วันเวลาปัจจุบัน 10 มิ.ย. 2025, 16:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 186 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
คุณหญิงไทยถามเรื่องกาลามสูตร ก็ต้องอ่านทำความเข้าใจก่อนว่า พระพุทธเจ้านั้นสอนอย่างไร
เมื่อสงสัยตรงไหนจึงถาม


อ้างคำพูด:
1.หลักกาลามสูตร เป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าคะ ถ้าตอบว่าไม่ใช่ เป็นคำสอนใครคะ
เอาแบบกระชับและชัดเจนนะคะ คำถามข้อ 1 นี้ ท่าน FLAME เพียงแค่ตอบว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เท่านั้นเองค่ะ


ใช่ครับ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า

อ้างคำพูด:
2.โปรดอธิบายขยายความ ในเรื่องของ กาลามสูตร 10 ให้ชัดเจนแจ่มแจ้งได้มั้ยคะ

คำถามข้อ 2 นี้ ท่าน ท่าน FLAME ไม่ต้องยกพระสูตรที่เป็นภาษาสำนวนในพระไตรปิฎกมาทั้งบทก็ได้นะคะ เพียงแต่ตอบมาว่า หลักกาลามสูตรทั้ง 10 ข้อนั้นกล่าวถึงเรื่องอะไรบ้าง และขยายความของความหมายในแต่ละข้อก็พอค่ะ ดิฉันอยากทราบแค่นี้ก่อนค่ะ เพราะถ้าลึกซึ้งมากกว่านี้ดิฉันจะงงไม่หายซักทีค่ะท่าน

คือตามที่ดิฉันอ่านๆมา มักจะมีแต่การแปลความที่แปลไว้สั้นๆ น่ะค่ะ จึงอยากรบกวนท่านFLAME
ผู้แจ้งในธรรมข้อกาลามสูตรช่วยกรุณาขยายหรือบรรยายความเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย

หวังว่าท่านFLAME คงไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันความรู้ให้กับดิฉันสักเล็กน้อยนะคะ

ขอขอคุณท่านFLAME ล่วงหน้านะคะ


พระพุทธเจ้าทรงพูดทั้งสิบข้อนั้นเพียงสั้นๆ ครับ ใครจะขยายความออกไปอย่างไรก็ตามเรื่องของผู้นั้นเถิดครับ แต่ผมไม่ขอขยายความออกไป

ที่ยกมาทั้งพระสูตรก็เพื่อจะให้ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ไม่ให้ติดอยู่เพียงสิบข้อเท่านั้น

ประเด็นคือเราต้องเข้าใจก่อนว่า

ชาวกาลามะมีความเคลือบแคลงสงสัยในคำสอนของสมณพราหมณ์เหล่านั้นอยู่ว่า ท่าน
สมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ เพราะเหตุว่า มีสมณพราหมณ์เหล่าหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้น พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตัวเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่นพูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ

ชาวกาลามะจึงได้ไปทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ เพราะพระพุทธเจ้ามีกิตติอันงามขจรไปทั่ว

พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักทั้งสิบข้อให้ชาวกาลามะฟังว่า อย่าเพิ่งเชื่อ.....อย่างที่คุณหญิงไทยทราบ

แล้วท่านก็แสดงว่าเมื่อทราบด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้มีโทษ
ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย

ถัดจากอกุศล ก็แสดงเรื่องของกุศล

แสดงเรื่องของพระอริยสาวก ผู้มีจิตปราศจาก
ความโลภ ความพยาบาท ความหลง มีจิตประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้
มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้
มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้
มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้

ย่อมได้รับความอุ่นใจ(เบาใจ)สี่ประการ

สุดท้ายชาวกาลามะทั้งหลายก็ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

เรื่องก็เป็นอย่างนี้ครับ

ถ้าคุณหญิงไทยต้องการที่จะได้รับคำขยายความว่ากาลามสูตรทั้งสิบ(อย่างที่คนทั้งหลายเรียกกัน)นั้นขยายความออกไปเป็นอย่างไรๆ ก็ต้องไปถามผู้อื่นครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 06 เม.ย. 2012, 22:57, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก็กิตติศัพท์อันงามของพระสมณโคดมพระองค์นั้นแล ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า
พระผู้มีพระภาคองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์แม้เพราะเหตุนี้
ทรงตรัสรู้เองโดยชอบแม้เพราะเหตุนี้
ทรงบรรลุวิชชาและจรณะแม้เพราะเหตุนี้
เสด็จไปดีแม้เพราะเหตุนี้
ทรงทราบโลกแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลายแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นพุทธะแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นพระผู้มีพระภาคแม้เพราะเหตุนี้

พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง
แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพและมนุษย์ ให้รู้
ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์
อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็นปานนั้น เป็นความดี.


คำเหล่านี้เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ


อ้างคำพูด:
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นวาจาอันสูงสุด
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือ
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นล้วนเป็นคำจริง
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่ควรน้อมใจเชื่ออย่างยิ่ง
ไม่พึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของพระผู้มีภาคเจ้าพระองค์นั้นเลยว่าจะเป็นคำไม่จริง

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีวาจาสูงสุด


ผมก็ยังยืนยันว่า วาจาของพระพุทธเจ้านั้นเป็นวาจาอันสูงสุด เป็นคำที่ควรเชื่ออย่างยิ่ง โดยไม่ต้องเคลือบแคลงสงสัยเลยว่าจะเป็นคำไม่จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 00:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b35:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 00:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
อ้างคำพูด:
ก็กิตติศัพท์อันงามของพระสมณโคดมพระองค์นั้นแล ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า
พระผู้มีพระภาคองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์แม้เพราะเหตุนี้
ทรงตรัสรู้เองโดยชอบแม้เพราะเหตุนี้
ทรงบรรลุวิชชาและจรณะแม้เพราะเหตุนี้
เสด็จไปดีแม้เพราะเหตุนี้
ทรงทราบโลกแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลายแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นพุทธะแม้เพราะเหตุนี้
ทรงเป็นพระผู้มีพระภาคแม้เพราะเหตุนี้

พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง
แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพและมนุษย์ ให้รู้
ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์
อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็นปานนั้น เป็นความดี.


คำเหล่านี้เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ


อ้างคำพูด:
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นวาจาอันสูงสุด
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือ
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นล้วนเป็นคำจริง
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่ควรน้อมใจเชื่ออย่างยิ่ง
ไม่พึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของพระผู้มีภาคเจ้าพระองค์นั้นเลยว่าจะเป็นคำไม่จริง

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีวาจาสูงสุด


ผมก็ยังยืนยันว่า วาจาของพระพุทธเจ้านั้นเป็นวาจาอันสูงสุด เป็นคำที่ควรเชื่ออย่างยิ่ง โดยไม่ต้องเคลือบแคลงสงสัยเลยว่าจะเป็นคำไม่จริง

คุณเฟรมเอ้ย! ที่คุณพูดมานั้นแหล่ะ
มันผิดหลักกาลามสูตร ที่คุณบอกพระไตรปิฎกเอาไว้เทียบเคียงใช่ครับ
แต่คุณไม่ได้เทียบเคียง คุณแค่โพสพระไตรปิฎกข่มคนอื่น :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 00:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อันดับแรกต้องเข้าใจว่าผมไม่ได้จะข่มใคร ดังที่คุณโฮฮับกล่าว

ผิดอย่างไร คุณโฮฮับต้องอธิบายผู้ที่ผิดจะได้รู้นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 01:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
อันดับแรกต้องเข้าใจว่าผมไม่ได้จะข่มใคร ดังที่คุณโฮฮับกล่าว

ผิดอย่างไร คุณโฮฮับต้องอธิบายผู้ที่ผิดจะได้รู้นะครับ

ก็คุณลองเอาคำพูดที่ไพเราะเสนาะโสตของคุณไปเทียบดูซิว่า
มันผิดหลักกาลามสูตรข้อใดในสิบข้อ ผมก็อยากรู้ครับ
ที่คุณบอกคุณหญิงไทยใจกล้าว่า คุณไม่เหมือนคนอื่นในเรื่อง
ความเข้าใจในพระไตรปิฎก มันจะจริงเหมือนที่พูดมั้ย

ลองไปหาดูก่อนนะครับถ้าไม่เจอแล้วผมจะบอกให้ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโฮฮับว่ามาเลยครับ ตอบมาตรงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 02:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
คุณโฮฮับว่ามาเลยครับ ตอบมาตรงๆ

1.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3.อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4.อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6.อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
ผมยกหลักกาลามสูตรมาเทียบเคียงกับคำพูดของคุณให้ดูนะครับ
ที่คุณพูดถึงพระพุทธเจ้า ข้อที่
1.อย่าพึงเชื่อตามที่ฟังมา. คุณไม่เคยพบพระพุทธเจ้า ไม่เคยเห็นพระจริยวัตร
ของพระพุทธเจ้า แล้วคุณรู้ได้ไงครับ ถ้าไม่ฟังเขามาพูด

2.อย่าพึงเชื่อตามที่ทำต่อๆกันมา สองพันกว่าปีแล้วครับ ที่พุทธศาสนิกชน
เขาทำแบบคุณนะ แล้วคำพูดที่คุณพูดไม่ใช่คุณเป็นคนแรกที่พูดนะครับ
มันเป็นคนที่หลายล้านครับ

3.อย่าพึ่งเชื่อตามคำเล่าลือ สิ่งที่คุณพูดมีคนพูดมาก่อนครับและรับรองได้
คุณก็เคยได้ยินมา คุณถึงได้เอามาพูดได้เหมือนเขา และสาเหตุที่คุณกล้าพูดก็เพราะ
คุณเชื่อคำพูดคนอื่น

4.อย่าพึ่งเชื่อโดยอ้างตำรา เท่าที่ผมสังเกตุมาคุณนี่แหล่ะเป็นเอกอุแห่งการอ้างตำราเลยครับ
ประเภทอ้างทื่อๆด้วนๆเสียด้วย คือชอบโพสพระไตรปิฎกแบบไม่อธิบายความ

5.อย่าพึ่งเชื่อโดยนึกเดา อันนี้คุณไม่เคยเห็น ไม่เคยฟังพระพุทธเจ้าพูด
สรุปก็คือคุณนึกเอาเองเดาเอาเองครับ

6.อย่าพึ่งเชื่อโดยคาดคะเน เหมือนข้อห้าครับ

7.อย่าพึ่งเชื่อตามแนวเหตุผล นี่ขนาดพระพุทธเจ้ายังไม่ให้เชื่อแนวเหตุผล
ผมก็ไม่รู้ว่าที่คุณพูดว่าคุณเชื่อ ไม่รู้คุณยึดอะไร

8.และ9.เหมือนข้อ7.

10.ข้อ10.นี่ยิ่งหนักหนาครับ พระพุทธเจ้าบอกแม้กระทั้งตัวท่านเอง
ก็ไม่ให้ทรงเชื่อครับ แต่คุณบอกคุณเชื่อคำพูดของพระพุทธเจ้า ลองย้อนไปอ่านคำพูดผมใหม่
แล้วมาดูคำพูดของคุณดูแล้วมันแหม่งๆมั้ยครับ พูดธรรมอย่าสักแต่เอาเพราะเอาปรัชญา
มันทำให้คนที่พึ่งปฏิบัติหลงทางครับ


มันไม่ใช่ไม่มีตัวที่ทำให้เชื่อในเรื่องของพระพุทธเจ้านะครับ
มันมีครับ ผมรอให้คุณพูดคุณก็ไม่พูด แสดงว่าคุณไม่มีสิ่งนั้นครับ ฉะนั้นผมขอสงวนสิทธิ์
ที่จะไม่พูด เอาง่ายๆครับ ปัจจัตตัง หวังว่าคงเข้าใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโฮฮับต้องกลับไปอ่านและพิจารณาพระสูตรใหม่นะครับ
พระพุทธเจ้าตรัสกับชาวกาลามะผู้มีความเคลือบแคลงสงสัย
เพราะเหตุว่าก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จไปโปรดนั้น
มีสมณะพราหมณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้น พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตัวเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่นพูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ
พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับชาวกาลามะดังนี้ว่า

1.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3.อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4.อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6.อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

จนเมื่อรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีประโยชน์
ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย
.....................
จนเมื่อรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้เป็นประโยชน์
...............
เรื่อยไป

ชาวกาลามนั้นแต่ก่อนเป็นผู้ไม่มีปัญญามีความเคลือบแคลงสงสัย แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาจบ ก็มีความเข้าใจถูก จนขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

อ้างคำพูด:
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นวาจาอันสูงสุด
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือ
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นล้วนเป็นคำจริง
คำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่ควรน้อมใจเชื่ออย่างยิ่ง
ไม่พึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในคำพูดของพระผู้มีภาคเจ้าพระองค์นั้นเลยว่าจะเป็นคำไม่จริง

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีวาจาสูงสุด


สิ่งเหล่านี้บัณฑิตผู้มีปัญญาย่อมรู้ได้เข้าใจได้ครับ เพราะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็คือพระธรรม
เป็นความจริงแท้ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ........

อ้างคำพูด:
ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
ที่ฉลาดต่อโลกนี้ ฉลาดต่อโลกหน้า ฉลาดต่อสิ่งใต้อำนาจมาร ฉลาดต่อ
สิ่งเหนืออำนาจมาร ฉลาดต่อสิ่งที่ใต้อำนาจมฤตยู ฉลาดต่อสิ่งเหนืออำนาจ
มฤตยู ชนเหล่าใดจักสำคัญสิ่งที่ควรฟังควรเชื่อ ต่อสมณพราหมณ์เหล่า
นั้นข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่ชนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน เช่นนั้น
เหมือนกัน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อนึ่งการจะฟังพระธรรม ก็ควรน้อมใจฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ไตร่ตรองด้วยปัญญา
ไม่ใช่คอยเพ่งโทษฟังธรรม มิฉะนั้นก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมตามที่ควรจะเป็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
สิ่งเหล่านี้บัณฑิตผู้มีปัญญาย่อมรู้ได้เข้าใจได้ครับ เพราะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็คือพระธรรม
เป็นความจริงแท้ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ........

อันนี้ดิฉันเห็นด้วยและไม่ต้องสงสัย แต่สิ่งนี้ต่างหากที่ดิฉันไม่เห็นด้วย[ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง
ที่ฉลาดต่อโลกนี้ ฉลาดต่อโลกหน้า ฉลาดต่อสิ่งใต้อำนาจมาร ฉลาดต่อ
สิ่งเหนืออำนาจมาร ฉลาดต่อสิ่งที่ใต้อำนาจมฤตยู ฉลาดต่อสิ่งเหนืออำนาจ
มฤตยู ชนเหล่าใดจักสำคัญสิ่งที่ควรฟังควรเชื่อ ต่อสมณพราหมณ์เหล่า
นั้นข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่ชนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน เช่นนั้น
เหมือนกัน.b][/b]เพราะอะไรรู้ไหมที่ดิฉันบอกว่าไม่เห็นด้วย เพราะท่านเอง ไม่ใช่.....
ท่านไม่ใช่ สมณะหรือพรามห์มณ์ พวกนั้น ท่านไม่ใช่คนที่ฉลาดต่อโลกนี้ ท่านไม่ใช่คนที่ฉลาดต่อโลกหน้า และท่านไม่ได้ฉลาดต่อสิ่งใต้อำนาจมาร.....เพราะท่านยังไม่เข้าถึงธรรมพระพุทธเจ้าสอนอย่างแท้จริง
แล้วก็เลิกประกาศปาวๆเสียทีว่า คำพูดของพระพุทธเจ้า คือวาจาอันสูงสุด มันเลอะเทอะไปหมดแล้ว :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
อนึ่งการจะฟังพระธรรม ก็ควรน้อมใจฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ไตร่ตรองด้วยปัญญา
ไม่ใช่คอยเพ่งโทษฟังธรรม มิฉะนั้นก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมตามที่ควรจะเป็น

บอกตัวท่านเองดีกว่าเจ้าค่ะ คนอื่นเค้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มีแต่ท่านนี่แหละที่ งมโข่ง อย่างที่ดิฉันบอก แล้วดิฉันก็เอาคำนี้มาใช้ถูกกาล เลยหละ คนอื่นเค้าน้อม ใจฟังธรรมกันทุกคนแหละ แต่เค้าไม่ทำเหมือนกับท่าน รู้จักคำว่า ศีลพรตปรามาสม่ะ :b12:
อย่าเอาะธรรมของพระพุทธเจ้ามาข่มผู้อื่นถ้าท่านไม่รู้จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้คงจะเข้าใจแจ่มแจ้งแถลงไข ว่าทำไมดิฉันถึงเตือนท่านด้วยความหวังดี เข้าใจเจตนาดิฉันอย่างถ่องแท้รึยัง อย่าตัดสินผู้อื่นแค่ภายนอก แล้วคงจะตื่นเสียทีนะเจ้าค่ะ ว่าศรัธทราของคนที่งมงาย กับศรัทธาของคนที่ศรัธราต่อพระพุทธเจ้าด้วยใจ มันต่างกันอย่างไร :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
คุณโฮฮับต้องกลับไปอ่านและพิจารณาพระสูตรใหม่นะครับ
พระพุทธเจ้าตรัสกับชาวกาลามะผู้มีความเคลือบแคลงสงสัย
เพราะเหตุว่าก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จไปโปรดนั้น
มีสมณะพราหมณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้น พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตัวเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่นพูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ
พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับชาวกาลามะดังนี้ว่า


การเทียบเคียงพระสุตฯเขาไม่เอารายละเอียด สถานที่หรือตัวบุคคลมาเป็นประเด็นหรอกครับ
ความสำคัญมันอยู่ที่ธรรมหรือพุทธพจน์ที่สอนครับ
พระองค์ไม่ได้กำลังสอนเรื่องศีลหรือวจีสุจริตอยู่นะครับ

กาลามสูตรทั้งสิบข้อพระองค์ต้องการให้สาวก ใช้ปัญญาสัมมาทิฐิครับ
การจะเชื่ออะไรเราควรใช้ปัญญาสัมมาทิฐิไปพิจารณาด้วยปัญญาของตัวเอง
มองทุกสิ่งตามความเป็นจริงด้วยปัญญาสัมมาทิฐิ อันเป็นปัจจัตตังของตัวเองครับ
FLAME เขียน:
1.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่จนเมื่อรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีประโยชน์
ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย
.....................
จนเมื่อรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้เป็นประโยชน์
...............

ก็เหมือนที่บอกในตอนแรกครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้กำลังสอนให้ชาวกาลามะทำความดี ความชั่ว
ทำกุศลหรืออกุศล พระองค์กำลังสอนให้ชาวกาลามะ ทำปัญญาให้เกิด และใช้ปัญญา
มองธรรมตามความเป็นจริงว่าสิ่งใดเป็นกุศลและสิ่งใดเป็นอกุศล


FLAME เขียน:
เรื่อยไป
ชาวกาลามนั้นแต่ก่อนเป็นผู้ไม่มีปัญญามีความเคลือบแคลงสงสัย แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาจบ ก็มีความเข้าใจถูก จนขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

ประโยคนี้แหล่ะถูกต้องที่สุด แต่ก่อนชาวกาลามะเป็นผู้ไม่มีปัญญา
พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องปัญญา มองทำด้วยปัญญา ไม่ใช่เลือกทำสิ่งที่เป็นกุศลตามพระพุทธเจ้า
แต่ให้รู้ว่า สิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็นอกุศลด้วยตัวเอง และทำแต่สิ่งที่เป็นกุศลนั้นๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
อนึ่งการจะฟังพระธรรม ก็ควรน้อมใจฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ไตร่ตรองด้วยปัญญา
ไม่ใช่คอยเพ่งโทษฟังธรรม มิฉะนั้นก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมตามที่ควรจะเป็น

คุณเฟรมครับ ที่คุณกล่าวประโยคนี้ออกมาได้ เป็นเพราะคุณกำลังคิดในสิ่งนั้นอยู่ครับ
กรุณาหัดเข้าใจและให้เกียรติ์คนอื่นบ้างครับ อย่าคิดแต่เพียงว่า ข้าเก่ง ข้าแตกฉานในพระไตรปิฎก
ข้าจำพระไตรปิฎกได้หมด การเห็นธรรมไม่ใช่การจำธรรมนะครับ

อีกอย่างครับมันผิดจากที่ผมพูดมั้ยครับ ที่ผมว่าคุณโพสพระไตรปิฎกข่มคนอื่น
ดูได้จากคำพูดประโยคนี้ของคุณก็รู้ครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 186 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร