วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 06:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 11:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2012, 21:48
โพสต์: 28


 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 11:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


sun2kawa เขียน:
เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ

สวัสดีครับพี่ sun2kawa :b8:
เรื่องผลบุญที่ตั้งใจส่งให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี่ผมคงการันตีให้ไม่ได้ว่าจะถึงหรือไม่เพราะคนตายบางพวกก็ไม่อยู่ในวิสัยที่จะรับผลบุญได้...แต่ผมมั่นใจว่าถ้าทำบุญกับคนเป็นแล้วเค้าย่อมได้รับมันแน่ไม่ต้องสงสัย...คนเป็นที่ผมอยากให้พี่ทำบุญคือเมตตาทานและอภัยทานให้เค้าก็คือคนที่พี่บอกว่าอาฆาตเค้าอยู่นั่นเอง...ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เค้าได้ทำให้พี่เดือดเนื้อร้อนใจก็ขอให้พี่อภัยให้เค้าเสีย อย่าให้มีความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทต่อเค้า แต่ให้ความรักความเมตตากับเค้าในฐานะเพื่อนร่วมเวียนว่ายตายเกิดแทนจะดีที่สุดนะครับ
ปล.แรกๆมันจะยากในการให้อภัยและเปลี่ยนความโกรธเป็นความเมตตา แต่เมื่อพยายามทำไปเรื่อยๆสุดท้ายมันจะกลายเป็นง่าย...ง่ายกว่าการจองเวรผูกกรรมเยอะครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ยังสงสัยอยู่มากมาย ว่าที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์เรื่องโลกเที่ยง โลกไม่เทียง โลกหน้ามีจริง หรือไม่มี แล้วที่สอนๆๆกันอยู่เรื่องตายแล้วที่เกิดไปโน้นเกิดนี้ แล้วนี้ไม่ถือว่าเป็นการตรัสถึงโลกหน้าหรอ วันก่อนนะนั่งสอบอยู่อาจารย์เล่นเอาแต่เรื่องโลกมาให้ทำ เรื่องการกำเนิดของโลก การดับของโลก โลกมีทั้งหมดกีกัปป์อะไรต่ออะไรมากมาย เล่นชะมินเลย พอมาอีกวันอาจารย์ท่านหนึ่งมาบอกสิ่งพระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์คือเรื่องโลก ผมก้ได้แต่หันไปมองหลวงพี่ข้างๆแล้วคิดในใจว่าเมื่อวานกูยังนั่งสอบเรื่องโลกอยู่เลย แล้วอีกอย่างนะในอัคคันยสูตรอธิบายถึงเรื่องโลกชะละเอียดยิบเลย แต่มาบอกว่าไม่ทรงตอบปัญหาเรื่องโลก

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ถามเรื่องจิต"

รูปวิเคราะห์จิต

อารมฺมณํ จินฺเตตีติ จิตฺตํ ธรรมชาติใด ย่อมคิดซึ่งอารมณ์ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า จิต

วันๆมันคิดสารพัดเรื่อง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
sun2kawa เขียน:
เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ

สวัสดีครับพี่ sun2kawa :b8:
เรื่องผลบุญที่ตั้งใจส่งให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี่ผมคงการันตีให้ไม่ได้ว่าจะถึงหรือไม่เพราะคนตายบางพวกก็ไม่อยู่ในวิสัยที่จะรับผลบุญได้...แต่ผมมั่นใจว่าถ้าทำบุญกับคนเป็นแล้วเค้าย่อมได้รับมันแน่ไม่ต้องสงสัย...คนเป็นที่ผมอยากให้พี่ทำบุญคือเมตตาทานและอภัยทานให้เค้าก็คือคนที่พี่บอกว่าอาฆาตเค้าอยู่นั่นเอง...ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เค้าได้ทำให้พี่เดือดเนื้อร้อนใจก็ขอให้พี่อภัยให้เค้าเสีย อย่าให้มีความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทต่อเค้า แต่ให้ความรักความเมตตากับเค้าในฐานะเพื่อนร่วมเวียนว่ายตายเกิดแทนจะดีที่สุดนะครับ
ปล.แรกๆมันจะยากในการให้อภัยและเปลี่ยนความโกรธเป็นความเมตตา แต่เมื่อพยายามทำไปเรื่อยๆสุดท้ายมันจะกลายเป็นง่าย...ง่ายกว่าการจองเวรผูกกรรมเยอะครับ
ขอบคุณครับ :b8:

อนุโมทนากับคำตอบของคุนลูกพระป่า ที่ตอบคำถามด้วยจิตที่เป็นกุศล ขอให้เจริญในธรรมนะเจ้าค่ะ ขอให้ บรรลุ มรรค๔ผล๔ ด้วยธรรมนะเจ้าค่ะ สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โมทนาสาธุ...กับคำตอบของคุณลูกพระป่า

คำตอบของอาจารย์กรัชกาย...ลึกซึ่งเหลือเกิน

sun2kawa เขียน:
เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ


อยากฝากข้อคิดนิดหนึ่ง...

ทานที่เราทำ...เป็นการสละทรัพย์..ประหารความโลภ

ไหน ๆ เราก็ตั้งใจสละแล้วเน๊าะ...

สละเขา...อีกสักคน...จะเป็นไรไป

ถือว่า...ที่แล้ว ๆ มา...ชั่งมัน...

ให้เขาไป...ให้ไป...ความผิดของเขา...สละไป...เราไม่เอา...ไม่ถือ...อีก

ต่อ ๆ ไป....ก็ให้หัดสละไปเรื่อย

เห็นอะไรไม่ถูกใจ...ไม่พอใจ...ก็สละไปเรื่อย ๆ...เดียวตัวก็เบาไปเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องสละ...ที่เล่ามานี้...ได้ข้อคิดจากงานกระฐินงานหนึ่ง..เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

คณะกระฐินจากภาคกลางคณะหนึ่ง...ไปทอดที่วัดสาขาวัดหนองป่าพงวัดหนึ่ง...ที่อีสาณ

หัวหน้าคณะกระฐิน..เขาก็เอาระเบียบประเพณีภาคกลางไปด้วย...จะต้องเดินมาทางนั้น...จะต้องกล่าวคำคำนี้...สวดบทนั้นบทนี้...ทำนั้นก่อน..ทำนี้หลัง...คนอีสาณไม่เคยทำ..ก็เก้ ๆ กัง ๆ...สีหน้าเจ้าคณะก็ดูจะไม่สู่ดีเท่าไร

พอถึงยามที่หลวงพ่อเทศน์...ท่านเทศน์การสละ...แหม่...จับใจมาก

ไม่รู้เจ้าคณะกระฐินจะจับใจเหมือนกันหรือเปล่านะ... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 22:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sun2kawa เขียน:
เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ



ที่ภาพคนนั้นปรากฏแก่จิตคุณเพราะคุณยังอาฆาตเขาอยู่ เหมือนคิดเลขที่ยังหาคำตอบไม่ได้หรือละครที่ติดใจและยังไม่อวสาน

ไม่ว่าเรื่องดีหรือร้ายถ้ายังชอบหรือชัง จิตก็จะปรุงอารมณ์นั้นๆบ่อยๆเป็นธรรมดา

ทางที่ดีคุณควรตั้งใจส่งบุญให้คนที่คุณอาฆาตก่อนแผ่เมตตาให้เขาเลิกจองเวรแล้ว ผลแห่งเมตตาจิตนั้นจะย้อนกลับมาชำระล้างจิตใจคุณไห้สะอาด นี่บุญทันตาเห็น เมื่อจิตใจคุณสะอาดแล้วก็เหมือนทางที่ปราศจากสี่งกีดขวางรถย่อมสัญจรไปได้สะดวกทุกทิศทาง แต่ผู้ล่วงลับจะได้รับผลบุญหรือไม่นั้นผมไม่ทราบแน่ชัด(เพราะไม่ได้สนใจศึกษาทางนี้โดยละเอียด) แต่ถ้าผู้รับอยู่ในภาวะที่สามารถรับได้บุญของคุณย่อมมีผลแน่นอน

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 03:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
sun2kawa เขียน:
เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ

สวัสดีครับพี่ sun2kawa :b8:
เรื่องผลบุญที่ตั้งใจส่งให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี่ผมคงการันตีให้ไม่ได้ว่าจะถึงหรือไม่เพราะคนตายบางพวกก็ไม่อยู่ในวิสัยที่จะรับผลบุญได้...แต่ผมมั่นใจว่าถ้าทำบุญกับคนเป็นแล้วเค้าย่อมได้รับมันแน่ไม่ต้องสงสัย...คนเป็นที่ผมอยากให้พี่ทำบุญคือเมตตาทานและอภัยทานให้เค้าก็คือคนที่พี่บอกว่าอาฆาตเค้าอยู่นั่นเอง...ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เค้าได้ทำให้พี่เดือดเนื้อร้อนใจก็ขอให้พี่อภัยให้เค้าเสีย อย่าให้มีความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทต่อเค้า แต่ให้ความรักความเมตตากับเค้าในฐานะเพื่อนร่วมเวียนว่ายตายเกิดแทนจะดีที่สุดนะครับ
ปล.แรกๆมันจะยากในการให้อภัยและเปลี่ยนความโกรธเป็นความเมตตา แต่เมื่อพยายามทำไปเรื่อยๆสุดท้ายมันจะกลายเป็นง่าย...ง่ายกว่าการจองเวรผูกกรรมเยอะครับ
ขอบคุณครับ :b8:

คำตอบแบบนี้ได้ยินได้ฟังมาบ่อยครับ ยิ่งเป็นห้อง ความรัก ความพลัดพรากเยอะครับ
ผมว่านะครับสิ่งที่จขกทและเพื่อนๆอยากรู้มากที่สุดและตรงประเด็นที่สุดก็คือ
ให้ความเมตตาต่อเขาไม่อาฆาตพยาบาทเขา
มันมีวิธีอย่างไรครับ ไม่ใช่มาบอกว่ามันยากแต่ให้พยายาม มันต้องมีวิธีให้เขา
เขาจึงจะพยายามได้ ตอบแบบเรื่อยเปื่อยผมว่ามันไม่เหมาะสำหรับห้องสนทนาธรรมครับ


ว่าแต่ว่าคุณลูกพระป่า เริ่มเมตตาผมบ้างหรือยังครับ
เลิกอาฆาตผมหรือยัง
:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 06:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


นิวรณ์ (อ่านว่า นิ-วอน) แปลว่า เครื่องกั้น ใช้หมายถึงธรรมที่เป็นเครื่องปิดกั้นหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี และเป็นเครื่องกั้นความดีไว้ไม่ให้เข้าถึงจิต เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ปฏิบัติบรรลุธรรมไม่ได้หรือทำให้เลิกล้มความตั้งใจปฏิบัติไป
นิวรณ์มี 5 อย่าง คือ
กามฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง ดุจคนหลับอยู่
พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่
ถีนมิทธะ ความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิม
อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใดๆ
วิจิกิจฉา ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้าๆ กลัวๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
"ถามเรื่องจิต"

รูปวิเคราะห์จิต

อารมฺมณํ จินฺเตตีติ จิตฺตํ ธรรมชาติใด ย่อมคิดซึ่งอารมณ์ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า จิต

วันๆมันคิดสารพัดเรื่อง



ที่พูดว่า "จิต" ในที่นี้สรุปว่า รวมนามธรรมทั้งหมด (ไม่แยกถามถึงเจตสิกว่ามีอะไรบ้างอีก ถ้าจะแยกไปแยกในห้องเรียนวัดมหาธาตุฯ)

เมื่อจิตมันคิดนั่นนี่โน่นโน้นแวบเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ โบราณาจารย์ท่านจึงให้ฝึกฝนอบรมจิตให้มันเชื่อง ด้วยการจับให้มันทำงานที่เรียกว่ากรรมฐาน (ที่ถูกต้อง) ไม่ใช่กรรมฐานผิดๆอย่างคลิปที่สองนี้

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=80.0


ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ที่ฝึกตนแล้วประเสริฐสุด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ เมื่อต้องการไว้ใช้งานจะต้องผ่านการฝึกจนเชื่องแล้ว

ลิงเป็นสัตว์ป่า แต่คนยังจับมาฝึกจนเชื่อฟังคำสั่งแล้วนำมันมารับใช้ตนได้ ทำงานแทนตนได้





หากจะมีถามว่า แล้วคน=กาย+จิตล่ะใช้ใครฝึกให้ ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อีกด้านหนึ่ง คือ สัตว์ขี้เมา รวมลิงด้วย :b22:


http://www.youtube.com/watch?v=E1gT6trw ... re=related

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องเล่าว่า มีสามเณรรูปหนึ่ง เห็นธรรมชาติรอบๆตัวแล้ว รู้จักคิด คิดเป็น คิดถูกวิธี คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศล คิดโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ)


เด็กน้อยบัณฑิตเป็นบุตรตระกูลโยมอุปัฏฐากพระสารีบุตร มารดาบิดามีฐานะไม่ดีนัก แต่มีจิตวิทยาในการเลี้ยงดูบุตรดุจดังผู้เกิดในตระกูลสูง
ทั้งสองจึงตกลงกันว่า จะไม่ขัดใจลูกในเรื่องการแสดงออกทางที่ดีงาม จะเลี้ยงดูด้วยเหตุผล มิใช่ด้วยอารมณ์

เด็กชายบัณฑิตเจริญเติบโตในบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และโชคดีได้อยู่ในสกุลอุปัฏฐากพระสารีบุตร จึงมีโอกาสได้พบเห็นพระเถระ และได้รับใช้ท่านตามประสาเด็ก (ปรโตโฆสะที่ดี)

ความคุ้นเคยทำให้เด็กชายบัณฑิตอยากจะบวชเป็นศิษย์พระเถระ
วันหนึ่งจึงเอ่ยปากขอกับพ่อแม่ว่าอยากบวชอยู่กับพระคุณเจ้าสารีบุตร
พ่อแม่ก็ยินดีอนุญาตให้ลูกบวชเป็นศิษย์ของท่าน ครั้นบวชแล้วก็ติดตามพระอุปัชฌาย์ไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านเป็นประจำ

เช้าวันหนึ่งระหว่างทางไปยังหมู่บ้านเพื่อบิณฑบาต ผ่านเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน
บัณฑิตสามเณรเห็นชาวนาไขน้ำเข้านาอยู่
ผ่านไปอีกหน่อยเห็นช่างศรกำลังดัดลูกศร
ผ่านไปอีกเห็นช่างไม้กำลังถากไม้อยู่
จึงถามตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น

พระสารีบุตรก็อธิบายให้ฟัง ขณะฟังก็ ฉุกคิด ในใจว่า
น้ำไม่มีจิต คนยังบังคับให้มันไหลไปโน่นมานี่ได้ตามความต้องการของคน
ลูกศรก็ไม่มีจิต คนยังดัดให้มันตรงได้
ไม้ไม่มีจิต คนยังเอาขวานถากให้มันเกลี้ยงได้
ไฉนเราซึ่งมีจิตแท้ๆ จะฝึกฝนจิตตนเองไม่ได้เล่า

คิดได้ดังนั้นจึงกล่าวกับพระอุปัชฌาย์ว่า ท่านขอรับ ถ้าท่านจะอนุญาตให้ผมกลับไปวัดบำเพ็ญภาวนา จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
พระเถระก็อนุญาต แล้วรับบาตรจากสามเณรเข้าไปบิณฑบาตในบ้านแต่เพียงรูปเดียว

สามเณรกลับถึงวัดก็เข้าห้องปิดประตูเจริญภาวนา ท่ามกลางบรรยากาศอันสงบสงัด จิตของสามเณรก็เป็นสมาธิแนวดิ่ง...ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมปฏิสัมภิทา

ฯลฯ

พระพุทธองค์ตรัสปรารภสามเณรบัณฑิตว่า สามเณรบัณฑิตเป็นแบบอย่างของผู้ฉลาด ที่มองสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวแล้วเกิดแง่คิดในการปฏิบัติธรรมจนสำเร็จพระอรหัต
แล้วพระองค์ได้ตรัสคาถาประพันธ์ความว่า

อุทกํ หิ นยนฺติ เนตฺติกา
อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ
ทารุ นมยนฺติ ตจฺฉกา
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา

ชาวนา ไขน้ำเข้านา
ช่างศร ดัดลูกศร
ช่างไม้ ถากไม้
บัณฑิตย่อมฝึกตน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


sun2kawa เขียน:
เวลาทำบุญที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ เวลาหลับตาอธิฐานจิต ภาพของคนที่ผมอาฆาตเขา(ตนที่ทำกับผมเขายังมีชีวิตอยู่ขณะนี้) ทำไมปรากฎขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอย่างนี้ที่ผมตั้งใจส่งบุญถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะถึงไหมนี่ ผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ


การทำบุญ ให้กับผู้ที่ล่วงลับ หรือทำบุญเพื่อแบบใดใดก็ตาม ผลบุญนั้นจะถึงตามความต้องการของผู้ทำบุญหรือไม่ หาได้อยุ่ทีตัวผู้ทำบุญ แต่อยู่ที่พระสงฆ์ที่เราไม่ทำบุญ เพราะพระสงฆ์คือ ตัวกลางในอันที่จะใช้กระแสจิต กระแสธรรมที่อยู่ในจิตใจของพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้น แผ่หรือส่งกระแสจิตเพื่อให้ผลบุญที่ผู้ทำบุญได้อุทิศ ได้ไปสู่ ตามที่ต้องการ ที่กล่าวไปนั้น เป็นคคิ หรือ ค่านิยมในสมัยโบราณ จนมาถึงสมัยปัจจุบัน ดังนั้นผู้ทำบุญจึงนิยมทำบุญกับพระสงฆ์ ดังนี้เป็นต้น
ส่วนคุณจะอาฆาตใคร มันก็เป็นเรื่องจิตใจ ความคิดที่ขาดสติสัมปชัญญะของตัวคุณ ไม่เกี่ยวกับบุญที่คุณทำ เพราะคุณไม่ได้เป็นผู้ส่งผลบุญอันนั้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร