ ราหู ใน ๓ ดวงนี้ ถ้าไปต้องกันเข้าเมื่อใด เจ้าชาตามักได้รับความเดือดร้อน แต่ได้ไปถูกพระอาทิตย์ พุธ ศุกร์ ก็จัดว่าดีได้ หากไปกับพระจันทร์ ซึ่งเป็นธิดาแล้ว บิดาสั่งสอนธิดาไม่ยอมเชื่อถ้อยคำของบิดา กลับโกรธบิดา ครั้นบิดาลงโทษทัณฑ์ ก็สงสาร เล่นเอาหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปทั้งสองฝ่าย ต่างไม่ลงรอยซึ่งกันและกัน ทำให้เจ้าชาตาเข็ดหลาบไปนาน เพราะจะให้โทษก็ไม่เชิง ให้คุณก็ไม่ใช่ กลายเป็นทุกข์ลาภไปเพราะทำให้สุดแสนจะทนทุกข์ทรมานเดือดร้อน กลุ้มใจ เศร้าโศกาหมองศรีไป พฤหัสบดีนี้โบราณาจารย์ถือกันต่าง ๆ มาจนทุกวันนี้ ถือกันว่าเป็นครู เยาวชนผู้เริ่มเข้าโรงเรียนมักจะตั้งต้นไปเข้ากันในวันพฤหัสบดี บูชาครูกันในวันพระพฤหัสนี้ทุกรายไป แม้ในโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งรัฐบาลและราษฎร์ในทุกวันนี้ พอขึ้นปีใหม่หรือเทอมใหม่ มักจะให้เด็กนักเรียนนำดอกไม้ธูปเทียนมาไว้ครูกันเสียครั้งหนึ่งในวันพระพฤหัสบดีนี้ พระพฤหัสบดีนี้เป็นดาวศุภเคราะห์
ปล. สามีคุนน้องเกิดวันอาทิตย์ มิน่าชะตาเลยต้องกัน คือเห็นปุ๊บถูกชะตาปั๊บ :b41:


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ค. 2012, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ....ขออภัยต่อท่านทั้งหลายและขออภัยต่อเจ้าของกระทู้

ถ้าท่านทั้งหลายที่จ่าพูดมีผมอยู่ในนั้นด้วย ผมก็ให้อภัยครับ ไม่ถือสาหรอกครับ
คนมันไม่ปกติ ก็รู้ๆอยู่ว่ากลัวระเบิดกลัวลูกปืนแต่ดันไปเป็นทหาร :b9:
sriariya เขียน:
ด้วยเหตุที่มีบุคคลอยางเช่นที่พวกท่านได้เห็นเขาโพสแบบคนจิตใจต่ำทรามทำให้ความคิดอ่านต่ำทรามตามไปด้วย แทนที่เขาจะคิดถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนไปกล่าวไปในทางที่ดีที่ถูกที่ควร แต่เขากลับคิดไปในทางชั่วร้าย

อุแหม่! ก็แค่เห็นว่ามีญาณพิเศษก็แค่อยากให้ลงไปช่วยพี่น้องทหารทางใต้
ไงกลายเป็นเรื่องต่ำทรามไปได้ หรือจะให้ผมแนะนำว่า ใช้ญาณพิเศษไปเพ่งดูสาวๆอาบน้ำ
เอาแบบนี้ใช่มั้ยครับจ่า :b32:
sriariya เขียน:
ถ้าคิดให้ดีแล้วข้าพเจ้าเพียงยกตัวอย่างให้เจ้าของกระทู้ได้คิดพิจารณาเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าผู้ใช่ชื่อว่า โฮฮับ จะพิสูจน์ว่าข้าพเจ้ากล่าวจริงหรือโม้ ก็สามารถพิสูจน์ได้นะ มาหาข้าพเจ้าซิแล้วข้าพเจ้าจะพิสูจน์ให้ได้เห็นว่า ข้าพเจ้ามีประสาทสัมผัสพิเศษ หลายๆอย่างจริงๆ

ที่ผมว่าจ่าโม้ก็เพราะ คนอื่นเขามีญาณพิเศษ จ่าบอกว่า มันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่เวลาจ่าพูดถึง
ตัวเอง กลับบอกว่า ตัวเองก็มีญาณพิเศษ ที่ของตัวเองเรียกญาณพิเศษ ที่คนอื่นเห็นเป็น
เรื่องธรรมดา อีกอย่างปากบอกว่าจะบอกใครก็ไม่ได้ แต่ดันพูดพร่ามเสียเป็นคุ้งเป็นแคว
แบบแหล่ะที่เรียกว่า ขี้โม้
:b32:

ถ้าจ่ามีญาณพิเศษอะไรนั้นจริง ทำไมต้องให้ผมไปหา จ่าทำไมไม่ใช่ญาณอะไรของจ่า
ไปเลยล่ะ พุดโถ่! พูดจาให้เขาจับพิรุธได้

เอางี้ไม่ต้องมาใช้ญาณอะไรกับผมหรอก เอาแค่จ่าใช้ญาณของจ่าทายซิว่า
ในรูจมูกของจ่า มีขนจมูกกี่เส้น รู้เรื่องตัวเองซะก่อนแล้วค่อยมาโม้ :b9:
sriariya เขียน:
อนึ่ง เจ้าโฮฮับ ผู้มีสันดานหยาบบาปช้า เจ้าไม่ต้องแนะให้ข้าพเจ้าไปช่วยคนนั้นคนนี้พวกนั้นพวกนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้า แล้วตัวของเจ้าทำไมไม่ไปเองละ ดีแต่พล่ามเพ้อเจ้อ ทำตัวเป็นสุนัขเห็นอาจมว่าหอมว่าดี อยู่นั่นแหละ

อาจเห็นโพสว่า จ.ส.ต.เทวฤทธิ์ ก็นึกว่าเป็นทหาร ที่แท้ก็ไม่ใช่ทหาร แบบนี้ จ.ส.ต.
ย่อมาจากอะไรหว่า ไม่อยากแปลเดี๋ยวไปกระทบทหารหาญตัวจริงเข้า

แล้วที่มาแนะนำให้ผมไปใต้เอง อายุผมเกินเกณท์แล้ว ถ้ายังมีสิทธิจับใบดำใบแดง
ผมจะสมัครเองเลย และจะบอกขอไปอยู่ที่ชายแดนใต้ด้วยครับ พูดจริงๆน่ะ ไม่ได้โม้ :b32:
sriariya เขียน:
อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าไม่เคยบอก และไม่เคยเขียนเลยว่า ข้าพเจ้ามีความไม่อยาก แต่เจ้าผู้ทำต้วเป็นสุนัขเห็นอาจมเป็นของหอมของดี ยังหน้าด้าน กล่าวร้ายได้อย่างชนิดที่เรียกว่า แสดงสันดานความเป็นเดรัจฉานในร่างมนุษย์

ผมแนะนำ จ่าไปหลายหนแล้วเรื่องไปช่วยพี่น้องทหารทางใต้ แต่จ่าไม่สนใจ
เฉไฉแบบคนปัญญานิ่ม อ้างมั่วดันบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ ถามหน่อยจ่าเป็นทหาร
ถ้าไม่ไปรบ จ่าจะอยู่ล้างส้วมกระทรวงกลาโหมหรือไง :b13:
sriariya เขียน:
ข้าพเจ้าแนะนำเจ้าว่า อย่างเจ้าผู้ใช้ชื่อว่าโฮฮับนั้น ไม่ควร เข้ามาเสวนาในเวบฯธรรมะจะดีกว่า เพราะอย่างเจ้านะสมองสติปํญญาคงแก้ไขไม่ได้ ทำเป็นอวดฉลาด แต่ความจริงโง่เขลา ไปแก้ไขตัวเองให้ดีเถอะ

ว่าผมโง่ แต่ผมก็ยังรู้จักหน้าของคนไทยที่รักชาติ รักพี่น้องทหารไทยที่เป็นนักรบ
ผิดกับบางคนที่โม้ว่าตัวเองมีญาณพิเศษ แต่หน้าที่ตัวเองยังไม่รู้จัก

จ่าสิบตรีเป็นตำแหน่งผู้บังคับหมู่ทหารในการรบ แต่ดันมีทหารแก่บางคน
เข้าใจว่า จ่าสิบตรีเป็นตำแหน่งหัวหน้าภารโรง มีหน้าที่ล้างส้วมกระทรวงกลาโหม
หรือล้างห้องน้ำให้นักเรียน ร.ด. :b9:
sriariya เขียน:
(หมายเหตุ) ถ้าอยากพิสูจน์ก็มาได้เลยนะ ข้าพเจ้าท้าให้พิสูจน์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

อย่างนี้หรือเรียกคนมีญาณพิเศษ ผมว่าเอาแค่สติ สตังค์ให้มันได้ซะก่อนเหอะ
จะให้เขาไปหา จะให้ไปพิสูจน์ ที่อยู่ก็ไม่บอกมา แล้วชาวบ้านเขาจะไปได้ไง
หรือจะให้เขาใช้ญาณพิเศษหาเอาเอง พุดโถ่! ดูมันทำ

เอางี้ไปเจอกันที่ อ.บันนังสตาร์ หรือจะเอาที่เจาะไอร้อง เลยดีกว่า
จะได้ไม่เสียเวลา กล้าเปล่าล่ะ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ค. 2012, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ฮ่า ฮ่า ฮ่า พล่ามเพ้อเจ้อซะไม่มีเลยนะ เจ้าโฮฮับ ขนาดที่อยู่ของข้าพเจ้า เจ้ายังโง่ แถมยังอวดฉลาดไม่มีปัญญาจะหา เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน ชื่อ อะไร ทำงานอะไร
ดีแต่อวดเก่ง ท้าไปโน่น ไปนี่ ปัดโธ่ ถ้าเจอตัวจริงของข้าพเจ้า ก็มีแต่วิ่งหางจุกตูดละว้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 00:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มโนมยิทธิ เป็นเทคนิควิธีของการสะท้อนการคิดให้ออกมาเป็นมโนภาพโดยอาศัยแสงสว่าง
เป็นตัวช่วย ทุกภาพที่ปรากฏแก่ใจล้วนเป็นสิ่งปรุง และเป็นของปลอม

มีอุปาทานมาก มีสัญญามาก มีจินตนาการมาก ก็เข้าถึงมโนภาพที่คล้ายจริง และเชื่อเอาเอง
ว่าจริง เกาะกลุ่มกันยกยอให้กันและกันว่าจริง หลอกแม้กระทั่งตัวเองให้เชื่อว่าจริง
ทั้งที่ตนก็ไม่สามารถจะรู้จริง ว่ามโนภาพนั้นเป็นสิ่งจริงหรือไม่จริง แต่ก็เชื่อว่าจริงไว้ก่อน

และคนเก่งจริงเรื่องนี้ไม่มีจริง มีแต่เก่งลวง และเก่งด้วยสำคัญเอาเอง

onion


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


จางบาง เขียน:
มโนมยิทธิ เป็นเทคนิควิธีของการสะท้อนการคิดให้ออกมาเป็นมโนภาพโดยอาศัยแสงสว่าง
เป็นตัวช่วย ทุกภาพที่ปรากฏแก่ใจล้วนเป็นสิ่งปรุง และเป็นของปลอม

มีอุปาทานมาก มีสัญญามาก มีจินตนาการมาก ก็เข้าถึงมโนภาพที่คล้ายจริง และเชื่อเอาเอง
ว่าจริง เกาะกลุ่มกันยกยอให้กันและกันว่าจริง หลอกแม้กระทั่งตัวเองให้เชื่อว่าจริง
ทั้งที่ตนก็ไม่สามารถจะรู้จริง ว่ามโนภาพนั้นเป็นสิ่งจริงหรือไม่จริง แต่ก็เชื่อว่าจริงไว้ก่อน

และคนเก่งจริงเรื่องนี้ไม่มีจริง มีแต่เก่งลวง และเก่งด้วยสำคัญเอาเอง

onion


หมายถึงฤทธิ์ทางใจหรือปล่าวครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มโนมยิทธิ ในปัจจุบันที่ผมเห็นสอนๆกันอยู่ และหลายๆคนที่บอกว่ามีมโนยิทธิ
จะเป็นลักษณะของการนั่งหลับตา แล้วนึกภาพให้เห็นเมืองนรก เมืองสวรรค์เืมืองนิพพาน
เขาเรียกการเห็นนั้นว่า ฤทธิ์ทางใจอย่างหนึ่ง วิธีการฝึกคือให้ผู้ฝึกนั่งหลับตา
แล้วครูฝึกจะมีไฟสว่างส่องมาที่ใบหน้าของผู้ฝึก ผู้เป็นครูฝึกจะคอยพูดบรรยายถึงเมืองนิพพานบ้างถึง
พระพุทธเจ้าบ้าง ว่ามีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้ ให้ผู้ฝึกฟังแล้วพยายามนึกภาพตาม

และการนึกภาพตามไปพร้อมขณะที่มีดวงไฟส่องที่ใบหน้า จะช่วยให้การสร้างมโนภาพนั้นง่ายขึ้น
ครั้งแรกผู้ฝึกก็นึกตามครูฝึกนำทาง แต่สักพักหากผู้ฝึกจับภาพติดคิดแล้วเป็นภาพได้ง่าย
การก่อเกิดจินตนาการที่สะท้อนเป็นภาพก็จะเกิดขึ้นได้เองอย่างลื่นไหล จนคิดว่าตนเห็นนั่นเห็นนี่
เหมือนดังที่เคยฟังเคยอ่านมา มากมายเต็มไปหมด

นี่คือ มโนยิทธิที่ผมเห็นว่ามีสอนกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบอกว่าเป็นของปรุงและปลอม

ส่วน ฤทธิ์ทางใจ ซึ่งไม่ได้เรียกว่ามโนยิทธิ ก็มีอยู่มากและมีอยู่จริง เช่นการมีหูทิพย์ตาทิพย์
การรู้จิตด้วยจิต การใช้พลังจิตไปในทางอันพิเศษเหนือวิสัยสามัญมนุษย์

แต่ก็มีหูทิพย์ตาทิพย์การรู้จิตด้วยจิต ทั้งของจริงและของปลอมอีกเหมือนกัน โดยมากก็จะมี
แบบของปลอม และของฟลุคเกิดเองในบางโอกาส ซึ่เจ้าตัวก็บังคับไม่ได้แต่เอามาคุยฟุ้งได้
ไม่รู้จักเบื่อไม่รู้จักอิ่ม

onion


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 06:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หมาเห่าใบตองแห้ง....

คือ..ใช้แค่ความคิด..แล้วก็เห่า

ผมเคยเห่า...แบบท่านจาง...อย่างนี้แหละ...

:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 07:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ใครเกิดวันอะไรดูเอานะเจ้าค่ะ ตำนานชาติเวร ดาวประจำวันเกิด เป็นความรู้ทางโหราศาสตร์
http://www.horawej.com/index.php?lay=sh ... 49&Ntype=3
ส่วนคุนน้องเกิดวันพฤหัสบดี คัดมาให้อ่านคร่าวๆ
ตามหลักพยากรณ์
พระพฤหัสสบดี เป็นดาวขนาดใหญ่รองลงมาจากพระอาทิตย์ สร้างขึ้นจากพระฤๅษี ตามธรรมดาพระฤๅษีต้องแก่กล้าไปด้วยวิชาอาคม เวทมนต์ ญาณต่างๆ ดังนั้น พระพฤหัสบดีจึงมีอำนาจอิทธิฤทธิ์และอิทธิพลมาก เป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการทุกประเภท มีศีลมีธรรมอันสูงส่ง ผู้ใดมีพระพฤหัสบดีกุมลัขณา ถือว่าเป็นโกมุท เกณฑ์มีกลิ่นหอม เป็นที่เคารพบูชาของสมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย ดาวพระพฤหัสบดีเสมอด้วยพระอิศวร คือเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ทั้งหลาย มีความรู้ความสามรถชำนาญในทางไสยศาสตร์ ไตรเภทต่าง ๆ กอปรด้วยมีใจเมตตากรุณาปราณี โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อ สุขุมรอบคอบละเอียดถี่ถ้วน ไม่ให้โทษแก่ผู้ใด เพียงแต่ไม่ช่วยเท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าได้เป็นศัตรูกับใครแล้วร้ายกาจนัก ถึงกับวอดวายฉิบหายขายตนทีเดียว

ผู้ที่มีพระพฤหัสบดีเป็นศัตรู นับว่าเคราะห์ร้ายที่สุด ในการดูดวงชาตาการพยากรณ์ทั้งหลาย ก็ต้องดูพระพฤหัสบดีเป็นลักขณาก่อนอื่นเสมอ มิตรของพระพฤหัสบดีก็คือพระอาทิตย์ เพราะเป็นบุตรเขย ส่วนพระอังคาร พระเสาร์ แ ละ ราหู ใน ๓ ดวงนี้ ถ้าไปต้องกันเข้าเมื่อใด เจ้าชาตามักได้รับความเดือดร้อน แต่ได้ไปถูกพระอาทิตย์ พุธ ศุกร์ ก็จัดว่าดีได้ หากไปกับพระจันทร์ ซึ่งเป็นธิดาแล้ว บิดาสั่งสอนธิดาไม่ยอมเชื่อถ้อยคำของบิดา กลับโกรธบิดา ครั้นบิดาลงโทษทัณฑ์ ก็สงสาร เล่นเอาหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปทั้งสองฝ่าย ต่างไม่ลงรอยซึ่งกันและกัน ทำให้เจ้าชาตาเข็ดหลาบไปนาน เพราะจะให้โทษก็ไม่เชิง ให้คุณก็ไม่ใช่ กลายเป็นทุกข์ลาภไปเพราะทำให้สุดแสนจะทนทุกข์ทรมานเดือดร้อน กลุ้มใจ เศร้าโศกาหมองศรีไป พฤหัสบดีนี้โบราณาจารย์ถือกันต่าง ๆ มาจนทุกวันนี้ ถือกันว่าเป็นครู เยาวชนผู้เริ่มเข้าโรงเรียนมักจะตั้งต้นไปเข้ากันในวันพฤหัสบดี บูชาครูกันในวันพระพฤหัสนี้ทุกรายไป แม้ในโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งรัฐบาลและราษฎร์ในทุกวันนี้ พอขึ้นปีใหม่หรือเทอมใหม่ มักจะให้เด็กนักเรียนนำดอกไม้ธูปเทียนมาไว้ครูกันเสียครั้งหนึ่งในวันพระพฤหัสบดีนี้ พระพฤหัสบดีนี้เป็นดาวศุภเคราะห์
ปล. สามีคุนน้องเกิดวันอาทิตย์ มิน่าชะตาเลยต้องกัน คือเห็นปุ๊บถูกชะตาปั๊บ :b41:

:b12:
nongkong ครับ ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ไม่ควรเอาเรื่องดวงและโชคชะตาราศรีนะครับ ต้องเพลาๆไปจนกว่าใจจะหมดความยึดถือในเรื่องนี้ ให้เชื่อภาษิตที่ว่า
"ทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ...."คน ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร"....."ช่วยตนเองให้ได้ก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยท่าน" "สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม"
:b16:
เรื่องดวง เขาเอาไว้ปลอบใจคนขี้กลัว กลัวที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ คือ "กลัวตาย"
ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าไม่กลัวตาย แล้วใยจะต้องไปพึ่งดวงล่ะครับ
ศึกษาพอเป็นเครื่องบันเทิงใจ ไว้คุยสนุกกับเพื่อนฝูงก็พอนะครับ"


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องแค่หาความรู้ใส่ตัว ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ก็ไม่น่าจะผิดนะเจ้าค่ะ คุนน้องรู้แต่ไม่ได้ไปยึด แล้วระดับน้องคิงคองเข้าใจธรรมมะของพระพุทธเจ้าอยู่แล้วเจ้าค่ะ ถ้าอ่านกระทู้คุนน้องจะรู้ว่า คุนน้องเน้นเรื่อง กฏแห่งกรรม ทำกรรมดีทำกรรมชั่ว บางครั้งเราก็ควรจะอ่านหนังสืออย่างอื่นบ้างที่ไม่ใช่ธรรมมะก็ไม่น่าจะผิดนะเจ้าค่ะ เพราะคุนน้องกลัวตัวเองฟุ้งซ่านธรรม เราต้องผ่อนคลายบ้าง เพราะมนุษย์จิตกับสมองทำงานเชื่อมกันอยู่ ธรรมทั้งหลายก็ไม่ควรไปยึด รู้แล้วปล่อย เหมือนคุนน้องชอบศึกษาหาความรู้ แต่คุนน้องก็ไม่ได้ยึด แค่รู้ไว้ใช่ว่าจะไปยึดติด ไม่ใช่แค่ความรู้เรื่องโหราศาตร์อย่างเดียวที่คุนน้องอ่าน ความรู้ทำอาหารคุนน้องก็อ่าน แล้วไม่เห็นมีใครมาว่าอย่าไปยึด :b5: เบื่อๆ ไม่อยากอ่าน คุนน้องก็เข้าเวปดูtake me out ในเมื่อจิตเราไม่ได้ไปยึดมันก็แค่ กริยา แค่นั้นเจ้าค่ะ ส่วนกลัวตายไม่กลัวตายนั้น ตอนใกล้ตายแหละถึงจะบอกได้ เพราะภาคปฏิบัติ มันก็แค่ อยู่กับขณะปัจจุบันอารมณ์ มีสติไม่ประมาทในชีวิตประจำวัน :b27:


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านพี่โฮฮับหายไปไหนตั้งหลายวัน คุนน้องแปลกใจจัง ไม่เห็นมาคุยธรรมมะเหมือนแต่ก่อน สงสัยจะปลีกวิเวกไปสงบจิตสงบใจ หรืองอนใครอ่ะป่าว s006


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2012, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ท่านพี่โฮฮับหายไปไหนตั้งหลายวัน คุนน้องแปลกใจจัง ไม่เห็นมาคุยธรรมมะเหมือนแต่ก่อน สงสัยจะปลีกวิเวกไปสงบจิตสงบใจ หรืองอนใครอ่ะป่าว s006

จ๊ะเอ๋! ยังมีชีวิตอยู่จ้า น้องคิงคอง


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2012, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านพี่โฮฮับหายไปไหนตั้งหลายวัน คุนน้องแปลกใจจัง ไม่เห็นมาคุยธรรมมะเหมือนแต่ก่อน สงสัยจะปลีกวิเวกไปสงบจิตสงบใจ หรืองอนใครอ่ะป่าว s006

จ๊ะเอ๋! ยังมีชีวิตอยู่จ้า น้องคิงคอง

แหะๆ บ่นคิดถึงปุ๊บก็โผล่มาปั๊บ ท่านพี่โฮฮับแสนรู้จัง :b4: :b38:
อย่างอนนะแซวเล่น :b27:


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2012, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณจางบางเขียน

อ้างคำพูด:
มโนมยิทธิ ในปัจจุบันที่ผมเห็นสอนๆกันอยู่ และหลายๆคนที่บอกว่ามีมโนยิทธิ
จะเป็นลักษณะของการนั่งหลับตา แล้วนึกภาพให้เห็นเมืองนรก เมืองสวรรค์เืมืองนิพพาน
เขาเรียกการเห็นนั้นว่า ฤทธิ์ทางใจอย่างหนึ่ง วิธีการฝึกคือให้ผู้ฝึกนั่งหลับตา
แล้วครูฝึกจะมีไฟสว่างส่องมาที่ใบหน้าของผู้ฝึก ผู้เป็นครูฝึกจะคอยพูดบรรยายถึงเมืองนิพพานบ้างถึง
พระพุทธเจ้าบ้าง ว่ามีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้ ให้ผู้ฝึกฟังแล้วพยายามนึกภาพตาม

และการนึกภาพตามไปพร้อมขณะที่มีดวงไฟส่องที่ใบหน้า จะช่วยให้การสร้างมโนภาพนั้นง่ายขึ้น
ครั้งแรกผู้ฝึกก็นึกตามครูฝึกนำทาง แต่สักพักหากผู้ฝึกจับภาพติดคิดแล้วเป็นภาพได้ง่าย
การก่อเกิดจินตนาการที่สะท้อนเป็นภาพก็จะเกิดขึ้นได้เองอย่างลื่นไหล จนคิดว่าตนเห็นนั่นเห็นนี่
เหมือนดังที่เคยฟังเคยอ่านมา มากมายเต็มไปหมด

นี่คือ มโนยิทธิที่ผมเห็นว่ามีสอนกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบอกว่าเป็นของปรุงและปลอม

ส่วน ฤทธิ์ทางใจ ซึ่งไม่ได้เรียกว่ามโนยิทธิ ก็มีอยู่มากและมีอยู่จริง เช่นการมีหูทิพย์ตาทิพย์
การรู้จิตด้วยจิต การใช้พลังจิตไปในทางอันพิเศษเหนือวิสัยสามัญมนุษย์

แต่ก็มีหูทิพย์ตาทิพย์การรู้จิตด้วยจิต ทั้งของจริงและของปลอมอีกเหมือนกัน โดยมากก็จะมี
แบบของปลอม และของฟลุคเกิดเองในบางโอกาส ซึ่เจ้าตัวก็บังคับไม่ได้แต่เอามาคุยฟุ้งได้
ไม่รู้จักเบื่อไม่รู้จักอิ่ม



ถ้าอย่างนั้นการฝึกมโนมยิทธิ ก็ไม่ใช่การนั่งสมาธิสิค่ะ
เพราะการนั่งสมาธิคือ การนั่งเพื่อให้จิตเรานิ่งปล่อยวาง เพื่อให้หลุดพ้นเหตุจากทุกข์
ไม่ยึดติด
แต่การฝึกมโนมยิทธิ เพื่อที่จะได้รู้เราเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือปล่าวค่ะ


สำหรับเราน่ะค่ะ เราเคยฝึกเพื่อที่ต้องการอยากจะรู้ เพราะเราเข้าใจว่า
เพื่อเป็นการช่วยให้สัตว์ทั้งหลายได้หลุดพ้นจากความทุกข์
(เพราะเราได้ตั้งปณิธานกับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมไว้ เราเคยเขียนเล่าไว้ในเว็บนี้แล้วน่ะค่ะ
ว่าทำไมเราถึงตั้งปณิธานไว้ว่า เราจะขอช่วยสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากความทุกข์)
ทีนี้ก็มีท่านผู้รู้ให้คำแนะนำกับเรา (เราจำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ)

ตามที่เราเข้าใจน่ะค่ะ คือถ้าเราฝึกเพื่อความอยากรู้คือผิด ถ้าเราตั้งใจที่จะทำ
เพื่อสิ่งที่เราได้ตั้งปณิธานไว้ เราจะต้องสร้างสมบุญ-บารมีไว้เยอะๆซะก่อน
เราถึงจะไปช่วยผู้อื่นได้รวมทั้งตัวเราด้วย

เพราะฉนั้นถ้าการฝึกมโนมยิทธิ เพื่อที่เราจะได้รู้
คุณๆคิดว่าระหว่างการสะสมบุญ-บารมี กับการฝึกเพื่ออยากจะรู้
คุณคิดว่าจะทำอะไรก่อนค่ะ :b8:

บางสิ่งบางอย่าง เรามองว่าการสะสมบุญของแต่ล่ะคนไม่เหมือนกันน่ะ
เหมือนทุกๆคน........เราพูดไม่ค่อยถูกมีใครพอจะต่อได้มั๊ยค่ะ :b1:

เพราะเหตุที่ทุกคนสร้างมาไม่เหมือนกัน....


โพสต์ เมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 00:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เพราะฉนั้นถ้าการฝึกมโนมยิทธิ เพื่อที่เราจะได้รู้
คุณๆคิดว่าระหว่างการสะสมบุญ-บารมี กับการฝึกเพื่ออยากจะรู้
คุณคิดว่าจะทำอะไรก่อนค่ะ


เพื่ออยากจะรู้....ต้องมาก่อน...ไม่งั้นก็จะยังลังเลสงสัยร่ำไป...เมื่อยังสงสัยอยู่แล้วจะมีใจตั้งใว้ที่การสั่งสมบารมีได้อย่างไร?....ต้องรู้ก่อนว่าพระธรรมเป็นความจริงแท้

แม้ปากจะว่า....ไม่สงสัยในพระพุทธ..พระธรรม...ก็ตาม

แต่หากยังไม่เคยพบว่า...พระธรรมที่สอน ๆ มานั้น...แม้ข้อใดข้อหนึ่งด้วยตนว่าเป็นเรื่องจริงแล้ว....ความสงสัยไม่มีทางหาย

พบจริงแม้เพียงข้อเดียว...ก็จะหายสงสัยธรรมทั้งหลายของพระพุทธองค์...

เท่ากับทำลายสังโยชน์ข้อที่ 2 ลงอย่างราบคาบ

จะตั้งใจสะสมบารมีได้..ก็ต้องรู้ความจริงก่อน...รู้ว่ากรรมมีจริง...รู้ว่านรกสวรรค์มีจริง...รู้ว่าความพ้นทุกข์มีจริงได้...จึงมีความตั้งใจได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร