วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


หัวหอมที่เป็นของคู่ควรกันกับสัตว์เหล่านั้นเท่านั้น
การกล่าวทั้งนี้มิได้มุ่งติเตียนทำลายท่านสุภาพชนทั้งหลาย
ด้วยอรรถธรรมที่กล่าวมา แต่กล่าวมาเพื่อช่วยพยุงส่งเสริมจิตใจ
กายวาจาที่กำลังถูกสิ่งลามกตกโคลนมาทำหน้าที่เป็นนายเขียงสับยำ
เป็นอาหารอันอร่อยของมันต่างหาก เพื่อสติปัญญาจะได้สะดุดตัว
ทราบว่าเวลานี้เราตกอยู่ในสภาพเช่นไร จึงพยายามด้วยอุบาย
ที่เห็นว่าจะพอเป็นเครื่องช่วยให้พ้นภัยจากมันบ้างสมเป็นพุทธ
ศาสนิกชน ทางที่พอจะทราบได้ก็คือการหัดอ่านตัวเองด้วยสมาธิ
ภาวนา ซึ่งเป็นอุบายที่ควรทราบได้ง่ายกว่าวิธีอื่น เพราะกิจนี้อยู่กับ
ตัวทำหน้าที่อยู่ในตัว และคิดอ่านเรื่องของสัตว์โลกไปในตัวโดยตรง
ผิดกับถูก ดีกับชั่ว สุขกับทุกข์ก็มีอยู่กับตัว เมื่ออ่านบ่อย ๆ ก็ค่อย
ทราบไปเอง เมื่อทราบตัวเองก็ต้องทราบเรื่องทุกข์ที่เกิดกับตัว จิตใจ
ก็นับวันจะเด่นดวงและมีคุณค่าขึ้นราวกับสินค้าขึ้นราคานั่นแล
ใครหัดคิดหัดอ่านตัวเองมาก ๆ ผู้นั้นจะทราบหนทาง
หลบหลีกปลีกทุกข์ไม่เหมากันไปตลอดกาลดังที่เคยเป็นมา
ความเห็นภัยในทุกข์ที่มีอยู่กับตัวก็นับวันจะเห็นไปโดยสม่ำเสมอ
มีหนทางหลบหลีกภัยไปเรื่อย ๆ พ้นไปได้โดยลำดับ การเห็นทุกข์
ก็เห็นอยู่กับตัวไปทุกระยะที่ทุกข์เกิดขึ้น แม้การพ้นทุกข์ก็ทราบว่า
พ้นอยู่กับตัวด้วยกำลังสมาธิสติปัญญา พูดถึงความทุกข์ ความเป็น
ความตาย และภพชาติที่จะเผชิญกันมากน้อยเพียงไรก็ไม่วิตกกังวล
เพราะได้ประมวลมารู้เห็นในขันธ์เฉพาะหน้าที่รวมรับรู้อยู่กับดวงใจ
เดียวที่กำลังฝึกซ้อมตัวอยู่ขณะนี้แล้ว ยังเป็นอยู่ก็เย็นใจเพราะ
คุณธรรมอยู่กับตัว แม้ตายไปก็มีสุคโตเป็นที่อยู่เสวย นี่คือผล
ของการทำสมาธิเดินจงกรมภาวนา สามารถยังผู้บำเพ็ญให้เกิดความรื่นเริงอาจหาญได้ผิดคาดผิดหมาย จึงเป็นกิจที่ควรทำเพื่อ
ตัวเราเองไม่ควรประมาท ซึ่งอาจเป็นภัยอย่างคาดไม่ถึง
การกำหนดจิตตั้งสติในเวลาเดินจงกรมกรุณาทำเป็นล่ำ
เป็นสัน สมที่เจตนามุ่งหน้าหาของดี การเดินจงกรมภาวนาเป็น
การแสวงหาของดีที่ถูกทางไม่มีข้อควรตำหนิ นักปราชญ์ชมเชย
กันทั่วโลก ควรพยายามทำจิตใจให้สงบในเวลานั้นจนได้ อย่าสักแต่
ว่าทำ จะเห็นความประเสริฐอัศจรรย์ของตัวเอง คือจิตที่ถูกห่อหุ้ม
ด้วยของเศษเดนทั้งหลาย จนขาดความสนใจว่าสิ่งที่ถูกหุ้มห่อนั้น
ไม่สำคัญ ยิ่งกว่าสิ่งเศษเดนที่หุ้มห่อ จึงมักพากันหลงไปกับสิ่งนั้น
จนลืมสำนึกตัว
ความจริง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่กระเดื่อง
เลื่องลือในไตรภพตลอดมานั้น ก็ออกจากใจที่เป็นทั้งเหตุและผล
อัศจรรย์ดังกล่าวมา คือใจดวงหลุดลอยจากของเศษเดนทั้งหลาย
ออกมาแล้วนั่นแลที่มีพระนามว่าพระพุทธบ้าง พระสงฆ์บ้าง ตาม
อาการของผู้ทรง เมื่อปราศจากผู้ทรงแล้วก็เป็นธรรมล้วน ๆ ไม่มี
คำว่าจิตว่าพระพุทธเจ้าอันเป็นสมมุติขั้นสูงสุดอยู่ในนั้นอีกเลย
เหลือแต่คำว่า “ธรรม” พระนามนี้ก็เป็นสมมุติขั้นสูงสุดอีกพระนาม
หนึ่ง แต่จำต้องทรงพระนามนี้ไว้เป็นหลักใหญ่ของโลกผู้หวังพึ่งธรรม
จนกว่าได้บรรลุถึงความไม่หวังพึ่งสิ่งใดแล้ว คำว่าธรรมกับผู้นั้น
ก็ทราบกันเองไม่มีทางสงสัยแม้ไม่เคยทราบมาก่อน
ดังนั้นคำว่า “จิต” ทั้งจิตท่านจิตเราย่อมเป็นเช่นเดียวกัน
ทั้งโลก แต่สิ่งที่ทำให้จิตผิดกันไปต่าง ๆ จนคาดไม่ออกบอกไม่ถูก
มองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ในสังคมสามัญของคนมีกิเลสนั้น เพราะ
สิ่งแวดล้อมทั้งหลายซึ่งมีมากและต่าง ๆ กันจนพรรณนาไม่จบเข้าเกี่ยวข้องพัวพัน จิตที่ถูกสิ่งเหล่านั้นปกคลุมคละเคล้าจนเป็น
อันเดียวกันจึงเป็นจิตที่ผิดกันมาก จนไม่อาจทราบได้ว่าจิตนั้นมี
ความหนาบางจากสิ่งดังกล่าวมากน้อยเพียงไร และพิสูจน์ไม่ได้ว่า
จิตของผู้นั้นเดิมมาจากภพชาติอะไรบ้าง มีอะไรปกคลุมหุ้มห่อมาก
ที่สุด บรรดาที่มีนามว่ากิเลสหรือของเศษเดนแห่งท่านผู้วิเศษ
ทั้งหลาย
ท่านผู้ใดพยายามชำระแก้ไขสิ่งดังกล่าวออกได้มากน้อย
เพียงไร ย่อมได้รับความสุขมากน้อยตามเหตุที่ชำระได้ ถึงขั้น
บริสุทธิ์ก็เป็นผู้สิ้นทุกข์ทางใจในท่ามกลางแห่งขันธ์ที่กำลังครองอยู่
ดังพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่านที่ตรัสรู้และบรรลุธรรมแล้ว
ย่อมทรงเสวยและเสวยวิมุตติสุขในขณะนั้นโดยไม่อ้างกาลสถานที่
เลย ขอแต่กิเลสที่เป็นตัวข้าศึกแก่จิตใจได้สิ้นสูญไปก็พอแล้ว ฉะนั้น
จึงมีเพียงกิเลสอย่างเดียวกั้นกางมรรคผลนิพพานไม่ให้จิตบรรลุ
ถึงได้ นอกนั้นไม่มีอะไรหรือผู้ใดมีอำนาจกั้นกางได้ การสอนธรรม
จึงสอนลงที่จิตซึ่งเป็นที่ซ่องสุมของกิเลสทั้งมวล ด้วยธรรมปฏิบัติ
คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นหลักใหญ่ในบรรดาธรรมแก้ไขบุกเบิก
การเดินจงกรม จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถทำกิเลสให้
หลุดลอยออกจากใจได้เช่นวิธีทั้งหลาย มีการนั่งสมาธิภาวนา
เป็นต้น จึงควรสนใจฝึกหัดทำแต่บัดนี้เป็นต้นไป เช่นเดียวกับงาน
ทางโลกอันเป็นงานอาชีพ และงานเพื่อเกียรติแห่งสังคมมนุษย์
ที่นิยมกัน ส่วนงานคือการทำความดีมีการเดินจงกรมเป็นต้น
ดังกล่าวมา เป็นงานพยุงตนทั้งภายในและภายนอก และเป็นงาน
พยุงเพื่อนมนุษย์และสัตว์ในโลกอีกด้วย ตามแต่กำลังความดี
ของแต่ละท่านละคนจะแผ่ความสุขให้โลกได้รับมากน้อยเพียงไรเช่น พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงทำความร่มเย็นแก่โลกทั้งสาม
ได้มากมหามาก ไม่มีท่านผู้ใดกล้าเป็นคู่แข่งได้ พระอรหันต์แต่ละ
องค์ทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้มากพอประมาณรองพระพุทธเจ้า
ทั้งหลายลงมา และมากกว่าสามัญชนทำต่อกัน
สุภาพชนถ้าเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนามาก ก็ทำประโยชน์
แก่ประชาชนราษฎรได้มาก ราษฎรเคารพนับถือและยกย่องเป็น
พ่อพระแม่พระผู้หนึ่ง และรักมากราวกับพ่อแม่ของตนจริงๆ ยิ่งมี
ผู้ใหญ่เป็นคนดีจำนวนมากเพียงไร ก็เป็นการแสดงออกแห่ง
ความเจริญรุ่งเรืองของหมู่ชนมากเพียงนั้น ศาสนาและผู้ประกาศ
สอนธรรมการสงเคราะห์โลกด้วยวิธีต่าง ๆ โดยไม่คิดค่าตอบแทน
ในทางอามิสและสินจ้างรางวัลใด ๆ ชื่อว่าผู้สร้างความกระหยิ่ม
ปริ่มด้วยความเมตตาวิหารธรรม และจงรักภักดีแก่ประชาชนได้รับ
ไม่มีวันจืดจางอิ่มพอ หลับและตื่นเขาย่อมระลึกบูชาเป็นขวัญตา
ขวัญใจอยู่ตลอดเวลา ไปที่ไหนไม่เป็นภัยแก่โลก นอกจากสร้างบุญ
สร้างคุณแก่ผู้อื่นให้เต็มตื้นไปด้วยความปีติยินดีโดยทั่วกันถ่ายเดียว
เท่านั้น
ศาสนากับผู้สงเคราะห์โลกด้วยธรรมและอามิส จึงเป็น
เหมือนนายแพทย์และนางพยาบาลที่มีความสงสารเมตตาเที่ยว
แจกยา และรักษาโรคให้หมู่ชนผู้จำเป็นที่ชีวิตอยู่กับยาและหมอ
แม้เขาหายโรคแล้วแต่บุญคุณที่เขาระลึกต่อหมอผู้มีคุณนั้นจะ
ไม่มีวันลืมเลย นี่แลอำนาจของความดี ไม่เลือกชาติชั้นวรรณะ
ย่อมมีความปรารถนาทั่วหน้ากัน ความดีและศาสนาจึงมิได้เป็น
ของล้าสมัยดังที่บางคนเข้าใจ ทั้งที่เขาก็ยังหวังพึ่งผู้อื่นอยู่ด้วย
ความกระหายต่อความเมตตาอารีของท่านผู้ใจบุญทั้งหลาย อันมีศาสนาเป็นแหล่งผลิตคนดี เพราะศาสนาเป็นแหล่งแห่งความดี
ทั้งมวล ถ้ามิใช่คนดีจะนำศาสนาออกสอนโลกไม่ได้แน่นอน หลัก
ศาสนาอย่างน้อยก็คือหัวใจของคนดีนั่นแล ยิ่งกว่านั้นก็คือหัวใจ
ของท่านที่บริสุทธิ์วิมุตติธรรมทั้งดวง ดังศาสดาของศาสนาพุทธ
เป็นต้น
จะเป็นใครอื่นมาจากที่ไหนที่จะมีแก่ใจและความสามารถ
ใครบ้างที่มีแก่ใจเสียสละเพื่อหมู่ชนเหมือนหัวใจของเจ้าของศาสนา
ผู้นำธรรมออกสอนโลก ดังพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ทรงเสียสละ
เต็มพระทัยแล้ว และพระสาวกอรหันต์ของพระพุทธเจ้าทุก ๆ
พระองค์ที่ทำประโยชน์แก่หมู่ชน ถ้าไม่ใช่ท่านผู้มีใจขาวสะอาด
ปราศจากความเห็นแก่ตัวแล้ว จะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อโลก
ไม่ได้เลย ข้อนี้น่าเชื่อเหลือเกิน แม้ไม่มีใครเชื่อด้วยก็ยอมโง่เชื่อ
คนเดียว เพราะเราท่านเกิดมาในโลกนี้ก็นานพอจะทราบความ
คับแคบ ความกว้างขวาง ความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ผู้อื่น
เพื่อนฝูงที่เป็นมนุษย์ด้วยกันได้ดี เพราะต่างก็อยู่โลกอันเดียวกัน
ความทุกข์สุกดิบเกี่ยวเนื่องกันอยู่ทุกวันเวลาอย่างแยกไม่ออก จะ
ไม่ทราบเรื่องของกันนั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องทราบแน่นอน
คนที่เบื่อหน่ายเกลียดชังกันก็เพราะทราบเรื่องของกัน
คนที่รักชอบขอบใจตายใจเชื่อสนิทต่อกันก็เพราะทราบเรื่องของกัน
การแสดงออกแห่งศาสนาของศาสดาแต่ละองค์ซึ่งเป็นการสะเทือน
โลกธาตุ เพราะการปลุกปลอบใจสัตว์ทั้งหลายให้ตื่นจากหลับ ที่
เคยจมอยู่ในกองกิเลสทั้งหลายให้ฟื้นตื่นตัวด้วยธรรมจักร ที่หมุนไป
ด้วยอริยสัจของจริงอันประเสริฐ ทำไมจะทราบไม่ได้ว่าบุคคลเช่นไร
เป็นผู้ประกาศ และประกาศด้วยอัธยาศัยที่สัมปยุตด้วยอะไร ถ้าไม่สัมปยุตด้วยพระเมตตาตามหาคุณล้นโลกแล้ว ผู้เขียนก็ไม่ทราบจะ
เรียนอย่างไรจึงจะสมใจของท่านผู้อ่านทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นเสมือน
เรา ๆ ท่าน ๆ ที่ขุดค้นดูในตัวในใจเห็นแต่ความคับแคบตีบตัน
ความเห็นแก่ตัวแบบเข้ากับใครไม่ได้นี้แล้ว ศาสนาและศาสดาจะ
ไม่มีวันอุบัติขึ้นมาให้โลกได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจได้เลย
เท่าที่โลกยังเป็นโลกและมีคนดีคนชั่วสับปนกันอยู่ ไม่สูญ
ปราชญ์ราชบัณฑิตไปจากพันธุ์มนุษย์ ก็เพราะอาศัยร่มเงาแห่งใจ
ที่ขาวสะอาดของท่านผู้ไม่เห็นแก่ตัวกลัวคนอื่นจะดีกว่า มาชุบเลี้ยง
ชโลมไว้ด้วยด้วยศาสนธรรมนั่นเอง จึงพอมีคนดีไว้ประดับโลก
การเกิดมาเป็นมนุษย์จึงไม่ควรคิดเอาง่าย ๆ ว่าเป็นภพที่เกิดได้
ง่ายและตายยาก แต่อาจเป็นภพที่เกิดง่ายตายง่าย และเกิดยาก
ตายง่ายเช่นเดียวกับสัตว์ทั่วไป เพราะชีวิตเป็นอยู่กับธาตุขันธ์
เหมือนกัน ลมหายใจหยุดหมดความสืบต่อก็คือคนตายสัตว์ตาย
นั่นแล จะเรียกอย่างไรให้ยิ่งกว่านั้นไปอีกได้ จะมีความเที่ยงทน
ถาวรที่ไหนพอจะประมาทนอนใจไม่คิดอ่านเรื่องของตัว พอเป็น
สุคตินิสัยสืบไปในอนาคต
วิธีนั่งสมาธิภาวนา
การกล่าววิธีเดินจงกรมมาก็มากพอควร จึงขอเริ่มอธิบายวิธี
นั่งสมาธิภาวนาต่อไปพอเป็นหลักฐานของผู้เริ่มฝึกหัด เพราะงาน
ทุกแขนงทุกชนิดย่อมมีแบบฉบับเป็นเครื่องดำเนิน งานสมาธิ
ภาวนาก็จำต้องมีแบบฉบับเป็นหลักเกณฑ์ วิธีนั่งสมาธิภาวนา
ท่านสอนไว้ว่า พึงนั่งขัดสมาธิ คือนั่งขัดสมาธิตามแบบพระพุทธรูป
องค์แทนศาสดา เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย วางมือทั้งสองไว้บนตักหรือบนสมาธิ ตั้งกายให้ตรงธรรมดา อย่าให้ก้มนัก
เงยนัก อย่าให้เอียงซ้ายเอียงขวาจนผิดธรรมดา ไม่กดหรือเกร็ง
อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอันเป็นการบังคับกายให้ลำบาก ปล่อยวาง
อวัยวะทุกส่วนไว้ตามปกติธรรมดา
แต่เวลาทำหน้าที่ภาวนาต่อไปแล้ว กรุณาทำความสนใจกับ
หน้าที่นั้นอย่างเดียว ไม่พึงกลับมาทำความกังวลรักษาท่าสมาธิที่
กำหนดไว้เดิม โดยเกรงท่านั่งนั้นจะเคลื่อนจากอาการเดิม เป็นการ
ก้มเกินไปหรือเงยเกินไป เอียงซ้ายเกินไป เอียงขวาเกินไป ซึ่ง
เป็นการกังวลกับอาการทางกายมากกว่าทางจิต สมาธิภาวนาจะ
ดำเนินไปไม่สะดวก ดังนั้นพอเริ่มต้นทางจิตตภาวนาแล้ว จึงไม่ควร
เป็นกังวลกับทางกาย ตั้งหน้าทำงานทางจิตต่อไปจนถึงวาระสุดท้าย
แห่งการออกจากที่สมาธิภาวนา
การเริ่มต้นทางจิตตภาวนาพึงตั้งความรู้สึก คือ จิตลงเฉพาะ
หน้าที่เรียกว่าปัจจุบันธรรม อันเป็นทางรู้ความเคลื่อนไหวของ
จิตของธรรมารมณ์ต่างๆ ดีชั่วได้ดีในเวลานั้นมากกว่าเวลาอื่น ๆ
คือ ตั้งจิตลงเฉพาะหน้า มีสติ คือ ความระลึกรู้อยู่กับใจอันเป็น
การเตือนตนให้รู้ว่าจะเริ่มทำงานในขณะนั้น กรุณาระวังไม่ให้จิต
ส่งออกไปสู่อารมณ์ต่าง ๆ ทั้งอดีต อนาคต ทั้งดีและชั่ว ที่
นอกจากงานบริกรรมภาวนาซึ่งกำลังทำอยู่ในเวลานั้น
วิธีตั้งสติเฉพาะหน้า จิตเป็นผู้รู้โดยธรรมชาติเท่านั้น ไม่มี
ความแยบคายใคร่ครวญในตัวเอง เป็นเพียงรู้คิด รู้นึก รู้เย็น รู้ร้อน
จากสิ่งสัมผัสต่าง ๆ เท่านั้น ไม่มีความแยบคายใคร่ครวญ ไม่รู้
การพินิจพิจารณาและตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิดลงไปได้ คือ ไม่รู้จัก
ผิดถูกชั่วดีโดยลำพังตนเอง จึงต้องอาศัยสติและปัญญาตัวรู้ตัววินิจฉัยใคร่ครวญกำกับรักษา เพราะสติปัญญามีอำนาจเหนือ
จิต สามารถรู้เท่าทันจิตที่คิดไปในอารมณ์ต่าง ๆ ได้ดี ฉะนั้นพึง
กำหนดเอาสติ คือความระลึกรู้ชนิดหนึ่งที่มีอำนาจเหนือจิตนั้นมาไว้
เฉพาะหน้า ทำหน้าที่กำหนดรู้และรักษาจิตไม่ให้ส่งไปอื่นจาก
อารมณ์ที่ภาวนา การมีสติรักษาจิตอยู่ทุกระยะนั้น สติสัมปชัญญะ
จะพึงเป็นสมบัติที่ควรได้รับในวาระนั้นหรือวาระต่อไปแน่นอน
การภาวนาด้วยบริกรรมกับธรรมบทใดบทหนึ่งนั้น พึงให้เป็นไปตาม
จริตไม่ควรฝืน ธรรมบทใดเป็นที่สบายใจในเวลานั้น พึงนำธรรมบท
นั้นมาบริกรรมภาวนาสืบต่อไปดังที่เคยอธิบายมาแล้ว
วิธีนึกคำบริกรรมภาวนา การนึกคำบริกรรมภาวนานั้น จะนึก
กับธรรมบทใดบทหนึ่งตามนิสัยชอบดังกล่าวแล้วก็ได้ เช่น พุทโธ
ธัมโม สังโฆ ๆ ๆ ๓ จบ แล้วกำหนดเอาเพียงบทเดียวติดต่อกันไป
ด้วยความมีสติ แต่จะกำหนดธรรมบทใดก็ตามนอกจากสามบทนี้
ก่อนจะเจริญธรรมบทนั้น ๆ ทุกครั้ง ควรเจริญรำลึกธรรมสามบท
คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ ครั้ง อันเป็นองค์พระรัตนตรัยก่อน
จากนั้นค่อยบริกรรมบทที่ตนต้องการต่อไป เช่น อานาปานสติ
หรืออัฐิ หรือตโจ เป็นต้น การที่ท่านให้มีคำบริกรรมภาวนาเป็น
บท ๆ กำกับใจในเวลานั้นหรือเวลาอื่น ก็เพื่อเป็นอารมณ์เครื่องยึด
ของใจในเวลาต้องการความสงบ เพราะใจเป็นของละเอียดตาม
ธรรมชาติ ทั้งยังไม่สามารถพึ่งตัวเองได้ เนื่องจากจิตยังไม่เป็นตัว
ของตัวโดยสมบูรณ์ดังพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่าน จำต้องมี
บทเป็นคำบริกรรมเพื่อผูกใจหรือเพื่อเป็นอารมณ์ของใจเวลานั้น
การบริกรรมภาวนาในธรรมบทใดก็ตาม กรุณาอย่าคาดหมาย
ผลที่จะพึงเกิดขึ้นในเวลานั้น เช่น ความสงบจะเกิดขึ้นในลักษณะนั้น นิมิตต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในเวลานั้น หรืออาจจะเห็นนรกสวรรค์
ขุมใดหรือชั้นใดในเวลานั้น เป็นต้น นั้นเป็นการคาดคะเนหรือด้นเดา
ซึ่งเป็นการก่อความไม่สงบให้แก่ใจเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร
จากการวาดภาพนั้นเลย และอาจทำใจให้ท้อถอยหรือหวาดกลัว
ไปต่าง ๆ ซึ่งผิดจากความมุ่งหมายของการภาวนาโดยถูกทางที่ท่าน
สอนไว้
ที่ถูกควรตั้งจิตกับสติไว้เฉพาะหน้า มีคำบริกรรมเป็นอารมณ์
ของใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยมีใจกับสติสืบต่ออยู่กับคำบริกรรม
เช่น พุทโธ ๆ สืบเนื่องกันไปด้วยความมีสติ และพยายามทำ
ความรู้สึกตัวอยู่กับคำบริกรรมนั้น ๆ อย่าให้จิตเผลอตัวไปสู่อารมณ์
อื่น ระหว่างจิตสติกับคำบริกรรมมีความสืบต่อกลมกลืนกันได้
เพียงไร ยิ่งเป็นความมุ่งหมายของการภาวนาเพียงนั้น ผลคือความ
สงบเย็นหรืออื่น ๆ ที่แปลกประหลาดไม่เคยพบเคยเห็น อันจะพึง
เกิดขึ้นให้ชมตามนิสัยวาสนาในเวลานั้น จะเกิดขึ้นเอง เพราะ
อำนาจของการรักษาจิตกับคำบริกรรมไว้ได้ด้วยสตินั่นแล จะมีอะไร
มาบันดาลให้เป็นขึ้นไม่ได้
ข้อควรสังเกตและระวังในขณะภาวนา โดยมากมักคิดและ
พูดกันเสมอว่าภาวนาดูนรกสวรรค์ ดูกรรมดูเวรของตนและผู้อื่น
ข้อนี้ท่านที่มุ่งต่ออรรถธรรมสำหรับตัวจริง ๆ กรุณาสังเกตขณะ
ภาวนาว่า จิตได้มีส่วนเกี่ยวข้องผูกพันกับเรื่องดังกล่าวเหล่านี้บ้าง
หรือไม่ ถ้ามีควรระวังอย่าให้มีขึ้นได้สำหรับผู้ภาวนาเพื่อความสงบ
เย็นเห็นผลเป็นความสุขแก่ใจโดยถูกทางจริง ๆ เพราะสิ่งดังกล่าว
เหล่านั้นมิใช่ของดีดังที่เข้าใจ แต่เป็นความคิดที่ริเริ่มจะไปทางผิด
เพราะจิตเป็นสิ่งที่น้อมนึกเอาสิ่งต่าง ๆ ที่ตนชอบได้แม้ไม่เป็นความจริง นานไปสิ่งที่น้อมนึกนั้นอาจปรากฏเป็นภาพขึ้นมาราวกับ
เป็นของจริงก็ได้ นี่รู้สึกแก้ยาก แม้ผู้สนใจในทางนั้นอยู่แล้วจน
ปรากฏสิ่งที่ตนเข้าใจว่าใช่และชอบขึ้นมาด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำความ
มั่นใจหนักแน่นขึ้นไม่มีทางลดละ จะไม่ยอมลงกับใครง่าย ๆ เลย
จึงได้เรียนเผดียงไว้ก่อนว่าควรสังเกตระวังอย่าให้จิตนึกน้อม
ไปในทางนั้น จะกลายเป็นนักภาวนาที่น่าทุเรศเวทนา ทั้งที่ผู้นั้นยัง
ทะนงถือความรู้ความเห็นของตัวว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่ และพร้อม
จะสั่งสอนผู้อื่นให้เป็นไปในแนวของตนอีกด้วย จิตถ้าได้นึกน้อมไป
ในสิ่งใดแล้ว แม้สิ่งนั้นจะผิดก็ยังเห็นว่าถูกอยู่นั่นเอง จึงเป็นการ
ลำบากและหนักใจแก่การแก้ไขอยู่ไม่น้อย เพราะจิตเป็นของละเอียด
มากยากที่จะทราบได้กับบรรดาอารมณ์ที่จิตเข้าเกาะเกี่ยว ว่าเป็น
อารมณ์ดีหรือชั่วประการใด นอกจากท่านที่เชี่ยวชาญทางด้าน
ภาวนาซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มาแล้วอย่างโชกโชน เช่น
อาจารย์มั่นเป็นต้นนั้น ท่านพอตัวเสียทุกอย่างไม่ว่าภายใน
ภายนอก ท่านคลี่คลายดูโดยละเอียดทั่วถึงไม่มีทางสงสัย จึงสม
นามที่ท่านเป็นอาจารย์หรือครูชั้นเอกในการสอนธรรมกรรมฐาน
แก่บรรดาศิษย์
ท่านผู้ใดจะมีความรู้ความเห็นในด้านภาวนามากน้อย ทั้ง
ภายในภายนอกมาเพียงไร เวลาเล่าถวายท่านจบลงแล้ว จะได้ยิน
เสียงท่านแสดงออกด้วยความเข้มข้นมั่นใจในความรู้ความเห็นของ
ท่านเองอย่างจับใจและหายสงสัย ทั้งท่านที่มาเล่าถวายและบรรดา
ศิษย์ที่แอบฟังอยู่ที่นั้น ทั้งเกิดความรื่นเริงในธรรมนั้นสุดจะกล่าว
แม้ผู้นั้นจะยังสงสัยในบางแขนง ขณะท่านอธิบายจบลงแล้ว ได้
แยกแยะเรียนความรู้ความเห็นของตนให้ท่านฟังซ้ำอีก ท่านจะ



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ขอเชิญร่วมบุญหล่อพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ขนาดหนาตัก ๙ นิ้ว จำนวน ๘๐ องค์
081-825-6623


ร่วมสร้างเขื่อนกันตะลิ่งพังและทางเดินประทักษิณรอบศาลาการเปรียญ
081-273-9181


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกองบุญสบทบทุนบูรณะศาลาการเปรียญ วัดทุ่งสำราญ
โทร 0821179975



ขอเชิญร่วมสร้างอุโบสถแก้วกลางน้ำและเสนาสนะภายในวัดวีระโชติธรรมาราม ฉะเชิงเทรา



เชิญเป็นเจ้าภาพร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างศาลาการเปรียญวัดป่าห้วยหีบ สกลนคร


เชิญร่วมทำบุญแผ่นทองหล่อองค์พระพุทธเจ้าน้อย
อัญเชิญแผ่นทองสมัครได้ที่มูลนิธิไทยพึ่งไทย จากนั้นจะวางแผ่นทองให้ประชาชนร่วมทำบุญได้แผ่นละ 99 บาทที่เซเว่น-อีเลฟเว่น และไปรษณีย์ทุกสาขา เพื่อนำรายได้จัดสร้างพระพุทธเจ้าน้อย 3 องค์ 1องค์อัญเชิญประดิษฐานที่ลุมพินีสถาน เนปาล 1 องค์ประดิษฐานที่พุทธมณฑล อีกองค์จะทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ขอเชิญร่วมเททองหล่อ หลวงปู่ทวด ณ วัดนาคกลาง
๐๒-๔๖๕-๐๙๕๐




เรียนเชิญร่วมบริจาคสร้างพระพุทธรูปปรางค์ประธานพรหินแกะสลัก
081-563-6445


ต้องการเจ้าภาพสร้างป้ายสำนักปฏิบัติธรรม...
โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑


ขอความเมตตาจากผู้มีจิตศรัทธา ร่วมซ่อมแซมโบสถ์
โทร. 081-0381404


เชิญร่วมพิธีพุทธาภิเษก วัดกิตติราช พิบูลมังสาหาร
087-652-3738


ร่ามทำบุญซื้อพลอย ประดับฐาน องค์หลวงพ่อใหญ่ วัดกองแก้ว(วัดแก้วฟ้า) ร่วมสร้างโบสถ์
ติดต่อขอทำบุญได้ที่ วัดกองแก้ว ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ


เชิญร่วมบูรณะวัดสวนดอก อ.ปัว จ.น่าน
________________________________________



เชิญร่วมสร้างศาลาปฎิบัติธรรม (แม่ชีถ้ำเขากา) 4 แยกตากฟ้า จ.นครสวรรค์


ขอเชิญร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ ณ วัดป่าปทุมฯ นครพนม
087-411-7018


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพรอยพระพุทธบาทจำลองขนาด1เมตร
0894799162


ขอเชิญร่วมสร้างวัดกำลังสร้างที่ลพบุรีแถวๆเขาพระงาม



โครงการก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมประทับยืนปางเปิดโลกความสูง59เมตรวัดถ้ำเมืองนะ
081-8819586



ขอเรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างห้องพักและห้องน้ำสำหรับนักปฎิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา กับหลวงปู่สุมโน ภิกขุ
087-977-9802



สร้างพระประธาน 7 องค์ มุลนิธิโพธิวัณณา 0892196523


เชิญร่วมซื้อลูกนิมิตถวาย และบูรณะปิดทองพระประธานปางพระพุทธชินราช หน้าตัก 109 นิ้ว
081-856-6496


มหากุศลครั้งเดียว ร่วมสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ขนาด 7 ศอก วัดป่าพรหมญาน
จะมีพิธีเทพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 จึงกราบเรียนเชิญท่านที่สนใจเข้าร่วมในพิธีด้วยที่วัดป่าพรหมญาน อ.แปลงยาว จ. ฉะเชิงเทรา และร่วมรับพระและบรมสารีริกธาตุวรรณะสีแดง (พระโลหิตธาตุ) เพื่อบูชาเป็นศิริมงคลด้วย


บุญรับสงกรานต์เดือด;ร่วมเปลี่ยนหลังคาอาคารกรรมฐานเป็นวิหารทานป้องกันภัยให้ตนเอง^ -
โทร. 084-651-7023


ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมทำบุญหล่อพระประธาน ปางมารวิชัย 15 เมษายน 2555 นี้
081-857-6523


เชิญร่วมจัดสร้างพระสังกัจจายน์ถวายในหลวง ที่วัดหน้าพระเมรุ อยุธยา ๕ พ.ค.๕๕
ณ วัดพระเมรุราชิการาม (วัดหน้าพระเมรุ)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2555 เวลา 09:17 น.

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ถวายหลวงพ่อคำบ่อ ฐิตปัญโญ ณ.วัดใหม่บ้านตาล
087-859-9129


"บุญด่วน บุญทันใจ สุขทันใด ปลดทุกข์ทันที" ร่วมสร้างห้องสุขาสำหรับภิกษุ-สามเณร
โทร 085-0304787


ขอเชิญร่วมหล่อพระ “สมเด็จองค์ปฐม” ๔ ศอก ที่พักสงฆ์พุทธานุภาพ ๒๓ มิถุนายน (เสาร์ ๕)
087-259-7765


15 เมษายน 2555 หล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 80 นิ้ว จ.สุพรรณบุรี
วัดหนองวัลย์เปรียง ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
วันอาทิตย์ ที่ 15 เมษายน 2555 เวลา 16.49 น.



ขอเชิญร่วมสมทบทุน เพื่อจัดซื้อผอบแก้วอคิลิกใส เพื่อบรรจุอังคารธาตุหลวงปู่เจิ่น สิริจันโท ณ.วัดป่าศิลาอาสน์ ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร
โทร.085-361-4989<O </O

มหากุศล"ร่วมสร้างทางขึ้นวัดป่า(ธรรมยุต)บนภูเขาสูง
โทร 084-8212949


ขอเชิญร่วมสร้างพระพูทธจักรพรรดิ์ปางเปิดโลก (สมเด็จองค์ปฐม)
ร่วมบุญได้ที่

นายชนินทร ภู่สุวรรณ
ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยวัชรพล ออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 4990021134


ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างห้องน้ำ
ณ สวนพุทธรรมหลวงปู่ใหญ่ จ.สุพรรณบุรี
089-6427273


ขอเชิญผู้มีบุญบารมีทุกท่าน ร่วมสร้างพระนาคปรก 9เศรียร
083-2894990


ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างศาลาเอนกประสงค์
ณ สวนพุทธรรมหลวงปู่ใหญ่ จ.สุพรรณบุรี
089-6427273


ขอเชิญร่วมบุญสร้างศาลาโรงธรรมเอนกประสงค์กับองค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า
081-822-2500


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายเพชรประดับฐานสมเด็จองค์พระปฐม
ท่านใดประสงค์จะร่วมบุญถวายเพชรประดับฐานสมเด็จองค์พระปฐม เม็ดละ 20 บาท สามารถโอนปัจจัยร่วมทำบุญได้ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) หมายเลขบัญชี 147-2-73995-5 สาขาป่าซาง ชื่อบัญชี อ.ยุพิน สว่างแก้ว คุณพรรณี โตวิชัย อ.เรียมเล็ก บุญยัง เพื่อวิหารแก้ววัดป่าซางงาม



ขอเชิญร่วมบุญถวายวัดเกาะแก้วพร้อมรับเหรียญหลวงปู่เรืองอาภัสสะโร
0891291657
เชิญร่วมบุญถวายพระพุทธรูป ๙ องค์ ประดิษฐานยอดภูเขาทอง วัดสระเกศฯ ๑๙ เม.ย.๕๕
ธนาคารกรุงเทพ บัญชีสะสมทรัพย์ สาขาเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์

เลขที่บัญชี 924-0-11655-9
ชื่อบัญชี นายสรวิชญ์ ตั้งสกุลเลิศภักดี
เปิดโอกาสให้ท่านทั้งหลายได้ร่วมบุญในโครงการนี้
...ในระยะเวลาเพียง ๑๒ วัน เท่านั้น
เริ่มตั้งแต่
วันพฤหัสบดีที่ ๕ เมษายน ถึง วันจันทร์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๕




ขอเชิญร่วมทำบุญเททองหล่อพระสมเด็จพุทธเจ้าองค์ปฐมหน้าตัก 80 นิ้ว วัดหนองวัลย์เปรียง
โทร. 087-161-8161




ร่วมสร้างองค์พระประธาน และพระอุโบสถ
วัดดอนอารีย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ท่านใดต้องการสร้าง หลวงปู่โต พรมรังสีเเละหลวงปู่ทวด ขนาด ๓๐ นิ้ว
โทร ๐๘๖๘๐๓๒๐๐๑


ขอเชิญร่วมถวายทองคำไว้ในพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชา (ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี)
088-5078338

โครงการสร้างพระพุทธพลังจิต (ทองคำ) ปางห้ามสมุทร ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี
โทร 088-5078338


ร่วมงาน สงกรานต์ (ยกช่อฟ้าวิหาร)ทำบุญบูรณะช่อฟ้า หลังคาพระวิหาร วัดนางตะเคียน
034-756029


ใครอยากพบ ปู่เกศแก้ว เชิญมาร่วมงานได้
10-14 เม.ย. นี้
ที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
ณ. วัดล้านขวด



งานสรงน้ำและวัตถุมงคลครูบาข่าย วัดหมูเปิ้ง ลำพูน
เชิญคณะศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพ สวดอภิธรรม
อุทิศกุศลบุญถวายพระครูประจักษ์ธรรมวิจารณ์
โทร.08-3516-7918


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมบุญถวายลูกนิมิต ณ วัดศรีบุญเรือง
0813159631 (เอ้)



เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เืพื่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม (ปางเปิืดโลก)
087-174-5818


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูปริยัตยานุยุต วัดอิสานนาดี สุรินทร์
085-8189281



ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมทอดผ้าป่า หล่อพระพุทธรูป 20-22 เมษายน 2555 นี้
ณ วัดพัชรบรรพตวราราม
ตำบลห้วยทราย อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี


ร่วมบุญ “ผ้าป่า ๑๒ เมษา” สืบทอดเจตนารมณ์องค์หลวงตา
http://www.luangta.com/info/news_text.p ... =430&type=


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ก่อสร้างคานคอนกรีตพระพุทธโพธิ์ศรีมหาเจดีย์
โทร. 087-0197533


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
ณ สุสานทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 55
เพื่อสร้างเสนาสนะต่างๆ ร่วมสร้างอาคารปฏิบัติธรรม


ขอเชิญส่งภาพ และร่วมบุญพิมพ์หนังสืออนุสรณ์ หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม
พระมหาสุวรรณ ธนวังโส wanwongsa55@hotmail.com


ขอเชิญร่วมสมทบทุนจัดทำซีดีบทสวดมนต์แจกฟรีเป็นธรรมทาน พร้อมแจกซีดีฟรี
โทร. ๐๘๐-๗๘๘-๐๔๒๖

เปิดบ้านปฎิบัติธรรม (ฟรี) (พระราม 2 - สมุทรสาคร)
ขอเรียนเชิญ ร่วมสวดมนต์ - นั่งสมาธิ ฟังบรรยายธรรม ข้อสงสัยทุกเย็น วันพฤหัส เวลา 18.00 น. - 21.00 น.
โดย อาจารย์ พระมหาประนอม ธมมาลงกาโร
รองเจ้าอาวาส วัดจากแดง อ. พระประแดง นักธรรมเอก ป.ธ 6 บาลีชั้นสูง พระไตรปิฎก พระพุทธศาสนา

และพระอภิธรรมในเมืองไทย 9 ปี พม่า 12 ปี ออกอากาศวิทยุ รายการเติมสุข AM 873 และ FM 96.75


สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติม และลงทะเบียนได้ที่

ติดต่อ คุณวิไลรัตน์ 085-9089137


ร่วมสร้างหรือเช่าวัตถุมงคงสร้างหนังสือสวดมนต์เล่มละ 20 บ
088-619 6291


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2012, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ชี้แจงเหตุผลของสิ่งนั้น ๆ ให้ฟังทันทีด้วยความมั่นใจที่ท่านเคย
ผ่านมาแล้ว
ท่านจะว่าท่านองค์นั้นว่าท่านลงไปงมกองมูตรกองคูถอยู่
ทำไม ผมเคยงมมาก่อนท่านแล้ว และล้างมือด้วยสิ่งซักฟอกต่าง ๆ
ตั้งสามวันก็ยังไม่หายกลิ่น และท่านยังขยันนำสิ่งนั้นมาทาตัวชโลม
ศีรษะโดยเข้าใจว่าเป็นน้ำหอมอยู่หรือ นั่นคือกองมูตรคูถที่เขาถ่าย
มาได้สองสามวันแล้วซึ่งกำลังส่งกลิ่นฉุนเต็มที่ ท่านอย่ากล้าหาญ
อวดเก่งไปสูดดมเล่นเดี๋ยวน้ำในบ่อจะหมด แต่สิ่งที่ท่านนึกว่าหอม
นั้นจะยังไม่หายกลิ่นจะว่าผมไม่บอก ผมเคยโดนมาแล้วจึงได้เข็ด
และรีบบอก กลัวท่านจะโดนเข้าไปอีก ถ้าไม่มีน้ำล้างอาจร้ายกว่า
ผมที่เคยโดนมา ทั้งที่มีน้ำล้างยังแย่และเข็ดอยู่จนป่านนี้ ดังนี้ ซึ่ง
เป็นคำที่ออกรสอย่างยิ่งสำหรับผู้เขียนซึ่งมีนิสัยหยาบ ท่านผู้มีนิสัย
ละเอียดอาจเกิดความขยะแขยงไม่น่าฟัง แต่การที่ท่านแสดงเช่นนั้น
เป็นคำยืนยันอย่างหนักแน่นแม่นยำในใจ ทั้งทางผิดและทางถูกที่
ท่านเคยผ่านมาให้ผู้มาศึกษาฟัง และหายสงสัยในสิ่งที่ตนยังเห็นว่า
ถูกว่าดีนั้น แล้วพยายามติดตามท่านด้วยความแน่ใจ จะไม่โดน
กองมูตรกองคูถอีก ซึ่งร้ายกว่าคำที่ท่านชี้แจงให้ฟังที่คิดว่าเป็น
คำหยาบเสียอีก
การยกธรรมท่านมาแทรกบ้าง ก็เพื่อท่านนักอบรมทั้งหลาย
จะได้นำไปเป็นข้อคิดว่า ความรู้ทางด้านภาวนานี้ไม่สิ้นสุดอยู่กับ
ผู้ใดที่พอจะยืนยันได้ทีเดียว โดยมิได้ไตร่ตรองหรือไต่ถามผู้รู้มาก่อน
เสียก่อน นอกจากท่านที่ชำนิชำนาญมาอย่างเต็มภูมิแล้ว นั่นไม่นับ
เข้าในจำพวกที่กำลังเห็นกองมูตรคูถที่ท่านตำหนิว่าเป็นของดี แล้ว
ชื่นชมในความรู้ความเห็นของตน แม้ผู้เขียนเองก็เคยอวดเก่งในความหางอึ่งของตนและถกเถียงท่านแบบตาแดงมาแล้ว จนไม่อาจ
นับได้ว่ากี่ครั้งกี่หนเพราะทำอยู่เสมอ รู้ขึ้นมาอยู่เสมอและสำคัญตัว
ว่าถูกอยู่เสมอ คำถกเถียงท่านทุกประโยคที่ตนเข้าใจว่าถูกต้อง
ดีแล้ว เหมือนยื่นไม้แต่ละชิ้นให้ท่านตีเอา ๆ จนแทบศีรษะไม่มีผม
เหลือค้างอยู่นั่นแล จึงจะได้ความฉลาดอันแหลมคมและความดี
จากปัญหาขุยไม้ไผ่ (ปัญหาฆ่าตัวเอง) ของตนที่ถือว่าถูกว่าดีมา
จากที่ไหน นอกจากท่านตีเอาอย่างถนัดมือ แล้วก็ยื่นยาใส่แผลที่
ถูกตีมาให้ไปใส่แผลเอาเองเท่านั้น จะได้ดีกรีอะไรมาจากความฉลาด
หางอึ่งนั้นเล่า
ที่ว่าท่านยื่นยามาให้ไปใส่แผลเอาเองนั้น ได้แก่ท่านแก้
ความรู้ความเห็นทางด้านภาวนาที่ตนสำคัญผิดไปนั้น แล้วเรากลับ
ยอมเห็นตามท่าน กว่าจะยอมลงได้ด้วยเหตุและผล ก็ถูกท่านเข่น
เอาเจ็บพอเข็ดหลาบที่เรียกว่าถูกตีนั่นแล ฉะนั้นจึงเรียนไว้เพื่อทราบ
ว่าคนที่รู้แล้วกับคนที่ยังหลงอยู่ในกองกิเลสนั้นผิดกันอยู่มาก ถ้า
ไม่ใช่ผู้รู้มาแก้ความรู้ความเห็นผิดนั้น ปล่อยให้เฉพาะพวกที่เก่ง ๆ
แก้กันเอง ที่นั้นจะต้องกลายเป็นเวทีมวยฝีปากที่ไม่ยอมลงกันได้
แบบไม่มีใครกล้าจองตั๋วเข้าฟังด้วยได้แน่นอน เพราะกลัวจะไป
เหยียบน้ำลายของนักมวยฝีปากบนเวทีเสียจนลื่น และเลอะไปทั้งตัว
โดยไม่มีผลดีอะไรติดตัวมาบ้างเลย
ทั้งนี้เพราะความรู้ภายในจากการภาวนาเป็นความสลับ
ซับซ้อนมาก ยากจะกำหนดได้ว่าอันไหนถูกอันไหนผิด ผู้ปฏิบัติที่
ไม่มีครูอาจารย์คอยอบรมสั่งสอนต้องลูบคลำ ผิดก็คลำ ถูกก็คลำ
คลำทั้งน้ำทั้งเนื้อ ทั้งเปลือกทั้งกระพี้ ทั้งรากแก้วรากฝอย ทั้งกิ่ง
ทั้งใบเอาไปทำบ้านเรือน คือเครื่องอยู่ของจิตที่ภาคภูมิใจด้วยไม้ทั้งต้น แล้วก็ชมว่าสวยงามเอาเองทั้งที่คนอื่นดูไม่ได้ การปฏิบัติ
ภาวนาที่ไม่ใช้วิจารณญาณก็เป็นทำนองนี้เหมือนกัน อะไร ๆ ก็จะ
เหมาเอาเสียว่าถูกไปหมด เวลาระบายออกมาให้ผู้อื่นฟังกับปาก
กับหูตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ๆ แทบติดกัน ก็ไม่ยอมฟังว่าที่พูดไปนั้น
ถูกหรือผิดประการใดบ้าง แต่จะเข้าใจว่าถูกและพูดฟุ้งไปทีเดียว
ความเสียหายจึงไม่เปื้อนเฉพาะผู้ไม่พิจารณาสำรวมให้รอบคอบและ
รู้จักประมาณเพียงเท่านั้น ยังมีส่วนแปดเปื้อนเลอะเลือนแก่วง
พระศาสนาอันเป็นจุดส่วนรวมอีกด้วยจึงควรสำรวมระวังไว้ให้มาก
เป็นการดี
ขณะนึกคำบริกรรมภาวนาที่เป็นความถูกต้อง ท่านนัก
ภาวนาควรสนใจกับคำบริกรรมของตน โดยเฉพาะในขณะนั่งบริกรรม
ภาวนาไม่ควรเป็นกังวลกับท่านั่งที่กำหนดไว้ถูกต้องแต่ต้นแล้ว คือ
ขณะภาวนาที่กำลังทำความกำหนดจดจ่อกับงานที่ทำนั้น กายอาจ
เอียงหน้าเอียงหลังเอียงซ้ายเอียงขวาไปบ้าง เพราะขาดความสนใจ
กับกาย เวลานั้นมีความสนใจกับการภาวนาโดยเฉพาะ ดังนั้น
แม้กายจะเอียงไปบ้างก็ตาม แต่จิตขออย่าให้เอียงไปจากอารมณ์
ภาวนาเป็นการดี เพราะจุดสำคัญที่ต้องการจริง ๆ อยู่กับภาวนา
ถ้าจิตมากังวลกับกายอยู่เรื่อย ๆ กลัวจะเอนหน้าเอียงหลัง ทำให้
จิตเผลอตัวจากคำภาวนา ไม่อาจเข้าสู่ความละเอียดเท่าที่ควร
ได้ตามกำลังของตน
เพื่อให้จิตได้ทำหน้าที่เต็มความสามารถของตนในเวลานั้น
จึงไม่ควรกังวลกับกายภายนอก แต่ควรทำความจดจ่อต่อคำภาวนา
อย่างเดียว จนจิตสงบและรู้เหตุรู้ผลของตนได้ตามความมุ่งหมาย
แม้ขณะที่จิตสงบรวมลงสู่ภวังค์คือที่พักผ่อน ตัวหมดความรู้สึกกับสิ่งภายนอกมีกายเป็นต้นก็ตาม เวลาจิตถอนขึ้นมาแล้วเห็นกาย
เอนเอียงไปในลักษณะต่าง ๆ ก็ไม่ควรสงสัยข้องใจว่ากายนั่น
ไม่เที่ยงตรงตามที่กำหนดไว้ การกังวลทางกายและกังวลทางใจ
นอกจากก่อความวุ่นวายให้แก่จิตที่ไม่รู้หน้าที่ของตนแล้ว ผลที่จะ
พึงได้รับเวลานั้นจึงไม่มีอะไรปรากฏยิ่งไปกว่า กายกับใจเกิดยุ่งกัน
ในเวลาภาวนาโดยไม่รู้สึกตัว จึงควรทำความเข้าใจไว้แต่ขณะเริ่ม
ลงมือภาวนา
ที่ตั้งฐานสูงต่ำแห่งอารมณ์ของจิต กรรมฐานบางประเภท
อันเป็นอารมณ์ของจิตย่อมมีฐานเป็นตัวอยู่แล้ว เช่น ผม ขน
เล็บ ฟัน มีฐานเป็นของตัวอยู่โดยเฉพาะ ส่วนหนังบางส่วนที่ถูก
กำหนดเป็นฐาน ย่อมทราบว่าอยู่ในที่เช่นไร สิ่งที่ถูกกำหนดนั้น ๆ
พึงทราบไว้ว่ามีอยู่ อารมณ์แห่งกรรมฐานในที่เช่นนั้น ๆ สูงหรือต่ำ
ประการใด สิ่งนั้น ๆ มีฐานของตนที่เป็นอยู่ตายตัว เช่น ฟันมีอยู่
ในมุขทวาร ผมตั้งอยู่บนศีรษะมีส่วนสูงเป็นที่อยู่ นอกนั้น เช่น
หนัง ผม ขน เอ็น กระดูก มีอยู่ในที่ทั่วไปตามแต่จะกำหนดเอา
อาการใดเป็นอารมณ์แห่งกรรมฐาน และอาการนั้น ๆ ตั้งอยู่ในที่
เช่นไร เวลากำหนดสิ่งนั้น ๆ เป็นอารมณ์ตามฐานของตนที่ตั้งอยู่
สูงหรือต่ำประการใด กรุณาทราบไว้ตามฐานของสิ่งนั้น ๆ
เวลากำหนดอาการใดอาการหนึ่งที่กล่าวมาเป็นอารมณ์
ในขณะภาวนา พึงกำหนดเฉพาะอาการนั้นเป็นสำคัญกว่าความสูง
หรือต่ำที่กำหนดไว้เดิม เช่นเดียวกับท่านั่งสมาธิที่เอนเอียงไปบ้าง
ไม่สำคัญ ความสูงหรือต่ำที่เรากำหนดไว้เดิมอย่างไร ก็ปล่อยตาม
สภาพเดิม อย่ายกกรรมฐานที่เคยกำหนดแล้วว่าอยู่ในที่เช่นนั้น
มาตั้งใหม่เรื่อย ๆ โดยเข้าใจว่าเคลื่อนจากที่เดิม ถ้ายกมาตั้งใหม่ตามความสำคัญของใจ จะทำให้เป็นกังวลไปกับฐานนั้น ๆ ไม่เป็น
อันกำหนดภาวนากับกรรมฐานบทนั้นได้อย่างถนัดชัดเจน เช่น
กำหนดกระดูกศีรษะและเพ่งสิ่งนั้นเป็นอารมณ์ จนปรากฏเห็น
เป็นภาพชัดเจนเหมือนกับดูด้วยตาเนื้อ แต่แล้วเกิดความสำคัญ
ขึ้นว่ากระดูกศีรษะนั้นได้เคลื่อนจากฐานบนมาอยู่ฐานล่างซึ่งผิด
กับความจริง แล้วกำหนดใหม่ ดังนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นการสร้าง
ความลูบคลำสงสัยให้แก่ใจอยู่เสมอ ไม่มีเวลาพิจารณาอาการนั้น ๆ
ให้แนบสนิทลงได้
ที่ถูกควรกำหนดอาการนั้น ๆ ให้อยู่ในความรู้สึกหรือ
ความเห็นภาพแห่งอาการนั้น ๆ ด้วยความรู้สึกทางสติไปตลอดสาย
แม้ภาพของอาการนั้น ๆ จะแสดงอาการใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง
หรือแสดงอาการแตกสลายไป ก็ควรกำหนดรู้ไปตามอาการของมัน
โดยไม่คำนึงถึงความสูงต่ำที่เคยกำหนดไว้เดิม การทำอย่างนี้จะ
ทำให้จิตแนบสนิทและเกิดความสลดสังเวชไปกับอาการที่กำหนด
ซึ่งแสดงอาการแปรสภาพให้เห็นอย่างเต็มใจ
การกำหนดลมหายใจและฐานที่ตั้งของลมก็เหมือนกัน เมื่อ
กำหนดลมทีแรกได้กำหนดไว้ในที่เช่นไร เช่น กำหนดที่ดั้งจมูก
เป็นต้น เวลาดูลมเพลินไปด้วยความสนใจอาจเกิดความสงสัยขึ้นมา
ในเวลานั้นได้ว่า ลมได้เคลื่อนจากดั้งจมูกไปอยู่ในฐานอื่นเป็นต้น
แล้วตั้งลมที่ดั้งจมูกใหม่ดังนี้ เรียกว่าก่อกวนตัวเองด้วยความสำคัญ
จะไม่เกิดผลได้เลย เพราะความสงสัยมาแย่งเอาไปเสียหมด เพื่อ
ความถูกต้องและหายกังวลในฐานต่าง ๆ จึงควรปฏิบัติตามที่กล่าว
มาในอาการอื่น ๆ คือพึงทำความรู้ชัดในกองลมที่ผ่านเข้าผ่านออก
ด้วยสติทุกระยะไปจนถึงที่สุดของลม แม้ฐานของลมจะปรากฏว่าสูงต่ำ หรือผิดฐานเดิมไปตามความเข้าใจก็ตาม จะไม่ทำให้การ
กำหนดนั้นเสียไปแม้แต่น้อยเลย ยิ่งจะทำให้จิตกับลมสนิทแนบ
ต่อกันไปตลอดที่สุดของการภาวนาหรือที่สุดของลม
ลมหายใจดับไปในความรู้สึก ขณะภาวนาอานาปานสติ
ในบางครั้ง ที่สุดของลมคือดับไป ที่สุดของใจคือรวมลงสนิท หมด
ความรับผิดชอบกับลม ตั้งอยู่เป็นเอกจิตคือมีอารมณ์เดียว เพียงรู้
อย่างเดียวไม่เกี่ยวกับสิ่งใดต่อไปอีก ที่เรียกว่าจิตรวมสนิททางสมาธิ
ภาวนา แต่ผู้ภาวนาอานาปานสติ เมื่อเข้าถึงลมละเอียดและลมดับ
ไปในความรู้สึกขณะนั้น เกิดตกใจด้วยความคิดหลอกตัวเองว่า
“ลมดับต้องตาย” เพียงเท่านี้ลมก็กลับมีมา และกลายเป็นลมหยาบ
ไปตามเดิม จิตก็หยาบ สุดท้ายการภาวนาก็ไม่ก้าวไปถึงไหน คงได้
เพียงขั้นกลัวตายแล้วถอยจิตถอยลมขึ้นมาหาที่ที่ตนเข้าใจว่าจะ
ไม่ตายนี้เท่านั้น การภาวนาแบบนี้มีมากรายในวงปฏิบัติ จึงได้เรียน
ไว้บ้าง เพราะอาจเกิดมีแก่ท่านที่ภาวนาอานาปานสติเป็นบางราย
แล้วอาจเสียท่าให้กับความหลอกลวงนี้ได้
การภาวนาเพื่อเห็นความจริงกับลมในอานาปานสติ
กรุณากำหนดลมด้วยสติจนถึงที่สุดของลมและของจิต จะเห็น
ความอัศจรรย์อย่างเด่นชัดขณะผ่านความกลัวตายในระยะที่เข้าใจว่า
ลมดับไปแล้วด้วยความกล้าหาญ คือ ขณะเจริญอานาปานสติไปถึง
ลมละเอียดและลมดับไปในความรู้สึกขณะนั้น โปรดทำความเข้าใจ
ว่า แม้ลมจะดับไปจริง ๆ ก็ตาม เมื่อความรู้สึกคือใจยังครองตัวอยู่
ในร่างนี้ อย่างไรก็ไม่ตายแน่นอน ลมจะดับก็จงดับไป หรืออะไร ๆ
ในกายจะดับไปตามลมก็จงดับไปตามธรรมชาติของตน สำหรับใจ
ผู้ไม่ดับไม่ตายไปกับสิ่งเหล่านั้น จะกำหนดดูให้รู้ทุกอย่างบรรดาที่ผ่านเข้ามาในความรู้สึกขณะนี้ แต่จะไม่เป็นกังวลกับอะไรที่เป็น
สภาพเกิด ๆ ดับ ๆ
เพียงเท่านี้จิตจะตัดความกลัวและกังวลต่าง ๆ ที่เคยสั่งสม
ไว้ออกได้อย่างไม่คาดฝัน และสงบลงถึงฐานของสมาธิโดยไม่มีอะไร
มากีดขวางได้เลย สิ่งที่เป็นอุปสรรคกีดขวางขณะลมจะดับหรือขณะ
ลมดับไป ก็มีเฉพาะความกลัวตายเท่านั้นเอง พอผ่านอุปสรรคนี้
ไปได้ด้วยอุบายดังกล่าวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งต่อไปความกลัว
หายหน้าไปเลยไม่อาจกลับมาหลอกได้อีก เราจึงพอมองเห็น
เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสได้ชัดตอนนี้แล ครั้นแล้วเราก็ไม่เห็นตาย
ดังความคาดคิด ก็ยิ่งทำให้เห็นตัวมารที่แสนปั้นเรื่องขึ้นหลอกได้
ชัดเจน ฉะนั้นท่านที่ภาวนาอานาปานสติ กรุณาจำหน้ามารตัวนี้ไว้
ด้วยดี เวลาเจอกันในวันข้างหน้าจะได้ทราบวิธีหลบหลีกแก้ไข และ
ดำเนินไปได้โดยสะดวกจนถึงฝั่งแห่งความปลอดภัยไร้ทุกข์ทั้งมวล
ดังองค์ศาสดาท่านที่ทรงดำเนินธรรมบทนี้มาก่อนจนได้ตรัสรู้และ
นิพพานด้วยธรรมบทนี้เป็นบาทฐาน
ภวังคจิต คำว่าจิตตกภวังค์ บางท่านอาจไม่เข้าใจ จึงขอ
อธิบายไว้บ้างเล็กน้อย คำว่า ภวังค์ แปลอย่างป่า ๆ ตามนิสัยที่
ถนัดใจ จึงขอแปลว่า องค์แห่งภพ หรือเรือนพักเรือนนอนของ
อวิชชามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แสนกัปนับไม่ถ้วน คำว่า จิตตกภวังค์
คือ อวิชชารวมตัวเข้าไปอยู่ในที่แห่งเดียว ไม่ทำงานและไม่ใช้สมุน
ให้ออกเที่ยวล่าเมืองขึ้นตามสายทางต่าง ๆ นั่นแล ทางออกทาง
เข้าของสมุนอวิชชา คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เมืองขึ้นของอวิชชา
คือ รูปร้อยแปด เสียงร้อยแปด กลิ่นร้อยแปด รสร้อยแปด เครื่อง
สัมผัสร้อยแปด ซึ่งล้วนเป็นที่รักชอบของอวิชชาทั้งสิ้น สมุนของอวิชชา คือ ราคะตัณหาโดยอาศัย สัญญา สังขาร วิญญาณ
เหล่านี้ เป็นเครื่องมือช่วยจัดการงานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามความหวัง
ขณะที่จิตตกภวังค์ด้วยกำลังของสมาธิ อวิชชาก็พักงานไป
ชั่วระยะหนึ่ง พอจิตถอนขึ้นมาก็เริ่มทำงานอีกตามหน้าที่ของตน
แต่ไม่รุนแรงเหมือนที่ยังไม่ถูกหักแข้งหักขาจากสมาธิภาวนา ดังนั้น
สมาธิภาวนาจึงเป็นเครื่องมือตัดกำลังของอวิชชาได้ดี เพื่อปัญญา
จะได้ทำการกวาดล้างไปโดยลำดับ จนไม่มีอวิชชาเหลืออยู่ภายในใจ
คำว่าภวังคจิตนี้ เริ่มทราบได้จากการภาวนาเมื่อจิตรวมสงบตัวลงไป
พอถอนออกมา เรียกว่าจิตออกจากภวังค์ และเริ่มยุ่งไปกับเรื่อง
ร้อยแปดที่อวิชชาเป็นผู้บงการ ไม่มีวันสำเร็จเสร็จสิ้นลงไป ฉะนั้นจึง
ไม่มีงานใดจะยืดยาวจนสืบสาวราวเรื่องหาเหตุผลต้นปลายไม่ได้
เหมือนงานของอวิชชาที่แผ่กระจายไปทุกแห่งหนตำบลหมู่บ้าน
ตลอดโลกสงสาร และกล้าได้กล้าเสียต่องานของตน
รักชังเกลียดโกรธ เป็นงานประจำของอวิชชาไม่มีรังเกียจ
พอใจทั้งรักทั้งชัง พอใจทั้งเกลียดทั้งโกรธ แม้จะมีความทุกข์ทรมาน
แก่ผู้รับใช้เพียงไร อวิชชาเป็นไม่ยอมให้ถอย ยุให้รักให้ชัง ให้เกลียด
ให้โกรธ จนผู้รับผลเกิดความฉิบหายป่นปี้ไปเพราะสิ่งเหล่านี้
อวิชชาก็ไม่ยอมเห็นใจและสงสาร บังคับให้ทำจนผู้รับใช้แหลกลาญ
ไปกับมัน นั่นแลคือความเป็นธรรมของอวิชชาทุก ๆ อวิชชาที่มีอยู่
ในใจสัตว์โลก งานที่อวิชชาพาให้ทำนั้นไม่มีวันสิ้นเสร็จสำเร็จเหมือน
งานอื่น ๆ นอกจากแตกแขนงกว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ ไม่มีวัน
เวลาเป็นกฎเกณฑ์ขอบเขตเท่านั้น
ผู้มีธรรมในใจ เช่น ผู้มีสมาธิปัญญาบ้าง จึงพอเห็นโทษ
ของอวิชชาที่พาทำงานไม่หยุด ดังนั้นเมื่อจิตรวมลงสู่ภวังค์ที่เรียกว่าอวิชชาพักงานชั่วคราว จึงปรากฏมีความสุขสบายหายห่วงไป
พักหนึ่ง ตอนที่จิตพักงานนี้แลที่พอเห็นโทษแห่งความหมุนของ
ตนที่มีอวิชชาอยู่หลังฉาก ซึ่งความหมุนนั้นผิดธรรมดาที่อยู่ใน
ภวังค์มากมาย ขณะที่จิตถอนขึ้นมาใหม่ ๆ ใจก็ยังมีความสงบเย็น
อยู่ด้วยกำลังของสมาธิหล่อเลี้ยง จิตมีความสงบเพราะสมาธิมาก
เพียงไร ก็เห็นโทษแห่งความวุ่นวายของอวิชชาเป็นเหตุมากเพียงนั้น
ด้วยเหตุนี้ผู้ปฏิบัติจึงมักติดสมาธิจนไม่สนใจจะแก้ด้วยวิธีใด ๆ
เพราะเป็นความสงบเย็นมากพอให้ติดได้ สุดท้ายจิตกลับเห็นโทษ
แห่งความวุ่นวายเพราะอวิชชา แต่ก็ติดในสมาธิซึ่งเป็นบ้านพัก
เรือนนอนของอวิชชาจนได้ เพราะไม่มีทางออกซึ่งเห็นว่าดีกว่านี้
นี่แลผู้ปฏิบัติจะเห็นคุณของสติปัญญาอย่างถึงใจ ก็มาเห็นตอน
พยายามถอดถอนทำลายอวิชชานี่แล เพราะนอกจากสติกับปัญญา
แล้ว ไม่มีเครื่องมือใดสามารถทำลายได้
ภวังคจิตจะสูญสิ้นไปได้เมื่อไร ภวังคจิตไม่มีวันสูญสิ้นไป
โดยลำพัง เพราะเป็นแหล่งสร้างภพสร้างชาติสร้างกิเลสตัณหา
มานาน และทางเดินของอวิชชาก็คือการสร้างภพชาติบนหัวใจ
สัตว์โลกอยู่ตลอดไป ไม่มีวันเกียจคร้านและอิ่มพอ ผู้ปฏิบัติถ้ายัง
รักสงวนภวังคจิตและรักฐานแห่งสมาธิของตนอยู่ ไม่คิดหาทาง
ขยับตัวเข้าสู่ปัญญา เพื่อสอดส่องดูตัวอวิชชาที่เปรียบเหมือน
นางบังเงาอยู่ในจิต หรือในภวังคจิตในสมาธิ ก็เท่ากับเป็นสมุน
ของภพชาติอยู่เรื่อยไปไม่มีวันพ้นไปได้
ถ้าต้องการหลุดพ้น ก็ต้องสร้างสติปัญญาขึ้นกับใจจน
คล่องแคล่วแกล้วกล้า สามารถทำลายภวังคจิตอันเป็นตัวภพชาติ
นั้นเสีย ภวังคจิตก็สลายหายซากไปเอง ผู้จะทราบภวังคจิตได้ต้องเป็นผู้มีสมาธิอันมั่นคงและมีสติปัญญาอันแหลมหลัก เข้า
เขตข่ายแห่งมหาสติมหาปัญญานั่นแล นอกนั้นไม่สามารถทราบได้
แม้เรียนจบพระไตรปิฎก ก็ไม่พ้นจากความพกเอาความรู้อวิชชาไว้
อย่างเต็มพุงไปได้ เครื่องมืออันยอดเยี่ยมก็คือมหาสติมหาปัญญา
นี่แลเป็นเครื่องสังหารทำลายภวังคจิตภวังคอวิชชา พระป่าก็เขียน
ไปตามนิสัยป่าอย่างนั้นเอง กรุณาอย่าได้ถือสาและยึดเป็นหลัก
เป็นเกณฑ์นักเลย เพราะพูดไม่มีแบบมีฉบับเป็นเครื่องยืนยันรับรอง
เวลาปฏิบัติก็อยู่ในป่า เวลาเรียนก็เรียนในป่า ธรรมจึงเป็นธรรมป่า
รวมแล้วมีแต่เรื่องป่า ไม่มีคำว่าคัมภีร์แฝงอยู่บ้างเลย
การอธิบายวิธีเดินจงกรมกับวิธีนั่งสมาธิก็ไม่ค่อยเป็นแถว
เป็นแนว เนื่องจากความเกี่ยวโยงแห่งแขนงธรรมต่าง ๆ ที่ควร
อธิบายมีสัมผัสกันเป็นตอน ๆ จึงเขียนวกเวียนซ้ำซากไปตามความ
จำเป็น ผู้เริ่มฝึกหัดใหม่อาจเป็นปัญหาและทำให้เกิดความรำคาญ
อยู่บ้าง แต่อาจเกิดผลในวาระต่อไป จึงขอสรุปวิธีการทั้งสองลงว่า
ถ้าเห็นว่าการเดินจงกรมเหมาะกับนิสัย และได้รับความสงบหรือ
เกิดอุบายต่าง ๆ ขึ้นมากกว่าวิธีนั่งสมาธิ ก็ควรเดินมากกว่านั่ง ถ้า
การนั่งจิตได้รับผลมากกว่าก็ควรนั่งมากกว่าเดิน แต่ไม่ควรปิดทาง
ของการเปลี่ยนอิริยาบถ ซึ่งเป็นความสำคัญสำหรับกายที่เป็น
เครื่องมือทำงาน ทั้งสองนี้จะเป็นวิธีใดก็คือการทำลายกิเลส
สิ่งพอกพูนภพชาติ และกองทุกข์ทั้งมวลภายในใจอันเดียวกันนั่นแล
กรุณาทำความสนใจกับจิตซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของโลกด้วย โลก
กับเราจะอยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่อยู่ด้วยความเดือดร้อนนอนคราง
นัก เพราะจิตได้รับการอบรมพอ มีเครื่องป้องกันหลบซ่อนบ้าง ดี
กว่าที่ไม่มีอะไรในตัวเลย เวลาดับขันธ์จะได้อาศัยพึ่งร่มพึ่งเงาความดี


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและได้ทำบุญบริจาคตามกล่องค่าอาหารแก่บุคคลไร้ยากและบริจาคทำบุญตามกล่องต่างๆตามห้างสรรพสินค้าทำบุญบริจาคทอดผ้าป่าตามวัดและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน ทำบุญบริจาคตามกล่องค่าอาหารแก่บุคคลไร้ยากและบริจาคทำบุญตามกล่องต่างๆตามห้างสรรพสินค้าทำบุญบริจาคทอดผ้าป่าตามวัด
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ร่วมสร้างองค์พระประธาน และพระอุโบสถ
0894885819

ระดมทุนการสร้างพระปางเปิดปฐพีและบันไดพญานาคเจ็ดเศียรสอง
036-346278


บอกบุญ ชาวไทยทั่วล้า ร่วมกันสร้างพ่อท่านคล้าย ใหญ่ที่สุดในโลก
นำไปปฏิสังขรณ์โบสถ์ วัดทุ่งเศรษฐี และนำไปสร้างองค์พ่อท่านคล้ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดสวนพระหิน เขาโพธิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์หน้าตัก 5 นิ้ว 555 องค์
08-1750-0102


ประกาศหาเจ้าภาพผู้มีจิตศรัทธาทำสีองค์พระประธาน ๓ สมัย
โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑


ทอดผ้าป่าสร้างอุโบสถงานปีวัดสว่างอารมณ์ อ.บางเลน จ.นครปฐม
085-195-9625


22 เมย ถึง 1 พค 55 ร่วมเป็นเจ้าบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดสันป่าสัก
083 7663388


ขอเชิญร่วมสร้างพระบรมรูปแกะสลักศิลามหามงคลองค์มหาราช 3 แผ่นดิน
โทร. : 081-9974609


ขอเชิญร่วมทำบุญจัดซื้อต้นโมก ถวายวัด ต้นละ ๘๐ บาท เพื่อปลูกบริเวณรอบวิหาร
๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑


ขอเชิญสาธุชนร่วมพิธีไหว้สาป๋าระมีบูชาบรมครู ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ประจำปี 2555 (6-7 พ.ค.)
0818222500


ครั้งที่ ๔ ในวันศุกร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕
"ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคาสู่นิพพาน" โดย พระอาจารย์ ประสงค์ ปริปุณโณ
วัดบางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก

ระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ - ๒๐.๐๐ น.
ณ ห้องประชุม ชั้น ๘ อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ ๒ (ตึกข่าว) ถนนพระราม ๔ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

ติดต่อลงทะเบียนได้ที่ ๐๒-๒๖๒ ๓๓๓๓ ต่อ ๑๐๔๖, ๑๐๖๔




ระดมทุนสร้างพระปางเปิดปฐพีและบันไดพญานาคเจ็ดเศียร ณ อ.มวกเหล็ก
036-346278


ขอผู้มีจิตเมตตาทุกท่าน ร่วมสมทบทุนทำบุญกับนักเรียนและโรงเรียนบ้านตาเส็ด อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ตามโครงการซ่อมแซมอาคารเรียนและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค
08-8346-3135


ขอรับบริจาค นมลูกแมวและของใช้ช่วยชีวิตลูกแมว4ชีวิต
สอบถาม 0814931427


กาชาด ขอรับบริจาคเลือด รับมือสงกรานต์!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://thaipost.net/x-cite/100412/55239-


เชิญร่วมกัน ไถ่ชิวิตโค-กระบือ ที่วัดหัวลำโพง วันที่ 13 เม.ย.55
ติดต่อสอบถามและร่วมบริจาคได้ที่
พระเทพวิริยาภรณ์ โทร.081-854-1824


-ไถ่ชีวิตโค-กระบือ-วันอาทิตย์แรกทุกเดือน-ปี-2555-วัดพระศรี-บางเขน-6-พค-2555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2012, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ภายในตัวที่สั่งสมไว้ สัตว์โลกเป็นไปกับกรรมดีกรรมชั่วและเสวยผล
เป็นสุขบ้างทุกข์บ้างตลอดมา ไม่เคยมีสัตว์ตัวใดหรือผู้ใดหลีกพ้นไป
ได้โดยไม่ยอมเสวยผลที่ไม่พึงปรารถนา แม้ในโลกมนุษย์เราก็รู้เห็น
กันอยู่อย่างเต็มตาเต็มใจทั้งท่านและเราตลอดสัตว์ ซึ่งมีสุขบ้าง
ทุกข์บ้างเจือปนกันไปเป็นคราว ๆ ในรายหนึ่ง ๆ การอบรมความดี
มีศีลสมาธิปัญญาเป็นต้น เพื่อเป็นเรือนใจ อันเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญจะ
พึงรู้เห็นในปัจจุบัน วันนี้ชาตินี้ไม่สงสัย เช่นเดียวกับสมัยพุทธกาล
ส่วนขณะจิตที่รวมลงเป็นสมาธิซึ่งมีหลายขณะต่าง ๆ กันตามนิสัย
นั้น ไม่ขอแสดงไว้ ณ ที่นี้ เกรงว่าท่านที่เริ่มปฏิบัติจะคิดคาดหมาย
ไปต่าง ๆ ซึ่งมิใช่ความจริงที่เป็นเองจากสมาธินิสัยของตน
ที่อธิบายวิธีเดินจงกรมและนั่งสมาธิภาวนาที่ผ่านมานี้
อธิบายเป็นกลาง ๆ นำไปปฏิบัติได้ทั้งพระและฆราวาส ส่วนผลคือ
ความเป็นของจิตที่เกิดจากการเดินจงกรมหรือนั่งสมาธินั้น ส่วนใหญ่
คือความสงบของจิต เวลารวมลงไปถึงที่แล้ว จิตเป็นหนึ่งมีอารมณ์
เดียวกัน ส่วนย่อยที่อาจเป็นไปตามนิสัยนั้นผิดกัน ผู้ปฏิบัติจึง
ไม่ควรเป็นกังวลเมื่อได้ทราบจากเพื่อนฝูงเล่าให้ฟังว่า จิตเขาเป็น
อย่างนั้น รู้อย่างนั้น เห็นอย่างนั้น และรู้เห็นนิมิตต่าง ๆ อย่างนั้น
โปรดถือหลักใหญ่คือความสงบ ขณะที่จิตรวมลงเป็นสำคัญนี้
เป็นหลักรับรองผลของสมาธิโดยทั่วไป ท่านที่มีความเพียรพยายาม
อยู่แล้วไม่นิยมว่าเป็นนักบวชหรือสาธุชน ย่อมจะเห็นความอัศจรรย์
ของจิตจากสมาธิภาวนาในวันหนึ่งแน่นอน
ข่าวที่เคยอ่านในประวัติของอริยสาวกทั้งหลาย จะกลายมา
เป็นข่าวของตนในวันหนึ่งจนได้ เพราะสิ่งที่เป็นกิเลสบาปกรรม
และธรรมเครื่องแก้กิเลสนั้นมีอยู่กับทุกคนและทั้งครั้งโน้นครั้งนี้ไม่ลำเอียง ผู้ปฏิบัติเป็นสามีจิกรรมชอบในสมาธิวิธี ผลเป็นที่พอใจ
เหมือนอริยสาวกในครั้งพุทธกาลได้รับ ตนจะพึงได้รับเช่นกัน
ข้อสำคัญอย่าคาดกาลสถานที่ว่าเป็นที่เกิดแห่งมรรคผลนิพพาน
ยิ่งไปกว่าการปฏิบัติตนด้วยมรรคโดยชอบธรรมเถิด นี่แลเป็น
เครื่องปลดเปลื้องกิเลสกองทุกข์ทางใจออกได้โดยสิ้นเชิง และมรรค
นี่แลคือธรรมแก้กิเลสโดยตรงเรื่อยมาแต่ครั้งโน้นถึงครั้งนี้ ไม่มี
การเปลี่ยนแปลง กรุณานำมาแก้จิตซึ่งเป็นที่เกิดที่อยู่แห่งกิเลส
ทั้งมวลให้เห็นประจักษ์ขึ้นกับใจ ว่าใจได้เปลี่ยนตัวจากความเคยเป็น
ภาชนะแห่งกิเลสทั้งหลาย มาเป็นภาชนะแห่งธรรมโดยลำดับจนเป็น
ธรรมทั้งดวง
ใจถ้าลงได้เป็นธรรมทั้งดวงแล้ว อยู่ที่ไหน ๆ ก็อยู่เถิด
ความเกิดทุกข์ทางใจจะไม่มีมาเยี่ยมมาผ่านอีกเลย นอกจากธาตุขันธ์
อันเป็นเรือนของทุกข์โดยตรงอยู่แล้ว ขันธ์ก็เป็นขันธ์และทุกข์ก็
เป็นทุกข์ไปตามเคย จนถึงวันสุดท้ายปลายแดนแล้วก็สิ้นซากจาก
ความเป็นขันธ์เป็นทุกข์ไปตามกัน คำว่าอวิชชาที่เคยเรืองอำนาจ
บนหัวใจก็สิ้นอำนาจขาดความหมายไป ในขณะที่จิตกลายเป็นธรรม
ทั้งดวงไปแล้ว นี่แลงานของธรรมมีความสิ้นสุดยุติและหลุดพ้นไปได้
ไม่เหมือนงานของอวิชชาซึ่งแผ่กระจายไปทั่วโลกสงสารไม่มี
ประมาณและเวลาจบสิ้นลงได้ จึงพอนำผลมาเทียบกันดูว่างานหนึ่ง
ไม่มีประมาณและเวลาจบสิ้นลงได้ แม้จะทำไปกี่กัปกี่กัลป์ก็พาให้
หมุนเวียนอยู่ตลอดไป แต่งานหนึ่งมีทางเสร็จสิ้นลงได้ ไม่ต้องวกวน
ขนทุกข์ให้แบกหามอยู่เรื่อยไป ทั้งสองงานนี้ ผู้เคยผ่านมาพอจะ
ทราบผลที่ผิดกันเป็นคนละโลก ถ้าให้เลือกด้วยความเป็นธรรมจะ
เอางานไหน เพียงเท่านี้ก็พอมีทางออกได้ ไม่ติดจมอยู่กับงานวนงานเวียนนั้น จนลืมสนใจคิดถึงธรรมสมบัติเพื่อตนเองในกาลต่อไป
การออกจากสมาธิภาวนา เวลาจะออกจากที่ภาวนา
พึงออกด้วยความมีสติประคองใจ ถ้าจิตยังสงบอยู่ในภวังค์ นั้นมิใช่
ฐานะจะบังคับให้ถอนขึ้นมาแล้วออกจากที่ภาวนา แม้ถึงเวลาจะ
ต้องไปทำงานการหรือออกบิณฑบาตก็ไม่ควรรบกวน ปล่อยให้รวม
สงบอยู่จนกว่าจะถอนขึ้นมาเอง งานภายนอกแม้จำเป็นก็ควรพักไว้
ก่อนในเวลาเช่นนั้น เพราะงานของภวังคจิตสำคัญกว่ามากมาย
จนนำมาเทียบกันไม่ได้ หากไปบังคับให้ถอนขึ้นมาทั้งที่จิตยัง
ไม่ชำนาญในการเข้าการออก จะเป็นความเสียหายแก่จิตในวาระ
ต่อไป คือจิตจะไม่รวมสงบลงได้อีกดังที่เคยเป็นแล้ว จะเสียใจ
ภายหลัง เพราะเรื่องทำนองนี้เคยมีเสมอในวงปฏิบัติ จึงควร
ระมัดระวังอย่าให้เรื่องซ้ำรอยกันอีก
การออกถ้าจิตรวมสงบอยู่ก็ต้องออกในเวลาที่จิตถอนขึ้นมา
แล้ว หรือเวลาที่รู้สึกเหนื่อย ขณะออกก็ควรมีสติ ไม่ควรออกแบบ
พรวดพราดไร้สติสัมปชัญญะ ซึ่งเป็นธรรมประดับตัวตามกิริยาที่
เคลื่อนไหว ก่อนออกควรนึกถึงวิธีทำที่ตนเคยได้ผลในขณะที่ทำ
สมาธิก่อนว่า ได้ตั้งสติกำหนดจิตอย่างไร นึกคำบริกรรมบทใด
ช้าหรือเร็วขนาดใดใจจึงรวมสงบลงได้ หรือเราพิจารณาอย่างไรด้วย
วิธีใด ใจจึงมีความแยบคายได้อย่างนี้ เมื่อกำหนดจดจำทั้งเหตุ
และผลที่ตนทำผ่านมาได้ทุกระยะแล้ว ค่อยออกจากสมาธิภาวนา
การที่กำหนดอย่างนี้เพื่อวาระหรือคราวต่อไป จะทำให้ถูกต้องตาม
รอยเดิมและง่ายขึ้น
เฉพาะนักบวชที่เป็นนักปฏิบัติอยู่แล้ว แม้ออกจากสมาธิมา
แล้ว สติที่เคยประคองจิต ก็ไม่ควรปล่อยวางในอิริยาบถต่าง ๆ คือยืน เดิน นั่ง นอน และทำข้อวัตรหรือทำงานอะไรอยู่ก็ควรมีสติ
กำกับคำบริกรรม หรือมีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว ไม่ปล่อยใจให้
ส่ายแส่ไปตามอารมณ์ต่าง ๆ ตามนิสัยของจิตที่เคยต่ออารมณ์
การมีสติอยู่กับคำบริกรรมหรือมีสติอยู่กับตัว กิริยาที่แสดงออก
ต่าง ๆ ทางกายวาจาย่อมไม่ผิดพลาด และเป็นความงามไม่แสลงหู
แสลงตาผู้อื่น แม้จะมีนิสัยเชื่องช้าหรือรวดเร็วประการใดก็อยู่ใน
กรอบแห่งความน่าดูน่าฟังและงามตา ขณะทำสมาธิภาวนาจิตก็
สงบลงได้เร็ว เพราะสติเครื่องควบคุมใจและงานที่ตนกระทำอยู่
กับตัว ถ้าเป็นสัตว์ก็อยู่ในความอารักขาจะจับมาใช้งานเมื่อไรก็ง่าย
ภัยก็ไม่ค่อยเกิดได้ง่ายเหมือนปล่อยไปตามยถากรรม
จิตที่พยายามรักษาอยู่ทุกเวลาแม้ไม่รวมสงบลงได้ดังใจหวัง
ก็ไม่ค่อยเที่ยวก่อกรรมทำเข็ญใส่ตัวเหมือนที่ปล่อยไปตามยถากรรม
การรักษาจิตได้แทบทุกครั้งหรือได้ทุกเวลานั้น เป็นการบำรุงสติ
และจิตเพื่อควรแก่งานทางด้านสมาธิภาวนาและงานอื่น ๆ ได้ดี
งานใดก็ตามที่ผู้ทำทำด้วยความจงใจ มีสติจดจ่ออยู่กับงาน งานนั้น
ย่อมเป็นที่น่าดูไม่ค่อยผิดพลาด ตัวเองก็ไม่เป็นคนเผอเรอ เป็นคน
หรือพระที่อยู่ในระดับ ไม่ลดฐานะและการงานให้เป็นของน่าเกลียด
ที่ว่า “สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง” นั้น ถูกต้อง
เหมาะสมอย่างยิ่งหาที่คัดค้านไม่ได้ ทั้งนี้เราจะเห็นความจำเป็น
ของสติในเวลาทำสมาธิภาวนา หรือการพิจารณาธรรมภาคทั่วไป
สติจำต้องตามกิจการนั้น ๆ อยู่ทุกระยะ จึงจะทราบเรื่องราวของ
จิตของธรรมได้ละเอียดลออสมความมุ่งหมาย ยิ่งผู้มีภูมิจิตภูมิธรรม
สูงมากเพียงไร สติก็ยังเป็นธรรมจำเป็นทุกระยะโดยปราศจากไม่ได้
เลย ปัญญาจะคมกล้าสามารถเพียงไร ย่อมขึ้นอยู่กับสติเป็นเครื่องพยุงส่งเสริม แม้ปัญญาจะก้าวขึ้นสู่ภูมิมหาปัญญาก็เป็น
การแสดงถึงสติว่า ต้องก้าวขึ้นสู่ภูมิมหาสติเช่นเดียวกัน เพราะสติ
เป็นธรรมเครื่องนำทางของงานทุกชนิด คนเราธรรมดาสามัญเพียง
ขาดสติไปบ้างเป็นบางเวลา กิริยาที่แสดงออกไม่น่าดูเลย ยิ่งปล่อย
ให้ขาดไปมากแบบไม่สนใจเลยแล้ว ก็นับว่าจวนจะเข้า..แน่นอน
ไม่สงสัย
ด้วยเหตุนี้นักปฏิบัติที่บรรลุธรรมช้าหรือเร็วแม้จะต่างกัน
ตามนิสัยวาสนา ก็ยังขึ้นอยู่กับสติปัญญาเป็นของสำคัญอยู่ด้วย
ผู้เร่งรัดทางสติมาก สมาธิก็ปรากฏได้เร็ว คิดอ่านทางปัญญาก็ไปได้
เร็วผิดกัน เราคิดเพียงงานเขียนหนังสือก็พอทราบได้ คือถ้าวันใด
สติเลื่อนลอยเพราะความคิดสับสนมาก วันนั้นเขียนหนังสือก็ผิด ๆ
ถูก ๆ ทั้งขีดทั้งฆ่ายุ่งไปหมด แต่ถ้าวันใดใจไม่ยุ่ง สติมีอยู่กับตัวบ้าง
วันนั้นเขียนหนังสือก็ถูกดีไม่ค่อยขีดฆ่าอะไรนักเลย ท่านที่มีชื่อเสียง
กิตติศัพท์กิตติคุณในทางจิตทางธรรมโดยมากมักเห็นความสำคัญ
ของสติ ท่านพยายามตั้งสติอยู่ตลอดมาไม่ยอมให้พลั้งเผลอไปได้
ยิ่งเวลาทำสมาธิภาวนาและพิจารณาธรรมทั้งหลายด้วยแล้ว สติ
กับปัญญาต้องกลมกลืนเป็นอันเดียวกันไปโดยตลอด ไม่ยอมให้
ขาดวรรคขาดตอนได้ ผู้เช่นนั้นทำอะไรอยู่ที่ใด ก็คือผู้มีชาครธรรม
เครื่องตื่นอยู่กับตัว เป็นผู้มีเครื่องป้องกันตัวอย่างแน่นหนามั่นคง
ข้าศึกยากจะเข้าถึงได้ ภัยทางใจจึงไม่มี ผิดกับผู้ไม่มีสติซึ่งเป็น
พวกกอบโกยทุกข์เป็นไหน ๆ มีเท่าไรรับเหมาจนหมด
ท่านอาจารย์มั่นท่านสั่งสอนเน้นหนักทางสติมาก ไม่ว่า
ความเพียรในท่าใด อิริยาบถใด ไม่ว่าผู้เริ่มอบรมใหม่หรือเก่า
ท่านเป็นต้องสอนสติตามไปกับโอวาทเพื่อภูมิจิตภูมิธรรมของผู้มาศึกษานั้นไม่ลดละเลย ท่านว่าท่านเคยเห็นโทษแห่งความขาดสติ
และเห็นคุณในความมีสติทั้งในระยะเริ่มต้นแห่งความเพียร ตลอดไป
ถึงที่สุดจุดหมายปลายทางมาแล้ว ว่าเป็นสิ่งสำคัญด้วยกันทั้งสอง
อย่าง ประมาทไม่ได้ โดยให้ความมั่นใจแก่นักปฏิบัติว่า นักปฏิบัติ
ในเพศใดวัยใดก็ตาม ถ้าเป็นผู้สนใจกับสติอยู่เสมอ ไม่ให้ขาดวรรค
ขาดตอนในอิริยาบถและอาการต่าง ๆ นักปฏิบัตินั้นจะพึงมีหวัง
ได้ชมสมาธิสมาบัติมรรคผลนิพพานไม่พ้นมือไปได้
เริ่มแรกแต่การอบรม ขอให้มีสติเป็นพี่เลี้ยงรักษาเถิด
ความรู้สึกตนและรู้สึกผิดถูกชั่วดีที่เกิดกับตนและผู้อื่นนั้น อย่างไร
ต้องทราบได้ตามลำดับที่สติอยู่กับตัว ไม่ยอมพลั้งเผลอปล่อยให้
กิเลสฉุดลากและล้วงเอาของดีไปกินเสีย ย่อมมีหวังแน่นอน
โดยมากผู้ปฏิบัติธรรมกลายเป็นนักตำหนิธรรมว่าไม่ให้ผลเท่าที่ควร
หรือไม่ให้ผลแก่ตนในเวลาบำเพ็ญนั้น เพราะกิเลสตัวพาให้เผลอ
นั้นแลแอบมาทำหน้าที่ก่อนสติซึ่งเป็นผู้นำ และแอบทำหน้าที่
แฝงไปกับจิต ทั้งเวลาประกอบความเพียรและเวลาธรรมดา จึง
ทำให้ผิดหวังไม่ได้ดังใจหมาย แล้วแทนที่จะตำหนิตัวผู้เสียท่าให้
กิเลส แต่กลับไปตำหนิธรรมว่าไร้ผลไปเสีย จึงมีแต่เรื่องขาดทุน
โดยถ่ายเดียว ในข้อนี้เป็นเพราะผู้ปฏิบัติไม่สนใจสังเกตกิเลสตัว
พาให้เผลอนั้นเป็นภัยต่อตนและความเพียร เจ้าตัวนี้จึงได้โอกาส
ออกหน้าออกตาอยู่กับนักปฏิบัติ โดยผู้นั้นไม่รู้สึกว่าตนได้ถูกมัน
ลากจูงอยู่ตลอดเวลา
ถ้าเป็นนักสังเกตอยู่บ้าง จะพอทราบได้ในช่วงระยะเวลา
ไม่ถึงนาทีเลย คือขณะเริ่มประกอบความเพียรด้วยท่าต่าง ๆ โดย
เริ่มตั้งสติต่อความเพียรนั่นแล เป็นขณะที่จะทราบได้ว่าความตั้งสติกับความเผลอสติจะรบกันให้ผู้ปฏิบัติดู และไม่นานเลย
ความเผลอสติอันเป็นฝ่ายกิเลสที่คอยจดจ้องมองทีอยู่จะเป็น
ฝ่ายชนะ และฉุดลากจิตหายเงียบไปเลย จากนาทีนั้นก็มีแต่ร่าง
ของนักปฏิบัติผู้ไม่มีสติทำความเพียรอยู่เปล่า ๆ ถ้าเดินจงกรมก็
สักแต่กิริยาว่าเดิน ถ้านั่งสมาธิอยู่ก็สักแต่กิริยาว่านั่ง ถ้ายืนเป็น
ท่ารำพึงธรรมก็สักแต่กิริยาว่ายืนอยู่เท่านั้น เหมือนหุ่นหรือตุ๊กตาเรา
ดี ๆ นี้เอง หาเป็นความเพียรตามองค์ของผู้บำเพ็ญอย่างแท้จริงไม่
เพราะสติที่เป็นองค์ความเพียรอันจะยังผลนั้น ๆ ให้เกิด ได้ถูก
กิเลสตัวเผอเรอเอาไปกินเสียสิ้นแล้ว เหลือแต่ร่างซึ่งเป็นเพียงกิริยา
แห่งความเพียรอยู่เท่านั้น
นี่แลกิเลสทำลายคนทำลายความเพียรของนักปฏิบัติ
มันทำลายต่อหน้าต่อตาและทำเอาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ด้วยวิธี
กล่อมให้หลับสนิทขณะกำลังทำความเพียรนั่นเอง ถ้าอยากทราบว่า
กิเลสประเภทต่าง ๆ มีความสามารถอาจเอื้อมเพียงไรย่อมจะ
ทราบได้ทุกระยะ แม้ขณะเริ่มจะทำความเพียรก็ทราบได้ไม่ยากเย็น
อะไรเลย แต่โดยมากไม่อยากทราบกัน อยากทราบแต่สมาธิสมาบัติ
มรรคผลนิพพานอย่างเดียว หาทราบไม่ว่าธรรมเหล่านี้จะปรากฏ
ขึ้นมาได้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะสติกับปัญญาเป็นเครื่องมือบุก
เบิกอันสำคัญ หาใช่เพราะความเผอเรอไม่ พอที่จะไม่สนใจระวังมัน
อันเป็นตัวทำลายธรรมทั้งหลายที่ตนพึงประสงค์ ดังนี้
ท่านเทศน์บางครั้งผู้ฟังทั้งหลายอดหัวเราะอยู่ภายในไป
ตาม ๆ กันไม่ได้เพราะขบขัน ผู้เขียนจำได้เฉพาะความขบขัน
ส่วนเนื้อธรรมที่ท่านแสดงขัน ๆ นั้นจำไม่ค่อยได้มาก ท่านว่าถ้า
พากันสนใจทำความเพียรเหมือนคนมีชีวิตจิตใจอยู่กับตัวบ้างแล้วความเจริญทางใจก็พอจะมีทางงอกเงยขึ้นได้ ไม่เหมือนคนเดิน
เข้าโลงผีทั้งเป็น ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่นี้มองไปทิศใดทางใดเห็นมี
แต่เศษพระเศษเณร เหมือนเศษเหล็กเคลื่อนที่เดินไปมาตามทาง
จงกรมงุ่มง่ามต้วมเตี้ยม ไม่มีสติความรู้สึกอยู่กับตัวและปัญญา
ความแยบคายใด ๆ บ้างเลย ถ้านั่งภาวนาก็นั่งอยู่เฉย ๆ เหมือน
เศษเหล็กที่เขากองทิ้งไว้ในร้านหรือในโรงงานต่าง ๆ นั่นแล แต่เศษ
เหล็กมันยังไม่แสดงความโยกเยกประหงกหน้าประหงกหลัง เหมือน
คนกำลังจะตายอยู่ในท่าแห่งความเพียรให้เราดูพอรำคาญใจ ส่วน
พระกรรมฐานนั่งสัปหงกงกงันจะล้มเเหล่ไม่ล้มแหล่ จะตายแหล่
ไม่ตายแหล่ พอให้รำคาญในการเตรียมท่องกุสลามาติกา นั่นซิ
มันน่าทุเรศน่ะ
และบางครั้งที่เป็นเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาแร้งกาหมา
หลับนอนกันเสียแล้ว เผื่อเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในเวลานั้น ไม่ทราบ
ว่าใครจะมาช่วยจัดการกุสลามาติกาศพให้ตามประเพณีที่มนุษย์
นิยมกัน ถ้าเหตุเช่นนั้นเกิดขึ้นในเวลากลางวัน ก็พอให้แร้งกา
รำคาญอีกแง่หนึ่ง คือเวลาเขาบินมาดูคิดว่าพอเป็นอาหารได้แล้ว
ก็ยังมีลมหายใจและมีอาการกระดุกกระดิกอยู่ เห็นท่าไม่ได้การ
เขากลัว รีบพากันบินหนีไปและจับต้นไม้คอยดูอีกต่อไป บางที
มีหวัง แล้วมองกลับมาดูสิ่งที่น่ารำคาญนั้นอีก พอเห็นราวกับว่า
เรียบร้อยไปแล้วคงจัดการได้ละทีนี้ เอ๊า พอบินกลับมาดูเข้าจริง ๆ
กลับมีสติคืนมา และแหงนหน้าขึ้นมองดูเขาจนพากันกลัวบินหนีไป
ด้วยความหมดหวัง
พอจะบินไปเที่ยวหากินที่อื่น อาการของนักภาวนาในร่าง
แห่งคนตายครึ่งนั้นก็เป็นเหมือนร้องเรียกเขาให้บินกลับมาอีกว่า“จัดการได้แล้วทีนี้ สำเร็จแล้ว” อยู่เรื่อยไป ซึ่งพอให้เขารำคาญ
กับพระเศษคนเคลื่อนที่อยู่นั่นแล นี่คือผู้ปฏิบัติให้แร้งกาหมาป่า
หมาบ้านรำคาญ ไม่ว่าเพียงแร้งกาและหมาทั้งหลายจะรำคาญเลย
แม้ผู้สอนก็อกจะแตกยิ่งกว่าสัตว์จำพวกที่คอยจะกินเนื้อกินหนัง
พระที่ตายทั้งเป็น เพราะไม่มีสติประคองตัวเสียอีก ปฏิปทาแบบนี่
คือแบบเตรียมการไม่หยุดแต่ไม่เกิดผล
พอเทศน์มาถึงจุดนี้ ท่านก็นิ่งไปพักหนึ่งราวกับจะกำหนด
ดูใจพระใจเณรที่กำลังนั่งฟังว่าจะพากันคิดอย่างไรบ้าง พอเห็น
แต่ละองค์ต่างนั่งเงียบ คงทั้งกลัวบ้างขบขันบ้างนั่นเอง เสียงท่านก็
เริ่มขึ้นอีกราวกับตอบคำสงสัยว่า ก็เตรียมกุสลามาติกาพระทั้งเป็น
อย่างไรล่ะ คนตายเขายังมีกุสลาบังสุกุล พระนั่งภาวนาหลับแบบ
ตายทั้งเป็นจะไม่กุสลามาติกาให้บุญ ก็จะพากันไปตกนรกทั้งหมด
ละซิ แม้เวลาเดินจงกรมหรือนั่งภาวนาก็ทำท่าโยกหน้าโยกหลัง
เหมือนจะโดดลงนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ จะ
โดดไปที่ไหน ถ้าไม่โดดลงนรกขุมนอนไม่ตื่นเล่า คำว่านรกขุมนอน
ไม่ตื่นพวกเราก็ไม่เคยได้ยินกันมาบ้างเลย แต่ท่านก็นำมาแสดง
จนได้
พอเลิกจากประชุมแล้วต่างพากันออกมาแอบคุยกันรอบ ๆ
สภาหนูสนุกไปพักหนึ่ง ก่อนจะเลิกรากันไปสถานที่ที่ทำความเพียร
ของตนอันเป็นสถานที่ที่ท่านว่า โรงพักศพของพระที่ตายครึ่ง
คอยเตรียมรับกุสลาฯ แต่แปลกดังที่เคยเรียนแล้ว พระเณรไม่ว่า
องค์ใด ไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิด ไม่พอใจในคำที่ท่านเทศน์ดุด่า
เฆี่ยนตีนั่นเลย มีแต่ต่างองค์ต่างฟังกันอย่างถึงใจและเพลิดเพลิน
ไปตามคำเทศน์ขบขันท่านเสียอีก ไม่อยากให้จบลงง่าย ๆ เลยทั้งนี้คงเป็นเพราะความเชื่อมั่นในองค์ท่านว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และมีจิต
เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาเป็นพื้นฐานและเหตุผลนั่นเอง จึงไม่มีท่าน
ผู้ใดสนใจคิดวิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ต่าง ๆ แทนที่จะขยะแขยงต่อ
คำเทศน์ประเภทกุสลามาติกานั้น แต่กลับได้สติระลึกเห็นโทษ
แห่งความเผลอสติของตนไปตาม ๆ กัน
องค์ท่านเองก็แสดงสุ้มเสียงและท่าทางน่ากลัวเฉพาะเวลา
นั้นเท่านั้น พอพ้นไปแล้วก็มีอากัปกิริยาธรรมดาเหมือนไม่เคย
แสดงท่าทางอย่างนั้นมาก่อนเลย แม้พระที่ท่านเคยอยู่กับท่าน
มานานจนทราบนิสัยท่านได้ดีพอแล้ว หลังจากฟังเทศน์แบบนั้น
มาแล้ว ท่านก็สนทนาปราศรัยกับท่านอย่างสนิทสนมธรรมดา ๆ
เหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นเมื่อครู่ก่อนนั้นบ้างเลย นอกจาก
ท่านที่เพิ่งไปฝึกหัดใหม่ ที่ยังไม่เคยกับธรรมเครื่องดัดสันดานแบบ
นั้น จึงไม่ว่าท่านว่าเราเมื่อมาเจอเข้าอย่างจัง ๆ ก็ต้องมีอาการ
ต่าง ๆ ทั้งจะผุดลุกผุดนั่ง ทั้งจะปวดหนักปวดเบา ทั้งร้อนทั้งหนาว
ไม่มีสติพอยับยั้งตั้งตัวได้ เหมือนจับสุนัขโยนใส่เสือตายเราดี ๆ
นี่เอง ได้ยินแต่เสียง “แหงก” คำเดียว แล้วตัวก็เผ่นหนีตายแบบ
ไม่อาลัยชีวิตเอาเลย เห็นแต่อะไรๆ ที่ไม่คาดคิดของมันหลุดทิ้ง
เรี่ยราดสาดกระจายเต็มอวัยวะเสือทั้งตัวนั่นแล นั้นใครจะคิดว่า
เป็นอะไรที่หลุดทะลักออกมาจากตัวมันลงกองเรี่ยราดเต็มตัวเสือที่
มันกลัว ๆ นั่นเล่า ? ส่วนตัวสุนัขเองนั้นเผ่นหนีตายจนไม่มีที่
ยับยั้งตั้งตัวได้
พระที่ไปอบรมกับท่านใหม่ ๆ โดยมากมักเป็นทำนอง
จับสุนัขโยนใส่เสือตายนั่นแล ไม่ค่อยจะมีสติยับยั้งตัวได้เท่าที่ควร
ยืน เดิน นั่ง นอน มีแต่ความกลัวว่าท่านจะดุด่าเอาท่าเดียว โดย



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2012, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


มิได้คิดถึงเหตุผลกลไกอะไรบ้างเลย ยิ่งกว่าสุนัขกลัวเสือตายเสียอีก
(คำว่าสุนัขกลัวเสือนั้นกลัวจริงๆ มีอะไรอยู่ในท้องต้องหลุดลอย
ออกหมด ไปแต่ตัวขณะที่เจอเสือ แต่โดยมากสุนัขเจอเสือวิ่งหนี
ไปไหนไม่เป็น ยืนตัวแข็งปล่อยให้อะไร ๆ ไหลออกจนหมดนั่นแล
เพียงถูกจับโยนใส่เสือที่ตายแล้วยังเป็นดังที่เรียนแล้ว ทั้งนี้เพราะ
สัญชาตญาณของสัตว์พรรค์นี้กลัวกันแต่ไหนแต่ไรมา ท่านที่เคยอยู่
ตามแถบป่าที่มีเสือชุมย่อมทราบเรื่องสุนัขกับเสือได้ดี แต่ท่านที่อยู่
แต่ในเมืองหรือในกรุงเทพฯ มาแต่ต้นไม่อาจทราบได้ หรือไม่เชื่อว่า
จะเป็นได้ดังที่เขียนก็เป็นได้ แต่ความจริงก็เป็นอย่างนั้น)
เฉพาะท่านที่เคยอยู่อบรมกับท่านมานาน ท่านดุด่าขู่เข็ญ
มากเพียงไร ยิ่งเป็นเหมือนเร่งยาแก้ไข้ให้หายรวดเร็วทันใจยิ่งขึ้น
ไม่มีคนไข้ใดที่โกรธแค้นให้หมอผู้เร่งยาเพื่อช่วยตัวเองให้หาย
จากโรค ที่กำลังบีบบังคับอยู่จนหาทางรอดตัวไม่ได้ นอกจากจะเกิด
ความอบอุ่นและขอบคุณหมอว่า ตนยังพอมีทางรอดตายได้เพราะ
ความเมตตาอนุเคราะห์ของหมอเท่านั้น นักปฏิบัติผู้เห็นภัยใน
ความโง่เพราะกิเลสของตัวบีบบังคับทับถม ก็ย่อมมีความกระหยิ่ม
ยิ้มย่องต่อโอวาทหนักเบา เพื่อบรรเทาและแก้กิเลสของตัว จาก
ครูอาจารย์ผู้มีเมตตาจิตคิดอนุเคราะห์ด้วยอุบายต่าง ๆ อันเป็น
ทางปลดเปลื้องเลี่ยงกิเลสกองทุกข์ไปได้ไม่นอนจมล้มเหลว เพราะ
อำนาจกิเลสบีบบังคับทำลายโดยถ่ายเดียว
การฟังโอวาทท่านถ้าฟังอย่างผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมจริง ๆ
ไม่สงวนตัวนำกิเลสตัวทิฐิมานะเข้าไปต้านทานผลักดันธรรมที่ท่าน
แสดง เปิดใจฟังหยั่งความรู้ไปตามเหตุตามผลจริง ๆ แล้ว จะได้
ฟังธรรมท่านอย่างถึงใจ แก้กิเลสไปได้เป็นวรรคเป็นตอนประจักษ์ใจในขณะที่ฟังทุก ๆ ระยะที่ท่านแสดง ยิ่งมีเรื่องทำให้ท่านสะดุดใจ
ถือเป็นเหตุ จะเป็นเรื่องใดหรือเรื่องของท่านผู้ใดก็ตามที่เป็นต้นเหตุ
ยกขึ้นแสดงในเวลานั้น ยิ่งน่าฟังผิดกับที่ท่านแสดงธรรมดาอยู่มาก
ผู้มุ่งกลัวท่านก็ได้กลัวเต็มภูมิที่อยากกลัวแทบตั้งตัวไม่ติดนั่นแล
ผู้มุ่งเอาเหตุผลอรรถธรรมก็ได้ผลเต็มความสามารถแห่งสติปัญญา
ของตน ธรรมที่ปรากฏขึ้นในเวลานั้นต้องไม่เหมือนครั้งใด ๆ ที่เคย
ผ่านมา แต่เป็นธรรมที่เหมาะสมกับเหตุการณ์นั้นโดยเฉพาะ และ
ไม่มีการซ้ำรอยเดิมที่เคยแสดงมาแล้วด้วย
เพราะนิสัยท่านอาจารย์มั่นแสดงธรรมโดยปกติก็ไม่ซ้ำรอย
เก่าอยู่แล้ว นอกจากผ่านกันไปมาเท่านั้น แม้แต่ภาษิตเก่าที่เคย
ยกขึ้นแสดง เวลาแปลยังไม่ซ้ำกับที่ท่านเคยแปลไว้เดิมเลย หากมี
เลี่ยง ๆ เฉียด ๆ กันไปพอให้เกิดอุบายแก่ผู้ฟังเราดี ๆ นี่เอง
จึงอดชมเชยท่านแล้วเล่าไม่ได้ว่า สมกับที่ท่านพิจารณาองค์ท่านเอง
ว่า “เป็นปฏิสัมภิทานุศาสน์จริง ๆ” ผู้ที่เคยอยู่กับท่านนานเท่าไร
ยิ่งชอบฟังธรรมเด็ดเผ็ดร้อนจากท่านมากกว่าธรรมดา เพราะมีรส
ซาบซึ้งผิดกันอยู่มาก แต่ผู้ไม่เคยฟังก็ว่าท่านดุด่า แล้วกลัวจนลืม
สนใจกับเหตุผลความจริงในเวลานั้น ผลที่ได้รับจากการฟังธรรมท่าน
ในเวลาเดียวกันจึงต่างกันราวกับฟังเทศน์คนละกัณฑ์
เวลาท่านแสดงธรรมสอนพระในวงปฏิบัติใกล้ชิด ท่าน
แสดงอย่างถึงเหตุถึงผลจริงๆ ไม่มีการแบ่งรับแบ่งสู้ ทั้งด้านสมาธิ
ทุกขั้นปัญญาทุกภูมิและไตรลักษณ์ทั้งหลาย ท่านรื้อฟื้นบุกเบิกและ
เปิดเผยให้ฟังตามความมีความเป็นของสิ่งนั้น ๆ อย่างถึงใจ
สมท่านเชี่ยวชาญทางจิตตภาวนาทุกภูมิจริงๆ แต่ผู้เขียนไม่อาจ
นำมาลงได้ทุกๆ ประโยคไป เพราะเป็นธรรมคู่ควรแก่ท่านผู้แสดงและท่านผู้ฟังโดยเฉพาะเท่านั้น เรียนได้แต่ว่าธรรมประเภท
“สะเด็ดเผ็ดร้อน” เท่านั้น ซึ่งกิเลสกลัวและหลั่งไหลออกเป็น
กองๆ เพราะอำนาจตปธรรมเครื่องแผดเผาไหลออกจากอนุศาสนี
ปาฏิหาริยะท่าน เหมือนน้ำไหลไฟสว่าง ราวกับจะมองเห็น ปู่ ย่า
ตา ยาย ครอบครัว ผัวเมีย ลูกเต้าหลานเหลนของกิเลสชนิดต่าง ๆ
แตกทัพดับสลายไม่เป็นขบวนไปในเวลานั้น
ที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจบลง พุทธบริษัทได้บรรลุ
มรรคผลธรรมวิเศษนับแต่อริยธรรมขั้นต่ำจนถึงขั้นสูงสุดมีจำนวน
เท่านั้น ๆ นั้น ในสมัยปัจจุบันถ้ายกธรรมประเภทที่ท่านอาจารย์
มั่นแสดงในวงพระปฏิบัติชนิดเปิดโลกธาตุ แม้เป็นเพียงธรรม
ย่อย ๆ ของธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงก็ตาม ขึ้นเทียบเคียงกัน
เพื่อหามูลความจริงกันแล้ว ผู้เขียนก็อดเชื่อไม่ได้ ต้องเชื่อจริง ๆ
ท่านผู้ใดจะว่าหูเบาเชื่อง่ายก็กรุณาว่ากันไป ส่วนผู้เชื่อก็เชื่อไปดังที่
เรียนแล้ว เพราะกิเลสก็เป็นของจริงในอริยสัจ ธรรมเครื่องแก้กิเลส
ก็เป็นของจริงในอริยสัจอันเดียวกัน เมื่อความจริงเข้าถึงความจริง
เต็มที่แล้ว จำต้องแสดงผลเป็นของจริงออกมาได้ทุกกาลสถานที่
บุคคลไม่เลือกหน้า
พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรมของจริง ท่านอาจารย์มั่นก็
แสดงธรรมของจริง เพื่อแก้กิเลสอันเป็นของจริงมาทุกกาลทุกสมัย
เช่นเดียวกัน การที่กิเลสหลุดลอยไปเพราะการแสดงธรรมซักฟอก
ของท่านผู้ใดก็ตาม จึงเป็นความชอบด้วยเหตุผล ไม่ควรจะมีอะไร
มาเป็นอุปสรรคได้ เพราะกิเลสมิได้ขึ้นอยู่กับอะไร มรรคเครื่องแก้
กิเลสก็ไม่ขึ้นอยู่กับอะไรเช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับการสั่งสมกิเลสและ
การแก้กิเลสเท่านั้นเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับสิ่งหรือสถานที่สกปรกจะสะอาดได้ก็ขึ้นอยู่กับการชำระล้างด้วยน้ำที่สะอาดเท่านั้น
ขณะฟังท่านอาจารย์มั่นแสดงธรรม เฉพาะท่านที่จิตเข้าสู่
ภูมิปัญญาควรแก่การพิจารณาตามท่านได้แล้วนั้น เป็นความเห็นชัด
ระหว่างปัญญากับกิเลสปลดเปลื้องกัน โดยอาศัยธรรมท่านเป็น
เครื่องบุกเบิก ผู้ฟังพิจารณาไปตาม ในขณะเดียวกันก็แก้กิเลส
ไปตามเป็นตอน ๆ ฟังคราวนี้พิจารณาแก้ความสงสัยได้ขนาดนี้
ฟังคราวต่อไปพิจารณาต่อไปและแก้กิเลสได้ขนาดนั้น หลายครั้ง
ต่อหลายคราวก็จำต้องผ่านพ้นดงหนาป่ากิเลสไปได้ แล้วจะไม่ให้
ท่านเชื่อว่าการฟังธรรมอาจบรรลุมรรคผลได้ ก็รู้สึกจะอวดกิเลสตัว
เคยชอบอวดเกินไป เพราะปกติกิเลสไม่ชอบเหตุผล ชอบแต่ความ
อวดตัวยอตัวว่าเก่งทั้งที่ไม่เก่ง และทั้งที่ท่านผู้ฉลาดและยิ่งใหญ่กว่า
ตำหนิและสาปแช่งอยู่เสมอ ผู้ที่อยู่ในภูมิสมาธิความสงบ พอได้ฟัง
ธรรมท่านใจก็สงบลงง่ายกว่าที่ทำโดยลำพังตนเอง เพราะธรรมท่าน
ช่วยกล่อมเกลาในเวลานั้น
การฟังธรรมจึงเป็นภาคปฏิบัติสำคัญแขนงหนึ่งในบรรดา
ความเพียร ส่วนผู้ไม่เคยปฏิบัติและไม่เคยฟังพอปรากฏผลมา
บ้างเลย เพียงจะด้นเดาเอาตามความคิดเห็นของตนไปคัดค้านนั้น
ก็คัดค้านได้ ถ้าจะตรงความจริงและเกิดประโยชน์ ความจริงแล้วมิใช่
ทางให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด นอกจากจะสร้างมลทินให้แก่
พระศาสนา และสร้างความรำคาญให้แก่ผู้อื่นที่ตั้งใจบำเพ็ญ ให้เกิด
ความเอือมระอาไปตามๆ กัน และหัวเราะอยู่ภายในเท่านั้นว่า
“นักปราชญ์หัวกะทิที่สำเร็จด้วยการปฏิเสธและด้นเดา” มรรคผล
นิพพานปัดทิ้งให้กาลสถานที่และบุคคลอื่นเอาไปครอง ตัวเองดื่ม
แต่อารมณ์แห่งความปฏิเสธด้นเดาก็ภูมิใจที่อาจารย์ฝ่ายปฏิบัติถามลูกศิษย์หลังจากการแสดงธรรมจบ
ลงว่า “ฟังเทศน์ได้ความหรือเปล่า” นั้น หมายถึงได้ความสงบเย็น
และความแยบคายทางปัญญาตามภูมิจิตภูมิธรรมที่มีต่างกันใน
ขณะฟัง มิได้หมายถึงการจดจำเนื้อธรรมที่ท่านแสดง แต่บทธรรมใด
ที่ตกค้างอยู่ในความทรงจำ บทธรรมนั้นก็จำได้เอง ที่ผ่านไปก็
ไม่จำเป็นต้องจดจำ สำคัญที่ขณะฟังทำจิตให้ตั้งตัวมีความรู้สึกอยู่
เฉพาะหน้า ไม่พลั้งเผลอไปกับอารมณ์อื่น มีสติกับจิตทำหน้าที่รู้ตัว
อยู่ภายใน กระแสธรรมที่ท่านแสดงจะเข้ามาสัมผัสกับความรู้ที่ตั้งไว้
ดีแล้วนั้น และได้ยินชัดถ้อยชัดคำยิ่งกว่าการส่งจิตออกไปรับธรรม
เสียอีก จิตกับกระแสธรรมที่สัมผัสรับรู้กันโดยสม่ำเสมอไม่ขาดวรรค
ขาดตอนนั้น คือ การกล่อมเกลาจิตให้สงบตั้งมั่นลงเป็นสมาธิได้ใน
ขณะฟัง อารมณ์อื่นไม่เข้ามายุ่ง หรือจิตไม่ส่งออกไปเกี่ยวข้องกับ
อารมณ์ภายนอกอันเป็นเครื่องก่อกวนใจให้ขุ่นมัว มีเฉพาะจิตกับ
ธรรมสัมผัสกันอยู่เท่านั้น จิตย่อมสงบตัวลงไปเอง
ขณะจิตสงบไม่คิดปรุงอารมณ์ก่อกวนต่าง ๆ ย่อมทำให้ลืม
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและเวล่ำเวลาไปเอง กายก็เป็นเหมือน
ไม่มีเวลานั้น มีแต่ความสงบเย็นเป็นผลให้จิตได้ดื่มโอชารสแทน
อารมณ์อื่น ขณะที่จิตกับธรรมกลมกลืนเป็นอันเดียวกันนั้น นั่งนาน
เพียงไรก็ไม่เกิดความเหนื่อยรำคาญ ถ้าความสงบนั้นไม่ถอนตัว
ขึ้นมาตราบใด กายก็ไม่มีทุกขเวทนามารบกวน อารมณ์ก็ไม่รบกวน
ใจตราบนั้น ใจกับธรรมอยู่ด้วยกัน มีแต่ความสงบเย็นไม่เคยเป็น
ข้าศึกต่อกันแต่ไหนแต่ไรมา
แต่ถ้าอารมณ์อื่นปรากฏขึ้นเมื่อไรก็เกิดเป็นข้าศึกกันเมื่อนั้น
กายก็เหนื่อยใจก็รำคาญ ความง่วงก็มาก เนื้อหนังเส้นเอ็นทั่วอวัยวะส่วนต่าง ๆ ก็แสดงอาการเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด ราวกับจะ
ผุพังไปตาม ๆ กันในเวลานั้น เพราะกิเลสตัวขี้เกียจมักกวนและ
เที่ยวยุแหย่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้เจ็บปวดรำคาญไปหมด
สุดท้ายความเพียรก็แตกสามัคคี แผ่สองสลึงลงแบบไม่เป็นท่าเพราะ
มันจนได้ นี่แลเรื่องของกิเลส ไม่ว่าชนิดใดย่อมทำลายคนและสัตว์
ได้เหมือนกันหมด ท่านจึงเรียกว่ามาร มีน้อยก็กวนน้อย ทำลาย
น้อย มีมากก็กวนมาก และทำลายมาก ผิดกับธรรมซึ่งเป็นเครื่อง
ช่วยพยุงส่งเสริมเป็นไหน ๆ ธรรมมีมากเพียงไรย่อมทำใจให้สงบ
เย็นเพียงนั้น ยิ่งมีมากจนใจทั้งดวงคนทั้งคนกลายเป็นธรรมทั้งแท่ง
แล้ว นั่นแลคือผู้ทรงธรรมทั้งแท่ง ผู้ทรงบรมสุขตลอดอนันตกาล
ที่ท่านถามว่าฟังเทศน์ได้ความไหมนั้น คือได้ความ
ดังกล่าวมา นับแต่ความสงบสุขในขณะฟังเป็นลำดับไป และได้
ความสว่างไสวทางปัญญา ละกิเลสได้เป็นระยะไปตามภูมิของตน
เรียกว่าฟังเทศน์ได้ความ กระทั่งได้ความสุดสิ้นแห่งการละกิเลส
และรู้แจ้งในธรรมทั้งหลายในขณะนั้น ท่านเรียกว่าได้ความทั้งสิ้น
พระธุดงคกรรมฐานโดยมากท่านฟังธรรมได้ความ ท่านหมายเอาได้
ความระหว่างใจกับธรรมสัมผัสกัน ปรากฏผลเป็นความสงบเย็น
และเห็นแจ้งขึ้นมาที่ใจ ส่วนการจดจำเนื้อธรรมจากการแสดงนั้น
ท่านไม่ถือเป็นกิจสำคัญยิ่งกว่าการกำหนดรู้ระหว่างธรรมกับใจ
สัมผัสกัน ท่านนั่งฟังเทศน์อยู่ด้วยกันจำนวนมากน้อยเพียงไรจึง
เหมือนไม่มีคน ต่างองค์ต่างนั่งกำหนดจดจ่อฟังอยู่ที่ใจของตน
ราวกับหัวตอ ไม่มีการกระดุกตุกติกอันเป็นการเหนื่อยหน่ายรำคาญ
แต่อย่างใด ได้ยินเฉพาะเสียงอาจารย์ผู้ให้ธรรมซึ่งแสดงด้วย
ความเข้มข้นราวกับฝนตกหนัก ทั้งลูกเห็บทั้งลมจัดพัดผันปั่นป่วนเหมือนกิเลสบาปกรรมทั้งหลายจะขาดทลายกลายเป็นกระแสลมไป
ตามกระแสธรรมในเวลานั้น
เพราะขณะที่ฟังอยู่ด้วยความหมายมั่นปั้นมือ ไม่มีกิเลส
ตัวใดจะโผล่หน้าอ้าปากออกมาแสดงความอวดดีกับสติปัญญา
ที่กำลังฟาดฟันหั่นแหลกกันอย่างสุดกำลังเวลานั้น มีแต่ธรรม
ล้วน ๆ ทั้งภายนอกคือเสียงแห่งธรรม ทั้งภายในคือใจกับธรรม
กลมกลืนเป็นอันเดียวกัน มีแต่ความรื่นเริงบันเทิงไปกับธรรมความ
สงบเยือกเย็นที่รู้เห็นขึ้นกับใจเท่านั้น กว่าจะจบการแสดงธรรม
แต่ละครั้งกินเวลาสามสี่ชั่วโมง หลังจากการฟังธรรมผ่านไปแล้ว
หากยังมีข้อข้องใจในบางตอนสำหรับบางราย ก็กราบเรียนถามท่าน
ผู้เป็นอาจารย์ได้ช่วยชี้แจงจนเป็นที่เข้าใจ แล้วค่อยเลิกไปที่พัก
ของตน ๆ จากนั้นต่างองค์ก็เข้าทางเดินจงกรมต่อไป เพื่อคลาย
ทุกข์ในร่างกาย และระบายกิเลสออกจากใจด้วยอุบายต่าง ๆ ตาม
สติปัญญาของแต่ละท่านจะมีอุบายหนักไปในทางใด กว่าจะออก
จากทางเดินจงกรมเพื่อพักผ่อนก็กินเวลาหลายชั่วโมง
วันที่มีการประชุมธรรม การพักผ่อนหลับนอนจำต้อง
เลื่อนออกไปพักดึกกว่าปกติธรรมดาบ้าง เพราะวันนั้นถือเป็นกรณี
พิเศษซึ่งมิได้มีทุกวันไป บางท่านจึงประกอบความเพียรด้วย
อิริยาบถสาม คือ ยืน เดิน นั่ง ตลอดสว่างไม่หลับนอน การ
ไม่ยอมหลับนอนตลอดรุ่งของท่านมีสองประการ คือ ไม่นอนเพราะ
ความตะเกียกตะกายในความเพียร เพื่อบูชาธรรมที่ท่านอุตส่าห์
แสดงด้วยความเมตตาในธรรมทุกขั้นอย่างถึงใจ ฟังแล้วเกิดศรัทธา
เพิ่มขึ้น ทำให้มีความอุตส่าห์พยายามอยากให้เป็นไปตามที่ท่าน
เมตตาสั่งสอน หนึ่ง ไม่นอนเพราะความดื่มด่ำในธรรมท่านและธรรมโอชาที่มีอยู่กับใจตัวเองเป็นเครื่องประสานกัน หนึ่ง ส่วน
ความดูดดื่มธรรมภายในใจของแต่ละท่านนั้นต่างกันไปตามภูมิที่
มีอยู่กับใจ บางท่านมีสมาธิอย่างอ่อน บางท่านมีอย่างกลาง
บางท่านมีอย่างละเอียดแนบแน่น ซึ่งแต่ละขั้นก็เป็นธรรมปีติ
พอให้เกิดความดูดดื่มรื่นเริงได้ตามภูมิของตน
และบางท่านเริ่มฝึกหัดวิปัสสนาปัญญาอย่างอ่อนไปตามขั้น
สมาธิของตน บางท่านพิจารณาวิปัสสนาอย่างกลาง บางท่านเจริญ
วิปัสสนาขั้นสูงขึ้นไป และบางท่านก็เจริญวิปัสสนาภูมิอัตโนมัติ คือ
สติปัญญาที่หมุนตัวไปกับธรรมประเภทต่าง ๆ ที่มาสัมผัสใจ ไม่มี
ลดละปล่อยวาง ถ้าเป็นฝนก็ชนิดตกพรำทั้งวันและคืนไม่มีหยุด ถ้า
เป็นน้ำก็ชนิดน้ำซับน้ำซึม ไหลรินอยู่ตลอดเวลาทั้งหน้าแล้งหน้าฝน
เมื่อเป็นวิปัสสนาธรรมจึงให้นามตามนิสัยและสำนวนป่าว่า “สติ
ปัญญาอัตโนมัติ” หากจะเรียกชื่อดังครั้งพุทธกาลท่านเรียกกันว่า
มหาสติมหาปัญญา ก็ไม่น่าจะบกพร่องทางคุณสมบัติ เพราะสติ
ปัญญาขั้นนี้ทำหน้าที่เต็มภูมิอยู่ตลอดเวลา ไม่มีชะงักชักช้าและต้อง
ถูกบังคับถูไถแต่อย่างใดเหมือนปัญญาทั่วๆ ไป แต่เป็นสติปัญญา
ที่รู้จักการงานในหน้าที่ของตนโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่จะให้นามว่า
เป็นมหาสติมหาปัญญาแบบครั้งพุทธกาลท่าน วิสัยป่าไม่อาจเอื้อม
ตีเสมอได้ จึงหันมาใช้สติปัญญาอัตโนมัติแทน รู้สึกเหมาะสมกับ
ภูมินิสัย ธรรมเหล่านี้แลที่พาให้พระธุดงค์ท่านเพลินในความเพียร
ไม่ค่อยหลับนอนกัน ต่างท่านต่างเพลินในธรรมตามภูมิของตน
องค์ที่เกิดความสงสัยแต่ไม่กล้าเรียนถามท่านได้ในเวลาปกติ
เมื่อถึงวันประชุมจึงเป็นเหมือนจะเหาะเหินเดินอากาศได้ เพราะ
ความดีใจที่จะได้ฟังการบุกเบิกส่งเสริมตามจุดที่ตนกำลังพิจารณาและตอนที่กำลังสงสัยเพื่อผ่านไปเป็นพัก ๆ ต่างก็ตั้งท่าตั้งทาง
ประกอบความเพียรเตรียมรอรับการโสรจสรงธรรมจากอาจารย์กัน
ราวกับกระหายมาเป็นปี ๆ พอจวนถึงเวลา ต่างองค์ต่างทยอยกัน
เข้ามาสู่ที่ประชุมด้วยความสงบเสงี่ยมงามตาน่าเคารพเลื่อมใส
เป็นอันมากยากจะหาพบได้ การก้าวเข้าสู่ที่ประชุมของแต่ละองค์
มีความประสงค์ในธรรมอย่างแรงกล้า มุ่งหน้าสดับธรรมอย่างถึงใจ
ต่างองค์ต่างกราบและนั่งเรียบราบคอยสดับธรรม พอได้โอกาส
อาจารย์ผู้ให้โอวาทก็เริ่มแสดงธรรม และค่อย ๆ หลั่งไหลออกมา
ไม่ขาดวรรคขาดตอน ราวกับฝนเริ่มโปรยเม็ดลงมาทีละหยด
ละหยาดฉะนั้น
และก่อนท่านจะเริ่มแสดงมีสงบอารมณ์พักหนึ่ง ถ้าตาม
ความคิดเดาของผู้เขียนก็น่าจะกำหนดบทธรรม ที่ควรแก่กรณี
ของผู้รอฟังอยู่แล้วอย่างพร้อมเพรียงเวลานั้น จากนั้นจึงเริ่มแสดง
ธรรมที่ท่านสั่งสอนพระธุดงค์โดยเฉพาะนั้น รู้สึกจะเริ่มแต่ขั้นสมาธิ
ขึ้นไปหาปัญญาเป็นส่วนมาก จนถึงธรรมขั้นสูงสุดวิมุตติหลุดพ้น
เป็นที่ยุติ ขณะที่แสดงไม่มีเสียงอะไรมารบกวน มีแต่เสียงธรรม
ประกาศกังวานอยู่ทั่วบริเวณสถานที่ประชุมอย่างเดียว ผู้ฟัง ๆ
ด้วยความสนใจใคร่รู้ใคร่เห็นตามท่านอย่างเต็มใจไม่พลั้งเผลอ
ยอมให้จิตส่งไปอื่น คอยกำหนดดูอยู่เฉพาะใจดวงเดียวซึ่งเป็นคู่ควร
แก่ธรรมทุกขั้น ธรรมที่ท่านแสดงกับใจที่ตั้งรอรับไว้โดยชอบ ย่อม
ควรแก่การรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เข้าไปสัมผัสเกี่ยวข้องไม่มีประมาณ
สัจธรรมก็ดี สติปัฏฐานก็ดี ไตรลักษณะคือ อนิจฺจํ ทุกฺขํ
อนตฺตา ก็ดี ที่เป็นความจริงตามส่วนครอบแดนมนุษย์และสัตว์
ทั่วโลกธาตุ ซึ่งท่านนำมาแสดงในเวลานั้น จึงเป็นเหมือนได้ฟังความจริงทั่วไตรภพที่ไหลมาบรรจบในใจดวงเดียว ซึ่งเตรียมรับทราบ
อยู่อย่างเต็มใจให้ได้ฟังอย่างถึงใจ เพราะความสัมผัสไปมาแห่งธรรม
ทั้งใกล้ทั้งไกลทั้งในและนอกขณะท่านแสดงประมวลมา เป็นธรรม
สงเคราะห์ลงในกายในจิตของผู้ฟังได้โดยตลอดทั่วถึงไม่มีทางสงสัย
ใจที่เคยเก็บกอบหอบหิ้วกิเลสทั้งหลายโดยถือว่าเป็นของดีมาดั้งเดิม
เมื่อได้ฟังทั้งคุณและโทษที่ท่านโปรดเมตตาแล้ว จะไม่ยอมสละทิ้ง
ปล่อยวางก็รู้สึกจะมืดมิดปิดตายเกินไป แต่จะมีใครที่ตั้งหน้ากอบโกย
โรยทุกข์ใส่ตัวเองเวลานั้น ทั้งที่ตั้งหน้ามาฟังความจริงอย่างเต็มใจ
จากครูอาจารย์ ผู้แสดงธรรมของจริงล้วน ๆ นอกจากจะฟังเพื่อ
เห็นทั้งโทษและคุณที่ท่านแสดงไปตามธรรมจริงเท่านั้น สิ่งที่เป็นโทษ
ควรละย่อมละ สิ่งที่เป็นคุณควรยึดและส่งเสริมไปตามความจริงและ
เจตนาไม่มีทางเป็นอื่น
ดังนั้นผู้ฟังเพื่อความจริงตามธรรมที่ท่านแสดงตามความจริง
จึงมีทางรู้ทางละเป็นผลเครื่องยืนยันรับรองสำหรับตัว โรคที่ยอม
หายด้วยยาและกิเลสที่ยอมหมดสิ้นไปด้วยธรรม จึงเป็นคติธรรมดา
ที่โลกและธรรมเคยปฏิบัติต่อกันมา นอกจากโรคชนิดไม่ฟังยา
และกิเลสชนิดไม่มองดูธรรมเท่านั้น เป็นขึ้นกี่รายก็ต้องฉิบหายไป
ตาม ๆ กันไม่มีทางเหลือหลอ เรียกว่าโรคสุดวิสัย
การประหยัดของพระธุดงคกรรมฐาน
การนุ่งห่มใช้สอยบริขารต่าง ๆ ของพระธุดงค์ เฉพาะท่าน
อาจารย์มั่นรู้สึกท่านพิถีพิถันและมัธยัสถ์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ยอมสุรุ่ย
สุร่ายเป็นอันขาดตลอดมา ปัจจัยเครื่องอาศัยต่าง ๆ มีมากเพียงไร
ก็มิได้ใช้แบบฟุ่มเฟือยเห่อเหิมไปตามเลย ปฏิปทาคือข้อปฏิบัติต้อง



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและที่ผ่านมาได้ก่อเจดีย์ทรายถวายเป็นพุทธบูชาและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน ก่อเจดีย์ทรายถวายเป็นพุทธบูชา
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2012, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


คงเส้นคงวาอยู่โดยสม่ำเสมอ แต่การสงเคราะห์ให้ทานนั้น สิ่งของ
มีเท่าไรเป็นให้ทานไม่มีเหลือ และไม่เห็นท่านเก็บสั่งสมอะไรไว้บ้าง
เลย ท่านสงเคราะห์ให้ทานทั้งพระเณรเถรชีและฆราวาสผู้ยากจน
ที่มาหา เท่าที่สังเกตรู้สึกว่าจิตท่านทั้งดวงเต็มไปด้วยความเมตตา
สงสารโลกมากไม่มีประมาณ แต่การนุ่งห่มใช้สอยท่านปฏิบัติอีก
แบบหนึ่ง เหมือนพระอนาถาไม่มีอะไรติดตัว
ผ้าสังฆาฏิ จีวร สบง ผ้าอาบน้ำ ขาด ๆ วิ่น ๆ มองเห็น
แต่รอยปะติดปะต่อปะ ๆ ชุน ๆ เต็มไปทั้งผืน เห็นแล้วอดสลด
สังเวชมิได้ เพราะไม่เคยเห็นในวงคณะสงฆ์ไทยทำกันอย่างนั้น
มาก่อนเลย เพิ่งได้เห็นท่านอาจารย์เป็นองค์แรกที่ทำอย่างนี้ ท่าน
พยายามปะชุนเสียจนไม่มีที่จะปะจะชุน จนเนื้อผ้าเก่าที่มีอยู่ดั้งเดิม
เปื่อยหายไปหมด ปรากฏแต่ผ้าใหม่ที่ปะชุนทีหลังทั้งนั้น ผ้าทั้งผืน
ที่ปะแล้วชุนเล่าจนรอยด่าง ๆ ดาว ๆ เหมือนลายเสือโคร่งเสือดาว
เราดี ๆ นี่เอง ไม่ยอมทิ้งแบบเปล่าประโยชน์อย่างง่าย ๆ เมื่อเห็น
หมดสาระในการนุ่งห่มแล้ว ก็ทำเป็นผ้าเช็ดมือหรือเช็ดเท้าหรือ
อื่น ๆ ต่อไปที่พอเกิดประโยชน์ได้อีก จนแหลกละเอียดเสียจริง ๆ
ไม่มีทางจะทำอะไรต่อไปได้อีกแล้ว ท่านถึงจะยอมทิ้ง
ไม่ว่าผืนใดขาดในบรรดาผ้า ผ้าครองหรือผ้าบริขารที่ท่าน
นุ่งห่มใช้สอย ผืนนั้นต้องถูกปะถูกชุนจนคนทั่วไปดูไม่ได้ เพราะ
ไม่เคยเห็นใครทำกันในเมืองไทยที่เป็นเมืองสมบูรณ์เหลือเฟือจน
ทำให้คนลืมตน มีนิสัยฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยแม้เป็นคนจน ๆ ท่านเอง
ไม่เคยสนใจว่าใครจะตำหนิติชมเพราะการทำเช่นนั้น แม้บริขาร
เครื่องใช้ในวัด เช่น ครุ (เครื่องตักน้ำ) กระป๋อง กระบวยตักน้ำ
หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ชำรุดลง ท่านจะนำมาแก้ไขดัดแปลงเสียใหม่แล้วนำไปใช้ได้อีกจนสุดสาระของสิ่งนั้น ๆ ท่านถึงจะยอมทิ้ง การเก็บ
รักษาบริขารและเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ภายในวัดหรือที่พัก ท่าน
เข้มงวดกวดขันมาก ต้องเก็บรักษาหรือจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
งามตา ไม่ปล่อยทิ้งให้เสียหายและเกะกะกีดขวางสถานที่และ
ทางเดินได้เลย ใครวางสิ่งใช้สอยต่าง ๆ ไว้ไม่ดี ท่านจะเรียกหาตัว
มาสอบถามและดุด่าสั่งสอนทันที ไม่ให้ทำเช่นนั้นต่อไปอีก
บางท่านอาจจะคิดข้องใจสงสัยหรือจะเป็นการหยั่งเสียง
ก็เหลือจะเดาถูก โดยเรียนถามท่านอย่างดื้อ ๆ ก็มี ว่าอย่างอื่น ๆ
ก็ไม่สำคัญนัก แต่เฉพาะผ้าสังฆาฏิ ผ้าจีวร ผ้าสบง ซึ่งเป็นบริขาร
สำหรับองค์และสำคัญกว่าบริขารอื่นใด ท่านอาจารย์ก็มิได้อดอยาก
ขาดแคลน มีท่านผู้ศรัทธานำมาบริจาคถวายอยู่เสมอ ควรจะ
ใช้สอยผืนใหม่เพื่อฉลองศรัทธาเขาบ้าง ส่วนผืนเก่าก็ควรสละออก
เผื่อท่านผู้ใดประสงค์จะรับไปไว้สักการบูชาก็กรุณาให้ไป ไม่ควร
สงวนใช้จนขาดละเอียดและปะชุนเสียจนด่างดาวไปทั้งผืน ราวกับ
เสือเดินผ่านตลาดดังที่เป็นอยู่เวลานี้ คณะลูกศิษย์เห็นแล้วเกิด
ความอับอายชาวบ้านที่หลั่งไหลเข้ามากราบนมัสการ และถวาย
ทานแก่ท่านอาจารย์มิได้ขาด ไทยทานแต่ละอย่างที่คณะศรัทธา
นำมาถวายแต่ละครั้งมีไม่น้อย ไม่น่าจะประหยัดใช้แบบปะ ๆ
ชุน ๆ ดังที่เป็นอยู่นี้ ซึ่งน่าอับอายแทนอาจารย์เหลือเกินไม่อยาก
ให้ทำ แต่อยากให้ท่านอาจารย์ทำพอสมเกียรติบ้างว่า เป็นอาจารย์
สั่งสอนคนแทบทั่วประเทศ
การกราบเรียนนี้ก็เพราะความเคารพเลื่อมใสและรักสงวน
อย่างฝังใจ แต่เมื่อเห็นท่านอาจารย์นุ่งห่มใช้สอยบริขารต่าง ๆ
แบบขาด ๆ เขิน ต่อ ๆ ติด ๆ ปะ ๆ ชุน ๆ อยู่เป็นประจำ ไม่มีการผลัดเปลี่ยนเลยทั้งที่สิ่งของมีอยู่ ก็ทำให้นึกน้อยใจและอับอาย
ชาวบ้าน ราวกับอาจารย์ของตนหมดราคาค่างวดไม่มีชิ้นดีเลย
ผิดถูกประการใดก็ขอประทานโทษ เพราะกราบเรียนด้วยเจตนา
หวังดีและเทิดทูนยิ่งกว่าชีวิตจิตใจ ดังนี้
ขณะพระกราบเรียนจบลง ท่านเองนั่งเฉยราวกับไม่ได้ยิน
ต่างองค์ต่างเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นท่านจึงเริ่มพูดออกมาแบบ
เรียบๆ ว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ฉลาดเหนือโลก ความสุขที่ทรงค้นพบ
จากความฉลาดก็เหนือโลกเป็นองค์แรก พระโอวาทที่ทรงสั่งสอน
หมู่ชนก็มาเหนือเมฆคือเหนือสมมุติทั้งปวง ไม่มีใครจะสามารถ
ปฏิบัติและสั่งสอนได้เหมือนอย่างพระองค์ ศาสนธรรมที่ออกจาก
พระโอษฐ์ก็เป็นมัชฌิมธรรมซึ่งเหมาะกับกาลสถานที่บุคคลตลอดมา
ไม่มีการขัดแย้งกับความจริงที่ควรตำหนิสำหรับหมู่ชนผู้หวังเหตุผล
เป็นเครื่องดำเนินเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยตามพระโอวาท การ
ปฏิบัติก็ทรงทำด้วยความรอบคอบ การรู้เห็นธรรมก็ทรงรู้เห็นด้วย
ความรอบคอบชอบธรรม การสั่งสอนก็ทรงทำด้วยความรอบคอบ
ตามหลักของศาสดาผู้เป็นบรมครู ไม่ปรากฏว่ามีสิ่งบก ๆ พร่อง ๆ
ตามมากับศาสนธรรมของพระองค์เลย
ฉะนั้นพวกเราผู้เพียงปฏิบัติตามพระโอวาท ซึ่งถ้าเทียบกับ
การทรงขวนขวายด้วยความลำบากทรมานของพระองค์เพื่อหมู่ชน
แล้ว ก็เท่ากับพวกเราพากันขาอ่อนมืออ่อนคอยล้างมือรับประทาน
เท่านั้น ไม่มีความยากเย็นอะไรเลย ลองคิดดูพระองค์ที่ทรงนำ
สาวกดำเนินมานั้น ทรงนำมาด้วยความฟุ้งเฟ้อเห่อคะนอง หรือ
ทรงนำมาด้วยความสันโดษยินดีตามมีตามเกิดแห่งปัจจัยเครื่อง
อาศัยทั้งหลาย ทรงนำมาด้วยความมักมากแบบพาตัวเป็นซากศพของกิเลสตัณหา หรือด้วยความมักน้อยปล่อยกังวลทั้งหลาย ทรง
นำมาด้วยความประหยัด ดัดความอยากที่หลากมาท่วมหัวใจไม่มี
เวลาอิ่มพอ หรือด้วยความฟุ่มเฟือยเรี่ยราดเพราะความประมาท
ขาดสติเล่า เพียงเท่านี้ก็พอทราบได้ว่า พระที่ทำตนเป็นคนฟุ้งเฟ้อ
ฟุ่มเฟือยนั้น ก็คือพระที่ตนและผู้อื่นเลี้ยงยาก ปากก็กว้างท้องก็โต
กิเลสในใจแม้พลเมืองดียังสู้ไม่ได้
การพยายามเก็บรักษา สิ่งที่เห็นว่ายังจะเกิดประโยชน์ต่อไป
ได้อีกตามสาระของมัน และการประหยัดมัธยัสถ์ในสมบัติทั้งหลาย
เพื่อความจีรังยั่งยืน ไม่รบกวนชวนให้เกิดความฉิบหายอยู่ไม่มีวัน
สุดสิ้นนั้น เป็นทางของคนฉลาดในเหตุผลท่านดำเนินกัน ท่าน
เหล่านั้นมิใช่ผู้ฟุ้งเฟ้อเห่อคะนองพองตัวแต่หาเนื้อติดกระดูกมิได้
สมบัติเงินทองมีเท่าไรจ่ายไปเสียไป สิ่งที่จะเป็นผลกำไรพอตั้งราก
ตั้งฐานแห่งชีวิตและความดีต่อไป ไม่มีเท่าเสี้ยวหนึ่งของคนจนที่มี
นิสัยประหยัดฝึกหัดตัว แต่ท่านเหล่านั้นแลเป็นผู้วางรากวางฐาน
อันดีงามไว้พอให้โลกมีหนทางขบคิดและตั้งตัว มีหลักฐานทาง
สมบัติและจิตใจสืบต่อกันมา มิใช่ผู้สุรุ่ยสุร่ายจ่ายด้วยอำนาจ
ความทะเยอทะยานพาฉุดลากไป ไม่มีวันยับยั้งตั้งตัวได้จนวันตาย
ใครโง่อุตริคิดเอาอย่างคนแบบนั้นมาใช้ จะกลายเป็นคนตายแบบ
ไม่มีป่าช้าไปตลอดสายแห่งสกุล
ท่านย้อนถามพระองค์ที่เรียนถามว่า ท่านเคยเห็นลิง
รับอาหารจากมือคนไปกินหรือเปล่า ว่ามันรับอย่างไรและกินแบบ
ไหน ? ท่านองค์นั้นเรียนตอบท่านว่า เคยเห็นเหมือนกันแต่มิได้
สังเกตว่ามันรับแบบไหนและกินอย่างไร ท่านว่าเพียงความกินอยู่
ของลิงท่านยังมิได้สังเกต เวลาถูกถามก็ตอบไม่ได้ แล้วท่านทำไมจึงมาถามเรื่องการใช้สอยบริขารต่าง ๆ กับผม โดยไม่มีเหตุผล
ที่น่ารับฟังบ้างเลย ผมยินดีฟังทั้งคำติคำชม เพราะธรรมของ
พระพุทธเจ้ามีอยู่ทั่วไป แม้คำติชมก็เป็นธรรมด้วยถ้าพิจารณาให้
เป็นธรรม แต่ถ้าไม่พิจารณาก็เป็นโลกและทำคนให้หลงได้ทั้งคำติ
และคำชมเชย
เพียงการอยู่กินของลิงท่านยังไม่สนใจสังเกตพอทราบลัทธิ
ของมันบ้าง แล้วท่านจะทราบความเป็นอยู่ใช้สอยของพระพุทธเจ้า
และสาวกท่านได้อย่างไร ว่าท่านทรงปฏิบัติองค์ท่านอย่างไรใน
ความเป็นศาสดา และเป็นศากยบุตรที่ควรเป็นสรณะของโลกได้
อย่างมั่นใจตลอดมา ท่านยังคิดอยากทราบอยู่บ้างหรือเปล่าว่า
ลิงมีลัทธินิสัยต่างจากคนอย่างไรบ้าง ถ้าไม่อยากทราบลัทธิของลิง
ไว้บ้างพอประดับสติปัญญา แต่จะปีนป่ายอยากทราบอริยประเพณี
ของศาสนาก็รู้สึกว่าจะปีนสูงมากไป ผมจึงไม่อยากอธิบายให้
ท่านฟังแม้พออธิบายได้
ท่านองค์นั้นเรียนตอบว่า แต่ก่อนกระผมก็ไม่เคยได้ยินท่าน
ผู้ใดมาพูดเรื่องลิงให้ฟังว่ามันมีลัทธินิสัยอย่างไร แต่พอท่านอาจารย์
ถามจึงทำให้เกิดความสนใจอยากทราบว่า ลิงมีนิสัยต่างจากมนุษย์
อย่างไรบ้าง แต่ก่อนก็พอทราบได้จากสายตาที่เคยเห็นมันอยู่เสมอ
จนเบื่อไม่อยากดู เพราะความที่มันเป็นสัตว์ที่มีนิสัยหลุกหลิกไม่อยู่
เป็นสุขประจำตัว ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้กระผมไม่ทราบได้
ต่อจากนี้เป็นคำสนทนาระหว่างท่านอาจารย์มั่นกับพระองค์
ที่เรียนถาม ท่านองค์นี้อยากทราบลัทธินิสัยลิง ท่านอาจารย์มั่น
เริ่มตอบท่านว่า ลิงก็เหมือนคนที่มีนิสัยหลุกหลิก ไม่ชอบอยู่เป็น
ความสงบสุขตามทำนองคลองธรรมเหมือนสุภาพชนทั้งหลายนั่นเอง เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่ด้วยความคะนองทั้งตัวเล็กตัวใหญ่
ทั้งตัวผู้ตัวเมีย มาตลอดโคตรแซ่ของมัน ความคะนองของลิงไม่มี
ขอบเขตจำกัด เหมือนคนที่ไม่ได้รับการอบรมศีลธรรมมาบ้างเลย
แม้จะแก่จนผมหงอกขาวโพลนเป็นสำลีไปทั่วทั้งศีรษะ ก็ไม่รู้จัก
ความสงบร่มเย็นคืออะไร และสิ่งนั้นจะเกิดได้ด้วยวิธีใด เป็นสัตว์ที่
ไว้ใจไม่ได้ตลอดวัย แม้เลี้ยงมันให้อยู่กับคนมาแต่เล็กจนโต แต่นิสัย
ก็เป็นของตัวมันเอง ไม่สนใจยึดเอานิสัยของมนุษย์ไปใช้เลยแม้แต่
น้อย สัตว์พรรค์นี้เกิดแบบลิง อยู่แบบลิง และตายแบบลิง ไม่มี
แบบอื่นใดมาเจือปนเลย คนที่ยึดเอาลัทธินิสัยลิงมาเป็นตัวของตัว
จึงเลวร้ายยิ่งกว่าลิง และทำความเดือดร้อนให้โลกได้รับร้ายแรงและ
กว้างขวางมากยิ่งกว่าลิง
สิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเองก็คือ เวลาไปพักบำเพ็ญอยู่ในถ้ำ
ซึ่งเป็นที่ชุกชุมของสัตว์เหล่านี้ นี่พูดถึงตอนออกเที่ยวธุดงค์ใหม่ ๆ
ยังไม่ทราบนิสัยของสัตว์พวกนี้ได้ดีพอ เวลาเขามาเที่ยวหากิน
ตามบริเวณหน้าถ้ำที่เราพักอยู่ ทีแรกมองเห็นเราก็กลัว แต่พอเห็น
อาการเราไม่เป็นภัยต่อเขา ๆ ก็ไม่กลัว และพากันเที่ยวหากินมา
ที่นั้นแทบทุกวัน เราเองก็คิดสงสารเห็นเขามาเป็นฝูง ๆ และปีนป่าย
ขึ้นลงอยู่บริเวณหน้าถ้ำทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ไม่สนใจกับคน
พอได้อาหารมาเหลือจากฉันก็แบ่งไว้ให้เขา เวลาเขามา
ก็เอาอาหารมีกล้วยบ้าง ข้าวบ้าง ผลไม้ต่าง ๆ บ้าง ไปวางไว้ตาม
ก้อนหินให้เขาเก็บกินเอง พอเรานำอาหารไปวางต่อหน้าเขาแล้ว
หันหลังกลับมาเท่านั้น ต่างตัวต่างแย่งกันกินอย่างชุลมุนวุ่นวาย
โดยมิได้คิดเกรงกลัวเราบ้างเลย วันหลังยิ่งพากันมาแต่เช้าและ
คอยอาหารที่เราจะเอาไปให้ เพียงสองสามวันเท่านั้นก็ได้การ คือต่างแสดงฤทธิ์อย่างเต็มที่ไม่มีความเกรงกลัวเราบ้างเลย และพากัน
เที่ยวยุ่มย่ามเข้ามาค้นหาอาหารในที่พักเรา จนสิ่งของบริขารต่าง ๆ
ตกกระจุยกระจายเกลื่อนไปหมดเวลาไปบิณฑบาต นอกจากนั้น
บางตัวยังทำท่าจะกัดเราอีกด้วย แยกเขี้ยวยิงฟันทำปากขมุบขมิบ
คิ้วขมวดขึ้นขมวดลงขู่เรา ราวกับจะบอกว่ามวยลิงรวดเร็วยิ่งกว่า
มวยมนุษย์ มวยมนุษย์สู้ไม่ได้ ถ้าไม่อยากเจ็บอย่ามายุ่ง เดี๋ยวโดน
จะว่าไม่บอก ฉะนั้นเราต้องใช้อุบายขู่ด้วยวิธีต่าง ๆ จึงพากันหนีไป
จากนั้นก็ไม่อาจให้อาหารแก่สัตว์จำพวกนี้อีกทั้งที่สงสาร และไม่ทำ
อาการให้เขาสนิทสนมเหมือนแต่ก่อน ต่อไปจึงไม่มารบกวนอีก
นี่แลสัตว์จำพวกไว้ใจไม่ได้ ถึงจะสงสารเลี้ยงดูเขาดีเท่าไร
เขาก็คือลิงตัวคะนองไม่รู้จักคุณและไม่รู้จักคนอยู่นั่นเอง ขณะที่ยื่น
อาหารให้ ต่างตัวต่างวิ่งมารุมเราจนน่าเกลียดน่ากลัว บางตัวแทบ
จะกัดเราในเวลานั้นเข้าด้วย เพราะความโลภมากในอาหาร แสดง
อาการลุกลี้ลุกลนจนแทบดูไม่ได้ ทั้งวิ่งดักหน้าดักหลัง ทั้งรุมล้อม
ทั้งส่งเสียงก๊อกแก๊กขู่เข็ญเราผู้เมตตาให้อาหาร สัตว์ที่น่ากลัวและ
น่ารำคาญก็คือลิงนั่นแล ท่านพอทราบบ้างหรือยัง บรรดาลิงที่เขา
เลี้ยงไว้ในบ้าน เวลายื่นอาหารให้เขาแสดงอาการอย่างไรบ้างต่อ
อาหารที่ให้ และต่อผู้ให้อาหารเขา พระองค์นั้นเรียนตอบท่านว่า
กระผมไม่ทราบ เพราะเป็นแต่เคยให้อาหารเขา แต่ไม่เคยสังเกต
ขณะให้อาหารว่าเขาแสดงอาการอย่างไรบ้าง
ท่านอาจารย์เลยอธิบายให้ท่านฟังต่อไปว่า ใครจะเอา
อาหารให้มันก็ตาม แต่สัตว์พรรค์นี้จะไม่สนใจคนยิ่งกว่าอาหารที่มัน
จะได้ในเวลานั้นเลย ตามันจะจับจ้องมองดูแต่อาหารและโดดขึ้น
โดดลงท่าเดียว ถ้าอยู่ที่ราบก็วิ่งไปวิ่งมาและมือคว้ามาที่อาหารกับมือคนเท่านั้น พอยื่นอาหารให้ถึงมือแล้ว จะคว้ามับรีบปอกปากกัด
ฉีกกินทันที ส่วนตามันจะมองนั้นมองนี้หลุกหลิก ๆ และมองผลไม้
ในมือมัน ทั้งเคี้ยวทั้งกลืนทั้งกัดทั้งฉีก ถ้ามองเห็นอาหารในมือคน
ยังเหลือพอมีทางได้อยู่อีก มันจะรีบกัดรีบกินและรีบซ่อนอาหารเข้า
ไว้ในกระพุ้งแก้มทันที แล้วตามองมาที่มือคนและเอื้อมมือมาขออีก
ถ้าคนให้อีก มันจะรีบกินบ้าง ซ่อนไว้ในกระพุ้งแก้มบ้าง
เหลือจากนั้นก็ทิ้งบ้างแล้วเอื้อมมือมาขอใหม่ ไม่มีความอิ่มพอ
ในการขอ ให้เท่าไรเป็นเอาหมดจนไม่มีอะไรจะให้โน้นแลมันจึงจะ
หยุด และหันมาเคี้ยวกลืนส่วนที่มันซ่อนไว้ในปากต่อไป ลิงเป็นสัตว์
ที่สุรุ่ยสุร่ายมาก และไม่มีความอิ่มพอในอาหารเมื่อยังพอจะได้จาก
ใครอยู่ แม้ท้องมันจะเล็กๆ เหมือนสัตว์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่
ความโลภและความสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยมันนั้นเหลือตัว ยากที่จะมี
สัตว์ตัวใดเสมอได้
เท่าที่ยกตัวอย่างของลิงมาเป็นข้อเปรียบเทียบเพียงเล็กน้อย
นี้ ท่านพอทราบได้กระมังว่า ที่ท่านมาขอให้ผมผลัดเปลี่ยนเครื่อง
บริขารเสียใหม่โดยทิ้งของเก่าไปเสีย ทั้งที่สิ่งนั้นยังพอให้ประโยชน์
ได้อยู่ นั้นคือท่านขอให้ผมปฏิบัติตามแบบลิง และขอให้ลิงเป็น
ศาสดาสั่งสอนผมแทนศาสนาของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้จักประมาณ
พอดีทุกอย่าง เพราะแบบที่ท่านขอผมนั้น เป็นแบบลิงใช้กันอยู่ตาม
วิสัยของสัตว์ที่ไม่รู้จักธรรมคืออะไร ผู้รู้จักธรรมคืออะไรอยู่บ้าง ก็
ควรคิดคำนึงสภาพของตนและของธรรมว่าอะไรควรหรือไม่ควร การ
พูดด้วยเจตนาหวังดีนั้นเห็นใจ แต่เจตนานั้นไม่คุ้มค่ากับความเสียไป
แห่งธรรม มีความสันโดษมักน้อย เป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมที่ยังโลกให้
สงบเย็นมานาน เพราะธรรมนี้เป็นความเหมาะสม สำหรับโลกผู้ยินดีในขอบเขตมีฝั่งมีฝาภายในใจจะพึงรักสงวน และอุตส่าห์
ปฏิบัติตามด้วยความยินดี ไม่ให้คุณค่าสาระอันจะเกิดจากธรรมนี้
ผ่านไปเปล่าจะเสียใจภายหลัง
ท่านควรคิดดูให้ละเอียดถี่ถ้วนของศาสนา และท่านผู้เป็น
เจ้าของศาสนาบ้างว่าเป็นบุคคลเช่นไร พระองค์เป็นมาแบบโลก
เป็นกันหรือเป็นมาอย่างไร การสั่งสอนศาสนาทรงสั่งสอนอย่างไร
โลกจึงตกลงปลงใจยอมกราบไหว้บูชาและปฏิบัติตามเรื่อยมาจนถึง
พวกเรา ศาสนธรรมที่ประทานไว้ทุกแง่ทุกมุม ล้วนเป็นสวากขาต-
ธรรมโดยสมบูรณ์ และเป็นนิยยานิกธรรม ความระงับดับทุกข์
ความกังวลน้อยใหญ่ได้โดยสิ้นเชิงแก่ผู้ปฏิบัติตาม ๆ กันมาอย่าง
สมบูรณ์ ท่านควรคิดให้ละเอียดตามหลักศาสนาลงไปอีกว่า ผู้ทำตัว
เป็นคนฟุ่มเฟือยตื่นโลกตื่นสมัย กับผู้ปฏิบัติตัวโดยสม่ำเสมอ
ต่อความจำเป็นไปตามกรณี ใครจะมีทุกข์กังวลทางกายใจมากน้อย
ต่างกันอย่างไรบ้าง สำหรับความเห็นของผมผู้เรียนน้อยเห็นว่า
ผู้ทำตัวเป็นคนฟุ่มเฟือยพองตัวใหญ่กว่าโลกนั่นแล คือผู้ตั้งหน้า
ฆ่าตัวเอง โดยไม่รู้สึกว่าตัวเป็นเพชฌฆาตทำลายตน
คนเราเมื่อคิดเกินความพอดีเหมาะสมแล้ว ต้องเป็นผู้
ก่อเรื่องกระจุยวุ่นวายแก่ตัวเองจนหาความสงบสุขทางกายและ
ทางใจมิได้แน่นอน ใจต้องคิดเพื่อพอกพูนมากขึ้นจนไม่มีเวลา
พักผ่อนได้ ถ้าเป็นน้ำก็ขุ่นเป็นตมเป็นโคลนจนหาที่อาบดื่มใช้สอย
มิได้ ใจกับกายต้องหมุนเป็นกงจักรเพื่อได้มาซึ่งสิ่งนั้น ๆ ถ้าไม่ได้
ต้องกระวนกระวายเพราะหาไม่ทันกับความอยากน้ำล้นฝั่งนั้น เมื่อ
ไม่ได้ทางตรงก็ต้องหาทางอ้อม ไม่ได้ทางสุจริตก็ต้องหาทางทุจริต
พอลักขโมยได้ก็ขโมยเอา พอหยิบฉวยได้ก็หยิบฉวยเอา พอจี้ได้ก็จี้เอา พอปล้นได้ก็ปล้นเอา พอคิดโกงได้ก็คิดโกงเอา พอรีดไถได้
ก็รีดไถเอา กลืนได้ก็กลืนเอา หรือแม้พอฆ่าได้เป็นฆ่าเอาทั้งสิ้น
ไม่สนใจคิดว่าเกรงใจอายโลกหรือกลัวบาปกลัวกรรมเพราะอำนาจ
นั้นบังคับ สุดท้ายก็ถูกจับตัว ผู้ยิ่งใหญ่ไปนอนในห้องขังให้เสวยผล
ความอยากของตนอยู่ในเรือนจำ หรือถูกเขาฆ่าตายทิ้งหมกป่า
หมกโคลนไม่มีใครไปสืบสาวราวเรื่อง ปล่อยให้หายซากไปเลย
ยิ่งกว่าสัตว์ ซึ่งน่าทุเรศผิดมนุษย์ทั้งหลาย
นี่แลโทษของวิชาลิงที่เป็นสัตว์มีนิสัยบกพร่องต้องการอยู่
เสมอ ไม่มีความอิ่มพอในสิ่งทั้งปวง ทั้งที่ปากและท้องของมันก็
ไม่ใหญ่โตกว่าสัตว์ทั้งหลาย แต่ลิงนั้นตายเพราะความอยาก
ทางใจมากกว่าความหิวโหยอาหาร เมื่อใครนำวิชาทำลายตัวแบบลิง
มาใช้ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ผู้นั้นต้องเป็นคนผิดสังเกตต่างจากโลก
ทั้งหลายที่มีความพอดี ถ้าเป็นพระก็จะพยายามเสาะแสวงหา
แต่ปัจจัยโดยอุบายวิธีต่าง ๆ ด้วยความกระวนกระวาย มากกว่า
จะละอายหรือสนใจในพระธรรมวินัยอันเป็นความดีงามของสมณะ
จนประชาชนเอือมระอาไปตามๆ กัน ไปในทิศทางใดประชาชน
หลบหลีกเป็นทิวแถว ทั้งที่เขามีความเลื่อมใสศาสนธรรมอยู่
อย่างฝังใจ แต่ที่ต้องหลบหลีกตัวให้พ้นไปก็เพราะทนเพทุบายใน
การรบกวนขอเงิน หรือสิ่งต่าง ๆ จากพระที่แก่วิชาไม่ไหว
ท่านย้อนถามท่านองค์นั้นว่า ท่านทราบไหมว่าที่ว่าพระแก่
วิชานั้นคือวิชาอะไร เรียนว่าไม่ทราบ ท่านอาจารย์ตอบเสียเองว่า
ก็วิชาขอไม่หยุดนะซิ เพราะพระเราถ้าลงได้ด้านด้วยความฟุ้งเฟ้อ
ทะเยอทะยานอยากและการแสวงหาลาภปัจจัยแล้ว ต้องด้าน
ทุกอาการไม่มียางอายติดตัว มีแต่ความมุ่งหมายและมุ่งมั่นต่อ




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจัยลาภต่าง ๆ โดยถ่ายเดียวว่า “ขอให้ได้มา” คำภาวนาก็คือ
“ขอให้ได้มา ๆ” เท่านั้น ไม่ต้องสวดมนต์ภาวนาด้วยคาถายืดยาว
เหมือนท่านผู้บำเพ็ญภาวนาทั้งหลายสวดกัน เพียงภาวนาบทเดียว
เท่านั้นก็กระเทือนโลกพออยู่แล้ว ถ้าขืนต่อคาถาให้ยืดยาวไป
กว่านั้น โลกจะต้องแตกแน่นอน
ท่านอาจารย์ถามท่านองค์นั้นว่า ท่านต้องการคาถาย่อนั้น
หรือเปล่า จะได้สำเร็จมรรคผลง่าย ๆ ซึ่งไม่มีพระสาวกองค์ไหน
สำเร็จแบบนี้ กระผมไม่ต้องการเพราะเป็นคาถาทำลายศาสนาและ
ทำลายประชาชน ถ้าไม่ต้องการ ท่านขอให้ผมปฏิบัติแบบลิงเพื่อ
อะไร คาถานี้ก็มาจากลิงนั่นเองที่กลายมาเป็นคาถาย่อบทนี้อยู่เวลานี้
กระผมขอประทานโทษที่กราบเรียนไปตามความรู้สึกที่คิดว่า จะเป็น
ความสะดวกสบายแก่ท่านอาจารย์ โดยไม่ทำให้ท่านอาจารย์และ
ปฏิปทาในวงศาสนาเสียไปด้วย ถ้าคิดว่าจะเป็นไปในทำนองท่าน
อาจารย์อธิบายปฏิปทาลิงที่เป็นสัตว์ฟุ้งเฟ้อ กระผมก็ไม่กราบเรียน
เพราะไม่ประสงค์จะให้อะไรเสียไปเพราะการเรียนข้อนั้น
ท่านตอบว่า แม้ท่านไม่มีความนึกคิดไปในทางนั้นก็ตาม
แต่การขอร้องก็ชี้บอกอยู่แล้วอย่างชัดเจน คนเราไม่ถึงกับต้อง
ขอร้องให้ทำตามกันหมดทุกอย่างหรอกท่าน เพียงผ่านทางตา
ทางหูกลางตลาดเท่านั้น ก็เป็นทัศนศึกษาอันสมบูรณ์พอยึดไปเป็น
แบบฉบับได้แล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่จะทำคนให้ดีและเสียคนได้นั้นมีอยู่
ทั่วไป ไม่จำต้องจัดเข้าในตารางสอนคนก็มีทางยึดได้ ถ้าเป็นฝ่ายดีก็
ทำผู้ปฏิบัติตามให้เป็นคนดีและเจริญได้ ถ้าเป็นฝ่ายชั่วก็พาผู้ทำให้
เสื่อมเสียไปโดยไม่ต้องประกาศโฆษณาชวนเชื่อใด ๆ เช่นคนหรือ
ครอบครัวที่ชอบสุรุ่ยสุร่ายเป็นนิสัย คนในครอบครัวนั้นมักเอาอย่างกันจนกลายเป็นครอบครัวผัวเมียลูกหลานที่สุรุ่ยสุร่ายไปตาม ๆ
กัน รายได้มีมาไม่พอกับการจับจ่าย เพราะต่างคนต่างเป็นนักจ่าย
ด้วยกันไม่มีใครสนใจประหยัดรักษา แม้แต่น้ำลำคลองยังเหือดแห้ง
ไปได้เมื่อไหลไม่หยุด
เราลองนำครอบครัวที่มีการประหยัดรักษา และจ่ายไปด้วย
ความมีเหตุมีผลเป็นเครื่องควบคุม กับครอบครัวที่ชอบสุรุ่ยสุร่าย
จ่ายไม่มีประมาณเป็นนิสัยมาเทียบกันดูว่า ครอบครัวไหนจะมี
ความสงบเย็น มีความเดือดร้อน เพราะการเป็นอยู่ใช้สอยมากกว่า
กัน ผมตอบแทนเลยทีเดียวก็ได้ว่า ครอบครัวที่มีหลักใจเป็น
หลักทรัพย์นั่นแล จะมีความสงบสุข ทั้งความเป็นอยู่โดยลำพังและ
ภาคทั่ว ๆ ไป ยิ่งกว่าครอบครัวที่เป็นโรคไม่มียาและหมอรักษาเป็น
ไหน ๆ (คนไม่มีขอบเขตในการจ่ายและการเก็บรักษา) นอกจาก
เป็นความสงบสุขของตัวและครอบครัวแล้ว ยังเป็นการเพาะเด็ก
ลูก ๆ หลาน ๆ ตลอดผู้เกี่ยวข้องในวงศ์สกุล ให้เป็นคนดีมีขื่อมีแป
ทางความประพฤติและการจับจ่าย ตลอดการเก็บรักษาสมบัติ
ต่าง ๆ ให้เป็นหลักฐานมั่นคงต่อไปตลอดกาลนานอีกด้วย ส่วนคน
และครอบครัวไม่มีประมาณในการรักษาตัวนั้น นอกจากจะเป็น
ความเดือดร้อนในปัจจุบันแล้ว ยังอาจแพร่พันธุ์ดีแตกแหวกแนว
ให้ลูก ๆ หลาน ๆ ในวงศ์สกุลเสียไปด้วยตลอดกาลนาน
ผมไม่เคยเห็นคนที่ไม่มีหลักใจเป็นหลักทรัพย์ ตั้งเนื้อตั้งตัว
ทางสมบัติได้เลย เห็นแต่ความฉิบหายป่นปี้ติดหนี้สินพะรุงพะรัง
เหยียบย่ำทำลายเขาจนตั้งตัวไม่ติดนั่นแล จะมีความเจริญมั่นคง
มาจากที่ไหนพอจะน่าชมเชย คนเราถ้าไม่มีอะไรบังคับใจกายวาจา
ความประพฤติไว้บ้างพอเป็นที่ยับยั้งชั่งตวง เวลาอารมณ์บ้าร้อยแปดมันขึ้นสมองซึ่งมีอยู่กับทุกคน แม้จะมีความรู้วิชาและ
ฐานะดีเพียงไรก็ไปไม่รอด ต้องจอดจมจนได้เพราะการทำลายตน
ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังกล่าวมา มิใช่เป็นของดีที่น่าสรรเสริญ ปราชญ์
ท่านระวังมากจากการทำลายตนด้วยวิธีต่าง ๆ นั้น ยิ่งกว่าการ
ถูกทำลายจากผู้อื่นหรือสิ่งอื่นเป็นไหน ๆ ในขณะเดียวกันท่าน
พยายามประคองตนในทางดีงามโดยสม่ำเสมอ ไม่ยอมปล่อยตัวไป
ตามยถากรรมดังที่เห็น ๆ กันจนน่าทุเรศ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่
น่าอนุโมทนาสรรเสริญ
ยิ่งใครชอบมีนิสัยตื่นเงาตัวเองตื่นสมัย โดยไม่คำนึงถึง
สารประโยชน์หรือโทษทัณฑ์อะไรจากสิ่งนั้น ๆ พอควรก่อน เพียง
สิ่งนั้น ๆ ผ่านหูผ่านตา คอยแต่จะฉวยมับจับปุ๊บมาเป็นความโก้หรู
ตามความเห่อเหมือนลิงด้วยแล้วละก็ จะเขียนใบตายไว้เลยก็ได้
โดดไปไม่กี่ก้าวก็ต้องลงเหวให้แมลงวันบินตามไม่มีทางสงสัย การ
กล่าวทั้งนี้ผมมิได้กล่าวเพื่อตำหนิโลกหรือท่านผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ
แต่กล่าวตามความจริงที่รู้ ๆ เห็น ๆ กันอยู่ประจักษ์ตาประจักษ์ใจ
ในวงมนุษย์เรานี่แล ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ว่าการปฏิบัติตัวแบบนั้น
จะไม่ล่มจมฉิบหาย ต้องเป็นหนทางเดียวคือเขียนใบเสร็จใบตาย
ให้พร้อม ทั้งที่ผู้นั้นยังคุยอวดตัวว่ามีความฉลาดรอบรู้ และมีฐานะ
ดีมีเงินเป็นล้าน ๆ เพราะเงินก็ตนเป็นผู้หามา จะได้มาจากทางไหน
ใครไม่ทราบได้ แต่การทำลายนั้นทำได้ง่ายนิดเดียว เช่นเดียวกับ
สมบัติในบ้านมีจำนวนมากมายเพียงไร พอถูกไฟกำจัดทำลายเพียง
ไม่กี่ชั่วโมงก็เรียบเป็นเถ้าถ่านไปเองอย่างไม่มีปัญหา
ผมพยายามเรียนและปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้ามาแต่
เริ่มบวชจนถึงวันนี้ ซึ่งหลายปีพอควร เรียนและปฏิบัติไปเท่าไร ยิ่งมองเห็นความโง่ของตัวมากขึ้นโดยลำดับ แทนที่จะได้ความฉลาด
ฉาดฉานพอมีความรู้แปลก ๆ มาคัดค้านธรรมของพระองค์ท่าน
บ้างว่าตรัสไว้ไม่จริง ไม่เป็นสวากขาตธรรม และไม่เป็นนิยยานิก-
ธรรมดังที่ประกาศสอนไว้ในบางหมวดบางขั้นบางตอน แต่ไม่ว่า
ธรรมขั้นใดหมวดใดตอนใด เรียนไปปฏิบัติไปเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เชื่อให้
ยอมไปเสียหมด ไม่มีความรู้พอได้อวดตัวว่าเก่งกาจสามารถคัดค้าน
ธรรมของพระองค์ได้เลย หมวดไหนคัมภีร์ใดก็มีแต่พระองค์ตรัสเรื่อง
ความโง่ของสัตว์ผู้ยังอวดตัวว่าเก่งกาจฉลาดรู้ แต่สู้ลิงที่กลัวหาวิธี
หลบซ่อนคนก็ไม่ได้ ถ้าว่าพวกเราเก่งกว่าลิง ก็ต้องรู้สิ่งที่เป็นหายนะ
และหลบซ่อนผ่อนคลายตัวเองบ้าง อย่าอาจหาญท้าทายมัน
นักหนา
นี่มองไปที่ไหนก็เห็นแต่คนอวดเก่งต่อความชั่วเสียหาย ทั้ง
ท่านและเราทั้งหลาย ไม่มีใครพอมีความฉลาดปราดเปรื่องพอหลีก
เลี่ยงสิ่งที่น่าตำหนินั้น ๆ ไปได้บ้าง ไม่ผูกมิตรปิดตายเป็นสหายกับ
มันไปทั้งวันทั้งคืน ยืนเดินนั่งนอนแข่งกันเลย ไม่มีวันโผล่พอมอง
เห็นธรรมในดวงใจที่กายวาจาระบายออกมาพอเย็นใจ ท่านได้
พิจารณาบ้างหรือเปล่าว่า ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้ามีความ
ละเอียดสุขุมเพียงไร เพียงพวกเราจะเอาใจที่เต็มไปด้วยกิเลสที่แสน
สกปรกโสมมไปหยั่งธรรมของพระองค์ ก็จะได้แต่คำตำหนิติเตียนติด
ขึ้นมาเท่านั้นว่า ธรรมปฏิบัติยาก ผู้ปฏิบัติธรรมต้องฝืนกระแสโลก
จึงปฏิบัติได้บ้าง พระพุทธเจ้าตรัสธรรมไว้ไม่เห็นตรงกับสภาพความ
เป็นจริงของโลกบ้าง
ธรรมแสดงไว้ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เราทำดีแทบตายไม่
เห็นได้ดีอะไร ส่วนเขาไม่เห็นทำดีอะไรยังร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีเงินมหาศาล ข้ามหน้าข้ามตาเราผู้ทำดีไปหยกๆ ธรรมไม่เห็นจริงตามที่
ตรัสไว้ ถ้าจริงว่าบาปมีจริง คนทำบาปไม่เห็นได้รับโทษ ส่วนคนทำ
ดีเวลาจำเป็นไม่เห็นบุญมาช่วยบ้าง บาปบุญคงไม่มี นรกสวรรค์
นิพพานคงไม่มี ถ้ามีอยู่ที่ไหน คนตายแล้วทั้งคนดีคนชั่วเห็นแต่หาย
เงียบไปเลย ไม่เห็นกลับมาบอกบ้าง พอมีแก่ใจอยากทำบุญให้ทาน
รักษาศีลบำเพ็ญภาวนาบ้าง เผื่อเวลาตายไปจะได้ไปสวรรค์นิพพาน
กันเหล่านี้เป็นต้น ที่จะติดใจของพวกเราขึ้นมาเวลาหยั่งธรรมของ
พระพุทธเจ้า เพราะโลกชอบกันอย่างนี้ จะให้ของดีตามที่ธรรม
แสดงไว้ติดขึ้นมานั้นไม่มีหวัง เพราะกิเลสไม่หวังธรรม แต่หวัง
เฉพาะกิเลสเท่านั้น จึงได้กิเลสความลามกขึ้นมา
ธรรมมิได้ตรัสไว้เพื่อคนจำพวกคอยตามล้างตามผลาญธรรม
ด้วยความคิดเห็นต่าง ๆ แต่ธรรมมีไว้เพื่อคนจำพวกที่ท่านพิสูจน์
หาความจริงจากธรรมจริง ๆ จึงมิใช่ธรรมบ่นเอา เดาเอา คาดคะเน
เอา ดังพวกเราที่หยั่งดูธรรมด้วยใจอันโสมมของตน แล้วคว้าเอา
ความโสมมขึ้นมาสูดดมเล่นด้วยความบ่นให้ธรรม แล้วก็ภูมิใจว่าตน
คิดได้พูดได้อย่างอิสรเสรี หาทราบไม่ว่าตัวสูดดมสิ่งสกปรกของตัว
โดยไม่มีธรรมบทใดเข้ามาเกี่ยวข้องได้เสียด้วยเลย ใครจะตำหนิ
ติเตียนธรรมมากน้อยเพียงไร ธรรมจึงไม่มีส่วนกระทบกระเทือน
ด้วย นอกจากผู้นั้นจะพึงรับความกระทบกระเทือนจากการคิด
การพูดของตัวแต่ฝ่ายเดียว ทั้งที่นึกครึ้มในใจว่าตนมีเกียรติเพราะ
คัดค้านตำหนิธรรมได้อย่างสบาย
ธรรมมีความละเอียดสุขุมมากยากที่ใจซึ่งมีกิเลสอย่างเรา ๆ
ท่าน ๆ จะหยั่งถึงได้ดังกล่าวมา ฉะนั้นคำขอร้องท่านแม้จะเป็น
เจตนาหวังดี จึงเป็นการกระเทือนส่วนใหญ่แห่งธรรมแฝงอยู่ด้วยเพราะความประหยัด ความมัธยัสถ์ ความสันโดษ ความมักน้อย
ธรรมเหล่านี้คือความไม่ประมาทลืมตัว ผู้ปฏิบัติธรรมเหล่านี้ ไม่ว่า
นักบวชหรือฆราวาสย่อมประคองตัวได้อย่างน่าชม พระแม้จะมี
อติเรกลาภมาก มีประชาชนเคารพนับถือมาก หรือฆราวาสมีสมบัติ
มากน้อยเพียงไร ก็ไม่เย่อหยิ่งจองหองและลืมตัวกับสิ่งเหล่านั้น
อย่างง่ายดาย ยังสามารถนำสิ่งนั้น ๆ ไปทำประโยชน์ได้ตามฐานะ
ของมันอีกด้วย ทั้งเป็นเครื่องส่งเสริมความสุขแก่เจ้าของและประดับ
เกียรติ สมกับสมบัติมีไว้เพื่อเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ในคราวจำเป็นอย่าง
แท้จริง ไม่กลายมาเป็นข้าศึกเครื่องทำลายตนให้เสียไปด้วย ซึ่งมักมี
อยู่จำนวนมาก แต่ไม่ค่อยสนใจคิดและแก้ไขกันพอให้มีความสงบ
เย็นและน่าดู
ผู้มีธรรมเหล่านี้เป็นเครื่องปกครองและประดับตัว ย่อมเป็น
ผู้สง่างามในสายตาแห่งสุภาพชนทั้งหลาย ยิ่งกว่าผู้ชอบประดับตัว
ด้วยเครื่องมัวเมาเย้ากิเลส ซึ่งเห็นแล้วน่าเวียนศีรษะ สำหรับตัวเอง
นั้นเห็นว่าโก้หรูเทวดาบนฟ้าสู้ไม่ได้ ส่วนสุภาพชนเห็นแล้วปวดเศียร
เวียนเกล้าไปตาม ๆ กัน ท่านลองคิดเทียบเคียงดูก็พอจะทราบได้
ระหว่างธรรมทั้งสองนี้ต่างกันอย่างไรบ้าง คือ มองธรรมตรงข้ามกับ
ธรรมที่กล่าวมานี้ ความประหยัด ความมัธยัสถ์ ความสันโดษ
ความมักน้อยเหล่านี้ ผมจะแปลเอาความย่อ ๆ ให้ฟัง
ความประหยัด ได้แก่ ความเอาใจใส่ในการเก็บรักษาสมบัติ
เครื่องใช้สอยต่าง ๆ ที่มีอยู่ของตน ไม่ให้เสียไปด้วยความประมาท
ขาดการเอาใจใส่ ไม่ใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย เวลาใช้ก็ระมัดระวัง ไม่ควร
เสียด้วยเหตุไม่จำเป็นก็ไม่ให้เสีย เพราะสิ่งของแต่ละอย่างเกิด
มีขึ้นด้วยการขวนขวายหรือการแสวงหา มิได้เกิดมีขึ้นมาเองพอที่จะไม่เห็นคุณค่าของมัน
ความมัธยัสถ์ ออกจากใจของผู้มีความรักใคร่ใฝ่ใจในการ
ใช้สอยและการเก็บรักษาสมบัติต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวัง
ไม่ใช้สอยแบบเรี่ยราดสาดกระจาย เมื่อหยุดใช้ก็เก็บรักษาไว้ในที่
ปลอดภัย ความมัธยัสถ์ คือ ความเห็นคุณค่าแห่งสมบัติทุกชิ้น
ว่ามีประโยชน์ตามฐานะของมัน การกินอยู่ใช้สอยไม่ฟุ่มเฟือย และ
ไม่ทำให้ฝืดเคืองเมื่อสิ่งของเครื่องสนองมีอยู่ แต่ไม่ลืมตัวไปกับ
สมบัติที่มีมาก พยายามทำสมบัตินั้น ๆ ให้เกิดประโยชน์ตามฐานะ
ของมัน ไม่ตระหนี่เหนียวแน่น มีการสงเคราะห์ให้ทานเช่นเดียว
กับคนทั่วไป หรืออาจทำได้มากกว่าด้วยเหตุผลที่ควร เพราะ
ความประหยัดกับความมัธยัสถ์เป็นธรรมของปราชญ์ผู้มีเหตุผล
รอบตัวและสิ่งเกี่ยวข้องทั่ว ๆ ไป การประหยัดกับการมัธยัสถ์ของ
ผู้นั้น จึงมิได้เอนไปในทางที่น่าตำหนิ นอกจากเป็นวิธีการดำเนิน
ที่น่าชมเชยโดยถ่ายเดียว
คนประหยัดและมัธยัสถ์เป็นบุคคลที่รอบคอบในสังคม
และเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ไม่ค่อยเสียไปเพราะสิ่งยั่วยวนกวนใจ
ของกิเลสเวลาสัมผัสทางทวาร และเป็นผู้ยับยั้งต้านทางสิ่ง
เคลือบแฝงแปลงปลอมของโลกสังคมด้วยวิจารณญาณได้ดี ไม่ตื่นไป
กับสิ่งหลอกหลอนชอนไชอย่างง่ายดาย มีความสันโดษยินดีใน
สมบัติที่มีอยู่ของตน ไม่ชอบโลดโผนโดนโน้นชนนี้ด้วยความล้นฝั่ง
แห่งราคะตัณหา วางตัวกับสิ่งทั้งหลายได้โดยสม่ำเสมอ
ผมจะยกตัวอย่างทางฆราวาสให้ท่านฟังพอเป็นข้อคิด
ในธรรมข้อนี้ว่า มีคุณค่าแก่จิตใจคนมากน้อยเพียงไร และเป็นธรรม
จำเป็นแก่จิตใจโลกเพียงไร เช่น ผู้มีภรรยาสามีเป็นสมบัติอันตายตัวของแต่ละฝ่ายแล้ว มีความยินดีกับสมบัติของตน ไม่ปล่อยให้จิต
ผาดโผนโลดเต้นเผ่นไปเที่ยวรักสามีภรรยาหรืออีหนู ๆ ตามถนน
หนทางอันเป็นการละเมิดธรรมสันโดษ คือ ภรรยาสามีอันเป็น
สมบัติเก่าที่มีอยู่ของตน แม้จะมีความต้องตาต้องใจอยู่บ้างตามนิสัย
ปุถุชนที่ชอบกินไม่เลือก และไม่มีเมืองพอก็ตาม แต่ธรรมสันโดษ
ต้องเข้มแข็ง ผลักดันต้านทานอารมณ์กาฝากนั้นไว้ ไม่ยอมให้จิต
และกายกับสิ่งนั้นไหลผ่านเข้ามาประสานคละเคล้ากับสมบัติเก่า
ของตน จะกลายเป็นศึกกลางเมือง กลางบ้าน กลางสามีภรรยา
เข้า ครอบครัวจะแตก สมบัติจะรั่วไหลไปสู่ความฉิบหาย คนใกล้
จะกลายเป็นอื่น ความสุขที่เคยครองเพราะธรรมสันโดษช่วยป้องกัน
จะแตกทลายหายสูญ
เพื่อธรรมสันโดษเป็นชีวิตจิตใจ ไม่สนใจไยดีกับสิ่งใด
นอกจากสมบัติเดิมที่มีอยู่ของตน แม้สมบัติอื่นที่มิใช่ของตนก็
ไม่ใฝ่ใจไยดีและละโมบโลภมากอยากได้ของเขา ผู้นั้นครอบครัวนั้น
ย่อมเป็นสุขร่วมกันตลอดอวสาน ไม่มีความร้าวรานเพราะการยินดี
เลยขอบเขต สามีภรรยาและลูกเต้าย่อมมีความสงบสุขและตายใจ
โดยทั่วกันไม่มีความระแวงมาทำลาย สมบัติต่าง ๆ ก็มีความ
สนิทใจว่าเป็นของตนอย่างแท้จริง ไม่มีสมบัติประเภทกาฝากที่เที่ยว
คดเที่ยวโกงเขามาสับปน มีเฉพาะสามีภรรยาลูกเต้าหลานเหลน
และสมบัติของตนล้วน ๆ จึงมีแต่ความอบอุ่นเย็นใจ เพราะธรรม
สันโดษคุ้มครองรักษา ยังคนและครอบครัวนั้น ๆ ให้มีคุณค่าทางใจ
ส่วนความมักน้อยนั้น เป็นธรรมที่ละเอียดมากกว่าความ
สันโดษขึ้นอีกมากมาย แต่เป็นธรรมคู่ควรแก่ครอบครัวและชายหนุ่ม
หญิงสาวอย่างยิ่ง จะพึงปฏิบัติตัวให้มีขอบเขต คือ ถ้าชายหนุ่มกับหญิงสาวก็ให้มีรักเดียว ไม่มีพ่วงมีแพมาแอบแฝงทางใจอีกฝ่ายหนึ่ง
ให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจว่า อีกฝ่ายหนึ่งหาเศษหาเลย ไม่เห็น
คุณค่าของตน แล้วเกิดความอิดหนาระอาใจที่จะฝากชีวิตจิตใจ
ฝากเป็นฝากตายในกันต่อไป คือ เมื่อเป็นคู่รักก็ต้องรักเดียวไม่มี
สองกับใครอื่น ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมีความซื่อสัตย์ต่อกันแต่
ขั้นเริ่มเป็นคู่รักจนเป็นคู่ครองตลอดอวสานแห่งชีวิต ไม่ยินดีกับ
ใครอื่นซึ่งมิใช่คู่รักของตน มีเพียงคู่รักคนเดียวเท่านั้นเป็นจิตใจที่จะ
สูดลมหายใจร่วมได้อย่างสนิทใจ นอกนั้นถือว่าเป็นประเภทกาฝาก
ที่จะคอยทำลายความสัมพันธ์ให้แตกร้าวไปโดยไม่สงสัย
ถ้าเป็นคู่ครองก็มีเพียงสามีภรรยาของตนเท่านั้น นอกนั้น
แม้เป็นเทวดามาก็ไม่เกี่ยว เพราะมิใช่สมบัติอันแท้จริงของตน มี
ความยินดีและตายใจด้วยเพียงพ่ออีหนูกับแม่อีหนูสองคนเท่านั้น
นอกนั้นมิใช่ความมักน้อยของผู้ต้องการความสงบสุขในครอบครัว
ซึ่งสามีภรรยาจะตายใจได้
เมื่อกล่าวถึงความประหยัด ความมัธยัสถ์ ความสันโดษ
และความมักน้อยแล้ว ก็ควรนำธรรมตรงข้ามมาเทียบเคียงกัน
พอทราบความหนักเบาของธรรมทั้งสองว่า มีคุณสมบัติและโทษ
ต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อผู้สนใจในเหตุผลความจริง จะได้นำไป
พิจารณาและคัดเลือกปฏิบัติตามที่เห็นควร คือ ความฟุ้งเฟ้อ
เห่อเหิมในวัตถุและอารมณ์ ความสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย ความมีหนึ่ง
แล้วคิดอยากมีสองมีสาม ไม่ยินดีในของมีอยู่ของตน และ
ความมักมากในทุกสิ่งบรรดาที่เป็นข้าศึกแก่ตนและผู้อื่น เหล่านี้
เป็นข้าศึกต่อธรรมที่กล่าวแล้วเหล่านั้น การปีนเกลียวกับธรรมมี
ความประหยัด เป็นต้น เป็นทางเสื่อมเสียโดยถ่ายเดียว แม้ใครจะต้องการความสงบสุขและความเจริญโดยทำลายธรรมดังกล่าวนั้น
ย่อมหาความสงบสุขและความเจริญมิได้เพราะผิดทาง
ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ใครก็ตามถ้าเดินทางผิดย่อมเกิด
ความเสื่อมเสียได้เช่นเดียวกัน เพราะธรรมเป็นสายกลางแห่งทาง
ดำเนินเพื่อความเจริญ ทั้งนักบวชและฆราวาส แม้มีแยกกันไว้บ้าง
ก็เพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่นั้นเหมือนกันดังความสันโดษมักน้อย
เป็นต้น พระก็ดำเนินไปตามสายของพระ ฆราวาสก็ปฏิบัติไปตาม
สายของตน ผลย่อมเป็นความสงบสุขไปตามเหตุที่ปฏิบัติได้
พระสาวกสมัยพุทธกาลที่เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของ
พวกเรา โดยมากท่านปฏิบัติกันตามสายความสันโดษและมักน้อย
ไม่กลัวความอดอยากขาดแคลนและความเป็นความตายยิ่งกว่า
ความกลัวไม่รู้ไม่เห็นธรรม ท่านกลัวไม่รู้ไม่เห็นธรรม ท่านจึง
พยายามทุ่มเทกำลังทุกส่วนลงทางความเพียรเพื่อรู้เพื่อเห็น ท่าน
จึงได้รู้ได้เห็นธรรมอย่างสมใจ ส่วนพวกเรากลัวแต่จะอดอยาก
ขาดแคลน กลัวจะลำบากทรมาน กลัวแต่จะตาย อะไรขาดเหลือ
บ้างไม่ได้ ใจหดหู่เหี่ยวแห้งไม่เป็นอันบำเพ็ญพากเพียรได้ ภายในใจ
จึงมีแต่กิเลสความกลัวตายเต็มไปหมด ธรรมเลยหยั่งลงไม่ได้เพราะ
กิเลสกีดขวางไม่มีทางซึมซาบได้
ไปที่ไหนอยู่ที่ใดถ้ามีประชาชนญาติโยมห้อมล้อมนับถือ
และหิ้วอาหารเป็นปิ่นโต ๆ เดินตามหลัง ตามถ้วยชามต่างเกลื่อน
ไปด้วยอาหารคาวหวานชนิดต่าง ๆ ใจก็เบิกบานเพราะความชุ่มเย็น
ด้วยอาหาร ทั้งยิ้มทั้งพูดชมเชยด้วยความพอใจว่า ที่นี่อากาศดีมาก
นะโยม ทั้งปลอดโปร่งทั้งโล่งใจดี ภาวนาก็สะดวกสบาย ใจก็ไม่ต้อง
บังคับยาก สงบไปเลย ความจริงมันภาวนาสะดวกหรือนอนหลับ



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ




บุญวิหารทานขอเชิญร่วมสร้างศาลาปฎิบัติธรรม (แม่ชีถ้ำเขากา) 4 แยกตากฟ้า จ.นครสวรรค์
โทร 085-731-4628



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพยอดฉัตรบนพระวิหารประดิษฐานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
โทร 08-4331-2571


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายเพชรประดับฐานสมเด็จองค์ปฐม พระวิหารแก้ว วัดป่าซางงาม
ท่านใดประสงค์จะร่วมบุญถวายเพชรประดับฐานสมเด็จองค์พระปฐม เม็ดละ 20 บาท สามารถโอนปัจจัยร่วมทำบุญได้ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) หมายเลขบัญชี 147-2-73995-5 สาขาป่าซาง ชื่อบัญชี อ.ยุพิน สว่างแก้ว คุณพรรณี โตวิชัย อ.เรียมเล็ก บุญยัง เพื่อวิหารแก้ววัดป่าซางงาม



ร่วมเป็นเจ้าภาพทอง1บาท หล่อองค์ปฐมทองคำกับมุ่งเต็มใจโครงการพระอาจารย์ยุคลธรณ์ 1ก.ย.55
081-190-1125



ขอเชิญร่วมสร้าง "อุโบสถ" กับหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
๐๘๕ – ๓๖๘ – ๓๐๘๔


ขอเชิญสร้างสมเด็จเจ้าพะโคะ
ไว้ที่ วัดคลองจันทน์ตำบล ห้วยงู อำเภอ หันคา จังหวัดชัยนาท
ในวันที่ 18 พค. 2555 เวลา 09. 09 น. เริ่มพิธีบวงสรวง เปิดเนตร




ระดมทุนการสร้างพระปางเปิดปฐพีและบันไดพญานาคเจ็ดเศียรสอง
036-346278


ประกาศหาเจ้าภาพผู้มีจิตศรัทธาทำสีองค์พระประธาน ๓ สมัย
โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑


ขอเชิญร่วมผ้าป่าและงานสืบชาตาวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ สร้างพระอุโบสถสมเด็จองค์ปฐม
ร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถสมเด็จองค์ปฐมวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
บัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาลี้
ชื่อบัญชี พระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ
เลขที่บัญชี 347-2-34049-1


เชิญร่วมสร้างรั้วสแตนเลส ติดตั้งเสาไฟฟ้า เจดีย์ลป ต้น วัดบึงพลาราม
โทร 083-6679990


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสร้างพระวิหาร ณ วัดป่าภูก้อน
0818669752


ผ้าป่าสมทบทุนบูรณะพระเจดีย์ วัดเหมืองกวัก จ.ลำพูน
วันพฤหัสบดีที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ( ขี้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ )
เพื่อบูรณะเจดีย์เก่าแก่อายุกว่า ๑๐๐ ปี ซึ่งเป็นศิลปะผสมผสานระหว่างล้านนา ล้านช้าง และพม่า


30เม.ย.นี้เชิญร่วมบุญผ้าป่าถวายอุปัฎฐากสงฆ์-สามเณร ตึกสงฆ์อาพาธ รพ.สวนดอกจ.เชียงใหม่
สามารถโอนร่วมบุญได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขา ท่าแพ เชียงใหม่ เลขที่ 251-477777-6 ชื่อบัญชี สิริกมล ชัยดารา


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างอาคารพระปริยัตติธรรมอนาลโย 80 ปี
26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13.00 น. ณ วัดพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร



ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนจัดซื้อที่ดิน ณ วัดสาขาหลวงพ่อชา สุภัทโท
http://www.watpanonchik.org




ฟังมหาทศชาติ (พระเจ้า ๑๐ ชาติ) ณ วัดบ่อกบ
๐๘๗-๓๔๙๕๐๗๗



ร่วมจัดพิมพ์หนังสือ"สวดมนต์"
086-685-3795


ขอเชิญร่วมทำบุญ ถวายพระไตรปิฏก 5 ประเทศ
โทร. 084-6091463



ร่วมกันเป็นเจ้าภาพบวชให้กับผู้ขาดคนสนับสนุน
0816745110


สมทบทุนสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กพิการ (โรงเรียนศรีสังวาลย์ชัยนาท)
081-9194756


ขอเชิญนักแสวงบุญไปร่วมงานล้างป่าช้ากับมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน สัตหีบ ครั้งที่ 2
038-738472


ขอเชิญบริจาคร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ที่ทุรกันดาร จ.แพร่
โทร081-8195475


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


สบายก็ยากจะสันนิษฐาน สำหรับพระที่ชอบอากาศแบบนี้ เพราะ
การกินได้มากกับการนอนหลับดีและนอนได้มากนั้น มันเป็นคู่มิตร
กันอย่างแยกไม่ออก ผมเคยผ่านมาแล้วรู้เรื่องได้ดี
ถ้าไปอยู่สถานที่จะพอภาวนาดีบ้างเพราะปราศจากสิ่ง
รบกวน แต่ขาดแคลนอากาศคืออาหารหน่อย เพราะไม่ค่อยมีปิ่นโต
เถาใหญ่ ๆ เดินตามหลังเป็นคณะ ๆ เป็นพวง ๆ ที่นั่นอากาศท่า
จะแย่ทนไม่ไหว และบ่นว่า แหม โยมที่นี่อากาศแย่ ทนอยู่ไป
ไม่ไหว ทึบเกินไป หายใจอึดอัดไม่สะดวก ภาวนาก็ไม่สงบ จิตใจก็
บังคับยาก ผิดธรรมดาที่เคยเป็น อาตมาทนอากาศทึบมากไม่ไหว
ต้องลาโยมไปวันนี้ แล้วก็เผ่นไปหาอากาศดี ๆ ใหม่เพื่อการภาวนา
จะได้รุดหน้า นั่นฟังซิท่าน ฟังพระธุดงคกรรมฐานอากาศอำนวย
ภาวนาจิตสงบลงได้ดี พอปิ่นโตห่างจากข้างบ้างชั่วอึดใจเดียว
เกิดอากาศทึบขึ้นมาแล้ว ภาวนาจิตไม่สงบ เผื่อว่าสิ่งนั้นก็บกพร่อง
สิ่งนี้ขาดเขินเข้าหลาย ๆ อย่างด้วยกัน อากาศจะเป็นอย่างไร
ผมว่าน่าจะตายในไม่ช้าเพราะไม่มีอากาศหายใจ กรรมฐานอากาศ
แบบนี้ท่านฟังแล้วเป็นไงชอบใจไหม? ผมว่าเข้าทีดีนะ
ถ้าท่านต้องการเห็นพระตถาคตและพระอรหันต์องค์แท้จริง
ประจักษ์ใจ โดยไม่มีกาลสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านจงพิจารณา
ให้เห็นความบกพร่องขาดแคลนและสมบูรณ์ของบรรดาปัจจัยสี่ว่า
เป็นของธรรมดา ซึ่งเพียงอาศัยเพื่อบรรลุถึงความมุ่งหมายเท่านั้น
ไม่ควรเป็นอารมณ์กับสิ่งใดมากกว่าธรรมอันเป็นจุดที่หมายของการ
บำเพ็ญ ความสันโดษมักน้อยนั่นแลคือทางเดินของพระอริยเจ้า
ทั้งหลาย ส่วนความเหลือเฟือนั้นคือทางเดินของพระกรรมฐาน
อากาศดังกล่าวมา จะไม่มีวันพ้นทุกข์ไปได้ถ้าใจยังติดแน่นอยู่กับสิ่งเหล่านั้น การตัดกังวลกับสิ่งเกี่ยวข้องต่าง ๆ ก็เพื่อความเบาบาง
ทางอารมณ์ที่เป็นกิเลสแต่ละประเภท
ผู้ใดก็ตามถ้ายังไม่เห็นคุณค่าแห่งธรรมคือความสันโดษ และ
ความมักน้อยเป็นต้น ผู้นั้นยังไม่เห็นคุณค่าแห่งธรรม พอจะ
พยายามตะเกียกตะกายไปด้วยความบึกบึนอดทน แต่จะมากังวล
กับปากกับท้องกับความกลัวอดกลัวตายอยู่นี้เท่านั้น สุดท้ายก็
ติดจมอยู่กับเรื่องของปากของท้องซึ่งเคยทำความกังวลมาเป็น
ประจำ การปฏิบัติธรรมถ้าไม่ยอมปล่อยวางอารมณ์กับสิ่งเหล่านี้
ก็ไม่มีทางผ่านพ้นกิเลสทั้งหลายไปได้ เพราะสิ่งดังกล่าวนั้นเป็นกิเลส
เครื่องผูกพันทั้งสิ้น ท่านควรทราบว่า ความกังวลกับสิ่งเหล่านั้น
ทำนักปฏิบัติให้ติดจมอยู่จนถอนตัวไม่ขึ้น หรือไม่คิดว่าเป็นกิเลส
พอจะสนใจคิดและถอดถอนเสียซ้ำไป จะไปบำเพ็ญที่ใดพอจะ
ปลดปล่อยกิเลสบนหัวใจออกได้บ้าง แต่ก็มาหวงมาห่วงกิเลส
เหล่านั้นจะสิ้นไปจากใจไม่มีอะไรมาให้พาสนุกพาเกา จำต้องพะรุง
พะรังกันไปกับสิ่งเหล่านี้
คิดไปพูดไปก็รู้สึกสลดสังเวชที่นักปฏิบัติเรา ไม่เห็น
ความพ้นทุกข์เป็นธรรมมีคุณค่า ยิ่งไปกว่ากิเลสที่เคยทรมานใจ
โดยเห็นความห่วงปากห่วงท้องเป็นของสำคัญกว่าความปล่อยวาง
เพื่อความหลุดพ้น ผู้กระหยิ่มในธรรมเห็นครูอาจารย์พากันดำเนิน
เด็ดเดี่ยวอาจหาญเพียงไร ก็ยิ่งมีความบากบั่นมั่นใจต่อความเพียร
ของตนยิ่งขึ้นเพียงนั้น สมกับมาศึกษาอบรมเพื่ออรรถเพื่อธรรม
เพื่อความหลุดพ้น โยนกิเลสกองทุกข์ออกจากใจจริง ๆ ท่านก็คน
เราก็คน ท่านก็ใจเราก็ใจ ท่านทนได้เราก็ทนได้ ท่านถึงไหนเราจะ
พยายามให้ถึงนั่น ไม่ยอมถอยหลังให้กิเลสหัวเราะเย้ยหยันได้ท่านหลุดพ้นเราก็จะพยายามให้หลุดพ้นตามท่านจนได้ กิเลสท่าน
กับกิเลสเรามีอยู่เพียงหัวใจดวงเดียวเสมอกัน มิได้กองรอคอยทับถม
เพิ่มพูนอยู่ข้างหน้าข้างหลังเท่าภูเขาป่าไม้อะไรเลย ผู้มีความสนใจ
ใฝ่ต่อการศึกษาอบรมเพื่อตนเพื่อธรรมจริง ๆ ดังกล่าวมานี้ ผม
แน่ใจด้วยว่าต้องมีวันผ่านพ้นไปได้ในวันหนึ่งข้างหน้าแน่นอน
การปฏิบัติต่อบริขารต่าง ๆ เช่น การปะการชุนหรือ
ดัดแปลงซ่อมแซมไปตามกรณีนั้น ก็เพราะเห็นคุณค่าแห่งธรรม
เหล่านี้มาประจำนิสัย และความเป็นห่วงหมู่คณะจะไม่มีทางเดิน
ในกาลต่อไป เพราะสมัยนี้มักมีแต่กรรมฐานขี้เกียจมักง่าย ทำอะไร
ก็มักจะทำแบบสุกเอาเผากินกันเสียมาก พอเผาสุกบ้างก็กิน
หมดไปกับปากกับท้องกับกองไฟพร้อม ๆ กัน ไม่มีอะไรเหลือเผื่อ
วันพรุ่งนี้ (นี้หมายความว่า พอออกจากที่ภาวนาก็ไม่มีคุณธรรม
มีความสงบเย็นเป็นต้นเหลืออยู่ ปลิวไปกับอารมณ์เสียหมด)
กิจการที่ผมทำนั้น ผมเชื่ออย่างฝังใจว่าเป็นอริยกิจ
อริยประเพณีที่ท่านดำเนินกันมา เพราะเป็นกิจที่ทำด้วยความเห็น
ภัยไม่ลืมตน มิใช่แบบลิงที่ทั้งกินทั้งทิ้งทั้งคว้าหาของใหม่ ไม่สนใจ
กับของเก่าที่ยังพอกินเป็นอาหารอยู่เลย ถ้าเป็นคนก็แบบบ้าตื่น
สมัยนั่นแล จะมีหลักใจพอเป็นหลักเกณฑ์เพื่อทรงทรัพย์สมบัติ
ได้อะไรกัน ใส่เสื้อกางเกงเครื่องนุ่งห่มใช้สอยต่าง ๆ เพียงตัวหรือ
ผืนละหนสองหนก็หาว่าเก่าว่าคร่ำครึล้าสมัยไม่ทันเขาก็ทิ้ง แล้วคว้า
หาใหม่ราวกับเงินทองไหลมาเองเหมือนน้ำมหาสมุทรสาครฉะนั้น
โดยมิได้คำนึงว่าแม้จะเอาสิ่งที่มีราคาค่างวดมากมายเพียงไรมา
ประดับตกแต่ง ก็คือคน ๆ เดียวกับผู้กำลังเฟ้อ ๆ อยู่นั่นแล จะ
หาคุณค่าสาระอันยิ่งยวดมาจากไหน สวมใส่ประดับประดาเข้าไปแล้วก็เท่าเดิม นิสัยดีชั่วก็เท่าเดิม ถ้าไม่ปฏิบัติตัวให้มีคุณค่าด้วย
ความประพฤติ
เพราะคนเรามีคุณค่าอยู่กับความรู้วิชาและความประพฤติตัว
ต่างหาก มิได้มีอยู่กับเครื่องประดับประดาอะไรเลย พอที่จะ
หลงหลับจนไม่รู้จักตื่นกัน นอกจากทำเพื่อหลอกคนที่ตาฝ้าฟาง
ให้หลงตามแบบกระต่ายตื่นตูม และวิ่งจนแข้งหักขาหักไปตาม ๆ
กันเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรที่น่าชมว่าเขามีคุณค่าขึ้นเป็นกอง
เพราะการแต่งตัวด้วยเครื่องหรูหราที่ร้อยผลัดพันเปลี่ยนวันหนึ่ง
หลาย ๆ ชุด สิ่งที่ได้รับอย่างหลีกไม่พ้นก็คือความเสียนิสัย
ใจรั่ว ใจไม่มีหลัก ไม่เป็นตัวของตัวได้ด้วยหลักเกณฑ์ที่ดี สร้าง
ความฉิบหายแก่ตนและสังคมตลอดอนุชนรุ่นหลังให้หลงตาม
กันไปไม่สิ้นสุด นี่คือผลไม่ดีต้องติดตามแน่นอน ใครทำก็ผู้นั้น
ต้องประจักษ์กับตัว ไม่ต้องหากรรมการมาตัดสินให้ลำบากเหมือน
ประกวดสิ่งของต่าง ๆ สิ่งที่ชั่วย่อมทราบว่าชั่ว ดีก็ย่อมทราบว่าดี
ทุกข์ย่อมทราบว่าทุกข์ สุขย่อมทราบว่าสุข รู้อยู่กับตัวไม่จำต้อง
ให้ใครบอกถึงจะทราบ
การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ท่านที่ปฏิบัติมาก่อนท่านได้รับ
ผลเป็นที่พอใจมาแล้ว จึงได้วางแนวที่ถูกไว้ให้ดำเนินตาม ยังจะ
หาเรื่องว่าลำบากคร่ำครึล้าสมัย ไม่ลงใจที่จะปฏิบัติตามท่านด้วย
ความเต็มใจอยู่แล้วก็หมดหนทาง เหมือนคนตายไม่รู้จักดีชั่วสุขทุกข์
อะไรเท่านั้น รองจากนั้นลงมาก็ปฏิบัติตัวแบบลิง ไม่ต้องมีกฎ
มีระเบียบข้อบังคับกัน อยากทำอะไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามนิสัยสัตว์
ที่ไม่รู้ภาษา แต่เราเป็นคนเป็นพระ จะทำอย่างนั้นก็อยู่กับโลกเขา
ไม่ได้ ต้องถูกไล่เข้าไปอยู่ในป่าช้ากับคนตาย หรือถูกไล่เข้าไปอยู่ในป่ากับฝูงลิง แต่ก็จะไม่ยอมไปเพราะยังถือว่าตัวเป็นคน ยังมีชีวิต
อยู่ มิใช่คนตาย และถือว่าตัวเป็นคนมิใช่ลิง จะไปอยู่ในที่เช่นนั้น
ไม่ได้ ก็จะกลายเป็นคนขวางโลกขวางธรรมอยู่ร่ำไป และทำให้สังคม
รังเกียจเดือดร้อนไปด้วย
การปฏิบัติธรรมแบบสะเทินน้ำสะเทินบกไม่เอาจริงเอาจัง
เป็นเรื่องขวางวงปฏิบัติอย่างนี้แล แล้วยังจะเป็นกรรมฐานกาฝาก
ในวงปฏิบัติแฝงหมู่แฝงคณะผู้ตั้งใจทำจริงไปด้วย ไม่ยอมแยกจาก
วงคณะให้หายเปื้อนหายกลิ่นสาบโคลน เผื่อมีผู้มาติดต่อสอบถาม
ธรรมะธัมโมบ้าง จะได้คุยโม้กับเขาด้วยว่า เป็นพระธุดงคกรรมฐาน
สายท่านอาจารย์มั่น ท่านอาจารย์เสาร์ แล้วขายครูขายอาจารย์
กินไปเรื่อย ๆ ยิ่งกว่าปลาเน่าในตลาดเสียอีก
การกล่าวทั้งนี้ ผมมิได้ตั้งใจตำหนิท่านว่าเป็นพระกรรมฐาน
ดังกล่าวมาแต่อย่างใด แต่อะไรที่จะเป็นคติแก่หมู่เพื่อนและวงคณะ
ในฐานะผมเป็นอาจารย์ ก็จำต้องตักเตือนสั่งสอน เพื่อรู้หนทาง
หลบหลีกปลีกตัวและเลือกปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม ผลย่อมเป็นของ
ท่านทั้งหลายเอง ผมก็นับวันแก่ชราลงทุกวันเวลา ต่อไปก็หวังใน
หมู่คณะจะบริหารกันไปตามเยี่ยงอย่างประเพณีที่พาดำเนินมา คำที่
ท่านขอร้องผมนั้นก็มิได้เป็นสิ่งที่ผิดในฐานะลูกศิษย์กับครู เพราะ
ความสุขความทุกข์เป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อเห็นครูอาจารย์ทำอะไร
ก็กลัวลำบาก อยากให้อยู่สบายด้วยความเคารพรัก และหวังพึ่งเป็น
พึ่งตายอย่างจริงใจ ก็พูดปรึกษาปรารภตามความหวังดี ผมมิได้
ถือว่าท่านเป็นผู้ผิดเพราะการขอร้องนั้น แต่เพื่อดำรงอริยประเพณี
อันราบรื่นดีงามต่อไป เพื่อตนและกุลบุตรสุดท้ายภายหลังจะได้ยึด
เป็นหลักและดำเนินตามผมจึงขอนิมนต์หมู่คณะให้ตั้งใจบำเพ็ญตนในความประหยัด
มัธยัสถ์ สันโดษ มักน้อยในปัจจัยทั้งหลายด้วยความจริงใจสืบทอด
กันไป จะเป็นผู้ดำเนินปฏิปทาไปโดยสม่ำเสมอ กิเลสมารยา
ทั้งหลายจะไม่รังควานรบกวนเกินกว่าเหตุ เพราะมีธุดงควัตรเป็น
เครื่องกำจัดปัดเป่าอยู่เสมอ ธรรมสี่ข้อนี้มีความสำคัญมากใน
วงปฏิบัตินิมนต์พากันทราบไว้อย่างถึงใจ ผู้มีธรรมเหล่านี้อยู่ในใจ
ตราบใด จะเป็นผู้สงบเย็นทั้งใจทั้งกิริยาที่แสดงออก ไม่มีมลทิน
ติดตามมาตราบนั้น ไปที่ใดอยู่ที่ใดจะเป็นสุคโต มีกายวาจาใจอัน
สงบไม่เป็นภัยแก่ผู้ใด กิริยาที่แสดงออกของพระผู้มีธรรมเหล่านี้อยู่
ในใจ เป็นที่งามตาเย็นใจหมู่คณะและประชาชนทุกชั้น ตลอดเทวดา
อินทร์ พรหม นาค ครุฑทั้งหลาย ขอนิมนต์ทุกท่านจดจำไว้อย่าง
ถึงใจ และพยายามปฏิบัติให้เกิดผลแก่ตนอย่าได้ลดละปล่อยวาง
ธรรมเหล่านี้ คือ หัวใจของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านรักสงวนมาก
เสมอด้วยชีวิตจิตใจ ส่วนสามัญธรรมดาอาจมีความคิดเห็นต่างกัน
ดังนั้นเพื่อความถูกต้องแม่นยำและแน่ใจ จงยึดคำว่า สงฺฆํ สรณํ
คจฺฉามิ ให้มั่นคงถึงใจ ธรรมสี่บทนั้นกับสังฆสรณะมีคุณค่าและ
น้ำหนักเท่ากัน
ปัญหาของพระที่ขอร้องท่านให้อนุโลมผ่อนผัน ได้กลายเป็น
กัณฑ์เทศน์อย่างเผ็ดร้อนและยืดยาว การแสดงธรรมของท่านยาก
ที่จะมีผู้ตามทัน บรรดาอุบายต่าง ๆ ทั้งอุบายขู่เข็ญและปลอบโยน
ล้วนเป็นสาระสำคัญแก่ผู้ฟังอย่างถึงใจ ไม่มีองค์ใดบรรดาที่นั่งฟัง
จะคิดหรือพูดว่า ท่านเทศน์ดุด่าเข็ญด้วยถือกิเลสเป็นอารมณ์หรือ
เป็นเครื่องมือ มีแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วันนี้ท่านเทศน์ถึงใจ
เหลือเกิน ต้องอย่างนี้ซิอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ฟังเทศน์แบบนี้ ถ้ามีผู้อาราธนาท่านแบบนี้รู้สึกว่าสนุกและอร่อยจริง ๆ ใครมีอะไรก็
เรียนถามท่านบ้างซิ อยู่เฉย ๆ ท่านไม่เทศน์แบบนี้ให้ฟังง่ายๆ นา
พระท่านคุยกันหลังจากฟังเทศน์ท่านจบลงแล้ว ลงมายืนชุมนุมกัน
ที่สภาหนูลับ ๆ ตามเคย ปกติก็เป็นดังนั้นจริง ๆ ถ้าไม่มีท่านผู้ใด
เป็นต้นเหตุให้ท่านต้องเทศน์ ท่านก็เทศน์ไปธรรมดา แม้เป็นธรรม
ขั้นสูงก็รู้สึกไม่เข้มข้นเหมือนมีเหตุบันดาลให้ท่านเทศน์ ผู้เขียน
ชอบฟังแบบนี้ถึงใจดี เพราะเป็นผู้มีนิสัยหยาบมาดั้งเดิม ถ้าไม่ถูก
หนัก ๆ บ้าง ธรรมไม่ค่อยเข้าถึงใจแม้ใจก็ไม่ค่อยได้อุบายต่าง ๆ
เหมือนฟังแบบนั้น
ขนาดบาตรของพระกรรมฐาน
บาตรเป็นบริขารจำเป็นของพระไทยในวงพระพุทธศาสนา
ที่จะขาดไปไม่ได้ และเป็นบริขารสำคัญแต่วันเริ่มอุปสมบทตลอด
ชีวิต แต่บาตรมีหลายชนิดและมีขนาดต่าง ๆ กันตามหลักพระวินัย
กำหนดไว้ เฉพาะบาตรพระกรรมฐานสายท่านอาจารย์มั่น รู้สึกจะ
มีขนาดกลางและขนาดใหญ่เป็นส่วนมาก ทั้งนี้เนื่องจากท่านชอบ
เที่ยวธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ ตามป่าตามภูเขาประจำนิสัย ไม่ค่อยอยู่
เป็นที่เป็นฐานในเวลาออกพรรษาแล้ว การเที่ยวท่านชอบเดิน
ด้วยเท้าเปล่าไปตามอัธยาศัย บริขารจำเป็นที่ควรนำติดตัวไปด้วย
ในเวลาออกเที่ยวธุดงค์นั้นไม่มีมาก มีเพียงบาตร สังฆาฏิ จีวร สบง
ผ้าอาบน้ำ กลด มุ้ง กาน้ำ เครื่องกรองน้ำ มีดโกน รองเท้า
เทียนไขบ้างเล็กน้อย และโคมไฟที่เย็บหุ้มด้วยผ้าขาวสำหรับ
จุดเทียนเดินจงกรมทำความเพียร และถือหิ้วไปมาตามบริเวณที่พัก
ในเวลาค่ำคืนแทนตะเกียงบริขารบางอย่าง เช่น ผ้าสังฆาฏิ มุ้ง มีดโกน เทียนไข และ
โคมไฟ ท่านชอบใส่ลงในบาตร ดังนั้นบาตรพระธุดงค์จึงมักใหญ่
ผิดธรรมดาบาตรทั้งหลายที่ใช้กัน เพราะจำต้องใส่บริขารเพื่อ
ความสะดวกในเวลาเดินทาง พอบาตรเต็มบริขารก็หมดพอดี เมื่อ
ใส่บริขารลงเต็มบาตรแล้ว ก็เตรียมสะพายออกเดินทาง บ่าข้างหนึ่ง
แบกกลดและสะพายย่ามเล็ก ๆ อีกข้างหนึ่งสะพายบาตรซึ่งหนัก
เอาการ เฉพาะท่านที่ไม่เคยชินก็น่าจะแย่อยู่บ้างหรืออาจสะพายไป
ไม่ไหว แต่ความเป็นพระกรรมฐานก็เทียบกับนักรบในสงคราม จำ
ต้องอดทนต่อเหตุการณ์ที่จะพึงเผชิญ
บาตรที่มีขนาดใหญ่บ้าง เวลาฉันจังหันก็สะดวก เพราะ
ท่านฉันสำรวมในบาตรใบเดียว มีคาวมีหวานท่านรวมลงในบาตร
ทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับภาชนะถ้วยชาม พอฉันเสร็จก็ล้างและเช็ดบาตร
ให้สะอาดปราศจากกลิ่นอาย การล้างบาตรอย่างน้อยต้องล้างถึง
สามน้ำ เมื่อเช็ดแห้งแล้วถ้ามีแดดก็ผึ่งครู่หนึ่ง แล้วเก็บไว้ในที่ควร
ถ้าอากาศแจ่มใสฝนไม่ตก ก็เปิดฝาไว้เพื่อให้หายกลิ่นที่อาจค้าง
อยู่ภายใน การรักษาบาตรท่านรักษาอย่างเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ
คนไม่เคยล้าง ไม่เคยเช็ดและไม่เคยรักษาบาตร ท่านไม่อาจมอบ
บาตรให้อย่างง่ายดาย เพราะกลัวบาตรจะเข้าสนิม กลัวจะวางไว้
ในที่ไม่ปลอดภัย กลัวบาตรจะกระทบของแข็งและกลัวตกลงถูก
อะไรๆ แตกหรือบุบแล้วเกิดสนิมในวาระต่อไป เมื่อเกิดสนิมแล้ว
ต้องขัดใหม่หมดทั้งลูกทั้งข้างนอกข้างใน แล้วระบมด้วยไฟอีกถึง
ห้าไฟตามพระวินัยจึงจะใช้ได้ต่อไป ซึ่งเป็นความลำบากมากมาย
ท่านจึงรักสงวนบาตรมากกว่าบริขารอื่น ๆ ไม่ยอมปล่อยมือให้
ใครง่าย ๆเคยมีผู้ไปขอรับบาตรท่านเวลาขากลับจากบิณฑบาต
เมื่อท่านไม่แน่ใจกับผู้มาขอรับบาตรว่า เคยปฏิบัติต่อบาตรมาแล้ว
อย่างไรหรือไม่ ท่านมักจะพูดอุบายต่าง ๆ อันเป็นลักษณะห้าม
โดยปริยาย ไม่ยอมมอบบาตรให้อย่างง่ายดาย จนกว่าได้สอนวิธี
วางบาตร วิธีล้างบาตร วิธีเช็ดบาตร และวิธีรักษาบาตร จนผู้นั้น
เป็นที่เข้าใจดีแล้ว ท่านถึงจะมอบบาตรให้ นี่เป็นธรรมเนียมรักษา
บาตรของพระกรรมฐานสายท่านอาจารย์มั่นที่เคยปฏิบัติกันมา
แต่โลกมีอนิจจังเป็นทางเดิน จึงไม่อาจทราบได้ในสมัยนี้ว่า
พระธรรมวินัยอาจจะถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นอนิจจังไปโดยประการใด
หรือไม่ เท่าที่สังเกตก็พอทำให้น่าวิตกได้อยู่บ้างแล้ว เนื่องจาก
สิ่งแวดล้อมกำลังคืบคลานเข้ามาในวงปฏิบัติทีละเล็กละน้อย
และค่อย ๆ เจริญขึ้นเรื่อย ๆ จวนจะเข้าขั้นจะอพยพ สำหรับท่าน
ที่เป็นสุปฏิบัติมีใจหนักแน่นในธรรม เพราะอาจฝืนทนอยู่มิได้
เนื่องจากความแสลงแทงตาสะดุดใจที่จะทนอยู่ได้
อากัปกิริยาของผู้ปฏิบัติกำลังเริ่มไหวตัวไปตามสิ่งดังกล่าว
อันเป็นการแสดงบอกลักษณะความสนใจและตื่นเต้นพิกลทั้งท่าน
และเรา ชนิดที่อาจเดาไม่ผิด ถ้าไม่ยอมสำนึกและขยับตัวเข้าใกล้ชิด
ต่อหลักเดิม คือ พระธรรมวินัยและธุดงควัตรทั้งหลาย อันเป็น
เหมือนเกราะหลบภัยดังที่ครูอาจารย์ท่านพาดำเนินมา ก็น่ากลัว
จะกลายเป็นพระธุดงคกรรมฐานประเภทจรวดดาวเทียม ชนิดมอง
ไม่ทันไปได้ในไม่ช้า เพราะความรวดเร็วเกินสมัยที่ท่านพาดำเนินมา
นั่นเอง
การกล่าวทั้งนี้ มิได้ตั้งใจจะตำหนิติเตียนท่านที่ปฏิบัติดี
ปฏิบัติชอบแต่อย่างใด แต่กล่าวด้วยความที่น่าวิตกกับพระธรรมวินัยและธุดงควัตร ที่ผู้ปฏิบัติเราซึ่งชอบความเปลี่ยนแปลงเอา
ตามใจชอบ จะฉุดลากลงมาสู่ตลาดแห่งความสะดวกของตน เพราะ
สมัยนี้การเรียนลัดกัน พระธุดงค์เราก็อาจต้องการความรวดเร็ว
ทันใจ และอาจเรียนและปฏิบัติแบบรัดกุมยิ่งกว่าศาสดาและครู
อาจารย์ที่พาดำเนินมาก็ได้ ซึ่งการรัดกุมแบบนี้น่าจะเป็นแบบ
ล้างมือคอยเปิบ แต่สุดท้ายก็หมดหวังนั่งซึม จึงขอฝากธรรมนี้ไว้
กับพระธุดงค์เราทุกท่านได้ช่วยกันพิจารณา สิ่งตามใจทั้งหลาย
ที่กำลังคืบคลานเข้ามาแอบซ่อนอยู่ตามมุมวัดมุมกุฎีชายสบงจีวร
และการแสดงออก จะได้ถอยตัวห่างออกไป ไม่มีโอกาสมาซ่องสุม
กำลังทำลายวงคณะกรรมฐานเรา ให้ฉิบหายไปอย่างรวดเร็วกว่า
เวลาที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม นักปฏิบัติเราถ้าเพลินมองข้างนอกยิ่งกว่า
มองข้างใน คือ ตัวเองเทียบกับหลักธรรมวินัยแล้ว ต้องจัดว่าเป็น
ความเผลอตัวเพื่อเปิดทางให้เหล่าร้ายทั้งหลาย คืบคลานเข้ามาตั้ง
วัดใหม่ที่รกรุงรังขึ้นแทนวัดเก่า ตั้งเราตัวดื้อด้านขึ้นแทนเราตัวเดิม
ที่เคยมีธรรมในใจให้จมมิดชนิดมองไม่เห็นของเดิมแน่นอน คำว่า
ธรรมกลายเป็นโลก คนฉลาดกลายเป็นคนเขลา คนมีสติกลายเป็น
คนเมา คนที่เคยเป็นเจ้านายของตัวแต่กลายมาเป็นบ๋อยด้อยสารคุณ
นั้น ก็กลายไปจากบุคคลคนเดียวกันนั่นแล เพราะความรู้สึกคิดนึก
พาให้กลาย กายวาจาที่เคยเป็นเครื่องมือทำดีก็กลายเป็นเครื่องมือ
สังหารตนให้ฉิบหายวายปวงไปสิ้น ไม่มีส่วนใดจะขืนตั้งตัวดีเด่น
คงเส้นคงวาอยู่ได้ ถ้าลงใจได้เปลี่ยนสภาพความคิดเห็นเป็นอื่นแล้ว
ท่านนักปฏิบัติจึงควรเตรียมพร้อมเพื่อรับมรดกอันดีเยี่ยมไว้
อย่างเต็มภูมิแห่งความสามารถขาดดิ้นในการปฏิบัติ แม้สิ้นชีพก็



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2012, 08:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าให้สิ้นลวดลายที่เคยเป็นลูกนักรบ ถึงจะจบชีวิตลงในนาทีนั้น
เพราะการสู้รบกิเลสนานาชนิดด้วยข้อปฏิบัติอันทรหดอดทน ก็ขอ
ให้สิ้นไปในท่ามกลางแนวรบ ซากศพที่ตายในสงครามแห่งกิเลส
แทนที่จะเป็นของปฏิกูลน่าเกลียดน่ากลัว แต่จะกลายเป็นซากศพ
ที่หอมหวนทวนลมตลบอบอวลไปทุกทิศทุกทางทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง
และเป็นศูนย์กลางแห่งความดึงดูดจิตใจของมนุษย์มนาเทวดาอินทร์
พรหมทั้งหลายให้มีความกระหยิ่มยิ้มย่องต้องใจ อยากมาพบมา
เห็นและกราบไหว้สักการบูชาเป็นขวัญตาขวัญใจระลึกไว้ไม่ลืมเลือน
เหมือนองค์พระศาสดาและพระสาวกทั้งหลาย ตลอดครู
อาจารย์ท่านนิพพาน ซึ่งเป็นสักขีพยานแห่งความทรงจำของพวกเรา
มาแล้วอย่างประจักษ์ใจ พระอัฐิพระอังคารเถ้าถ่านของท่าน ไม่มี
ผู้ใดรังเกียจเดียดฉันท์และกลัวกัน มีแต่ความมุ่งหวังอย่างแรงกล้า
ด้วยกำลังศรัทธา ต่างประสงค์พระอัฐิธาตุท่านมาไว้สักการบูชาเป็น
ขวัญใจไว้ระลึกทุกเช้าค่ำวันคืนยืนเดินนั่งนอน เพื่อความสวัสดิมงคล
แก่ตนและสถานที่บ้านเรือน และเพื่อความแคล้วคลาดปลอดภยัน-
ตรายทั้งหลาย จะได้ไม่มาถูกต้องสัมผัสชีวิตร่างกายซึ่งเป็นสมบัติ
ที่รักสงวนอย่างยิ่งในโลกทั้งสาม
ชีวิตอัตภาพของท่านนักปฏิบัติ จึงขอวิงวอนให้เป็นไปด้วย
ความแกล้วกล้าสามารถในการห้ำหั่นฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ
ที่กิเลสสันดานก่อกำแพงกั้นไว้อย่างหนาแน่นมั่นคงจนทะลุไปได้
ดังท่านผู้เป็นศาสดาและอาจารย์พาดำเนินและได้ชัยชนะมาสู่โลก
ตนก็หลุดพ้น ศาสนาก็พลอยเด่น โลกก็พลอยเฟื่องฟู เพราะคนที่ดี
มีใจเป็นธรรมซึ่งรอกราบไหว้บูชายังมีอยู่มาก และคอยเหนี่ยว
คอยเกาะท่านผู้พาดำเนินด้วยความอาจหาญและถูกต้องแม่นยำในการเป็นผู้นำด้วยความราบรื่นชื่นใจ โลกยังหิวโหยต่อความดีและ
คนดีอยู่มากจนไม่อาจประมาณนับได้ แม้ตนไม่สามารถดัดแปลง
แต่งกายแต่งใจให้ดีเป็นที่พึงพอใจได้ แต่ก็อยากเห็นท่านนักปฏิบัติ
ที่น่าเลื่อมใส น่าเข้าใกล้ชิดสนิทธรรม อยากเคารพเลื่อมใสและ
กราบไหว้เทิดทูนเป็นขวัญใจไม่มีวันอิ่มพอ
โลกแม้จะพากันอยู่กับความโกลาหลอลหม่าน อันเป็น
ความวุ่นวายอบายมุขของมนุษย์มานาน จนแทบหมดหวังใน
การแสวงหาทางออกก็จริง แต่หัวใจยังมีความหวังยังสืบต่อ เมื่อเห็น
สิ่งที่น่าเกาะก็อยากเกาะ เห็นสิ่งที่น่ายึดก็อยากยึด เห็นสิ่งที่น่า
พึ่งพิงก็อยากพึ่งพิงไม่มีความเบื่อหน่ายอิ่มพอ เพราะความรู้สึก
ต่อความสุขของโลกเป็นอันเดียวกัน การปฏิบัติเพื่อหัวใจตนด้วย
สุปฏิบัตินั่นแล คือเพื่อหัวใจของโลกด้วยในอันดับต่อไป
ข้อนี้พระพุทธองค์ทรงดำเนินมาแล้ว สมัยที่ทรงทรมาน
พระองค์มิได้ทรงคิดทรงวิตกกังวลในพระทัยว่าจะเพื่อผู้ใด
แม้พระชายาที่เปรียบกับดวงพระทัยก็ทรงทำความพยายาม
ปล่อยวางทั้งสิ้นเวลานั้น ทรงทุ่มเทความพากเพียรเพื่อพระองค์
ผู้เดียว เมื่อสมพระทัยไร้กังวลหม่นหมองทุกอย่างแล้ว จึงทรง
หวนระลึกความหลังที่เคยทำความปรารถนาไว้และทรงทำหน้าที่ของ
ศาสดาเพื่อประกาศธรรมสอนโลก แม้พระสาวกทั้งหลายก็ดำเนิน
องค์ตามแนวทางของศาสดา คือสนใจสั่งสอนตนก่อนอื่น จนสำเร็จ
ไปด้วยดีแล้วค่อยสั่งสอนหมู่ชน จึงเป็นผู้ตามเสด็จด้วยความ
แคล้วคลาดปลอดภัย ท่านผู้ใดดำเนินตามเยี่ยงอย่างของพระองค์
และสาวก ท่านผู้นั้นจะเป็นองค์แทนธรรมมรดกที่ประทานไว้แน่นอน
ไม่สงสัย ท่านนักปฏิบัติจึงควรภูมิใจในแนวทางอันเป็นสุคโตนี้เมื่อกล่าวมาถึงความเปลี่ยนแปลงของการปฏิบัติ ซึ่ง
ชักจะออกนอกลู่นอกทางที่ท่านพาดำเนินมา ทำให้ระลึกได้ใน
โอวาทอันเกี่ยวกับความเผ็ดร้อนที่ออกมาจากความสะเทือนใจ
ท่านพระอาจารย์มั่น คราวที่พักอยู่วัดหนองผือ สกลนคร คือ
เย็นวันหนึ่ง หลังจากปัดกวาดลานวัดและสรงน้ำเสร็จแล้ว มี
พระทยอยกันขึ้นไปกุฎีท่านหลายองค์ ท่านเองก็ได้ปรารภธรรม
ในแง่ต่าง ๆ ให้ฟัง วันนั้นท่านปรารภถึงท่านอาจารย์เสาร์ที่เป็น
อาจารย์ให้พวกเราฟังอย่างถึงใจว่า ท่านอาจารย์เสาร์เป็นอาจารย์
ที่มีเมตตามหานิยมเป็นหลักใจแก่โลกมาก ผิดอาจารย์ทั้งหลาย
อยู่มากเป็นผู้เด่นในวงคณะ ใครเข้าไปใกล้ชิดเป็นต้องสนิทรักใคร่
เลื่อมใสในองค์ท่านทันที แต่การให้โอวาทสั่งสอนประชาชนพระเณร
นั้น ท่านไม่ค่อยสั่งสอนพิสดารกว้างขวางเหมือนผู้อื่น พูดเพียง
ประโยคสองประโยคเท่านั้นก็หยุด แล้วนั่งตัวตรงและเฉยอยู่ราวกับ
พระพุทธรูป ไม่มีการไหวติงอวัยวะส่วนใดเลย
แต่คนติดใจในโอวาทและองค์ท่านชนิดฟังและเห็นแล้ว
ไม่จืดจาง กลับมาแล้วยังคิดอยากเห็นอยากฟังท่านไม่มีวันอิ่มพอ
ใคร ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารักเลื่อมใสท่านมาก แต่น่าเสียดาย
บรรดาพระเณรที่เป็นลูกศิษย์ท่านมักไม่เข้มแข็ง และมีหลักเกณฑ์
ทางภายในภายนอกสมกับได้อาจารย์ดีวิเศษเป็นผู้อบรม ทั้งนี้
คงเป็นเพราะความลืมตัวนอนใจและหยิ่งในตัวมากกว่า ทั้งที่ไม่มี
อะไรที่ควรหยิ่งและภูมิใจ เมื่อเห็นท่านใจดีมีเมตตา ไม่ค่อยดุด่าจ้ำจี้
จ้ำไชเหมือนอาจารย์ทั้งหลาย แม้ผิดพลาดคลาดเคลื่อนต่อหน้า
ซึ่งควรจะดุด่าว่ากล่าวบ้างพอผู้ผิดได้มีสติระวังตัวต่อไป ไม่ลืมตน
ก้นด้านจนชินชา และเป็นคนใจด้านสันดานจมพอท่านอาจารย์มั่นหยุดการให้โอวาทชั่วคราว เห็นได้
โอกาสพระองค์หนึ่งก็เรียนถามขึ้นอย่างดื้อ ๆ ชนิดไม่มีความ
แยบคายอะไรเลย คล้ายนิสัยของผู้เขียนที่มีติดสันดานมาจนบัดนี้ว่า
ท่านอาจารย์เสาร์ท่านสิ้นกิเลสอาสวะแล้วดังคำเล่าลือจริงไหม
ครับผม? องค์ท่านเองซึ่งสนใจพยายามอบรมสั่งสอนพระเณร
ให้ฉลาดแหลมคมอยู่แล้ว พอได้ยินคำถามชนิดไม่น่าจะมีใคร
กล้าหาญแบบนั้นถามขึ้น ท่านเองก็ยิ้มนิดและหยุดไปชั่วคราว
แล้วมองไปยังพระองค์ซื่อ ๆ ที่น่าสงสารซึ่งมีเจตนาบริสุทธ์นั้นด้วย
อาการยิ้ม แฝงไปด้วยความเห็นใจและสงสารเธอที่ซื่อและโง่เขลา
เกินกว่าจะตำหนิติโทษใดๆ แล้วพูดเป็นเชิงอนุโลมในลักษณะโง่ ๆ
ไปด้วย เพื่อต้อนรับความโง่ความซื่อของเธอองค์นั้น เช่นเดียวกับ
ม้าอาชาไนยปฏิบัติตัวต่อยายแก่ผู้เลี้ยงดูตนฉะนั้นว่า ท่านสิ้นสุด
วิมุตตินิพพานไปนานแล้ว ตั้งแต่ท่านเองยังไม่เกิดโน่น ท่านยัง
จะหลงบ้าสงสัยมาถามอะไรอยู่อีก
การศึกษาไต่ถามอะไรก็ไม่มีอุบายแยบคายบ้างเลยสักนิด
พอเป็นเครื่องหมายของคนมีสติปัญญาเพื่อแก้กิเลสความโง่เขลา
ของตนบ้าง ฉะนั้นจิตใจจึงสนุกนอนจมอยู่กับความโง่ตลอดเวลา
การภาวนาก็มีแต่ความโง่เขลาโงกง่วงนั่งทับอยู่บนศีรษะไม่มีเวลา
สร่าง ชะโงกหน้าชะโงกหลังราวกับลิงชะโงกดูคน คนโง่หรือฉลาด
เพียงแสดงอาการออกมาก็พอทราบได้ เฉพาะท่านรู้สึกจะโง่เอาเสีย
จนน่าทุเรศ ธรรมจะไม่อาจแทรกลงสู่ดวงใจได้ในเวลาฟังการอบรม
ผู้ให้การอบรมเองก็คงจะระอาเช่นกันถ้าเป็นนิสัยปัญญาอยู่บ้าง
นอกจากจะเป็นอาจารย์ด้วยการเสกสรรตัวเอาเองเพราะบวชนาน
นั่นอาจไม่มีทางทราบได้กระทั่งตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นท่านก็อบรมสั่งสอนต่อไปด้วยความเอ็นดูสงสารพระองค์นั้น ราวกับ
การเรียนถามแบบโง่ ๆ นั้นแฝงอยู่ด้วยอุบายความฉลาดอาราธนา
ท่านให้แสดงธรรมให้ฟังฉะนั้น
ใจความแห่งธรรมที่แสดงในขณะนั้น แทนที่จะเป็นธรรม
เผ็ดร้อนดังที่เคยเป็นมา แต่กลับเป็นธรรมที่เต็มไปด้วยเมตตา
แสดงด้วยความอ่อนหวานอ่อนโยนซาบซึ้งจับใจอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนพ่อแม่อบรมเด็กเล็กด้วยความรักสงสาร จนทำให้เด็ก
เห็นโทษใจอ่อนน้ำตาไหลคลอไปได้ เนื้อธรรมที่แสดงนั้นผู้เขียน
จำได้เพียงเล็กน้อย จึงขออภัยหากผิดพลาด เพราะเจ้าโมหะ
อันเดียวพาให้เป็น มีใจความว่าหมู่คณะก็นับว่าโง่เขลาขึ้นทุกวัน
แทนที่จะฉลาดตามอุบายที่อบรมสั่งสอน แต่ผมเองก็นับวันแก่ลง
ทุกวัน การทำประโยชน์แก่หมู่คณะก็นับวันด้อยลงทุกวัน ความ
เมื่อยหิวอ่อนเพลียก็นับวันเพลียลงทุกวัน สังขารร่างกายก็นับวัน
ร่วงโรยลงทุกวัน เพียงดูลมหายใจไปเป็นวัน ๆ เท่านั้น อาหาร
ต่าง ๆ ที่เคยมีคุณแก่ร่างกายมาดั้งเดิม ธาตุมันกลับเห็นเป็นโทษ
ไม่อยากรับอยากฉัน และกลับเบื่อหน่ายคลายความยินดีต่อ
สิ่งเยียวยาทั้งหลายไปทุกวันเวลา
วันเวลาของการตายก็คืบคลานเข้ามาทุกที ไม่มีการหยุดพัก
เพื่อให้การผ่อนคลายแก่ธาตุขันธ์บ้างเลย ลมหายใจที่เคยสูดเข้า
สูดออกสบายโดยอัตโนมัติ ก็แสดงอาการฝืดเคืองขึ้นมาทุกเวลา
นาที ราวกับจะไปจากเราอยู่ทุกขณะที่ได้โอกาส แต่เวลามองดูผล
จากการอบรม ที่ควรจะเกิดตามเจตนาที่อบรมสั่งสอนหมู่คณะ แต่
กลับมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่เคยคาดหมาย บ้างก็เป็นความขี้เกียจมักง่าย
อ่อนแอ บ้างก็เป็นความซึมเซาเหงาหงอยไม่ร่าเริงในความเพียรบ้างก็เป็นความเคลื่อนคลาดจากหลักปฏิบัติที่พาดำเนินมา บ้างก็
เห็นแต่ความโง่เขลาเบาความคิดอ่านไตร่ตรอง ดังที่ถามเรื่อง
ท่านอาจารย์เสาร์เมื่อครู่นี้เอง ซึ่งมิใช่ทางเดินของผู้มาอบรมศึกษา
หาความพ้นทุกข์ตามทางศาสดาที่พาดำเนิน เพราะเป็นความ
โง่เขลาอย่างน่าทุเรศเหลือจะทนฟังได้ จึงวิตกกังวลกับหมู่คณะอยู่
ไม่วาย เวลาผมตายไปจะไม่มีผู้เป็นหลักฐานทางจิตใจและปฏิปทา
เครื่องดำเนินสืบต่อไป กลัวจะเป็นดังที่กล่าวมานั้น
จึงขอวิงวอนหมู่คณะที่มาศึกษาอบรมด้วยสะดุดใจในความ
มาอยู่ร่วมกัน ซึ่งมิใช่เป็นของเที่ยงถาวรพอจะพากันนอนใจ วัน
เวลาล่วงไปตัวเราแต่ละคนก็มีทางจะล่วงไปเช่นเดียวกัน ผู้ประมาท
ก็จะไม่มีของดีใด ๆ ติดตัวไป เวลาที่ผ่านไปนั้นสิ่งที่ต้องติดตัวไป
อย่างแยกไม่ออก ก็คือความเหลวไหลที่เคยติดอยู่ในนิสัยสันดาน
เดิม ผลแห่งความประมาทก็คือความจนตรอกพอกพูนทุกข์ไม่มี
ประมาณ อยู่ที่ใด ไปที่ใดก็มีแต่มารคอยรังควานกวนใจให้เกิดความ
ทุกข์เดือดร้อนต่าง ๆ ไม่มีสถานที่และเวลาปลงวางลงได้ ทุกกาล
สถานที่ของคนประมาท มีแต่ทุกข์ติดแนบกับตัวยิ่งกว่าเงา เพราะ
โทษแห่งการตั้งตัวเป็นมารแก่ตัวเองโดยมิได้สำนึกว่า ความประมาท
เป็นตัวภัยตัวมารคอยล้างผลาญตัวเอง ส่วนผู้ไม่ประมาทย่อมได้
ของดีไปประดับและเชิดชูตน ผลคือความสุขกายสบายใจไปตลอด
กาลสถานที่ ไม่มีภัยมีเวร ไม่มีเคราะห์เข็ญเวรภัยคอยเบียดเบียน
ราวี ทุกสิ่งที่เป็นผลก็เป็นมิ่งมงคลแก่ตนโดยตลอด
ผมพยายามเต็มความสามารถทุกวิถีทาง ในการให้อุบาย
สั่งสอนท่านทั้งหลาย เพื่อสร้างความเป็นมิตรแก่ตน ด้วยความ
ไม่ประมาทในหน้าที่ของนักบวชและนักปฏิบัติ เพราะทราบอยู่เสมอว่าไม่นานร่างของผมก็จะจากท่านทั้งหลายไปตามทางสมมุติที่โลก
ให้นามกัน เวลามีชีวิตอยู่ การสั่งสอนก็ได้พยายามเลือกเฟ้นอรรถ
ธรรมที่ควรแก่ฐานะและเพศแห่งนักบวชมาแสดงอย่างเต็มภูมิ มิได้
ปิดบังซ่อนเร้นส่วนใดไว้แม้แต่น้อย ดังนั้นการเห็นหรือได้ยินสิ่งไม่ดี
ในวงคณะ มีความประมาทนอนใจ เป็นต้น จึงขัดกับความมุ่งหมาย
ของตนที่มีแก่บรรดาศิษย์มาอย่างสนิทใจ ไม่อยากเห็น ไม่อยาก
ได้ยิน ไม่อยากให้ท่านผู้ใดสนใจใคร่ประพฤติ เพราะขึ้นชื่อว่า
ความประมาทแล้ว ไม่ว่าประมาทในสถานใด ย่อมทำคนให้เสีย
ได้ทุกกรณี จึงเป็นสิ่งไม่ควรสนใจใคร่คิดกับความไม่ดีนั้น ๆ เลย
ขอนิมนต์ทุกท่านจงเห็นใจผู้ให้การอบรมสั่งสอน ที่ได้
ตั้งหน้าทำหน้าที่อย่างเต็มภูมิด้วยความเต็มใจและเมตตา จง
พยายามฝึกทรมานตนด้วยหลักธรรมที่พร่ำสอนตลอดมา อย่า
ให้เป็นลักษณะของทัพพีหรือช้อนระคนอยู่กับแกง แต่ไม่รู้รส
ของแกงว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย แต่ให้เป็นแบบลิ้นกับรสอาหาร
ชนิดต่าง ๆ ที่สัมผัสกัน ซึ่งทราบรสของอาหารนั้น ๆ ทันที ผม
ประสงค์อยากเห็นอยากทราบใจท่านทั้งหลายกับธรรมประเภท
ต่าง ๆ ที่แสดงให้ฟังเสมอมาว่า เข้าถึงกันมากน้อยไปโดยลำดับที่
แสดง ทั้งภาคปฏิบัติ ทั้งความรู้ชนิดต่าง ๆ ที่เกิดจากภาคปฏิบัติ
และความรู้ที่เกิดขึ้นรับกันในขณะฟัง อันเป็นการปฏิบัติภาคพิเศษ
ว่ามีความกลมกลืนกันไปโดยสม่ำเสมอ ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งลดด้อย
ถอยลง อันเป็นการขาดวรรคขาดตอนจากเหตุซึ่งจะยังผลประเภท
นั้น ๆ ให้เกิดขึ้นได้ยาก เพราะเหตุคือการทำเกิดอุปสรรค ผล
จึงพลอยเป็นอุปสรรคไปด้วย เพื่อความราบรื่นสม่ำเสมอแห่งผล
ที่พึงหวัง จึงกรุณาบำเพ็ญเหตุด้วยความสนใจ ผลไม่เป็นสิ่งพึงบังคับเหมือนเหตุ แต่จะเกิดขึ้นมาเองดังนี้
พอท่านแสดงธรรมเพื่อสงเคราะห์พระที่น่าสงสารจบลง
ตอนนี้ขออภัยเรียนตามเหตุผลหลักธรรมที่ท่านแสดงในขณะนั้น
เพื่อเป็นข้อคิดสำหรับชาวพุทธเรา หากไม่นำลงก็น่าจะขาดความ
หนักเบาแห่งธรรมที่ท่านแสดงในเวลานั้นไป ซึ่งเป็นเนื้อธรรมที่
น่าเสียดายสำหรับท่านผู้หวังเทิดทูนศาสนธรรมและครูบาอาจารย์
คือ หลังจากท่านแสดงจบลง มีพระอีกองค์หนึ่งกราบเรียนเรื่อง
อัฐิท่านอาจารย์เสาร์ว่า มีพระบางพวกที่เป็นลูกศิษย์ท่านเอง
จังหวัด...นำอัฐิท่านมาบดให้ละเอียดผสมกับผงชนิดต่าง ๆ ที่ถือกัน
ว่าขลัง ๆ แล้วปั้นเป็นองค์พระเล็ก ๆ จำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก
องค์ละราคาแพง ๆ ด้วย มีผู้เช่าไปบูชากันมากโดยไม่สนใจ
กับราคาค่างวดว่าแพงหรือไม่แพงเลย กระผมเห็นแล้วอดสลด
สังเวชใจไม่ได้
เพียงเท่านี้เอง ท่านก็อุทานขึ้นทันทีว่า โอ้โฮพากันเป็น
ถึงขนาดนั้นเทียวหรือนี่ พระจำพวกทำลายพระศาสนา ทำลายครู
อาจารย์ พากันเป็นหมากัดแทะกันกระทั่งกระดูกท่านกินยิ่งกว่าหมา
เสียอีก นี่คือพวกสิ้นคิดและหมดทางหากิน จึงพากันกัดแทะกัน
กระทั่งกระดูกอาจารย์ของตน หมามันยังรู้จักเจ้าของไม่ยอมกัดแทะ
แต่นี่มันยิ่งกว่าหมาจึงไม่รู้จักเจ้าของ กัดแทะกินเรียบไปเลย พวกนี้
พวกหมดยางอายถึงได้กัดแทะกระดูกครูอาจารย์ไปขายกิน
เฮ้อ พร้อมทั้งชี้นิ้วส่ายไปมารอบ ๆ บริเวณที่พระนั่งอยู่
ด้วยเสียงเผ็ดร้อนว่า พวกที่มาอยู่กับผมเวลานี้ พากันมาอยู่แบบ
พระหรือมาอยู่แบบหมากันแน่ รีบตอบเดี๋ยวนี้ ถ้ามาอยู่แบบพระก็
สนใจในธรรมและตั้งใจปฏิบัติ ถ้ามาอยู่แบบหมาดังที่เป็นมาแล้วก็ต้องรอคอยแย่งกระดูกกันไปกัดแทะ ด้วยการจำหน่ายขายกระดูก
ผมกินดังพวกสิ้นคิดนั้น นั้นคือพวกปฏิบัติแบบหมามิใช่แบบพระ
คอยแทะทั้งเป็นแทะทั้งตายไม่มีวันอิ่มพอและอายบาปบ้างเลย
พวกจิตใจต่ำทรามคอยทำลายศาสนา ทำลายครูอาจารย์อย่าง
ไม่อาย มีใครบ้างที่เก่ง ๆ อยู่ที่นี่ ซึ่งคอยจะกัดแทะเนื้อหนัง
และกระดูกผมไปขายในเวลาเป็นและเวลาตายไป รีบบอกมา จะได้
เสริมชื่อเสริมนามให้สูงส่งเสียแต่ที่ผมยังไม่ตายว่า “คณะพ่อค้า
ขายกระดูกครูอาจารย์กิน”
พระพวกนี้นอกจากทำแบบหมาคอยแทะกระดูกแล้ว
ยังมีกโลบายขายครูอาจารย์กินได้หลายทางอีกด้วย ไปที่ไหนชอบ
อวดตัวว่าเป็นลูกศิษย์อาจารย์นั้น อาจารย์นี้ ซึ่งมีคนเคารพเลื่อมใส
มาก เพื่อเป็นทางประกาศตัวและประจบหากิน พวกนี้คือพวก
เชือดเนื้อเฉือนหนังแทะกระดูกครูอาจารย์ขายกินชนิดไม่มีวันอิ่มพอ
กินจนตายขายจนหมดตัว ทั้งขายกินอย่างไม่อาย และขายกินไป
ตลอดชาติและประกาศโฆษณาขายยิ่งกว่าพ่อค้าเสียอีก ไปที่ไหน
ประกาศขายที่นั่น ปากไม่อยู่เป็นสุขเพราะหนอนคือความทะยาน
อยากเข้าบ่อนไช จนประชาชนพระเณรที่รักศีลธรรมรักข้อปฏิบัติ
เบื่อเอือมระอาไปตาม ๆ กัน ไม่อยากเข้าหน้าคบค้าสมาคมแม้
เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันแล้ว ยังมีใครอีกบ้างที่อยู่กับผมเวลานี้
ซึ่งกำลังเรียนวิชาหมาแทะกระดูก และปฏิบัติแบบหมาคอยกัดแทะ
กระดูกทั้งเวลาเป็นอยู่และเวลาตายไปของผม
ท่านพูดย้ำแล้วย้ำเล่าจนผู้ฟังตัวชาไปตาม ๆ กัน แม้เช่นนั้น
ก็ยังไม่ยุติเอาง่าย ๆ ยังมีเหน็บ ๆ แนม ๆ เฉียดหน้าเฉียดหลัง
เฉียดใกล้เฉียดไกลอยู่นั่นเอง จนผู้นั่งฟังตั้งตัวไม่ติด กระวนกระวายอยู่ภายใน ทั้งร้อนทั้งหนาว ทั้งจะปวดหนักปวดเบา ทั้งอยาก
มุดลงพื้นดิน ทั้งจะเป็นลมสลบไปในขณะนั้น เพราะความกลัวและ
ความอับอายชนิดไม่มีที่ปลงวาง ราวกับตัวเองก็เป็นหมาตัวกัดแทะ
เก่ง ๆ ตัวหนึ่ง แม้ไม่ได้เป็นดังท่านว่า จากนั้นท่านก็บรรยายเรื่อง
พระที่มีจิตใจต่ำทรามหมดรัศมีแห่งธรรมภายในใจ หมดความหวังใน
ธรรม หมดความพากเพียรทางใจ หมดความสนใจฝักใฝ่ในธรรม
เปลี่ยนความรู้ความเห็นจากภายในออกสู่ภายนอก เพราะจิตใจกลับ
กลายคลายจากธรรมไปสู่โลกโดยสิ้นเชิงแล้ว อาศัยโลกามิสเป็น
อารมณ์ และเรือนอยู่ของใจเป็นเครื่องประดับเกียรติ
พูดประจบประแจงหว่านล้อมด้วยอุบายต่าง ๆ ให้
ประชาชนที่มีนิสัยเชื่อพระมาแต่บรรพบุรุษหลงเชื่อตาม และ
กวาดต้อนมาเป็นบริษัทบริวารเพื่อประดับเกียรติว่า ตัวมีโวหาร
ปฏิภาณดี ฉลาดแหลมคม มีอำนาจวาสนามาก มีผู้คนเคารพ
นับถือมาก มีลูกศิษย์บริษัทบริวารมาก นับวันลืมตัวและพองตัว
มั่วสุมจนหมดความสำนึกโดยสิ้นเชิง วันคืนกาลเวลาผ่านไปด้วย
เขย่าก่อกวนต่าง ๆ ไม่มีประมาณ โดยการชักชวนผู้นั้นให้ผลิต
สิ่งนั้น ชักชวนผู้นี้ให้สร้างสิ่งนี้ ว่าดีมีอานิสงส์มาก ทั้งที่ตนกำลัง
เตรียมโดดลงนรกหลุมก่อกวนวุ่นวายอยู่ทุกขณะอยู่แล้ว ไม่อาจ
ดำรงตัวให้อยู่ด้วยความสงบสุขได้แม้ชั่วขณะหนึ่ง เพราะหัวใจแตก
ดีแตก และเพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความพอกพูนส่งเสริมกิเลส
ประเภทโลกามิสตลอดเวลานาทีพาให้รบเร้าก่อกวน พาให้ออก
เที่ยวชักชวนก่อกวนประชาชนพุทธบริษัทด้วยวิธีการต่าง ๆ มีเรี่ยไร
บ้าง พาผลิตพาสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชนิดขลัง ๆ ราคาแพง ๆ บ้าง
ร้อยแปดจนเราตามไม่ทัน




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2012, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อุบายของพระจำพวกนี้นับว่าพิสดารเกินคาด แต่ทางแห่ง
ความสงบสุขทางใจทั้งตนและผู้อื่นนั้นไม่ยอมสนใจ แม้มาอยู่กับ
ครูบาอาจารย์ก็มาอยู่พอเป็นปากเป็นทาง พอเป็นพิธีว่าตนมา
ศึกษากับครูอาจารย์องค์สำคัญ เวลาออกไปจะได้ประกาศตนอย่าง
เต็มยศของนักปฏิบัติประเภทจอมโฆษณาอวดตัวว่าเก่งพอตัวแล้ว
จนออกรัศมีสีแสงแพรวพราว เพราะไปอยู่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดผู้โปรด
ท่านอาจารย์องค์สำคัญ เพิ่งออกมาจากสำนักท่านอย่างสด ๆ
ร้อน ๆ ยังไม่ได้ทดลองฝีมือความเก่งกล้าสามารถของตนบ้างเลย
เพิ่งฟิตตัวมาใหม่ๆ กำลังคันฟัน ใครอยากให้ทดลองฝีมือ รีบเข้ามา
รับการอบรม ให้สมศักดิ์ศรีของวิชาที่เพิ่งได้รับประสิทธิ์ประสาทมา
ใหม่ๆ จะได้มรรคได้ผลรวดเร็วสมความปรารถนาที่กระหายมานาน
ไม่แกล้งอวดตัวว่าเก่ง แต่วิชาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดังนี้ คนเราที่
เป็นลูกชาวพุทธเลือดเนื้อชาวพุทธอยู่แล้ว ไม่เชื่อพระก็จะไปเชื่อใคร
ที่พอจะลงใจได้ ก็จำต้องเชื่อพระ แต่ไปเจอเอาพระประเภทกัดแทะ
กระดูกเนื้อหนังครูอาจารย์และประชาชนเข้า ก็พลอยล่มจมไปด้วย
ที่น่าสงสาร
นี่แลผมวิตกเหลือเกินว่า เรื่องมันจะเป็นไปทำนองนี้แน่นอน
เพราะความต่ำทรามแห่งจิตใจของพระปฏิบัติประเภทกาฝาก ที่คอย
ทำลายวงคณะและจิตใจพุทธบริษัทให้ฉิบหายล่มจมไปด้วยไม่มี
ประมาณ เพียงท่านอาจารย์เสาร์ท่านมรณภาพผ่านไปไม่กี่ปีเลย
คณะลูกศิษย์ของท่านเอง ก็เป็นตัวบุ้งตัวหนอนพากันทำลายเสียเอง
ด้วยวิธีการต่าง ๆ ผมจึงเชื่อไม่ได้ว่าคณะลูกศิษย์ประเภทกาฝาก
ที่มาอาศัยผมมาเป็นยุค ๆ คราว ๆ จะทำอย่างนั้นหรือยิ่งกว่านั้น
ไม่ได้ ส่วนพระประเภทศิษย์มีครูก็จะอยู่ลำบาก และพลอยเสียไปด้วยตามโลกวัชชะ คือโลกติเตียนนินทา เพราะความเกี่ยวเนื่องกัน
การกระทำด้วยความต่ำทรามทางจิตใจเช่นนี้ จะไม่มีวันรู้สึกสำนึก
ตัวได้เลยตลอดวันตาย จึงน่าวิตกกับท่านผู้ปฏิบัติดีซึ่งมีอยู่จำนวน
มาก จะพลอยได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วยพระจำพวก
ประพฤติตัวเป็นมูตรเป็นคูถ เที่ยวฉาบทาให้เปรอะเปื้อนและส่งกลิ่น
เหม็นคลุ้งไปตาม ๆ กัน
ผมเคยพูดเสมอด้วยความวิตกเป็นห่วงวงคณะ ที่ทำให้วิตก
มากก็จำพวกคอยทำลายตัวเองและหมู่คณะให้เสื่อมเสียไปด้วย
นั่นแล เพราะพวกนี้ไม่ใช่ผู้จะคอยรับฟังเหตุผลดีชั่วของครูอาจารย์
หรือของใคร ด้วยความสนใจใฝ่ธรรมนักเลย แม้ขณะอยู่กับครูอาจารย์
ก็ยังมีการแสดงลวดลายแห่งนิสัยของผู้จะก้าวไปเพื่อความต่ำทราม
ให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เวลาออกไปจากครูอาจารย์แล้วจะแสดง
ลวดลายให้เต็มฝีไม้ลายมือเพียงไรนั้นผมไม่สงสัย อย่าเข้าใจว่าผม
จะไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องหยาบ ๆ ที่ไม่จำต้องทำความพยายาม
สังเกตถึงจะทราบได้ แม้ไม่พยายามก็พอทราบได้ และทราบอยู่ทุก
อาการเคลื่อนไหวทั้งภายในภายนอกนั่นแล เป็นแต่ไม่พูดเท่านั้น
ขณะที่อยู่กับครูอาจารย์หรือเวลาครูอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ก็พยายาม
ซ่อนเล็บเก็บเขี้ยวไว้บ้างพอเป็นกิริยาให้โลกงามตา ไม่ผาดโผน
โยนตัวจนเกินไป แต่เวลาครูอาจารย์ตายจากไปแล้วนั่นแล เป็น
โอกาสที่พระจำพวกกาฝากนี้ จะแสดงลวดลายของตัวในแง่ต่าง ๆ
อย่างเต็มฝีมือ เพราะไม่มีที่เกรงขามพอให้เกิดความกระดากอายบ้าง
คนเราเมื่อหมดความสนใจในธรรมเสียอย่างเดียว ย่อม
ทำความชั่วได้ทุกอย่างโดยไม่มีความกระดากอายอะไรทั้งสิ้น
จำพวกนี้แลที่จะทำความเสียแก่วงคณะและพระศาสนาได้มากโดยอาศัยผ้ากาสาวพัสตร์เครื่องบริขารของพระธุดงคกรรมฐานเป็น
เครื่องมือหากินและทำลายไปในตัว ผมกลัวนักกลัวหนา เพราะเป็น
ประเภทที่ชินชาและต้านทานยาคือธรรมเก่ง ไม่มีจำพวกไหนเก่งเท่า
บรรดานักบวชที่หมดหิริโอตตัปปธรรมภายในใจ ผมไม่ชมพระที่
ทำตัวไม่น่าชมเชย ไม่ตำหนิพระที่ไม่ควรตำหนิ และผมชมเชยพระ
ที่ปฏิบัติดีเป็นที่น่ายกย่องชมเชย ตำหนิพระที่น่าตำหนิ เพราะพระ
ที่มาปฏิญาณตนว่าเป็นลูกศิษย์ของผมทั้งเก่าและใหม่ มีทั้งประเภท
ชั่วที่น่าตำหนิ และประเภทดีที่น่าชมเชย สับปนกันมาตามยุค
ตามสมัยเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ผู้ชั่วก็มี ผู้ดีก็มาก
ท่านที่ยังมีความหวังในธรรมเป็นสมบัติอันพึงได้รับอยู่ ก็
ขอนิมนต์คิดให้ถึงใจบรรดาธรรมที่แสดงเหล่านี้ ผู้ที่จะสร้างความ
หมดหวังแก่ตนต่อไปไม่ยอมเห็นโทษก็ไม่ควรอยู่ให้หนักพระศาสนา
และครูอาจารย์ตลอดวงคณะ จงไปสร้างเสียคนเดียวให้เป็นที่
น่าพอใจ ตายแล้วจะไม่ได้สร้าง และเสวยผลแห่งกรรมที่ตนรักชอบ
ยิ่งนักนั้นแต่ผู้เดียว ไม่มีใครไปแย่งชิงกวนใจ คงจะสนุกอยู่คนเดียว
เพราะวิบากประเภทนี้โลกผู้ดีขยะแขยงและหวาดกลัวกันมาก ไม่มี
ใครหาญไปแย่งชิงแน่นอน การอบรมสั่งสอนแต่ต้นถึงปัจจุบันจนผม
แก่ขนาดนี้ซึ่งไม่นานก็จะตาย นับว่าสอนอย่างหมดไส้หมดพุง
ทั้งภายนอกภายในไม่มีอะไรเหลือหลออยู่พอเป็นเชื้อผสมยาได้
อีกแล้ว ใครยังเห็นว่าไม่สมใจก็ควรผลิตขึ้นเอง แต่ระวังอย่าให้กลาย
เป็นยาพิษเผาผลาญตนและวงคณะดังที่เห็น ๆ และได้ยินอยู่เวลานี้
ก็แล้วกัน ผมอนุโมทนาด้วย
พอท่านแสดงธรรมประเภทอสนีบาต (ฟ้าผ่า) จบลง พระที่
นั่งฟังอยู่ด้วยกันหลายองค์เวลานั้น ไม่มีองค์ใดกล้ากระดุกกระดิกกายบ้างเลย คงนั่งตัวแข็งเงียบไปตามๆ กัน พอเห็นอาการของ
พระกลัวมากและน่าสงสาร ท่านจึงเริ่มธรรมประเภทปลอบโยน
ขึ้นใหม่อย่างแผ่วเบา ราวกับไม่ใช่องค์เดียวกันเป็นผู้แสดงว่า ที่พูด
เช่นนั้นก็เพื่อบำราบปราบปรามโรคชนิดร้ายแรงเอาไว้ มิฉะนั้นก็จะ
ลุกลามเข้ามาในวงคณะให้กลายเป็นโรคระบาดสาดกระจายไปทั่ว
ทุกหนทุกแห่ง คนดีก็จะอยู่ไม่ได้ กลายเป็นไฟเผาโลกไปตาม ๆ กัน
ท่านที่มุ่งมาด้วยความสนใจใคร่ธรรมก็น่าเห็นใจ แต่การแสดงธรรม
ต่อโลกสมมุตินั้นมิได้มีห้องเก็บเสียงและแบ่งสัดแบ่งส่วนเฉพาะ
บุคคลนั้น ๆ จะควรรับฟังหรือไม่ควร เมื่อแสดงออกแล้วจำต้อง
ได้ยินทั่วกัน โดยไม่นิยมว่าใครผิดใครถูกใครดีใครชั่วประการใด
แต่ข้อพิสูจน์ตัวเองในขณะฟังก็มีอยู่ว่า ตนมีความผิดพลาด
คลาดเคลื่อนหรือยังคงที่ดีงามอยู่ประการใดบ้าง ย่อมเป็นเครื่องวัด
ความผิดถูกไปในตัว ธรรมที่ได้ยินได้ฟังก็เป็นแสงสว่างช่วยให้
มองเห็นทางผิดทางถูกในการปฏิบัติ ทั้งปัจจุบันและอนาคตได้
เป็นอย่างดี สมกับความตั้งใจมาอบรมศึกษาหาความรู้ความฉลาด
ใส่ตน เพราะผู้สนใจในธรรมอย่างแท้จริงยังมีอยู่มาก แต่ยังไม่เข้าใจ
วิธีปฏิบัติก็ยังมี ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังเพื่อเป็นแนวไว้บ้าง เห็นใครทำ
ผิดพลาดประการใดก็ทำตาม โดยขาดความคิดอ่านไตร่ตรองก็
อาจมี ซึ่งเป็นทางเสียหายได้โดยไม่ตั้งใจว่าจะทำผิด ยิ่งไปเจอเอา
จำพวกปลาฉลามใหญ่ดังที่กล่าวมาด้วยแล้ว ก็จะถูกกลืนเอา
อย่างง่ายๆ และน่าเสียดาย เนื่องจากมีการศึกษาน้อยรู้เท่า
ไม่ถึงการณ์ หลังจากนั้นท่านก็พูดคุยธรรมดาราวกับไม่มีอะไร
เกิดขึ้น พระทั้งหลายจึงพอมีลมหายใจคืนมาบ้าง ไม่เหมือนถูกขัง
ดัดสันดานในตุ่มที่ปิดฝาไว้อย่างมิด ไม่มีลมพอหายใจ และถูกเผาด้วยตปธรรมเมื่อครู่ก่อนนั้น
พอได้เวลา ต่างกราบท่านลงมาและต่างองค์ต่างแสดง
ความยิ้มแย้มต่อกันตามประสาของนักโทษที่ถูกปล่อยตัว และแอบ
สนทนากันที่สภาหนู (ที่ลับหลัง) ตามเคย บางองค์ท่านจะโมโห
อยู่บ้าง ปล่อยโพล่งออกมาทันทีว่า ท่านอุตริไปพูดขึ้นทำไม คำอื่น
เรื่องอื่นที่ควรพูดกว่านั้นไม่มีบ้างหรือ เห็นไหมล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง
มีผู้สลบบ้างหรือเปล่าเมื่อกี้นี้ โดนจัง ๆ เข้าแบบนั้น ทำไมไม่ถาม
ล่ามผู้เคยแปลเขาบ้างล่ะ (ท่านที่เคยรู้นิสัยท่าน) อวดดี เมื่อเจอ
ของดีเข้าแล้วเข็ดบ้างไหม ถ้ายังไม่พอวันหลังหาเรื่องไปเรียน
ท่านใหม่ เลือกเอาที่จัง ๆ กว่าวันนี้นะ ผมน่ะไม่ขึ้นแน่วันหลัง
ปล่อยให้คนดีคนเก่งรับตะบองใหญ่คนเดียว
ก็ผมไม่นึกว่าท่านจะใช้ไม้ตายแบบนี้นี่นา จึงได้เรียนแบบ
ซื่อ ๆ เซ่อ ๆ อย่างนี้ องค์ที่ถูกรุมให้เหตุผล ใครว่าท่านดุด่า ผู้นั้น
ก็ไม่เห็นความผิดของตนละซินะ ผมยังอยากให้ท่านลงหนักยิ่งกว่านี้
อีก วันนี้จิตผมหมอบราบเลยราวกับคนตายแล้ว สมน้ำหน้าจิต
ตัวคะนองวิ่งรอบโลกเหลือเกินวันนี้ ผมภาวนาคนเดียวจิตมันดื้อ
กระโดดโลดเต้นไม่ยอมสงบเอาเลย เหมือนจับลิงทั้งฝูงเข้ากรงนั่นแล
แต่วันนี้พอโดนธรรมท่านหนักๆ เข้า จิตไม่มีทางออกเพราะถูกท่าน
ตีต้อนด้วยธรรม เลยหมอบสงบลงได้อย่างง่ายดาย แหมดีจริงวันนี้
ผมขออนุโมทนาด้วยท่านที่หาญอาราธนาท่านแบบนี้ วันหลังจะ
มีใครได้เรื่องแปลก ๆ และเผ็ด ๆ ร้อน ๆ ไปเล่าถวายท่านอีก
เผื่อลิง (จิต) ผมจะได้อยู่สงบสุขบ้าง ขณะท่านสับเขกอย่างแรง
วันนี้ดีเหลือเกิน นับแต่ฟังเทศน์ท่านมาก็มีวันนี้เป็นวันสำคัญ
สำหรับผม อีกองค์หนึ่งพูดขึ้นด้วยความพอใจบรรดาพระทั้งที่นั่งฟังอยู่บนกุฎีท่าน ทั้งที่แตกตื่นกันมาแอบ
ฟังอยู่ตามข้าง ๆ และใต้ถุนกุฎีท่านเป็นจำนวนมาก ความรู้สึก
ไม่เหมือนกันเลย หลายองค์กลัวท่านจนแทบลืมหายใจ หลายองค์
ที่ชอบฟังเทศน์ชนิดเผ็ดร้อน เมื่อฟังแล้วจิตได้รับความสงบอย่าง
แน่วแน่ในขณะนั้นหลายองค์ แต่โดยมากเพิ่งมาอยู่กับท่านใหม่ ๆ
ทั้งกลัวทั้งอายอยากมุดดินลงในขณะนั้น จิตร้อนเป็นไฟไม่มี
ความสุขเลย ทั้งที่ไม่มีความผิดที่เคยทำมาพอประสานกับธรรม
ท่านบ้างเลย เฉพาะผู้เขียนความรู้สึกเป็นไปได้ร้อยแปดยิ่งกว่าบ้า
มารวมกันอยู่ในหัวใจ สิ่งที่ถึงใจและฝังใจมากจนไม่มีวันลืม ก็คือ
ตอนท่านว่าพากันมาเรียนและปฏิบัติแบบหมาหรือแบบไหนกันแน่
นั่นแล ความจริงก็เพราะตนไม่อยากเป็นหมานั่นเอง ทั้งที่ตัวเอง
ขโมยเป็นหมาไปแล้วด้วยความไม่รอบคอบ แต่ยังไม่ทราบว่าตนได้
กลายเป็นหมาไปแล้วอย่างสมบูรณ์ แต่ขณะแรกที่ท่านเทศน์เรื่อง
หมากัดแทะกระดูก โดยนึกอวดตัวอยู่ภายในว่า ตนมิได้มาปฏิบัติ
เพื่อเป็นหมา แต่ปฏิบัติเพื่อเป็นพระอย่างสมบูรณ์แบบต่างหาก
และไม่ได้มาปฏิบัติเพื่อแย่งอัฐิท่านแต่อย่างใด ปฏิบัติเพื่อธรรม
คือมรรคผลนิพพานต่างหาก
นับแต่วันที่ตนได้กลายเป็นหมาอย่างเงียบไม่มีใครทราบ
แม้ตนเองก็ไม่ทราบว่าได้เป็นหมาลับ ๆ อย่างสมบูรณ์ นับแต่ขณะ
แรกฟังท่านแล้ว เป็นความมั่นใจและปักใจตัวเองว่า เรามิใช่มาอยู่
และปฏิบัติกับท่านแบบหมานี่นา ต้องขออภัยท่านผู้อ่านมาก ๆ
ที่เรียนตามความโง่จนเกินไป น่าจะไม่มีอะไรเลยเป็นความดีงาม
สำหรับผู้เขียนจึงได้นำความโง่มาประกาศ กรุณาฝืนใจอ่านด้วย
ความสงสาร เพราะมีอย่างนี้จริง ๆดังนั้นเวลาท่านมรณภาพและถวายเพลิงเสร็จ จวนถึงวัน
แจกอัฐิและบริขารท่านไว้เป็นที่ระลึกบูชา จึงรีบโดดเข้าป่าเข้าเขา
ไปเงียบ ด้วยความคิดเห็นที่เข้าใจว่าตนฉลาด ถ้าขืนอยู่ที่นั่นต่อไป
จนถึงวันแจก จะต้องได้รับแจกบริขารชิ้นต่าง ๆ และอัฐิท่าน
แน่นอน แล้วก็จะไม่พ้นความเป็นหมาดังท่านว่า สุดท้ายหมา
ตัวฉลาดเกินโลกก็เผ่นเข้าป่าเข้าเขาจริง ๆ ไม่ยอมอยู่เพื่อรับแจก
สิ่งใดของท่านทั้งสิ้น นี่แลคือความโง่ของคนที่เข้าใจว่าตนฉลาด
ขนาดเป็นหมาไปแล้วเพราะความคิดโง่นั้น ยังเข้าใจว่าตนเป็นพระ
อยู่อย่างเย็นใจ และยังกลัวว่าตนจะเป็นหมาอยู่ร่ำไป น่าสลดสังเวช
ใจในความโง่แบบอัศจรรย์ตอนนี้ ธรรมเทศนาของท่านกัณฑ์นี้แล
ที่ทำให้ผู้เขียนเป็นหมาไปได้อย่างแนบเนียนโดยไม่สำนึกตัวแม้
แต่นิด ยังขืนอวดดีกลัวว่าตนจะเป็นหมาอยู่ได้
จนท่านมรณภาพผ่านไปร่วมปีจึงมาระลึกโทษได้ว่า ได้คิดผิด
อย่างถนัดเกินกว่าจะได้รับอภัยโทษโปรดปรานจากท่าน สาเหตุ
ที่ระลึกโทษได้ไม่สายจนเกินไปนักถึงกับยมบาลคัดออกจากบัญชี
“ประเภทนรกแตก” ก็เพราะความหวนระลึกถึงพระคุณท่านในแง่
ต่าง ๆ แล้วเล่าตลอดเวลาประจำอิริยาบถเรื่อยมา จึงมาสะดุดใจ
จนสะดุ้งว่า โอ้โฮพุทธบริษัทที่เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม
พระสงฆ์ แม้พระพุทธรูปปฏิมากรรม พระบริขารและสถานที่เคย
ประทับ พระธรรมที่จารึกลงคัมภีร์ใบลานและวัตถุต่าง ๆ ตลอด
พระสงฆ์ที่เป็นรูปแทนองค์และชื่อเสียงเรียงนามของความปฏิบัติ
ตลอดการกำจัดกิเลสของท่าน ยังเป็นความเคารพอันดีงามและ
เป็นเนติแบบฉบับอันยอดเยี่ยมเพื่อพวกเราชาวพุทธสุดท้าย
ภายหลังได้ยึดเป็นคติอันดีหาที่ตำหนิมิได้ตลอดมา เหตุไฉนเราจะรับบริขารและอัฐิท่านอาจารย์มั่นซึ่งเป็นอาจารย์ที่เราเคารพรัก
สุดหัวใจ จนสามารถยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างแทนท่านได้โดย
ไม่อาลัยเสียดาย ไว้สักการบูชาเทิดทูนแทนองค์ท่านเหมือนบรรดา
ศิษย์ทั้งหลายทำกัน ทำไมกลัวเป็นหมา
โอ้โฮ มิใช่เรากลายเป็นหมาในร่างของพระผู้อวดดีไปแล้ว
เพราะความโง่เขลาทำลายแต่ขณะแรกฟังเทศน์ท่านวันนั้นแล้ว
ละหรือ แล้วกัน ตัวดี ตัวฉลาดแหลมหลัก แต่ไม่รู้จักว่าอะไร
ให้เป็นหมาหรือเป็นพระเป็นคน เธอตัวฉลาดมาโดนตำแหน่ง
หมาเข้าเสียแล้ว เป็นเพียงไม่มีหางเหมือนหมาทั่วไปเท่านั้นเอง
น่าสลดสังเวชตนที่ไม่มีอะไรให้อภัยได้เพราะสายไปเสียแล้ว ท่าน
อาจารย์มั่นผู้เคยเมตตากลัวเราจะเป็นหมาต่อหน้าท่านก็นิพพาน
ไปเสียแล้ว เพราะท่านสอนแล้วไม่ยอมรับ แต่กลับเห็นผิดคิดแหวก
ไปเป็นหมา ทั้งที่ท่านตวาดห้ามไว้ไม่ยอมฟัง ตายจริง คราวนี้
อนิจฺจา วต สงฺขารา สังขารช่างหลอกพระให้เป็นหมาได้ต่อหน้า
ต่อตา อุปาทวยธมฺมิโน ขณะนี้เรากำลังเกิดเป็นหมาในร่างพระ
อุปฺปชฺฌิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เกิดเป็นหมาแล้วจะดับความเป็นหมา
ของตนด้วยอุบายวิธีใดเล่า รีบคิดหาทางดับอย่านอนใจ ราวกับตน
เป็นพระทั้งที่กำลังเป็นหมาอยู่ขณะนี้ เตสํ วูปสโม สุโข การระงับ
ดับความคิดทั้งปวงที่พาให้เป็นหมาเสียได้ หมาในตัวเราก็ระงับไป
ใจเป็นสุขหมดเรื่องไปเอง
พอระลึกโทษได้ก็กราบขอขมาโทษท่านอย่างถึงใจ แล้วรีบไป
ขออัฐิท่านที่เชิญไว้สักการบูชาเป็นส่วนรวมในหน้าเทศกาล จนกว่า
พระอุโบสถจะสร้างเสร็จแล้วเชิญท่านไปบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธาน
ในพระอุโบสถ วัดสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร กับท่านพระครูอุดมธรรมคุณ (พระอาจารย์มหาทองสุก สุจิตฺโต) เจ้าอาวาส
วัดสุทธาวาส ท่านเองก็อนุเคราะห์ด้วยความเต็มใจและเมตตาพระ
ที่แสนโง่ แม้ได้อัฐิท่านมาอย่างสมใจแล้วก็ทำให้มีอะไร ๆ สะกิดใจ
อยู่เสมอมา ราวกับวิบากแห่งหมานั้นยังติดตัวแก้ไม่ตก เฉพาะอัฐิ
เวลาได้มาแล้วก็คอยวันคอยคืนอยากให้อัฐิของท่านกลายเป็น
พระธาตุ ในขณะเดียวกันก็มีอะไรสะกิดใจอยู่เสมอมาว่า อัฐิท่าน
ไม่มีวันกลายเป็นพระธาตุ ถ้ายังอยู่ในกรรมสิทธิ์ของเราที่เคย
ประมาทท่านด้วยความคิดโง่ของตน ถ้าท่านจากเราไปมีทางกลาย
เป็นพระธาตุได้อย่างไม่มีปัญหา
เป็นที่น่าประหลาดและอัศจรรย์เกินคาด พอแจกให้ท่าน
ผู้อื่นไปสักการบูชา อัฐิท่านได้กลายเป็นพระธาตุไปอย่างรวดเร็ว
ผิดธรรมดาที่อยู่กับคนบาปหนาปัญญาทำลายตนอย่างมากมายจน
ไม่น่าเชื่อ แต่เรื่องก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ กรรมตอนนี้ยังไม่หมดสิ้น
ไปง่าย ๆ แม้ท่านมาอยู่กับเราก็คอยแต่จะพรากจากไปทั้งที่เคารพ
รักท่านมากมายสุดหัวใจ จนกลายเป็นสภาพเดิม คืออยู่แต่ตัวเปล่า
ราวกับหมาตัวเดิมแล้วเหมาะกับภูมิของตนโดยแท้ ทุกวันนี้เมื่อ
พยายามเสาะแสวงอัฐิหรือพระธาตุท่านจนหมดหวัง ไม่มีทาง
ได้ท่านมาสักการบูชาแล้ว เลยทำให้อยู่เฉยได้เหมือนคนสบาย
หมดหวัง ทั้งที่ใจก็ยังกระวนกระวายอยากได้ท่านอยู่นั่นเอง จึงได้
เตือนตนว่า คราวนี้เชื่อหรือยัง กรรมที่เห็นกับตาตัวเองอย่าง
ประจักษ์ไม่จำต้องถามใครอีกแล้ว อันเป็นคำสอนแกมประชดเพื่อ
ได้สติบ้าง ต่อไปจะได้คิดหลายแง่หลายกระทงไม่อวดดีอวดเก่งด้วย
ความคิดเพียงหน้าเดียว ไม่ทบทวนซ้ำซากให้ได้หลายสันพันคม
มาใช้ อันเป็นอุบายของท่านผู้ฉลาดที่เคยปฏิบัติกันมานับแต่บัดนั้นมา แม้จะยอมเห็นโทษของตนแล้วเพียงไร
แต่เรื่องอัฐิท่านกับเราคงยังมีอะไรกันอยู่ภายในใจนั่นเอง ไม่ยอม
ลบเลือนและหายไปเหมือนสิ่งดีชั่วธรรมดาทั้งหลาย ที่ท่านว่า
มโนกรรมนั้น แต่ก่อนก็เชื่อว่ามีผลเช่นเดียวกับกรรมอื่น ๆ ที่ทำ
ด้วยทวารทั้งหลาย แต่ไม่สะดุดใจมากเหมือนคราวนี้ พออัฐิ
ท่านอาจารย์มั่นประจักษ์กับตัวแล้วทำให้หายสงสัยในกรรมต่าง ๆ
โดยสิ้นเชิงว่า กรรมให้ผลนั้นให้ผลอย่างไร ผู้ทำกรรมที่ไม่หลงลืม
ในกรรมที่ทำของตน ย่อมทราบด้วยตัวเอง นอกจากไม่กล้าพูดให้
ผู้อื่นฟังเท่านั้น
ที่ท่านอาจารย์มั่นเทศน์วันนั้น ก็เต็มไปด้วยเจตนาเมตตา
สงเคราะห์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ท่านช่วยปิดกั้นทางไหลมาแห่ง
ความลามกทั้งหลาย กลัวจะไหลบ่ามาแปดเปื้อนของที่ยังดีใช้การได้
ให้เสียไปด้วย ท่านช่วยปิดกั้นอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพราะ
การนำอัฐิของครูอาจารย์ไปจำหน่ายขายกิน เป็นความลามกโสมม
อย่างยิ่งสำหรับพระกรรมฐานที่เคยได้รับอบรมมาด้วยดี พอทราบ
บุญบาปได้เท่าที่ควรแล้วไม่น่าจะทำอย่างนั้น ท่านจึงเทียบการ
กระทำนั้นเหมือนการกระทำของสุนัข เพราะเป็นการกัดการแทะ
แบบสัตว์ที่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ อันเป็นภูมิและขนบธรรมเนียมของ
มนุษย์ปฏิบัติกันมา เมื่อเราไม่ทำแบบกัดแบบแทะเหมือนหมาก็จะ
เป็นหมาไปไม่ได้อยู่เอง เฉพาะคนไม่พอดีจึงกลับคิดเลยเถิดไปตาม
นิสัย โดยกลัวการนำอัฐิท่านไปเคารพบูชาจะไม่พ้นความเป็นหมา
สุดท้ายก็เป็นหมาเพราะความโง่ของตนจนได้
ท่านผู้อ่านผู้ฟังทั้งหลาย กรุณาอย่ายึดความคิดความเห็น
หน้าเดียวไปเป็นทางดำเนิน จะกลายเป็นผู้ไม่รอบคอบและผิดพลาด




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและที่ผ่านมาได้ถวายสมุดแก่พระตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน ถวายสมุดแก่พระภิกษุ
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ต้องการผู้ที่มีความประสงค์ที่จะรับเป็นเจ้าภาพบวชพระ 1รูป
๐๘๗-๓๓๑๑-๓๘๗


ร่วมกันปรับปรุงห้องน้ำวัดหมื่นสาร ถนนวัวลาย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
081 7646556


วัดจอมมณี หนองคาย
สร้างรัตนมณฑปมณีเชษฐาขึ้นใหม่ เพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีเชษฐาเพื่อให้เด่นสง่าและเป็นเคารพสักการะบูชา และหล่อทองเหลืององค์หลวงพ่อมณีเชษฐาจำลองขนาดหน้าตักกว้าง ๓๒ นิ้ว<O </O จึงเรียนเชิญท่านร่วมสร้างบุญสร้างกุศล <O </O
โทรศัพท์ 08-1799-0343, 08-4539-3491, 08-6854-6335



ร่วมบุญสร้างรั้วสแตนเลสและเสาไฟ รอบพระเจดีย์สุทธิธรรมานุสรณ์
โทร. 083-6679990


ต้องการเจ้าภาพตอกเสาเข็มโบสถ์กลางน้ำ(หอพระปาติโมกข์)
083-9541395


ขอเชิญร่วมปลูกป่า สร้างวัดสวนป่าบุญฤทธิ์ อ.วังน้ำเขียว วันที่ ๖-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
๐๒-๘๖๕-๕๖๔๖


ขอเชิญร่วมบุญบูรณะวัดที่ถูกน้ำท่วม และ ยกศาลาให้สูงขึ้น
วัดทับกฤชเหนือ
ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์


เชิญร่วมสร้างพระพุทธชินราช ๙๙ นิ้ว 1.5ล้านบาท พระประธาน ณ วัดเขาวงศ์ จังหวัดสุพรรณบุรี
โทร. ๐๘-๖๐๐๘๖๐๐๙


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างอาคารปฎิบัติธรรม เสนาสนะ กับ หลวงปู่หงษ์ จ.สุรินทร์


ร่วมสร้างอรุณธรรมสถาน
โทร.๐๒-๘๙๑-๐๑๒๗-๘


สมทบทุนสร้างอาคารปฏิบัติธรรมวัดบรมสถล
โทร 081-555-4009


เชิญเป็นเจ้าภาพสร้างป้าย สลักคาถาบูชาหลวงปู่เทพโลกอุดร , หลวงปู่ชีวกโกมารภัจน์
,พระสิวลี
089-6427273



สร้างเเท่นตั้งหลวงปู่เทพโลกอุดร เเละบูรพาจารย์ หน้าลานหลวงพ่อองค์ดำ
089-6427273


ร่วมสถาปนาบุษบกบรมคันธกุฎี ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ๒ ประเทศ
โทร. ๐๘ ๖๖๒๘ ๔๙๐๐


ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลผ้าป่าลงรักปิดทอง ฝังเพชร บุษบก วัดศาลพันท้ายนรสิงห์


ขอเชิญร่วมงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต วัดศรีษะเกต บ้านโสก หล่มสัก

ร่วมพิมพ์หนังสือแจกเป็นธรรมทาน
สำหรับการแจกหนังสือเป็นธรรมทานในครั้งแรกนี้ เราจะรวบรวมสรุปยอดหนังสือกันถึงวันที่ 30 เมษายน เพื่อทำการจัดสรรจำนวนหนังสือ ซึ่งตอนนี้เรามีรายชื่อโรงพยาบาลมากกว่า 1,500 แห่ง ว่าจะแจกไปแต่ละโรงพยาบาลเป็นจำนวนเท่าไร เมื่อสรุปยอดได้แล้วทุกท่านสามารถโอนเงินได้วันสุดท้ายคือวันที่ 5 พฤษภาคม
ชื่อบัญชี นายณัฐวรรธน์ ภรนรา (เพื่อจัดพิมพ์หนังสือแจกเป็นธรรมทาน)
บัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม
เลขที่บัญชี 1185 164 264




ขอเชิญไหว้พระดังหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล


ขอเชิญร่วมอุปสมบทหมู่ ครั้งที่ 35 ปี 2555
รายละเอียดการอุปสมบท
ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
ต้องมีอายุระหว่าง20-50 ปี
ต้องมีผู้รับรอง
ต้องไม่เป็นผู้เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
ผู้สมัครต้องเข้ารับการอบรมก่อนอุปสมบท 10 วัน
ติดต่อสมัครได้ที่วัดป้อมแก้วทุกวัน
การสมัครอุปสมบทไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

รายละเอียดการร่วมเป็นเจ้าภาพ

ติดต่อร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้ที่
วัดป้อมแก้ว ถนนราชญาติรักษา ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง
จังหวัดสมุทรสงคราม 75000

โทร.034-711-794 034-716-526



22 เมย ถึง 1 พค 55 ร่วมเป็นเจ้าบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดสันป่าสัก
083 7663388


เป็นเจ้าภาพบวชให้กับผู้ขาดคนสนับสนุน
0816745110

ขอเชิญบริจาคร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ที่ทุรกันดาร จ.แพร่
________________________________________โทร081-8195475



ขอเชิญร่วมสั่งจองพระพุทธเจ้ามหาจักรพรรดิ์ทรงเครื่องอยุธยา(พระพุทธเจ้าองค์ปฐม)ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายจากการว่าจ้างของโรงงานหล่อพระแล้ว นำรายได้ส่วนที่เหลือทั้งหมดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกนำมาซื้อที่ดินถวายวัด จำนวน ๑๐ ไร่ ราคา ๔๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่สอง นำเข้าร่วมสมทบก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ที่กำลังก่อสร้างขึ้นฐานรากอยู่ ค่าว่าจ้างรับเหมาก่อสร้างจำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท
โทร 083-412-1929<O </O



โครงการมอบตู้พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
๐๘๖- ๖๐๒๖๙๒๕


ขอเรียนเชิญสมาชิกนิตยสาร Secret และผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม<O </O

“รวมพลคน Secret ตอน ตามล่าหาความสุข”<O </O
วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2555 เวลา 7.00 – 16.00 น. <O </O
ณ ห้องมงคลอาภา 1 อาคารมงคลอาภา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร <O </O



ขอเชิญเป็นเจ้าภาพโรงทาน 26เมษานี้ และลายไทยต้นเสาวัดฟ้าห่วนเหนือจ.ยโสธร
089-6984184


ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพเครื่องสังฆภัณฑ์/ เครื่องใช้ ถวายสวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่
089-6427273


เชิญทอดผ้าป่าสร้างตึกผู้ป่วยเรื้อรัง รพ สว่างแดนดิน สกลนคร
จัดสร้างตึกสงฆ์อาพาธ รพ พังโคน สกลนคร
089-816-4343


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2012, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปอีกหลายคน ความคิดที่ได้รับการทดลองใคร่ครวญอยู่อย่าง
ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ย่อมเป็นความคิดที่ควรแก่การงานทั้งหลาย
ทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ค่อยมีผิดพลาด แม้การปฏิบัติต่อตัวเอง
โดยเฉพาะเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ก็ควรสนใจความคิดประเภทนี้
จะไม่ผิดพลาดและเสียใจในภายหลัง ผู้นับถือพุทธศาสนาจึงควรมี
ความรอบคอบด้วยเหตุผลในการปฏิบัติศาสนา งานทางโลกและ
ทางธรรมจะไม่ผิดพลาดจากความมุ่งหมาย เพราะหลักพุทธศาสนา
มีเหตุผลกำกับอยู่ด้วยทุกระยะทุกวรรคทุกตอน บรรดาธรรมใน
วงศาสนาที่ประกาศสอนไว้
การที่ผู้นับถือพุทธศาสนา อันเป็นศาสนธรรมของ
พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกัน แต่มีการปฏิบัติเป็นไปในรูปลักษณะ
ต่างกัน โดยแอบอิงศาสนาเป็นที่รองรับความถูกต้อง จนบางแขนง
ลงกันไม่ได้ ทั้งนี้ก็น่าคิดอยู่บ้างสำหรับชาวพุทธผู้ตระหนักในเหตุผล
ตามหลักธรรม เพื่อการกระทำจะไม่เป็นลุ่ม ๆ ดอน ๆ จะ
กลมกลืนกับหลักศาสนธรรมอันเป็นองค์ของศาสดาแท้ ทั้งเหตุ
และผลจะไม่ขัดแย้งกัน ดังที่มักมีอยู่เสมอในวงพุทธบริษัท
อันเดียวกัน หากใช้ความใคร่ครวญตามส่วนใหญ่ส่วนย่อยของ
ศาสนาบ้าง แม้จะผิดแผกแตกต่างกันบ้างตามแขนงต่าง ๆ แห่ง
ธรรมและจริตนิสัย ก็คงไม่มากมายจนน่ารำคาญนักดังที่ปรากฏอยู่
ซึ่งแทบพูดได้ว่าเป็นยาประจำบ้านแห่งสงครามคารมชาวพุทธที่
สาดน้ำสงกรานต์ใส่กันโดยไม่เลือกกาลสถานที่ควรหรือไม่ประการใด
แม้เจตนาจะบริสุทธิ์ต่อศาสนาด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็พอทราบ
ความบกพร่องของชาวพุทธเราที่ต่างปฏิบัติไปตามความคิดเห็น
มากกว่าความหนักแน่นในหลักธรรมอันเป็นเข็มทิศทางดำเนินการขบฉันของพระธุดงคกรรมฐาน
ที่เขียนผ่านมาได้กล่าวถึงบาตรและขนาดของบาตรพระ
กรรมฐาน ซึ่งถือเป็นบริขารจำเป็นทั้งยามปกติและเวลาออกเที่ยว
วิเวกเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ยามปกติถ้ายังฉันอยู่ ท่านจำต้อง
ออกบิณฑบาตเป็นกิจวัตรทุกวัน และฉันในบาตรเป็นประจำ เวลา
ออกเที่ยวกรรมฐานก็อาศัยบาตรเป็นภาชนะสำหรับใส่บริขารต่าง ๆ
เช่นเดียวกับฆราวาสถือกระเป๋าเป็นเพื่อนเดินทาง การฉันจังหัน
ของพระกรรมฐาน ท่านฉันสำรวมดังกล่าวแล้ว เวลาไปบิณฑบาต
กลับมาถึงที่พักหรือวัดแล้ว ก่อนฉัน ถ้ามีหลายองค์ด้วยกัน เช่น อยู่
ในสำนักหรือออกเที่ยวด้วยกันหลายองค์ในบางครั้ง ที่ท่านเคย
ปฏิบัติมาเมื่อได้อาหารมามากน้อยจากบิณฑบาต ต่างนำอาหาร
ต่าง ๆ ออกจากบาตรมาแก้รวมกัน แล้วแจกจ่ายใส่บาตรให้ทั่วถึงกัน
เสร็จแล้วถ้ามีญาติโยมตามออกมาแม้แต่คนหนึ่งขึ้นไป ท่าน
อนุโมทนา ยถา สัพพีฯ ก่อนแล้วค่อยลงมือฉัน แต่โดยมากมักทำ
อนุโมทนาอยู่ในบ้านเสร็จแล้วค่อยออกมา โดยญาติโยมทำร้าน
เล็ก ๆ ไว้ในบ้านแห่งหนึ่งหรือสองแห่งเพื่อท่านนั่งอนุโมทนา
เสร็จแล้วค่อยออกมา ญาติโยมจึงไม่ค่อยตามมา มีอะไรเขาก็เตรียม
ใส่บาตรให้พร้อมเสร็จ เมื่อจัดอาหารใส่ในบาตรเสร็จแล้ว ท่านเริ่ม
ทำความสงบอารมณ์พิจารณาปัจจเวกขณะ ปฏิสังขา โยนิโส ฯลฯ
ในอาหารชนิดต่าง ๆ ที่รวมในบาตร โดยทาง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา
บ้าง ทางปฏิกูลสัญญาบ้าง ทางธาตุบ้าง ตามแต่ความถนัดของ
แต่ละท่านจะพิจารณาแยบคายในทางใด อย่างน้อยประมาณ
หนึ่งนาทีขึ้นไป แล้วค่อยเริ่มลงมือฉันด้วยท่าสำรวมและมีสติประจำ
ตัวในการขบฉันไม่พูดสนทนาเรื่องใด ๆ ในเวลานั้น นอกจากความจำเป็น
จะต้องพูด ก็ทำความรู้สึกตัวไว้แล้วค่อยพูดตามความจำเป็น
แล้วหยุด ก่อนจะพูดก็รอให้อาหารหมดในมุขทวารก่อน ค่อยพูด
ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่ให้มีเสียงรัวเรีย อันเป็นการผิด
มรรยาทของการพูดในเวลานั้น ขณะพูดก็ตั้งใจทำหน้าที่ในการพูด
จนจบก่อน แล้วค่อยลงมือฉันต่อไปด้วยท่าสำรวมตามปกติ มีสติ
ระวังการบดเคี้ยวอาหารไปทุกระยะ ไม่ให้มีเสียงดังกรอบแกรบ
มูมมามซึ่งเสียมารยาทในการฉัน และเป็นลักษณะของความเผอเรอ
และตะกละตะกลาม ตามองลงในบาตร ทำความสำคัญอยู่ในบาตร
ด้วยความมีสติ ไม่เหม่อมองสิ่งนั้นสิ่งนี้ในเวลาฉัน อันเป็นลักษณะ
ของความลืมตัวขาดสติ
ขณะฉันก็พิจารณาไปด้วยตามความถนัดในแง่แห่งธรรม
โดยถืออาหารที่กำลังฉันเป็นอารมณ์บ้าง ถือธรรมที่เคยพิจารณา
ประจำนิสัยเป็นอารมณ์บ้าง แต่โดยมากท่านมักพิจารณาอาหารที่
กำลังฉันมากกว่าธรรมอื่น ๆ ในเวลานั้น การฉันในท่าสำรวมด้วย
ความมีสติพิจารณาด้วยปัญญา มักเกิดอุบายแปลก ๆ ขึ้นมาใน
เวลาฉันเสมอ บางครั้งถึงกับเกิดความสลดใจขึ้นมาในเวลาฉันก็มี
จนต้องหยุดฉันไปพักหนึ่งหรือหยุดเลยก็มี เพราะรสแห่งธรรมที่
เกิดขึ้นในเวลานั้น มีความสำคัญเกินกว่าที่จะมัวเพลินในรสแห่ง
อาหารที่กำลังฉันอยู่มากมาย
การหยิบอาหารใส่มุขทวารก็มีสติประจำไปทุกระยะ เช่น
เดียวกับการทำความเพียรในท่าอื่น ๆ เพราะการขบฉันก็เป็น
กิจวัตรของพระข้อหนึ่ง ไม่ด้อยกว่ากิจวัตรอื่น ๆ อันเป็นเครื่อง
ถอดถอนกิเลสภายในได้เสมอกัน ถ้าไม่ประมาทเพลิดเพลินไปกับรสอาหารเสียจนลืมตัว การขบฉันจะกลายเป็นเรื่องโลก ๆ ไป
ไม่เป็นกิจวัตรประจำองค์พระผู้หวังเห็นภัยในทุกสิ่งที่อยู่ในความ
สามารถ อาจรู้เห็นในสถานที่และอิริยาบถทั้งปวง ดังนั้นการขบฉัน
ครูอาจารย์ทั้งหลายมีท่านอาจารย์มั่น เป็นต้น จึงถือเป็นกิจสำคัญ
เสมอมา ขณะฉันจะมีพระอยู่ร่วมกันจำนวนมากเพียงไรก็ตาม ย่อม
เป็นเหมือนไม่มีพระอยู่ในที่นั้นเลย เพราะมิได้พูดคุยกัน ต่างองค์
ต่างทำหน้าที่ของตัวด้วยความสงบสำรวม เนื่องจากท่านถือการฉัน
เป็นกิจวัตรที่ควรสนใจ อันเป็นธรรมเช่นเดียวกับกิจวัตรทั้งหลาย
ประเพณีของพระกรรมฐานเคารพในครูอาจารย์และ
เคารพในกันและกัน
ประเพณีของพระกรรมฐานมีความเคารพในหัวหน้ามาก ถ้า
หัวหน้ายังไม่ลงมือฉันท่านก็ยังต้องรอ จนกว่าหัวหน้าลงมือฉันไป
บ้างแล้ว พระอันดับจึงจะลงมือฉันกันต่อไป ถ้าครูอาจารย์ผู้ใหญ่
ไม่อยู่ก็เคารพองค์ที่รองลงมา โดยมากสำนักกรรมฐานท่านปฏิบัติ
อย่างนี้เรื่อยมาจนทุกวันนี้ ยังไม่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลง แต่
ต่อไปข้างหน้าก็น่าสงสัย เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงและนับวัน
เจริญ พระกรรมฐานอาจเปลี่ยนแปลงและเจริญรอยไปตามโลกก็
เป็นได้ เพราะคำว่า “ความเจริญ” ใคร ๆ ก็ต้องการ พระเณรก็
เป็นคนมีหัวใจเช่นเดียวกับโลก จะไม่ให้ต้องการความเจริญกับเขาก็
น่าพิศวงสงสัย สำหรับท่านที่แก่ชรามากและพอเป็นรัตตัญญูใน
ทางโลกและทางธรรมมาพอสมควรแล้ว อะไรจะเจริญหรือเสื่อม
ท่านคงไม่มีความสามารถอาจรู้อะไรกับเขาได้ คงเป็นขรัวตาเฝ้าวัด
อยู่ เพียงรอลมหายใจถึงวันอวสานแห่งขันธ์ไปเป็นวัน ๆ เท่านั้นเองผู้เขียนนี้ก็ไปอีกแง่หนึ่งได้แต่เขียนไปแบบหลวงตาโดย
ไม่สำนึกว่า ท่านผู้ใดจะสนใจหรือไม่เพียงไร มีแต่เขียนร่ำไปแบบ
หลับหูหลับตาอย่างนั้นเอง กรุณาอย่าถือสา ตอนใดประโยคใด
ไม่เป็นสาระพอจะสละเวลาอ่านได้กรุณาผ่านไป สงวนเวลาไว้ทำ
ประโยชน์อย่างอื่นที่มีคุณค่าสาระกว่า ก็นับว่าเป็นผู้รู้จักคุณค่า
ของเวลา
เฉพาะท่านอาจารย์มั่น ก่อนฉันท่านพิจารณาอยู่นาน
ราวกับทำภาวนานั่นแลบางวันตอนเย็น ๆ หรือกลางคืน โอกาสดี
ท่านยังเมตตาเล่าเรื่องการพิจารณาปัจจเวกขณะในเวลาฉันให้
พวกเราฟังว่า ธรรมมักปรากฏขึ้นในเวลาฉันเสมอ บางครั้งเกิด
อุบายต่าง ๆ ขึ้นมา ทำให้ติดตามคิดอยู่หลายวันก็มี บางครั้ง
เกิดความปฏิกูลเบื่อหน่ายขึ้นมาจากอาหารในบาตร ถึงกับจิตเกิด
ความเบื่อหน่ายในอาหารจะไม่ยอมฉันก็มี ตอนนั้นเป็นสมัยที่
ท่านกำลังปฏิบัติอย่างเข้มงวดกวดขันเอาจริงเอาจัง เมื่อเกิดความรู้
ที่กระเทือนธรรมขึ้นมา ต้องใช้อุบายปราบปรามแก้ไขกิเลสประเภท
เบื่อตัวเอง (อาหาร) กันอย่างหนักหน่วง จึงยอมรับและลงสู่
สภาพความจริง คือสายกลางได้ มิฉะนั้นจิตจะไม่ยอมฉันเอาเลย
โดยเห็นอาหารในบาตรเป็น....อะไรไปหมด
การบังคับให้ฉันในเวลานั้น จึงเป็นเหมือนคนที่ถูกบังคับให้
เข้าไปชมความสวยงามของคนตายในป่าช้าฉันนั้น ต้องพิจารณา
แก้ไขกิเลสประเภทบังเงาซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนอย่างเอาจริง เช่น
เดียวกับพิจารณาความงามให้เป็นของปฏิกูลนั่นเอง จิตจึงลงสู่
สภาพเดิมได้ และฉันได้อย่างธรรมดาต่อไป จากนั้นต้องใช้อุบาย
หลายด้านประสานกันไป คือ ทั้งให้รู้ ทั้งให้รอบตัว ทั้งให้กลัวทั้งให้กล้าสลับสับปนกันไป แต่ที่จิตแสดงความรู้ในลักษณะนั้นขึ้นมา
ก็ดีอย่างหนึ่ง ทำให้สติปัญญาความแยบคายพลิกแพลงใช้ได้
หลายสันหลายคม ทันกับกลมารยาของกิเลสตัวแสนปลิ้นปล้อน
หลอกลวงได้ดี ยิ่งจิตมีนิสัยผาดโผนโลดเต้นด้วยแล้ว จะพิจารณาไป
ธรรมดาไม่ได้ ต้องไปเจอเอากิเลสประเภทสวมรอยเข้าจนได้
ฉะนั้นจึงกล้าพูดอยู่เสมอว่า สติปัญญาเป็นอาวุธสำคัญ
ในวงการพิจารณาธรรมทั้งหลาย ทั้งหยาบ ละเอียด มีสติปัญญา
เป็นเครื่องมืออย่างเอกไม่ยอมแพ้อะไรเอาง่าย ๆ ดังเราพิจารณา
อาหารในบาตรให้เป็นของปฏิกูลเพื่อตัดความพะวงหลงรส ให้
ปรากฏสักว่าธาตุหรือธรรม เพียงอาศัยกันไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น
แต่เวลาปรากฏขึ้นมาในจิตขณะพิจารณา เลยกลับเป็นของ
น่าเบื่อหน่าย จนเกิดความขยะแขยงถึงกับจะฝืนฉันต่อไปไม่ได้
ราวกับสิ่งนั้น ๆ ไม่เคยเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตธาตุขันธ์มาก่อน
เลย ความเบื่อชนิดนี้เป็นโลกานุวัตรแบบโลกเบื่อกันทั่วไป เป็น
ความเบื่อแฝงธรรม มิใช่มัชฌิมาที่ท่านพาดำเนิน
ท่านว่าความเบื่อชนิดนี้แล ที่ทำให้พระบางองค์ในครั้ง
พุทธกาลเบื่อตัวเอง ถึงกับจ้างเขามาฆ่าตัวให้ตาย ซึ่งเป็นการเบื่อ
ผิดทาง และเป็นความเบื่อชนิดที่ทำให้เกิดความคับแคบตีบตันขึ้น
ภายใน ไม่ปลอดโปร่งโล่งใจ ซึ่งเป็นการสร้างกิเลสขึ้นมาอย่างลึกลับ
โดยไม่รู้สึกตัว และเชื่อตามอย่างสนิทใจ ผมมาจับมารยาของกิเลส
ตัวนี้ได้ก็ตอนเบื่ออาหารครั้งนั้นเอง แต่สติปัญญาเราทันกลมารยา
ของมันเสียก่อนที่มันจะได้ท่าและลุกลามกว้างขวางออกไป เบื่อ
อวัยวะและชีวิตจิตใจ พอพิจารณารู้เท่าทัน ความเบื่อชนิดนั้นก็
สงบตัวลงไป เกิดความเห็นจริงชนิดหนึ่งขึ้นมาแทนที่ จึงได้ยึดธรรมนั้นเป็นหลัก และยึดความเบื่อนี้เป็นบทเรียนได้ตลอดมา
ไม่ว่าจะพิจารณาภายในหรือภายนอก กว้าง แคบ หยาบ
ละเอียดเพียงไร ต้องมีทั้งไม้เป็นไม้ตาย ทั้งไม้รับไม้ต่อย คือ
พิจารณาทบทวนก้าวหน้าถอยหลังเพื่อความละเอียดรอบคอบใน
งานของตน แต่บัดนี้เป็นต้นมา ไม่เคยปล่อยตัวด้วยการพิจารณาไป
ธรรมดา ๆ เลย ความรู้ประหลาดครั้งนั้นจึงเป็นหินลับสติปัญญา
ได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่นอนใจกับอะไรอย่างตายใจ นอกจากได้
พิจารณาทบทวนด้วยสติปัญญาชนิดนี้จนเป็นที่พอใจ หาที่แย้ง
ตัวเองไม่ได้แล้วเท่านั้น ผลจึงเป็นความตายใจอย่างสนิทได้ในธรรม
ทุกขั้น
จึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปาก แน่ใจได้อย่างภาคภูมิว่า คนเรา
หาอะไรก็ได้สิ่งนั้น คือ หาความโง่ก็ได้แต่ความโง่ หาความฉลาด
ก็ได้ความฉลาด หาความโลภก็ได้แต่ความโลภ หาความโกรธก็ได้แต่
ความโกรธเต็มหัวใจ หาชั่วก็ได้ชั่ว หาดีก็ได้ดี หรือหาบาปก็ได้
แต่บาป หาบุญก็ได้แต่บุญ หานรกก็ได้แต่นรกความแผดเผาตัวเอง
หาสวรรค์ก็ได้สวรรค์ แม้หานิพพานก็พ้นความพยายามแสวงหาไป
ไม่ได้ ไม่ผิดจากต้นเหตุคือการหาการทำ เพราะมีผู้เคยหาผู้เคยเจอ
ผลจากเหตุแห่งการหาการกระทำนั้น ๆ มาแล้วก่อนพวกเราเป็น
เวลานานแสนนาน นับแต่ตั้งแผ่นดินเป็นสัตว์เป็นมนุษย์สมมุติ
บัญญัติมา จะมามัวเกาหมัดปฏิเสธดีชั่วสุขทุกข์ อันเป็นการปิดทาง
เดินของตัวให้โง่และเสียเวลาไปเปล่าทำไมกัน
ถ้าว่ามนุษย์เป็นผู้ฉลาดกว่าสัตว์จริงดังคำเสกสรรตัวเอง
คำนั้นก็ไร้ความหมายอย่างเต็มตัว เกิดมาตายเปล่า ๆ เพราะ
ความโง่เง่าฆ่าตัวราวกับขุยไม้ไผ่นั้นแล ใครจะคิดก็รีบคิด อย่ามามัวนั่งอมลิ้นอมฟันฟัง และยืนเดินนั่งนอนสั่งสมความโง่อยู่เปล่า ๆ
บทเวลาตายแล้วจะเสียกาล ทั้งเสียข้าวสุกข้าวสารอาหารหวานคาว
เครื่องนุ่งห่มใช้สอยของชาวบ้านที่บริจาคให้ทานหวังบุญ เพื่อ
อุดหนุนกำลังผู้บวชด้วยศรัทธาหวังเทิดทูน และตั้งใจละกิเลส
ทั้งหลายให้ขาดจากใจ แต่ครั้นแล้วแม้สติปัญญาเพียงเท่าเมล็ดงา
ขาริ้นขายุงพอจะมาฆ่ากิเลสแม้ตัวหนึ่งให้ตายก็ไม่มีในใจแล้ว
กิเลสจะตายไปด้วยเหตุผลกลไกอันใดเล่า เมื่อสติปัญญาและ
ความพากเพียรยังเป็นอยู่แค่นี้ ผมรู้สึกจะหมดสติปัญญาแทน
ท่านทั้งหลายแล้วเวลานี้ ดังนี้ บทสุดท้ายท่านคงรำคาญจึงตีเอา ๆ
เสียบ้าง พอไม่เสียลวดลายของอาชาไนยผู้เกรียงไกรในวงศาสนา
แห่งยุคปัจจุบัน
การพิจารณาด้วยสติปัญญาอยู่โดยสม่ำเสมอ แม้ขณะขบฉัน
หรือรับประทาน กระแสแห่งธรรมเครื่องส่องสว่างยังมีทางเกิดได้
ไม่เลือกกาล ดังท่านอาจารย์มั่นเมตตาเล่าให้ฟังทั้งเรื่องผิดและ
เรื่องถูก นับว่าเป็นเครื่องเสริมสติปัญญาสำหรับท่านที่สนใจได้ดี
เรื่องเกิดความเบื่อหน่ายในอาหารขณะพิจารณาก่อนลงมือ
รับประทาน แม้อุบาสิกาที่นุ่งขาวห่มขาวก็เป็นเหมือนท่านอยู่บ้าง
ในวงพระปฏิบัติก็มีบางรายเป็นในลักษณะเดียวกันกับท่าน แต่จะ
ขอผ่านไป จะนำมาลงบ้างเป็นบางตอนเฉพาะผู้หญิงนุ่งขาว
คือ สมัยท่านพักอยู่วัดหนองผือ สกลนคร ก็มีอุบาสิกา
คนหนึ่งมาเล่าถวายท่านถึงเหตุการณ์ที่ตนรับประทานอาหารไม่ได้
มาสองสามวันแล้ว เพราะความปฏิกูลเบื่อหน่ายอาหาร ตลอด
ร่างกายทุกส่วนของตนและผู้อื่น ทำให้เบื่อทั้งอาหาร เบื่อทั้ง
ร่างกาย และเบื่อทั้งชีวิตความเป็นอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ นอนไม่หลับ มองดูอาหารซึ่งเคยถือว่าเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกายจิตใจ
มาแต่วันเกิด ก็กลายเป็นสิ่งปฏิกูลเหลือประมาณเกินกว่าจะฝืนรับ
ได้ลงคอ มองดูร่างกายของตนและของผู้อื่นเห็นเต็มไปด้วยความ
ปฏิกูลทั้งสิ้น ราวกับป่าช้าผีดิบมาตั้งอยู่กับร่างกายทุกส่วน ไม่มีเว้น
ส่วนใดว่าไม่เป็นปฏิกูลและป่าช้าเสียเลย นอกจากเบื่อหน่ายอาหาร
แล้วยังทำให้เบื่อหน่ายตัวเอง และเครื่องนุ่งห่มที่หลับนอนต่าง ๆ
เบื่อหน่ายความเป็นอยู่ เบื่อหน่ายโลกทั้งมวล ไม่มีแม้สิ่งหนึ่งที่
น่ารักชอบใจและชวนให้อยู่ ในอิริยาบถต่าง ๆ มักบ้วนแต่น้ำลาย
เป็นประจำ เพราะความปฏิกูลสัญญาคอยเตือนอยู่เสมอ
ท่านอาจารย์ได้เมตตาอธิบายให้ฟังอย่างเผ็ดร้อนถึงใจเช่นกัน
จนอุบาสิกาคนนั้นยอมรับความสำคัญผิดต่างๆ ที่หลอกลวงตัวเอง
จนเลยขอบเขตความพอดีแห่งธรรม ว่าเป็นความผิดโดยสิ้นเชิง
นับแต่วันนั้นเวลาเธอมากราบเยี่ยมรับการอบรม ท่านถามถึง
เรื่องนั้นเธอก็กราบเรียนด้วยความเลื่อมใส และปฏิบัติตามท่าน
โดยสม่ำเสมอตลอดมา เรื่องทำนองนั้นก็ได้หายไปไม่มาปรากฏ
อีกเลย จึงเป็นเรื่องน่าคิดในวงปฏิบัติที่มักมีสิ่งแปลก ๆ แฝงขึ้นมา
กับบางรายอยู่เสมอทั้งผิดและถูก ถ้าไม่มีครูอาจารย์คอยแนะแนว
ทางให้ก็อาจเห็นผิดไปได้ทั้งที่ตนเข้าใจว่าถูก สติปัญญาจึงเป็นธรรม
จำเป็นต่อการปฏิบัติในธรรมทุกชั้นไม่ควรให้ห่างไกล
การปฏิบัติแบบสบายเกินไปไม่ละเอียดถี่ถ้วนในกิจที่ทำ อาจ
ได้รับความสลดสังเวชและสมเพชเวทนาจากผู้อื่น เพราะความรู้ง่าย
เห็นง่ายและจ่ายเร็วของตน โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรองให้
รอบคอบก่อนนำออกใช้ก็ได้ การปฏิบัติและผลที่ได้รับแทนที่จะ
เด่นเลยกลับด้อยลง เพราะความไม่รอบคอบเข้าทำลาย ข้อนี้ท่านนักปฏิบัติธรรมเราควรสนใจเป็นพิเศษ หากไม่สุดวิสัยของสติปัญญา
จริง ๆ อย่าให้มีขึ้นได้ เนื่องจากธรรมไม่เหมือนโลก เพราะเป็น
ความละเอียดสุขุมต่างกันอยู่มาก โลกคิดไม่ผิด พูดไม่ผิด และทำ
ไม่ผิด แต่ผู้ปฏิบัติธรรมฝืนคิดแบบโลก พูดแบบโลก และทำแบบโลก
ย่อมผิดอย่างน่าสังเวชในทันทีทันใด
เพราะความนิยมระหว่างโลกกับธรรมมีลึกตื้นหยาบละเอียด
ต่างกัน เช่น โลกเขาเรียนและสอนเป็นชั้นเป็นภูมิตามกฎและ
ความนิยม เวลาสอบได้ต้องมีประกาศนียบัตรเป็นเครื่องแสดงและ
รับรองยืนยันตามชั้นที่สอบได้ เพื่อความสะดวกในการงานจากวิชา
ที่สอบได้ และเกียรติยศชื่อเสียงตามวิสัยของโลกที่นิยมกัน แต่ธรรม
ปฏิบัติของผู้บำเพ็ญจะคิดแบบโลกพูดแบบโลก และทำแบบโลก เช่น
สอบและให้คะแนนกันว่าได้สำเร็จขั้นภูมินั้น หรือได้สมาธิสมาบัติ
อรหัตมรรคอรหัตผล ย่อมขัดต่อจารีตประเพณีของผู้ปฏิบัติธรรม
ธรรมย่อมกลายเป็นโลกและหยาบโลนยิ่งกว่าโลกเสียอีก แทนที่จะ
น่าอนุโมทนาในกิริยาที่แสดงออก แต่กลับทำให้ผู้อื่นเอือมระอา
ไปตาม ๆ กัน
เพื่อความราบรื่นดีงามของผู้ปฏิบัติมุ่งอรรถมุ่งธรรมเป็น
ที่อบอุ่น มั่นใจแก่ตน ควรจะเป็นไปในทางสงบ แม้จะสำเร็จจนถึง
ขั้นพระอรหัตผลก็รู้โดยทาง สนฺทิฏฺฐิโก หรือ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ
วิญฺญูหิ แห่งความบริสุทธิ์ใจ ไม่แสดงออกแบบโลก ๆ อันเป็น
ความอยากหิวโหย ย่อมเป็นการเทิดเกียรติทั้งแก่ตนและพระศาสนา
อย่างสุขุมนุ่มนวล ไม่แฝงไปกับความกระเทือนน้ำล้นฝั่ง ซึ่งสุดท้าย
ก็คือโลกเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีธรรมของจริงตามคำกล่าวอ้าง
แม้กระพี้ติดแก่น ที่เรียกว่า ธรรมสมเพชเวทนา




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ




สมทบทุนสร้างอาคารปฏิบัติธรรมวัดบรมสถล
โทร 081-555-4009


ร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์ หนัก 59 ก.ก. วัดสังฆทาน
02-443-0341-2



สร้างเเท่นตั้งหลวงปู่เทพโลกอุดร เเละบูรพาจารย์ หน้าลานหลวงพ่อองค์ดำ
089-6427273


สร้างมหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม
086-559-8753



3 มิ.ย.55 ขอเชิญร่วมบุญเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสร้าง "บุญญาวาสเจดีย์"‏
08-7979-8266


ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลผ้าป่า ลงรักปิดทอง ฝังเพชร บุษบกเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
กำหนดการทอดผ้าป่า 12 พฤษภาคม 2555 วัดศาลพันท้ายนรสิงห์



เชิญร่วมบริจาคหนังสือธรรมะ ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ชาวต่างชาติได้ศึกษาพระพุทธศาสนา
โทร.080-741-7059



ด่วน...ขอเชิญเป็นเจ้าภาพโรงทาน 26เมษานี้ และลายไทยต้นเสาวัดฟ้าห่วนเหนือจ.ยโสธร
089-6984184


ร่วมบุญซื้ออาหารสุนัข,แมว ตามจิตศรัทธาและกำลังทรัพย์
โทร. 089-8523498


ขอเชิญร่วมบริจาค ค่ายาและอาหาร ให้แก่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ สามารถร่วมทำได้ที่ เลขบัญชี2602216225 ธ.ไทยพาณิชย์ ชื่ออนันญา อนุโมทนา ต้องการยารักษาโรคเป็นจำนวนมาก


เชิญทอดผ้าป่าสร้างตึกผู้ป่วยเรื้อรัง รพ สว่างแดนดิน สกลนคร
โทร 089-816-4343

เชิญผู้ใจบุญบริจาคค่าอาหารสุนัข
081-998-4518


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร