วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 16:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 35


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ตั้งแต่ดิฉัน ปฏิบัติธรรม เด่วนี้ร่างกายผอมเอาๆ เพราะ อารมณ์มีแต่ความไม่อยาก เพราะตั้งแต่วิปัสนาจนเห็นทุกข์ใน อริยะสัจสี่ ทำให้ ลดความอยากลง มองเห็นสังขารเป็นของไม่เที่ยง ดิฉันกินข้าวไม่เป็นเวลา จะกินก็ต่อเมื่อหิว ถ้าไม่หิวก็ไม่กิน กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ของสวยๆงามๆที่เคยชอบกลับมองเห็นเป็นของนอกกาย แต่งไปเพื่ออะไร แต่งเพื่อใคร เพราะถึงตอนสุดท้ายเราก็เอาของพวกนั้นติดตัวไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายเรามาแค่ตัวเปล่าเราก็ไปแค่ตัวเปล่าเหมือนตอนที่เราเกิดมา ดิฉันมองเห็นสัจธรรมความจริง จึงไม่เกิดความอยากรึโหยหาสิ่งใด ความสุขสร้างได้ด้วยใจ ดิฉันพอใจแค่นี้อยู่เพียงแค่นี้ แต่สิ่งที่ดิฉันขวนขวายคือ อริยทรัพย์ให้บุตรชายของตน เพื่อต่อไปภายภาคหน้า เค้าจะได้พึ่งตัวเองได้ มีสติปัญญาอยู่กับตัวแล้วเค้าก็จะเอาตัวรอดได้ โดยที่ดิฉันไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะความตายจะมาเยือนเราตอนไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดิฉันคิดถึงความตายวันละ 1-2ครั้ง ดิฉันมีสติเลยตั้งตนไม่อยู่ในความประมาท ถ้าเราจะตายจริงๆเราต้องวางใจได้ก่อนว่าเราไปอย่างไม่มีภาระอะไรที่ต้องห่วงแล้ว ชีวิตมนุษย์มีแค่นี้จริงๆ


:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 16:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขนมจีบซาลาเปา เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
มีใคร ถือศิล 8 บ้าง แล้ว เป็นไงบ้าง ครับ


ดิฉันเคยถือศีลแปดอยู่2-3 ปีค่ะ เหตุที่หยุดเพราะร่างกายไม่อำนวย ร่างกายขาดสารอาหารทำให้ป่วยบ่อย

ส่วนเหตุที่ถือศีล8 ตอนนั้น ดิฉันเห็นความสำคัญว่า ศีล8 จะช่วยให้ดิฉันฝึกในการลดละเลิก ได้ในหลายๆด้าน ในความเป็นผู้หญิง ก็ชอบแต่งตัวเป็นปกติ แต่ดิฉันต้องสมบูรณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อมาปฎิบัติธรรมเห็นว่าที่เป็นอยู่มันเยอะเกินไป แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว ที่ต้องสมบูรณ์ ดูเนี้ยบไปซะทุกสิ่ง..เลยเอาอุบายของศีลมากำกับตัวเอง..ผลที่ได้คือ..เดี๋ยวนี้ลดลงได้มาก เห็นเสื้อผ้าสวย ก็สวยดี แต่เฉยๆ ถ้าอยากจะซื้อ ก็ซื้อ แต่ไม่ซื้อก็ได้ การแต่งตัวก็แต่งตามกาลเทศะ จากเนี้ยบสุด ลดลงมาเป็นธรรมดา เพราะแต่งสวยแค่ไหนก็ตายเหมือนกัน แต่งดีแค่ไหนก็แ่ก่ได้เหมือนกัน แต่งงามแค่ไหนก็ป่วยได้เป็นปกติเหมือนกัน..เลยเฉยๆงั้นๆ..คือ แต่งตัวพอให้อยู่ในสังคมได้ เพื่อให้เราไม่เป็นตัวประหลาดในสังคม..แค่กลมกลืนไปกับสังคมได้...ศีลแปดถึอว่ามีคุณมาก สำหรับตัวเอง ทำให้ ลดละเลิกในเรื่องนี้ได้ ลดการยึดถือยึดมั่นในการแต่งตัวลงได้

เรื่องนอนก็เหมือนกัน แต่ก่อนนั้น ถ้าไม่นอนที่บ้านตัวเอง หรือไม่ได้นอนหมอนที่นิ่มพอ เตียงไม่นุ่มก็ จะนอนไม่หลับ ติดที่..พอมาถือศีล8 ทำให้กลายเป็นคนนอนง่าย นอนที่ไหนก็ได้ แต่ก่อน เหมือนคนเจ้ายศเจ้าอย่าง อันนี้ก็ไม่ได้ดูไม่สะอาด อันนี้ไม่กล้านอน อันนี้กลัวนอนแล้วมันจะสกปรก..เมื่อถือศีล 8 แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น อยู่ง่ายขึ้น กินง่ายอยู่ง่าย นอนไหนก็ได้ที่เค้าจัดให้ มันดูเปื้อนหน่อยก็ไม่เป็นไร เราถือว่า กายสกปรก เสื้อผ้าสกปรก ก็ทำความสะอาดได้ แต่ถ้าใจเราสกปรกแล้วทำความสะอาดได้ยาก..นี่คือผลดีทำให้ ลด ละ วาง ได้มากขึ้น

เรื่องกินก็เหมือนกัน ต้องกินแบบนั้นถึงจะกินได้ ต้องกินแบบนี้ถึงจะกินได้ พอถือศีล8 ใจเราห่วงศีลมากกว่าอย่างอื่น ทำให้เรื่องกินกลายเป็นเรื่องเล็กลงไป ทำให้เห็นปฎิกิริยาของกายในการทำงาน เห็นว่า เมื่อเราเกิดอาการอยากขึ้นมานั้น มันแค่เป็นอาการของน้ำลายมาออที่ปากเราเท่านั้น มันไม่ได้มีอาการอยากขึ้นมาเลย เป็นแค่ปฎิกิริยาทางกายที่แสดงออกมาและสัญญาที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราคิดว่าอาการที่น้ำลายมาออที่ปากนั้นนั่นคือความอยาก และเห็นว่า อาการที่แสดงออกมาว่ามีน้ำลายมาออที่ปากนั้นไม่ได้สัมพันธ์กับความหิวของร่างกายเลย..ทำให้เรากินเพื่ออยู่ได้ ไมไ่ด้อยู่เพื่อกิน..นี่แค่พูดธรรมดาในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัว ไม่ได้พูดเรื่องธรรมที่ได้กับการถือศีล 8 เลย..

มาเล่าให้ฟังเพื่อให้รู้ว่าศีล8 ก็มีคุณ ศีลทุกศีลมีคุณทั้งนั้น อยู่ที่มุมมองของคนว่าจะถือศีลไปเพื่ออะไร ส่วนตัวดิฉันถือศีล8 เพื่อเป็นอุบายในการลดความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องต่างๆ และก็ได้ผล และศีล8 มีคุณกับตัวเองเกี่ยวกับทางด้านธรรมนานับประการ..แต่แค่เขียนนิดหน่อยก็ยาวไปมากแล้ว..พอแค่นี้ดีกว่านะค่ะ :b8:


อย่างนี้ซิ เรียกว่า สนทนาธรมม

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 16:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ตั้งแต่ดิฉัน ปฏิบัติธรรม เด่วนี้ร่างกายผอมเอาๆ เพราะ อารมณ์มีแต่ความไม่อยาก เพราะตั้งแต่วิปัสนาจนเห็นทุกข์ใน อริยะสัจสี่ ทำให้ ลดความอยากลง มองเห็นสังขารเป็นของไม่เที่ยง ดิฉันกินข้าวไม่เป็นเวลา จะกินก็ต่อเมื่อหิว ถ้าไม่หิวก็ไม่กิน กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ของสวยๆงามๆที่เคยชอบกลับมองเห็นเป็นของนอกกาย แต่งไปเพื่ออะไร แต่งเพื่อใคร เพราะถึงตอนสุดท้ายเราก็เอาของพวกนั้นติดตัวไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายเรามาแค่ตัวเปล่าเราก็ไปแค่ตัวเปล่าเหมือนตอนที่เราเกิดมา ดิฉันมองเห็นสัจธรรมความจริง จึงไม่เกิดความอยากรึโหยหาสิ่งใด ความสุขสร้างได้ด้วยใจ ดิฉันพอใจแค่นี้อยู่เพียงแค่นี้ แต่สิ่งที่ดิฉันขวนขวายคือ อริยทรัพย์ให้บุตรชายของตน เพื่อต่อไปภายภาคหน้า เค้าจะได้พึ่งตัวเองได้ มีสติปัญญาอยู่กับตัวแล้วเค้าก็จะเอาตัวรอดได้ โดยที่ดิฉันไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะความตายจะมาเยือนเราตอนไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดิฉันคิดถึงความตายวันละ 1-2ครั้ง ดิฉันมีสติเลยตั้งตนไม่อยู่ในความประมาท ถ้าเราจะตายจริงๆเราต้องวางใจได้ก่อนว่าเราไปอย่างไม่มีภาระอะไรที่ต้องห่วงแล้ว ชีวิตมนุษย์มีแค่นี้จริงๆ


ขอเอ่ยคำโง่ๆหน่อยครับ
:b8: อีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ข้ามพ้นอีกขั้นแล้ว :b8:

ระวังความคิด...สร้างอัตตา
แล้วเข้าถึง ถึงมีในไม่มี ไม่มีในมี :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ตั้งแต่ดิฉัน ปฏิบัติธรรม เด่วนี้ร่างกายผอมเอาๆ เพราะ อารมณ์มีแต่ความไม่อยาก เพราะตั้งแต่วิปัสนาจนเห็นทุกข์ใน อริยะสัจสี่ ทำให้ ลดความอยากลง มองเห็นสังขารเป็นของไม่เที่ยง ดิฉันกินข้าวไม่เป็นเวลา จะกินก็ต่อเมื่อหิว ถ้าไม่หิวก็ไม่กิน กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ของสวยๆงามๆที่เคยชอบกลับมองเห็นเป็นของนอกกาย แต่งไปเพื่ออะไร แต่งเพื่อใคร เพราะถึงตอนสุดท้ายเราก็เอาของพวกนั้นติดตัวไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายเรามาแค่ตัวเปล่าเราก็ไปแค่ตัวเปล่าเหมือนตอนที่เราเกิดมา ดิฉันมองเห็นสัจธรรมความจริง จึงไม่เกิดความอยากรึโหยหาสิ่งใด ความสุขสร้างได้ด้วยใจ ดิฉันพอใจแค่นี้อยู่เพียงแค่นี้ แต่สิ่งที่ดิฉันขวนขวายคือ อริยทรัพย์ให้บุตรชายของตน เพื่อต่อไปภายภาคหน้า เค้าจะได้พึ่งตัวเองได้ มีสติปัญญาอยู่กับตัวแล้วเค้าก็จะเอาตัวรอดได้ โดยที่ดิฉันไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะความตายจะมาเยือนเราตอนไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดิฉันคิดถึงความตายวันละ 1-2ครั้ง ดิฉันมีสติเลยตั้งตนไม่อยู่ในความประมาท ถ้าเราจะตายจริงๆเราต้องวางใจได้ก่อนว่าเราไปอย่างไม่มีภาระอะไรที่ต้องห่วงแล้ว ชีวิตมนุษย์มีแค่นี้จริงๆ


ขอเอ่ยคำโง่ๆหน่อยครับ
:b8: อีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ข้ามพ้นอีกขั้นแล้ว :b8:

ระวังความคิด...สร้างอัตตา
แล้วเข้าถึง ถึงมีในไม่มี ไม่มีในมี :b8: :b8: :b8:

มานะทิฏฐินี่แหละเจ้าค่ะ ความคิดที่สร้างอัตตา ตัวนี้แหละเอาออกยากยิ่ง..ถ้ายังไม่ปลีกวิเวกก็ยังลดอัตตาไม่ได้มากเพราะ เหตุปัจจัยที่เป็นอยู่เจ้าค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 16:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ตั้งแต่ดิฉัน ปฏิบัติธรรม เด่วนี้ร่างกายผอมเอาๆ เพราะ อารมณ์มีแต่ความไม่อยาก เพราะตั้งแต่วิปัสนาจนเห็นทุกข์ใน อริยะสัจสี่ ทำให้ ลดความอยากลง มองเห็นสังขารเป็นของไม่เที่ยง ดิฉันกินข้าวไม่เป็นเวลา จะกินก็ต่อเมื่อหิว ถ้าไม่หิวก็ไม่กิน กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ของสวยๆงามๆที่เคยชอบกลับมองเห็นเป็นของนอกกาย แต่งไปเพื่ออะไร แต่งเพื่อใคร เพราะถึงตอนสุดท้ายเราก็เอาของพวกนั้นติดตัวไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายเรามาแค่ตัวเปล่าเราก็ไปแค่ตัวเปล่าเหมือนตอนที่เราเกิดมา ดิฉันมองเห็นสัจธรรมความจริง จึงไม่เกิดความอยากรึโหยหาสิ่งใด ความสุขสร้างได้ด้วยใจ ดิฉันพอใจแค่นี้อยู่เพียงแค่นี้ แต่สิ่งที่ดิฉันขวนขวายคือ อริยทรัพย์ให้บุตรชายของตน เพื่อต่อไปภายภาคหน้า เค้าจะได้พึ่งตัวเองได้ มีสติปัญญาอยู่กับตัวแล้วเค้าก็จะเอาตัวรอดได้ โดยที่ดิฉันไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะความตายจะมาเยือนเราตอนไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดิฉันคิดถึงความตายวันละ 1-2ครั้ง ดิฉันมีสติเลยตั้งตนไม่อยู่ในความประมาท ถ้าเราจะตายจริงๆเราต้องวางใจได้ก่อนว่าเราไปอย่างไม่มีภาระอะไรที่ต้องห่วงแล้ว ชีวิตมนุษย์มีแค่นี้จริงๆ


ขอเอ่ยคำโง่ๆหน่อยครับ
:b8: อีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ข้ามพ้นอีกขั้นแล้ว :b8:

ระวังความคิด...สร้างอัตตา
แล้วเข้าถึง ถึงมีในไม่มี ไม่มีในมี :b8: :b8: :b8:

มานะทิฏฐินี่แหละเจ้าค่ะ ความคิดที่สร้างอัตตา ตัวนี้แหละเอาออกยากยิ่ง..ถ้ายังไม่ปลีกวิเวกก็ยังลดอัตตาไม่ได้มากเพราะ เหตุปัจจัยที่เป็นอยู่เจ้าค่ะ :b8:


:b8: คงเป็นเช่นนั้นแล แต่อย่าลืม อนิจจัง อะไรๆมันก็ไม่แน่ หากเห็นว่าสิ่งนั้นแน่ ก็หมดเหตุที่จะเพียร :b8:

พอได้มั้ยเนี่ย :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2012, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขนมจีบซาลาเปา เขียน:
ศีลทุกศีลมีคุณทั้งนั้น อยู่ที่มุมมองของคนว่าจะถือศีลไปเพื่ออะไร ส่วนตัวดิฉันถือศีล8 เพื่อเป็นอุบายในการลดความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องต่างๆ

"ศีลเท่านั้นเป็นเลิศในโลก" ผู้มีปัญญามองเห็น "คุณของศีล"
ย่อมจะนำมาฝึกฝนอบรมตนเองอยู่เสมอ
.. :b4:
nongkong เขียน:

ดิฉันมีสติเลยตั้งตนไม่อยู่ในความประมาท ถ้าเราจะตายจริงๆเราต้องวางใจได้ก่อนว่าเราไปอย่างไม่มีภาระอะไรที่ต้องห่วงแล้ว ชีวิตมนุษย์มีแค่นี้จริงๆ

"ธรรมทั้งหลาย" ท่านรวมลงที่ "ความไม่ประมาท" นี่แหละ .. :b4:

ขอโมทนาครับ :b8: :b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 01:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีล............

ข้อ ๑. มีเมตตาไม่ฆ่า,ไม่เบียดเบียนทั้งคน,สัตว์ จนใจลดโทสะ:ความโกรธ, ความพยาบาทได้

ข้อ ๒. ไม่โขมย ไม่โกง ไม่หลอกลวงใครๆ จนใจลดโลภได้ เสียสละได้ กล้าให้ ยอมเสียเปรียบได้

ข้อ ๓. มีความสังวรในกาม ยินดีแต่ในคู่ครองของตน จนสามารถลดกามคุณทั้ง๕ได้

ข้อ ๔. สำรวมวาจา พูดแต่ความจริง มีสันชาติแห่งความเป็นคนตรง ทำผิดก็รีบแก้ใขไม่ปกปิด

ข้อ ๕. มีสติ ไม่ลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขทั้งหลายมีดื่มเหล้าเป็นต้น

ข้อ ๖. สำรวมในการบริโภค รู้ประมานในการกินแต่พอสมควร ไม่มากไม่เฟ้อ ไม่ตะกละกินตามอยาก

ข้อ ๗. สำรวมในการอยู่ ไม่ฟุ้งเฟ้อ หลงไปกับความสวย ความหอม ความไพเราะ ระวังกิริยา คำพูดให้เหมาะสม

ข้อ ๘. สำรวมใจไม่หลงไปกับความใหญ่โตโอ่อ่า หรูหรา พยายามใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถ มักน้อย สันโดด

ข้อ ๑๐. คือใช้ชีวิตอยู่ให้ได้โดยไม่สะสมเงินทอง ทำการงานขยันขันแข็ง
เมื่อมีรายได้กินใช้อย่าง ปราณิต ประหยัด ส่วนที่เหลือก็สละออกสู่สังคม

ถ้าอยากบรรลุธรรม ก็ทำในแต่ละข้อให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์
ท่านว่า ศีลพาให้ถึงนิพพาน ( สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ )

ใน กิมัตถิยสูตร อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ข้อ ๑ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดงอานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล คือ กุศลศีล ที่มีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้
๑๐ ประการ คือ

๑. ศีลที่เป็นกุศลมีอวิปปฏิสาร คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๒. ความไม่เดือดร้อนใจมีความปราโมทย์เป็นผล เป็นอานิสงส์
๓. ความปราโมทย์มีปีติเป็นผล เป็นอานิสงส์
๔. ปีติมีปัสสัทธิ คือความสงบใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๕. ปัสสัทธิ มีสุข คือความสุขใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๖. สุขมีสมาธิเป็นผล เป็นอานิสงส์
๗. สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็นจริงเป็นผล เป็นอานิสงส์
๘. ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาวิราคะ คือความหน่ายความคลายเป็นผล เป็นอานิสงส์
๙. นิพพิทาวิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่องหลุดพ้นเป็นผล เป็นอานิสงส์
๑๐. ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหันต์โดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้

จากคุณ : wic
เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:20:30

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
ศีล............

ข้อ ๑. มีเมตตาไม่ฆ่า,ไม่เบียดเบียนทั้งคน,สัตว์ จนใจลดโทสะ:ความโกรธ, ความพยาบาทได้

ข้อ ๒. ไม่โขมย ไม่โกง ไม่หลอกลวงใครๆ จนใจลดโลภได้ เสียสละได้ กล้าให้ ยอมเสียเปรียบได้

ข้อ ๓. มีความสังวรในกาม ยินดีแต่ในคู่ครองของตน จนสามารถลดกามคุณทั้ง๕ได้

ข้อ ๔. สำรวมวาจา พูดแต่ความจริง มีสันชาติแห่งความเป็นคนตรง ทำผิดก็รีบแก้ใขไม่ปกปิด

ข้อ ๕. มีสติ ไม่ลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขทั้งหลายมีดื่มเหล้าเป็นต้น

ข้อ ๖. สำรวมในการบริโภค รู้ประมานในการกินแต่พอสมควร ไม่มากไม่เฟ้อ ไม่ตะกละกินตามอยาก

ข้อ ๗. สำรวมในการอยู่ ไม่ฟุ้งเฟ้อ หลงไปกับความสวย ความหอม ความไพเราะ ระวังกิริยา คำพูดให้เหมาะสม

ข้อ ๘. สำรวมใจไม่หลงไปกับความใหญ่โตโอ่อ่า หรูหรา พยายามใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถ มักน้อย สันโดด

ข้อ ๑๐. คือใช้ชีวิตอยู่ให้ได้โดยไม่สะสมเงินทอง ทำการงานขยันขันแข็ง
เมื่อมีรายได้กินใช้อย่าง ปราณิต ประหยัด ส่วนที่เหลือก็สละออกสู่สังคม

ถ้าอยากบรรลุธรรม ก็ทำในแต่ละข้อให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์
ท่านว่า ศีลพาให้ถึงนิพพาน ( สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ )

ใน กิมัตถิยสูตร อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ข้อ ๑ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดงอานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล คือ กุศลศีล ที่มีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้
๑๐ ประการ คือ

๑. ศีลที่เป็นกุศลมีอวิปปฏิสาร คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๒. ความไม่เดือดร้อนใจมีความปราโมทย์เป็นผล เป็นอานิสงส์
๓. ความปราโมทย์มีปีติเป็นผล เป็นอานิสงส์
๔. ปีติมีปัสสัทธิ คือความสงบใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๕. ปัสสัทธิ มีสุข คือความสุขใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๖. สุขมีสมาธิเป็นผล เป็นอานิสงส์
๗. สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็นจริงเป็นผล เป็นอานิสงส์
๘. ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาวิราคะ คือความหน่ายความคลายเป็นผล เป็นอานิสงส์
๙. นิพพิทาวิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่องหลุดพ้นเป็นผล เป็นอานิสงส์
๑๐. ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหันต์โดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้

จากคุณ : wic
เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:20:30



มันเป็นเช่นนี้เอง :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 14:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
"ศีล 5 โสดาบัน"
"อาจทะลุปรุข้ามชั้น สกิทา อนาคา"

"ศีล 5 เป็นบาทฐาน ส่งจิตมั่นเจริญธรรม"
"เมื่อนั่งประกอบกรรม ปัฏฐาน 4 ย่อมดีเอง"

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 16:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
"ศีล 5 โสดาบัน"
"อาจทะลุปรุข้ามชั้น สกิทา อนาคา"

"ศีล 5 เป็นบาทฐาน ส่งจิตมั่นเจริญธรรม"
"เมื่อนั่งประกอบกรรม ปัฏฐาน 4 ย่อมดีเอง"

:b12:

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 04:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขนมจีบซาลาเปา เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
มีใคร ถือศิล 8 บ้าง แล้ว เป็นไงบ้าง ครับ


ดิฉันเคยถือศีลแปดอยู่2-3 ปีค่ะ เหตุที่หยุดเพราะร่างกายไม่อำนวย ร่างกายขาดสารอาหารทำให้ป่วยบ่อย

ส่วนเหตุที่ถือศีล8 ตอนนั้น ดิฉันเห็นความสำคัญว่า ศีล8 จะช่วยให้ดิฉันฝึกในการลดละเลิก ได้ในหลายๆด้าน ในความเป็นผู้หญิง ก็ชอบแต่งตัวเป็นปกติ แต่ดิฉันต้องสมบูรณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อมาปฎิบัติธรรมเห็นว่าที่เป็นอยู่มันเยอะเกินไป แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว ที่ต้องสมบูรณ์ ดูเนี้ยบไปซะทุกสิ่ง..เลยเอาอุบายของศีลมากำกับตัวเอง..ผลที่ได้คือ..เดี๋ยวนี้ลดลงได้มาก เห็นเสื้อผ้าสวย ก็สวยดี แต่เฉยๆ ถ้าอยากจะซื้อ ก็ซื้อ แต่ไม่ซื้อก็ได้ การแต่งตัวก็แต่งตามกาลเทศะ จากเนี้ยบสุด ลดลงมาเป็นธรรมดา เพราะแต่งสวยแค่ไหนก็ตายเหมือนกัน แต่งดีแค่ไหนก็แ่ก่ได้เหมือนกัน แต่งงามแค่ไหนก็ป่วยได้เป็นปกติเหมือนกัน..เลยเฉยๆงั้นๆ..คือ แต่งตัวพอให้อยู่ในสังคมได้ เพื่อให้เราไม่เป็นตัวประหลาดในสังคม..แค่กลมกลืนไปกับสังคมได้...ศีลแปดถึอว่ามีคุณมาก สำหรับตัวเอง ทำให้ ลดละเลิกในเรื่องนี้ได้ ลดการยึดถือยึดมั่นในการแต่งตัวลงได้

เรื่องนอนก็เหมือนกัน แต่ก่อนนั้น ถ้าไม่นอนที่บ้านตัวเอง หรือไม่ได้นอนหมอนที่นิ่มพอ เตียงไม่นุ่มก็ จะนอนไม่หลับ ติดที่..พอมาถือศีล8 ทำให้กลายเป็นคนนอนง่าย นอนที่ไหนก็ได้ แต่ก่อน เหมือนคนเจ้ายศเจ้าอย่าง อันนี้ก็ไม่ได้ดูไม่สะอาด อันนี้ไม่กล้านอน อันนี้กลัวนอนแล้วมันจะสกปรก..เมื่อถือศีล 8 แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น อยู่ง่ายขึ้น กินง่ายอยู่ง่าย นอนไหนก็ได้ที่เค้าจัดให้ มันดูเปื้อนหน่อยก็ไม่เป็นไร เราถือว่า กายสกปรก เสื้อผ้าสกปรก ก็ทำความสะอาดได้ แต่ถ้าใจเราสกปรกแล้วทำความสะอาดได้ยาก..นี่คือผลดีทำให้ ลด ละ วาง ได้มากขึ้น

เรื่องกินก็เหมือนกัน ต้องกินแบบนั้นถึงจะกินได้ ต้องกินแบบนี้ถึงจะกินได้ พอถือศีล8 ใจเราห่วงศีลมากกว่าอย่างอื่น ทำให้เรื่องกินกลายเป็นเรื่องเล็กลงไป ทำให้เห็นปฎิกิริยาของกายในการทำงาน เห็นว่า เมื่อเราเกิดอาการอยากขึ้นมานั้น มันแค่เป็นอาการของน้ำลายมาออที่ปากเราเท่านั้น มันไม่ได้มีอาการอยากขึ้นมาเลย เป็นแค่ปฎิกิริยาทางกายที่แสดงออกมาและสัญญาที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราคิดว่าอาการที่น้ำลายมาออที่ปากนั้นนั่นคือความอยาก และเห็นว่า อาการที่แสดงออกมาว่ามีน้ำลายมาออที่ปากนั้นไม่ได้สัมพันธ์กับความหิวของร่างกายเลย..ทำให้เรากินเพื่ออยู่ได้ ไมไ่ด้อยู่เพื่อกิน..นี่แค่พูดธรรมดาในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัว ไม่ได้พูดเรื่องธรรมที่ได้กับการถือศีล 8 เลย..

มาเล่าให้ฟังเพื่อให้รู้ว่าศีล8 ก็มีคุณ ศีลทุกศีลมีคุณทั้งนั้น อยู่ที่มุมมองของคนว่าจะถือศีลไปเพื่ออะไร ส่วนตัวดิฉันถือศีล8 เพื่อเป็นอุบายในการลดความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องต่างๆ และก็ได้ผล และศีล8 มีคุณกับตัวเองเกี่ยวกับทางด้านธรรมนานับประการ..แต่แค่เขียนนิดหน่อยก็ยาวไปมากแล้ว..พอแค่นี้ดีกว่านะค่ะ :b8:

อย่างนี้ซิ เรียกว่า สนทนาธรมม
:b8: :b8: :b8:

ไม่ใช่ครับ ผู้พูดไม่ได้สนทนาธรรม ผู้พูดกำลังหลงครับ
กำลังเอากิเลสตัวเองออกมาอวดชาวบ้านครับ กรรมใดถ้ากระทำแล้ว
เกิดกุศลขึ้นที่ใจก็เก็บมันไว้ที่ใจ ถ้าเมื่อใดเอากุศลที่ได้มาอวดชาวบ้าน
กุศลก็จะกลายเป็นอกุศลในทันที

ผมถึงได้บอกไงครับว่า มันไม่ใช่การสนทนาธรรม มันก็แค่การยกยอตัวเอง
อวยตัวเอง เพราะขาดสติยังคิดในเรื่องของวาจา

ผมเคยมีเพื่อนหญิงอยู่คนพูดจาเป็นต่อยหอย รู้ดีรู้สารพัดเรื่อง
มีอยู่วันแกนึกอะไรของแกก็ไม่รู้ ไปบวชชีพราหมณ์ ลักษณะเปี๊ยนไป๋
พูดจายานคาง ค่อยๆเดิน ถามสองคำตอบหนึ่งคำ แกบวชอยู่สิบกว่าวัน
หลังจากสึกแล้วนี่ซิครับ โอ่โหเห่ะ! คุยโขมงโฉงเฉงว่า ตัวเองดีแล้วเลิศแล้ว
ถือศีลแปดมาง่ายๆทำไม่ยาก
ที่ไหนได้ กำลังเก็บตังค์ ไปเสริมจมูก สักคิ้วถาวร เห็นชาวบ้านไปเที่ยวเกาหลี
ก็อยากไป เห็นคนอื่นมีไอโฟน รุ่นใหม่ก็อยากมี

อย่าคิดมากกันนะครับ ผมก็เอากิเลสของผมมาพูดเหมือนกัน
คือชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านครับ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 06:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขนมจีบซาลาเปา เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
มีใคร ถือศิล 8 บ้าง แล้ว เป็นไงบ้าง ครับ


ดิฉันเคยถือศีลแปดอยู่2-3 ปีค่ะ เหตุที่หยุดเพราะร่างกายไม่อำนวย ร่างกายขาดสารอาหารทำให้ป่วยบ่อย

ส่วนเหตุที่ถือศีล8 ตอนนั้น ดิฉันเห็นความสำคัญว่า ศีล8 จะช่วยให้ดิฉันฝึกในการลดละเลิก ได้ในหลายๆด้าน ในความเป็นผู้หญิง ก็ชอบแต่งตัวเป็นปกติ แต่ดิฉันต้องสมบูรณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อมาปฎิบัติธรรมเห็นว่าที่เป็นอยู่มันเยอะเกินไป แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว ที่ต้องสมบูรณ์ ดูเนี้ยบไปซะทุกสิ่ง..เลยเอาอุบายของศีลมากำกับตัวเอง..ผลที่ได้คือ..เดี๋ยวนี้ลดลงได้มาก เห็นเสื้อผ้าสวย ก็สวยดี แต่เฉยๆ ถ้าอยากจะซื้อ ก็ซื้อ แต่ไม่ซื้อก็ได้ การแต่งตัวก็แต่งตามกาลเทศะ จากเนี้ยบสุด ลดลงมาเป็นธรรมดา เพราะแต่งสวยแค่ไหนก็ตายเหมือนกัน แต่งดีแค่ไหนก็แ่ก่ได้เหมือนกัน แต่งงามแค่ไหนก็ป่วยได้เป็นปกติเหมือนกัน..เลยเฉยๆงั้นๆ..คือ แต่งตัวพอให้อยู่ในสังคมได้ เพื่อให้เราไม่เป็นตัวประหลาดในสังคม..แค่กลมกลืนไปกับสังคมได้...ศีลแปดถึอว่ามีคุณมาก สำหรับตัวเอง ทำให้ ลดละเลิกในเรื่องนี้ได้ ลดการยึดถือยึดมั่นในการแต่งตัวลงได้

เรื่องนอนก็เหมือนกัน แต่ก่อนนั้น ถ้าไม่นอนที่บ้านตัวเอง หรือไม่ได้นอนหมอนที่นิ่มพอ เตียงไม่นุ่มก็ จะนอนไม่หลับ ติดที่..พอมาถือศีล8 ทำให้กลายเป็นคนนอนง่าย นอนที่ไหนก็ได้ แต่ก่อน เหมือนคนเจ้ายศเจ้าอย่าง อันนี้ก็ไม่ได้ดูไม่สะอาด อันนี้ไม่กล้านอน อันนี้กลัวนอนแล้วมันจะสกปรก..เมื่อถือศีล 8 แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น อยู่ง่ายขึ้น กินง่ายอยู่ง่าย นอนไหนก็ได้ที่เค้าจัดให้ มันดูเปื้อนหน่อยก็ไม่เป็นไร เราถือว่า กายสกปรก เสื้อผ้าสกปรก ก็ทำความสะอาดได้ แต่ถ้าใจเราสกปรกแล้วทำความสะอาดได้ยาก..นี่คือผลดีทำให้ ลด ละ วาง ได้มากขึ้น

เรื่องกินก็เหมือนกัน ต้องกินแบบนั้นถึงจะกินได้ ต้องกินแบบนี้ถึงจะกินได้ พอถือศีล8 ใจเราห่วงศีลมากกว่าอย่างอื่น ทำให้เรื่องกินกลายเป็นเรื่องเล็กลงไป ทำให้เห็นปฎิกิริยาของกายในการทำงาน เห็นว่า เมื่อเราเกิดอาการอยากขึ้นมานั้น มันแค่เป็นอาการของน้ำลายมาออที่ปากเราเท่านั้น มันไม่ได้มีอาการอยากขึ้นมาเลย เป็นแค่ปฎิกิริยาทางกายที่แสดงออกมาและสัญญาที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราคิดว่าอาการที่น้ำลายมาออที่ปากนั้นนั่นคือความอยาก และเห็นว่า อาการที่แสดงออกมาว่ามีน้ำลายมาออที่ปากนั้นไม่ได้สัมพันธ์กับความหิวของร่างกายเลย..ทำให้เรากินเพื่ออยู่ได้ ไมไ่ด้อยู่เพื่อกิน..นี่แค่พูดธรรมดาในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัว ไม่ได้พูดเรื่องธรรมที่ได้กับการถือศีล 8 เลย..

มาเล่าให้ฟังเพื่อให้รู้ว่าศีล8 ก็มีคุณ ศีลทุกศีลมีคุณทั้งนั้น อยู่ที่มุมมองของคนว่าจะถือศีลไปเพื่ออะไร ส่วนตัวดิฉันถือศีล8 เพื่อเป็นอุบายในการลดความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องต่างๆ และก็ได้ผล และศีล8 มีคุณกับตัวเองเกี่ยวกับทางด้านธรรมนานับประการ..แต่แค่เขียนนิดหน่อยก็ยาวไปมากแล้ว..พอแค่นี้ดีกว่านะค่ะ :b8:

อย่างนี้ซิ เรียกว่า สนทนาธรมม
:b8: :b8: :b8:

ไม่ใช่ครับ ผู้พูดไม่ได้สนทนาธรรม ผู้พูดกำลังหลงครับ
กำลังเอากิเลสตัวเองออกมาอวดชาวบ้านครับ กรรมใดถ้ากระทำแล้ว
เกิดกุศลขึ้นที่ใจก็เก็บมันไว้ที่ใจ ถ้าเมื่อใดเอากุศลที่ได้มาอวดชาวบ้าน
กุศลก็จะกลายเป็นอกุศลในทันที

ผมถึงได้บอกไงครับว่า มันไม่ใช่การสนทนาธรรม มันก็แค่การยกยอตัวเอง
อวยตัวเอง เพราะขาดสติยังคิดในเรื่องของวาจา

ผมเคยมีเพื่อนหญิงอยู่คนพูดจาเป็นต่อยหอย รู้ดีรู้สารพัดเรื่อง
มีอยู่วันแกนึกอะไรของแกก็ไม่รู้ ไปบวชชีพราหมณ์ ลักษณะเปี๊ยนไป๋
พูดจายานคาง ค่อยๆเดิน ถามสองคำตอบหนึ่งคำ แกบวชอยู่สิบกว่าวัน
หลังจากสึกแล้วนี่ซิครับ โอ่โหเห่ะ! คุยโขมงโฉงเฉงว่า ตัวเองดีแล้วเลิศแล้ว
ถือศีลแปดมาง่ายๆทำไม่ยาก
ที่ไหนได้ กำลังเก็บตังค์ ไปเสริมจมูก สักคิ้วถาวร เห็นชาวบ้านไปเที่ยวเกาหลี
ก็อยากไป เห็นคนอื่นมีไอโฟน รุ่นใหม่ก็อยากมี

อย่าคิดมากกันนะครับ ผมก็เอากิเลสของผมมาพูดเหมือนกัน
คือชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านครับ :b9:



ผมว่า ทุกอย่างมันมี ทั้ง ประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ใน 1 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอ ปัญญา(โลกีย์)จะช่วยให้เราเลือกสิ่งที่มีประโยชน์มาใช้ ที่ไม่มีประโยชน์ เอามาพิจารณา แล้วทิ้งไปจากนั้น ปัญญา (ธรรม) ก็จะช่วยให้จิตใจปล่อยวางสิ่งที่มีประโยชน์นั้นอีกที่ หรือ .....

พูดไปได้ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณฝึกจิต อ่านของคุณขนมจีบซาลาเปาแล้วเลือกเก็บเอาทองไป

คุณโฮฮับ อ่านข ??องคุณขนมจีบซาลาเปาแล้วเลือกเก็บเอา ? ? ไป

แล้วคุณคิดว่าผมจะเก็บเอาอะไรไป

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
คุณฝึกจิต อ่านของคุณขนมจีบซาลาเปาแล้วเลือกเก็บเอาทองไป

คุณโฮฮับ อ่านข ??องคุณขนมจีบซาลาเปาแล้วเลือกเก็บเอา ? ? ไป

แล้วคุณคิดว่าผมจะเก็บเอาอะไรไป

เก็บศพเหมือนพวกร่วมกตัญญูหรือเปล่าครับ
เห็นใต้ชื่อเขียนพวกอาสาสมัคร :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ


บางท่าน..ทำเพราะอยากได้...เตรียมใว้รองรับสภาวะอันนั้น

บางท่าน...ทำเพราะสภาวะอันนั้นขับดัน...ไม่ทำแล้วอยู่ไม่สุข


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร