วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 19:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 00:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ปรุงแต่ง....ก็คือเกิด

สิ่งใดเกิดขึ้นมา....สิ่งนั้นก็ต้องสลายไป...เข้าไตรลักษณ์

ปรุงแต่งด้วยวิชชา....นี้มันพวกเรามันจำคำอรหันต์มาคิดประกอบเหตุผลแล้วพูด

คนมีวิชชาแล้ว....คงมีแต่รู้...ไปเลย...จะปรุงแต่งก็คงมีพวกคำพูดคำจา...ว่าจะสอนพวกลูกหนอนแบบไหนให้เข้าใจธรรมะดีหน่า?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 00:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปรุงแต่ง....ก็คือเกิด

สิ่งใดเกิดขึ้นมา....สิ่งนั้นก็ต้องสลายไป...เข้าไตรลักษณ์

ปรุงแต่งด้วยวิชชา....นี้มันพวกเรามันจำคำอรหันต์มาคิดประกอบเหตุผลแล้วพูด

คนมีวิชชาแล้ว....คงมีแต่รู้...ไปเลย



คงจะจริงของท่าน เพราะผม ยังไม่บรรลุอรหันต์ จึงจำเขามาพูด ครับ :b12:

และอยากให้ท่านทดลอง ทำงาน แบบอยู่กับปัจจุบัน ขณะจริงๆ แล้วทำงานแบบไม่หวังผลใดๆ สุขก็ไม่เอา ทุกข์ ก็ไม่เอา แค่ทำเต็มที่สุดความสามารถในวันนั้นดู นะครับ แล้วท่านมาเล่าความรู้สึกให้ผมฟัง มันจะเป็น ปัจจตัง จริงๆ ครับ :b12: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 01:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:


และอยากให้ท่านทดลอง ทำงาน แบบอยู่กับปัจจุบัน ขณะจริงๆ แล้วทำงานแบบไม่หวังผลใดๆ สุขก็ไม่เอา ทุกข์ ก็ไม่เอา แค่ทำเต็มที่สุดความสามารถในวันนั้นดู นะครับ แล้วท่านมาเล่าความรู้สึกให้ผมฟัง มันจะเป็น ปัจจตัง จริงๆ ครับ :b12: :b8:


เคยเห็นการกระเพื่อมของใจ....หลังผัสสะมั้ย?
ทิศทางที่มันจะกระเพื่อมออกไป....มีอะไรเป็นมูล?

แม้จิตจะไว...เห็น.อะไรเป็นมูล...แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงกระเพื่อม

จิตไวแค่ไม่ปรุงต่อ..เท่านั้น

วันไหนจิตเสื่อม....กว่าจะหยุดได้ก็หลายวัน

ดังนั้น..ดูเฉย ๆ ...ไม่เข้าไปปรุง....เป็นสมถะ...มันสงบไม่ทุกข์..ก็จริงอยู่..แต่มันเสื่อมได้

ครูบาอาจารย์สอนให้เห็นทุกข์...ไอ้ผมทำเป็นเก่ง...จะท่องไปทำไมทุกข์...ไม่ปรุงต่อก็พอแล้ว

แล้วเป็นงัยละ...พอเสื่อม..อมทุกข์ไปหลายวัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 06:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ฝึกจิต เขียน:


และอยากให้ท่านทดลอง ทำงาน แบบอยู่กับปัจจุบัน ขณะจริงๆ แล้วทำงานแบบไม่หวังผลใดๆ สุขก็ไม่เอา ทุกข์ ก็ไม่เอา แค่ทำเต็มที่สุดความสามารถในวันนั้นดู นะครับ แล้วท่านมาเล่าความรู้สึกให้ผมฟัง มันจะเป็น ปัจจตัง จริงๆ ครับ :b12: :b8:


เคยเห็นการกระเพื่อมของใจ....หลังผัสสะมั้ย?
ทิศทางที่มันจะกระเพื่อมออกไป....มีอะไรเป็นมูล?

แม้จิตจะไว...เห็น.อะไรเป็นมูล...แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงกระเพื่อม

จิตไวแค่ไม่ปรุงต่อ..เท่านั้น

วันไหนจิตเสื่อม....กว่าจะหยุดได้ก็หลายวัน

ดังนั้น..ดูเฉย ๆ ...ไม่เข้าไปปรุง....เป็นสมถะ...มันสงบไม่ทุกข์..ก็จริงอยู่..แต่มันเสื่อมได้

ครูบาอาจารย์สอนให้เห็นทุกข์...ไอ้ผมทำเป็นเก่ง...จะท่องไปทำไมทุกข์...ไม่ปรุงต่อก็พอแล้ว

แล้วเป็นงัยละ...พอเสื่อม..อมทุกข์ไปหลายวัน


ใช่เลยครับเป็นอย่างที่ท่านกล่าว นาที-ชั่วโมง-หลายชั่วโมง และเอาช่วงนั้นมาเห็นทุกข์เห็นกิเลส ไม่ถึงกับเป็นหลายวันครับ เพราะยังมีความเข้าใจนึงว่า อย่าไปยึดมั่น เพราะจิตเอง ก็บังคับไม่ได้ แล้วมันก็ค่อยๆคลาย
ส่วนที่ว่าผมว่าให้ลองนั้น ผมไม่ได้อยากอวดเก่งครับ แค่ผมเคยลองทำได้ แบบทั้งวัน แล้วมันรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ แค่เบาๆเท่านั้น
ตอนนี้ผมเอง ก็ อวิชชาเต็มตัว ตัณหาเต็มหัว กาบ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 07:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:
ใช่ครับ....เบาสบายทั้งวัน...ทำอยู่เป็นปี....ก็สบายทั้งปี...ยิ้มอย่างคนเห็นโลก...ใจดี...เมตตา..ไม่รู้ประมาณไหน..

กามราคะไม่กระดิกซะแอ่ะ...ไปถามผู้รู้จะเอาปฏิฆะออกทำงัย..ดูซิมันหลงได้ขนาดนั้นนะ :b32:

ท่านหัวเราะใหญ่เลย.... :b9: :b9:

พอกามราคะโผล่นะ....ถึงเข้าใจ :b2: :b2: :b2:

อ่อ...มันเป็นผลของสมถะ

ไม่ใช่มันไม่ดีนะ....แต่มันมีบางอย่างขาดหายไป... :b31: :b31: :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 07:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b1:
ใช่ครับ....เบาสบายทั้งวัน...ทำอยู่เป็นปี....ก็สบายทั้งปี...ยิ้มอย่างคนเห็นโลก...ใจดี...เมตตา..ไม่รู้ประมาณไหน..

กามราคะไม่กระดิกซะแอ่ะ...ไปถามผู้รู้จะเอาปฏิฆะออกทำงัย..ดูซิมันหลงได้ขนาดนั้นนะ :b32:

ท่านหัวเราะใหญ่เลย.... :b9: :b9:

พอกามราคะโผล่นะ....ถึงเข้าใจ :b2: :b2: :b2:

อ่อ...มันเป็นผลของสมถะ

ไม่ใช่มันไม่ดีนะ....แต่มันมีบางอย่างขาดหายไป... :b31: :b31: :b31:


:b8: :b8: :b8:
ใช่เลยครับ จึงต้อง ทำควบคู่กันทั้ง วิปัสสนา และ สมถะ ลงในปัจจุบันนั้น ใช่มั้ยครับ
ท่านนี้เก่งอย่างที่ผมคิดไว้เลย นับถือ ๆๆ :b17: :b17: :b17: ผมยังไม่ได้เท่าขี้เล็บท่านเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 09:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b12: :b12: :b12: :b12:

สื่อกันด้วยบัญญัติคนละอย่าง ในความหมายเดียวกัน
"เมื่อแสงสว่างมา ความมืดก็หายไป" นี่ว่าตามธรรม

"สะจิตตะ ปริโยทะปะนัง" การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ พุทธวจนะบาลี แปลออกมาสื่อในภาษาไทยได้อย่างนี้

แล้วจะเอาอะไรมาชำระใจ? ลองอธิบายในบัญญัติของท่านให้ฟังกันดูนะครับ

ถ้าจะบอกว่า "ไม่มีอะไร ก็ไม่ต้องชำระอะไร" ก็ฟังดูเหมือนดี แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจและรู้วิธีการ

สติกับปัญญา จับอยู่ที่สภาวธรรมอันมืดมัว เมื่อสติปัญญาแก่กล้าขึ้น ความมืดมัวนั้นก็มลายหายไป ดุจพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า

ใครจะตีความอย่างไรก็ตามใจ ตามระดับสติปัญญา (ปัจจัตตัง)

:b12: :b12: :b12: :b12:


ถึงแม้จะสื่อกันด้วยบัญญัติเดียวกัน
แต่ก็เห็นไปคนละมุมแล้ว

สติกับปัญญา จับอยู่ที่สภาวธรรมอันมืดมัว
ท่านใช้คำกล่าวนี้ ท่านตีความได้ว่าอย่างไรล่ะ

สติกับปัญญา อะไร จับอยู่กับสภาวะธรรมอันมืดมัว ...

:b1:

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
และอยากให้ท่านทดลอง ทำงาน แบบอยู่กับปัจจุบัน ขณะจริงๆ แล้วทำงานแบบไม่หวังผลใดๆ สุขก็ไม่เอา ทุกข์ ก็ไม่เอา แค่ทำเต็มที่สุดความสามารถในวันนั้นดู นะครับ แล้วท่านมาเล่าความรู้สึกให้ผมฟัง มันจะเป็น ปัจจตัง จริงๆ ครับ :b12: :b8:


ก็สุขดีนี่ ชอบใช่มั๊ยล่ะ

:b12:

มันก็เป็นอารมณ์ที่มีอายุนะ

เอกอนชอบกินส้มตำก็จริง
แต่ก็มีวันที่ไม่ได้อยากกิน

ถ้ายังเห็นลูกไฟลุกอยู่ที่ก้นเหว
เป็นใครก็เป็นต้องพยายามยึดเกาะอยู่ตรงปากเหวอันเย็นกว่าไว้ให้มั่น
มันก็มีวันที่เบื่อที่จะเกาะ

ตราบเท่าที่เราเห็นที่ที่ร้อน เราก็เห็นที่ที่เย็น
แต่มันก็มีอายุการถือครอง
ความเบื่อที่จะเกาะ เพราะเกาะมันมาแสนนาน
มันจะทำให้ เราอยากหาทางออกจากสภาวะนั้นออกไปอีก

เราใช้เวลาอันยาวนาน เพื่อหนีร้อนไปพึงเย็น
แต่เราอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที โดดลงกองเพลิงเพื่อเกิดใหม่อย่างตำนาน นกฟีนิกซ์


มันเป็น ตำนาน

:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 20:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




dd143_resize.jpg
dd143_resize.jpg [ 45.95 KiB | เปิดดู 4968 ครั้ง ]
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:

:b12: :b12: :b12: :b12:

สื่อกันด้วยบัญญัติคนละอย่าง ในความหมายเดียวกัน
"เมื่อแสงสว่างมา ความมืดก็หายไป" นี่ว่าตามธรรม

"สะจิตตะ ปริโยทะปะนัง" การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ พุทธวจนะบาลี แปลออกมาสื่อในภาษาไทยได้อย่างนี้

แล้วจะเอาอะไรมาชำระใจ? ลองอธิบายในบัญญัติของท่านให้ฟังกันดูนะครับ

ถ้าจะบอกว่า "ไม่มีอะไร ก็ไม่ต้องชำระอะไร" ก็ฟังดูเหมือนดี แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจและรู้วิธีการ

สติกับปัญญา จับอยู่ที่สภาวธรรมอันมืดมัว เมื่อสติปัญญาแก่กล้าขึ้น ความมืดมัวนั้นก็มลายหายไป ดุจพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า

ใครจะตีความอย่างไรก็ตามใจ ตามระดับสติปัญญา (ปัจจัตตัง)

:b12: :b12: :b12: :b12:


ถึงแม้จะสื่อกันด้วยบัญญัติเดียวกัน
แต่ก็เห็นไปคนละมุมแล้ว

สติกับปัญญา จับอยู่ที่สภาวธรรมอันมืดมัว
ท่านใช้คำกล่าวนี้ ท่านตีความได้ว่าอย่างไรล่ะ

สติกับปัญญา อะไร จับอยู่กับสภาวะธรรมอันมืดมัว ...

:b1:

:b8:

:b12: rolleyes rolleyes
ถ้าเห็นไปในทางที่จะทำให้รู้ได้ว่า นี่ทุกข์ นี่เหตุเกิดทุกข์ นี่ความดับทุกข์ นี่วิธีทำให้เหตุทุกข์ดับ
อธิบายด้วยบัญัติอย่างไรก็ได้ ให้เห็นอย่างที่ว่านี้ ถือวาเห็นอยู่ในมุมเดียวกัน

:b16:
สติกับปัญญาอันเป็นสัมมา คือ มรรคสัจจะ จับอยู่กับสภาวธรรมอันมืดมัว คือ ทุกขสัจจะและสมุทยสัจจะ
:b1:
สัมมาสติ กับ สัมมาปัญญาคือสัมมาทิฏฐิกับสัมมาสังกัปปะ จับอยู่กับสภาวธรรมอันมืดมัวคือทุกขสัจจะและสมุทยสัจจะ
:b12:
:b27:
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
บรรดาหลักธรรมและความรู้ทางธรรมทั้งหมดที่เราได้จากการศึกษา สนทนา อ่าน เขียน ฟังหรือที่เรียกว่า "ปริยัติศาสนา"นั้นเปรียบเหมือนความรู้ทฤษฎีในการซักผ้า ซึ่งจะบอกว่าต้องใช้ภาชนะ อุปกรณ์อะไร ผ้าชนิดใดใช้น้ำใช้ผงซักฟอกเท่าไหร่ ขยี้หรือซักนานเพียงใด ฯลฯ

การซักผ้าครั้งแรกๆด้วยตนเองเราก็คงต้องกางตำราทำตามตำราบอกไปก่อน จนได้เห็นผลการซักจริงๆออกมา แล้วจึงมาวิเคราะห์ผลการซักนั้นว่าได้ผลดีมากน้อยเพียงไร ขาดอะไร เกินอะไร ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม ตัดลดอะไร พอซักไปกางตำราดูไป วิเคราะห์ผลไปสักหลายๆครั้ง เราจะเกิด ทักษะและประสบการณ์จริงขึ้นมา


หลังจากนั้นปัญญาจะเริ่มพลิกแพลงดัดแปลง ปรับปรุงวิธีการซักให้ดียิ่งขึ้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยมีอะไรที่นอกเหนือจากตำรา
จนสามารถซักผ้าด้วยตนเองได้สะอาดที่สุด

:b37:
การซักใจให้หมดจดจากขยะก็ดุจเดียวกัน ขอให้ทุกท่านอย่าได้รังเกียจทฤษฎี หรือปริยัติศาสนา ถ้าศึกษาแต่เพียงพอดีที่จะใช้กับการปฏิบัติแล้วลงมือฝึกหัดทำไปจนได้ทักษะประสบการณ์แล้วท่านจะค้นพบวิธีชำระใจอันเป็นวิธีการเฉพาะตัวของท่านด้วยตัวของท่านจนสามารถลงมือซักใจของท่านให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วได้ด้วยตนเอง
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 22:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
และอยากให้ท่านทดลอง ทำงาน แบบอยู่กับปัจจุบัน ขณะจริงๆ แล้วทำงานแบบไม่หวังผลใดๆ สุขก็ไม่เอา ทุกข์ ก็ไม่เอา แค่ทำเต็มที่สุดความสามารถในวันนั้นดู นะครับ แล้วท่านมาเล่าความรู้สึกให้ผมฟัง มันจะเป็น ปัจจตัง จริงๆ ครับ :b12: :b8:


ก็สุขดีนี่ ชอบใช่มั๊ยล่ะ

:b12:

มันก็เป็นอารมณ์ที่มีอายุนะ

เอกอนชอบกินส้มตำก็จริง
แต่ก็มีวันที่ไม่ได้อยากกิน

ถ้ายังเห็นลูกไฟลุกอยู่ที่ก้นเหว
เป็นใครก็เป็นต้องพยายามยึดเกาะอยู่ตรงปากเหวอันเย็นกว่าไว้ให้มั่น
มันก็มีวันที่เบื่อที่จะเกาะ

ตราบเท่าที่เราเห็นที่ที่ร้อน เราก็เห็นที่ที่เย็น
แต่มันก็มีอายุการถือครอง
ความเบื่อที่จะเกาะ เพราะเกาะมันมาแสนนาน
มันจะทำให้ เราอยากหาทางออกจากสภาวะนั้นออกไปอีก

เราใช้เวลาอันยาวนาน เพื่อหนีร้อนไปพึงเย็น
แต่เราอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที โดดลงกองเพลิงเพื่อเกิดใหม่อย่างตำนาน นกฟีนิกซ์


มันเป็น ตำนาน

:b16:


มันไม่สุขครับ และมันก็ไม่ทุกข์ด้วย แค่โล่งๆเบาๆครับ
แล้วในโลกนี้มีอารมณ์แบบไหนจึงไม่มีอายุละครับ ที่ท่านอธิบาย ผมว่า มันเป็นสภาวะธรรมดาในชีวิต ครับ
ท่านลองทำดูก่อนนะครับ แต่ไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ ท่านเก่งๆกันทั้งนั้นอยู่แล้ว ผมแค่ปลายแถว :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 23:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณฝึกจิต...ลองไปดูที่นี้...

บทความธรรมะ..

ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา (พระธรรมเจดีย์-พระอาจารย์มั่น)
viewtopic.php?f=7&t=42041

ผมยังอึ่งไม่หาย....

มีความเป็นไปได้ว่า...

แค่เราไม่เอา....ก็อาจไปนิพพานได้

สาธุกับเอกอน..ด้วย :b8: :b8: อุตส่าพิมพ์ :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2012, 00:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คุณฝึกจิต...ลองไปดูที่นี้...

บทความธรรมะ..

ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา (พระธรรมเจดีย์-พระอาจารย์มั่น)
viewtopic.php?f=7&t=42041

ผมยังอึ่งไม่หาย....

มีความเป็นไปได้ว่า...

แค่เราไม่เอา....ก็อาจไปนิพพานได้

สาธุกับเอกอน..ด้วย :b8: :b8: อุตส่าพิมพ์ :b17:


ขอบพระคุณทั้ง2 ท่านครับ
:b8: :b8: :b8: เป็นเช่นนั้นแล

ท่านกบ ช่วยอธิบายสิ่งที่ท่านเข้าใจ ให้ผมฟังบ้างซิครับ ปัญญาผมไม่ค่อยจะมีนัก :b3: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2012, 13:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จ๊าก...ผีหลอกกลางวัน... :b14:

เอกอน...หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เห็นแว๊บ..แว๊บ.. :b10:

ส่วนความเห็น..รอตอนเย็น..นะคุณฝึกจิต...ตอนนี้พิมพ์ไม่มันส์
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2012, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าไปอ่านแล้ว สุดยอดแห่งธรรมะ ของหลวงปู่

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร