วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 01:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ละนันทิ ให้ไว

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 21:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


มันไม่มีขยะ
มันมีแต่ความคิด

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 21:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ตอบคุณ eragon.....
ข้อความท่อนนี้สำคัญ
onion
"หลังจากนั้นนั่งสมาธิทุกวันตอนเย็น

เราทำแล้วสังเกตว่า เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาแล้วกระทบใจเราทั้งที่พอใจและไม่พอใจ
มันคงติดค้างตกตะกอนอยู่ในใจเรานี่แหละ
ไม่ได้หายไปไหนเลย

นั่งสมาธิตอนค่ำ

เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆใน "ระหว่างวัน" ผ่านเข้ามาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง
บางทีเรียงลำดับมาตามความหนักเบาของเหตุการณ์
บางทีเรียงมาตามลำดับเวลามาเลย ตอนเย็น ตอนเที่ยง จนถึงตอนเช้า
บางเรื่อง "เล็กๆน้อย" ระหว่างวัน ไม่คิดว่าใจมันยังเก็บเอาไว้ได้
onion
1.มันตกค้างตกตะกอนอยู่ในใจเรานี่แหละ
2.ไม่คิดว่าใจมันยังเก็บเอาไว้ได้
:b10:
ทั้ง 2 ข้อนี้ได้แสดงถึงขยะหรือปฏิกูลในใจที่จะต้องถูกชำระ การชำระโดยเจริญสติรู้ตามไปเรื่อยๆไม่สามารถขุดถอนหรือชำระขยะใจเหล่านี้ได้ asoka จึงได้นำเสนอเคล็ดลับชำะใจมาให้พิจารณาครับ ลองพิจารณาดูอีกทีนะครับ
:b27:
:b8:
:b16:


ก็ลองไม่ต้องไปตีความมันสิ่

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ตอบคุณ eragon.....
ข้อความท่อนนี้สำคัญ
onion
"หลังจากนั้นนั่งสมาธิทุกวันตอนเย็น

เราทำแล้วสังเกตว่า เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาแล้วกระทบใจเราทั้งที่พอใจและไม่พอใจ
มันคงติดค้างตกตะกอนอยู่ในใจเรานี่แหละ
ไม่ได้หายไปไหนเลย

นั่งสมาธิตอนค่ำ

เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆใน "ระหว่างวัน" ผ่านเข้ามาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง
บางทีเรียงลำดับมาตามความหนักเบาของเหตุการณ์
บางทีเรียงมาตามลำดับเวลามาเลย ตอนเย็น ตอนเที่ยง จนถึงตอนเช้า
บางเรื่อง "เล็กๆน้อย" ระหว่างวัน ไม่คิดว่าใจมันยังเก็บเอาไว้ได้
onion
1.มันตกค้างตกตะกอนอยู่ในใจเรานี่แหละ
2.ไม่คิดว่าใจมันยังเก็บเอาไว้ได้
:b10:
ทั้ง 2 ข้อนี้ได้แสดงถึงขยะหรือปฏิกูลในใจที่จะต้องถูกชำระ การชำระโดยเจริญสติรู้ตามไปเรื่อยๆไม่สามารถขุดถอนหรือชำระขยะใจเหล่านี้ได้ asoka จึงได้นำเสนอเคล็ดลับชำะใจมาให้พิจารณาครับ ลองพิจารณาดูอีกทีนะครับ
:b27:
:b8:
:b16:

ช่วย อโสกะ...หน่อยเป็นไร.... :b32: :b32:

ข้อความที่อโสกะยกมานั้น....มันไม่ใช่ของมังกรน้อย... มันเป็นของคนอื่นที่คุณกรัชกายยกมาจาก Pantip...
grin grin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 21:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยต่ออีกหน่อย....เป็นไร.... :b12:

นี้จากคุณกรัชกาย..ยกมา
อ้างคำพูด:
หลังจากนั้นนั่งสมาธิทุกวันตอนเย็น
เราทำแล้วสังเกตว่า เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาแล้วกระทบใจเราทั้งที่พอใจและไม่พอใจ
มันคงติดค้างตกตะกอนอยู่ในใจเรานี่แหละ ไม่ได้หายไปไหนเลย

นั่งสมาธิตอนค่ำ
เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆใน"ระหว่างวัน" ผ่านเข้ามาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง
บางทีเรียงลำดับมาตามความหนักเบาของเหตุการณ์
บางทีเรียงมาตามลำดับเวลามาเลย ตอนเย็น ตอนเที่ยง จนถึงตอนเช้า
บางเรื่อง"เล็กๆน้อย"ระหว่างวันไม่คิดว่าใจมันยังเก็บเอาไว้ได้

ตั้งสตินั่งดูไปเรื่อยๆเหมือนได้ทำความสะอาดล้างสิ่งสกปรกออกจากใจ"ทุกวัน"เลยค่ะ
และที่สำคัญอีกเรื่องคือเราได้รู้จักตัวเราเองมากขึ้น
โดยดูจากเรื่องที่เราเก็บมาคิดนี่แหละ มีปัญหามัวแต่โทษคนอื่น ตัวเราเองก็ใช่เล่น
เคยอ่านเรื่อง เมื่อหัวถึงหมอน ของนายตำรา ณ เมืองใต้ แบบเรียนสมัยมัธยม
ที่บอกว่าเราอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทุกวัน แต่ไม่เคยได้ทำความสะอาดจิตใจตัวเองเลย
ท่านสอนให้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เพื่อชำระล้างจิตใจตัวเอง
เราไม่ค่อยได้ทำจนโตขึ้น เจอปัญหาต่างๆ ภาระรับผิดชอบเพิ่มขึ้นตามวัย
พอลองนั่งทำทุกวัน รู้สึกใจเบาสบายขึ้นกว่าเดิมมาก
เข้าใจเลยว่า "ชำระล้างจิตใจ"ตัวเองเป็นยังไง

พระพุทธองค์ทรงสอนให้
ละเว้นความชั่ว
ทำความดี
ทำจิตใจให้ผ่องใส
พอเราชำระพวกสิ่งตกค้างตะกอนในจิตใจเราออก
ใจเราก็โปร่งเบาสบายผ่องใส

สองอันแรกเข้าใจแต่สงสัยมาตั้งแต่เด็กว่าทำจิตใจให้ผ่องใสนี่ "ทำยังไง"
ศาสนาพุทธลงมือปฏิบัติจริง เห็นผลจริงได้ด้วยตัวเองจริงๆ

มันเหมือน ได้ "หยุด" ตัวเองไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง
ได้มีเวลาตั้งสติทบทวนเรื่องราวต่างๆ
บางทีคำตอบของปัญหาที่ค้างคาใจมานานมัน "ผุดขึ้นมา" ตอนนั่งสมาธินี่แหละค่ะคิดถึงการ์ตูนที่เคยดูมาตั้งแต่เด็ก เรื่อง "อิดคิวซัง" เลย เวลามีปัญหาต้อง "ใช้หมองนั่งมาธิ"
ไม่คิดว่า "ชีวิตจริง" เราก็ต้องทำเหมือนท่านอิดคิวนี่แหละ


ตัวแดงตัวแรก......การจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดนี้...มันต้องใช้ปัญญา...แสดงว่าเจ้าของบทความนี้...ใช้การพิจารณาประกอบกันไปด้วย...ไม่ใช่รู้..เฉย ๆ

ตัวแดงตัวที่สอง......ภาษาครูบาอาจารย์เรียก..ธรรมผุด...แต่ก็อย่าไปติด...หากหลงดีใจทีหลังจะกลายเป็นอุปาทานไป

นี้ของ...อโสกะ...
อ้างคำพูด:
เคล็ดลับหรือเทคนิควิธีชำระใจให้ขาวรอบ

"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนอารมณ์นั้น ดับไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ มีแต่ "รู้"
และสังเกตไปจนตลอดสายแห่งอารมณ์ ตั้งแต่เกิดจนดับ ถ้าทำได้อย่างนี้กับอารมณ์ใด อารมณ์นั้นจะถูกเพิกถอนออกจากอุปาทาน

อุปมาเหมือนหนังในซีดี ที่เราเคยดูจนจบเรื่อง มาเปิดดูรอบที่ 2 เราแทบจะไม่อยากดู หรือหมดความอยากดูโยนซีดีแผ่นนั้นทิ้งไป ยกเว้นซีดีแผ่นนั้นมีอะไรที่น่าติดใจอยู่ อาจเอามาดูได้อีกหลายซ้ำ แต่ในที่สุดก็จะเบื่ออยู่ดีแล้ววางทิ้งซีดีหนังเรื่องนั้นไป


คงพอเสริมเพิ่มเติมให้ค้นพบอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อพัฒนาการปฏิบัติต่อไปให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นนะครับ
หมายเหตุ: อย่าเจริญแต่สติอยางเดียว สติกับปัญญา (สัมปฌาโน) เขาจะต้องเจริญควบคู่กันไปเสมอจึงจะสามารถเพิกถอนอุปาทานทั้งหมดได้ ถ้าเจริญแต่สติเน้นสติ จะเป็นเพียงแค่การเบรกอารมณ์ เบรกอนุสัย แต่ไม่สามารถขุดถอนอนุสัยได้ครับ(กลับไปสังเกตพิจารณาลำดับคำสอนในสติปัฏฐาน 4 บาลีให้ดีๆนะครับ

"อาตาปี.....สัมปฌาโน.....สติมา.......วิเนยยะโลเก อภิชฌา โทมนัสสัง"


ไม่มีตรงไหนที่แสดงว่ามีการเจริญปัญญา..ประกอบด้วยเลย...แม้จะมี ปล. ว่าอย่าเจริญสติอย่างเดียวก็ตาม

ซึ่งต่างกับเจ้าของบทความที่คุณกรัชกาย....ยกมา

พอจะมองอะไรออกบ้างมั้ยครับ...

นี้คือช่วย..อโสกะ...
:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2012, 17:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
มีแต่ "รู้"
และสังเกตไปจนตลอดสายแห่งอารมณ์

cool
เจริญปัญญาแท้ๆอยู่่ตรงท่อนนี้ครับ พิจารณาให้ดี
[color=#800080]ปัญญาคิดนึกนั่นเป็นคนละระดับกันกับปัญญาภาวนา คุณกบน่าจะรู้นะ[/color]
มีกุศลจิตคิดว่าเสริมมมาก็ดีแล้ว อนุโมทนา
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2012, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ช่วยต่ออีกหน่อย....เป็นไร.... :b12:

นี้จากคุณกรัชกาย..ยกมา
อ้างคำพูด:
หลังจากนั้นนั่งสมาธิทุกวันตอนเย็น
เราทำแล้วสังเกตว่า เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาแล้วกระทบใจเราทั้งที่พอใจและไม่พอใจ
มันคงติดค้างตกตะกอนอยู่ในใจเรานี่แหละ ไม่ได้หายไปไหนเลย

นั่งสมาธิตอนค่ำ
เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆใน"ระหว่างวัน" ผ่านเข้ามาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง
บางทีเรียงลำดับมาตามความหนักเบาของเหตุการณ์
บางทีเรียงมาตามลำดับเวลามาเลย ตอนเย็น ตอนเที่ยง จนถึงตอนเช้า
บางเรื่อง"เล็กๆน้อย"ระหว่างวันไม่คิดว่าใจมันยังเก็บเอาไว้ได้

ตั้งสตินั่งดูไปเรื่อยๆเหมือนได้ทำความสะอาดล้างสิ่งสกปรกออกจากใจ"ทุกวัน"เลยค่ะ
และที่สำคัญอีกเรื่องคือเราได้รู้จักตัวเราเองมากขึ้น
โดยดูจากเรื่องที่เราเก็บมาคิดนี่แหละ มีปัญหามัวแต่โทษคนอื่น ตัวเราเองก็ใช่เล่น
เคยอ่านเรื่อง เมื่อหัวถึงหมอน ของนายตำรา ณ เมืองใต้ แบบเรียนสมัยมัธยม
ที่บอกว่าเราอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทุกวัน แต่ไม่เคยได้ทำความสะอาดจิตใจตัวเองเลย
ท่านสอนให้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เพื่อชำระล้างจิตใจตัวเอง
เราไม่ค่อยได้ทำจนโตขึ้น เจอปัญหาต่างๆ ภาระรับผิดชอบเพิ่มขึ้นตามวัย
พอลองนั่งทำทุกวัน รู้สึกใจเบาสบายขึ้นกว่าเดิมมาก
เข้าใจเลยว่า "ชำระล้างจิตใจ"ตัวเองเป็นยังไง

พระพุทธองค์ทรงสอนให้
ละเว้นความชั่ว
ทำความดี
ทำจิตใจให้ผ่องใส
พอเราชำระพวกสิ่งตกค้างตะกอนในจิตใจเราออก
ใจเราก็โปร่งเบาสบายผ่องใส

สองอันแรกเข้าใจแต่สงสัยมาตั้งแต่เด็กว่าทำจิตใจให้ผ่องใสนี่ "ทำยังไง"
ศาสนาพุทธลงมือปฏิบัติจริง เห็นผลจริงได้ด้วยตัวเองจริงๆ

มันเหมือน ได้ "หยุด" ตัวเองไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง
ได้มีเวลาตั้งสติทบทวนเรื่องราวต่างๆ
บางทีคำตอบของปัญหาที่ค้างคาใจมานานมัน "ผุดขึ้นมา" ตอนนั่งสมาธินี่แหละค่ะคิดถึงการ์ตูนที่เคยดูมาตั้งแต่เด็ก เรื่อง "อิดคิวซัง" เลย เวลามีปัญหาต้อง "ใช้หมองนั่งมาธิ"
ไม่คิดว่า "ชีวิตจริง" เราก็ต้องทำเหมือนท่านอิดคิวนี่แหละ


ตัวแดงตัวแรก......การจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดนี้...มันต้องใช้ปัญญา...แสดงว่าเจ้าของบทความนี้...ใช้การพิจารณาประกอบกันไปด้วย...ไม่ใช่รู้..เฉย ๆ

ตัวแดงตัวที่สอง......ภาษาครูบาอาจารย์เรียก..ธรรมผุด...แต่ก็อย่าไปติด...หากหลงดีใจทีหลังจะกลายเป็นอุปาทานไป

นี้ของ...อโสกะ...
อ้างคำพูด:
เคล็ดลับหรือเทคนิควิธีชำระใจให้ขาวรอบ

"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนอารมณ์นั้น ดับไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ มีแต่ "รู้"
และสังเกตไปจนตลอดสายแห่งอารมณ์ ตั้งแต่เกิดจนดับ ถ้าทำได้อย่างนี้กับอารมณ์ใด อารมณ์นั้นจะถูกเพิกถอนออกจากอุปาทาน

อุปมาเหมือนหนังในซีดี ที่เราเคยดูจนจบเรื่อง มาเปิดดูรอบที่ 2 เราแทบจะไม่อยากดู หรือหมดความอยากดูโยนซีดีแผ่นนั้นทิ้งไป ยกเว้นซีดีแผ่นนั้นมีอะไรที่น่าติดใจอยู่ อาจเอามาดูได้อีกหลายซ้ำ แต่ในที่สุดก็จะเบื่ออยู่ดีแล้ววางทิ้งซีดีหนังเรื่องนั้นไป


คงพอเสริมเพิ่มเติมให้ค้นพบอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อพัฒนาการปฏิบัติต่อไปให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นนะครับ
หมายเหตุ: อย่าเจริญแต่สติอยางเดียว สติกับปัญญา (สัมปฌาโน) เขาจะต้องเจริญควบคู่กันไปเสมอจึงจะสามารถเพิกถอนอุปาทานทั้งหมดได้ ถ้าเจริญแต่สติเน้นสติ จะเป็นเพียงแค่การเบรกอารมณ์ เบรกอนุสัย แต่ไม่สามารถขุดถอนอนุสัยได้ครับ(กลับไปสังเกตพิจารณาลำดับคำสอนในสติปัฏฐาน 4 บาลีให้ดีๆนะครับ

"อาตาปี.....สัมปฌาโน.....สติมา.......วิเนยยะโลเก อภิชฌา โทมนัสสัง"


ไม่มีตรงไหนที่แสดงว่ามีการเจริญปัญญา..ประกอบด้วยเลย...แม้จะมี ปล. ว่าอย่าเจริญสติอย่างเดียวก็ตาม

ซึ่งต่างกับเจ้าของบทความที่คุณกรัชกาย....ยกมา

พอจะมองอะไรออกบ้างมั้ยครับ...

นี้คือช่วย..อโสกะ...
:b13: :b13: :b13:
ท่านกบ อินทรีย์ ท่านกบยังมีกำลังไม่พอเลยไม่เข้าใจความหมายของท่าน อโสกะ
คำพูดสีแดงของท่าน อโสกะ นั้นถูกต้องแล้ว :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2012, 20:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คงจะเป็นอย่างนั้นกระมัง... :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2012, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีคำตอบของปัญหาที่ค้างคาใจมานานมัน "ผุดขึ้นมา" ตอนนั่งสมาธินี่แหละค่ะนี่เค้าหมายถึง สัญญาที่ไประลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีกำลังพอจะนิ่งรู้ในปัจจุบันอารมณ์ สังเกตุง่ายๆจากที่เธอบอกว่า ผุดขึ้นมา" ตอนนั่งสมาธิถ้าไม่เจริญสติในการนั่งสมาธิก็ยัง นิ่งรู้ ปัจจุบัน อารมณ์ไม่ได้ นี่แหละกำลังอินทรียืไม่พอ ยังปรุงแต่งไปอยู่แต่ถึงกระนั้น พอมานั่งสมาธิ ถึงค่อยกำหนดรู้ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2012, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้จากตำราคือไปจำมาจากตำรา ยังไม่เข้าถึงความรู้แจ้งด้วยตัวของตัวเอง

รู้ด้วยปัญญา หมายถึง แจ่มแจ้งด้วยตัวเองเข้าถึงความหมายที่ซ่อนเร้นด้วยตัวเอง
หมดความสงสัยด้วยพลังการเข้าถึงคำตอบด้วยตัวเอง

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2012, 18:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
nongkong เขียน:
บางทีคำตอบของปัญหาที่ค้างคาใจมานานมัน "ผุดขึ้นมา" ตอนนั่งสมาธินี่แหละค่ะนี่เค้าหมายถึง สัญญาที่ไประลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีกำลังพอจะนิ่งรู้ในปัจจุบันอารมณ์ สังเกตุง่ายๆจากที่เธอบอกว่า ผุดขึ้นมา" ตอนนั่งสมาธิถ้าไม่เจริญสติในการนั่งสมาธิก็ยัง นิ่งรู้ ปัจจุบัน อารมณ์ไม่ได้ นี่แหละกำลังอินทรียืไม่พอ ยังปรุงแต่งไปอยู่แต่ถึงกระนั้น พอมานั่งสมาธิ ถึงค่อยกำหนดรู้ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา cool

:b8:
สาธุ อนุโมทนากับ nongkong ครับ onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร