พระปัจเจกพุทธเจ้า สร้างบุญในพระพุทธเจ้าทั้งปวง ยังไม่ได้โมกขธรรมในศาสนาของพระชินเจ้า
ด้วยมุข คือ ความสังเวชนั้นแล

ท่านเหล่านั้นเป็นนักปราชญ มีปัญญาแก่กล้า ถึงจะเว้นพระพุทธเจ้าก็ย่อมบรรลุปัจเจกโพธิญาณได้
แม้ด้วยอารมณ์นิดหน่อย ในโลกทั้งปวง เว้นเราแล้ว ไม่มีใครเสมอ พระปัจเจกพุทธเจ้าเลย

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... =147&Z=289

ท่านผู้ใดปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านจะไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลได้ ไม่ว่าขั้นใด ความปรารถนานั้นจะขวางกั้นไว้ เพราะต้องการตรัสรู้ธรรมด้วยตัวเอง

จนกว่าจะยกเลิกความปรารถนานั้น จึงจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลในศาสนาของพระชินเจ้าได้
เช่นที่หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นฯ ละความปรารถนานั้นแล้วบรรลุธรรมเป็นพระอริยะบุคคลขั้นสูงใน
พระพุทธศาสนา

ขอโมทนากับความปรารถนาของคุณ nongkong ขอให้สมปรารถนาตามที่มุ่งหมายนะครับ
สาธุ ...

อ้าวมาอนุโมทนาดิฉันล่วงหน้าแบบนี้ ดิฉันก็งานเข้าอ่ะสิเจ้าค่ะ

งานเข้าอะไรอ่ะ เมื่อเราตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้ ก็ต้องทำให้เกิดเป็นจริงให้ได้
เหมือนการออกเดินแหละ ถ้าเราไม่หยุดเดิน วันหนึ่งก็ต้องถึงจนได้ ..

อธิบาทสี่ ฉันทะ ความต้องการ ความพอใจ เจริญให้มาก ๆ
ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล

ไม่รุ้จะอธิบายได้อย่างไร พออ่านพระไตรปิฏกที่ท่าน วิริยะ เอามาลงให้อ่านเกี่ยวกับพระปัจเจกพุทธเจ้า
ดิฉันว่ามันเหลือเชื่อ มหัศจรรย์ แบบบอกไม่ถูก คือมันคล้ายคลึงกับสภาวะธรรมของดิฉันในตอนนี้เลยเจ้าค่ะ
คือมันเป็นปัจจัตตังอ่ะอธิบายไม่ถูก คือต้องรู้เอง ดิฉันเชื่อเลย ว่าคำพูดของพระพุทธเจ้าจริงแท้ที่สุดเลยในเรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย

สังเวช หมายถึงความรู้สึกเศร้าสลดหดหู่ต่อผู้ที่ได้รับทุกข์เวทนาหรือต้องตายไป หรือต่อผู้ที่ตนเคารพนับถือซึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสมเป็นต้น เช่นใช้ว่า




"น่าสังเวชเหลือเกิน ไม่น่าประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้เลย"
สังเวช อีกความหมายหนึ่ง หมายถึงความรู้สึกเตือนใจให้ระลึกถึง ให้คิดถึงคุณงามความดีของผู้ที่ตนเคารพนับถือ ทำให้จิตใจแช่มชื่นเบิกบาน อยากทำประโยชน์เหมือนเช่นผู้ที่ตนระลึกถึงนั้น

ดิฉันเข้าใจแล้วกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน เพราะดิฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

ผู้ปรารถนาความเป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้า
ก็จำต้องปรารถนาสมบัติ ๕ ประการ กระทำอภินีหาร.
จริงอยู่ พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น มีเหตุแห่งอภินีหารเหล่านี้ คือ

ความเป็นมนุษย์ ๑
ความถึงพร้อมด้วยเพศชาย ๑
การได้เห็นท่านผู้ปราศจากอาสวะ ๑
การกระทำอันยิ่งใหญ่ ๑
ความเป็นผู้มีฉันทะ ๑

*** ผู้หญิงหรือมาตุคาม หากปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
ต้องปรารถนาความเป็นบุรุษก่อน เมื่ออยู่ในเพศบุรุษแล้ว จึงทำความ
ปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงจะสำเร็จประโยชน์ได้

*** ความเห็นของผู้โพส ..

http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... .0&i=2&p=1

สาธุเจ้าค่ะท่านวิริยะ ประโยคนี้ในพระไตรปิฏก ความเสน่หาในบุตรและภรรยา เปรียบเหมือนไม้ไผ่กอใหญ่เกี่ยว
กันอยู่ ท่านไม่ข้องในบุตรและภริยา ดังหน่อไม้ไผ่ เที่ยวไปผู้เดียว
เช่นกับนอแรด ฉะนั้น ท่านเป็นวิญญูชนหวังความเสรี จึงเที่ยวไป
ผู้เดียว เช่นกับนอแรด ฉะนั้น เหมือนเนื้อที่ไม่ถูกผูกมัด
ดิฉันเข้าใจถ่องแท้เลยเจ้าค่ะ ทำไงได้ละเจ้าค่ะชาตินี้มีกรรม เกิดมาก็ต้องดิ้นรนขนขวายให้พ้นจากทุกข์
ก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยตั้งจิตอธิษฐานไว้แล้วเจ้าค่ะว่า ชาตินี้บารมีลูกไม่ถึง ขอให้ชาติหน้าลูกกลับมาเกิดอีกขอให้บารมีที่สะสมมาจากชาตินี้นำลูกเข้าสู่กระแสธรรมแล้ว บรรลุธรรมด้วยตัวเองเถิด ดิฉันตั้งจิตอธิษฐานแบบนี้เจ้าค่ะ

เมื่อเห็นโทษของการครองคู่ จิตก็น้อมเข้าสู่เนกขัมม
ทาน ศีล ภาวนา เจริญให้มาก ๆ นะครับ เอาใจช่วยอ่ะ

หมายความว่า พระอริยะบุคคลไม่ว่าขั้นใด ไม่สามารถเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ใช่ไหมและเป็นเพราะอะไรครับ ขอบคุณครับ

ใช่ครับ ..
พระอริยะบุคคล(พระโสดาบัน พระสกิทคามี พระอนาคามี พระอรหันต์) คือ พระสาวก
ไม่สามารถตรัสรู้ธรรมได้ด้วยตัวเอง ต้องได้รับการชี้แนะจากพระพุทธเจ้า หรือพระสาวกองค์อื่น ๆ

ส่วนพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้เองโดยชอบ การบำเพ็ญบารมีจะแตกต่าง
จากพระสาวก อ่าน Link สัก ๒-๓ รอบแล้วจะเข้าใจครับ ..

ขอบคุณครับ