วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 14:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นพฤติกรรมของนายโฮแล้วนึกพฤติกรรมของหมาบ้า

คือ ช่วงหน้าร้อนระหว่างเดือน มี.ค.- พ.ค. ซึ่งอากาศร้อนจัด ใครที่ขับรถออกต่างจังหวัดจะเห็นสุนัขหรือหมาบ้าวิ่งต๊อกๆๆอยู่ตามข้างๆถนน ถ.บางนาตราดจะเห็นบ่อยๆ จะวิ่งหางตกน้ำลายไหลยืด :b1: (มีอาการหอบแดด) แมลงวี่แมลงวันบินผ่านมันจะไล่กัดไล่งับๆ :b9: เห็นอะไรขวางหน้าขวางตาจะยืนมองตาขวางแสดงอาการไม่เป็นมิตร :b14: แม้แต่เงาตัวเองในน้ำก็ไม่ไว้ใจนึกว่าหมาตัวอื่นจะมาทำร้าย จึงกระโจนลงน้ำกัไปดกับเงาตัวเองฉันใด

นายโฮก็ฉันนั้น กลายเป็นคนบ้าประจำบอร์ด แสดงพฤติกรรมดังหมาบ้าข้างถนนนั่น :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นพฤติกรรมของนายโฮแล้วนึกพฤติกรรมของหมาบ้า

คือ ช่วงหน้าร้อนระหว่างเดือน มี.ค.- พ.ค. ซึ่งอากาศร้อนจัด ใครที่ขับรถออกต่างจังหวัดจะเห็นสุนัขหรือหมาบ้าวิ่งต๊อกๆๆอยู่ตามข้างๆถนนบ่อยๆ ถ.บางนาตราดจะเห็นบ่อย วิ่งหางตกน้ำลายไหลยืด :b1: (มีอาการหอบแดด) แมลงวี่แมลงวันบินผ่านมันจะไล่กัดไล่งับๆ :b9: เห็นอะไรขวางหน้าขวางตาจะยืนมองตาขวางแสดงอาการไม่เป็นมิตร :b14: แม้แต่เงาตัวเองในน้ำก็ไม่ไว้ใจนึกว่าหมาตัวอื่นจะมาทำร้าย จึงกระโจนลงน้ำกัไปดกับเงาตัวเองฉันใด

นายโฮก็ฉันนั้น กลายเป็นคนบ้าประจำบอร์ด แสดงพฤติกรรมดังหมาบ้าข้างถนนนั่น :b14:


ในนี้มีอยู่สองสามตัว แต่ไม่ใช่โฮฮับหรอก

:b13:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 18:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กระผม ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด แย้ว s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
asoka เขียน:
เมื่อตาเห็นรูป ก็รู้ว่า ตาเห็นรูป
เมื่อหูได้ยินเสียง ก็รู้ว่า หูได้ยินเสียง
เมื่อจิตคิดนึก ก็รู้ว่า จิตคิดนึก
เมื่อใจหงุดหงิด ก็รู้ว่าใจหงุดหงิด
เมื่อจิตรู้ ก็รู้ว่าจิตรู้
เมื่อจิตยึด ก็รู้ว่าจิตยึด
เมื่อจิตปล่อย ก็รู้ว่าจิตปล่อย


asoka เขียน:
สภาวะรู้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ไปมีความเห็นต่อสิ่งต่างๆว่าเป็นแบบโน้นแบบนี้


ขอสอดความเห็นของท่าน อโสกะ หน่อยเจ้าค่ะ ดิฉันว่าความเห็นท่านมันแม่งๆพึลึกเป็นเชิงทฤษฏี ซึ่งดิฉันฟังมาบ่อยแล้วประโยคแบบนั้น มันก็เหมือนเดิมคล้ายๆกันหมดกับธรรมที่ท่านเคยบอกแต่เวลาปฏิบัติจริงมันยังใช้ไม่ได้นะเจ้าค่ะ เพราะอินทรีย์ยังไม่แกร่งพอ ดิฉันเลยต้องถามวิธีปฏิบัติจากท่าน เช่นนั้น และท่านโฮ เพื่อไม่ให้หลง ไอ้ จิตรู้ ก็รู้ว่าจิตรู้ หูได้ยินก็รู้ว่าหูได้ยิน จมูกได้กลิ่นก็รู้ จมุกได้กลิ่น แล้วปฏิกิริยาต่อ รุป นาม ที่มากระทบกับธาตุขันธ์นี่หละเจ้าค่ะ ไม่เห็นบอกวิธีปฏิบัติบ้าง ระดับ อนาคามี และพระอรหันต์ จะไม่เกิดอุปทานขันธ์ต่อ รูป นาม แล้วอย่างเราๆละ ท่านลองไปเอา ขี้หมา มากองไว้ ใกล้ๆกับจานข้าวท่านดูไหมเจ้าค่ะ เอาแบบใหม่ๆสดๆ กลิ่นกำลังดี แล้วมาวางไว้ใกล้ๆจานข้าวท่าน แล้วท่านก็กินข้าวโดยที่เห็น ก้อนขี้หมานั้น ท่านจะ กิน ข้าวลงไหม ลองนึกดู จมุกได้กลิ่น ก็รู้ว่าจมุกได้กลิ่น ตาเห็นก็รู้ว่าตาเห็น จิตรู้ก็รุ้ว่าจิตรู้ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละหลังจากจิตท่านรู้สภาวะตามความเป็นจริงไม่ใช่ไปมีความเห็นต่อสิ่งต่างๆว่าเป็นแบบโน้นแบบนี้ :b32:

:b12:
สวัสดี nongkong เผลอแป๊ปเดียวเขาไปกันไกลถึงหน้า 19 แล้ว ขออภัยที่มาช้า
ทั้งหมดที่น้องสงสัย คำตอบมันอยู่ที่บันทัดสุดท้ายที่น้องไม่ได้ยกมาด้วยไงครับ

:b27:
ทุกเรื่องเกิดขึ้นให้รู้แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา แม้จิตตัวรู้ เมื่อหมดงาน หมดเหตุหรือปัจจัย ก็ดับไป
onion
ความเกิดขึ้น ดับไป นั่นแหละคือที่สุดของสภาวธรรมตามความเป็นจริง คุณnongkongอยากจะให้มีความรู้อะไรที่เกินเลยพิสดารกว่านี้ไปอีก

เมื่อสติ ปัญญารู้เห็นที่สุดของทุกสภาวธรรมว่ามีแต่ เกิด - ดับ อย่างนี้ มิช้ามินานความเบื่อหน่ายคลายจางความละวางและสลัดคืนเขาจะเกิดเป็นผลตามมาเอง ธรรมะภาคปฏิบั้ติต้องการเพียงแค่นี้ คุณnongkong
จะเอาอะไรมากกว่านี้หรือครับ ระวังจะจมลงในบัญญัติที่ลึกล้ำพิสดารอย่างที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี้ มันเป็นความรู้เพื่อคุยอวดแสดงภูมิธรรมภูมิรู้กันเสียเป็นส่วนใหญ่

cool
ธรรมะที่จำเป็นต้องรู้เพื่อการปฏิบัติจริงให้ลุถึงมรรค ผล นิพพานนั้นมีนิดเดียว และเวลาลงมือปฏิบัติภาวนาจริงๆ ความรู้ภาคทฤษฎีอันวิจิตรพิสดารทั้งหมดที่มีอยู่ในสัญญาต้องเอากองไว้ไม่เอามายุ่ง มีแต่สติกับปัญญาจับรู้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ไปด้วยความสังเกตอันเฉียบคมและละเอียดอ่อน ทำตัวให้เป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี สังเกตกระบวนการทำงานของกายและจิตไปจนสุดสาย ในที่สุดคำตอบเขาจะเกิดขึ้นมาเองในใจโดยธรรม
onion
ขออภัยท่านที่กำลังคุยกันมันๆมาถึงหน้า 19 นี้ด้วยครับ ขอแทรกนิดหนึ่งครับ
:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 12 พ.ค. 2012, 20:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เพิ่งรู้ว่า วิธีการนั่งกรรมฐานที่ดิฉันปฏิบัติอยู่คือ แบบ สุขวิปัสสโก มีที่ไหนจัดการแข่งขัน นั่งกรรมฐานแบบยอดคนทนทายาทม่ะ แบบนั่งทั้งวันไม่ต้องกินข้าว เผื่อจะลองไปลงแข่ง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
asoka เขียน:
เมื่อตาเห็นรูป ก็รู้ว่า ตาเห็นรูป
เมื่อหูได้ยินเสียง ก็รู้ว่า หูได้ยินเสียง
เมื่อจิตคิดนึก ก็รู้ว่า จิตคิดนึก
เมื่อใจหงุดหงิด ก็รู้ว่าใจหงุดหงิด
เมื่อจิตรู้ ก็รู้ว่าจิตรู้
เมื่อจิตยึด ก็รู้ว่าจิตยึด
เมื่อจิตปล่อย ก็รู้ว่าจิตปล่อย


asoka เขียน:
สภาวะรู้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ไปมีความเห็นต่อสิ่งต่างๆว่าเป็นแบบโน้นแบบนี้


ขอสอดความเห็นของท่าน อโสกะ หน่อยเจ้าค่ะ ดิฉันว่าความเห็นท่านมันแม่งๆพึลึกเป็นเชิงทฤษฏี ซึ่งดิฉันฟังมาบ่อยแล้วประโยคแบบนั้น มันก็เหมือนเดิมคล้ายๆกันหมดกับธรรมที่ท่านเคยบอกแต่เวลาปฏิบัติจริงมันยังใช้ไม่ได้นะเจ้าค่ะ เพราะอินทรีย์ยังไม่แกร่งพอ ดิฉันเลยต้องถามวิธีปฏิบัติจากท่าน เช่นนั้น และท่านโฮ เพื่อไม่ให้หลง ไอ้ จิตรู้ ก็รู้ว่าจิตรู้ หูได้ยินก็รู้ว่าหูได้ยิน จมูกได้กลิ่นก็รู้ จมุกได้กลิ่น แล้วปฏิกิริยาต่อ รุป นาม ที่มากระทบกับธาตุขันธ์นี่หละเจ้าค่ะ ไม่เห็นบอกวิธีปฏิบัติบ้าง ระดับ อนาคามี และพระอรหันต์ จะไม่เกิดอุปทานขันธ์ต่อ รูป นาม แล้วอย่างเราๆละ ท่านลองไปเอา ขี้หมา มากองไว้ ใกล้ๆกับจานข้าวท่านดูไหมเจ้าค่ะ เอาแบบใหม่ๆสดๆ กลิ่นกำลังดี แล้วมาวางไว้ใกล้ๆจานข้าวท่าน แล้วท่านก็กินข้าวโดยที่เห็น ก้อนขี้หมานั้น ท่านจะ กิน ข้าวลงไหม ลองนึกดู จมุกได้กลิ่น ก็รู้ว่าจมุกได้กลิ่น ตาเห็นก็รู้ว่าตาเห็น จิตรู้ก็รุ้ว่าจิตรู้ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละหลังจากจิตท่านรู้สภาวะตามความเป็นจริงไม่ใช่ไปมีความเห็นต่อสิ่งต่างๆว่าเป็นแบบโน้นแบบนี้ :b32:

:b12:
สวัสดี nongkong เผลอแป๊ปเดียวเขาไปกันไกลถึงหน้า 19 แล้ว ขออภัยที่มาช้า
ทั้งหมดที่น้องสงสัย คำตอบมันอยู่ที่บันทัดสุดท้ายที่น้องไม่ได้ยกมาด้วยไงครับ
:b27:

ช่ายเจ้าค่ะ อุปทานขันธ์มันเกิด เพราะจิตเราไปจับเอา นาม รูป มาปรุงแต่ง จิต มัน เกิด ดับ รวดเร็ว มากเจ้าค่า ต่อให้คน อินทรีสำรวมแล้วแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ระดับอนาคามี จิตจะแล่นไปที่โซนประสาทปรุงแต่งอย่างรวดเร็ว เหมือน ไปงาน มอเตอร์โชว์ มีพริตตี้ สาวสวยๆเยอะแยะเต็มไปหมด ถามว่า ท่านคิดจะไปดูรถ แต่พอไปถึงจริงๆ กลับกลายเป็นว่าสนใจพริตตี้ มากกว่ารถเสียอีก :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:





หากนั่งวิปัสนา กรรมฐาน แล้วปัญญาทราม ขาดสติ เป็นบ้า วิตถารเยี่ยงนี้ เลิกเหอะ ทุเรศลูกตา

ฮาเจ้าม่ะฆ่ะ :b13:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลงซะ เขียน:
กรัชกาย เขียน:





หากนั่งวิปัสนา กรรมฐาน แล้วปัญญาทราม ขาดสติ เป็นบ้า วิตถารเยี่ยงนี้ เลิกเหอะ ทุเรศลูกตา

ฮาเจ้าม่ะฆ่ะ :b13:

น่าจะเอา กรรมฐาน เตะก้านคอ มา vsกะ กรรมฐาน เวอชั่นนี้นะ คงฮาได้อีก :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นพฤติกรรมของนายโฮแล้วนึกพฤติกรรมของหมาบ้า

คือ ช่วงหน้าร้อนระหว่างเดือน มี.ค.- พ.ค. ซึ่งอากาศร้อนจัด ใครที่ขับรถออกต่างจังหวัดจะเห็นสุนัขหรือหมาบ้าวิ่งต๊อกๆๆอยู่ตามข้างๆถนน ถ.บางนาตราดจะเห็นบ่อยๆ จะวิ่งหางตกน้ำลายไหลยืด :b1: (มีอาการหอบแดด) แมลงวี่แมลงวันบินผ่านมันจะไล่กัดไล่งับๆ :b9: เห็นอะไรขวางหน้าขวางตาจะยืนมองตาขวางแสดงอาการไม่เป็นมิตร :b14: แม้แต่เงาตัวเองในน้ำก็ไม่ไว้ใจนึกว่าหมาตัวอื่นจะมาทำร้าย จึงกระโจนลงน้ำกัไปดกับเงาตัวเองฉันใด

นายโฮก็ฉันนั้น กลายเป็นคนบ้าประจำบอร์ด แสดงพฤติกรรมดังหมาบ้าข้างถนนนั่น :b14:

ลุงกรัชกาย พฤติกรรมหมาบ้า เรายังรู้นะว่าเป็นหมาบ้าเรายังสามารถระวังตัวได้ แต่หมาไม่บ้าหมาเงียบๆพอได้ทีก็แว้งกัดเรานี่สิเจ้าค่ะ หมาลอบกัดคุนน้องเจอบ่อยเจ้าค่ะ เพราะคุณน้องโดนกัดบ่อย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลงซะ เขียน:
ในนี้มีอยู่สองสามตัว แต่ไม่ใช่โฮฮับหรอก



อ้าวมีสองสามตัวหรอ ไม่ทันมอง เดินตามมาอีกสองตัว เป็นตัวเมียตัว ตัวผู้อีกตัว เป็นสามตัวจริงๆ :b17:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สังโยชน์ 10....

สักกายทิฏฐิ..เห็นให้จริงข้อเดียว....ข้ออื่น ๆ ก็ไม่เหลือ
rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปลงซะ เขียน:
ในนี้มีอยู่สองสามตัว แต่ไม่ใช่โฮฮับหรอก



อ้าวมีสองสามตัวหรอ ไม่ทันมอง เดินตามมาอีกสองตัว เป็นตัวเมียตัว ตัวผู้อีกตัว เป็นสามตัวจริงๆ :b17:

ระวังเหอะเจ้าค่ะ ระวังชาติหน้าจะได้เป็นหมาสมใจนะเจ้าค่ะ ลุงกรัชกายแล้วจะหาว่าคุณน้องไม่เตือน เพราะวจีทุจริตของลุงที่ชอบไปส่อเสียดท่านพี่โฮฮับ กล่าวหาคนอื่นเป็นหมาบ้า ถามหน่อยท่านโฮเค้าสนทนาธรรมกับผู้อื่นอยู่ แล้วผัสสะของลุงจะปรุงแต่งไปในทางอกุศลทำไม ลุงรู้ตัวมั้ยว่าพฤติกรรมของลุงมันเสื่อม เป็นถึงสมาชิกไร้ระดับ ไม่สำรวมทำตัวไม่น่าเคารพนับถือ บอกได้คำเดียว ทุเรศ :b24:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาจองที่นั่ง....ชมสักกายทิฏฐิ...

ท่านขนมจีบ...ก็ว่าไปแล้ว...

คงจะมีคนมาว่าต่อ....นะ

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามผู้รุ้หน่อยเจ้าค่ะ คือคุณน้องมีจุดบอดของตัวเองคือ ปัญญา ที่มีมากกว่า สมาธิ จนฟุ้งซ่านธรรมบางครั้ง จึงต้องนั่งกรรมฐานทำจิตให้สงบก่อน แต่พอออกจากกรรมฐานก็เป็นเหมือนเดิม พอมีผัสสะมากระทบ จะรู้การ เกิด ดับ ของจิต แต่ไม่สามารถ เอาความยินดียินร้ายออกไปจากกายและจิตได้ จะเกิดอารมณ์ยินดีบ้างไม่ยินดีบ้าง จึงต้องใช้วิธีกรรมฐานทำจิตใจให้นิ่งสงบก่อนแล้วถึงจะสามารถ พิจารณาธรรมให้เป็นธรรมได้ มันเป็นเช่นนี้แลเจ้าค่ะ แล้วคุณน้องยังย้ำคิดย้ำกับ สัญญา ที่ปรุงแต่งเป็นเวทนาความรู้สึก ยังวนเวียนอยู่เหมือนเดิมยังไม่อาจเพิกถอนออกไปจากจิตได้ เหมือนดูซีดีซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ยังไม่เบื่อไม่คลายจาง ก็ยังดูไปซ้ำๆ เรื่อยๆอยู่ เหมือนกับว่าเรามองเห็นเหตุของทุกข์แต่เราก็ยังปรุงแต่งเป็นเวทนาอยู่ มันเกิดๆ ดับๆ คุณน้องรู้ว่าคุนน้องมีสติแต่ไม่มีกำลังพอเป็นสมาธิ แต่พอนั่งกรรมฐานมันจะเพิกถอนความรู้สึกนั้นออกไป แบบนี้ควรจะปฏิบัติอย่างไรหรือเจ้าค่ะ onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มาจองที่นั่ง....ชมสักกายทิฏฐิ...

ท่านขนมจีบ...ก็ว่าไปแล้ว...

คงจะมีคนมาว่าต่อ....นะ

:b16: :b16: :b16:

สวัสดีครับพี่กบนอกกะลา :b8:
งั้นผมขอต่อนะ...ไม่มากไม่มายอะไรแค่จะถามว่าเมื่อข้ามสังโยชน์ข้อ 1.สักกายทิฏฐิ ได้แล้วเราจะปล่อยวางอุปทานใน ขันธ์ 5 หรือรูปนามนี้ได้จริงๆหรือ? แล้วผลจากการก้าวข้ามสักกายทิฏฐินั้นเป็นเช่นไรหนอ?
ขอบคุณครับ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร