วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 11:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2012, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เพื่อให้คำถาม-คำตอบข้างบนชัด มีตัวอย่างจากผู้ปฏิบัติทางจิตหรือจะเรียกว่าอะไรสุดแท้แต่ ดังนี้


อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้ง

ตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอย

มาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมาก บางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่ง

บางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

มีคำถามสองข้อที่สงสัย
1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ



สังเกต...จิตหรือนามธรรมเนี่ยมักจดจำบันทึกสิ่งที่เป็นอกุศลกรรมชัดกว่ากุศลกรรม แม้ผ่านมานมนานแล้วก็ตาม

แต่เพราะเหตุใด กุศลกรรมมักบันทึกไม่ชัดนึกไม่ค่อยเห็น


------------------------------------------------------------------------------------------


มุมมองของเราน่ะค่ะถ้าเราสร้างกุศลกรรมบ่อยๆ โดยไม่สร้างอกุศลกรรมเพิ่มขึ้นอีก
เราจะเห็น กุศลกรรมชัดค่ะ ส่วน อกุศลกรรมจะแค่ผ่านๆค่ะ

ทั้งอกุศลกรรมกับกุศลกรรม เรามองว่ามีส่วนจะเข้ามาตอนจิตสุดท้ายน่ะ
เราสังเกตุจากที่เราเห็นคนที่ป่วยแล้วกำลังจะเสียชีวิต3คน
จะเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเค้าทำไว้ทั้งนั้นค่ะ
แล้วค่อยคุยต่อน่ะค่ะ ตอนนี้เรารู้สึกสับสนนิดหน่อยค่ะ เพื่อนเพิ่งเสียชีวิตค่ะ :b1: :b41: :b45: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ทาง เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ส่วนปัตจัตตังอ่ะ รู้ได้เฉพาะตน ถามทำไมรึ (มิน่าถึงตกสวรรค์ เพราะไม่เคยได้ยินธรรมของพระพุทธเจ้า ) เลอะเทอะขึ้นทุกวันละตากรัชกาย สงสัยจะฟุ้งซ่านธรรม


ไหนลองเล่าสู่กันฟังดิ รู้อะไรหรอ รู้ได้เฉพาะตน รู้อะไร เอาชัดๆ :b10:

นั่นนะซิครับ ปัจจัตตัง เป็นยังไง เหมือนความลับส่วนตัวหรือะไร มีใครพออธิบายได้เปล่าครับ นึกว่าเอาบุญ :b10: :b8:

ปัจจัตตัง ที่มีความหมายว่า รู้ได้เฉพาะตน มันคือปัญญาอันเกิดขึ้นที่กายใจของใครของมัน
และไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามได้ สามารถบอกได้แต่เพียงหนทางเพื่อให้ได้มา
ซึ่งปัญญา ตัวอย่างระหว่างคุณกับเพื่อนคุณ ถ้าคุณเคยเห็นตัวสมเสร็จแล้วมาอธิบาย
ให้เพื่อนคุณที่ยังไม่เคยเห็นและรู้จักฟัง อธิบายให้ตายเขาก็ไม่รู้จัก มิหน่ำซ้ำจะเตลิดไปไกลอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อนคุณต้องไปเห็นเอง คุณบอกได้แค่ทำอย่างไรถึงจะได้เห็น

คุณให้ทางเตือนไว้อย่าง ถามธรรมเพื่อนให้ได้ประโยชน์
ก็ควรเอาตัวอย่างดีๆมาปฏิบัติ อย่าเอาสิ่งที่ไม่ควรเพียงเห็นว่า
เขาเป็นคนแก่คนเก๋าในเว็บ ต้องดูการกระทำของเขานะครับ
แยกให้ถูกว่า กุศลและอกุศลต่างกันอย่างไร
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 06:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:11
โพสต์: 94


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ปัจจัตตัง ที่มีความหมายว่า รู้ได้เฉพาะตน มันคือปัญญาอันเกิดขึ้นที่กายใจของใครของมัน
และไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามได้ สามารถบอกได้แต่เพียงหนทางเพื่อให้ได้มา
ซึ่งปัญญา ตัวอย่างระหว่างคุณกับเพื่อนคุณ ถ้าคุณเคยเห็นตัวสมเสร็จแล้วมาอธิบาย
ให้เพื่อนคุณที่ยังไม่เคยเห็นและรู้จักฟัง อธิบายให้ตายเขาก็ไม่รู้จัก มิหน่ำซ้ำจะเตลิดไปไกลอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อนคุณต้องไปเห็นเอง คุณบอกได้แค่ทำอย่างไรถึงจะได้เห็น
:b13:

นี่ !! ผู้รู้จริงจึงพูดได้ รู้ไม่จริงพูดไม่ได้หรอก ขอโมทนาก๊าบบ :b4: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




54498d4a82e6eaf1fa88e1aa892edab6.gif
54498d4a82e6eaf1fa88e1aa892edab6.gif [ 325.17 KiB | เปิดดู 3584 ครั้ง ]
(ดูแล้วอดขำไม่ได้) :b9:


ธัมมุทธัจจ์ ความฟุ้งซ่านธรรม,ตื่นธรรม (หรือวิปัสสนูปกิเลส) 10 อย่าง คือ


1. โอภาส เห็นแสงสว่าง แสงสี ต่างๆ

2. ปีติ ๕ จะเกิดขึ้น

1. ขุททกปีติ มีลักษณะดังนี้

1.1 เยือกเย็น ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว

1.2 ร่างกายมึน ตึง หนัก

1.3 น้ำตาไหลพราก

1.4 ปรากฏเป็นสีข่าวต่างๆ



2. ขณิกาปีติ มีลักษณะดังนี้

2.1 เป็นประกายดังฟ้าแลบ

2.2 ร่างกายแข็ง หัวใจสั่น

2.3 แสบร้อนตามเนื้อตามตัว

2.4 คันยุบยิบ เหมือนแมลงไต่ตามตัว


3.โอกกันติกาปีติ ลักษณะดังนี้

3.1 ร่างกายไหวโยก โคลงเคลง บางครั้งสั่นระริก

3.2 สะบัดหน้า สะบัดมือ สะบัดเท้า

3.3 น้ำลายสอในปาก คลื่นไส้ อาเจียน

3.4 มีอาการคล้ายๆ ละลอกคลื่นซัด

3. 5 ปรากฏมีสีม่วงอ่อน สีเหลืองอ่อน


4. อุเพงคาปีติ มีลักษณะดังนี้

4.1 มีอาการคล้ายๆ กายสูงขึ้น ตัวเบา ตัวเบา

4.2 คันยุบยิบ เหมือนมีตัวไรตอมไต่ตามหน้าตา

4.3 ท้องเสีย ลงท้อง

4.4 สัปหงกไปข้างหน้าบ้าง ข้างหน้าบ้าง

4.5 ศีรษะหมุนไปมา

4.6 กัดฟันบ้าง อ้าปากบ้าง หุบปากบ้าง

4.7 กายงุบไปข้างหลังบ้าง ข้างๆบ้าง

4.8 กายกระตุก ยกแขน ยกขา

4.9 ปรากฏสีไข่มุก สีนุ่น


5. ผรณาปีติ มีลักษณะดังนี้

5.1 ร่างกายเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว

5.2 ซึมๆ ไม่อยากลืมตา ไม่อยากเคลื่อนไหว

5.3 ปรากฏเป็นสีคราม สีเขียว สีมรกต



3. ญาณ (ความรู้) ปรากฏว่าตัวมีความรู้เปรื่องปราด หมดจด อย่างไม่เคยมีมาก่อน

4. ปัสสัทธิ มีความรู้สึกสงบเยือกเย็น ทั้งกายและใจ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่กระวนกระวาย สงบเงียบดังเข้าผลสมาบัติ

5. สุข ได้แก่ วิปัสสนาสุข รู้สึกว่ามีความสุขที่สุด อย่างไม่เคยพบมาก่อน ยินดี เพลิดเพลิน ไม่อยากออกจากการปฏิบัติ อยากจะพูด จะบอก ผลที่ตนได้แก่ผู้อื่น

6. อธิโมกข์ (สัทธา) มีความเลื่อมใส ในพระรัตนไตรเป็นต้น อย่างแรงกล้า

7. ปัคคาหะ (ความเพียร) ขยันเกินควร ตั้งใจปฏิบัติจริง ยอมสู้ตายไม่ถอย จนเกินพอดี

8. อุปัฏฐานะ (สติ) สติมากเกินไป ระลึกถึงแต่เรื่องในอดีตและอนาคต จนทิ้งอารมณ์ปัจจุบันเสีย

9. อุเบกขา รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ใจลอย หลงๆลืมๆ เป็นต้น อะไรมากระทบก็เฉยๆ ขาดการกำหนด ปล่อยใจไปตามอารมณ์

10. นิกันติ (ติดใจ) พอใจในอารมณ์ต่างๆ มีโอภาสเป็นต้น หลงผิดคิดไปว่า ตนคงบรรลุ มรรค ผล นิพพานแล้ว เพราะไม่เคยพบมาก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:

กรัชกาย เขียน:
ผู้ที่หลงแถวๆนี้มีเยอะแยะในเมืองไทย ดูสักรายหนึ่งเป็นตัวอย่าง


อ้างคำพูด:
พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทันใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆเลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า
1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่
2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน
ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข



เยอะจริงๆจะบอกให้


คุณน้องมะเคยเป็น แล้วคุณน้องก็มะรู้ว่าเค้าเป็นอาไร เพราะเวลาคุณน้องนั่งกรรมฐาน จะระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนิมิตก็มีแต่อาวกาศ จิตนิ่ง

ส่วนกายก็ตัวโยกไปโยกมาแล้วก็สงบ บ้างทีก็ตัวเบาลอยละล่อง แล้วคุณน้องนั่งแค่ 30 หรือ 40นาทีเอง เเละจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกครั้ง




คุณน้องมะเคยเป็น แล้วคุณน้องก็มะรู้ว่าเค้าเป็นอาไร เพราะเวลาคุณน้องนั่งกรรมฐาน จะระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนิมิตก็มีแต่อาวกาศ จิตนิ่ง

ส่วนกายก็ตัวโยกไปโยกมาแล้วก็สงบ บ้างทีก็ตัวเบาลอยละล่อง แล้วคุณน้องนั่งแค่ 30 หรือ 40นาทีเอง เเละจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง


พูดบอกไว้ก่อนหน้าไงว่า ปัจจัตตังไปเถอะ ปัจจัตตังไปเรื่อยๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ทาง เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ปัจจัตตัง ที่มีความหมายว่า รู้ได้เฉพาะตน มันคือปัญญาอันเกิดขึ้นที่กายใจของใครของมัน
และไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามได้ สามารถบอกได้แต่เพียงหนทางเพื่อให้ได้มา
ซึ่งปัญญา ตัวอย่างระหว่างคุณกับเพื่อนคุณ ถ้าคุณเคยเห็นตัวสมเสร็จแล้วมาอธิบาย
ให้เพื่อนคุณที่ยังไม่เคยเห็นและรู้จักฟัง อธิบายให้ตายเขาก็ไม่รู้จัก มิหน่ำซ้ำจะเตลิดไปไกลอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อนคุณต้องไปเห็นเอง คุณบอกได้แค่ทำอย่างไรถึงจะได้เห็น
:b13:

นี่ !! ผู้รู้จริงจึงพูดได้ รู้ไม่จริงพูดไม่ได้หรอก ขอโมทนาก๊าบบ :b4: :b8:

คุณ ให้ทาง ถ้า จริตคุณคิดแต่ว่าถามไปงั้นลองภูมิมันดูหน่อยซิ ก็อย่ามายุ่งกับดิฉัน เห็นธาตุแท้แล้ว หมั้นไส้ ไม่ชอบด้วยพวกนิสัยอันตพาลแบบนี้ มาถามหาพระแสงอะไรปัตจัตตัง คนที่ดิฉันจะหมั่นไส้ได้ถือว่าคนนั้นซวยและแย่สุดๆจะบอกให้ ถามหน่อย ไม่สามารถอธิบายความหมายปัตจัตตัง ให้คนอื่นเข้าใจได้ แปลว่าดิฉันไม่รุ้ธรรม ไม่เข้าใจธรรมหรอ ไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองก่อนนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:

กรัชกาย เขียน:
ผู้ที่หลงแถวๆนี้มีเยอะแยะในเมืองไทย ดูสักรายหนึ่งเป็นตัวอย่าง


อ้างคำพูด:
พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทันใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆเลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า
1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่
2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน
ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข



เยอะจริงๆจะบอกให้


คุณน้องมะเคยเป็น แล้วคุณน้องก็มะรู้ว่าเค้าเป็นอาไร เพราะเวลาคุณน้องนั่งกรรมฐาน จะระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนิมิตก็มีแต่อาวกาศ จิตนิ่ง

ส่วนกายก็ตัวโยกไปโยกมาแล้วก็สงบ บ้างทีก็ตัวเบาลอยละล่อง แล้วคุณน้องนั่งแค่ 30 หรือ 40นาทีเอง เเละจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกครั้ง




คุณน้องมะเคยเป็น แล้วคุณน้องก็มะรู้ว่าเค้าเป็นอาไร เพราะเวลาคุณน้องนั่งกรรมฐาน จะระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนิมิตก็มีแต่อาวกาศ จิตนิ่ง

ส่วนกายก็ตัวโยกไปโยกมาแล้วก็สงบ บ้างทีก็ตัวเบาลอยละล่อง แล้วคุณน้องนั่งแค่ 30 หรือ 40นาทีเอง เเละจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง


พูดบอกไว้ก่อนหน้าไงว่า ปัจจัตตังไปเถอะ ปัจจัตตังไปเรื่อยๆ :b1:
แล้วมันผิดหรอท่านกรัชกาย ถ้าคุณน้อง นั่งสมาธิแล้วใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ได้ คิดไรเพ้อเจ้อ ดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุข แล้วมันแปลกหรอถ้าคุณน้องจะพูดว่า ปัตจัตตัง ในเมื่อคุณน้องมองเห็นทุกข์ แล้วไม่ติดอยู่กับทุกข์ แล้วท่านกรัชกายจะบอกว่า คุนน้องก็เชิญ ปัตจัตตัง ไปเถอะ ท่านกรัชกายไปคิดดูดีๆ ว่าคุณน้องพูดมาจริงไหม ทำไมคุณน้องนั่งกรรมฐานแล้วต้องอยากเห็นนั่นเห็นนี่ คุณน้องอยากเห็น จิตใจของคุณน้องสงบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ :b8:เด่วไปหา ความหมายของ .โอกกันติกาปีติ ก่อนว่าคือไรเหอๆ :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:

แล้วมันผิดหรอท่านกรัชกาย ถ้าคุณน้อง นั่งสมาธิแล้วใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ได้ คิดไรเพ้อเจ้อ ดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุข แล้วมันแปลกหรอถ้าคุณน้องจะพูดว่า ปัตจัตตัง ในเมื่อคุณน้องมองเห็นทุกข์ แล้วไม่ติดอยู่กับทุกข์ แล้วท่านกรัชกายจะบอกว่า คุนน้องก็เชิญ ปัตจัตตัง ไปเถอะ ท่านกรัชกายไปคิดดูดีๆ ว่าคุณน้องพูดมาจริงไหม ทำไมคุณน้องนั่งกรรมฐานแล้วต้องอยากเห็นนั่นเห็นนี่ คุณน้องอยากเห็น จิตใจของคุณน้องสงบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ



ไม่ได้ค้านนะ มีแต่ยุส่ง ถึงได้บอกว่าปัจจัตตังไปเถอะ ปัจจัตตังไปเรื่อยๆไงล่ะขอรับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:11
โพสต์: 94


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ให้ทาง เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ปัจจัตตัง ที่มีความหมายว่า รู้ได้เฉพาะตน มันคือปัญญาอันเกิดขึ้นที่กายใจของใครของมัน
และไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามได้ สามารถบอกได้แต่เพียงหนทางเพื่อให้ได้มา
ซึ่งปัญญา ตัวอย่างระหว่างคุณกับเพื่อนคุณ ถ้าคุณเคยเห็นตัวสมเสร็จแล้วมาอธิบาย
ให้เพื่อนคุณที่ยังไม่เคยเห็นและรู้จักฟัง อธิบายให้ตายเขาก็ไม่รู้จัก มิหน่ำซ้ำจะเตลิดไปไกลอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อนคุณต้องไปเห็นเอง คุณบอกได้แค่ทำอย่างไรถึงจะได้เห็น
:b13:

นี่ !! ผู้รู้จริงจึงพูดได้ รู้ไม่จริงพูดไม่ได้หรอก ขอโมทนาก๊าบบ :b4: :b8:

คุณ ให้ทาง ถ้า จริตคุณคิดแต่ว่าถามไปงั้นลองภูมิมันดูหน่อยซิ ก็อย่ามายุ่งกับดิฉัน เห็นธาตุแท้แล้ว หมั้นไส้ ไม่ชอบด้วยพวกนิสัยอันตพาลแบบนี้ มาถามหาพระแสงอะไรปัตจัตตัง คนที่ดิฉันจะหมั่นไส้ได้ถือว่าคนนั้นซวยและแย่สุดๆจะบอกให้ ถามหน่อย ไม่สามารถอธิบายความหมายปัตจัตตัง ให้คนอื่นเข้าใจได้ แปลว่าดิฉันไม่รุ้ธรรม ไม่เข้าใจธรรมหรอ ไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองก่อนนะ

กั่วอ่ะ ตอบไม่ได้แล้วพาล :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




z2dHrD.gif
z2dHrD.gif [ 10.08 KiB | เปิดดู 3564 ครั้ง ]
คุณ nong ขอรับ อย่าฉุนเฉียวคุณให้ทางเค้าเลยครับ อาจารย์พยอมพูดว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบร้า :b32:

โลกนี้ไม่มีอะไรแน่.....:b1:

http://www.youtube.com/watch?v=d40sTh6a7-w

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 09:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ทาง เขียน:
nongkong เขียน:
ให้ทาง เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ปัจจัตตัง ที่มีความหมายว่า รู้ได้เฉพาะตน มันคือปัญญาอันเกิดขึ้นที่กายใจของใครของมัน
และไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามได้ สามารถบอกได้แต่เพียงหนทางเพื่อให้ได้มา
ซึ่งปัญญา ตัวอย่างระหว่างคุณกับเพื่อนคุณ ถ้าคุณเคยเห็นตัวสมเสร็จแล้วมาอธิบาย
ให้เพื่อนคุณที่ยังไม่เคยเห็นและรู้จักฟัง อธิบายให้ตายเขาก็ไม่รู้จัก มิหน่ำซ้ำจะเตลิดไปไกลอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อนคุณต้องไปเห็นเอง คุณบอกได้แค่ทำอย่างไรถึงจะได้เห็น
:b13:

นี่ !! ผู้รู้จริงจึงพูดได้ รู้ไม่จริงพูดไม่ได้หรอก ขอโมทนาก๊าบบ :b4: :b8:

คุณ ให้ทาง ถ้า จริตคุณคิดแต่ว่าถามไปงั้นลองภูมิมันดูหน่อยซิ ก็อย่ามายุ่งกับดิฉัน เห็นธาตุแท้แล้ว หมั้นไส้ ไม่ชอบด้วยพวกนิสัยอันตพาลแบบนี้ มาถามหาพระแสงอะไรปัตจัตตัง คนที่ดิฉันจะหมั่นไส้ได้ถือว่าคนนั้นซวยและแย่สุดๆจะบอกให้ ถามหน่อย ไม่สามารถอธิบายความหมายปัตจัตตัง ให้คนอื่นเข้าใจได้ แปลว่าดิฉันไม่รุ้ธรรม ไม่เข้าใจธรรมหรอ ไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองก่อนนะ

กั่วอ่ะ ตอบไม่ได้แล้วพาล :b32:

ป่าวตอบไม่ได้ แต่ขี้เกียจเข้าgoogle :b32: ทำไมคุณมะเข้าgoogleแล้วดูเองหละ ว่าปัตจัตตังมันแปลว่าอะไร เอ๊ะ..หรือว่า คุณ อยากก...รู้ปัตจัตตังของดิฉัน เอ๊..มันเป็นกิเลศนะเจ้าค่ะ มาอยากรุ้ ปัตจัตตังของดิฉัน rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ทาง เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ปัจจัตตัง ที่มีความหมายว่า รู้ได้เฉพาะตน มันคือปัญญาอันเกิดขึ้นที่กายใจของใครของมัน
และไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามได้ สามารถบอกได้แต่เพียงหนทางเพื่อให้ได้มา
ซึ่งปัญญา ตัวอย่างระหว่างคุณกับเพื่อนคุณ ถ้าคุณเคยเห็นตัวสมเสร็จแล้วมาอธิบาย
ให้เพื่อนคุณที่ยังไม่เคยเห็นและรู้จักฟัง อธิบายให้ตายเขาก็ไม่รู้จัก มิหน่ำซ้ำจะเตลิดไปไกลอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อนคุณต้องไปเห็นเอง คุณบอกได้แค่ทำอย่างไรถึงจะได้เห็น
:b13:

นี่ !! ผู้รู้จริงจึงพูดได้ รู้ไม่จริงพูดไม่ได้หรอก ขอโมทนาก๊าบบ :b4: :b8:

นี่คือตัวอย่างของคนที่เชื่อ ไม่ลืมหูลืมตา พอเขาเอาอะไรมาพูดก็เออออห่อหมกโดยไม่พิจารณาว่า ปัตจัตตังที่แท้มันก็คือ ความรุ้เฉพาะตน แล้วสิ่งที่คุณรู้กับสิ่งที่ท่านอื่นเค้ารู้เหมือนกันไหม :b10: ถึงมาพูดว่าได้ว่า นี่แหละผู้รู้จริงจึงพูดได้รู้ไม่จริงพูดไม่ได้หรอก :b5: แบบนี้แหละคนที่สติไม่ได้ถูกอบรมให้เป็น สัมมาปัญญา แล้วพิจารณาข้อความให้เป็น สัมมาสติ :b32: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2012, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากจะมีคำถามว่า คำว่า ปัจจัตตัง เนี่ยเขาเอาที่ไหนมาพูดหรา อ๋อ...นำมาจากบทสวดสรรเสริญธรรมคุณนี่

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ

ปัจจัตตัง = ปฏิ+อัตตัง ปฏิ แปลว่า เฉพาะ อัตตะ แปลว่า ตน,ตัว ....ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แปลว่า อันวิญญูชน พึงรู้เฉพาะตน

ถามว่า รู้อะไร? ตอบว่า รู้ธัมม์ (ธมฺโม ประธาน)

ถามว่า ธัมม์ ในที่นี้ ได้แก่ อะไร ? ดูแก้อรรถเอง :b1:

แต่ที่จะพูดก็คือ ชาวพุทธบางกลุ่มไปแยกย่อยศัพท์เขามาพูดเข้าข้างตน เอะอะๆ ก็ปัจจัตตังๆ รู้เฉพาะตนๆ เพื่อต้องการไม่ให้คนแย้งคนเถียงคนถาม มันเป็นปัจจัตตังฮิ :b1:

เมื่อมีคนถามว่า รู้อะไรล่ะ ? ปัจจัตตัง ก็จะเป็นเช่นนั้นเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2012, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แต่ที่จะพูดก็คือ ชาวพุทธบางกลุ่มไปแยกย่อยศัพท์เขามาพูดเข้าข้างตน เอะอะๆ ก็ปัจจัตตังๆ รู้เฉพาะตนๆ เพื่อต้องการไม่ให้คนแย้งคนเถียงคนถาม มันเป็นปัจจัตตังฮิ :b1:

:b8: สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร