วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 00:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2012, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


นี่แล ชีวิตของพระธุดงคกรรมฐานที่ท่านพยายามฟันฝ่า
มาแต่ละองค์ ก่อนจะได้เป็นครูอาจารย์นำธรรมมาสั่งสอนคณะ
ลูกศิษย์ ชีวิตท่านเป็นมากับความทุกข์ทรมานดังที่ทราบอยู่ขณะนี้
แม้เช่นนั้นท่านก็ไม่ยอมลดละความเพียร ที่ท่านนั่งลิงนอนลิงทน
หนาวตลอดคืนก็คือการรบข้าศึกอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้เรียกว่าวิธีจนตรอก
ถูกข้าศึกคือฝนตก พายุพัด ลูกเห็บตก และกิ่งไม้หักตกลงมา
ทับบริขารแหลกกระจุยกระจาย ซึ่งเป็นข้าศึกชนิดล้อมรอบขอบชิด
จนหาทางออกไม่ได้ ที่เรียกว่ารบข้าศึกแบบวิธีจนตรอก ตัวเอง
แทบตาย แต่ก็ยังผ่านพ้นมาได้ นับว่ายังไม่ถึงคราว และผ่านมา
จนได้เป็นครูอาจารย์ให้อรรถให้ธรรม คณะลูกศิษย์ยังได้ฟังธรรม
เดนตายจากท่าน ถ้าองค์ท่านไม่เหลือเดนมา ธรรมก็คงไม่เหลือ
เป็นธรรมเดนมาถึงพวกเรา เมื่อคิดดูแล้วคณะลูกศิษย์รู้สึก
ได้เปรียบท่านอยู่มาก อยู่ ๆ ก็ได้ฟัง ไม่ยากเย็นเข็ญใจเหมือนท่าน
ผู้ขวนขวาย
ท่านอาจารย์องค์นี้ทุกข์ก็มาก ทั้งเป็นทุกข์ซ้ำซากนับแต่เริ่ม
ปฏิบัติมา ภูมิธรรมท่านก็สูงน่าเคารพบูชาเป็นขวัญตาขวัญใจแก่
พวกเรา แม้ทุกวันนี้ท่านมิได้ลดหย่อนความพากเพียร เพราะท่าน
เคยได้ผลด้วยความเพียร จึงพยายามเพียรเรื่อยมา ไม่เคยเห็นผล
จากความเกียจคร้านอ่อนแอ ท่านจึงไม่ยอมอ่อนแอ ท่านที่เคยเห็น
ผลในทางใดก็มักเพียรในทางนั้นดังได้กล่าวแล้วข้างต้น ท่านอาจารย์
องค์นี้ควรเป็นทิฏฐานุคติได้เป็นอย่างดี ยากจะมีผู้ทำได้อย่างท่าน
ภูมิจิตภูมิธรรมท่านน่าเคารพเลื่อมใสมาก ทางสมาธิก็เก่ง รู้ได้
ทั้งข้างในข้างนอกเกี่ยวกับพวกเปรตผีเทวดาพญานาค ยากจะมีผู้รู้
เห็นได้อย่างท่าน ทางปัญญาท่านก็ดี ธุดงควัตรนับว่าท่านเป็นผู้รักชอบมากและรักษาไว้ด้วยดีตลอดมา ท่านเป็นผู้มีคุณธรรมสูงใน
บรรดาลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นด้วยกัน
สมัยท่านอาจารย์มั่นยังอยู่ ท่านได้รับความชมเชยว่ามีนิสัย
ในการสงเคราะห์เทวดา พูดเรื่องเทวดาเปรตผีพญานาครู้เรื่องกัน
เป็นผู้มักน้อยสันโดษ ชอบอยู่โดดเดี่ยวในป่าในเขาคนเดียว มีนิสัย
เด็ดเดี่ยวอาจหาญดี ประคองความเพียรดี ไม่ค่อยตื่นเต้นตามโลก
สงสารที่นิยมนั้น ๆ นี้ ๆ กันอย่างง่ายดาย ถือป่าเข้าถ้ำเงื้อมผา
เป็นที่อยู่เรื่อยมาตามทางดำเนินของครูอาจารย์ที่พาดำเนิน ไม่เป็น
คนมีนิสัยกลับกลอกประจบสอพลอ ที่เข้านอกออกในวิ่งใต้เข้าเหนือ
ได้ แต่ยึดถือเอาสารประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ ชอบมีแต่ชื่อไม่มีตัว
จริง ถ้าเป็นเงินก็มีแต่บัญชีไม่มีตัวเงิน ส่วนท่าน…นี้เป็นผู้มีคุณธรรม
ที่น่าชมเชย และชมว่าเป็นผู้พูดน้อยแต่ต่อยมาก ไม่ค่อยมีการพูด
พล่ามลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งความจริงไม่ค่อยมีดังที่ควรจะเป็น แต่
ท่าน…นี้ชอบพูดจริงทำจริงเป็นนิสัย สมเป็นพระปฏิบัตินับแต่วัน
บวชมาจนบัดนี้ดังนี้
สำหรับอติเรกลาภท่านไม่ค่อยมีมาก แต่บรรดาพระและ
คณะศิษย์ท่านก็ทราบได้ดีถึงสาเหตุที่ท่านไม่ค่อยมีสิ่งเหล่านี้มาก
เนื่องจากท่านชอบเที่ยวอยู่แต่ป่าแต่เขาเป็นนิสัย ไม่ค่อยออกมา
บ้านเมืองที่มีผู้คนมาก และท่านอยู่ไม่ค่อยเป็นที่เป็นฐานที่ผู้คน
จะพอทราบและเข้าถึงท่านได้ง่าย ๆ อีกประการหนึ่ง ท่านมีนิสัย
ไม่ชอบเกลื่อนกล่นวุ่นวายกับผู้คนและเครื่องไทยทานทั้งหลาย
ยิ่งกว่าการสนใจในธรรม จึงทำให้มีนิสัยชอบในทางเป็นนักแสวงธรรม
และอยู่ตามสถานที่ที่เห็นว่าการบำเพ็ญเพื่อธรรมที่ตนมุ่งหมายจะ
สะดวกท่านอาจารย์องค์นี้ปกติชอบเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ
เกี่ยวกับสัตว์ร้าย ซึ่งน่าจะเคยมีอริศัตรูต่อกันกับสัตว์ทั้งหลายมาแต่
อดีตอยู่มากมาย จึงชอบเด่นในทางประสบภัยบ่อยที่สุดในชีวิตแห่ง
นักบวชท่าน แต่เมื่อสังเกตดูตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่า
รายใดมักจะมาเสริมกำลังทางจิตใจท่านให้เด่นขึ้นทุกคราวที่เผชิญ
มิได้ทำให้เกิดความอาภัพอับเฉาเศร้าใจและเป็นอันตรายแก่ชีวิต
พรหมจรรย์ท่านแต่ประการใด ยิ่งเผชิญบ่อยก็ยิ่งทำให้ท่านเชื่อบุญ
เชื่อกรรมเชื่อศีลเชื่อธรรม และเชื่อสมรรถภาพทางจิตใจตนเองมาก
ขึ้นกว่าปกติธรรมดา ที่ไม่ประสบพบปะสิ่งใด ๆ เสียเลย
จึงทำให้สันนิษฐาน หรือคิดด้นเดาไปตามความรู้สึกของวง
นักปฏิบัติกรรมฐานด้วยกันว่า เพราะอำนาจแห่งเมตตาจิต อำนาจ
แห่งจิตของผู้ปฏิบัติ และอำนาจแห่งธรรมอันเป็นธรรมที่เคยให้ความ
ไว้วางใจและความร่มเย็นแก่โลกตลอดมาก็ได้ จึงทำให้แคล้วคลาด
ปลอดภัย และได้กำลังจิตใจไปทุกระยะที่มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น
ท่านอาจารย์องค์นี้ก็น่าจะอยู่ในข่ายแห่งความเป็นผู้มีเมตตาจิตแรง
พอให้เกิดความสะดุดใจ เพื่อลดความโหดร้ายทารุณของสัตว์ต่าง ๆ
ลงได้ จนกลายเป็นมิตรภาพอันสนิทสนมทางภายในแก่กันและกัน
ได้ มิฉะนั้นคงเป็นอันตรายแก่ชีวิตพรหมจรรย์ไปนานแล้ว ไม่ได้มา
เป็นเจ้าของประวัติทั้งที่องค์ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้เลย
ธรรมจึงเป็นความมหัศจรรย์เกินคาด สำหรับผู้ที่ได้สัมผัส
รับทราบประจักษ์ด้วยตนเอง แต่เป็นสิ่งลึกลับสำหรับรายที่ไม่อยู่
ในวิสัยจะมีทางทราบได้ แต่อย่างไรก็ตาม ธรรมต้องเป็นธรรม
คู่เคียงกับโลกอยู่เสมอไป มิได้ขึ้นอยู่กับความสัมผัสรับรู้หรือไม่รู้
เชื่อหรือไม่เชื่อของใคร ๆ เพราะธรรมเป็นเอกสิทธิ์เอกธรรมตามหลักธรรมชาติของตนมาดั้งเดิม มิได้ขึ้นอยู่กับอะไรพอจะเอนเอียง
หรือคล้อยตามไปกับสิ่งนั้น ๆ
ท่านอาจารย์องค์นี้ท่านคงเชื่อคุณธรรมทั้งหลายดังกล่าวมา
อย่างฝังใจ จึงชอบบุกป่าฝ่าอุปสรรคนานาชนิด ไม่มีท้อถอย
อ่อนแอ แต่รู้สึกท่านพอใจและดำเนินวิธีนี้อย่างสนิทใจมากขึ้น
เราทราบได้เวลาออกพรรษาแล้ว ท่านต้องออกเดินธุดงค์เข้าป่า
เข้าเขาหายเงียบไปเลยทุกปี ไม่เห็นท่านมาอยู่มั่วสุมคลุกคลีกับ
ใคร ๆ เห็นแต่ท่านเข้าป่าเข้าเขาเร่งความเพียรทางใจไม่มีลดละ
ปล่อยวาง ท่านพูดเรื่องป่าเรื่องเขาเรื่องถ้ำเงื้อมผาในสถานที่ต่าง ๆ
ได้อย่างคล่องปากด้วยท่าทางอันพอใจจริง ๆ ยิ่งให้ท่านพรรณนา
ป่าพรรณนาเขาพรรณนาถ้ำพรรณนาเงื้อมผาด้วยแล้ว ทำให้ผู้ฟัง
สนใจในสภาพเช่นนั้นอยู่แล้วเกิดความเพลินใจไม่อยากให้จบลง
อย่างง่าย ๆ และวาดมโนภาพไปตามอย่างสุดซึ้งเพลินใจ ประหนึ่ง
ตนก็จะไปปลงภาระอันหนักหน่วงคือกิเลสทุกประเภทจากบนบ่าคือ
ดวงใจ ลงโดยสิ้นเชิงในที่ดังกล่าวนั้นจริง ๆ ฟังแล้วเกิดกำลังใจ
คิดอยากไปและอยู่ในที่เหมาะ ๆ ดังท่านเล่าให้ฟังเป็นที่บำเพ็ญ ใจ
จะได้สงบเยือกเย็นง่ายกว่าที่ธรรมดาที่เคยอยู่มาจนจำเจ
ท่านเล่าว่า บางครั้งจะเป็นเวลาเรากำลังนั่งภาวนาอยู่ หรือ
จะเป็นเวลาเรานอนหลับก็ทราบไม่ได้ ตอนกลางคืนไม่ทราบว่าเป็น
เวลาเท่าไหร่ เสือโคร่งใหญ่ด้อมเข้ามาจนถึงแคร่เล็ก ๆ ที่เราพักนอน
โดยไม่รู้สึกตัวเลย ตื่นเช้าจึงเห็นรอยมัน เพราะบริเวณที่อยู่อาศัย
เราปัดกวาดไว้อย่างเตียนโล่ง อะไรเดินเข้ามาต้องเห็นรอยทันที พอ
เห็นรอยมันตอนเช้าข้าง ๆ บริเวณจึงตามดูรอยมันเข้ามา ที่ไหนได้
มันเข้ามาจนถึงแคร่ที่นอนเราจริง ๆ ไม่ได้ห่างกันอะไรเป็นเมตร ๆศอก ๆ เลย เรากะดูรอยเท้าที่มันเหยียบไว้กับแคร่ที่นอนห่างกัน
เพียงศอกเดียวก็ไม่ถึง มันคงจะสูดดมกลิ่นคนดิบดีแล้วค่อยถอย
ออกไป เวลาไปก็กลับออกไปทางเก่าที่มันเข้ามานั่นเอง ไม่เที่ยว
เดินตามบริเวณรอบ ๆ ที่เราพักอยู่เลย
พอเห็นรอยมันที่กล้าหาญเข้ามาจนถึงตัวคน เรารู้สึกเสียว
นิดๆ เพราะรอยมันใหญ่มากผิดปกติ แต่ก็เห็นมาเพียงคืนเดียว
เท่านั้น ไม่เห็นมาอีกเลย เราเองก็พักอยู่ที่นั่นเป็นเดือน ๆ ถ้ามัน
สนใจจะเอาเราเป็นอาหารจริง ๆ ก็คงกลับมาอีก แต่เห็นหายเงียบ
ไปเลย ได้ยินแต่เสียงมันร้องครวญครางอยู่ตามรอบ ๆ บริเวณ
ธรรมดาเหมือนที่เคยได้ยินทั่ว ๆ ไป
ผู้เขียนเป็นคนนิสัยซอกแซก พอได้ยินท่านเล่าให้ฟังก็รีบ
เรียนถามเป็นเชิงส่งเสริมทันทีว่า นั่นเข้าใจว่ามันเข้ามาไหว้ชมบารมี
ท่านอาจารย์ต่างหาก มิได้เข้ามาฐานเป็นศัตรู เพราะมันเป็นสัตว์
บวชบำเพ็ญธรรมไม่ได้เหมือนมนุษย์ เมื่อเดินเที่ยวเปะปะมาเจอ
พระผู้มีเมตตาเข้าบ้างก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จะเข้ามากราบไหว้
ชมบารมีในเวลาธรรมดาก็เกรงว่าพระท่านจะกลัว เลยแอบด้อม
เข้ามาในเวลาท่านหลับจะได้ชมสนิทใจ ทั้งพระท่านก็ไม่รู้สึกตัวและ
ไม่กลัว อันเป็นการเขย่าขวัญโดยผิดความมุ่งหมายที่มันอุตส่าห์มา
กราบเยี่ยมทั้งที พอได้ไหว้อย่างสมใจแล้วก็รีบถอยออกไปทันที
กลัวท่านจะตื่นและกลัว ซึ่งอาจแสดงอาการหรือร่ายมนต์วิชาคาถา
อาคมอย่างใดอย่างหนึ่งใส่มันก็ได้ พอให้เสียเส้นใจที่มันเคารพ
เลื่อมใส กระผมคิดว่าควรจะเป็นอย่างนั้นมากกว่าอย่างอื่น ไม่เช่น
นั้น มันคงไม่กล้าเข้ามาจนถึงที่อยู่แน่ ๆท่านหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า มันจะไปรู้ความเลื่อมใส
ศรัทธาอะไรกับเรา นอกจากมันอาจคิดว่า นี่เป็นอาหารว่างของเรา
หรืออะไรกันแน่เท่านั้น จึงแอบเข้ามาดู พอทราบว่าเป็นคนซึ่ง
เป็นสิ่งที่มันเคยกลัวมาแต่เกิด จึงรีบหลบหนีไป นับแต่วันนั้นแล้ว
ไม่เห็นมันมาด้อม ๆ มอง ๆ อีกเลยจนกระทั่งเราหนีจากที่นั่น
ท่านว่าสัตว์พรรค์นี้ก็แปลก ราวกับมีอะไรเข้าสิงใจให้มันคิดอยาก
มาดูพระกรรมฐาน ที่กำลังนั่งทำสมาธิภาวนาบ้าง กำลังเดินจงกรม
ทำความเพียรอยู่บ้าง กำลังนั่งภาวนาอยู่ภายในมุ้งบ้าง กำลัง
นอนหลับอยู่บ้าง บางทีอยู่ๆ ตอนเช้ามันคิดอยากขึ้นมาหาเรา
ก็ขึ้นมานั่งแบบสุนัข นั่งแล้วดูเราเอาอย่างดื้อ ๆ โดยไม่ทำท่าให้
เรากลัว บางทีกลางคืนก็ทั้งเดินทั้งร้องครวญครางขึ้นมาหาเราอยู่ใน
ถ้ำ เมื่อมาถึงแล้วก็นั่งดูเราเฉย ๆ แบบสุนัขนั่ง เสร็จแล้วก็ลงไปโดย
ไม่ทำท่าทำทางให้เป็นที่น่ากลัวอะไรเลย แต่เราก็อดขยาดมันไม่ได้
เพราะเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
ที่แปลกก็คือไม่ว่าตัวใดมาหาเรา ณ ที่ใดและเวลาใดซึ่งมีแต่
ชนิดลายพาดกลอนตัวใหญ่ ๆ และยาวเหยียดน่ากลัวทั้งนั้น แต่
มิได้แสดงอาการคำรามอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นที่น่ากลัวเลย เพียง
มาดู ๆ เสร็จแล้วก็หนีไป ไม่กลับมาอีกเลย ไม่ว่าเราพักอยู่ในที่
เช่นไร เวลาเขามาหาเราก็มาในลักษณะเดียวกัน คือ มิได้แสดงตัว
เป็นศัตรูและพยายามจะกัดฉีกเป็นอาหาร แต่มาในลักษณะสัตว์
บ้านที่มีความเชื่องชินต่อคนมาแล้ว จึงมิได้แสดงตัวเป็นศัตรูต่อเรา
แต่แสงตาที่มันมองมาหาเราแต่ละครั้งนั้น รู้สึกคมกล้ามากตาม
ธรรมชาติของมัน ทั้งที่มันมิได้ใช้แสงตาสัมปยุตไปด้วยความ
กริ้วโกรธหิวโหยจะตะครุบเรากินเป็นอาหารเลย แต่ก็เป็นแสงตาที่คมกล้าน่ากลัวตามธรรมชาติของมันอยู่นั่นเอง ผู้เขียนปากอยู่
ไม่เป็นสุขจึงเรียนถามท่านว่า เวลามันเข้ามาหาท่านอาจารย์
อาจารย์ได้พูดอะไรกับมันบ้างหรือเปล่า
ท่าน : พูดบ้างเหมือนกัน เช่นว่าจะขึ้นมาทำไมที่นี่ เพราะ
ไม่ใช่ทำเลหากินของแก เป็นที่พักภาวนาของพระท่านต่างหาก
ไปเสีย ไปเที่ยวที่อื่น อย่าขึ้นมาที่นี่ เดี๋ยวพระท่านกลัวแก จะเป็น
บาปตกนรกนะ ที่ว่าเดี๋ยวพระท่านกลัวนั่นว่าเฉย ๆ ความจริงเรา
กลัวมันอยู่แล้วแต่ขณะที่มองเห็นทีแรก
ผู้ถาม : ท่านอาจารย์เคยเดินเข้าไปหามันบ้างหรือเปล่า
ขณะที่มันขึ้นมานั่งดูท่านอาจารย์อยู่ต่อหน้า
ท่าน : บางครั้งก็เดินเข้าไปหามันเหมือนกันเวลาบอกให้มัน
หนีไป แต่มันยังไม่ไป คงนั่งดูเราเฉยอยู่ เราก็เดินเข้าไปหามันซึ่ง
อยู่ห่างกันประมาณสามสี่วาเท่านั้น ทั้งเดินเข้าไป ทั้งชี้ไม้ชี้มือบอก
มันว่า โน้นทำเลเที่ยวของแกไม่อด มีแต่ป่าแต่เขาทั้งนั้น จะเที่ยว
ที่ไหนก็ได้ตามชอบใจ ดีกว่ามาเที่ยวที่นี่ให้พระท่านกลัว ไปเดี๋ยวนี้
อย่าขึ้นมานั่งเล่นให้พระกลัว ท่านกำลังภาวนา เดี๋ยวตกนรกนะ
เวลาจะไป มันโดดปุ๊กเดียวแล้วก็หายเงียบไปเลย มันคงรู้เรื่องของ
พระอยู่บ้างผมว่า ถ้าไม่รู้มันจะขึ้นมาหาอะไรในถ้ำที่เราอยู่ เพราะ
ถ้ำบางแห่งก็โล่งโถงไม่น่าอยู่และไม่น่าขึ้นมาสำหรับสัตว์พรรค์นี้
ซึ่งชอบอยู่ในที่กำบังหลบซ่อนเก็บเนื้อเก็บตัวตามนิสัย มันต้องรู้
เรื่องของพระอยู่บ้าง จึงอุตส่าห์ขึ้นมาหาเราในลักษณะคล้ายคลึงกับ
เด็กที่คิดสนุก ก็พากันขึ้นไปหาพระบนถ้ำซึ่งเคยมีอยู่บ่อย ๆ ใน
เวลากลางวันเงียบ ๆ แต่เสือผิดกับเด็กอยู่บ้างที่ชอบมาหาพระ
ตอนกลางคืนหรือตอนเช้า ๆ ก่อนบิณฑบาตผู้ถาม : ก่อนที่เสือจะขึ้นมานั้น ท่านอาจารย์เคยนึกอยาก
ให้มันขึ้นมาหาบ้างหรือเปล่า
ท่าน : จะคิดอยากให้มันขึ้นมาหาประโยชน์อะไรเล่า แม้มัน
มาชั่วขณะเท่านั้น ก็กลัวมันแทบจะตายและเหงื่อแตกโชกอยู่แล้ว
ถ้ามันขืนอยู่ที่นั่นนาน ๆ ไม่ยอมลงไป น่ากลัวไข้จับสั่นเล่นงาน
ในขณะนั้นโดยไม่ต้องสงสัย ใครจะคิดคะนองดื้อด้านอยากให้เสือ
ขึ้นมาหาไม่เข้าเรื่องเข้าราวอย่างนั้นเล่า แล้วท่านหัวเราะนิดหนึ่ง
ก็เห็นท่านอาจารย์กล้าหาญไม่นึกกลัวอะไร อยู่คนเดียวไม่มี
เพื่อนคุยแก้ง่วง นึกสนุกขึ้นมาอยากให้เสือมาเป็นเพื่อนคุยบ้าง
กระผมจึงได้เรียนถามอย่างนั้น
ท่านยิ้มแล้วพูดว่า หาเรื่องตายไม่เข้าท่าเข้าทีอะไรเลย
ใครจะไปหาญคิดเช่นนั้น ซึ่งเป็นความประมาทผิดธรรม เผื่อมัน
โผล่ขึ้นมาทำท่าเอาจริงเอาจัง จะมีโลกไหนให้คนกล้าไม่รู้จักตาย
อยู่ล่ะ ดังนี้
ปฏิปทาของพระกรรมฐานที่ท่านปฏิบัติกันมา ถ้าพิจารณา
ตามความคิดเห็นของคนทั่วไป ก็น่าจะเรียกว่าล่อแหลมต่ออันตราย
แต่ถ้าพิจารณาไปตามธรรม ก็รู้สึกเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราเคย
ได้ประโยชน์ในทางใด ก็ชอบแสวงหาในทางนั้น ท่านที่เคยได้
ผลจากการปฏิบัติในทางนี้ก็ย่อมตะเกียกตะกายในทางนี้ แม้
ยากลำบากและเสี่ยงต่อความทุกข์และภัยต่าง ๆ ก็จำต้องอดทน
เอาบ้าง บรรดาท่านที่พอทรงตัวเป็นหลักฐานทางจิตใจได้ จนได้
เป็นครูอาจารย์ของประชาชนพระเณร โดยมากท่านปฏิบัติกัน
แบบนี้แทบทั้งนั้น ดังท่านอาจารย์มั่นพูดว่า ธรรมอยู่ฟากตาย
ถ้าไม่รอดตายก็ไม่เห็นธรรมดังนี้ ก็เพราะการเสี่ยงต่อชีวิตจิตใจความเป็นความตายจริง ๆ มีจิตใจมุ่งมั่นต่อธรรมแดนหลุดพ้นเป็น
หลักยึด
พระกรรมฐานผู้ตั้งหน้าปฏิบัติจริง ๆ จึงมักเจอกับความ
อดอยากขาดแคลนประจำชีวิตในคราวเร่งความพากเพียร แต่จิตใจ
อิ่มเอิบด้วยธรรม มีความสงบผ่องใสเป็นเรือนอยู่ของใจ ไม่ส่ายแส่
วุ่นวาย ธุดงควัตร ๑๓ ข้อ เป็นธรรมจำเป็นสำหรับท่านและเป็น
ธรรมคู่ชีวิตในการดำเนินเพื่อมรรคผลนิพพาน เช่นเดียวกับธุดงค-
วัตรเป็นธรรมจำเป็นของพระครั้งพุทธกาลฉะนั้น บางองค์ชอบอยู่
ร่มไม้ในหน้าแล้งจนมุ้งกลดขึ้นราดำๆ ด่างๆ ไปหมดทั้งผืนเพราะ
น้ำค้างมาก และตกลงถูกกลดถูกมุ้งซึ่งปราศจากที่มุงที่บังในเวลา
กลางคืน ถ้าเป็นหน้าหนาว น้ำค้างก็ยิ่งมาก กลดกับมุ้งต้องเปียก
ทุกคืน ตอนเช้านำออกตากแดดทุกเช้า แม้เช่นนั้นก็ไม่พ้นขึ้นรา ถ้า
ลงผ้าได้ขึ้นราเป็นจุดดำเล็กๆ แล้ว แม้จะซักฟอกเท่าไรก็ไม่ยอม
ออก ต้องขาดไปด้วยกัน แต่ก็เป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะไม่ให้ขึ้นราได้เมื่อ
ทนตากน้ำค้างไปนานๆ และแห้งไปกับตัว กว่าจะนำออกตากแดด
ให้แห้ง
การเดินจงกรมท่านก็เดินจริง ๆ พอให้เกิดผลเป็นความ
สงบสุขขึ้นมาได้ เดินแต่ละครั้งเป็นเวลาสาม สี่ ห้าชั่วโมง จนรู้สึก
เมื่อยจริง ๆ ถึงจะออกจากทางจงกรม แล้วเปลี่ยนมานั่งภาวนา
ต่อไปเป็นเวลาหลาย ๆ ชั่วโมงเช่นกันจึงจะหยุดพักผ่อน ผู้ตั้งใจ
ปฏิบัติธุดงคกรรมฐานด้วยความเอาจริง จึงจะเห็นคุณค่าของธุดงค์
แต่ละข้อว่าสามารถอำนวยประโยชน์ให้มากน้อยเพียงไร เพราะ
ธุดงค์แต่ละข้อล้วนเป็นเครื่องสนับสนุนเพื่อธรรมเบื้องสูงขึ้นไปเป็น
ลำดับ ไม่มีแม้ข้อเดียวจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นธรรมเครื่องฝึกให้ผู้ปฏิบัติเกิดความอาจหาญร่าเริง
ในธรรม และเป็นนักต่อสู้ทุกวิถีทางที่ จะยังกิเลสให้เบาบางและ
หมดสิ้นไปจากใจ
ผู้ที่เคยอยู่แต่ในบ้านไม่เคยออกป่าย่อมไม่อาจเห็น
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะพึงเกิดมีในป่า อาจเห็นเพียงเหตุการณ์
ในบ้านอันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่าน ๆ เรา ๆ เคยประสบกันมาจน
เคยชิน แต่ไม่อาจคิดเพื่อเห็นโทษจากเหตุการณ์นั้น ๆ บ้างเพื่อ
ปลดเปลื้องตนให้พ้นไป วันแล้ววันเล่าก็จำต้องโดนแต่เหตุการณ์ที่
เคยโดน และได้รับความทุกข์ไม่เว้นแต่ละวันเวลา โดยไม่สนใจ
ค้นหาสาเหตุพอให้มีทางผ่านไปได้
การอยู่ป่าที่อยู่ให้ถูกตามความมุ่งหมายของธุดงค์จริง ๆ
ผู้อยู่ป่าต้องเป็นนักต่อสู้เพื่อกู้ตนจากอุปสรรคต่าง ๆ ภายในใจ
จริง ๆ ไม่สักแต่อยู่แบบสัตว์ป่าที่เคยกับป่ามาจนจำเจ แต่อยู่เพื่อ
พิจารณาเรื่องของตัวที่เกิดขึ้นในแง่ต่าง ๆ โดยมีธรรมเป็นจุด
มุ่งหมาย อะไรที่เป็นข้าศึกต่อการอยู่ป่า เรื่องใหญ่ก็คือความกลัวซึ่ง
เป็นกิเลสประเภทกีดขวางถ่วงใจให้ไม่อยากอยู่ป่า เมื่อทราบว่าเป็น
กิเลสเครื่องกีดกันทางเดินเพื่อมรรคผล ก็จำต้องชำระกำจัดปัดเป่า
ออกจากใจจนสิ้นไป เหลือแต่ความกล้าหาญชาญชัย ไปที่ไหนไปได้
อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ นอนที่ไหนก็นอนได้ ไม่กลัวตาย อันเป็นกิเลสอีก
ประเภทหนึ่ง ย่อมเห็นคุณค่าแห่งธุดงค์ข้อนี้ประจักษ์ใจว่ามีความ
สำคัญเพียงไร พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติธุดงค์ข้ออยู่ป่าเป็นวัตร
นอกจากนั้นยังเห็นคุณในการอยู่ป่าว่า ไม่เกลื่อนกล่นวุ่น
วายกับสิ่งผสมทั้งหลาย ซึ่งโดยมากมักกดถ่วงจิตใจให้จมดิ่งลง ไม่มี
วันฟื้นฟูขึ้นพอเป็นตัวของตัวได้แม้ชั่วระยะหนึ่ง การชมทัศนียภาพ



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2012, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ต่าง ๆ ในป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ก็ไม่เป็นเครื่องยุแหย่ก่อกวน
จิตใจให้ว้าวุ่นขุ่นมัวเหมือนสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้น ที่คอยแต่จะทำให้
สลบไสลขณะที่โดนเข้าแต่ละสิ่งละอย่าง ยิ่งโดนอยู่ทั้งวันทั้งคืน
ตลอดเวลาไปก็ยิ่งพูดไม่ถูกว่าจะสามารถประคองตัวไปได้กี่เวลา กว่า
จะหมดสติล้มทั้งยืนเพราะยาพิษต่าง ๆ ที่สูดดมอยู่ตลอดเวลา
จากสิ่งนั้น ๆ ท่านผู้คิดอ่านไตร่ตรองธุดงค์ตามพระประสงค์เข้าใจ
มากน้อยเพียงไร ย่อมเห็นคุณค่าของธุดงค์ข้ออยู่ในป่าได้มาก
เพียงนั้น เพราะธุดงค์ย่อมเป็นธรรมเครื่องสำอางอันสวยงาม
ประดับพระศาสนาไว้อย่างน่าอัศจรรย์ตลอดไป ไม่อับเฉาเศร้าหมอง
ในวงพุทธบริษัทผู้รักษาไว้ได้และไม่ปล่อยให้ร่วงโรยเสียไป และ
ประดับพระผู้ทรงธุดงค์ข้อนี้ไว้ได้ให้เป็นสังฆโสภณาในธรรมวินัย
ไม่มีที่ต้องติทั้งภายในภายนอก
ในถ้ำ เงื้อมผา ป่า เขา ลำเนาไพร ป่าช้า ป่ารกชัฏ ในเขา
นอกเขาที่มีอยู่ตามธรรมชาติและอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน เป็น
สถานที่ให้สติปัญญาความรู้ความฉลาดแก่พระผู้สนใจในธรรม
เพื่อเปลื้องตน ไม่ชอบเกลื่อนกล่นวุ่นวายกับสิ่งใดที่เป็นข้าศึกต่อ
การดำเนินเพื่อความพ้นทุกข์ สถานที่ดังกล่าวนี้เป็นความนิยมทาง
พุทธศาสนามาดั้งเดิม ครั้งพุทธกาลมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นแนวหน้า
กล้าหาญ ไม่ทรงสะทกสะท้านกับความเป็นความตาย ทรงบำเพ็ญ
พระองค์อยู่ในสถานที่เช่นนั้นมาก่อน จนได้ตรัสรู้ธรรมดวงเลิศและ
สั่งสอนเวไนย
สาวกทั้งหลายที่ได้สดับธรรมและสถานที่ที่เหมาะสมต่าง ๆ
จากพระองค์ ต่างพากันบำเพ็ญตามรอยพระบาท จนเกิดสติปัญญา
ความฉลาดทันกลมารยาภายใน ที่เคยหลอกลวงพาให้ตกนรกในภพน้อยภพใหญ่มานานแสนนาน และสลัดปัดทิ้งความสกปรก
โสมมภายในใจของตนเสียได้โดยสิ้นเชิง ในป่านั้น ๆ บ้าง ในเขา
ลูกนั้น ๆ บ้าง ในถ้ำนั้น ๆ บ้าง ในเงื้อมผาป่าไม้แถบนั้น ๆ บ้าง
ในป่าช้านั้น ๆ บ้าง ในเรือนร้างว่างเปล่านั้น ๆ บ้าง ใต้ร่มไม้ที่อยู่
โดดเดี่ยวในราวป่าราวเขานั้น ๆ บ้าง ที่เชิงเขานั้น ๆ บ้าง สถานที่
เหล่านั้นจึงเป็นที่เพาะปลูกธรรมภายในใจของผู้ปฏิบัติ ให้มีหลักฐาน
มั่นคงภายในได้ตลอดมาถึงปัจจุบันสมัย
ถ้า เ ทีย บ ต า ม ค ว า ม นิย ม ใ น ส มัย นี้ก็ไ ม่ผิด อ ะไ ร กับ
มหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นสถานที่ทำปริญญาตรี
ปริญญาโท ปริญญาเอก หรือมหาบัณฑิตอะไรสุดแต่จะเรียก
สำหรับนักศึกษาทั้งหลายที่สนใจเพื่อเรียนความรู้จบแล้ว กลับมา
สู่ภูมิลำเนาของตน ๆ และทำประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป
สถานที่เหล่านี้ ครั้งพุทธกาลถือเป็นสำคัญเรื่อยมาตลอดปัจจุบัน
สำหรับนักศึกษาปฏิบัติธรรมขั้นต่าง ๆ ได้บำเพ็ญเต็มสติกำลัง
ของตน วิชาขั้นต่างๆ ที่ควรได้ควรถึงมหาวิทยาลัยป่าเป็นต้นนั้น
คือปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก จนถึงขั้นอัครมหาบัณฑิต
ขั้นธรรมที่เรียนและปฏิบัติในสถานที่ดังกล่าวซึ่งควรเรียก
มหาวิทยาลัย ได้แก่ ขั้นโสดาปัตติมรรค-ผล สกิทาคามิมรรค-ผล
อนาคามิมรรค-ผล และอรหัตมรรค-ผล แล้วบรรลุถึงนิพพานหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ซึ่งควรเทิดนามว่าอัครมหาบัณฑิต เพราะผู้
เรียนจบขั้นสุดท้ายนี้แล้วเป็นปุญญักเขตแก่ตนและผู้อื่นโดยสมบูรณ์
ไม่มีวิชาใดที่ยิ่งกว่านี้ในไตรภพ
ดังนั้นป่าเขาลำเนาไพรเป็นต้น เพื่อสอดคล้องต้องกัน
กับโลกที่เป็นคู่เคียงกันมาดั้งเดิม จึงควรให้นามสถานที่เหล่านี้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยของอัครมหาบัณฑิต คือพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็น
เจ้าของพระศาสนา ทรงจัดขึ้นนับแต่วันเริ่มประกาศพระศาสนา
และประทานแก่ภิกษุบริษัทตลอดมา โดยใจความย่อว่า รุกฺขมูล
เสนาสนํ เป็นต้น ลำดับต่อมายังประทานธุดงค์เพิ่มเข้าอีก ๑๓ ข้อ
ซึ่งมีข้ออยู่ป่าและอยู่รุกขมูลร่มไม้อยู่ในธุดงค์นั้นด้วย
มหาวิทยาลัยเหล่านี้แล ที่พระครั้งพุทธกาลท่านสนใจอยู่
เรียนและปฏิบัติกันเป็นล่ำเป็นสันเป็นน้ำเป็นเนื้อจริง ๆ จนสำเร็จ
เป็นปริญญาตรี โท เอก และอัครมหาบัณฑิต นำธรรมที่บริสุทธิ์
เนื้อแท้ มาประกาศสั่งสอนหมู่ชนแทนพระศาสดา พอทรงเบา
พระภาระลงบ้าง พระศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองออกไปยังหมู่ชนเหล่า
ต่าง ๆ ไม่มีประมาณ ทั้งนี้เพราะอาศัยมหาวิทยาลัยป่าเขาเป็นต้น
เป็นสถานที่อำนวยประโยชน์มหาศาล ทั้งแก่พระศาสดาและสาวก
ทั้งหลาย ให้สำเร็จวิชาอัครมหาบัณฑิตขึ้นมา ให้โลกได้กราบไหว้
บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจตลอดมาถึงชาวเราทั้งหลาย ได้ถือเป็น
เส้นชีวิตจิตใจและปฏิบัติตามตลอดมา พอรู้ประสีประสาว่าเป็น
ผู้เป็นคนตามภูมิมนุษย์ที่นิยมกัน
ธุดงควัตร เมื่อเทียบกับสถานที่ที่ควรตั้งมหาวิทยาลัย และ
วิชาที่ควรบรรจุเข้าในหลักสูตรมหาวิทยาลัยทางโลก ธุดงควัตร ๑๓
กับขันธวัตร ๑๔ ของทางศาสนาก็เป็นได้ทั้งสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัย
และหลักวิชาแห่งมหาวิทยาลัยสงฆ์ โดยแยกออกจากธุดงค์บางข้อ
ที่ควรเป็นสถานที่มหาวิทยาลัยแห่งการอยู่บำเพ็ญศึกษาตามกาล
อันควร คือ ข้อถือการอยู่ป่าเป็นวัตร อยู่รุกขมูลคือร่มไม้เป็นวัตร
อยู่ป่าช้าเป็นวัตร การเยี่ยมป่าช้าเป็นวัตร การอยู่เสนาสนะที่ท่าน
จัดให้อย่างไรเป็นวัตร อยู่ที่แจ้งปราศจากที่มุงที่บังเป็นวัตร สถานที่ที่ควรอนุโลมเข้าในที่นี่ก็อนุโลมได้ เช่น ถ้ำ เงื้อมผา เรือนว่างที่
ปราศจากคนอยู่อาศัย เป็นต้น
ส่วนที่ควรสงเคราะห์เข้าในหลักวิชาคือภาคปฏิบัติแห่ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ ก็สงเคราะห์เข้าตามควร เช่น การถือผ้าบังสุกุล
เป็นวัตร การถือเฉพาะผ้าสามผืนเป็นวัตร การบิณฑบาตเป็นวัตร
การฉันในบาตรเป็นวัตร การฉันหนเดียวในวันหนึ่ง ๆ เป็นวัตร
การห้ามภัตรที่ตามมาทีหลังเป็นวัตร การไม่พักนอนเป็นคืน ๆ
ไปเป็นวัตร กรรมฐาน ๔๐ ห้องซึ่งเป็นหลักวิชาทางภาคปฏิบัติ
ก็สงเคราะห์เข้าด้วยกันกับธุดงค์ภาควิชาการ
สรุปแล้วพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่สมบูรณ์ด้วยวิชา
แขนงต่าง ๆ และเป็นมหาวิทยาลัยศาสนามาแต่พระศาสดาเริ่ม
ประกาศธรรมสอนโลก สถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยและหลักวิชาประจำ
มหาวิทยาลัยก็มีหลายแห่งด้วยกัน ตามแต่นักศึกษาจะเลือกอยู่
และศึกษาอบรม สถานที่สำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงชมเชยว่าเป็น
มหาวิทยาลัยชั้นเยี่ยม คือ ป่าหนึ่ง โคนไม้หนึ่ง ป่าช้า ป่าชัฏหนึ่ง
ที่แจ้งหนึ่ง ที่พิเศษออกไป คือ ถ้ำ เงื้อมผา บนเขา ไหล่เขา
หุบเขา ชายป่า ชายเขา เหล่านี้ล้วนถือเป็นสำคัญและทรงชมเชย
เป็นคู่เคียงกันมา
วิชาที่นับเข้าในหลักสูตรมหาวิทยาลัยได้แก่ ธุดงควัตรภาค
ปฏิบัติประจำอิริยาบถต่าง ๆ ดังที่เขียนผ่านมาแล้ว คือ ถือผ้า
บังสุกุลเป็นวัตร ถือไตรจีวรเป็นวัตร ถือบิณฑบาตเป็นวัตร ถือฉัน
ในบาตรเป็นวัตร ถือฉันหนเดียวในวันหนึ่ง ๆ เป็นวัตร เป็นต้น
และกรรมฐาน ๔๐ มีอานาปานสติ เป็นต้น (นี่ถ้ามีโอกาสจะ
อธิบายทีหลัง) ล้วนเป็นหลักวิชาที่ผู้ปฏิบัติตามจะไม่ผิดหวัง ในปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และอัครมหาบัณฑิตซึ่งให้
ตำแหน่งแก่นักศึกษาบำเพ็ญ ผู้สนใจตามหลักวิชาอยู่แล้วทุกรุ่นและ
ทุกชั้นแห่งปริญญา
สถานที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวมีบริเวณกว้างขวางมาก
ไม่คับแคบเหมือนมหาวิทยาลัยทั้งหลายที่โลกเรียนกันและมีอยู่
ทั่วไป บรรจุคนได้เป็นจำนวนมากทั้งหญิงทั้งชาย นักบวชและ
ฆราวาส ทุกชาติชั้นวรรณะ ไม่กำหนดเพศวัยตลอดวิทยฐานะ
เปิดรับทั้งหน้าแล้งหน้าฝน ทั้งกลางคืนกลางวัน ทั้งวันธรรมดาและ
วันเสาร์วันอาทิตย์ เปิดอยู่ตลอดเวลา นับแต่วันตั้งมหาวิทยาลัย
เป็นต้นมาจนบัดนี้ เป็นเวลานานร่วมสองพันหกร้อยปี โดย
พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้อำนวยการสร้าง และเป็นศาสตราจารย์
สั่งสอนด้วยพระองค์เอง เริ่มรับสอนแต่ขั้นอนุบาล ประถมมูล
จนถึงขั้นปริญญาอัครมหาบัณฑิตจิตเป็นธรรมแท่งเดียว นักศึกษา
ของพระพุทธเจ้าเรียกว่าพุทธบริษัทสี่คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
อุบาสิกา เวลานี้ภิกษุณีไม่มีจึงเอาสามเณรเข้าแทน
นักศึกษาบำเพ็ญจากมหาวิทยาลัยรุ่นแรกคือ เบญจวัคคีย์
ทั้งห้า มีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นต้น รุ่นที่ ๒ คือ พระยสกุลบุตร
กับสหาย ๖๐ คน รุ่นที่ ๓ คือ ชฎิลสามพี่น้องที่เป็นอาจารย์
รวมทั้งบริวารของแต่ละอาจารย์เป็นจำนวนพันสามองค์ด้วยกัน
ท่านเหล่านี้ล้วนสำเร็จการศึกษาอบรมจากหลักวิชาวิมุตติแห่ง
มหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นขั้นอัครมหาบัณฑิตทั้งสิ้น และเป็น
ศาสตราจารย์ขั้นรองพระพุทธเจ้าลงมาโดยฐานะตำแหน่ง คือ
เป็นสาวกอรหันต์ ทำการสั่งสอนประชาชนช่วยพระภาระของ
พระศาสดาให้เบาลง สินน้ำใจเป็นเครื่องตอบแทนคือผลงานที่เกิดแก่ประชาชนมากน้อย นั่นท่านถือเป็นที่พอใจคุ้มค่ากับความเมตตา
ที่มีแก่หมู่ชนแล้ว ถ้าพูดแบบโลกนิยมเกี่ยวกับค่าตอบแทน ท่านก็มี
นิตยภัตเดือนละ ๓๐ บาทเสมอกันทุกองค์ นับแต่พระศาสดาลงมา
ถึงสามเณรน้อย ๆ นับว่าเป็นความเสมอภาคดีมาก ยากจะหา
น้ำใจใดเสมอด้วยน้ำใจของพระอัครมหาบัณฑิตทั้งหลาย ที่มีเมตตา
ต่อโลกเสมอมาไม่มีลดหย่อนผ่อนคลาย
ฉะนั้น ชาวพุทธเราจึงกล้ายืนยันได้ว่า มหาวิทยาลัยก็ดี
หลักสูตรต่าง ๆ แห่งมหาวิทยาลัยก็ดี ของพระพุทธศาสนาที่
พระพุทธเจ้าทรงอำนวยการสร้างและการสอนเอง และรับสั่งพระ
สาวกอรหันต์ทั้งหลายให้สั่งสอนแทนในสมัยนั้น เป็นมหาวิทยาลัย
และหลักวิชาที่เลิศโลก ไม่มีวิชาใดเสมอเหมือนในไตรภพ แม้
เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ นาค ครุฑทั้งหลาย
ยังยอมรับนับถือและยกย่องพระองค์เป็นครูเอก อัครมหาบัณฑิต
ในสามภพ ดังมีในบทพุทธคุณว่า สัตถา เทวมนุสสานัง เป็นต้น
แม้พระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของแห่งศาสนาก็ทรงอุบัติตรัสรู้ขึ้นใน
ท่ามกลางแห่งมหาวิทยาลัย และวิชาวิมุตติทั้งหลายดังกล่าวมา จึง
ทรงยกย่องเทิดทูนสถาบันป่าเหล่านี้มาประจำศาสนาของพระองค์
เวลากุลบุตรบวชเป็นพระก็ทรงสอนกรรมฐานห้าและ
อนุศาสน์มีการอยู่ร่มไม้เป็นต้น ให้เป็นเข็มทิศทางเดินของปฏิปทา
ข้อปฏิบัติ และเป็นเครื่องมือฟาดฟันบุกเบิกดงหนาป่าทึบคือกิเลส
ชนิดต่าง ๆ ภายในใจที่ปิดกั้นกันจิตไม่ให้มองเห็นทางเดินเพื่อ
มรรคผลนิพพาน ให้เตียนโล่งไปด้วยธรรมาวุธที่ประทานให้ เวลา
บวชเป็นเณรก็สอนกรรมฐานห้าให้เป็นเครื่องมือต่อสู้กับมารร้าย
ต่าง ๆ ให้พินาศขาดสูญไปจากใจ เป็นเพียงไม่ทรงสอนอนุศาสน์เกี่ยวกับการอยู่ป่าอยู่เขาเท่านั้น ทั้งนี้อาจทรงเห็นว่ายังเล็กอยู่ จึง
ยังไม่ส่งเข้าแนวรบอันเป็นชัยสมรภูมิสำคัญ พระสาวกอรหันต์
จำนวนมากในครั้งพุทธกาล แทบพูดได้ว่าร้อยทั้งร้อยที่สำเร็จจาก
สถาบันแห่งป่าดังกล่าวมา
พระพุทธเจ้าก็ดี พระสาวกทั้งหลายก็ดี ท่านเรียนปริญญา
ธรรมจบถึงขั้นอัครมหาบัณฑิตจากป่าจากเขา วิชาที่ท่านสำเร็จจาก
มหาวิทยาลัยดังกล่าวล้วนเป็นวิชาประเภทวิมุตติ เวลานำออกมา
ประกาศสั่งสอนโลกจึงเป็นวิชาที่แน่นอนและไว้ใจได้ ทั้งองค์ท่าน
ผู้สำเร็จและวิชาที่สำเร็จมา ไม่มีสิ่งแปลงปลอมเคลือบแฝงอยู่เลย
ผิดกับวิชาและผู้ศึกษาทั่วไปอยู่มาก แต่มหาวิทยาลัยสงฆ์ดังกล่าวนี้
หาท่านผู้สมัครเรียนยาก อาจเป็นเพราะสถาบันนี้มอบความเป็น
ใหญ่ให้เจ้าตัว ซึ่งกำลังเป็นนักศึกษาปกครองตนเอง มากกว่าผู้อื่น
จะมาปกครองและบังคับบัญชาเช่นมหาวิทยาลัยทางโลกเขาทำกัน
คือ การเข้าอยู่ศึกษาในสถาบันนี้แต่ละแห่งก็ให้เลือกเอาตามใจชอบ
การเรียนวิชาตามหลักสูตรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสถาบัน ก็
มอบให้เป็นสิทธิ์ความสมัครใจของแต่ละท่านจะเลือกเรียนเอง
อาจารย์กับนักศึกษาให้เลือกเอาจากตัวเอง ถ้าอาจารย์กล้าหาญมี
อุบายต่าง ๆ สอนศิษย์คือตัวเอง บังคับตัวเองด้วยความแยบคาย
ทั้งอาจารย์และนักศึกษาซึ่งอยู่ในคน ๆ เดียวกัน ก็จะก้าวเข้าสู่
ความสงบสุข แม้เข้าไปอยู่ในป่ากับสัตว์เสือนานาชนิดก็ไม่กลัว อยู่
ด้วยความสงบสุขเย็นใจ และสนุกรื่นเริงไปกับเสียงสัตว์ชนิดต่าง ๆ
ที่มาขับกล่อมบรรเลงเพลงป่าตามประสาของเขาให้ฟังอย่างเพลินใจ
ได้คติไม่ขาดทุนสูญทรัพย์เหมือนเพลงมนุษย์ที่แสนบาดลึกลงขั้ว
หัวใจ ถ้าใจยังตื่นเต้นอยู่คอยแต่จะโผล่หัวออกมารับอากาศ อาจถูกพายุเพลงพัดผันให้ขาดกระจุยกระจายไปอย่างไม่เป็นท่าน่าดูเลยก็ได้
และเสียไปทั้งคนทั้งทรัพย์จนยับยั้งตั้งตัวไม่ได้และเสียไปจริง ๆ
แต่เพลงของสัตว์ป่าที่ขับกล่อมตามกาลเวลาของเขา ฟังแล้ว
ทำให้เพลินและสงสารอย่างจับใจ ยิ่งพระกรรมฐานไปพักอยู่ที่ใด
สัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าสัตว์สองเท้า สัตว์สี่เท้า สัตว์มีปีกไม่มีปีกชนิด
ต่าง ๆ มักจะรุมกันมาอยู่แถบบริเวณที่ท่านพักเสมอ พักอยู่นาน
เท่าไรยิ่งพากันมามากเข้าทุกที เสียงเรียกร้องหากันสนั่นป่าไปหมด
ในบางเวลา ตามภาษาสัตว์ที่มีเพื่อนฝูงเช่นเดียวกับมนุษย์เรา และ
คิดถึงกันเป็นธรรมดาของสัตว์ที่มีหัวใจเป็นเพียงพูดภาษามนุษย์ให้
เราฟังไม่เป็นเท่านั้น แต่เขาก็มีภาษาประจำชาติของตนทุก ๆ ชนิด
เช่นเดียวกับมนุษย์เรานี่เอง
การร้องเรียกหรือคร่ำครวญหากันนั่นแล พระท่านเรียกว่า
เขาร้องเพลง และมีเป็นระยะ ๆ ตอนเช้าเป็นพวกหนึ่งร้อง ตอน
สายพวกหนึ่งร้อง ตอนบ่ายพวกหนึ่งร้อง ตอนเย็นพวกหนึ่งร้อง
ตอนกลางคืนพวกหนึ่งร้อง ตอนดึกพวกหนึ่งร้อง ตอนค่อนคืน
พวกหนึ่งร้อง ตอนจวนสว่างพวกหนึ่งร้อง ราวกับผลัดเปลี่ยนเป็น
เวรกัน ความจริงก็คงเหมือนไก่บ้านเราขันตามเวลาของมันนั่นเอง
แต่สัตว์มีหลายพวกและนิยมเที่ยวหากินและร้องในเวลาต่าง ๆ กัน
จึงไม่ค่อยขาดระยะแม้เวลากลางคืน เพราะสัตว์ที่หากินในเวลา
กลางคืนก็มีมากเช่นเดียวกับสัตว์ที่หากินในเวลากลางวัน ฉะนั้น
เสียงร้องครางต่าง ๆ จึงมีไม่ขาดระยะตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง
การอยู่และศึกษาวิชาธรรมตามนโยบายทางพุทธศาสนา
ในสถาบันดังกล่าว จึงรู้สึกลำบากผิดกับที่เรียนตามคัมภีร์อยู่มาก
แต่ถ้าทนเรียนและปฏิบัติได้ หากมีผล ๆ มากมีอานิสงส์มาก และทราบประจักษ์ใจตัวเอง คุ้มค่าที่อุตส่าห์บึกบึนแทบเป็นแทบตาย
ผู้ไม่ใจกัดใจกล้าหน้านักรบจริง ๆ ย่อมอยู่ไม่ได้ เพราะเป็นราวกับ
ถูกดัดสันดานอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะมีใครมาบังคับขู่เข็ญนั้นไม่มี
นอกจากเจตนาความหวังก้าวหน้าของตนเป็นเครื่องบังคับไปในตัว
เท่านั้น งานทางศาสนานี้ เมื่อเราได้ทำด้วยตัวเองจนเห็นฤทธิ์เดช
ของความลำบากทรมานทุกสิ่งทุกอย่างแล้วนั่นแล จะเห็นความ
เก่งกาจอาจหาญของพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายว่า เป็นเลือด
นักรบที่เก่งจริง
เรื่องที่จะตัดความสงสัยทั้งหลายลงได้อย่างประจักษ์กับ
ตัวเองคือคนอื่นกลัว ถ้าเรายังไม่ประสบความกลัวแบบนั้นก็ยัง
ไม่เห็นเป็นของแปลกที่น่าคิด คนอื่นทุกข์ ถ้าเรายังไม่ประสบทุกข์
แบบนั้นก็ยังไม่เห็นเป็นของแปลกที่น่าคิด คนอื่นทรมานตน
ด้วยความเพียรโดยวิธีต่าง ๆ ที่แสนทุกข์แสนลำบาก ถ้าเรายัง
ไม่ประสบความทุกข์ความทรมานแบบนั้นด้วยตัวเองก็ยังไม่เห็น
เป็นของแปลกที่น่าคิด ความทุกข์ความทรมานเพราะเหตุต่าง ๆ ที่
เกิดจากการฝึกอบรมด้วยความเพียรของผู้อื่น ถ้าเรายังไม่ประสบ
สิ่งนั้นด้วยตัวเองก็ยังไม่เห็นเป็นของแปลกที่น่าคิด ตลอดความสุข
ที่เป็นผลน้อยมากที่เกิดจากการฝึกทรมานนั้น ๆ ของผู้อื่น ถ้าเรา
ยังไม่ได้ประสบด้วยใจตัวเอง ก็ยังไม่เห็นเป็นของแปลกที่น่าคิด
น่าอัศจรรย์อะไรนัก หากจะเป็นความเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นได้จริงตาม
คำบอกเล่าก็ยังไม่ถึงใจอยู่นั่นเอง
ต่อเมื่อเราได้ประสบด้วยตัวเราเองทั้งฝ่ายเหตุ คือการฝึก
ทรมานตนด้วยวิธีต่าง ๆ และได้รับทุกขเวทนาร้อยแปดพันประการ
จากการนั้น ๆ และฝ่ายผลคือความสุขที่ได้รับจากการฝึกอบรมด้วยวิธีต่าง ๆ นับแต่ขั้นต่ำไปถึงขั้นสูงสุดด้วยใจตัวเองแล้วนั่นแล
จึงจะเห็นเป็นของแปลกที่น่าคิดมาก และอาจพูดได้ว่าน่าคิดอย่าง
เต็มหัวใจ เห็นทุกข์โทษก็เห็นอย่างเต็มหัวใจ เห็นคุณที่เกิดจากเหตุที่
ทำก็เห็นอย่างเต็มใจ หายสงสัยทุกอย่าง ไม่ต้องไปถามใครอีกแล้ว
เพราะเป็นสิ่งประจักษ์ใจ ทั้งโทษทั้งคุณ ทั้งสุขทั้งทุกข์ที่เกิดจากตน
ผู้เดียว
พระพุทธเจ้าผู้มีพระเมตตามหาคุณแก่โลก มีพระประสงค์
อยากให้สัตว์โลกปฏิบัติและรู้เห็นอะไรหรือสัมผัสอะไรด้วยตัวเอง
ไม่ประสงค์ให้เชื่อแบบมงคลตื่นข่าวที่คนอื่นเล่าให้ฟังแม้เป็นความ
จริง การปฏิบัติธรรมทุกขั้นอันเป็นวิสัยของตนจะควรรู้ควรเห็น ก็
อยากให้รู้เห็นด้วยใจตัวเอง ดีกว่าไปฟังจากใครรู้จากใครที่มิใช่สมบัติ
ของตนผู้ทำเอง แต่มีพระประสงค์ให้ทำเองรู้เองเห็นเองอันเป็น
สมบัติของตัวแท้ ไม่มีใครกล้ามาแบ่งส่วนให้บกพร่องไปจากตัวได้
การเข้าป่าก็มีประสงค์ให้ผู้ปฏิบัติเข้าอยู่เอง แม้จะเจอสัตว์ร้ายมีเสือ
เป็นต้นก็ขอให้เจอด้วยตัวเอง ขณะเจอกับเสือมีความกลัวมากน้อย
เพียงไรก็ให้ทราบกับตัวเอง การหลบหลีกแก้ไขด้วยอุบายต่างๆ ก็
ขอให้เป็นความฉลาดแห่งสติปัญญาของตัวเอง
ใจที่ฝึกทรมานได้ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ๆ ก็ขอให้
เป็นใจของตัวเอง ความสุขกายสบายใจที่ได้รับจากการฝึกทรมาน
ได้นั้นก็ขอให้เป็นใจอันมีค่าของตัวเอง ดีกว่าเป็นข่าวดีมีค่าของผู้อื่น
จิตบรรลุมรรคผลทุกขั้นเพราะการฝึกทรมานนั้น ๆ ก็ขอให้เป็นใจ
ของตัวเป็นผู้บรรลุ การหลุดพ้นจากทุกข์ทางใจก็ขอให้เป็นใจของ
ตัวหลุดพ้นไปเอง ดีกว่าเป็นข่าวของผู้อื่นหลุดพ้นไปเพราะความ
พากเพียรของเขา สมกับศาสนาเป็นสมบัติของผู้สนใจบำรุงรักษา


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2012, 20:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2011, 19:01
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุขออนุโมทนาด้วยครับ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2012, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


โดยเฉพาะ ปกติศาสนาเป็นสมบัติกลางของทุกคนที่สนใจปฏิบัติ
รักษา แต่กลับเป็นสมบัติของเราอย่างสมบูรณ์ด้วยการบำเพ็ญให้
สมบูรณ์ในใจเราเอง จะเรียกว่าเป็นผู้ฉลาดใช้อุบายสติปัญญาของ
ตัวเองพาข้ามโลกข้ามสงสารถึงพระนิพพาน ตามความมุ่งหมาย
ของพระศาสดาผู้เป็นเจ้าของศาสนา ที่สอนหมู่ชนด้วยพระปรีชา
สามารถ มุ่งความเฉลียวฉลาดแก่ผู้มาอาศัยร่มเงาแห่งพระบารมี ให้
ได้บรรลุมรรคผลเป็นพระอริยบุคคลขั้นสุดยอดปลอดภัย สิ้นความ
เสนียดจัญไรที่เคยเป็นข้าศึกมาประจำภพชาติ
เมื่อบรรลุถึงขั้นอัครมหาบัณฑิตจอมปราชญ์แล้ว ก็ชื่อว่า
เรียนจบหลักวิชาในมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งพระพุทธศาสนาโดย
สมบูรณ์ ไม่จำต้องไปเรียนที่ไหนต่ออีกในอัตภาพที่เป็นอยู่ ท่าน
เรียกว่าเรียนจบพรหมจรรย์โดยสมบูรณ์ ที่ว่าพระพุทธเจ้าและสาวก
ทั้งหลายท่านเรียนจบนั้น ท่านเรียนจบเรื่องในพระทัยและในใจนี่แล
มิใช่จบที่ไหนอื่นนอกไปจากใจ เพราะใจเป็นผู้พาให้หลงเกิดและตาย
เพียงดวงเดียวเท่านั้น เมื่อเรียนจบที่ใจแล้วก็หมดเรื่องทั้งมวลโดย
สิ้นเชิง
พระธุดงคกรรมฐานสายท่านอาจารย์มั่น ท่านพยายาม
เรียนอยู่แถวกายนครและจิตนครที่เป็นแหล่งใหญ่แห่งไตรภพ แม้จะ
ไปอยู่ในป่าในเขาในถ้ำเงื้อมผาหรือสถานที่ใด จุดใหญ่ก็เพื่อรู้เรื่อง
ของจิตเป็นสำคัญ แม้ปัจจุบันนี้ก็ปรากฏว่ามีพระกรรมฐานสายท่าน
อาจารย์มั่นจำนวนมากจำพรรษาอยู่ในป่าในเขาเช่นเดียวกับท่านพา
ดำเนินมา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องของจิตเป็นสำคัญ การฝึกทรมานด้วย
วิธีต่าง ๆ ตามจริตนิสัยและสติปัญญาความสามารถ ก็เพื่อรู้จุดจบ
คือใจนี่เองเป็นสำคัญ ท่านที่มุ่งต่อความหลุดพ้นอย่างแรงกล้า จึงเป็นเหมือนผู้ตายไม่มีป่าช้าคอยให้คนอื่นเผาศพเก็บซากศพ ถึง
คราวแล้วที่ไหนก็ได้ไม่เป็นกังวล และนั่นคือป่าช้าอันตายตัวแล้ว
เวลายังครองขันธ์อยู่ พออยู่ที่ไหนเป็นที่สะดวกแก่
ความเพียรก็อยู่ที่นั่นไป ประกอบความเพียรไปไม่ลดละหยุดยั้ง
นั่งอยู่ก็เพียร ยืนอยู่ก็เพียร เดินอยู่ก็เพียร นอนอยู่ก็เพียร เว้นแต่
หลับ ไม่เช่นนั้นไม่ทันร่องรอยของกิเลสตัณหาซึ่งมีวิชาพาสัตว์ตาย
รอบโลกสงสาร และรวดเร็วยิ่งกว่าพายุบุแคม เพียงขณะเดียว
มันฉุดไปได้รอบโลกในสามภพตามไม่ทัน และขนทุกข์มาให้เจ้าของ
ผู้โง่เขลาเบาปัญญากว่ามันได้รับเสวย ทั้งเผ็ดทั้งร้อน ทั้งทุกข์
ทรมาน ไม่มีรสแห่งทุกข์ใดเสมอกับรสแห่งทุกข์ที่กิเลสชนิดต่าง ๆ
ขนมาทับถมหัวใจ ฉะนั้นผู้เห็นโทษของมันอย่างถึงใจแล้ว จำต้อง
เพียรละทุกเวลานาทีไม่มีคำว่าเช้า สาย บ่าย เย็นเพื่อพักผ่อน
นอนใจให้กิเลสตัณหาเหยียบย่ำทำลายอีกต่อไป อย่างไรจะถึงฝั่ง
แห่งความปลอดภัยไร้ทุกข์
แม้จะยากลำบากก็ฝืนทน โดยคิดประมวลภพชาติต่าง ๆ
ของตนที่จำต้องหมุนไปเพราะแรงของอวิชชาตัณหา ว่าทุกข์ต้อง
แทรกสิงอยู่ได้ในภพนั้น ๆ ถ้าไม่รีบแก้ไขปลดเปลื้องให้ผ่านพ้นไป
เสียในชาติที่ควรแก่การอยู่เวลานี้ เพราะชาตินี้เป็นที่แน่ใจว่าตัว
เป็นมนุษย์เต็มภูมิ และเป็นเพศแห่งนักบวชที่ควรจะทำกิเลสให้
เหือดแห้งจากใจได้อย่างมั่นเหมาะ ไม่มีชาติใดที่จะคาดได้ถึงใน
อนาคตว่า จะเป็นชาติที่เหมาะสมเหมือนปัจจุบันที่กำลังเป็นอยู่
เวลานี้ กิจใดที่จะควรรีบบำเพ็ญให้เต็มภูมิที่มนุษย์ควรได้ควรถึง
กิจนั้นคือกิจที่เรากำลังบำเพ็ญอยู่เวลานี้ ควรให้เสร็จสิ้นไปภายใน
ขันธ์ยังครองตัวอยู่ อย่าให้เนิ่นช้ามัวเสียเวลาไปนาน เวลาอันธพาลตัวมีอำนาจมากคือความตายเข้าถึงตัวแล้วจะลำบาก และเสียการไป
ทุกอย่างที่ควรได้ควรมีในเวลานี้
เหล่านี้เป็นอุบายที่ท่านปลุกปลอบตัวเองให้รีบเร่งความ
พากเพียร ในสถานที่และอิริยาบถต่าง ๆ ไม่นอนใจ ท่านที่อยู่
ขั้นสมาธิก็เร่งเร้าให้มีกำลังมากขึ้น เผื่อเวลาพิจารณาทางปัญญาจะ
ได้มีกำลังและรวดเร็วตามใจหวัง ท่านที่เริ่มขั้นปัญญาหรืออยู่ขั้น
ปัญญาก็เร่งการพิจารณาเข้าเป็นลำดับ จนรู้แจ้งเห็นจริงในธาตุขันธ์
อายตนะและกิเลสประเภทต่าง ๆ ที่แทรกสิงอยู่กับอาการต่าง ๆ
ของกายและจิต ถอดถอนออกได้เป็นชิ้นเป็นอันตามวันเวลาที่มี
ความเพียรประคองตัวอยู่โดยสม่ำเสมอ โดยอาศัยป่าเขาลำเนาไพร
เป็นชัยสมรภูมิ ช่วยอำนวยความสะดวกในการรบฟันหั่นแหลกกับ
กิเลสทั้งหลายที่ตั้งกองพันกองพลซ่องสุมอยู่ภายใน ให้พินาศปราศ
ไปวันละเท่าไรสุดแต่สติปัญญาศรัทธาความเพียรมีกำลังกล้าสามารถ
เพียงไร
บางท่านก็ได้ชัยชนะเป็นขั้น ๆ ออกมาจากมหาวิทยาลัย
แห่งป่าชัฏบ้าง แห่งเขาบ้าง แห่งถ้ำบ้าง แห่งเงื้อมผาบ้าง แห่ง
ป่าช้าบ้าง บางทีท่านได้ชัยชนะออกมาอย่างเต็มภูมิยิ้มแย้มแจ่มใส
ใจบริสุทธิ์เต็มดวงเหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญฉะนั้น เวลามาพบปะ
หมู่คณะและสนทนาถึงผลแห่งการปฏิบัติของตน ๆ สู่กันฟังเป็นที่
น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่จะหาฟังได้ในที่ทั้งหลายไม่ว่าสังคมใด จะได้ฟัง
ธรรมบริสุทธิ์สด ๆ ร้อน ๆ ราวกับสาวกอรหันต์ในครั้งพุทธกาล
ท่านสนทนามรรคผลนิพพานที่ตนบรรลุสู่กันฟัง เป็นสิ่งที่หาฟังยาก
อย่างยิ่งในสมัยปัจจุบัน แต่ยังมีท่านที่สามารถฉลาดรู้ถึงธรรมนั้น
พอได้สนทนากันเป็นขวัญใจในวงพระปฏิบัติสมัยปัจจุบันธรรมของท่านเหล่านี้แล เป็นธรรมที่สามารถทำความ
ตื่นเต้นแก่วงปฏิบัติให้มีศรัทธากล้าแข็ง มีเรี่ยวแรงทางกายทางใจ
ขะมักเขม้นเข่นฆ่ากิเลสของตน ๆ ไม่มีความอ่อนข้อย่อหย่อน
ทางความเพียรตลอดมา โดยยึดปฏิปทาที่อาจารย์มั่นท่านประสิทธิ์
ประสาทให้แต่สมัยยังมีชีวิตอยู่ ป่าเขา เป็นต้น จึงเป็นทำเล
ท่องเที่ยวบำเพ็ญของพระธุดงคกรรมฐานสายของท่านเรื่อยมา
แม้ปัจจุบันนี้ก็ปรากฏว่ามีพระกรรมฐานจำนวนมากจำพรรษาอยู่
ตามป่าตามเขา เช่นเดียวกับสมัยท่านอาจารย์มั่นพาอยู่ พระที่
จำพรรษาอยู่ป่าเหล่านั้น โดยมากมีลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นเป็น
อาจารย์ผู้นำในการปฏิบัติเป็นแห่ง ๆ ไป
สถานที่มีพระกรรมฐานสายนี้จำพรรษาอยู่มากพอควร
เวลานี้คือ จังหวัดหนองคาย แถบอำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่
อำเภอโพนพิสัย อำเภอบึงกาฬ ซึ่งเป็นป่าเป็นเขาโดยมาก พระ
กรรมฐานท่านชอบที่เช่นนั้นเป็นทำเลบำเพ็ญ ที่ไม่มีดงหนาป่าทึบ
และภูเขามาก ท่านไม่ค่อยชอบเที่ยวไป อย่างมากก็เพียงเดินผ่าน
หรือพักชั่วคราวตามคำอาราธนานิมนต์ของชาวบ้าน เพื่อการ
สงเคราะห์กันเป็นบางกาลเท่านั้น จังหวัดนครพนมแถบอำเภอ
คำชะอีและเขตติดต่อกับอำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลฯ ซึ่งมีป่า
มีเขามาก ท่านชอบพักอยู่ตามแถบนี้
อำเภอศรีสงครามมีป่ามาก อำเภอบ้านแพงมีป่ามีเขามาก
อำเภอมุกดาหารมีป่ามีเขามาก แถบนี้ท่านชอบพักอยู่เสมอมา
จนทุกวันนี้ จังหวัดสกลนคร แถบอำเภอสว่างแดนดิน อำเภอ
พรรณานิคมมีป่ามีเขาอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอ จังหวัดอุดรฯ
แถบอำเภอบ้านผือ อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอหนองหาน อำเภอเมือง มีป่ามีเขาเป็นแถบ ๆ จังหวัดเลยแถบ
อำเภอวังสะพุง อำเภอเมือง มีป่ามีเขามาก พระกรรมฐานท่าน
ชอบพักอยู่ตามอำเภอและจังหวัดเหล่านี้มากกว่าทุกจังหวัดทาง
ภาคอีสาน
ท่านที่สนใจปฏิบัติด้วยความมุ่งอรรถมุ่งธรรมอย่างยิ่งยังมี
อยู่มาก มีพระเณรมารวมกันเป็นคราว ๆ เวลามีงาน เช่น งาน
ฌาปนกิจศพครูอาจารย์ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ ดังงานศพท่าน
อาจารย์พรหม บ้านดงเย็น อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรฯ ที่ท่าน
ชอบมาในงานเช่นนั้น โดยมุ่งจะได้ฟังอรรถธรรมจากครูอาจารย์
ทั้งหลายซึ่งเป็นที่เคารพนับถือที่มาในงานนั้น ท่านที่มีปัญหาข้องใจ
เกี่ยวกับจิตตภาวนาก็ได้กราบเรียนศึกษาท่านในเวลานั้น พอ
เสร็จงานต่างก็กลับเข้าป่าเข้าเขาอันเป็นสถานที่อยู่บำเพ็ญ
ของตน ๆ มองดูเวลาพระกรรมฐานท่านมารวมกันเป็นจำนวนมาก
นั้นน่าเลื่อมใส และสงสารเณรตัวเล็ก ๆ ที่กำลังน่ารักมากกว่า
จะน่าเลื่อมใส ที่ติดตามอาจารย์ของตนออกมาในงาน
เราพอทราบได้ว่าท่านผู้ใดกำลังจิตใจสูงส่งเพียงไรนั้น
ทราบได้จากเวลาท่านมาในงานนั้น ๆ และมีโอกาสได้สนทนา
จิตตภาวนากันบ้าง เวลาท่านมาหาโดยเฉพาะในกาลอื่นบ้าง ได้
พบกันในที่ต่าง ๆ บ้าง เพราะพระกรรมฐานพบกันโดยมากมีแต่
สนทนากันเกี่ยวกับธรรมภายในใจ ไม่ได้คุยเรื่องอื่น แม้จะสนทนา
กันนานเพียงไรก็มีแต่เรื่องธรรมภายในใจโดยเฉพาะ ไม่มีเรื่องอื่น
เข้ามาสับปนเลย เห็นแล้วจึงน่าเลื่อมใสและสงสารมากในความ
อุตส่าห์ของท่านแต่ละองค์ เรายังแน่ใจและอบอุ่นอยู่ว่า ถ้ายัง
มีท่านผู้สนใจปฏิบัติธรรมด้วยความอุตส่าห์พยายามอย่างนี้อยู่ตราบใด ผลเป็นเครื่องสนองตอบแทนให้องค์ท่านและประชาชน
ได้รับความชุ่มเย็น ยังคงสืบต่อกันไปโดยสม่ำเสมอตราบนั้น
ไม่ขาดทุนสูญดอกไปอย่างแน่นอน ดังหลักธรรมที่ว่า ดูก่อน
อานนท์ ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมยังมีอยู่ พระอรหันต์
ย่อมไม่สูญไปจากโลกดังนี้
การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ปฏิบัติอย่างไรจึงเรียกว่า
สมควร ในข้อนี้เมื่อถือเอาใจความแล้วน่าจะได้แก่ความเหมาะสม
เรานี่เอง ความเหมาะสมของธรรมคือพร้อมด้วยเหตุด้วยผลจาก
พระโอษฐ์แห่งพระศาสดาตรัสเอง ที่เรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้
ชอบแล้วทุกอย่างไม่มีอะไรบกพร่อง ถ้าเป็นทางก็ตรงแน่วต่อจุด
ที่หมาย ไม่มีทางปลีกทางแวะให้ผิดสำหรับผู้เดินตาม ถ้าเป็นอาหาร
ก็สมบูรณ์เต็มที่จากแม่ครัวผู้มีฝีมือเยี่ยมทรงรสชาติไว้พอเหมาะพอดี
ไม่เผ็ดไม่เค็มเกินไป เหมาะกับชิวหาประสาทของผู้รับทั่ว ๆ ไป
ถ้าเป็นเสื้อกางเกงก็เป็นชนิดที่วัดจากตัวของผู้สวมใส่เอง ไม่คับ
ไม่หลวมเกินไป พอดิบพอดีกับผู้สวมใส่ทั้งหลาย ไม่เหมือนที่เขา
ตัดเย็บเพื่อคนฟิต ๆ จัดจนดูไม่ได้ทั้งหญิงทั้งชาย ขืนดูมากไป
ตาแตกโดยไม่รู้ตัว ปลงธรรมสังเวชสามเดือนไม่จบสิ้นลงได้ เพราะ
พิสดารเกินมนุษย์มนาเทวดาอินทร์พรหมแม้อยู่ในโลกทิพย์
ความเหมาะสมแห่งธรรมทุกบททุกบาทที่ควรแก่มรรคผล
นิพพานโดยถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น เรียกว่าธรรมสมควร คือ สมควร
แก่มรรคแก่ผลนั่นเอง ส่วนคำว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น คือ
ปฏิบัติตามธรรมที่เรียกว่า สุปฏิบัติ อุชุ ญายะ สามีจิ นั่นแลเป็น
ปฏิบัติสมควร ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ยิ่งกว่าธรรม ไม่หย่อนกว่า
ธรรม ไม่ปฏิบัติแบบแผลง ๆ แฝง ๆ เอาตามใจชอบราวกับเป็นศาสดาของธรรมทั้งหลาย เรียกว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ถ้าปฏิบัติตามแบบ สุปฏิบัติ อุชุปฏิบัติ ญายปฏิบัติ สามีจิปฏิบัติ ก็
จัดว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแท้ ผลย่อมเป็นที่ยอมรับกันอย่าง
หนีไม่พ้น ไม่ว่าสมัยพุทธกาลหรือสมัยใดย่อมขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ
เป็นสำคัญกว่าอื่น เช่นเดียวกับการเดินทางราบรื่นซึ่งถูกต้องเพื่อ
ไปสู่จุดที่หมายนั้น ๆ จะเดินกลางวันกลางคืน หรือเดินหน้าแล้ง
หน้าฝน เมื่อไม่มีปลีกแวะจากเส้นทางที่ถูกต้อง ก็ย่อมถึงจุดหมาย
ได้เช่นเดียวกัน
ฉะนั้นสำคัญที่ต้องเดินให้ถูกทาง ไม่ว่าทางทางโลกหรือ
ทางทางธรรมเหมือนกัน เพราะธรรมที่สมควรดังกล่าวย่อมเป็น
อกาลิกธรรม คือตรงแน่วต่อมรรคผลนิพพานอยู่ตลอดเวลาโดย
ไม่นิยมกาลสถานที่ นิยมเฉพาะการปฏิบัติถูกธรรมเป็นสำคัญ
ยิ่งกว่าเรื่องอื่นใด ถ้าปฏิบัติไม่ถูกธรรม ไม่ว่าสมัยใดไม่มีหวังผลที่พึง
ได้รับ เพราะขัดต่อหลักที่ว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม การปฏิบัติ
ผิดไม่เข้ากับหลักที่ว่าสมควรแก่ธรรม ย่อมเป็นข้าศึกต่อตนและ
ต่อธรรมอีกด้วย ธรรมที่ตรัสไว้แล้วเหมาะสมกับสภาพทั่วๆ ไป
ไม่ขัดแย้งกับสิ่งใดในโลก จึงเรียกว่าตรัสไว้ชอบแล้ว ดังนั้นผู้หวังผล
เป็นที่พึงพอใจ จึงควรคำนึงถึงเหตุที่กำลังดำเนินอยู่ ว่าเข้ากับหลัก
ที่ว่าสมควรแก่ธรรมหรือไม่ ถ้าไม่เข้าก็ชื่อว่าปลีกหรือขัดแย้งต่อ
ธรรมและมรรคผลนิพพานโดยไม่ต้องสงสัย
ขออภัยผู้เขียนมักเพ้อเสมอ พอไป ๆ เลยไปใหญ่ กว่าจะ
รั้งสติคืนมาได้ก็เลยมุมโลกไปแล้ว จึงขอย้อนอธิบายเรื่องพระธุดงค์
ต่อไป พระกรรมฐานสายท่านอาจารย์มั่นที่ท่านปฏิบัติจริง ๆ ยังมี
อยู่มาก โดยมากท่านไม่ค่อยออกจากป่าจากเขา ประชาชนที่อยู่ในเมืองหรือในเมืองหลวงจึงไม่ค่อยมีโอกาสทราบได้ว่า ท่านพักอยู่ใน
ที่เช่นไร และอยู่จังหวัดอะไรกันบ้าง จึงจะเรียนให้ทราบตามจังหวัด
ที่ท่านชอบพักอยู่ แต่ในตัวจังหวัดจริง ๆ ท่านไม่ค่อยชอบอยู่
ชอบอยู่ตามอำเภอนอก ๆ ซึ่งเป็นป่าเป็นเขาที่สงบเงียบ ห่างจาก
อำเภอและตัวจังหวัดอยู่มาก บางแห่งรถเข้าไม่ถึง บางแห่งรถพอ
เข้าได้ แต่ลำบากต้องบุกป่าบุกโคลนเข้าไป ถ้าหน้าฝนก็เข้าไม่ได้
ปกติพระกรรมฐานท่านจะไปไหนมาไหนชอบเดินแบบธุดงค์
คือ เดินเท้าเปล่าไปเรื่อย ๆ ขึ้นเขาลูกนี้ ปีนเขาลูกนั้น หาที่พัก
ภาวนาไปตามวิสัย ไม่ค่อยสนใจจะออกมาบ้านมาเมือง ท่านปฏิบัติ
กันอย่างเงียบ ๆ ใคร ๆ ไม่ค่อยทราบ แต่พระกรรมฐานด้วยกัน
ท่านทราบเรื่องของกันตลอดทั้งภายในภายนอก ว่าท่านองค์ใดพัก
อยู่ที่ไหนกันบ้าง อำเภอใดในจังหวัดนั้น ๆ มีพระเณรประมาณ
เท่าไร ท่านทราบกันได้ดีทุกระยะ เพราะท่านติดต่อกันอยู่เสมอ
ยิ่งครูอาจารย์ผู้ใหญ่เป็นที่เคารพนับถือด้วยแล้ว พระกรรมฐาน
ยิ่งชอบมากราบเยี่ยมศึกษาอรรถธรรมกับท่านเสมอมิได้ขาด
คณะนั้นไป คณะนี้มา ผลัดเปลี่ยนกันไปมาอยู่ไม่ขาด
ทั้งหน้าแล้งหน้าฝน เว้นเฉพาะหน้าพรรษาที่อยู่ห่างไกลก็มาลำบาก
จำต้องขาดการติดต่อไปชั่วคราว ส่วนที่อยู่ใกล้พอไปมาหาสู่กันได้
ท่านย่อมไปมาหาสู่กับครูอาจารย์และหมู่คณะเสมอ เพื่อศึกษา
อรรถธรรมด้วยความเคารพนับถือครูอาจารย์ผู้มีคุณธรรม และถือ
เป็นประเพณีของพระกรรมฐานมาดั้งเดิมที่ต้องมากราบเยี่ยมฟัง
การอบรมต่าง ๆ ตามโอกาสที่ควร ฉะนั้นท่านจึงทราบการอยู่
การไปของกันและกันได้ดี พูดถึงภูมิจิตภูมิธรรมของท่านที่สูง ๆ ก็
ยังมีอยู่มาก แต่โดยมากท่านเหล่านี้มีสมบัติไม่ค่อยนำออกจับจ่ายเรี่ยราดเหมือนคนมีทรัพย์ไม่ชอบอวดตัว เครื่องอุปโภคบริโภค
ต่าง ๆ ใช้อย่างคนธรรมดา ๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมให้วุ่นไป พระที่
มุ่งต่ออรรถธรรมจริง ๆ ท่านปฏิบัติตัวแบบนั้น ต่างท่านต่างอยู่
อย่างเงียบ ๆ ตามอัธยาศัยของผู้หนักในธรรม ไม่ชอบคุยโม้โอ้อวด
อันเป็นลักษณะของโลก
กรรมฐานสายนี้ท่านมีนิสัยเงียบ ๆ ชอบเงียบทั้งทางหู
เงียบทั้งทางปาก เงียบทั้งทางตา เงียบทั้งทางใจ ถ้าไม่ใช่พวกกันเอง
จริง ๆ ท่านไม่ค่อยพูดเกี่ยวกับธรรมภายในของท่านให้ใครทราบ
เลย ฉะนั้นเมื่อได้ยินใครก็ตามคุยเขื่อง ๆ หน่อยโดยหาเหตุผลมิได้
ตามนิสัยของคนชอบอวดตัว ท่านเหล่านี้จึงมักเวียนศีรษะ คอยแต่
จะเป็นลมตามนิสัยพระกรรมฐานสายนี้ที่ชอบเป็นคนธาตุอ่อนใน
ทางคุยโม้โอ้อวด เนื่องจากท่านไม่สันทัดจัดเจนกับสังคมซึ่งมักมี
เรื่องเขื่อง ๆ ปะปนอยู่เสมอ เรื่องอย่างนี้ท่านมักถือกันมาแต่ครู
อาจารย์ที่พาดำเนินมาอย่างสงบเสงี่ยม ถ้าใครคุยเขื่องหน่อยท่าน
มักท้องเสียไปตาม ๆ กัน เกิดปวดมวนท้องขึ้นมาทันทีทันใด และ
ชอบลุกหนีไปหาฉันยาแก้โรคชนิดนี้ทันที
ปกติท่านไม่เคยเขื่องในวงกรรมฐานด้วยกัน ถ้าใครคุย
เขื่อง ๆ บ้าง ท่านมักหัวเราะอยู่ในลำคอ และหันหน้าเข้าฝาบ้าง
เข้าป่าบ้าง กลัวเป็นลมถ้าทนฟังไปนาน ในวงเดียวกัน ถ้าองค์ใด
ชอบคุยเขื่อง ๆ เช่นนั้น ท่านรังเกียจว่าสู้แมวและเสือก็ไม่ได้เพราะ
สัตว์ชนิดนี้เขายังรู้จักซ่อนเล็บซ่อนเขี้ยวของเขาดีกว่าพระบ้าน้ำลาย
ถึงเวลากางเล็บแยกฟันตามเหตุการณ์ที่ควรเขาจึงแสดงออก ส่วน
เราเป็นมนุษย์และเป็นพระกรรมฐานซึ่งเป็นเพศที่ควรใคร่ครวญโดย
ละเอียดสุขุม ก่อนจะระบายอะไรออกมา แต่ยังมาคุยโม้โอ้อวดได้โดยไม่รู้จักอายต่อสถานที่บุคคลกาลเวลาบ้างเลย ท่านจึงมักเข้าใจ
ผิด ๆ ไปว่าองค์เช่นนั้นเป็นกรรมฐานหน้าไม่รู้จักอาย และท่านที่
หนักในธรรมทั้งหลายไม่ค่อยเต็มใจคบค้าสมาคมด้วย โดยถือกันว่า
เลยพลเมืองดีทั้งหลายไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ นอกจากวงปฏิบัติด้วยกันแล้ว จึงยากที่จะรู้
ภูมิจิตภูมิธรรมท่านได้อย่างง่าย ๆ นอกจากผู้เขื่อง ๆ ซึ่งใครก็อาจ
รู้ภูมิเสียก่อนแต่ยังไม่สนใจถาม พระที่ท่านปฏิบัติจริงท่านไม่ชอบ
คุยนอกจากเก็บตัวเงียบ ๆ เพื่อสั่งสมธรรมภายในให้ยิ่งขึ้นไป
เท่านั้น ไม่ชอบให้ธรรมที่กำลังรักสงวนกระจายออกไปโดยใช่เหตุ
อันเป็นลักษณะสุกก่อนห่ามและขายก่อนซื้อ ที่โลกก็ถือกันว่าเป็น
ความเลวทราม วงปฏิบัติจึงระมัดระวังกันมากตลอดมาแต่ครู
อาจารย์ โดยมีความเห็นว่าการพูดธรรมภายในซึ่งเป็นสมบัติของ
ตัวโดยเฉพาะ แก่บุคคลที่ไม่คุ้นเคยและไว้ใจกันมาก่อน เป็นความ
ไม่รู้จักความเหมาะสมในตัวเอง ในสังคม และในธรรมทั้งหลาย ซึ่ง
เป็นการขายตัวแทนที่จะเกิดประโยชน์
เรื่องทำนองนี้ไม่ว่าเฉพาะทางธรรมซึ่งเป็นความละเอียดเลย
แม้แต่โลกที่มีสมบัติผู้ดีติดตัวเขายังรู้จักถ่อมตนระวังตัว ไม่คุยโม้
โอ้อวดอันเป็นลักษณะประกาศความลามกของตัวให้คนมีสมบัติผู้ดี
เบื่อรำคาญ ธรรมยิ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของนักปราชญ์มาประจำ
แผ่นดิน ซึ่งควรระมัดระวังสมกับผู้มีภูมิธรรมในใจ ไม่เปิดปล่อยให้
เรี่ยราดสาดกระจายไปแบบไม่รู้จักประมาณความพอดี จนเป็นที่
น่าสลดสังเวชแก่วงปฏิบัติแลพุทธบริษัทด้วยกัน ราวกับสิ่งไม่มี
คุณค่าอะไรเลย




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและเมื่อวานนี้ได้บริจาคเงินที่ตู้บริจาคช่วยเหลือคนพิการแบรุงซ่อมแซมศาสนสถานอละที่ผ่านมาได้อนุโมทนากับเพื่อนคนหนึ่งและคนอื่นที่ให้อาหารสัตว์เป็นทานตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน บริจาคเงินที่ตู้บริจาคช่วยเหลือคนพิการแบรุงซ่อมแซมศาสนสถาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ร่วมสร้างโบสถ์กับหลวงปู่ลี วัดป่าหัวตลุกวนาราม
ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดยาว
ชื่อบัญชี หลวงปู่ลี ตาณังกโร
เลขบัญชี 606-0-27704-7



ขอเชิญร่วมสร้างห้องน้ำ ณ อาคารปฎิบัติธรรม วัดดอน (บรมสถล) เขตสาธร กรุงเทพ)
087 – 9248898


ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้างห้องน้ำ จำนวน 10 ห้อง
084-9533891


เชิญร่วมพิธีมหามงคลบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และ ยกยอดฉัตรพระธาตุจินดามณีเทพนิมิต
089-5584332<O </O


ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ พุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น
สนใจเมลล์ มาก็ได้ครับ sthanapat@hotmail.com


ขอเชิิญร่วมงานบวงสรวงวางศิลาฤกษ์ พระอุโบสถ วัดป่าธรรมอุทยาน อ.บรบือ จ. มหาสารคาม


ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าชื้อที่ดินถวายวัดป่าปัญญโรจน์
โทร.081-9059967


ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวายใบเสมาธรรมจักรไว้ในบวรพระพุทธศาสนา อันละ ๑๐๐ บาท
๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐

สร้างศาลาการเปรียญและห้องสุขา ที่พักสงฆ์ป่าวิโมกข์
โทร. 085-011-5788


ขอเชิญสร้างพระใหญ่ พระพุทธลาภวิมลมงคลบพิตร วัดท่อใหญ่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี


ร่วมทำบุญพระยืนและทำบุญทาสีองค์พระยืน วัดใหม่ปลายห้วย จ.พิจิตร


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพในการเททอง พระเจ้าตากสินมหาราช และบวชนาคเฉลิมพระเกียรติฯ
วันที่ ๒๙ ถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕
ณ วัดขวางชัยภูมิ ต.คอรุม
อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์


เชิญร่วมปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดจักจั่นวนาราม
082 228-8381
เชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน เป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิสงฆ์
โทร.0854921577


ขอเชิญร่วมทำบุญปิดทองพระพุทธรูปหน้าตัก4สอก
นาย ชนายภูมิจักษ์ กาญจนินทุ ธนาคาร กสิกร สาขา บางยี่ขัน เลขที่บัญชี 047-2-40521-9


ขอเชิญร่วมบุญสร้างโบสถ์ สร้างรั้ว กับวัดเวฬุวันคีรีวงค์
โทร.0813837748


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ และร่วมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุ
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทาสีพระอุโบสถวัดถ้ำปากเปียง อ.เชียงดาว
089-6762902


ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลสร้างพระเสริมบารมี
โทร.๐๘๑-๕๘๘๒๐๐๓


สร้างพระพุทธปฏิมาในวโรกาสพุทธชยันตี2600ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม
0860813558


ร่วมสร้างศาลามหาทานบารมี อนุสรณ์ แม่ชีโสดา โสสุด ครับ
สามารถโอนเงินเข้าบัญชีรายชื่อ

พระอาจารย์กิติศักดิ์ อินสมบูรณ์(กันตปัญโญ)
ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านม่วง-สกลนคร
เลขที่บัญชี 636-0-30409-8



ขอเชิญร่วมบริจาคสร้างศาลาอเนกประสงค์ ที่เพรชบูรณ์

ธ.ไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ สาขานาเฉลียง

เลขที่บัญชี 564-241-28-75<O </O< font>
ชื่อบัญชี พระอ้าย ธมมฺธฺโร



เชิญร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี กำแพงวัดมเหยงคณ์ จ. อยุธยา
สามารถร่วมถวายปัจจัยได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ
สาขาตลาดเจ้าพรหม ประเภทสะสมทรัพย์
ชื่อบัญชีวัด มเหยงคณ์ เลขที่ 478-0-616670


ขอเชิญร่วมสร้างศาลาหอฉัน และ หล่อพระสมเด็จองค์ปฐมปางจักรพรรดิ
โทร. 088 – 4746010


ขอเชิญร่วมพิธีเททองหล่อบรมครูหมอชีวโกมารภัจจ์
โทร. ๐๘๑๙๖๗๘๐๙๔



เชิญร่วมพิธีเททองหล่อพระประธาน “ปางชนะมาร” วัดกำแพงบางจาก
02-4671352



ที่พักสงฆ์ทุ่งรวงทองขอเชิญญาติโยมร่วมสร้างลานปฏิบัติธรรม
โทรศัพท์0828403623<O </O


บ้านนาสมบูรณ์ขอเชิญญาติโยมร่วมสร้างเสนาสนะสงฆ์ที่พักสงฆ์ทุ่งรวงทอง
082-8403623


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างมณฑปเพื่อเก็บอัฐิและอัฐบริขารของหลวงปู่ครูบาคำ วัดศรีดอนตัน
084-1754573


เนื่องจากวัดไผ่หลวง ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร
มีความประสงค์ ที่จะซ่อมแซมหลังคาโบสถ์ (เป็นโบสถ์เก่าหลังคาชำรุด)
และกำแพงโบสถ์(ที่พังจากน้ำท่วม)ทางวัดยังขาดเงินในการซ่อมแซม
จึงขอรบกวนท่านที่มีจิตศรัทธา
ติดต่อโดยตรงได้ที่ พระครูวิสุทธิศีลวิมล
โทร. 081-0381404


ขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างเจดีย์ และลานปฏิบัติธรรม เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนนานสืบต่อไป

สร้างเจดีย์ บริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี พระประชา ปภัสสโร ธนาคารกรุงศรีอธุธยา สาขาหนองบัว จ.อุดรธานี บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 215-1-45999




ร่วมทำบุญวิหารทานสานต่อกรรมฐานที่สังคายนาสมัยรัชกาลที่2
โทร. 084-651-7023


ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพหล่อ " พระพุทธทวารวดีศรีรัตนโกสินทร์ "
( ๐๓๔ ) ๒๐๒ – ๕๙๑


ร่วมบุญเปลี่ยนหลังคาอาคารกรรมฐานเป็นวิหารทานป้องกันภัยให้ตนเอง
084-651-7023


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างห้องน้ำ
ณ ที่พักสงฆ์บ้านวังตะแบก หมู่ที่ 1 ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
083-9541395


ขอเชิญร่วมบุญหล่อพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ขนาดหนาตัก ๙ นิ้ว จำนวน ๘๐ องค์
081-825-6623


ขอเชิญอัญเชิญพระธาตุ วัตถุมงคล พระเหรียญ พระเครื่อง พระเกษาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ อัฐิ พระอังคาร ของกายสิทธิ์ ทนสิทธิ์ หินแร่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นของเก่า แต่ขอให้มีค่าคู่ควร หาพบหาชมยาก เพื่อจัดแสดงและถวายเป็นพุทธบูชา ยังดินแดนพระพุทธองค์ เป็นการมอบคืนสมบัติให้แก่แผ่นดิน ให้เป็นมรดกแก่ชาวโลก
๐๘๑๑๓๓๑๓๐๗


ขอเชิญร่วมงานทอดกฐินเนื่องในปีพุทธชยันตี
ณ. วัดพุทธสาวิกา เมืองพุทธคยา
ประเทศอินเดีย
ในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน๒๕๕๕
และร่วมถวาย พิพิธภัณฑ์พุทธศาสนาไทยแห่งแรกในประเทศอินเดีย ชึ่งจัดทำไว้ที่อาคารดาษฟ้าชั้นสี่
(อาคารรับรองพุทธสาวิกาทั้งสี่ทิศ)


ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมหล่อพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดคลองพระเจ้าฯ จ.ระยอง
โทร๐๘๔ - ๘๗๐- ๓๕๕๕


ยอดอานิสงส์!!!13เมษาสงกรานต์หล่อ"พระเกศ"รัศมีแห่งการตรัสรู้องค์ปฐม108องค์ๆละ555บ
โทร 080-167-5445


บุญใหญ่ !! อาราธนาองค์ปฐมเสด็จไปเยอรมนี
0876146689


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2012, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่วงปฏิบัติท่านสงวนตัวสงวนธรรมนั้นชอบแล้ว ผู้เขียนแม้
ไม่มีความรู้ที่แหลมหลักนักปราชญ์ชาติกวีอะไรเลยยังรู้จักเลื่อมใส
ท่าน เพราะเป็นปฏิปทาที่สงบเสงี่ยมเจียมตนไม่เผยอเย่อหยิ่ง อัน
เป็นลักษณะลิงได้แก้ว แต่ไม่รู้จักวิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ พาห้อยโหน
โยนตัวไปบนกิ่งไม้ใกล้ตลิ่งชัน ๆ พอโหนไปไม่ถึงไหนก็พาแก้วหล่น
ตูมลงก้นเหวลึก แหลกละเอียดไปทั้งตัวทั้งแก้วอันมีค่าและฉิบหาย
ไปด้วยกัน จึงพอเป็นคติเตือนใจได้ทั้งทางโลกทางธรรมว่า ไม่ควร
เอาอย่างลิงได้แก้วมาใช้ให้เลอะเทอะแก่โลกแก่ธรรมต่อไป จะกลาย
เป็นโรคเรื้อรังระบาดทำลายโลกและธรรมให้ฉิบหายไม่มีประมาณว่า
จะยุติลงได้
พระกรรมฐานบางองค์แม้อายุพรรษายังน้อย แต่ปฏิปทา
คือข้อปฏิบัติท่านโดดเดี่ยวอาจหาญดี น่าเป็นคติและประดับ
เกียรติแก่วงคณะปฏิบัติได้ดี ยังมีอยู่หลายท่านบรรดาที่เป็น
ลูกศิษย์บั้นปลายของท่านอาจารย์มั่น ระยะนี้ท่านกำลังเร่งรีบทาง
ความเพียรภายใน ต่อไปจะได้อาศัยท่านเหล่านี้เป็นกำลังพระ
ศาสนาและเป็นผู้นำหมู่คณะต่อไป เมื่อครูอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์
ผู้ใหญ่ของท่านล่วงลับไป อันเป็นคติธรรมดาที่ใคร ๆ จะอดระลึกไว้
ก่อนมิได้ วันนี้ท่านองค์นี้ล่วงไปคนนี้ล่วงไป วันหน้าท่านองค์นั้น
ล่วงไปคนนั้นล่วงไป วันหน้าเดือนหน้าปีหน้าองค์นั้นล่วงไปคนนั้น
ล่วงไป หรือวันนี้เดือนนี้ปีนี้เราท่านอาจล่วงไป หรือวันหน้าเดือน
หน้าปีหน้าเราท่านอาจล่วงไปก็ได้ เพราะเป็นสิ่งไม่แน่นอนด้วยกัน
ทั้งสิ้น เนื่องจากต่างคนต่างเดินเหยียบย่ำไปมาอยู่กับโลกอนิจจัง
ด้วยกันตลอดเวลา ไม่ทราบว่าเราหรือท่านผู้ใดจะเหยียบผิดพลาด
อาจตกลงไปในหลุมแห่งอนิจจังคือความสลายตายจากเมื่อไรท่านจึงสอนไม่ให้ประมาทนอนใจในสังขารคือตัวเราตัวท่านเอง
พระองค์ท่านที่เด็ดเดี่ยวรีบเร่งตักตวงความเพียรไม่หยุดยั้ง
นั้น ท่านอาจเล็งเห็น “กฎพินาศ” ที่หลีกเว้นมิได้นี้อย่างเต็มใจ
ก็ได้ จึงพยายามแหวกว่ายด้วยวิธีต่าง ๆ มิได้ลดละปล่อยวาง
ความเพียร คราวจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติต่อกฎของชาติโดยทาง
บ้านเมืองขออาราธนาท่านลงมาจากภูเขาชั่วคราว เพราะเป็นแดน
ที่ไม่น่าปลอดภัยทั้งท่านเองและท่านผู้อื่นจำนวนมาก เกี่ยวกับ
ความสับสนวุ่นวายของบ้านเมืองที่กำลังเป็นสองฝักสองฝ่าย ซึ่ง
อาจมีทั้งร้ายทั้งดีที่ไม่ควรนอนใจ เมื่อบ้านเมืองสงบพอเป็นที่เย็นใจ
แล้วค่อยขึ้นไปพักบำเพ็ญตามอัธยาศัย ท่านยังรู้สึกอึดอัดใจที่
จำต้องปฏิบัติตาม โดยออกจากป่าจากเขาลงมาอยู่สถานที่ธรรมดา
แม้เป็นเสนาสนะป่าที่มีความสงัดวิเวกอยู่บ้างไม่วุ่นวายจนเกินไป
ทั้งนี้เพราะความสะดวกต่อการบำเพ็ญที่เคยได้รับผลในสถานที่
เช่นนั้นมาเป็นประจำ และถูกกับอัธยาศัยของผู้มุ่งหวังอรรถธรรม
อย่างแรงกล้าภายในใจมาประจำนิสัย ไม่อยากพลัดพรากจาก
แดนที่เคยให้ความสุขสำราญแก่ใจ เวลาไปอยู่ที่อื่นก็ไม่แน่ใจนักใน
การบำเพ็ญ ว่าจะได้รับความสะดวกทางใจเพียงไร
ความอดอยากขาดแคลนของพระกรรมฐาน
พระธุดงคกรรมฐานที่มุ่งหน้าต่อแดนพ้นทุกข์อย่างถึงใจ มัก
จะประสบแต่ความอดอยากกันดารในปัจจัยทั้งหลายประจำปฏิปทา
ด้วยความสมัครใจ คือ ท่านชอบอยู่ในที่อัตคัดกันดาร นอกจาก
ความขาดแคลนตามสภาพของสิ่งเกี่ยวข้องในที่นั้น ๆ แล้ว ยังเป็น
ความสมัครใจที่จะทำตนเป็นความอดอยากขาดแคลนอีกด้วยอาหารบิณฑบาตได้มามากแต่รับเพียงเล็กน้อยบ้าง รับเพียงข้าว
เปล่าๆ ทั้งที่อาหารมีอยู่บ้าง ตั้งใจไม่ฉันเสียบ้างเป็นวัน ๆ ไป
อดไปทีละหลาย ๆ วันสลับกันไปบ้าง ทั้งนี้ท่านสังเกตใจเป็นสำคัญ
ขณะที่ฝึกด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ละแบบนั้น ขณะภาวนาจิตได้รับผล
แห่งความสงบและแยบคายทางสติปัญญาต่างกันอย่างไรบ้าง
ทำความสังเกตกำหนดวิธีที่เกิดผลดีกว่าวิธีอื่น ๆ ไว้ แล้วพยายาม
ทำตามวิธีนั้นโดยสม่ำเสมอ บางทีก็อดไปหลายวันแล้วมาฉันด้วย
วิธีผ่อนบ้าง หรือผ่อนไปหลายวันแล้วหยุดฉันเสียบ้าง ราวสี่ห้าวัน
จึงฉันและผ่อนไปพอประมาณ
การสังเกตธาตุขันธ์กับจิตใจต้องสังเกตไปพร้อม ๆ กัน ถ้า
ธาตุขันธ์รู้สึกอ่อนเพลียมากก็ฉันเพิ่มขึ้นอีกพอประมาณ แต่ไม่ให้
พอกับความต้องการของธาตุทีเดียวจะทับจิตเกินไป เช่นเพิ่มขึ้นจาก
ที่เคยผ่อนอยู่แล้ว ๕๐% เป็น ๖๐% ถ้ารู้สึกว่าธาตุจะวิการเพราะ
ขาดอาหารมากไป ก็งดการผ่อนและการอดเสียชั่วระยะหนึ่ง จน
ธาตุพอตั้งตัวได้แล้วค่อยผ่อนหรืออดอาหารอีกต่อไป เฉพาะจิตของ
ผู้ถูกกับจริตในทางนี้ ย่อมเจริญก้าวหน้าขึ้นไปโดยลำดับ แม้ถึงกาล
ที่ควรจะอนุโลมผ่อนผันตามธาตุขันธ์ที่กำลังวิการอ่อนเพลีย แต่ใจก็
ไม่อยากอนุโลมตาม ยังอยากผ่อนหรืออดอยู่ร่ำไป เพราะเคย
เห็นผลทางใจเพิ่มขึ้นทุกระยะที่ผ่อนหรืออดอาหาร หากจำเป็นต้อง
ผ่อนผันสั้นยาวเข้าหากันจนพอดีทั้งธาตุขันธ์และจิตใจก็ควรทำ
การดำเนินจึงสะดวกตามความประสงค์ที่มุ่งหมาย
ระหว่างการผ่อนอาหารหรืออดอาหารไปนาน ๆ ร่างกาย
ย่อมมีความหิวโหยอ่อนเพลียบ้างเป็นธรรมดา ถ้าจะถือเป็น
ความทุกข์กังวลกับความหิวโหยก็ทำไปไม่ได้ นี่ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่งในการปฏิบัติธรรม ฉะนั้นกรรมฐานผู้หวังความสงบสุข
ทางใจ จึงมักทำตนให้อดอยากขาดแคลนเสมอทั้งที่ไม่อยากทำ แต่
จริตนิสัยและความหวังในธรรมนั้นพาให้จำเป็นต้องทนต้องทำ ที่ว่า
อดบ้าง อิ่มบ้าง หรือผ่อนอาหารบ้าง อดอาหารบ้าง นั้นมิใช่ทำอยู่
เพียงเดือนสองเดือน แต่พยายามทำอย่างสม่ำเสมอไปเรื่อย ๆ
เป็นปี ๆ หรือจนเป็นที่แน่ใจตัวเองว่าจะไม่ต้องทำแบบนั้นอีก จิตก็
ดำเนินตนไปได้ด้วยความสะดวกราบรื่นไม่ขลุกขลัก ก็หยุดจากวิธี
เหล่านั้นได้ ปฏิบัติดำเนินไปธรรมดาทั้งทางกายและทางใจ
แต่โดยมากเท่าที่เคยสังเกตมา ขึ้นชื่อว่ากิเลส ไม่ว่าชนิดใด
และมีมากมีน้อยเพียงไร ต้องแสดงตัวเป็นข้าศึกต่อเราอยู่เสมอ
ตามฤทธิ์ของมันที่ยังเหลืออยู่ในใจมากน้อย ไม่เคยไว้หน้าใครแต่
ไหนแต่ไรมา ฉะนั้นนักปฏิบัติที่ถือว่ากิเลสเคยเป็นข้าศึกแก่ตนอย่าง
ฝังใจ ย่อมไม่นอนใจที่จะเลี้ยงกิเลสไว้ด้วยความนิ่งนอนใจ ว่ามันจะ
กลายเป็นมิตรแก่ตน ไม่ก่อพิษภัยให้ได้รับความทุกข์ร้อนใด ๆ
อีกต่อไป แต่กลับเห็นเสียว่าถ้าได้ทำลายให้สิ้นซากลงไปในขณะนี้
จะเป็นที่พอใจอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าจะเลี้ยงไว้ทำพิษแก่ตนในวันอื่นต่อไป
นี่แลเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ท่านไม่ลดละความพยายามที่จะตาม
ต้อนกิเลสด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การผ่อนหรืออดอาหาร อันเป็นวิธี
สนับสนุนความเพียรทางใจให้สะดวกแก่การทำสมาธิภาวนายิ่งขึ้น
กว่าปกติธรรมดา จึงทำให้ท่านลดละปล่อยวางวิธีที่เคยได้ผลมา
เสียมิได้ โดยมากที่ท่านพยายามตะเกียกตะกายฝึกทรมานด้วยวิธี
ต่าง ๆ ที่เห็นว่าได้ผลดีไม่ยอมลดละแม้เป็นเวลาหลายปี ก็เพราะมี
เหตุบังคับที่จำต้องให้ท่านพยายามดังกล่าวมาการผ่อนและการอดอาหารเพื่อความเพียรทางใจ รู้สึกมี
มากองค์ในสายนี้ น่าจะได้ผลดีกว่าวิธีอื่น ๆ เช่นอดนอนเป็นต้น
ท่านจึงชอบอดกันตลอดมาจนทุกวันนี้ การอดนอนถ้าลงได้ผ่อน
อาหารอดอาหารแล้ว ย่อมเป็นไปในตัวโดยไม่จำต้องอดนอนด้วย
ความตั้งใจ เพราะการผ่อนและการอดอาหารย่อมทำให้ไม่ง่วงเหงา
หาวนอนไปเอง จะอยู่ตลอดคืนไม่นอนก็ไม่มีการโงกง่วงเหมือนรับ
อาหารเป็นปกติ การพักนอนบ้างนั้นเพื่อเป็นกำลังทางกายไม่ให้
อ่อนเพลียจนเกินไปต่างหาก มิใช่เพราะความโงกง่วงบังคับให้ต้อง
หลับนอนในขณะที่กำลังผ่อนหรืออดอาหาร
ความจริงท่านที่ผ่อนหรืออดอาหารได้ สาม สี่วันล่วงไป
แล้ว ย่อมหมดความโงกง่วงซึ่งพอจะลดหย่อนในการหลับนอน
ไปได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องมีการบังคับไม่ให้หลับแต่อย่างใด
แล้วการตั้งสติก็ง่าย การควบคุมจิตใจก็ง่าย จิตไม่ค่อยผาดโผน
และคึกคะนองไปในอารมณ์ต่าง ๆ สติไม่ค่อยเผลอตัว รู้
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มาสัมผัสได้เร็วกว่าเวลาปกติที่ไม่ได้ผ่อน
หรืออดอาหาร ทำสมาธิก็ลงสู่ความสงบได้ง่าย เดินทางปัญญา
ก็คล่องแคล่วรวดเร็วผิดธรรมดาอยู่มาก เพราะท่านเห็นคุณค่า
แห่งการผ่อนหรืออดอาหารว่า ได้รับความสะดวกหลายทางสำหรับ
รายที่ถูกกับจริต จึงได้พยายามเรื่อยมาแม้จะลำบากผิดธรรมดาบ้าง
เพราะนิสัยวาสนาของตัวอำนวยไปในทางนั้น จำต้องฝืนเอา
บ้างเพราะอยากได้ของดี จะทำตามวิธีง่าย ๆ และสะดวกแบบ
สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ทั้งปฏิบัติสะดวกทั้งรู้ได้เร็วนั้น นิสัยก็
ไม่อำนวย น่าจะอยู่ในข่ายแห่ง ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ทั้ง
ปฏิบัติลำบากทั้งรู้ได้ช้ากระมัง จึงต้องขัดขืนกลืนลำบากเอานักหนาจะกลืนความสงบสุขคือสมาธิ และกลืนความฉลาดคือสติปัญญา
เข้าสู่ใจได้แต่ละครั้ง ต้องประมวลความทุกข์เข้าสู่กายสู่ใจอย่าง
มากมายก่อนแทบทนไม่ไหว ดีไม่ดีถ้าลมหายใจไม่ยาวอยู่บ้างก็
น่ากลัวจะตายไปก่อนได้รับผล เมื่อคิดถึงความเสือกคลานของ
นักปฏิบัติแต่ละท่าน กว่าจะได้ดื่มธรรมรสแต่ละครั้งละคราว รู้สึก
แสนอดแสนทนที่น่าสงสารอย่างจับใจ แต่ก็ยังดีที่ยังมีท่านผู้พอใจ
ฝืนอดฝืนทนฝึกฝนทรมานตนเรื่อยมาไม่ลดละความเพียร พอได้
ดื่มแสงอาทิตย์แสงจันทร์จากกระแสแห่งธรรมด้วยการปฏิบัติของ
ตนบ้าง ไม่ทนอดทนหิวไปตลอดภพชาติต่าง ๆ ที่จิตเที่ยวจับจองไว้
จนไม่มีประมาณพอนับอ่านได้
ถ้าพิจารณาตามความจริง ที่จิตจำต้องยอมรับตาม
เหตุการณ์ที่ตนจะพึงประสบในภพชาติต่อไป ทำให้ท้อใจต่อการ
แบกหามภาระนั้น ๆ ที่ตนต้องไปเกิดและเสวยอยู่ร่ำไป ถ้าไม่รีบ
พยายามตัดทอนให้สั้นเข้าแต่บัดนี้ เพื่อภาระหนักทั้งหลายจะได้
เบาลงหรือสิ้นไป อันเป็นการปลดเปลื้องภาระให้เสร็จสิ้นไปในตัว
ความเห็นโทษในสงสารอย่างถึงใจที่มารวมอยู่กับตัวคนเดียวเป็น
ผู้รับเหมาทั้งสิ้นนี้ ทำให้มีแก่ใจทุ่มเทกำลังทุกส่วนลงเพื่อความเพียร
ไม่อ่อนข้อย่อหย่อนผ่อนกำลังว่าจะสู้ไม่ไหว มีแต่ความขะมักเขม้น
เด่นชัดทางการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดเป็นยอดคน ความเพียรทุกด้าน
ไม่ยอมให้จน ความอดทนต่อหน้าที่ไม่ยอมให้ขาด สติปัญญา
ความฉลาดเพื่อฟาดฟันหั่นแหลกกับกิเลสผลิตขึ้นทุกเวลานาที
แม้ทุกข์แสนทุกข์ก็ไม่ยอมหนี พยายามอด พยายามทน พยายาม
ตีจนทุกข์แตกแยกตัวออกได้ไม่ยอมจน สมกับเป็นศิษย์ของ
พระทศพลญาณผู้แกล้วกล้าหน้านักรบ ไม่ยอมหลบ ไม่ยอมหลีกทุกข์สมุทัยตัวกิเลสหุ้มห่อดวงใจหนาแน่นเพียงไร พยายาม
แก้ไขกัดฉีกออกด้วยสติปัญญาศรัทธาความเพียรเครื่องฟาดฟัน
จนปรากฏธรรมอัศจรรย์เกิดขึ้นในดวงจิต ชนิดไม่เคยรู้เคยเห็นมาแต่
กาลไหน ๆ เป็นความอัศจรรย์ใจตัวเองเกินคาด ไม่มีสิ่งใดสามารถ
จะกำไว้ในอำนาจอีกต่อไปได้ นั่นแลคือธรรมฟากตาย ดังท่าน
อาจารย์มั่นอุทานในวาระสุดท้ายแห่งการรบพุ่งชิงชัยยุติลง ตามที่
เขียนไว้ในประวัติท่านแล้ว ธรรมนี่แลที่ท่านนักปฏิบัติทั้งหลาย
ตะเกียกตะกายเพื่อชมอยู่ทุกวันเวลา ไม่ลดละความเพียรพยายาม
ด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งโดยมากมีแต่วิธีเด็ด ๆ เผ็ด ๆ ร้อน ๆ ดังกล่าว
มา ไม่มีวิธีใดพอได้ผ่อนคลายหายเหนื่อยบ้างเลย
ถ้าพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ และเสด็จมาพบเข้า
ขณะที่ท่านกำลังห้ำหั่นกลั่นความเพียรต่อยุทธกับกิเลสกองทุกข์
ทั้งหลายอยู่อย่างทรหดอดทน น่าจะพอพระทัยทรงอนุโมทนา
พร้อมกับลูบคลำศีรษะปลอบโยนส่งเสริมด้วยพระวาจาอัน
อ่อนหวานว่า ดูก่อนเธอผู้ลูกพระตถาคต ผู้ปรากฏเด่นชัดทาง
ความเพียร เพื่อแดนแห่งพระนิพพานอันเป็นบรมสถาน เวลานี้เธอ
กำลังแสดงความกล้าหาญชาญชัยต่อยุทธกับศัตรูคู่อริอยู่อย่างเต็ม
ฝีมือ เพื่อรื้อภพรื้อชาติให้ขาดกระเด็นออกจากใจไม่ลดละ เพื่อ
ชื่อเสียงเกียรติคุณระบือลือลั่นสนั่นทั่วไตรภพ กำลังพยายามขุดค้น
ต้นตอแห่งจอมข้าศึกคืออวิชชาผู้มหาอำนาจพาให้เกิดตาย ด้วย
สติปัญญาอันแหลมคมอยู่หรือ? เราตถาคตขออนุโมทนาสาธุการ
ขอเธอจงทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานภายในใจอย่างเร็วไวรีบด่วนเถิด
ธรรมดวงประเสริฐกำลังรอจะตกเข้าสู่เงื้อมมือของเธอผู้เก่งกาจ
ฉลาดด้วยสติปัญญาอยู่แล้วเวลานี้ทั้งทรงปลอบทรงปลุกใจให้กล้าหาญ ทั้งทรงลูบทรงคลำ
ศีรษะไปมาให้เกิดศรัทธาเหนียวแน่นแก่นนักรบ ด้วยพระวาจาอัน
อ่อนหวาน ทรงขับขานเกลี้ยกล่อมให้กำลังใจด้วยการทรงอนุโมทนา
ในความเพียรของศากยบุตร ผู้กำลังจะทรงวิมุตติธรรมทางใจใน
เร็ววัน นำธรรมอัศจรรย์มาสู่โลก เพื่อหายโศกศัลย์ปั่นป่วนแห่ง
มวลมนุษย์ที่กำลังตกอยู่ในความเดือดร้อนวุ่นวายด้วยกิเลสตัณหา
อันฉาบทายาพิษชนิดแก้ไม่หาย
นอกจากธรรมโอสถโสรจสรงลงที่ดวงใจ จากท่านผู้มีธรรม
อัศจรรย์ทางภายใน ส่วนท่านที่ควรจะได้รับชัยชนะจากข้าศึกศัตรู
เพราะความเพียรกล้า แต่พระศาสดาไม่ได้เสด็จมาสมโภชโมทนา
ธรรมด้วยเสีย เพราะปรินิพพานไปเสียโดยทางพระกาย ส่วน
พระทัยอันบริสุทธิ์ย่อมเป็นเครื่องยืนยันไว้อย่างหนักแน่นตายตัวว่า
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเราตถาคต ดังนี้ ที่อธิบายซ้ำอีกบ้างนี้
เป็นความเพียรเกี่ยวกับการผ่อนหรืออดอาหารของพระปฏิบัติ
ที่หนักในทางนี้ ผลที่พึงได้รับกรุณาพิสูจน์เอาเองตามนัยที่เขียน
ผ่านมา ปฏิปทาที่นำมาลงในนี้ ผู้เขียนแน่ใจทั้งฝ่ายเหตุและฝ่าย
ผลว่าเป็นเครื่องกลมกลืนกันไป เพราะได้นำสิ่งที่ท่านเคยดำเนินและ
ได้ผลมาแล้วมาลง เพื่อท่านผู้สนใจจะได้นำไปปฏิบัติบ้าง ซึ่งอาจ
เกิดผลดังกล่าวมา
ท่านที่ชอบทรมานทางอื่น เช่น การนั่งสมาธิภาวนานาน
เป็นเวลาหลายชั่วโมง ในบางโอกาสท่านก็ฝึกของท่านไปตาม
เหตุการณ์ การนั่งนานรู้สึกจะเป็นความทุกข์ทรมานมากกว่าวิธี
อื่น ๆ เพราะเกี่ยวกับทุกขเวทนาที่โหมกันมาในขณะนั้น ถ้าสติ
ปัญญาไม่ทันกับทุกขเวทนาที่โหมกันมาอย่างหนักหน่วง แทบไม่มีปลงวางกายวางใจลงได้เวลานั้น ย่อมจะฝืนทนนั่งต่อไปมิได้ บัลลังก์
สมาธิที่ขัดไว้ด้วยดีในเวลาปกติ น่าจะแตกจากกันในไม่กี่ชั่วโมง
อย่างไม่เป็นขบวน เพราะความเจ็บปวดรวดร้าวเป็นไปทุกอวัยวะ
น้อยใหญ่ หลังมือ หลังเท้า ราวกับถูกไฟเผา ทำให้ร้อน
กระวนกระวายทั้งกายทั้งใจ ส่วนภายในร่างกายเป็นเสมือนกระดูก
ทุกท่อนที่ต่อกัน จะแตกกระเด็นออกคนละชิ้นละอัน เพราะ
ความเจ็บปวดระบมไปทั่วร่างกาย
นอกนั้นใจยังแสดงความระส่ำระสายไปด้วย เพราะกลัว
ตัวจะตายในขณะนั้นจนได้ ทำให้หวั่นไปทั่วร่างกายและจิตใจกลัวจะ
ทนต่อไปไม่ไหว ทุกขเวทนาที่แสดงขึ้นในเวลานั้น ก่อนจะถึงเวทนา
ใหญ่ที่สำคัญกว่าเพื่อน มีถึงสามวาระ ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่
นาน ๆ กว่าจะสงบลงลำพังตัวเอง โดยไม่มีการกำจัดต้านทานด้วย
วิธีต่าง ๆ อย่างใด พอสงบลงไปสักพักก็เริ่มขึ้นมาอีก ทำนองนี้ถึง
สามครั้ง แต่ละครั้งเวทนาเหล่านี้ต้องตั้งอยู่และซาบซ่านไปตาม
สรรพางค์ร่างกายน้อยใหญ่เป็นเวลานานค่อยสงบลง จนถึงวาระที่สี่
ซึ่งเป็นวาระของทุกขเวทนาใหญ่ หรือกองทัพกองทุกข์ใหญ่เข้ามาถึง
บัลลังก์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่เวลานั้น นับแต่กองทัพกองทุกข์ใหญ่เข้าถึง
ตัวแล้วเท่านั้น ร่างกายทุกส่วนเป็นเหมือนกองเพลิงทั้งกองเอาเลย
ข้างนอกกายเหมือนถูกไฟลน ข้างในกายเหมือนถูกทุบตีด้วยค้อน
และทิ่มแทงด้วยเหล็กอันแหลมคม ปรากฏว่าระบมไปหมดทั้งร่าง
ราวกับจะแตกทลายจากกันเป็นผุยผงไปคนละทิศละทางในขณะนั้น
เพราะอำนาจความทุกข์ทรมานเผาผลาญอยู่รอบด้าน
ทุกขเวทนาใหญ่นี้นับแต่ขณะที่ก้าวเข้ามาถึงกายแล้ว ไม่มี
เวลาขยับขยายตัวออกพอได้รับความผ่อนคลายทางกายบ้างเลย มีแต่บีบขยี้ทุบตีให้แหลกไปท่าเดียว ตอนนี้แม้จิตจะกำลังพิจารณากับ
ธรรมแขนงใดอยู่ก็จำต้องถอยทัพกลับ ย้อนสติปัญญาและกำลังทุก
ด้านเข้ามาพิจารณาทัดทานกันอย่างเอาจริงเอาจัง มิฉะนั้นร่างกาย
จิตใจจะกลายเป็นทะเลไฟไปเสียหมด เพราะทุกขเวทนากล้าสาหัส
กำลังเหยียบย่ำทำลายกาย และยังเขย่าใจให้สั่นสะเทือนไปด้วย
ความกลัวตายว่าจะสู้ไม่ไหว เพราะกายทั้งร่างกลายเป็นไฟทั้งกอง
ในตัวเรา ไม่มีส่วนใดอยู่เย็นใจได้โดยไม่ถูกความกระทบกระเทือน
จากทุกขเวทนาประเภทนี้
นับแต่ขณะเริ่มนั่งจนถึงขั้นเวทนาใหญ่เกิดขึ้น ถ้าผู้ยังไม่เคย
ประสบมาก่อนก็น่าจะไม่ทราบว่าอันไหนเป็นเวทนาเล็ก อันไหน
เป็นเวทนาใหญ่ กลัวจะเริ่มเหมาไปแต่เวทนาเล็กซึ่งเป็นเพียง
ลูกหลานของมันเท่านั้น ว่าเป็นเวทนาใหญ่ไปเสียหมด ทั้งที่เวทนา
ใหญ่ยังไม่ตื่นนอนก็เป็นได้ แต่ถ้าผู้เคยประสบมาแล้ว ก็ทราบได้
ทันทีว่าเป็นเวทนาอะไร เพราะเวทนาใหญ่จะเริ่มปรากฏตัวนับแต่
ห้า หก ชั่วโมงล่วงไปแล้ว ก่อนหน้านี้มีแต่เวทนาเล็กซึ่งเปรียบกับ
ลูก ๆ หลาน ๆ เท่านั้นมาเยี่ยมหยอกเล่นพอให้รำคาญ
สำหรับผู้ยังไม่เคยนั่งนานและไม่เคยพบมาก่อน น่าจะเริ่ม
โดนทั้งลูกหลานทั้งปู่ย่าตายายของทุกขเวทนาแต่ขั้นแรก คือ สอง
สามชั่วโมงแรก และให้เกิดความทุกข์กระวนกระวายแต่บัดนี้เป็นต้น
ไป ถ้าสติปัญญาแก้ไขเหตุการณ์ไม่ทัน อาจจะทนนั่งต่อไปไม่ไหว
ทั้งอาจจะรื้อบัลลังก์สมาธิเสียแต่ระยะนั่งได้เพียงสองสามชั่วโมงแรก
ก็ได้ ทั้งที่เวทนาใหญ่ยังไม่ปรากฏเลย แต่จะเหมาเอาว่าตนได้เผชิญ
กับเวทนาใหญ่จนทนไม่ไหวเสียแล้ว ความจริงยังไม่ถึงขั้นแตกหัก
กันเลย



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


“ขอเชิญร่วมบุญสร้างซุ้มประตูวัดประทุมวัน ”

<O </O
วัดประทุมวัน บ้านตะกุย ต.ตรมไพร อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ 32110

<O </O 086-2602702



ขอเชิญร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ณ.สำนักปฏิบัติธรรมมงคลชัย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โทร.081-425-1979



เชิญร่วมทำบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ "ยอดธงชัย" จังหวัดน่าน
0841768765

ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสมทบทุนซื้อที่ดินถวายวัดป่าสุขใจ เมืองเอิสเตอชุนด์สวีเดน
หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Wat Pah Sokjai Förening
Centrumvägen 28 834 32 Brunflo Sweden
Tel: (+46) 063-778829(+46) 070-6825363
E-mail: watpahsokjai@gmail.com



ขอเชิญร่วมพิธีบวชชีพราหมณ์ ณ สถานธรรมแม่ชีศิวะนาถ จันทบุรี 1-10 เมษายน 2555 นี้
084-906-4225


6เม.ย.55 พิธีรับมอบอาคาร ๙๖ ปี และและพิธีทอดผ้าป่าสร้างเจดีย์หลวงตามหาบัว
กรุณอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.luangta.c...ws_id=427&type=



ขอเชิญร่วมปฎิบัติธรรมและงานผ้าป่าสามัคคี วัดป่าธรรมอุทยาน อ.บรบือ จ.มหาสารคาม
ในวันที่ 7-14 มิถุนายน 2555 และร่วมงานบวงสรวงวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ งานผ้าป่าสามัคคี และงานฉลองศาลาเอนกประสงค์ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2555


ขอเชิญร่วมทำบุญถวายผ้าป่า สามัคคีสงเคราะห์พร้อมพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ ๒๕๕๕
ศูนย์ปฏิบัติธรรมอาศรมพระฤๅษีปู่แก้วปฐมมุนีเลขที่ 9 บ้านโพธิ์ตรุ ต.บ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
1.081 714 2412 คุณบีน ศูนย์ประสานงานอาศรมปู่แก้ว - กทม.
2.080 814 9745 คุณนนท์ ศูนย์ประสานงานอาศรมปู่แก้ว
3.081 853 0566 คุณลดาวัลย์.


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างแท้งค์น้ำและวางระบบท่อประปาภายในวัด
089-188-7997


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล เพื่อก่อสร้างเมรุ ณ.วัดป่าเกษมคงคาราม
083-2894990


ขอเชิญร่วมงานปฏิบัติธรรมวัดป่าหัวดอน
วันที่ 6-8 เมษายน พ.ศ. 2555
ณ วัดป่าหัวดอน ต.หัวดอน อ.เขื่องใน จ. อุบลราชธานี



ขอเชิญ
ทำบุญผ้าป่าสามัคคี
ถวาย 19 เมษายน 2555
เวลา 13.00 น.

ผ้าป่าสามัคคีวัดชิโนรสาราม
เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์วิหารคดรอบพระอุโบสถ

สอบถามรายละเอียดที่
พระปรีดา ปีติธมฺโม
08 1438 1540



ขอเชิญทอดผ้าป่า วัดป่าห้าพระองค์ 29 เมษายน นี้ครับ
084-640-1527 <O



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายนำปานะตามกำลังศรัทธา
089-6762902


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทาสีพระอุโบสถวัดถ้ำปากเปียง อ.เชียงดาว
089-6762902

ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี วัดป่าพุทธเจดีย์
โทร. 088 – 4746010


ร่วมงาน สงกรานต์ (ยกช่อฟ้าวิหาร)ทำบุญบูรณะช่อฟ้า หลังคาพระวิหาร วัดนางตะเคียน
085-1770878


ทำบุญกฐินวัดกลางชูศรีเจริญสุข ๕๕ รับพระศรีอริยเมตตรัย พุทธาภิเษก วัดเขาวง
081-8052466


เชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อนำไฟฟ้าเข้าวัด"เขาจอมทอง" นครราชสีมา
โทร 081-761-1244


สำนักสงฆ์ผาหยาด จ.มุกดาหาร ขอเชิญทอดผ้าป่าหาทุนสร้างหนังสือสวดมนต์แปล


ร่วมบุญพิมพ์หนังสือธรรมะ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
082-7412176


สวดมนต์เน็ทเวิร์ค ขอเชิญร่วมสมทบทุนจัดซื้อเครื่องไร๊ท์ซีดีเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน
โทร. ๐๘๐-๗๘๘-๐๔๒๖


ขอเชิญร่วมพิมพ์หนังสือมหัศจรรย์แห่งสังฆทานโดยอาจารย์สนธิชัย ทวีโชคทรัพย์สิน
084-1008283



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ๒๕๕๕๕ ณ วัดคู้บอน รามอินทรา กรุงเทพ
โทร.๐๘๐-๕๕๑-๖๒๐๓


เทศกาลวันสงกรานต์ 12 - 15 เมย. 55 ขอเชิญปฏิบัติธรรม ที่วัดบางพาน สิงห์บุรี


หาเจ้าภาพบวช
ติตต่อ 0877939808 มอส


เชิญร่วมทำบุญ/โมทนาบุญ - อุปสมบทหมู่วัดบวรนิเวศ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
1. คณะจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 85 คน อุปสมบท 1 เม.ย.55
2. นักเรียนนายร้อย จปร. จำนวน 85 คน อุปสมบท 4 เม.ย.55
3. ศาลยุติธรรม(สามเณร) จำนวน 100 คน อุปสมบท 8 เม.ย.55
4. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จำนวน 19 คน อุปสมบท วันที่ 27 เม.ย.55
5. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จำนวน 50 คน อุปสมบท วันที่ 4 พ.ค.55
6. สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน จำนวน 20 คน อุปสมบท วันที่ 11 พ.ค.55
7. ถวายพระราชกุศล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ 442 คน ช่วงวันที่ 21 พ.ค. - 20 ก.ค.55
(ตารางอาจมีเปลี่ยนแปลงได้)



ผ้าป่าสามัคคี เพื่อเด็กพิการ
02-539-9958 ต่อ 11 หรือ 12



ขณะนี้พ่อท่านนวล วัดไสหร้า อาพาธหนัก ร่วมบุญค่ารักษาพยาบาลครับ
ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ ICU รพ บำรุงราษฏร์ ขณะนี้วัดขาดปัจจัยในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลายเเสนบาทจึงขออนุญาตบอกบุญมายังผู้มีจิตศรัทธาบริจาค


ร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่า สร้างอุโบสถวัดสว่างอารมณ์ อ.บางเลน จ.นครปฐม
085-195-9625


ร่วมกุศล .. โครงการสักสยามินทร์ ในพระราชดำริ ... เพาะ วิจัย และปลูก..0816235671



ขอเชิญบริจาคร่วมเป็นเจ้าภาพซื้อเครื่องขยายเสียง
088-5287649



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ บรรชาสามเณรภาคฤดูร้อน
เนื่องจากทาง วัดแหลมอวน ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด ได้จัดทำโครงการบรรชาสามเณรภาคฤดูร้อนขึ้น ในวันที่ ๑๘-๒๙เมษายน ๒๕๕๕
โทร 0๘๗-๘๒๒๗-๖๓๙


ชวนเพื่อนๆร่วมทำบุญตักบาตรและทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ ณ วัดศรีรัตนคีรี(เขาแก้ว) อ.เมือง จ.ลพบุรี วันที่ 1-17 เมษายน 2555 ปิดทองหลวงพ่อเขาแก้วและอดีตหล่อองค์หลวงพ่อเจ้าอาวาสทองมา ฉันโน086-0782955

ขอเชิญศิษยานุศิษย์ร่วมงานบูชาครูใหญ่
หลวงปู่หน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง อยุธยา
หลวงปู่ศุข ปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท
ณ วัดพฤกษะวัน
วัตถุประสงค์ต้องการนำปัจจัยที่ได้ไปสร้างพนังดินกันน้ำ
โทร.056-683062



ขอเชิญร่วมบุญตั้งกองทุนดูแลค่าใช้จ่ายภายในธุดงคสถานสุทธาวงศ์




ขอนิมนต์/เชิญพระภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกร่วมปฏิบัติธรรมเข้าอยู่ปริวาส กรรม ณ วัดห้วยพรหม ต. อุดมทรัพย์ อ. วังน้ำเขียว จ. นครราชสีมา ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ติดต่อสอบถามได้ที่ พระครูประโชติสังฆกิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยพรหม โทร ๐๘๑-๗๙๐๕๘๓๑



โครงการทำบุญหนังสือ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
เบอร์ 086 023 1363


เเจกรถวีลเเชร์ ให้แก่ผู้พิการที่ประสบอุบัติเหตุทางรถ ฟรี
โทรศัพท์ 090-656-5172


รับบริจาคถุงเท้านักเรียน/ชุดปฏิบัติธรรมให้ นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม
สอบถามเพิ่มเติม 086-8990642 กลุ่มมนุษยธรรมจิตอาสา

ผู้ที่จะร่วมบริจาค กรุณาส่งพัสดุไปรษณีย์โดยตรง ถึง รร.วัดสะแก เลขที่ 42 หมู่ 2 ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160



สมาคมรวมปัญญาคนพิการ
ติดต่อสมาคมฯ


68/6 หมู่ 6 ถนน ไทรน้อย
ตำบล บางบัวทอง
อำเภอ บางบัวทอง
จังหวัดนนทบุรี
11110

เบอร์ติดต่อ (02) 903-6744
(02) 903-6750
เบอร์แฟ็กซ์ (02) 903-6744



ขอเชิญชวนพี่น้อง เลี้ยงอาหารกลางวันและทำกิจกรรมร่วมกันกับน้อง ๆ ผู้พิการทางร่างกายและสมอง ณ บ้านเพื่อคนพิการ มูลนิธินักบุญคามิลโล ลาดกระบัง
t.02-360-7848-50*110 085-111-0980 086-326-8890

สบทบทุน ธ.กรุงศรี 264-150-3109




วาระเร่งด่วน..โรงพยาบาลนครพิงค์ มีความต้องการเครื่องจี้ไฟฟ้า(จี้ตัดและห้ามเลือด)
สามารถร่วมบุญ จัดซื้อเครื่องจี้ไฟฟ้าฯ ได้ที่

บัญชีธนาคารกรุงไทย
ชื่อบัญชี นายบัณฑิต ศรีเลิศศิริวรกุล
เลขที่บัญชี 980 - 3 - 09463 - 7
สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2012, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เฉพาะผู้เคยนั่งสมาธิภาวนาและเคยมีความสงบจิตมา
พอประมาณ ตลอดการนั่งก็ได้นานพอสมควร ราวสอง สาม สี่
ชั่วโมงเป็นประจำ ความเพียรในเวลาหนึ่ง ๆ ย่อมทราบทุกขเวทนา
ต่าง ๆ ได้พอประมาณ ทุกขเวทนาเล็กที่เกิดขึ้น สอง สาม วาระ
แล้วสงบลงไปเองนั้น ถ้ายังไม่เคยเจอเวทนาใหญ่มาก่อน ก็น่าจะ
เรียกว่าเป็นเวทนาใหญ่ได้เหมือนกัน แต่พอเจอเวทนาใหญ่จริง ๆ
แล้ว เวทนาเหล่านั้นเลยกลายเป็นเรื่องเล็กไป เพราะความรุนแรง
ระหว่างเวทนาทั้งสองนี้ผิดกันอยู่มาก ราวช้างกับแมวนั่นแล เวทนา
ใหญ่เมื่อเกิดขึ้นเต็มที่แล้ว อวัยวะส่วนต่าง ๆ ปรากฏว่าเจ็บปวด
รวดร้าวและระบมไปหมด ราวกับจะแตกทลายลงเข้าในขณะนั้น
จริงๆ ความออกร้อนตามหลังมือหลังเท้ารุนแรงมาก เหมือนมีคน
มาก่อไฟหุงต้มแกงอะไร ๆ ในที่นั้น กระดูกในอวัยวะส่วนต่าง ๆ
เหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบตีให้แตกให้หักไปในขณะนั้น เพราะ
ความเจ็บปวดแสบร้อนสาหัส จนไม่มีที่ปลงวางร่างกายจิตใจลงได้
เลย ปรากฏเป็นกองเพลิงไปทั้งร่าง
สิ่งที่จะสามารถต้านทานกันได้เวลานั้น มีแต่สติปัญญา
ศรัทธาความเพียร มีความอดความทนเป็นเครื่องหนุนหลัง ไม่ยอม
ถอยทัพกลับแพ้ข้าศึกที่กำลังโหมกันมาอย่างเต็มที่ ราวกับจะบด
ให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงไปในเวลานั้น ไม่ยอมปล่อยให้ชีวิต
ลมหายใจสืบต่อกันไปได้อีกเลย ขณะที่กำลังเข้าตาจนนั้น จิตจะหา
ทางออกด้วยวิธีอื่นใดไม่ได้ทั้งสิ้น นอกจากต้องปักหลักต่อสู้กัน
ด้วยสติปัญญาอย่างถึงเป็นถึงตาย เพื่อความจริงในกายในจิตที่ควรรู้
ควรเห็นจากความเพียรเท่านั้น ความอยากให้เวทนาหายและความ
คิดท้อใจว่าจะทนสู้ไปไม่ไหวเป็นต้น นี่คือสมุทัยเครื่องส่งเสริมทุกข์ให้มีกำลังกล้ายิ่งขึ้น จะปล่อยให้คิดขึ้นมาในขณะนั้นไม่ได้เด็ดขาด
ถ้าไม่อยากล้มละลายแบบไม่เป็นท่า มีสติกับปัญญาเท่านั้นที่ต้อง
ผลิตขึ้นมาด้วยอุบายต่าง ๆ เพื่อให้ทันกับเวทนาในเวลานั้น โดย
แยกแยะกาย เวทนา จิต ออกทดสอบเทียบเคียงกันดูจนทราบ
ความจริงของแต่ละสิ่งอย่างชัดเจนด้วยปัญญา
การแยกแยะกายควรถือเอาจุดสำคัญที่ว่าเป็นทุกข์ มากกว่า
ที่อื่นใดออกพิจารณา เช่นกระดูกขาหรือกระดูกเข่าเป็นทุกข์มาก
ก็กำหนดจิตตั้งสติพิจารณาปัญญาลงในจุดนั้นว่า กระดูกนี้เป็น
ทุกข์หรือทุกข์เป็นกระดูกกันแน่ ถ้ากระดูกเป็นทุกข์จริงดังที่เข้าใจ
เวลาทุกข์ดับไปแล้ว ทำไมกระดูกจึงไม่ดับไปด้วยทุกข์เล่า ถ้าเป็น
อันเดียวกันดังที่เข้าใจ สิ่งทั้งสองต้องดับไปด้วยกันจึงจะถูกกับ
หลักความจริง อนึ่ง เวลาคนตายและหมดทุกข์ในร่างกายไปแล้ว
กระดูกยังมีอยู่ ขณะนำไปเผาไฟ กระดูกแสดงอาการเป็นทุกข์
อย่างไรให้ปรากฏหรือไม่ ถ้าไม่แสดงทุกข์คือความเจ็บปวดรวดร้าว
ให้ปรากฏเลย กระทั่งถูกไฟเผาจนกลายเป็นเถ้าเป็นถ่านไปเช่นนั้น
การไปเหมาเอาด้วยความสำคัญว่ากระดูกเป็นทุกข์ทั้งที่กระดูกมิได้
เป็นทุกข์ดังเข้าใจนั้น จะไม่อับอายกระดูกและอวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่
มีลักษณะเช่นเดียวกัน ซึ่งมิได้เป็นตัวทุกข์ตามคำกล่าวหาบ้างหรือ
และถ้าทุกข์เป็นกระดูกจริง ๆ กระดูกมีมาแต่วันเกิดจน
ถึงบัดนี้ แต่ทุกข์ทำไมจึงมีขึ้นเฉพาะกาล เช่นเริ่มมีขึ้นในขณะนั่ง
สมาธินี้เท่านั้น ทำไมจึงไม่มีทุกข์ติดทุกข์ต่อกันมาเช่นเดียวกับ
กระดูกที่มีต่อเนื่องกันมาแต่เริ่มแรกเกิดเล่า เมื่อเป็นเช่นนี้ จะถือว่า
กระดูกเป็นทุกข์ หรือทุกข์เป็นกระดูกก็ต้องเป็นความเห็นผิด
เป็นความถือผิดจากความจริง ซึ่งเป็นที่น่าอับอายความจริงอย่างยิ่งที่มิได้เป็นไปตามความสำคัญมั่นหมายใด ๆ เลย
ขณะที่กำลังคลี่คลายแยกแยะกระดูกกับเวทนาเพื่อทราบ
ความจริงนั้น จิตและสติปัญญาต้องจดจ่อและทำหน้าที่ด้วยความ
สนใจกับงานนั้นจริง ๆ จะส่งจิตไปอื่นไม่ได้ ต้องหมุนตัวอยู่กับกิจ
ที่กำลังพิจารณา และพิจารณาย้อนหน้าย้อนหลังจนเป็นที่เข้าใจ
ประจักษ์ จะพิจารณากี่เที่ยวไม่สำคัญ แต่พิจารณาจนเข้าใจ อัน
เป็นจุดมุ่งหมายของงานนี้ เมื่อเข้าใจชัดเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว
จิตย่อมซึมซาบไปในอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกันไปเอง
อันดับต่อไป ในเวลาเดียวกันก็แยกเวทนากับจิตออก
ทดสอบเทียบเคียงกันดูด้วยสติปัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เช่นเดียว
กับการแยกกายกับเวทนาออกพิจารณา โดยตั้งปัญหาถามตัวเองว่า
จิตเป็นเวทนาหรือเวทนาเป็นจิตอย่างไรกันแน่ ถ้าจิตเป็นเวทนาจริง
ดังความสำคัญ เวลาทุกขเวทนาดับไปทำไมจิตจึงมิได้ดับไปด้วยเล่า
และถ้าเวทนามาเป็นจิต เมื่อจิตมีอยู่ตราบใด ทุกขเวทนานี้ต้องมีอยู่
ตราบนั้นจะดับไปไม่ได้ แต่แล้วทุกขเวทนาทำไมจึงมีเกิด ๆ ดับ ๆ
ทั้งที่จิตทรงความรู้ความเป็นจิตอยู่ตลอดเวลา อกาลิโก มิได้ดับไป
ด้วยเวทนา เมื่อเป็นเช่นนี้จะถือว่าจิตกับเวทนาเป็นอันเดียวกันนั้น
ไม่ฝืนความจริงและไม่อับอายความจริงบ้างหรือ ที่คิดกลืนความจริง
ให้กลายเป็นของปลอมไปตามความรู้ความเห็นแบบป่า ๆ เถื่อน ๆ
เช่นนั้น
การแยกแยะ ไม่ว่าแยกแยะกายกับเวทนา หรือแยกแยะจิต
กับเวทนา สติกับปัญญาต้องหมุนติ้วอยู่ในวงงานที่ทำ จะส่งออกไป
อื่นไม่ได้ เวลานั้นทุกขเวทนาแสดงตัวมากเพียงไร สติปัญญายิ่ง
พิจารณาไม่หยุดหย่อน เพื่อความรู้จริงในสิ่งที่ประสงค์อยากรู้อยากเห็นอยากเข้าใจ เวทนาจะกำเริบหรือลดตัวลงหรือว่าจะดับไป
ก็ให้รู้ประจักษ์ในวงการพิจารณาเป็นสำคัญ ข้อสำคัญอย่าตั้ง
ความหวังให้ทุกข์ดับไป โดยที่พิจารณายังไม่เข้าใจความจริงของกาย
ของเวทนา และของจิต ว่าต่างอันต่างเป็นความจริงของตนอย่างไร
กันแน่ พิจารณาจนเข้าใจทั้งกายทั้งเวทนาทั้งจิต เมื่อเข้าใจด้วยสติ
ปัญญาจริง ๆ แล้ว กายก็สักแต่ว่ากาย ไม่ได้นิยมว่าตนเป็นทุกข์
เป็นเวทนา เวทนาก็สักแต่ว่าเวทนาอยู่เท่านั้น ไม่นิยมว่าตนเป็น
กายเป็นจิต แม้จิตก็สักแต่ว่าเป็นจิตอยู่เท่านั้น ไม่นิยมว่าตนเป็น
กายเป็นเวทนา ดังที่เคยสำคัญแบบสุ่ม ๆ เดา ๆ มาแต่เวลา
ที่ยังมิได้พิจารณาให้เข้าใจ
พอสติปัญญาพิจารณารอบแล้ว ทุกขเวทนาทั้งหลายก็ดับลง
ในขณะนั้น ไม่กำเริบต่อไป จิตก็รวมลงอย่างสนิทชนิดไม่รับรู้กันเลย
อีกประการหนึ่ง แม้จิตจะไม่รวมลงถึงขั้นดับสนิท แต่ก็มิได้รับความ
กระทบกระเทือนจากเวทนา คือกายก็จริง เวทนาก็จริง จิตก็จริง
ต่างอันต่างจริง ต่างอันต่างอยู่ตามความจริงของตน ขณะที่ต่างอัน
ต่างจริงนั้นจะได้เห็นความอัศจรรย์ของจิต และเห็นความอาจหาญ
ของจิตว่า สามารถแยกตนออกจากเวทนาทั้งหลายได้อย่างอัศจรรย์
เกินคาด นอกจากนั้นยังเกิดความอาจหาญต่อความเป็นความตาย
ที่ขวางหน้าอยู่อย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ อีกด้วย เนื่องจากได้เห็น
หน้าตาเวทนา ที่เคยหลอกลวงให้กลัวเป็นกลัวตายอย่างประจักษ์ใจ
แล้วในขณะนั้น คราวต่อไป แม้เวทนาจะแสดงความกล้าสาหัส
มากมายขนาดใด ใจก็สามารถพิจารณาได้ทำนองที่เคยพิจารณา
และเข้าใจมาแล้ว การรู้เห็นอย่างนี้แลคือการรู้เห็นสัจธรรม ด้วยสติ
ปัญญาแท้ แม้จะมิใช่รู้เห็นขั้นเด็ดขาดฟาดกิเลสให้จมไปโดยสิ้นเชิงก็ตาม แต่กิเลสจะจมมิดหัวไม่มีฟื้นได้ ก็ต้องอาศัยวิธีนี้เป็นเครื่อง
ดำเนินในวาระต่อไป
ท่านผู้ใดกล้าหาญต่อสู้กับทุกขเวทนาด้วยการพิจารณาตาม
วิธีนี้ ไม่ยอมถอยทัพพับบัลลังก์แบบสิ้นท่า ท่านผู้นั้นต้องกำชัยชนะ
จากวิธีนี้โดยไม่มีทางสงสัย ทั้งยังจะเห็นรอยพระบาทที่พระศาสดา
กับพระสาวกเสด็จไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ โดยลำดับและอาจลืม
คำว่า พระองค์ปรินิพพานไปได้ ๒๕๐๐ ปีเศษแล้ว ซึ่งแสนนานก็ได้
เพราะความจริงกับศาสดาเป็นอันเดียวกัน ศาสดาแท้มิใช่กาล
สถานที่บุคคล พอจะเปลี่ยนแปลงห่างเห็นว่า ไกลกันลิบลับกับเรา
ตั้ง ๒๕๐๐ ปีเศษ แต่ควรทราบว่าความจริงอยู่ที่ใด ศาสดาก็อยู่
ที่นั้น เพราะธรรมเกิดจากความจริงที่พิจารณารู้เห็นอย่างเต็มภูมิ
ไม่นอกเหนือไปจากนี้
ดังนั้นท่านที่สามารถพิจารณาทุกขเวทนาจนถึงความจริง
ของกาย ของเวทนา ของจิต ย่อมเห็นธรรมอย่างประจักษ์โดย
ลำดับ ซึ่งไม่นิยมกาลสถานที่เป็นเครื่องพิสูจน์ตัดสินเลย ดังธรรม
แสดงไว้ว่า ดูก่อนอานนท์ ถ้าการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมยังมี
อยู่ พระอรหันต์ย่อมไม่สูญจากโลกดังนี้ ซึ่งเป็นพระโอวาทที่ตรัส
เพิ่งสิ้นพระกระแสเสียงไปเมื่อสักครู่นี้เท่านั้น เพราะธรรมของจริง
ย่อมไม่ขึ้นกับเวลานาทีอะไรเลย แต่จริงอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่มี
อะไรจะยิ่งใหญ่กว่าความจริงในโลกทั้งสาม
การอธิบายวิธีพิจารณาทุกขเวทนานี้เป็นเพียงโดยย่อ พอ
เป็นคติแก่ท่านผู้มีนิสัยในทางเป็นนักต่อสู้เพื่อกู้ภพชาติ ประหยัด
ความเกิดตาย ไม่ปล่อยให้เรี่ยราดสาดกระจายไปตามภูมิกำเนิด
ต่าง ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อทรงวิมุตติหลุดพ้นไม่กังวลกับกองทุกข์น้อยใหญ่ทั้งหลายอีกต่อไปเป็นเวลานาน ซึ่งแสนน่ารำคาญและ
กังวลใจนักหนา ได้นำไปพิจารณาเพื่อหาทางออก โดยอาศัย
กองทุกข์ในขันธ์เป็นหินลับสติปัญญาให้คมกล้า ตามแต่อุบายจะ
พลิกแพลงแก้ไขตนด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งมีมากมายเหลือที่จะนำกล่าว
ได้ละเอียดทั่วถึง เพราะการพิจารณาธรรมทั้งหลายเป็นเทคนิค
ของแต่ละรายจะผลิตมาใช้เพื่อเปลื้องตน
ใครเป็นนักใคร่ครวญไตร่ตรอง ผู้นั้นจะเจอทางออกจาก
กองทุกข์ในเรือนจำแห่งวัฏสงสาร มีพระนิพพานเป็นที่สถิต มี
ความสงบสุขเป็นนิจนิรันดร แต่ใครกลัวทุกข์ไม่ยอมพิจารณา ก็
เท่ากับสงวนหัวหนามที่ฝังจมอยู่ในฝ่าเท้าไว้ให้กำเริบเป็นหนอง
และทำความเจ็บปวดแสบร้อนนอนครางไปนาน และอาจทำความ
กำเริบจนเท้าเสียใช้การอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนพิการง่อยเปลี้ย
เสียอวัยวะไปได้ ส่วนผู้เห็นภัยรีบถอดถอนหนามออกเสีย แม้จะ
เจ็บปวดเพียงไรในขณะนั้นก็ยอมทนเอา แผลก็นับวันจะหาย ความ
เจ็บปวดก็ไม่ทรมานไปนาน และมีวันจะหายกลายเป็นผู้หมดทุกข์
กังวลในวันข้างหน้า เพราะกล้าเผชิญทุกข์เพื่อนำสุขมาสู่ตน ท่าน
ผู้นี้นับว่าสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ตนโดยถูกทาง ท่านที่กล้าหาญ
ต่อสู้พิจารณาทุกขเวทนาในขันธ์ก็เช่นกัน แม้ทุกข์จะมีมากน้อยก็
สามารถพิจารณาจนรู้ทั่วถึงความจริงทุกส่วน ไม่สงวนไว้เพื่อก่อไฟ
เผาตนไปนาน คำว่า “นิพพาน” จะเป็นสมบัติอันพึงพอใจใน
วันหนึ่งแน่นอน หนีไม่พ้น
ท่านว่าทุกข์ควรกำหนดรู้นั้น กำหนดจนรู้ประจักษ์ใจจริง ๆ
ดังที่อธิบายมานี่แล ชื่อว่ากำหนดรู้ และละสัจจะทั้งสองคือ ทุกข์
กับสมุทัย ด้วยมรรคคือสติกับปัญญาที่ทำงานถอดถอนกิเลสไปพร้อม ๆ ในขณะเดียวกัน ท่านว่าทุกข์ควรกำหนดรู้ สมุทัยควรละ
นั้น ถ้าไม่นำสติกับปัญญาซึ่งเป็นองค์ของมรรคมากำหนดรู้และ
ละถอนแล้ว จะเอาอะไรมารู้และมาละถอน นิโรธความดับกิเลส
กองทุกข์ทั้งหลายจึงจะมีทางดับทุกข์ได้ จำต้องนำสติกับปัญญา
มาทำงานด้วย ในขณะเดียวกันทุกข์ก็จะดับไปโดยลำดับจนดับสนิท
ด้วยอำนาจของมรรค จึงเป็นทางแสดงออกได้
การเกี่ยวโยงกันระหว่างสัจธรรมทั้งสี่จึงแยกกันไม่ออก
ต้องทำงานเกี่ยวเนื่องกันเหมือนลูกโซ่ตลอดไปแต่ต้นจนอวสาน
สติปัญญาที่เป็นองค์ของมรรคมีกำลังมากเพียงไร กิเลสชนิดต่าง ๆ
ก็ย่อมอ่อนกำลังลงเพียงนั้น แม้นิโรธความดับแห่งกิเลสกองทุกข์
ทั้งหลาย ย่อมค่อย ๆ ดับไปตามกำลังของมรรค จนไม่มีกิเลสกอง
ทุกข์เหลือหลออยู่ภายใน กลายเป็นความบริสุทธิ์ขึ้นมาล้วน ๆ โดย
ไม่ต้องไปหามาจากที่ไหน แต่มีอยู่ที่ใจดวงหมดกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้ว
นั่นแล คำว่าพุทธะแท้ก็หมายอันนี้ ธรรมะแท้ก็หมายอันนี้ สังฆะ
แท้ก็หมายความบริสุทธิ์นี้ คำว่าธรรมคืออะไรก็คืออันนี้แลที่เป็น
ธรรมแท้ ซึ่งโลกกราบไหว้ใฝ่ฝันมานาน
ท่านผู้ประสงค์อยากพบอยากเห็นธรรมแท้คืออะไรอย่าง
ถึงใจ จึงไม่ควรมองข้ามการอบรมใจดวงพร้อมที่จะเป็นธรรมทั้งแท่ง
อยู่ทุกเวลานี้ การแปลชื่อของธรรมว่าคืออะไร จะแปลจนจรด
ขอบฝั่งมหาสมุทรทะเลก็ไม่มีวันหายสงสัยได้ แปลไปกว้างขวาง
เท่าไร ความสงสัยไม่มีทางสิ้นสุดยุติลงได้ เช่นเดียวกับคนไม่เคย
เห็นเพชรนิลจินดา แม้จะถ่ายภาพมาดูจนกองเท่าภูเขา ก็เป็นเพียง
ภาพของเพชรนิลจินดาอยู่เท่านั้น มิใช่ตัวจริงของเพชรนิลแท้ พอ
จะทำความสงสัยให้หายได้ด้วยการดูภาพนั่นเลย แต่จะทำให้หายสงสัยได้ด้วยการเห็นเพชรนิลอันแท้จริง ฉะนั้นธรรมจึงเป็น
ธรรมชาติลึกลับเมื่อยังค้นไม่พบ แม้จะอ่านธรรมเรียนธรรมได้
มากมายเพียงไร ก็เท่ากับการถ่ายภาพเพชรนิลจินดามาให้คนไม่เคย
พบเคยเห็นดูกันนั่นแล จะไม่สามารถตัดความสงสัยได้เลย
การตัดความสงสัยในธรรมว่าคืออะไรเป็นต้นได้นั้น จึงควร
เรียนเรื่องของใจซึ่งเป็นเรื่องของธรรมโดยตรง เรียนรู้มากเพียงไร
ย่อมจะทราบเรื่องตัวของธรรมมากเพียงนั้น จนทราบธรรมโดย
ตลอดทั่วถึงภายในใจตัวเอง เมื่อทราบประจักษ์กับใจโดยสมบูรณ์
แล้ว ย่อมสิ้นสงสัยลงในทันทีทันใด และสิ้นสงสัยตลอดกาล คำว่า
ธรรมคืออะไร ก็คือสิ่งที่รู้ ๆ เห็น ๆ อยู่กับใจนี่เอง จะเป็นอะไรอื่น
มาจากไหน แต่ทั้งที่รู้อยู่อย่างเต็มใจ เวลาจะอธิบายให้ถูกต้องตาม
ความจริงของธรรมแท้นั้น ไม่มีทางอธิบายได้เลย เพียงเปรียบ ๆ
เปรย ๆ ไปอย่างนั้นเอง เหมือนเวลาเกิดคันภายในลำคอขึ้นมา ไม่
ทราบจะเกาอย่างไรให้ถูกกับจุดที่คันนั้นได้ เกาเท่าไรก็เกาได้แต่
ภายนอก ส่วนภายในที่คันจริง ๆ เกาไม่ได้ เกาไม่ถูก ทั้งที่รู้จุด
ที่คันอยู่อย่างเต็มใจฉะนั้น
ดังนั้นคำว่าธรรมจึงเป็นธรรมชาติละเอียดสุขุมมากใน
ความรู้สึกทั่ว ๆ ไป และมีผู้สงสัยไต่ถามกันยุ่งตลอดมา แต่ก็ไม่มี
ท่านผู้ใดสามารถอธิบายให้เป็นที่เข้าใจพอหายสงสัยได้ตลอดมา
และยังแน่ใจว่าตลอดไปอีกเช่นกัน ท่านนักปฏิบัติที่ทรมานตน
ด้วยความเด็ด ๆ เผ็ด ๆ ร้อน ๆ เช่น การนั่งต่อสู้ทุกขเวทนา
ด้วยสติปัญญาไม่ท้อถอย มักเจอธรรมดวงที่แปลยาก ๆ อธิบาย
ยาก ๆ เร็วกว่าธรรมดาที่ควรจะเป็น โดยมากครูอาจารย์ที่ได้ธรรม
เด็ดๆ จัง ๆ มาสอนหมู่ชน ท่านมักได้ด้วยวิธีดังกล่าวเป็นส่วนมากมากกว่าได้โดยทางธรรมดาที่ค่อยเป็นค่อยไป แม้เวลามาสอนผู้อื่น
ก็มักจะสอนตามนิสัยที่ท่านเคยฝึกอบรมมา คือสอนชนิดเผ็ด ๆ
ร้อน ๆ ทั้งกิริยาอาการและสุ้มเสียงอรรถธรรม มันกลมกลืนกัน
ไปในขณะเดียวกัน ดังท่านอาจารย์มั่นเป็นตัวอย่าง แต่ผู้ตั้งใจต่อ
อรรถธรรมจริง ๆ ฟังแล้วถึงใจ ได้ผลผิดธรรมดาอยู่มาก
ผู้เขียนเป็นคนป่ามีนิสัยหยาบมาดั้งเดิม จึงชอบการแสดง
แบบนั้นมาประจำนิสัยไม่จืดจาง กิเลสคงยังหยาบอยู่มากจึงชอบ
ของแข็ง ๆ ตีเอา ๆ ใจรู้สึกหมอบง่ายไม่กล้าลำพองผยองตัวยั่วยุ
นัก เหมือนที่เคยเก่งกาจฉลาดกว่าครูตอนที่ยังไม่เคยพบของแข็ง
ของคมสับเขก ท่านอาจารย์มั่นท่านรู้นิสัยคนเก่งไม่ได้เรื่องได้ราว
จึงมักมอบแต่เครื่องดัดสันดานเจ้าบอนนี่ให้เสมอมา แทนที่จะยื่น
ผลไม้ลูกหอมหวานให้ เมื่อถูกยาขนานสำคัญ ๆ หนัก ๆ เข้า
เพียงได้ยินเสียงและได้ยินชื่อท่านเท่านั้น เจ้าบอนนี่วิ่งหาที่หมอบ
หลบซ่อนเร็วยิ่งกว่าลิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมและเหมาะสมเสีย
เหลือเกิน แม้ทุกวันนี้เจ้าบอนนี่ยังกลัวท่านอยู่ เลยไม่หาญโดดกิ่ง
นั้นกิ่งนี้อย่างโลดโผนนัก เพียงระลึกถึงท่านก็หมอบราบทันที
ท่านที่ชอบเที่ยวหาที่เด็ด ๆ เป็นที่บำเพ็ญหนึ่ง ท่านที่ชอบ
นั่งอยู่ในที่เปลี่ยว ๆ น่ากลัวหนึ่ง ท่านที่ชอบอดอาหารเพื่อเร่ง
ความเพียรอย่างถึงใจหนึ่ง ท่านที่ชอบนั่งสมาธินาน ๆ และต่อสู้
กับทุกขเวทนาด้วยสติปัญญาหนึ่ง และท่านที่ชอบฝึกทรมานตนด้วย
วิธีต่าง ๆ เหล่านี้ เวลาสนทนาธรรมภายในกับท่านรู้สึกอัศจรรย์ใจ
อย่างบอกไม่ถูก ธรรมที่ท่านเล่าให้ฟังแต่ละครั้ง เป็นธรรมที่เกิดจาก
จิตใจจริง ๆ ทั้งแปลก ทั้งพิสดาร ทั้งอัศจรรย์ หาฟังได้ยาก ดูกิริยา
ท่าทางเคร่งขรึมสำรวมเป็นที่น่าขยาดครั่นคร้ามอยู่ภายใน สมกับธรรมที่ท่านระบายออกอย่างแท้จริงและน่าเลื่อมใสอย่างลึกซึ้ง
แต่กับบุคคลทั่ว ๆ ไป ท่านทำตัวเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้อรรถรู้ธรรม
อะไรเลย พูดน้อยไม่ชอบสังคมกับใคร ชอบอยู่ลำพังคนเดียว ชอบ
ไปคนเดียว ไม่ชอบเทศน์ชอบสนทนากับใคร เหมือนไม่รู้อะไร
เสียจริง ๆ
แต่กับผู้สนิทสนม เวลาท่านพูด ฟังแทบไม่ทัน ธรรม
ไม่ทราบไปเอามาจากไหน ไหลออกมาเหมือนน้ำเหมือนท่าไม่มีอัด
มีอั้น พูดไม่ค่อยซ้ำซาก วันหนึ่งได้เรื่องหนึ่งมาพูด อีกวันหนึ่ง
ได้เรื่องหนึ่งมาสนทนา ซึ่งเป็นธรรมภายในล้วน ๆ เมื่อคิดเดา
ตามความรู้สึกแล้ว ท่านน่าจะรู้ธรรมภายในใจเรื่อย ๆ ในวันเวลา
หนึ่ง ๆ สมกับเป็นผู้มีความเพียรกล้าไม่กลัวตายไม่หมายป่าช้า ถึง
กาลเวลาแห่งชีวิตสังขารที่ไหน คงสลัดทิ้งอย่างไม่อาลัยเสียดายเลย
ผิดกับคนทั้งหลายมาก ราวฟ้ากับดิน การขบฉันก็ง่าย อะไร ๆ ได้
ทั้งนั้น การพักอยู่หลับนอนก็ง่าย การไปก็ง่ายไม่ห่วงหน้าห่วงหลัง
ก้นเบา หูไว ใจเด็ดราวกับฝังเพชรไว้ในใจ เวลาเข้าทางจงกรมแล้ว
กี่ชั่วโมงก็ไม่ออกมา
ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ประกอบความเพียรเหมือนคน
มีราตรีเดียวเสมอกัน เวลาเข้านั่งสมาธิภาวนา ร่างกายเป็นเหมือน
หัวตอ กี่ชั่วโมงไม่ยอมลุกจากที่ ทำแบบให้เกิดความอัศจรรย์แก่เรา
ผู้ได้เห็นได้ชมเสียทุกอย่างไม่มีทางต้องติ และเป็นคติตัวอย่างอันดี
ทุก ๆ อิริยาบถ เมื่อเป็นเช่นนั้นกิเลสจะมีจำนวนกี่พันกี่ล้านตัว
ก็พลอยถูกทำลายด้วยความเพียรท่าต่าง ๆ นอนตายกองกันอยู่ใน
ที่ต่าง ๆ กองเท่าภูเขาเป็นแน่ ถ้าเป็นเหมือนด้านวัตถุ คือตายอยู่
ในทางจงกรมบ้าง ตายอยู่ที่นั่งสมาธิภาวนาบ้าง ตายอยู่ใต้ร่มไม้


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2012, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ชายเขาบ้าง ตายอยู่บนหินดานกลางเขาบ้าง ตายอยู่ตามหินผา
หน้าถ้ำบ้าง ตายอยู่เงื้อมผาป่าไม้บ้าง ตายอยู่ตามป่าช้าป่าชัฏบ้าง
ตายอยู่ในที่นั่งที่ยืนที่เดินทำความเพียรบ้าง ตายอยู่บนที่นอน
หมอนมุ้งบ้าง
ทั่วบริเวณสถานที่ทำความเพียรต่าง ๆ ถ้ากิเลสเป็นตัว
เป็นตนเหมือนสัตว์เหมือนคน ก็คงเป็นป่าช้าที่น่ากลัวมาก มีทั้ง
ผีดิบผีสดผีตายเก่าตายใหม่ และตายด้วยการถูกทำลายเพราะความ
เพียรวิธีต่าง ๆ จนไม่ชนะจะเผาจะฝังซากศพนั้นเลย ถูกผู้เป็น
นักกลัวผีไปเจอเข้า น่ากลัวจะไม่มีลมหายใจวิ่งกลับไปบ้าน เพราะผี
กิเลสชนิดต่าง ๆ ถูกสังหารทำลายด้วยน้ำมือของท่านผู้กล้าตายใน
สงครามแห่งวัฏวนมากต่อมาก รวมทั้งตายเก่าตายใหม่ ตายทับ
ตายถมตายเกลื่อนกลาดบาดตา สลดใจที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาใน
ชีวิตจนประมาณไม่ถูก แต่ท่านผู้สังหารกิเลสชนิดต่าง ๆ ด้วย
ความเพียร ท่านกลับเป็นผู้สบายหายกังวลหม่นหมอง สนุกครอง
มหาสมบัติภายในอันประเสริฐแต่ผู้เดียว ไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง
วุ่นวาย ผิดกับสมบัติภายนอก ซึ่งมีมากมายเพียงไร คอยแต่จะหลุด
มือหายไปด้วยเหตุต่าง ๆ ทั้งจากตัวเองเป็นผู้ทำลายสังหาร ทั้งจาก
โจรจากมาร ซึ่งมีมากยิ่งกว่าตาสับปะรด
นอนก็เป็นทุกข์ นั่งก็เป็นทุกข์ เพราะการคอยระวังรักษา
แม้เช่นนั้นยังกลับเป็นภัยแก่เจ้าของอีกด้วย ดังธรรมท่านว่า โลโภ
ธมฺมานํ ปริปนฺโถ ความโลภเป็นภัยแห่งธรรมคือความสงบเย็น
ทั้งหลายดังนี้ ผู้มีความโลภเข้าครองเป็นเจ้าอำนาจวาสนาบนหัวใจ
แล้ว ธรรมคือความสงบสุขย่อมไม่มีทางเจริญงอกงามในใจได้ ต้อง
ถูกความโลภทำลายหายสูญเกลี้ยงไม่มีเหลือหลออยู่ได้ ฉะนั้นผู้หวังความผาสุกเจริญใจด้วยธรรมเป็นที่จอดแวะพักพิง จำต้องสำนึกตัว
กลัวความโลภอันเป็นตัวมหาวินาศ และทำความเข้มงวดกวดขัน
มันที่คอยทำลายธรรมภายในใจอยู่ทุกเวลา อย่าปล่อยให้เป็นเจ้า
อำนาจ ซึ่งอาจถึงขนาดทำเราให้ตายทั้งเป็นก็ได้ ถ้าเผลอตัวมั่วสุม
กับมันมากนัก
ความโลภตัวนี้ถ้าเป็นสัตว์ก็คือสัตว์ตัวคอยทำลายโลก
ไม่เคยทำคุณให้แก่ใครแม้แต่น้อยเลย ถ้าเป็นเชื้อโรคก็เป็นชนิดที่
โลกขยาดครั่นคร้ามมาก ยากจะรักษาให้หายได้ ถ้าลงได้เกาะกิน
รายใดเข้าแล้ว เป็นโรคชนิดที่ผู้นั้นต้องหมดหวังทั้งที่ลมหายใจยังมี
อยู่ เพียงรอวันเวลาที่วาระสุดท้ายปลายแดนของชีวิตจะสิ้นลง
เท่านั้น อย่างอื่นที่โลกต้องการนั้นไม่มีหวังจากโรคพรรค์นี้ ดังนั้น
ผู้หวังสารคุณเป็นเครื่องหนุนเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยหายใจเต็ม
ปอดทั้งปัจจุบันและอนาคต จึงควรเริ่มคิดนึกตรึกตรองเพื่อเห็นโทษ
ของมันที่บรรจุโทษไว้อย่างเต็มตัว ยิ่งกว่าวัตถุระเบิดเครื่องทำลาย
เป็นไหน ๆ เพราะวัตถุเครื่องทำลายต่าง ๆ โดยมากเวลาแสดงตัว
ย่อมมีเสียงสะเทือนสะท้านขู่คำรามให้ปรากฏพอโลกได้ทราบฤทธิ์
ของมัน และเกิดความกลัวรีบพากันหาที่หลบซ่อนจนสุดวิสัยที่จะ
ตะเกียกตะกายเพื่อหลบภัยเอาตัวรอดได้
ส่วนความโลภออกแสดงตัว มิได้ทำแบบนั้น แต่ชอบวาง
กับดักไว้อย่างลึกลับในหัวใจคนทุกชาติชั้นวรรณะ แม้พระเณรเถรชี
ก็ไม่เลือกหน้าว่าจะเกรงขามบ้างเลย ถ้าหัวใจต่ำทรามพอมันคว้าได้
ต้องคว้ามาขยี้ มาเป็นเครื่องมือ มาเป็นคนงานของมันทันที และ
ตั้งโรงผลิตลงที่หัวใจดวงนั้น บังคับบัญชาใจผู้ที่มันฝึกอบรมมาจน
เชี่ยวชาญคล่องแคล่ว ให้ออกทำงานคิดหารายได้ร่ำรวยด้วยอุบายวิธีต่าง ๆ จะได้มาด้วยวิธีผิด ๆ พลาด ๆ ฉลาดแกมโกงใด ๆ
เป็นเอาทั้งนั้น ขอแต่ให้ได้มาก็เป็นที่พอใจของนายผู้ตั้งรายรับราย
จ่ายไว้สูง จนใจที่มีความระลึกรู้บุญบาปอยู่บ้าง บรรดามนุษยธรรม
ทั่ว ๆ ไปไม่สามารถอาจเอื้อมทำลงได้
มันมอบหน้าที่ให้พนักงานตัวโปรดสำคัญคือใจ เป็นผู้ดำเนิน
งานคิดค้นและสั่งเสียกิจการต่าง ๆ ออกทางกายทางวาจา ให้เที่ยว
แสวงหารายได้คนละทิศละทาง ทั้งใกล้และไกล ทั้งในและนอก ทั้ง
ทางน้ำและทางบก ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งยืนทั้งเดิน ทั้งนั่ง
ทั้งนอน เว้นแต่เวลาหลับ ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เห็นว่าเหยื่อชุกชุม
มาก ทั้งกอบโกยทั้งโรยทุกข์ลงบนหัวคนไม่ไว้หน้าว่าเป็นใคร ทั้งกล้า
คิดกล้าพูด กล้าทำได้ทั้งที่แจ้งที่ลับ ไม่มีกระดากอายว่าใครจะตำหนิ
ติเตียนและเกลียดขี้หน้าหรือเคียดแค้นเพียงไร ขอให้ได้ตามคำสั่ง
ของมหาอำนาจ คือ โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ ก็เป็นที่พึงพอใจ
การเก็บรักษาไม่ยอมให้รั่วไหลไกลมือนั้น นายโลภต้อง
สั่งเก็บแบบไม่คิดว่าโลกกว้างแสนกว้างจะมีที่เก็บหรือไม่ แต่
เก็บสั่งสมเสียจนลืมคิดว่า “เรานี้จะฝืนเป็นคนอยู่ค้ำฟ้าท้าทาย
ความตายตลอดไป หรือเป็นคนมีป่าช้าเหมือนมนุษย์ทั่ว ๆ ไป
หรือเป็นคนประเภทไหนกันแน่” เพราะมันร่ายมนต์ปิดหูปิดตา
และปิดใจไว้อย่างมิดชิด ชนิดไม่ให้มีโอกาสเหลือบมองดูหน้าตา
มัน ว่ามีความลับลมคมในประการใดบ้างเลย แม้อาการของ
ความโลภที่พาให้แสดงตัวออกมา ก็ไม่มีท่าทางที่น่าดูเลย ไม่ว่า
จะพาให้มนุษย์เพศวัยใดแสดง หรือคนชาติชั้นวรรณะใดมีอำนาจ
มากน้อยเพียงไรแสดง ไม่เป็นที่น่าดูเอาเลย นอกจากน่าเกลียด
น่าเอือมระอา น่าโลกจะแตกบรรลัยไปถ่ายเดียวเท่านั้น เพราะไฟแห่งความโลภระบาดเผาผลาญทนหมกตัวอยู่ไม่ได้
เพราะเหตุดังที่รู้ ๆ เห็น ๆ กันอยู่อย่างเต็มตาเต็มใจ
ไม่ปิดบังลี้ลับนี่แล ธรรมของพระพุทธเจ้าจึงควรได้รับรองยืนยัน
ส่งเสริมว่า เป็นสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแท้ ดังความโลภที่
ธรรมท่านแสดงไว้ว่าเป็นอันตรายแก่ความสงบสุขของบ้านเมือง ที่
ท่านว่าความโลภเป็นภัย ก็มิได้ว่าไว้เพียงวันนี้และวานนี้เท่านั้น แต่
ธรรมนี้เคยปรากฏแก่โลกมานานพร้อมกับศาสนาที่นำออกประกาศ
สอนโลก โลกจึงพอทราบหรือพอเดาได้ว่า ความโลภนี้เคยเป็นภัย
แก่โลกมานานเช่นเดียวกับธรรมที่สอนไว้เป็นเวลานาน จึงควรรู้สึก
โทษของมันบ้างแม้ชั่วขณะฟ้าแลบ ก็ยังจะมีความสงบสุขชั่วระยะ
หนึ่ง ไม่มืดมิดปิดตาอยู่ตลอดไป
ภัยตัวโลภนี้ไม่เคยทำคุณให้แก่ผู้ใดแต่ไหนแต่ไรมา แม้ใครจะ
ชมมันว่าดีทั่วโลก แต่ผลจะไม่เป็นไปตามความคิดความคาดหมาย
ของใครทั้งสิ้น ต้องเป็นไปตามแผนของมันที่เคยเป็นมาดั้งเดิมอัน
ตายตัวไม่มีการเปลี่ยนแปลง นักปราชญ์ท่านฆ่าความโลภตัวอุบาทว์
ได้แล้วท่านอยู่เป็นสุข ผิดกับพวกเราที่ต่างพากันส่งเสริมความโลภ
ให้เจริญ และมีอำนาจยิ่งขึ้นจนแทบจะไม่มีโลกให้มันอยู่ ถ้าเป็น
วัตถุเช่นกับวัตถุทั้งหลาย ต้องล้นโลกไม่มีที่เก็บเลย เพราะต่างคน
ต่างผลิต ต่างคนต่างนำออกใช้อย่างออกหน้าออกตา จนลืมสำนึก
ในความกระดากอายภูมิมนุษย์ของตัว ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นภูมิที่
สูงส่งด้วยความฉลาดและศีลธรรม แม้จะแสวงหาทรัพย์สมบัติมา
ได้กองเท่าภูเขา เพราะอำนาจแห่งความโลภที่ผิดทางเป็นผู้บังคับ
ฉุดลากให้ทำ ก็หาความสุขมิได้ ตลอดวันตายก็ตายไปเปล่า ๆ เฝ้า
แต่กองทุกข์ที่ความโลภพาขวนขวายสร้างไว้อย่างมากมูน ความเป็นสิ่งที่น่าสลดนี้ ถึงตัวเองไม่นึกกลัว คนอื่น ๆ ก็นึกกลัวแทน เพราะ
มิใช่เป็นสิ่งที่ควรกล้าหาญ บทเวลาเผาผลาญ มันเผาผลาญจริง ๆ
ไม่ไว้หน้าใคร
เท่าที่โลกทั้งส่วนย่อยส่วนใหญ่ปรากฏเป็นความเดือดร้อน
ขึ้นทุกวัน แทบพูดได้ว่าเป็นทวีคูณ ก็เพราะความโลภนั่นแลเป็น
ตัวจักรสำคัญที่ทุกสิ่งจะพึงหมุนตามอย่างยั้งตัวไม่ได้ จะมีอะไร
ที่ไหนมาเป็นตัวทรงอำนาจราชศักดิ์ให้โลกต้องหมุนตามจนไม่เป็น
ตัวของตัวอยู่ตลอดมา ยิ่งกว่าความโลภที่ได้รับเสกสรรปั้นยอให้
เป็นเจ้าใหญ่นายโตบนหัวใจคนอยู่เวลานี้ คำว่าเจ้าตัวโลภนี้ มันโลภ
ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เลือกหน้าว่าเป็นอะไร ขอแต่ให้มันชอบใจ แม้
พระจันทร์บนฟ้ามันก็บังคับให้ขึ้นไปจับจองปักธงบ่งบอกว่าเป็น
เจ้าของได้ ไม่เกรงกลัวและอายใครจะหัวเราะเยาะเอาบ้างเลย คือ
กิเลสกามมันก็ไม่กลัว วัตถุกามมันก็ไม่ถอย ถ้าลงได้ชอบใจแล้ว
มันโลภอย่างไม่มีเมืองพอ ตายเป็นตาย สู้เสมอไม่มีถอย แม้จะมี
เครื่องบำรุงบำเรอแวดล้อมอยู่อย่างพอกพูนทับถม จนมองไม่เห็น
ตัวมัน มันก็ไม่กลัวหนัก ถึงหลังจะหักมันก็สู้ก็แบก ไม่มีคำว่า
กลัวว่าถอย
คำว่าถอยหรือพอทีเถอะกับเรื่องทั้งหลายพรรค์นี้เป็น
ไม่ปริปากพูด เพราะท้องมันมิได้หุ้มด้วยหนังด้วยเนื้อเหมือน
ท้องคนท้องสัตว์ แต่หุ้มด้วยความโลภไม่มีเมืองพอดีชนิดเดียวกัน
มันจึงอยู่ด้วยกันไปด้วยกันสู้ด้วยกันได้อย่างพอตัว ชนิดถึงไหน
ถึงกัน ไม่กลัวว่าท้องจะแตกหลังจะหักตัวจะตายและขายหน้าไม่มี
ชิ้นดี สิ่งที่ต้องใจมีเท่าไร มันเที่ยวเก็บกวาดมาไว้เต็มหัวใจ ถ้าใจ
เป็นเหมือนภาชนะอื่น ๆ ต้องแตกเป็นผุยผงไปนานแล้ว แต่ใจเป็นนามธรรมอันเหนียวแน่นแก่นทนทานต่อภาวะทั้งหลาย จึง
พอทนอยู่ได้ไม่บรรลัยไปกับสิ่งกดถ่วงทำลายทั้งหลายซึ่งมีอยู่กับใจ
เป็นประจำ แม้เช่นนั้นเรายังไม่สะดุดใจคำนึงถึงความสำคัญของจิต
ยิ่งกว่าคำนึงถึงสิ่งทำลายทั้งหลาย
ฉะนั้นใจแม้เป็นสิ่งที่รับทำประโยชน์แก่เราอย่างมหาศาล
จึงมักถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามยถากรรม ไม่ค่อยมีผู้สนใจเหลียวแล
บ้างเท่าที่ควร แต่สิ่งที่เป็นข้าศึกต่อใจนั้นมักจะได้รับความยกย่อง
ชมเชยจากคนทุกชั้น สิ่งนั้นจึงนับวันเพิ่มความฉลาดแหลมคม
และฉุดลากใจให้เกิดความชอกช้ำต่ำทรามลงไปทุกที ไม่มีเวลาเป็น
อิสระได้แม้ชั่วระยะหนึ่ง พอให้ทราบได้ว่าขณะนี้เป็นโอกาสของใจ
ที่พอมีความสงบสุขบ้างจากการกดถ่วงต่าง ๆ สมกับใจเป็นใหญ่
และมีสาระสำคัญในตัวเราตัวท่านทั่วโลกดินแดน แทนที่จะเป็น
เช่นนั้นบ้าง แต่ใจกลับเป็นผู้ยอมรับเสวยผลทนทุกข์อยู่เป็นนิจ ทั้งที่
มีสมบัติเงินทองมากแทบไม่มีที่เก็บรักษา ซึ่งหามาเพื่อบำรุง
ความสุขทางกายทางใจ แต่ไม่สามารถนำมาบำบัดเยียวยาพอมี
ความสุขได้บ้างเท่าที่ควร ไม่ทุกข์ร้อนจนไม่มีวันกำหนดปลดปล่อย
เสียบ้าง
ปฏิปทาที่พระธุดงคกรรมฐานท่าน พยายามตะเกียกตะกาย
เพื่อความหลุดรอดด้วยวิธีต่าง ๆ ดังที่ท่านกำลังอ่านอยู่ขณะนี้
นอกจากเกี่ยวกับกิเลสตัวอุบาทว์เหล่านี้เป็นเหตุให้ท่านต้องทนทุกข์
ทรมานด้วยข้อปฏิบัติเพื่อกำจัดมันแล้ว ก็ยังมองไม่เห็นว่าท่าน
ทำเพื่ออะไร ที่พอทราบและมาลงนี้ก็ล้วนแต่อุบายวิธีท่านผู้หวัง
เล็ดลอดจากบ่วงมารที่กล่าวมา ท่านพยายามเสือกคลานตามสติ
กำลังความสามารถของแต่ละท่าน ดังที่เห็นความแปลกต่างกันในวิธีดำเนิน องค์หนึ่งหนักไปในทางหนึ่ง องค์ที่กำลังพรรณนาเรื่อง
ท่านยังไม่จบ คือ องค์ชอบนั่งสมาธินาน ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง
เพื่อรู้แจ้งทุกขเวทนาในกายในใจ แต่เผอิญมีเรื่องกิเลสตัวโลภเข้ามา
ยุ่งในวงการ จึงได้หยิบยกขึ้นแสดงพอหายเพ้อบ้างตามนิสัยคน
มักเพ้อ แล้วจึงได้ย้อนกลับมาแสดงเรื่องท่านต่อไปอีก หวังว่าท่าน
ผู้อ่านคงทราบคนมีนิสัยเลยขอบเขตได้ดีและให้อภัยตามเคย
เท่าที่ทราบมา ในวงปฏิบัติ พระธุดงค์ที่ท่านชอบฝึกทรมาน
ตนด้วยการนั่งนาน ๆ นั้นรู้สึกมีมากองค์ เช่นเดียวกับวิธีอื่นมีการ
ผ่อนอาหารหรืออดอาหารเป็นต้น โดยท่านให้เหตุผลว่า การนั่ง
นานมิได้นั่งเพื่อต่อสู้กับทุกขเวทนาแบบตื้อที่ไม่ใช้หัวคิดปัญญา แต่
นั่งด้วยการใช้หัว สู้ด้วยหัวคือสติปัญญาเป็นต้น หัวคิดปัญญาเพื่อ
รู้แจ้งเวทนาทั้งหลาย อันเป็นหลักสัจธรรมซึ่งมีอยู่ในกายในจิต การ
กำหนดทุกขเวทนาด้วยวิธีเปลี่ยนอิริยาบถต่าง ๆ นั้น ท่านว่าเมื่อ
พิจารณาแล้วเป็นเรื่องเรากลัวทุกข์ต่างหาก มิใช่เรื่องสู้เพื่อรู้ทุกข์
เพราะอิริยาบถปิดบังทุกข์ไม่สามารถมองเห็นทุกข์ได้อย่างประจักษ์
พอเชื่อตัวเองได้ในคราวจำเป็น
การรู้เห็นความจริงในสัจธรรมมีทุกข์เป็นต้นนั้น รู้เห็นด้วย
การต่อสู้ในเวลานั่ง รู้สึกว่ารู้เห็นอย่างถึงเหตุถึงผลถึงจิตถึงใจจริง ๆ
เป็นที่แน่ใจและเชื่อตัวเองได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต ไม่สะทกสะท้าน
หวั่นไหวต่อทุกขเวทนาแม้จะมีความกล้าสาหัสเพียงไรในเวลานั้น
ตลอดวาระสุดท้ายคือความตาย ที่เคยหวาดกลัวมาประจำนิสัยก็
ไม่มีกลัว เพราะการกลัวตายกับกลัวทุกข์ขึ้นอยู่ในฉากอันเดียวกัน
ซึ่งเป็นการฝืนความจริงอันเกิดจากการพิจารณาไม่รอบคอบตาม
หลักความจริง เมื่อพิจารณารอบคอบจนเห็นความจริงในทุกข์และความจริงในคำว่าเกิดว่าตายอย่างถึงใจแล้ว จะกลัวลมกลัวแล้งไป
หาประโยชน์อะไร
เพราะตามธรรมชาติของธาตุสี่ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ประชุม
กันในร่างกายและสภาพของใจแล้ว ต่างก็เป็นธาตุดั้งเดิมและเป็น
ของไม่ตายด้วยกัน เป็นเพียงเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น
คือ ธาตุสี่เมื่อสลายจากส่วนผสมแล้ว ก็ลงไปสู่ธาตุเดิมของตน
อยู่เท่านั้น มิได้ฉิบหายไปไหน ส่วนใจก็เป็นใจอยู่ตามเดิม ทั้งที่
อาศัยอยู่ในร่างคนร่างสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในสามภพ ทั้งที่มิได้อาศัย
อยู่ในร่างใด ๆ เช่นใจของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและ
พระขีณาสพทั้งหลาย ที่เป็นใจบริสุทธิ์ล้วน ๆ แล้ว จึงไม่ควรจะกลัว
ที่หาเหตุผลกลไกอะไรมิได้ ซึ่งเป็นเรื่องก่อกวนจิตใจให้ฟุ้งเฟ้อขุ่นมัว
ไปเปล่า ๆ เพราะความคิดนั้นเป็นสาเหตุ
การรู้เห็นสัจธรรมในขณะนั่งพิจารณาต่อสู้กันด้วยสติปัญญา
นั้น ทำให้เกิดความรู้เห็นผลรวดเร็วผิดธรรมดาที่ควรจะเป็น เมื่อ
ได้รู้เห็นแล้วเป็นเครื่องฝังใจและยืนยันในตัวอย่างมั่นคงตลอดไป
แม้จะไม่สามารถพิจารณาเห็นความจริงดังที่เคยเห็นแล้วทุก ๆ ครั้ง
ไปก็ตาม แต่สิ่งที่เคยรู้เห็นแล้วย่อมไม่กลับกลายเป็นอื่น คงเป็น
ความจริงอยู่ภายในใจตลอดไป นอกจากจะทำให้ชำนิชำนาญและ
กว้างขวางในความจริงส่วนละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนรู้เท่าและ
ปล่อยวางได้โดยสิ้นเชิงเท่านั้น ฉะนั้นการพิจารณาทุกขเวทนาที่
เกิดขึ้นในเวลานั่งนาน ๆ ก็ดี ในเวลาเจ็บไข้ได้ทุกข์ก็ดี จึงเป็นทาง
ให้รู้เห็นสัจธรรมอย่างเปิดเผยได้โดยไม่มีปัญหาสำหรับท่านที่เป็น
นักต่อสู้ด้วยสติปัญญาจริง ๆ แต่ทุกขเวทนาทั้งหลายย่อมไม่เกิด
ประโยชน์แก่รายที่ท้อแท้อ่อนแอแบบ่นให้ทุกข์หายไปตามใจชอบโดยมิได้พิจารณาเพื่อหาทางออกอะไรเลย ทุกข์ยังจะเป็นภัยแก่
ผู้นั้นเพิ่มขึ้นโดยลำดับที่คิดฝืนความจริง
ดังนั้นทุกข์แม้จะเป็นของมีอยู่ในคนและสัตว์ทั่วหน้ากัน จึง
ไม่ค่อยมีใครสามารถถือเอาประโยชน์จากทุกข์นั้นได้ โดยมากก็มัก
คว้าเอาทุกข์ที่ไม่พึงปรารถนานั้น ๆ มาเผาลนตัวเองด้วยความคิด
ฝืนธรรม แทนที่จะพิจารณาเพื่อนำทุกข์สมุทัยออกจากกายจากใจ
ตามส่วนที่ควรแก่ฐานะ ดังที่ศาสนาสอนไว้
พระธุดงคกรรมฐานท่านมีความรู้ความเห็นผิดกับคน
ทั้งหลายอยู่มาก ดังปฏิปทาที่นำมาลงเป็นเรื่องเป็นแขนงตามที่ท่าน
เคยดำเนินมา นับว่าเป็นสิ่งที่น่าคิดอยู่มาก ทั้งนี้จะว่าเป็นความคิด
เห็นและการปฏิบัติที่ออกนอกลู่นอกทางก็ไม่ถนัดใจ เพราะหลัก
ปฏิบัติที่ท่านดำเนินนั้นเข้ากับหลักความจริงคือสัจธรรมได้อย่างสนิท
ไม่มีที่น่าต้องติ จะว่าปฏิบัติเพื่อความอวดตัวเย่อหยิ่งก็ไม่ใช่ เพราะ
ท่านมิได้มีเจตนาเกี่ยวกับเรื่องภายนอก แต่เป็นเจตนาเพื่อฝึก
ทรมานตนโดยเฉพาะเท่านั้น แม้ผลที่ได้รับก็ถูกตามความมุ่งหมาย
ของธรรม คือรู้สัจธรรมอันเป็นหลักใหญ่ของศาสนา ท่านอาจารย์
มั่นเองซึ่งเป็นอาจารย์ของพระกรรมฐานสายนี้ ท่านก็ดำเนินแบบนี้
และอบรมสั่งสอนสานุศิษย์ตามที่ท่านเคยดำเนินมา มีการสอนให้
เป็นนักต่อสู้เพื่อรู้ทุกขเวทนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นต้น
สำหรับผู้เขียนเองไม่มีสติปัญญาสามารถจะนำปฏิปทา
แง่ต่าง ๆ ของท่านมาวินิจฉัย เป็นเพียงคิดไปตามประสาว่า ถ้าเรา
มีความอาจหาญสามารถต่อต้านกับกิเลสกองทุกข์ในขันธ์ใน
จิตของตนได้อย่างท่าน ป่านนี้น่าจะพ้นทุกข์ไปถึงไหนแล้ว คง
ไม่เป็นคนงุ่มง่ามทรามความคิดไหวพริบปัญญาดังที่เป็นอยู่เวลานี้ซึ่งน่ารำคาญตัวเองเหลือประมาณ การพูดการเขียนเรื่องของ
ท่านผู้อื่นนั้น เมื่อทราบเรื่องของท่านย่อมพอพูดพอเขียนได้ แต่
สำคัญที่เป็นคนจนปัญญาของตัวแบบพูดไม่ออกเขียนให้ใครฟัง
ใครอ่านไม่ได้ จึงได้แต่นำเรื่องท่านผู้อื่นมาเขียนลงให้ท่านผู้อ่าน
ทราบซึ่งอาจเป็นประโยชน์บ้างเท่านั้น เพราะคนเราต่างมีนิสัย
วาสนาลึกลับอยู่ภายในไปคนละแง่คนละทาง ท่านจึงสอนไม่ให้
ประมาทกัน
ท่านผู้อ่านทั้งหลายทั้งหญิงทั้งชายย่อมมีวาสนาบุญญา
ภิสมภารมาก หรือมากกว่าพระธุดงค์ที่เป็นเจ้าของเรื่องและ
ผู้เขียนราวฟ้ากับดินราวหินกับเพชร แต่ใครก็ไม่อาจทราบได้ เท่าที่
ตะเกียกตะกายเขียนนี้ก็โดยคิดไปทำนองมหาเศรษฐีมีเงินเป็น
ล้าน ๆ ย่อมไม่อาจแยกตนออกจากคนใช้ในบ้านได้ จำต้องติดต่อ
ใช้สอยเขาอยู่เรื่อยไปในกิจการต่าง ๆ ทั้งที่ตนก็เป็นเศรษฐี นี่ก็
คิดว่าคนนั้นได้เรื่องหนึ่งคนนี้ได้เรื่องหนึ่ง มาเล่าสู่กันฟังเพื่อถือเอา
ประโยชน์ตามที่เห็นควร เช่นเดียวกับเศรษฐีถือเอาประโยชน์จาก
คนใช้ในบ้านฉะนั้น ท่านที่อ่านและถือเอาประโยชน์จากวิธีการ
ที่พระท่านปฏิบัติต่อกิเลสของตนก็น่าจะได้รับประโยชน์บ้างพอควร
เพราะกิเลสชนิดต่าง ๆ ที่มีอยู่กับพระย่อมเป็นชนิด
เดียวกันกับที่มีอยู่ในมนุษย์หญิงชายทั่วไป เราจึงพอมีทางคิด
ดัดแปลงแก้ไขกิเลสชนิดโลด ๆ โผน ๆ ชอบโดนเรื่องนั้นชอบชน
เรื่องนี้อยู่เสมอ ให้อยู่ในความพอดีงามตาเย็นใจได้บ้าง ไม่เป็น
กิเลสที่แสนงอนเอาใจยากดังที่เคยเป็นอยู่ ซึ่งโดยมากมักคล้อยตาม
มันแทบทุกกรณี จนมันได้ใจและกลายเป็นกิเลสที่เอาแต่ใจตัว
และพาประพฤติฝ่าฝืนต่าง ๆ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายอันจะ


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2012, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดขึ้นแก่ตนและครอบครัว ตลอดวงงานต่าง ๆ ที่อยู่ในความ
รับผิดชอบให้กลายเป็นความเสียหายจนไม่มีประมาณพอแก้ไขได้
การฝืนกิเลสโดยชอบธรรมแม้จะน้อยเพียงไรย่อมไม่เป็น
ความเสียหาย นอกจากจะเกิดประโยชน์ไปโดยลำดับ จนกลาย
เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลแก่ตนและบ้านเมืองเท่านั้น ผิดกับ
กิเลสฝืนเราและเราคล้อยตามกิเลสเป็นไหน ๆ มันฝืนได้มาก
และคล้อยตามมันมากเพียงไร เราย่อมต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบมัน
มากเพียงนั้น การปล่อยให้มันฝืนมากและปล่อยตามใจมันมากไป
ยิ่งนับวันเสียเปรียบมาก จนกลายเป็นคนหมดคุณค่าสาระสำคัญใน
ตัวโดยไม่รู้สึก กว่าจะรู้ตัวก็ก้าวเข้าขั้นสุดวิสัยซึ่งน่าเสียดายอย่างยิ่ง
ที่เป็นคนทั้งคนแต่ยอมปล่อยตนเป็นสะพานทอดให้กิเลสชนิด
ต่าง ๆ ไต่ข้ามศีรษะเหยียบย่ำไปมาราวกับสัตว์ที่ตายแล้ว
ผู้เขียนเพียงคิดเรื่องกิเลสเอารัดเอาเปรียบเราเท่านั้นก็นึก
โมโหขึ้นมา โดยลืมนึกไปว่าความโมโหก็คือกิเลสตัวหนึ่งซึ่งกำลัง
ไต่ข้ามศีรษะเหยียบย่ำไปมาอยู่เช่นกัน แต่การนึกโมโหเพื่อจะเอารัด
เอาเปรียบเอาชัยชนะกิเลสซึ่งเราเคยแพ้มันมานานนั้น รู้สึกจะ
ไม่เป็นกิเลสชนิดที่ทำคนให้เสีย หากความโมโหให้กิเลสเพื่อแก้แค้น
กิเลสของตัวกลับเป็นการเพิ่มพูนกิเลสให้มากมูนขึ้นแล้ว ก็คงไม่มี
ท่านผู้ใดผ่านพ้นทุกข์ไปได้ เพราะความเป็นคนใจจืดไม่มีมานะ
ฮึดฮัดสู้กับมันบ้างเลย ตามสัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ทั่ว ๆ ไป
ทั้งคนทั้งสัตว์ย่อมมีมานะหรือความโมโหเข้าสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
จึงมีกำลังใจประกอบงานนั้น ๆ จนสำเร็จลุล่วงไปได้ เพียงเขาเล่น
กีฬากันยังมีมานะหรือความโมโหเข้าช่วยสนับสนุนจนวาระสุดท้าย
ส่วนจะแพ้หรือชนะไม่สำคัญเพราะเป็นคนละเรื่องพระธุดงค์บางท่านเล่าว่า ความโกรธแค้นระหว่างกิเลสกับ
ท่านรู้สึกจะไม่ผิดอะไรกับเขาทำสงครามกัน มันมานะมันเคียดแค้น
จนเห็นได้ชัดจริง ๆ เวลาสู้กับกิเลสตัวสำคัญในคราวสำคัญ จน
ไม่ยอมลดราวาศอกให้กันเอาเลย กิเลสก็เก่งไปทางหนึ่งที่ชอบ
เอาชนะเวลาเราเผลอตัว เราก็เก่งไปทางหนึ่งที่ชอบเผลอตัวให้มัน
อยู่เสมอ ทั้งที่ตั้งท่าไม่ให้เผลอก็ยังเผลอให้มันจนได้ ตอนรู้สึกตัว
ว่าเผลอให้กิเลสเอาของดีไปกินเกือบหมดแล้วนี่แล มานะมันก็ขึ้น
ความโมโหก็เกิด ความเพียรที่ได้รับการสนับสนุนจากมานะกับความ
โมโหก็เร่งใหญ่ จนไม่รู้จักเป็นจักตาย ไม่รู้จักสุขและทุกข์อะไรเลย
เวลานั้น มีแต่ฟาดฟันหั่นแหลกกันจนสุดฝีมือของสติปัญญาศรัทธา
ความเพียรที่มีอยู่ กว่าจะเอาชนะมันได้แต่ละทอด เราแทบตายไป
ก่อนให้มันเป็นผู้เผาศพเราก็ยังมีในบางครั้ง เพราะความเพียรกล้า
หวังเอาชนะกิเลสเป็นทอด ๆ ไป
ท่านว่าผมเองถ้าไม่มีมานะความโมโหเข้าช่วย รู้สึกทำอะไร
ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน ยิ่งการรบกับกิเลสความลามกของตัวด้วย
แล้ว จะทำเล่น ๆ แบบคนไม่มีหัวใจนั้นไม่ได้ แม้จะเดินจงกรม
เกือบตลอดคืนก็ไม่เห็นมีผลพอเป็นที่ระลึกบ้างเลย แต่ถ้าทำแบบ
นักต่อสู้อันมีมานะหรือความโมโหอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าสนับสนุน
แล้ว ความเพียรนั้นเป็นความเพียรที่เห็นประจักษ์ใจชนิดจำไม่ลืม
ในชีวิต แม้ความรู้เห็นนั้นจะไม่ติดต่อกันตลอดไป จึงได้อาศัยวิธีนี้
ช่วยตัวเองตลอดมา พอธรรมสองข้อนี้ห่างจากตัวบ้าง กิเลสขยับตัว
เข้ามาทันที จำต้องจับธรรมนี้แนบกับตัวอยู่ตลอดเวลา จนสงคราม
ระหว่างเรากับกิเลสตัดสินกันลงอย่างเด็ดขาดแล้ว โดยฝ่ายเราเป็น
ฝ่ายชนะทุกประตูนั่นแล จึงจะพอผ่อนคลายตัวลงได้ผู้เขียนเป็นคนมีนิสัยดื้อจึงเรียนถามท่านว่า เวลานี้ได้ตัดสิน
กันแล้วหรือยัง ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายชนะทุกประตูล่ะ ท่านยิ้มและ
ตอบว่า การต่อสู้กับกิเลสทุกชนิดด้วยวิธีต่าง ๆ นั้นเราพูดกันได้
แต่การชนะนั้นเราคอยฟังกันไปก็แล้วกัน ผมเชื่อแน่ว่าลงได้ทำงาน
แล้ว ผลต้องปรากฏไปตามลำดับของงานที่ทำ นับแต่ส่วนเล็กไปถึง
ส่วนใหญ่และใหญ่สุด ผมเชื่อพระพุทธเจ้าว่าไม่เคยตรัสเป็นสอง
กับคำหลอกลวง ตรัสคำใดคำนั้นต้องเป็นคำจริงเสมอมา จึงเชื่อ
การกระทำของตัวว่าผลต้องเป็นของตัวแน่นอน นับแต่หยาบถึง
ละเอียดและละเอียดสุด ว่าจะต้องได้ครองในวันหนึ่งถ้าไม่ได้ครอง
เวลานี้ ผู้ถาม : เวลานี้ท่านครองบ้างหรือยัง ตอนนี้ท่านไม่ตอบ
เลย มีแต่ยิ้ม
เท่าที่ทราบมานี้ก็พอจับเงื่อนสาระสำคัญได้ว่า ความ
มุมานะ และความโมโหให้กับกิเลสที่มีอยู่ในตน แล้วทำการแก้ไข
หรือแก้แค้นกันด้วยวิธีต่างตามอุบายของมรรคคือสติปัญญา ธรรม
ทั้งสองนี้น่าจะกลายเป็นธรรมคือทางมรรคอันเป็นฝ่ายแก้ มานะกับ
ความโมโหนี้ก็ไม่เป็นกิเลส ถ้าเทียบก็เท่ากับหนามยอกเอาหนามบ่ง
ปกติของหนามเวลาปักคนก็ต้องเจ็บปวด เวลานำมาบ่งหนามออก
จากเท้าก็เป็นประโยชน์ มานะกับความโมโหถ้านำไปใช้ในทางผิดก็
เป็นกิเลสและเกิดโทษได้ตามส่วนของมัน เมื่อนำมาใช้ในทางที่ถูกก็
เป็นธรรมและเป็นคุณประโยชน์ตามส่วนเช่นเดียวกัน ดังพระธุดงค์
ท่านใช้เป็นธรรมโอสถแก้กิเลสชนิดต่าง ๆ ประจำความเพียรท่าน
เสมอมา
ข้อนี้ผู้เขียนเห็นด้วยอย่างจริงใจทั้งนี้ พอทราบได้จากวิธีการ
ฝึกทรมานของพระพุทธเจ้าที่ทรงสละทุกอย่างเพื่อเอาชนะกิเลสทั้งมวล แม้พระชนม์ชีพก็ไม่ทรงอาลัยเสียดาย และพระสาวกที่
ดำเนินตามปฏิปทาที่ประทานไว้ด้วยการฝึกทรมานโดยวิธีต่าง ๆ
กัน ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่ต้องมุมานะอย่างแรงกล้า ฝ่าฝืนอุปสรรคนานา
ประการอันเป็นเรื่องของกิเลสชนิดต่าง ๆ หว่านล้อมไว้ ซึ่งดีไม่ดี
อาจติดกับมันได้ไปไม่รอด แต่ท่านพยายามฝ่าฝืนจนผ่านพ้นไปได้
ด้วยความมานะ ซึ่งบางครั้งอาจมีความโมโหให้ตัวเองหรือกิเลส
ของตัวแทรกขึ้นมาในวงความเพียรก็ได้ อันเป็นเครื่องสนับสนุน
ให้ความเพียรกล้าเพื่อความสมใจที่มุ่งหมาย ตลอดครูอาจารย์เป็น
ลำดับมาถึงนักปฏิบัติทั้งหลายผู้สนใจในธรรม จำต้องนำธรรม
ทั้งสองนี้มาใช้อย่างหลีกไม่พ้น เพราะเป็นธรรมเพิ่มพลังทางใจได้ดี
การฝึกทรมานตนด้วยอุบายวิธีต่าง ๆ ที่เห็นว่าควรแก่
การถอดถอนกิเลสบาปธรรมทั้งหลายได้ ย่อมต้องมีธรรมทั้งสองนี้
เป็นเครื่องสนับสนุนไปทุกระยะกาล เพื่อใจจะได้มีความอาจหาญ
และต้านทานกับสิ่งที่เป็นข้าศึกภายในเต็มความสามารถ ไม่อ่อนแอ
ท้อถอยในเวลาเข้าสู่ตาจนซึ่งมักมีอยู่เสมอในวงความเพียร
เช่นเดียวกับการเดินทางเข้าดงหนาป่าทึบ จำต้องประสบกับ
เหตุการณ์ที่มีอยู่ตามรายทางเป็นระยะ ๆ จนกว่าจะผ่านพ้นไปได้
ผู้ปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสภายในใจ ก็เท่ากับผู้กำลังเดินทางไปตาม
ดงหนาป่าทึบที่เต็มไปด้วยกิเลสชนิดต่าง ๆ ทั้งชนิดน่ากลัว ทั้งชนิด
น่ากล้า ทั้งชนิดน่ารัก ทั้งชนิดน่าชัง น่าเกลียด น่าโกรธ น่าร้องไห้
น่าหัวเราะ น่าอิดหนาระอาใจ น่ากระหยิ่มยิ้มย่อง จนพรรณนา
ไม่จบ ดังท่านว่ากิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด ซึ่งซ่องสุมเรียงราย
ดาดาษขวางหน้าปฏิปทาข้อปฏิบัติ อันเป็นเส้นทางผ่านไปไม่มีเว้น
ระยะที่ผู้เดินทางจะพอหายใจได้บ้างเลยกิเลสทั้งมวลที่พรรณนาไม่จบสิ้นลงได้นี้ ล้วนมีอยู่ในตัว
สัตว์โลกเต็มไปหมด ไม่ปรากฏรายใดว่าจะไม่มีสิ่งรกรุงรังเหล่านี้
ซ่องสุมอยู่เลย ผู้เดินทางสายนี้ต้องใช้สติปัญญาศรัทธาความเพียร
เป็นเครื่องบุกเบิกพอผ่านไปได้เป็นระยะ ๆ โดยมีความมุมานะ
เป็นต้นช่วยสนับสนุน ถ้าเป็นรถยนต์ก็เท่ากับเกียร์ช่วยให้รถมีกำลัง
บุกตมบุกโคลนจนผ่านพ้นไปได้ ความมุมานะนี้ ไม่ว่าทางโลก
ทางธรรม ผู้หวังพึ่งตัวเองเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ไม่ประสงค์
เป็นคนขัดสนจนมุมเพราะความทุกข์ร้อนต่าง ๆ อันจะเกิดจาก
ความขาดแคลนกันดาร หรือเกิดเพราะกิเลสชนิดต่าง ๆ ทับถม
หัวใจ จำต้องได้นำมาใช้ในกิจการต่าง ๆ เพื่อสำเร็จผลตามความ
มุ่งหมายเป็นตอน ๆ ไป ยิ่งผู้ตั้งรายรับไว้สูงก็ยิ่งทุ่มเทกำลังทุกด้าน
ลงชนิดไม่คำนึงถึงเป็นถึงตายกันเลย มุ่งจะให้งานนั้น ๆ สำเร็จ
ตามใจหวังโดยถ่ายเดียว
ดังพระธุดงค์ท่านฝึกทรมานตนด้วยวิธีต่าง ๆ ตามที่เขียน
ผ่านมา ล้วนเป็นความหมายมั่นปั้นมือเพื่อมหาสมบัติคือมรรคผล
นิพพาน เป็นหลักชัยไร้ทุกข์ความกังวลน้อยใหญ่ทั้งสิ้น จึงกล้าเสี่ยง
ต่อความทุกข์ความเป็นความตายไม่เสียดายชีวิต เช่นท่านเดิน
เข้าไปหาเสียงเสือที่กำลังขู่คำรามกระหึ่ม ๆ อยู่อย่างน่ากลัว ถ้า
เป็นเรา ๆ ท่าน ๆ ก็น่ากลัวจะสิ้นลมหายใจเสียก่อน ทั้งที่เสือ
ยังมิได้เข้ามาถึงตัวเลย ส่วนท่านผู้กล้าตายเพื่อธรรมอันเลิศ ยัง
อุตส่าห์เดินไปหาเสือได้อย่างน่าชมเชย ซึ่งนับจำนวนเป็นร้อย ๆ
คน จะหาสักคนก็น่ากลัวจะหาไม่เจอ เมื่อเทียบเราเทียบท่านที่
ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ท่านจึงควรเป็นผู้ได้รับคำยกย่องชมเชยและ
เทิดทูนอย่างถึงใจว่า เป็นเลือดเนื้อแห่งนักรบของศากยบุตรพุทธชิโนรสผู้กล้าตายในสงครามจริงๆ สมกับคำเปล่งวาจาถึง
พระองค์ว่าเป็นสรณะนับแต่วันเริ่มบวช
ผู้กล้าตายถวายชีวิตเพื่อพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา
ด้วยใจจริง เป็นบุคคลที่หาได้ยากและเป็นพระที่หาได้ยาก สมกับ
ธรรมเป็นธรรมชาติที่เกิดได้ยากมาดั้งเดิม ผู้เพาะธรรมเพื่อให้เกิดใน
นิสัยสันดานชนิดประจักษ์ใจนั้น จึงมักเป็นผู้กล้าเสียสละทุกอย่าง
แม้ชีวิตก็ยอมสละได้ ดังท่านที่เดินเที่ยวกลางภูเขาในเวลาค่ำคืน
ท่านที่เดินจงกรมแข่งกับเสียงเสือกระหึ่มรอบบริเวณที่พักในกลางคืน
ท่านที่ไปนั่งทำสมาธิภาวนาอยู่หน้าเหวชัน ๆ ลึก ๆ ท่านที่ไป
นั่งภาวนาอยู่ทางเสือเดินขึ้นลงจากถ้ำเสือในเวลากลางคืน ท่านที่ไป
นั่งภาวนาอยู่หินดานกลางภูเขาในเวลากลางคืน ท่านที่เดินจงกรม
ทั้งที่เสือโคร่งใหญ่มานั่งดูอยู่ไม่ห่างไกลเลย ท่านที่กำลังนั่งภาวนา
อยู่ในมุ้งทั้งที่เสือแอบเข้ามาดูจนถึงมุ้ง ท่านที่ภาวนาแต่หัวค่ำจน
สว่าง ท่านที่อดอาหารภาวนาเป็นเวลาหลาย ๆ วันไม่ฉัน ท่านที่
เดินจงกรมแต่หัวค่ำจนสว่าง ท่านที่พยายามภาวนาอยู่ด้วยอิริยาบถ
สาม คือ ยืน เดิน นั่ง ไม่นอนเป็นคืน ๆ
และในบรรดาความเพียรที่ท่านพยายามทำอย่างเด็ด ๆ
เผ็ด ๆ ร้อน ๆ ไม่กลัวความทุกข์ความตายเหล่านี้ ถ้าไม่มีความ
มุมานะแบบเอาชีวิตเข้าแลก จะสามารถฝืนความทุกข์ความทรมาน
ไปได้อย่างไร ต้องล้มเหลวไปอย่างไม่เป็นท่าแน่นอน แต่เพราะ
ความเพียรแบบมุมานะเอาตายสู้นี่แล แทนที่ท่านจะเป็นทุกข์หรือ
ล้มละลายไป แต่กิเลสเป็นฝ่ายล้มละลายหายซากไปจากใจไม่มี
เหลือ กลายเป็นใจที่บริสุทธิ์ขึ้นมาล้วน ๆ เหนือสิ่งที่เคยกดถ่วง
ใด ๆ ดังนั้นความมานะก็ดี ความโมโหเคียดแค้นให้กับกิเลสของตัวก็ดี จึงเป็นบาทฐานและกำลังช่วยให้งานที่ทำเสร็จลงได้โดย
ปราศจากอุปสรรค นักปราชญ์ท่านจึงชมเชยผู้เอาชนะตนว่าเยี่ยม
กว่าเอาชนะผู้อื่นหรือสิ่งอื่นเป็นไหน ๆ ดังบทธรรมว่า อตฺตา หเว
ชิตํ เสยฺโย ชำนะตนนั่นแลประเสริฐสุด ด้วยเหตุนี้ความมุมานะ
กับความโมโหให้กิเลสของตัว จึงเป็นบุพพประโยคที่จะให้ถึง
ความเป็นผู้ชนะตนโดยสมบูรณ์
เมื่อพรรณนาความมุมานะและความโมโหมายืดยาว ก็คิด
อยากจะนำเรื่องของพระธุดงคกรรมฐานท่านหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์
รุ่นกลางของท่านอาจารย์มั่นมาลงให้ท่านได้อ่านบ้าง พอเป็นเรื่อง
ประกอบกับธรรมบทว่า ความมุมานะกับความโมโหให้กับกิเลส
ของตัว เพราะท่านอาจารย์องค์นี้รู้สึกมีนิสัยหนักไปในธรรมสองบท
นี้มาประจำปฏิปทาจนถึงสมัยปัจจุบันคือทุกวันนี้ แต่ขอเรียนให้
ท่านผู้อ่านทราบไว้ก่อนว่า ท่านเป็นพระสำคัญองค์หนึ่งในเวลานี้
และยังมีชีวิตอยู่ พอเอ่ยชื่อท่านเท่านั้นใครก็ทราบกันแทบทั่ว
ประเทศไทย แต่ขอสงวนนามดังที่เคยเรียนแล้ว เพราะเป็นปฏิปทา
รวมพระธุดงค์ทั้งหลายที่ไม่ประสงค์ออกนามท่าน
ท่านอาจารย์องค์นี้มีนิสัยเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจังมากมา
ตั้งแต่เป็นฆราวาส เวลาบวชจึงมีนิสัยนั้นติดตัวมาด้วย ยิ่งบวชใน
พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาจริง และสั่งสอนคนให้ทำจริงในสิ่ง
ที่ควรด้วยแล้ว ท่านยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในหลักธรรมมากขึ้นโดยลำดับ
ก่อนบวชทราบว่าท่านเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่เกิดความ
เบื่อหน่ายในสังสารวัฏฏ์ มุ่งจะบำเพ็ญตนให้ถึงพระนิพพานใน
ชาติปัจจุบัน ถ้าไม่ตายเสียในระหว่าง ฉะนั้นพอบวชแล้วจึงเที่ยว
เสาะแสวงหาครูอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตตภาวนาตอนก่อนปฏิบัติกรรมฐานก็ทราบว่า ท่านเคยได้รับอารมณ์
เขย่าก่อกวนใจนานาประการที่จะให้เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญจาก
คนทั้งหลาย ทั้งเป็นพระทั้งเป็นฆราวาส ว่าเวลานี้มรรคผลนิพพาน
หมดเขตหมดสมัยไปนานแล้ว ใครจะบำเพ็ญถูกต้องดีงามตาม
พระธรรมวินัยเพียงไร ก็ไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จตามใจหวังได้
บ้าง ว่าการบำเพ็ญภาวนาทำให้คนเป็นบ้า ถ้าใครอยากเป็นบ้าก็
ออกบำเพ็ญภาวนา ถ้าใครยังอยากเป็นคนดีเหมือนชาวบ้านเขา ก็
ไม่ควรออกกรรมฐานเพื่อความเป็นบ้าบ้าง ว่าสมัยนี้เขาไม่มี
พระธุดงคกรรมฐานกันหรอก นอกจากพระธุดงคกรรมฐานที่
จำหน่ายตะกรุด คาถาวิชาอาคมของขลังต่าง ๆ เช่น พวกเสน่ห์
ยาแฝด อยู่ยงคงกระพันชาตรี ดูฤกษ์งามยามดี ดูชาตาราศีเท่านั้น
ส่วนพระธุดงคกรรมฐานที่ดำเนินตามทางพระธุดงค์นั้นไม่มีแล้ว
สำหรับทุกวันนี้ อย่าไปทำให้เสียเวลาและเหนื่อยเปล่าเลย สู้อยู่
สบายอย่างนี้ไม่ได้บ้าง
บรรดาอุปสรรคที่กีดขวางทางออกบำเพ็ญธุดงควัตรในเวลา
นั้น รู้สึกมีมากมาย สำหรับท่านเองไม่ยอมฟังเสียงใคร แต่
ไม่คัดค้านให้เป็นความกระเทือนใจกันเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์
อะไรทั้งสองฝ่าย ในความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ภายในท่านมีว่า คนเหล่านี้
และพระอาจารย์เหล่านี้มิได้เป็นเจ้าของศาสนา มิได้เป็นเจ้าของ
มรรคผลนิพพาน และมิได้เป็นผู้มีอำนาจทำผู้อื่นให้เป็นบ้าเป็นบอ
ได้พอจะเชื่อถือได้ เราเชื่อพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกับพระธรรม
และพระสงฆ์สาวกอรหันต์เท่านั้น ว่าเป็นผู้ประเสริฐในโลกทั้งสาม
ท่านที่พูดหว่านล้อมกีดกันไม่ให้เราออกกรรมฐานด้วยอุบายต่าง ๆ
นี้ มิใช่ผู้วิเศษวิโสอะไรเลย เพียงมองดูกิริยาท่าทางที่แสดงออกก็พอทราบได้ว่าเป็นนักปราชญ์หรือเป็นคนพาลมีสันดานเป็น
อย่างไรบ้าง ฉะนั้นคำกีดกันหวงห้ามใด ๆ ที่แสดงออกจึงไม่เป็น
สิ่งที่เราจะนำมาวินิจฉัยให้เสียเวลา เราจะต้องออกปฏิบัติกรรมฐาน
โดยถ่ายเดียวในไม่ช้านี้ และจะค้นหาของจริงตามหลักธรรมที่
ประทานไว้จนสุดกำลังความสามารถขาดดิ้นสิ้นซาก พระกรรมฐาน
คือตัวเราเอง ตายก็ยอมถวายชีวิตไว้กับพระธรรมดวงเลิศ
เมื่อพร้อมแล้วท่านก็ออกเดินธุดงค์ในท่ามกลางประชาชน
และครูอาจารย์ทั้งหลายที่กำลังชุมนุมกันอยู่ในวัดเวลานั้น เวลาจะ
ไปท่านพูดสั่งเสียด้วยความจริงใจเพื่อเป็นการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่
คัดค้านโดยปริยายว่า เมื่อกระผมและอาตมาไปแล้ว ถ้าสอนตัวเอง
ไม่ได้เต็มภูมิจิตภูมิธรรมตราบใด จะไม่มาให้ท่านทั้งหลายเห็นหน้า
ตราบนั้น จะหวังตายเพื่อความรู้ความเห็นแจ้งในธรรมเท่านั้น
ไม่เป็นอย่างอื่นแน่นอน กรุณาช่วยจำคำนี้ไว้ด้วย หากยังมีวาสนา
ได้กลับมาพบหน้ากันอีกจะลืมไปเสีย การที่เราจะมีโอกาสได้พบเห็น
กันในอนาคต จึงมีอยู่เพียงอย่างเดียวดังที่เรียนแล้ว
ท่านว่าขณะที่ผู้คนส่วนมาก ทั้งพระอาจารย์ใหญ่ ๆ ทั้ง
ฆราวาสที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันว่าเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต
พูดคัดค้านกีดกันอยู่นั้น ใจเราเหมือนจะกัดเพชรทั้งก้อนให้แหลก
เป็นผุยผงไปในนาทีเดียว และเหมือนจะเหาะเหินเดินไปทางอากาศ
ให้เขาดูในเวลานั้น รู้สึกมันมานะมันกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ
ราวกับจะออกแสงแจ่มจ้าพุ่งออกมาให้คนทั้งหลายเหล่านั้นเห็น
เสียที ซึ่งเป็นลักษณะประกาศตนว่า “นี่ไงล่ะ แสงเพชรอยู่ในใจ
ข้านี้ไงล่ะ พากันเห็นหรือยัง จะพากันมัวประมาทข้าว่าจะไปเป็นบ้า
ลูบคลำอะไรต่าง ๆ นั้นหรือ ใจข้ากับใจท่านทั้งหลายมันมิได้เป็นใจดวงเดียวกัน พอจะกวาดรวบเข้ามามั่วสุมชุมนุมกันตายแบบ
ไม่มีคุณค่าราวกับหมาตายอย่างไรกัน ข้ายังไม่พอใจจะตายตาม
แบบที่ท่านทั้งหลายจะพาตายอยู่เวลานี้ ข้าประสงค์จะตายแบบ
พระพุทธเจ้าพาตาย ซึ่งไม่มีเชื้อแห่งภพเหลือหลออยู่เลย ตาย
แบบนี้ข้าเคยตายมาแล้วจนไม่สามารถจะพรรณนาป่าช้าของตนได้
แม้ไม่รู้ด้วยญาณ ข้าก็เชื่อพระพุทธเจ้าผู้ทรงญาณอันเอก ไม่มีใคร
เสมอเหมือน”
เสร็จแล้วก็ลาพระอาจารย์นักปราชญ์ทั้งหลายออกเดินทาง
ท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก มุ่งหน้าไปทางพระธาตุพนม เดิน
บุกป่าฝ่าดงไปด้วยเท้าตามทางล้อทางเกวียน เพราะสมัยนั้นถนน
ไม่มีแม้แต่รูปร่าง นอกจากทางคนเดินเท้าและทางเกวียนเท่านั้น ใน
ดงใหญ่นั้นช้างก็ชุมเสือก็มาก สัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ มีเต็มไปทุกหน
ทุกแห่ง เพราะไม่มีบ้านผู้บ้านคนมากเหมือนสมัยทุกวันนี้ ซึ่งไป
ที่ไหนมีเต็มไปด้วยผู้คนบ้านเรือน ป่าก็ป่าจริง ๆ ถ้าเดินผิดทางก็
มีหวังอดข้าวหรืออาจตายได้ เนื่องจากไม่พบบ้านพบเรือนคนที่ไหน
เลย แม้เดินทางตั้งวันก็แทบจะไม่เจอบ้านคน
อุตส่าห์เดินบุกป่าฝ่าดงมาจนถึงพระธาตุพนม ลุถึงอุดร
หนองคาย เพื่อตามหาท่านอาจารย์มั่น ซึ่งทราบว่าท่านจำพรรษา
อยู่ที่อำเภอท่าบ่อ ได้พักอบรมกับท่านชั่วระยะเท่านั้น ท่านก็หนี
จากเราไปทางเชียงใหม่หายเงียบไปเลย คราวนั้นก็นับว่าเป็นคน
สิ้นท่าไปพักหนึ่ง เพราะไม่มีครูอาจารย์ให้โอวาทสั่งสอน พอทราบ
ข่าวว่าท่านอาจารย์มั่นไปพักบำเพ็ญเพียรอยู่ที่เชียงใหม่ จึงพยายาม
ตามหลังท่านไปโดยการเที่ยวธุดงคกรรมฐานไปเรื่อย ๆ ตามลำ
แม่น้ำโขง จนลุถึงเชียงใหม่และเที่ยวบำเพ็ญอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและที่ผ่านมาได้ล้างจานในงานบุญกับแม่และคนอื่นๆ สนทนาธรรม และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน ล้างจานในงานบุญ สนทนาธรรม
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2012, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยความสงบสุข ที่ที่ท่านพักบำเพ็ญแต่ละแห่งนั้น ล้วนเป็นป่า
เป็นเขาและห่างไกลจากหมู่บ้านมาก ท่านอาจารย์มั่นเองก็เที่ยว
อยู่ตามแถบนั้นเช่นกัน แต่ตามท่านไม่พบอย่างง่าย ๆ เพราะท่าน
ชอบปลีกตัวจากหมู่คณะอยู่เสมอ ไม่ยอมให้ใครพบอย่างง่ายดาย
ท่านก็พยายามตามท่านอย่างไม่ลดละจนได้พบ และได้ฟังการอบรม
จากท่านจริง ๆ แต่ท่านไม่ค่อยให้ใครอยู่ด้วย ท่านชอบอยู่เฉพาะ
องค์เดียว
ท่านว่าท่านก็พยายามไปอยู่ในแถวใกล้เคียงท่าน พอไปมา
หาสู่เพื่อรับโอวาทได้ในคราวจำเป็น เมื่อเข้าไปเรียนศึกษาข้ออรรถ
ข้อธรรม ท่านก็เมตตาสั่งสอนอย่างเต็มภูมิไม่มีปิดบังลี้ลับ แต่
ไม่ค่อยให้ใครอยู่ด้วย ท่านว่าท่านก็พอใจที่ท่านเมตตาสั่งสอนใน
เวลาจำเป็นเข้าไปเรียนถาม เมื่อหมดข้อข้องใจแล้วก็กราบลาท่านไป
บำเพ็ญตามลำพัง มีการเข้า ๆ ออก ๆ อยู่เสมอ เมื่ออยู่นานไป
บางปีท่านก็เมตตาให้เข้าไปจำพรรษาด้วย รู้สึกดีใจเหมือนตัวจะ
ลอยที่พยายามมาหลายปีเพิ่งสำเร็จ จากนั้นก็ได้จำพรรษากับท่าน
เรื่อยมา
การบำเพ็ญทางจิตตภาวนารู้สึกได้กำลังขึ้นเป็นลำดับ
ตอนไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว พร้อมกับได้ครูอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ
คอยแนะนำสั่งสอน ใจจึงเหมือนจะเหาะจะบินด้วยอำนาจแห่ง
ความอิ่มเอิบในธรรมที่ปรากฏอยู่กับใจ ไม่มีความอับเฉาเศร้าใจ
เพราะความเป็นลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของใจเหมือนพักอยู่ที่อื่น ๆ
ใจนับวันเจริญขึ้นโดยลำดับทั้งด้านสมาธิและด้านปัญญา มี
ความเพลิดเพลินในความเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนไม่มี
เวลาอิ่มพอช้างใหญ่เข้ามาหาท่านในเวลากลางคืนยามดึกสงัด
คืนวันหนึ่งในพรรษา ทราบว่าท่านจำพรรษาอยู่ด้วยกัน ๒
องค์ เวลาดึกสงัดท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ในกุฎีเล็ก ๆ ขณะนั้น
ช้างใหญ่เชือกหนึ่งที่เจ้าของเขาปล่อยให้เที่ยวหากินตามลำพังใน
ป่าเขาแถบนั้น ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน เดินต้วมเตี้ยมเข้ามาใน
บริเวณด้านหลังกุฎีท่าน และเดินตรงเข้ามาหากุฎีท่าน แต่เผอิญกุฎี
ด้านหลังมีม้าหินใหญ่ก้อนหนึ่งบังอยู่ ช้างจึงไม่สามารถเข้ามาถึงตัว
ท่านได้ พอมันเข้ามาถึงหินก้อนนั้นแล้วก็เอางวงสอดเข้ามาในกุฎี
จนถึงกลดและมุ้งบนศีรษะท่านที่กำลังนั่งภาวนาอยู่ เสียงสูดลม
หายใจดมกลิ่นท่านดังฟูดฟาด ๆ จนกลดและมุ้งไหวไกวไปมา และ
เย็นไปถึงศีรษะท่าน
องค์ท่านเองก็นั่งภาวนาบริกรรมพุทโธ ๆ อยู่อย่างฝากจิต
ฝากใจ ฝากเป็นฝากตายกับพุทโธจริงๆ ไม่มีที่อาศัย ช้างใหญ่
ตัวนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ที่นั้นไม่ยอมหนีไปไหนเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงเศษ ๆ
และคงยืนดักนิ่งอยู่ทำนองนั้นราวกับจะคอยตะครุบท่านให้แหลกไป
ในเวลานั้น นาน ๆ จะได้ยินเสียงลมหายใจและสูดกลิ่นท่านอยู่
นอกมุ้งครั้งหนึ่งแล้วเงียบไป จากนั้นก็เดินกลับออกไปทางด้าน
ตะวันตกกุฎี แล้วเอางวงล้วงเข้าไปในตะกร้ามะขามเปรี้ยวที่ข้าง
ต้นไม้ ซึ่งโยมเขาเอามาไว้เพื่อขัดฝาบาตรออกมากิน เสียงเคี้ยว
ดังกร้วม ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ท่านจึงนึกว่าทีนี้มะขามสำหรับขัด
ฝาบาตรเราคงเกลี้ยงไม่มีเหลือแน่นอน ถ้าลงเจ้าท้องใหญ่พุงหลวง
ได้คว้าถูกมือแล้ว เมื่อมันกินมะขามเปรี้ยวในตะกร้าหมดแล้วก็
ต้องเดินเข้ามากุฎีเรา คราวนี้ต้องเข้าถึงตัวและบดขยี้เราแหลกไป
อย่างแน่นอนอย่ากระนั้นเลยเราควรออกไปพูดกับมันให้รู้เรื่องกันเสียบ้าง
เพราะสัตว์พรรค์นี้มันรู้ภาษาคนได้ดี เนื่องจากมันเคยอยู่กับคนมา
นาน เวลาเราออกไปพูดกับมันด้วยดีให้รู้เรื่องแล้ว มันคงฟังเสียงเรา
น่าจะไม่ฝืนดื้อทะลึ่งเข้ามา หากมันฝืนทะลึ่งพรวดพราดเข้ามาจะ
ฆ่าเราก็ยอมตายเสียเท่านั้น แม้เราไม่ออกไปพูดกับมันแต่เวลา
มันกินมะขามหมดแล้ว ก็ต้องเข้ามาหาเราจนได้ ถ้ามันจะฆ่าก็ต้อง
ตาย หนีไม่พ้นแน่นอน เพราะเป็นเวลาค่ำคืน ตาก็มองไม่เห็นหน
อะไรด้วย
พอตกลงใจแล้วท่านก็ออกจากกุฎีเล็กมายืนแอบโคนต้นไม้
หน้ากุฎี แล้วพูดกับมันว่า พี่ชาย น้องขอพูดด้วยสักคำสองคำ ขอ
พี่ชายจงฟังคำของน้องจะพูดเวลานี้ พอได้ยินเสียงท่านพูดขึ้น มันก็
หยุดนิ่งเงียบราวกับสัตว์ไม่มีหัวใจ จากนั้นท่านก็เริ่มมธุภาษิตกับ
มันว่า พี่ชายเป็นสัตว์ของมนุษย์นำมาเลี้ยงไว้ในบ้านเป็นเวลานาน
จนเป็นสัตว์บ้าน ความรู้สึกทุกอย่างตลอดภาษามนุษย์ที่เขาพูดกัน
และพร่ำสอนพี่ชายตลอดมานั้น พี่ชายรู้ได้ดีทุกอย่างยิ่งกว่ามนุษย์
บางคนเสียอีก ดังนั้นพี่ชายควรจะรู้ขนบธรรมเนียมและข้อบังคับ
ของมนุษย์ ไม่ควรทำอะไรตามใจชอบ
เพราะการทำบางอย่างแม้จะถูกใจเรา แต่เป็นการขัดใจ
มนุษย์ก็ไม่ใช่ของดี เมื่อขัดใจมนุษย์แล้วเขาอาจทำอันตรายเราได้
ดีไม่ดีอาจถึงตายก็ได้ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ฉลาดแหลมคมกว่า
บรรดาสัตว์ที่อยู่ร่วมโลกกัน สัตว์ทั้งหลายจึงกลัวมนุษย์มากกว่าสัตว์
ด้วยกัน ตัวพี่ชายเองก็อยู่ในบังคับของมนุษย์ จึงควรเคารพมนุษย์
ผู้ฉลาดกว่าเรา ถ้าดื้อดึงต่อเขาอย่างน้อยเขาก็ตี เขาเอาขอสับลงที่
ศีรษะพี่ชายให้ได้รับความเจ็บปวด มากกว่านั้นเขาฆ่าให้ตาย พี่ชายจงจำไว้อย่าได้ลืมคำที่น้องสั่งสอนด้วยความเมตตาอย่างยิ่งนี้
ต่อไปนี้พี่ชายจงรับศีลห้า น้องเป็นพระจะให้ศีลห้าแก่พี่ชาย
จงรักษาให้ดี เวลาตายไปจะได้ไปสู่ความสุข อย่างต่ำก็มาเกิดเป็น
มนุษย์ผู้มีบุญมีคุณธรรมในใจ ยิ่งกว่านั้นก็ไปเกิดบนสวรรค์หรือ
พรหมโลกสูงขึ้นไปเป็นลำดับ ดีกว่ามาเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน เช่น
เป็นช้าง เป็นม้า ให้เขาขับขี่เฆี่ยนตีและขนไม้ขนฟืน ซึ่งเป็น
ความลำบากทรมานจนตลอดวันตายก็ไม่ได้ปล่อยวางภาระหนักดังที่
เป็นอยู่เวลานี้
พี่ชายจงตั้งใจฟังและตั้งใจรับศีลด้วยเจตนาจริง ๆ คือ
ข้อที่หนึ่ง ปาณาฯ อย่าฆ่าคนฆ่าสัตว์ให้เขาตายด้วยกำลัง
การกระทำของตน และอย่าเบียดเบียนคน เบียดเบียนสัตว์ด้วยกัน
มันเป็นบาป
ข้อสอง อทินนาฯ อย่าลักขโมยของที่มีเจ้าของหวงแหน
เช่น มะขามในตะกร้าที่พี่ชายเคี้ยวกินอยู่เมื่อกี้นี้ ซึ่งคนเขาเอามาให้
น้องขัดฝาบาตร แต่น้องไม่ให้พี่ชายเป็นบาปเป็นกรรมอะไรหรอก
เพียงบอกให้ทราบว่าเป็นของมีเจ้าของ ถ้าเขาไม่ให้อย่ากิน อย่า
เหยียบย่ำทำลาย มันเป็นบาป
ข้อสาม กาเมฯ อย่าเสพสัตว์ที่เขามีเจ้าของหวงแหน มัน
เป็นบาป ถ้าจะเสพก็ควรเสพเฉพาะสัตว์ตัวไม่มีคู่ ไม่มีเจ้าของจึง
ไม่เป็นบาป
ข้อสี่ มุสาฯ อย่าโกหกหลอกลวง กิริยาแสดงออกให้ตรง
ต่อความจริง อย่าแสดงเป็นกิริยาที่หลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อ มัน
เป็นบาปข้อห้า สุราฯ อย่ากินของมึนเมามีสุราเมรัย เป็นต้น กิน
แล้วเป็นบาป ตายไปตกนรกทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานานตั้งกัป
ตั้งกัลป์กว่าจะหมดกรรมขึ้นจากนรก แม้พ้นจากนรกขึ้นมาแล้ว ยังมี
เศษแห่งกรรมชั่วติดตัวมาอีก มาเสวยชาติเป็นเปรตเป็นผีเป็นสัตว์
เดียรัจฉานทรมานตามวิบากของตนที่เคยทำมา กว่าจะได้มาเกิด
เป็นคนจึงแสนลำบากเพราะกรรมชั่วกดถ่วงไว้
พี่ชายจงจำไว้ให้ดีและทำตามคำที่น้องสั่งสอนนี้ จะได้
พ้นจากกำเนิดของสัตว์ไปเกิดเป็นมนุษย์ เทวบุตร เทวดา ในชาติ
ต่อไปโดยไม่สงสัย เอาละ น้องสั่งสอนเพียงเท่านี้ หวังว่าพี่ชายจะ
ยินดีทำตาม ต่อนี้ไปขอให้พี่ชายจงไปเที่ยวหาอยู่หากินตามสบาย
เป็นสุขกายสุขใจเถิด น้องก็จะได้เริ่มบำเพ็ญภาวนาต่อไป และอุทิศ
ส่วนกุศลแผ่เมตตาให้พี่ชายเป็นสุข ๆ ทุกวันเวลาไม่ลดละเมตตา
เอ๊า พี่ชายไปได้แล้วจากที่นี่
เป็นที่น่าประหลาดใจเหลือจะกล่าว ขณะที่ท่านกำลัง
ให้โอวาทสั่งสอนอยู่นั้น ช้างใหญ่ตัวนั้นยืนนิ่งราวก้อนหิน ไม่
กระดุกกระดิกอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งแม้แต่น้อยเลย ยืนนิ่งฟัง
ท่านอธิบายจนจบ พอท่านให้ศีลให้พรสิ้นสุดลงและบอกให้ไปได้
มันจึงเริ่มเคลื่อนไหวอวัยวะเสียงปึงปัง ๆ ราวกับฟ้าดินจะถล่มไป
ด้วยในขณะที่มันเริ่มหันหลังกลับตัวออกจากที่นั้นหนีไป และไป
แบบรู้เรื่องราวกับคำสั่งเสียทุกอย่างจริง ๆ คิดดูแล้วน่าสงสารมากที่
กายเป็นสัตว์แต่ใจเป็นมนุษย์ รู้ดีรู้ชั่วในคำสั่งสอน ไม่ดื้อดึงฝ่าฝืน
สมเป็นสัตว์ใหญ่มีกำลังมาก แต่กลับอ่อนโยนด้วยใจที่ระลึกรู้ใน
คำผิดถูกชั่วดีทุกอย่าง พอพระท่านว่าทีนี้พี่ชายไปได้แล้วเท่านั้น
ก็หมุนตัวกลับไปเลยในทันที เวลาฟังคำสั่งสอนก็ตั้งใจฟังเสียจนแทบไม่หายใจ เหมือนคนฟังเทศน์พระด้วยความเคารพธรรมฉะนั้น
จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดและอัศจรรย์ทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายผู้
สั่งสอนช้างก็ช่างมีอุบายแยบคาย เลือกเฟ้นคำแปลก ๆ มาสอนได้
อย่างจับใจไพเราะ ไม่เพียงแต่ช้างเป็นสัตว์จะสนใจฟัง แม้มนุษย์เรา
ถ้าได้ฟังในขณะนั้นก็คงเคลิบเคลิ้มหลงใหลอย่างไม่มีปัญหา เพราะ
เป็นคำมธุภาษิตที่หาฟังได้ยาก ไม่มีใครอาจพูดได้อย่างนั้น ฝ่าย
ช้างใหญ่ก็สนใจฟังด้วยความสนิทติดใจ ไม่กระดุกกระดิกอวัยวะ
กระทั่งหูหาง จนพระท่านเทศน์จบกัณฑ์และบอกให้ไป จึงยอมไป
เที่ยวหากินตามประสาสัตว์ที่แสนดีหายาก จึงทำให้คิดซึ้งในใจ
เพิ่มเข้าไปอีกว่า ไม่ว่าสัตว์ว่ามนุษย์ ถ้าได้ประสบสิ่งที่ต้องใจแล้ว
ย่อมทำให้หูแจ้งตาสว่างไปได้เหมือนไม่มีกลางคืน ใจซาบซ่าน
ไปด้วยปีติความพอใจไยดีในปิยวาจาที่แสนมีรสชาติซึ่งปรารถนา
มานาน แม้จะรับประทานไปมากเพียงไรก็ไม่มีวันอิ่มวันพอ เพราะ
เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากแก่จิตใจ
ท่านอาจารย์องค์นี้ท่านช่างพูดช่างยอ พูดยอเสียจน
ช้างใหญ่ตัวนั้นเคลิ้มหลับไปด้วยคำอ่อนหวานที่มีรสซึ้งฝังอยู่ภายใน
เช่นคำว่า “พี่ชายพี่มีกำลังมาก ส่วนน้องเป็นผู้น้อย ไม่มีเรี่ยวแรง
เหมือนพี่ชาย น้องกลัวพี่ชายมาก” ฟังแล้วซึ้งสุดจะกล่าว จน
ช้างใหญ่หลับทั้งยืนลืมสนใจเสียทุกอย่าง แม้มะขามเปรี้ยวที่ได้
หลงเคี้ยวกลืนเข้าไปบ้างแล้ว ก็อยากจะคายออกมาใส่ตะกร้าให้น้อง
ชายผู้น่ารักน่าสงสารเสียสิ้น ไม่อยากให้ติดปากติดท้องไปเสียเลย
จะเสียศักดิ์ศรีของช้างตัวใหญ่มีกำลังและแสนรู้ ประหนึ่งตู้มงคล
เคลื่อนที่ได้ พอได้รับคำสั่งสอนเต็มพุงแล้ว ก็ไปเที่ยวหากิน
ตามลำพัง มิได้มาเกี่ยวข้องรบกวนพระท่านอีกเลย กระทั่งท่านออกพรรษาแล้วเที่ยวไปที่อื่น ก็ไม่ปรากฏว่ามันกลับมารบกวนท่าน
อีก จึงน่าอัศจรรย์ใจสัตว์ตัวแสนรู้ องค์ท่านเองก็ออกเที่ยวไปตาม
อัธยาศัยเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ท่านรู้สึกเป็นพระกรรมฐานที่อาจหาญเด็ดเดี่ยวมากประจำ
นิสัย ทำอะไรทำจริง ท่านพักอยู่ในภูเขาได้ให้โยมทำทางเดินจงกรม
ไว้สามสาย สายหนึ่งเพื่อเดินบูชาพระพุทธเจ้า สายที่สองเดินบูชา
พระธรรม สายที่สามเดินบูชาพระสงฆ์สาวกท่าน ท่านเดินจงกรม
ทั้งสามสายนี้ตามเวลาเป็นประจำไม่ให้ขาดได้ พอฉันเสร็จก็เริ่ม
เดินจงกรมสายพุทธบูชา จนถึงเที่ยงวันท่านจึงหยุดพัก พอบ่าย
๒ โมงก็เริ่มลงเดินสายธรรมบูชา จนบ่าย ๔ โมงถึงเวลาปัดกวาด
สรงน้ำจึงหยุด เมื่อทำข้อวัตรทุกอย่างเสร็จแล้วก็เริ่มลงเดินสาย
สังฆบูชาไปจนถึง ๔-๕ ทุ่มจึงเข้าที่พักภาวนา หลังจากนั้นก็พัก
จำวัด พอตื่นขึ้นมาก็เริ่มเข้าที่ทำสมาธิภาวนาจนสว่าง ถัดจากนั้น
ก็ลงเดินจงกรมต่อไป จนถึงเวลาออกบิณฑบาตค่อยหยุดเดิน
บางคืนท่านนั่งภาวนาจนตลอดสว่างโดยไม่ลุกจากที่นั่งเลย
ก็มี คืนที่ท่านนั่งภาวนาตลอดรุ่ง ใจรู้สึกสว่างไสว แม้ออกจากสมาธิ
ภาวนามาแล้วในเวลาปกติ ขณะนั่งภาวนาตลอดรุ่งนั้น ปรากฏว่า
โลกธาตุได้ดับหายไปจากความรู้สึกโดยสิ้นเชิง แม้กายตัวเองก็
ไม่ปรากฏว่ามีอยู่เลยเวลานั้น เป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่ง นับแต่
ขณะนั่งพิจารณาทุกขเวทนาจนดับไปด้วยการพิจารณา จิตได้หยั่งลง
สู่ความสงบอย่างละเอียดแนบแน่น ขณะนั้นปรากฏจำเพาะความรู้
เพียงอันเดียว ที่ทรงตัวอยู่ด้วยความสงบสุขละเอียดอ่อนจนบอก
ไม่ถูก ไม่มีอารมณ์ใดแม้ส่วนละเอียดปรากฏขึ้นภายในจิต จึงเป็น
เหมือนโลกธาตุดับไปพร้อมกับอารมณ์ที่ดับไปจากจิต จนกว่าถอนขึ้นมา อารมณ์ที่เคยปรุงจิตจึงค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นกับจิต
ทีละเล็กละน้อย จากนั้นก็ทำความเพียรต่อไปตามธรรมดา
ขณะที่จิตรวมตัวลงสู่ความสงบแม้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ก็
ไม่รู้สึกว่านานตามเวลาที่ผ่านไป คงเป็นเอกจิตเอกธรรมอยู่จำเพาะ
ใจเพียงดวงเดียวไม่มีสองกับสิ่งใด เวลาจิตถอนขึ้นมา จึงรู้ได้ว่า
จิตรวมสงบอยู่เป็นเวลาเท่านั้นชั่วโมง เท่านี้ชั่วโมง ถ้าคืนใดจิต
ภาวนาสะดวกสงบลงได้ง่าย คืนนั้นแม้จะนั่งจนตลอดรุ่งก็เท่ากับ
นั่งราว ๒-๓ ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ทำการกดถ่วงเนิ่นนานอะไรเลย
ท่านว่า ท่านอาจารย์องค์นี้ชอบเผชิญอันตรายเกี่ยวกับช้างมากกว่า
อย่างอื่น ท่านว่าพอผ่านอันตรายจากคราวนั้นมาแล้วไม่นานนัก
เลย ก็ไปเจอกับช้างใหญ่ตัวหนึ่งเข้าอีก ที่แม่ปาง จังหวัดลำปาง
แทบเอาตัวไม่รอดคราวนี้ ตัวนี้เป็นช้างป่าจริง ๆ มิได้เป็นช้างบ้าน
ที่เขาเลี้ยงไว้เหมือนคราวที่แล้วนั้น คือ ตอนกลางคืนท่านกำลัง
เดินจงกรมอยู่ ได้ยินเสียงมันเดินบุกป่าฝ่าดง และเสียงไม้หักดัง
ปึงปัง ๆ มาตลอดทาง โฉมหน้ามุ่งมายังท่านและเดินใกล้เข้ามา
ทุกที จะหลบหลีกปลีกหนีไปไหนก็ไม่ทัน
จึงตัดสินใจว่าธรรมดาช้างป่าทั้งหลายมักกลัวแสงไฟ ท่านจึง
รีบออกจากทางจงกรม ไปเอาเทียนไขในที่พักมาจุดทีละหลาย ๆ
เล่มปักเสียบรอบไว้ตามสายทางเดินจงกรมยาวเหยียดเชียว คนเรา
มองดูแล้วสว่างไสวงามตาเย็นใจ แต่ช้างมันจะมองไปในแง่ไหนนั้น
เราทราบไม่ได้ พอจุดเทียนปักเสียบไว้เสร็จเท่านั้นช้างก็เดินมา
ถึงที่นั่นพอดี ขณะนั้นท่านเองไม่มีทางหลบหลีกปลีกตัว มีแต่
ตั้งสัตยาธิษฐานขอบันดาลคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
จงช่วยคุ้มครองป้องกันอย่าให้ช้างใหญ่ตัวนี้ทำอันตรายแก่ข้าพระพุทธเจ้าได้ พออธิษฐานจบลง ช้างก็เข้ามาถึงที่นั่นพอดี
และหยุดยืนกางหูตัวผึ่งอยู่ไม่กระดุกกระดิกอวัยวะส่วนใด ๆ ณ
ข้างทางจงกรมห่างจากท่านประมาณวาเศษ ท่ามกลางไฟกำลัง
สว่างไสวอยู่รอบตัวท่านเวลานั้น ซึ่งมองเห็นช้างได้ถนัดชัดเจน
ท่านว่าช้างตัวนั้นใหญ่เท่าภูเขาลูกย่อม ๆ นี่เอง ท่านเอง
ก็เดินจงกรมไปมาอยู่อย่างไม่สนใจกับมันเลย ทั้งที่กลัวมันอย่าง
เต็มที่ ใจเหมือนกับขาดลมหายใจไปแล้วแต่ขณะมองเห็นมันเดิน
เข้ามาหาอย่างผึ่งผายทีแรก มีเพียงความรู้สึกที่เกี่ยวพันกับ
องค์พุทโธอย่างเหนียวแน่น ที่น้อมมาระลึกเป็นองค์ประกันชีวิต
เท่านั้น นอกนั้นไม่คิดเห็นอะไรเลย แม้ช้างทั้งตัวที่ใหญ่เท่าภูเขา
ทั้งลูกมายืนอยู่ข้างทางจงกรม ก็ไม่ยอมส่งจิตออกไปหามัน กลัว
จิตจะพรากจากพุทโธซึ่งเป็นองค์สรณะอันประเสริฐสุดในเวลานั้น
พุทโธกับจิตกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนใจหายกลัว
เหลือแต่ความรู้กับคำบริกรรมพุทโธซึ่งกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน
ช้างก็คงยืนดูท่านอยู่แบบภูเขาไม่ยอมกระดุกกระดิกตัวเลยขณะนั้น
หูกางผึ่งราวกับจะแผ่เมตตาให้ไม่ยอมรับ
เพราะลักษณะท่าทางที่มันเดินเข้ามาหาท่านทีแรก เหมือน
จะเข้ามาขยี้ขยำอย่างไม่มีรีรอแม้ชั่ววินาทีหนึ่งเลย แต่พอมาถึงที่นั่น
แล้วกลับยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับสัตว์ไม่มีหัวใจ พอจิตกับพุทโธเข้า
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ท่านก็หายกลัว มิหนำยังกลับเกิด
ความกล้าหาญขึ้นมา สามารถจะเดินเข้าไปหามันได้อย่างไม่สะทก
สะท้านอะไรทั้งสิ้น แต่มาคิดอีกแง่หนึ่งว่า การเดินเข้าไปหามัน
ซึ่งเป็นสัตว์ร้าย อาจเป็นฐานะแห่งความประมาทอวดดีก็ได้ เป็นสิ่ง
ไม่ควรทำ จึงเป็นเพียงเดินจงกรมแข่งกับการยืนของมันอย่างองอาจกล้าหาญ ราวกับไม่มีอันตรายใด ๆ จะเกิดขึ้นในที่นั้น นับแต่ขณะ
ช้างตัวนั้นเดินเข้ามายืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาชั่วโมงเศษ ๆ ไฟเทียนไข
ชนิดดี ๆ ยาว ๆ ที่จุดไว้บางเล่มก็หมดไป บางเล่มก็จวนจะหมด
มันจึงได้กลับหลังหัน แล้วเดินกลับออกไปทางเก่าและเที่ยวหากิน
ในแถบบริเวณนั้น เสียงหักไม้กินเป็นอาหารสนั่นป่าไปหมด
ท่านได้เห็นความอัศจรรย์ของจิตและของพุทโธประจักษ์ใจ
ในคราวนั้น เป็นครั้งแรก เพราะเป็นคราวจำเป็นจริง ๆ ไม่สามารถ
จะหลบหลีกปลีกตัวไปที่ไหนให้พ้นได้ นอกจากต้องสู้ด้วยวิธีนั้น
เท่านั้น แม้ตายก็ยอมโดยไม่มีทางเลือกได้ นับแต่ขณะนั้นมาแล้ว
ทำให้เกิดความมั่นใจว่า เป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้า “จิต กับ พุทโธ”
เป็นต้น ได้เข้ากันสนิทสนมกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยหลักธรรมชาติแล้ว ไม่สามารถทำอันตรายได้อย่างแน่นอน
นี่เป็นความเชื่ออย่างสนิทใจตลอดมา ท่านว่า ช้างตัวนั้นก็เป็นสัตว์
ที่แปลกอยู่มาก เวลาเข้ามาถึงที่นั้นแล้วแทนที่จะแสดงอาการ
อย่างไรก็ไม่แสดง คงยืนนิ่งหูกางอยู่อย่างสงบ แลดูท่านเดินจงกรม
กลับไปกลับมาอย่างไม่เบื่อ พอดูเต็มตาแล้วก็กลับหลังหันคืน
ทางเก่า แล้วเที่ยวหากินไปเรื่อย ๆ แบบทองไม่รู้ร้อน แล้ว
หายเงียบไปเลย ซึ่งเป็นสัตว์ที่น่ารักอีกตัวหนึ่ง ไม่ด้อยกว่าตัวที่
ผ่านมาแล้วซึ่งเป็นสัตว์บ้านที่รู้ภาษาคนได้ดี
สำหรับตัวหลังนี้ เป็นสัตว์ป่ามาแต่กำเนิด ซึ่งมีอายุไม่ต่ำ
กว่าร้อยปี ไม่อาจรู้ภาษาคนได้ ท่านจึงไม่ได้พูดอะไรกับมัน เป็นแต่
เดินจงกรมเฉยอยู่เท่านั้น ตัวหลังนี้ ไม่มีลูกพรวนแขวนคอเหมือน
ตัวนั้น ทั้งชาวบ้านก็บอกว่าเป็นช้างป่า และเคยเป็นนายโขลง
มานาน เฉพาะคราวนี้ ทำไมจึงมาเที่ยวตัวเดียวก็ไม่ทราบ อาจจะ


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2012, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


พรากจากโขลงมาชั่วคราวก็ได้ ดังนี้
แม้ช้างตัวนั้นหนีไปแล้ว ท่านยังเดินจงกรมต่อไปด้วย
ความอัศจรรย์ใจ และเห็นคุณของช้างตัวนั้น ที่มาช่วยให้จิตท่านได้
เห็นความอัศจรรย์ในธรรมเกี่ยวกับความกลัวความกล้า แต่คราวนี้
ช้างมาช่วยเสริมให้รู้เรื่องนี้ได้อย่างประจักษ์ใจหมดทางสงสัย ช้าง
ตัวนั้นจึงเป็นเหมือนช้างเทวบุตร หรือช้างเทพบันดาล ก็น่าจะไม่ผิด
เพราะธรรมดา ช้างในป่าซึ่งไม่คุ้นเคยและให้อภัยแก่ผู้ใด นอกจาก
จะสู้ไม่ไหวจริง ๆ แล้วจึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดเท่านั้น แต่ช้างตัวนี้
ตั้งหน้าตั้งตาเดินมาหาเราอย่างอิสระ มิได้ถูกบังคับขับไล่ด้วยวิธี
ใด ๆ จากผู้ใด และเดินมาหาเราทั้งที่ไฟก็ตามสว่างอยู่รอบด้าน
แทนที่มันจะตรงเข้าขยี้ขยำเราให้แหลกเป็นจุณวิจุณไปด้วยกำลังก็
ไม่ทำ หรือจะตื่นตกใจกลัวไฟรีบวิ่งหัวซุกหัวปำเข้าป่าไปก็ไม่ไป เมื่อ
เดินองอาจชาติอาชาไนยเข้ามาถึงที่เราอยู่แล้ว ยังกลับยืนทื่อดูเรา
อยู่เป็นเวลาตั้งชั่วโมงเศษ ๆ จึงหนีไปแบบธรรมดา มิได้กล้ามิได้
กลัวอะไรทั้งสิ้น จึงเป็นสัตว์ที่น่าคิดพิศวงงงงันอยู่ไม่ลืมจนบัดนี้
จากคราวนั้นมาแล้ว จะไปเที่ยวหรือพักอยู่ในที่เช่นไร ก็
ไม่คิดกลัว เพราะเชื่อธรรมอย่างถึงใจแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สมกับ
ธรรมบทว่า “พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติ ไม่ปล่อยให้ตายจมดิน
จมน้ำแบบขอนซุงแน่นอน”
ความรู้เรื่องของจิตของธรรมอย่างถึงใจ ย่อมรู้กันในเวลา
คับขัน ถ้าไม่คับขัน จิตมักเล่นตัวยั่วเราด้วยกิเลสชนิดต่าง ๆ ไม่มี
ประมาณจนตามแก้ไม่ทัน ยอมให้มันข้ามศีรษะไปต่อหน้าต่อตา
ประหนึ่งไม่มีความสามารถหักห้ามตามแก้มันให้หลุดไปได้เลย พอ
เวลาเข้าที่คับขันจนมุมจริง ๆ กำลังของจิตของธรรมไม่ทราบว่ามาจากไหน ใจก็หมอบและยอมเชื่อเราเชื่อธรรม ไม่ฝ่าฝืน กำหนด
บังคับให้อยู่อย่างไร หรือกับธรรมบทใด ก็อยู่อย่างนั้นไม่ฝ่าฝืน
คงจะเป็นเพราะความกลัวตายก็เป็นได้ถ้าฝ่าฝืน จึงกลายเป็นจิตที่
ว่านอนสอนง่ายไม่ดื้อดึงในเวลาเช่นนั้น น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่พระ
ธุดงค์กรรมฐานท่านชอบเข้าแต่ป่าแต่เขาทั้งที่กลัวตาย และใจหนึ่ง
ไม่อยากเข้า สำหรับจิตผมเป็นเช่นนี้ ส่วนจิตของท่านผู้อื่นนั้น
ไม่ทราบได้ แต่ถ้าตั้งใจฝึกให้ถึงเหตุถึงผลจริง ๆ ก็น่าจะเหมือน ๆ กัน
เพราะจิตเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมและกิเลส ที่ทำให้มีความ
รู้สึกกล้า รู้สึกกลัว รู้สึกดี ชั่ว ต่าง ๆ เช่นเดียวกัน การฝึกฝนที่ถูก
กับเหตุผลซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของธรรม จึงสามารถทำให้กิเลสชนิด
ต่าง ๆ ยอมจำนน และสิ้นสูญไปจนไม่เหลือเป็นเชื้ออีกต่อไป ผม
เองซึ่งมีนิสัยหยาบ จึงมักเชื่อต่อการทรมานชนิดหยาบ ๆ เพื่อให้
ทันกับกิเลสซึ่งเป็นธรรมชาติหยาบที่มีอยู่ในตน ดังคราวช้างใหญ่
เดินเข้ามาหาขณะกำลังเดินจงกรมอยู่ เป็นขณะที่ได้เห็นกิเลส
และธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจนภายในใจ เพราะปกติจิตที่
มีกิเลสเป็นเจ้าอำนาจครองใจ รู้สึกฝึกทรมานยาก ดีไม่ดี เราผู้
จะฆ่ามันให้ฉิบหายสิ้นซากไป แต่กลับจะตายก่อนมัน เพราะความ
เหนียวแน่นแก่นอาสวะที่เกาะกินเรามานานเสียด้วยซ้ำ
แต่พอเข้าตาจน และได้ช้างใหญ่มาช่วยเท่านั้น กิเลสตัว
ดื้อด้านต้านทานความเพียรเก่ง ๆ ไม่ทราบหายหน้าไปไหน ใจก็
บอกง่าย สั่งให้อยู่อย่างไรและให้อยู่กับธรรมบทใด ก็ยอมรับทันที
ทันใดราวกับน้ำมันเครื่องหล่อลื่น ไม่ฝ่าฝืนดังที่เคยเป็นมาเลย
พอกิเลสขยายตัวออกจากใจ ธรรมที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วในขณะ
เดียวกัน ก็แสดงความสว่างไสว และความองอาจกล้าหาญต่อทุกสิ่งขึ้นมาภายในใจทันที ให้ได้เห็นได้ชมอย่างเต็มใจที่กระหายมานาน
ความกลัวตายไม่ทราบหายหน้าไปไหน จึงทำให้เห็นได้ชัดว่า
ความกลัวก็คือกิเลสตัวเคยออกหน้าออกตามานานเราดี ๆ นี่เอง
พอความกลัวซึ่งเป็นเครื่องกดถ่วงลวงใจดับลงไปแล้ว แม้จะ
ไม่ดับไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็ทำให้เห็นโทษของมันอย่างประจักษ์ใน
ขณะนั้น วาระต่อไปถึงจะเกิดขึ้นมาอีกตามความมีอยู่ของมัน ก็ยัง
พอให้เราระลึกรู้ได้บ้างว่า “ความกลัวนี้ มิใช่หน้ามิตรมงคลของเรา
แต่เป็นหน้าศัตรูที่เคยมาในรูปร่างแห่งมิตรต่างหาก” จึงไม่ทำให้
ใจเชื่อชนิดติดจมในมันเหมือนที่แล้ว ๆ มา และพยายามกำจัด
มันออกทุกวาระแห่งความเพียร จนสภาพแห่งศัตรูที่มาในสภาพ
แห่งมิตรเหล่านี้ สูญสิ้นไปจากใจนั่นแล จึงจะนอนใจและอยู่เป็นสุข
หายกังวลโดยประการทั้งปวงได้
ตามความรู้สึกของผมว่า คนเราถ้าหวังพึ่งธรรม สนใจ
ในธรรม รักใคร่ใฝ่ใจในธรรม ปฏิบัติตามธรรมจริงตามที่พระองค์
ประทานไว้ด้วยความแน่พระทัยและพระเมตตาจริง ๆ คำว่ารู้ธรรม
เห็นธรรมขั้นต่าง ๆ ดังพุทธบริษัทครั้งพุทธกาลรู้เห็นกัน จะไม่
เป็นปัญหาที่สุดเอื้อมตามความคาดคิดอะไรเลย จำต้องรู้เห็น
กันได้ธรรมดา ๆ เหมือนท่านที่รู้เห็นกันมาแล้วในครั้งพุทธกาล
นั่นแล ที่กาลสถานที่และบุคคลสมัยนี้ขัดกับครั้งพุทธกาลโดย
ทางมรรคทางผลอยู่เวลานี้ ก็เพราะเราเองทำตัวให้ขัดกับทาง
ดำเนินของตัวเอง โดยต้องการผลแต่มิได้สนใจกับเหตุ คือวิธี
ดำเนิน ว่าถูกหรือผิดประการใดบ้าง จะควรดัดแปลง กาย วาจา ใจ
ให้ตรงต่อธรรม คือทางดำเนินเพื่อมรรคผลนิพพานอย่างไรบ้าง ถ้า
มีการทดสอบตนกับธรรมอยู่เสมอเพื่อความมุ่งหมายจะสำเร็จตามใจบ้าง อย่างไรต้องสำเร็จในขั้นใดขั้นหนึ่งแน่นอนตามกำลังสติ
ปัญญาของตน เพราะครั้งพุทธกาลกับสมัยนี้ ก็เป็นสมัยที่กิเลส
จะพึงแก้ด้วยธรรม และหายได้ด้วยธรรมเช่นเดียวกัน ดังโรคนานา
ชนิดในสมัยต่าง ๆ ที่หายได้ด้วยยาที่ถูกกับโรคตลอดมาฉะนั้น
ผมเองเชื่ออย่างนี้มานานแล้ว ยิ่งปฏิบัติมานานเพียงไรก็ยิ่ง
เชื่ออย่างฝังใจถอนไม่ขึ้นเพียงนั้น และยิ่งได้ฟังคำที่ท่านอาจารย์มั่น
สั่งสอนอย่างถึงใจสมัยที่อยู่กับท่าน ความเชื่อมั่นก็ยิ่งฝังใจลึกลงจน
กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับใจ โดยท่านสอนว่า การดูกิเลส
และแสวงธรรม ท่านทั้งหลายอย่ามองข้ามใจซึ่งเป็นที่อยู่ของ
กิเลส และเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมทั้งหลาย กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี
มิได้อยู่กับกาลสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่ที่ใจ คือเกิดขึ้นที่ใจ
เจริญขึ้นที่ใจ และดับลงที่ใจดวงรู้ ๆ นี้เท่านั้น การแก้กิเลสที่
อื่นและแสวงธรรมที่อื่น แม้จนวันตายก็ไม่พบสิ่งดังกล่าว ตาย
แล้วเกิดเล่าก็จะพบแต่กิเลสที่เกิดจากใจ ซึ่งกำลังเสวยทุกข์
เพราะมันนี้เท่านั้น แม้ธรรมถ้าแสวงหาที่ใจก็จะมีวันพบโดย
ลำดับของความพยายาม สถานที่กาลเวลานั้นเป็นเพียง
เครื่องส่งเสริมและเครื่องกดถ่วงกิเลส และธรรมให้เจริญขึ้น
และเสื่อมไปเท่านั้น
เช่น รูป เสียง เป็นต้น เป็นเครื่องส่งเสริมกิเลสที่มีอยู่ในใจ
ให้เจริญยิ่งขึ้น และการเข้าบำเพ็ญในป่าในเขา ก็เพื่อส่งเสริมธรรม
ที่มีอยู่ในใจให้เจริญยิ่งขึ้นเท่านั้น กิเลสแท้ธรรมแท้อยู่ที่ใจ ส่วนเครื่อง
ส่งเสริมและกดถ่วงและธรรมนั้น มีอยู่ทั่วไปทั้งภายในภายนอก
ฉะนั้นท่านจึงสอนให้หลบหลีกปลีกตัวจากสิ่งยั่วยวนกวนใจ อันจะ
ทำให้กิเลสที่มีอยู่ภายในกำเริบลำพอง มี รูป เสียง เป็นต้น และสอนให้เที่ยวอยู่ในที่วิเวกสงัด เพื่อกำจัดกิเลสชนิดต่าง ๆ ด้วย
ความเพียรได้ง่ายขึ้น อันเป็นการย่นวัฏฏะภายในใจให้สั้นเข้า
ด้วยเหตุนี้การแสวงหาที่อยู่อันเหมาะสม เพื่อความเพียร
สำหรับนักบวชผู้หวังความพ้นทุกข์ภายในใจ จึงเป็นความชอบยิ่ง
ตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าผู้ทรงเห็นภัยประจักษ์พระทัยประทาน
ไว้เพื่อหมู่ชน เพราะการอยู่ในที่ธรรมดากับการอยู่ในที่แปลก ๆ
เปลี่ยว ๆ ความรู้สึกในใจดวงเดียวนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปตาม
สถานที่อยู่เสมอ ไม่แน่นอน ยิ่งพอทราบว่าจิตมีอาการชินชาต่อ
สถานที่เท่านั้น ผู้เป็นนักสังเกตตัวเองจะทราบได้ทันที และรีบ
เปลี่ยนแปลงโยกย้ายสถานที่เพื่อความเหมาะสม ไม่นิ่งนอนใจ อัน
เป็นการเปิดโอกาสให้กิเลสสั่งสมกำลังเพื่อทำลายตนโดยไม่รู้สึก การ
แก้เหตุการณ์ด้วยความไม่ประมาทได้ทันท่วงที กิเลสย่อมไม่มี
โอกาสก่อตัวและสั่งสมกำลังขึ้นทำลายจิตและธรรม ซึ่งมีอยู่ภายใน
ใจดวงเดียวกันได้ และมีทางก้าวหน้าไม่เสื่อมคลาย
ผู้ปฏิบัติเพื่อความเห็นภัย ต้องเป็นผู้มีสติระลึกรู้อยู่กับใจ
ตลอดเวลาไม่พลั้งเผลอได้เป็นการดี ความไม่พลั้งเผลอนั่นแล คือ
ทำนบเครื่องป้องกันกิเลสต่าง ๆ ที่ยังไม่เกิดไม่ให้มีโอกาสเกิดขึ้นได้
ที่มีอยู่ซึ่งยังแก้ไม่หมดก็ไม่กำเริบลำพอง และทำความพยายาม
กำจัดปัดเป่าด้วยสติปัญญา ศรัทธา ความเพียร ไม่ลดละท้อถอย
สถานที่ใดจิตกลัว และมีสติระวังตัวดี สถานที่นั้นคือป่าช้าเผาผลาญ
กิเลสทั้งมวลด้วยตปธรรมคือความเพียร มีสติปัญญาเป็นเครื่องมือ
เผาผลาญทำลาย
คำว่าฌานก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี วิมุตติหลุดพ้นก็ดี และ
คำว่ากิเลสเสื่อมอำนาจก็ดี กิเลสตายไปโดยลำดับไม่กำหนดสถานที่เวลานาทีก็ดี หรือกิเลสตายไปจนหมดสิ้นภายในใจก็ดี จะปรากฏ
ประจักษ์กับใจในสถานที่บำเพ็ญอันถูกต้องเหมาะสมของผู้มี
ความเพียรเป็นไปด้วยความรอบคอบนั่นแล ไม่มีที่อื่นเป็นที่เกิดและ
ดับของกิเลสทั้งมวล โปรดทราบไว้อย่างถึงใจว่า ธรรมเจริญ ณ ที่ใด
กิเลสย่อมเสื่อมและดับสูญไป ณ ที่นั้น คำว่า “ที่ใด” นักปฏิบัติ
ทั้งหลายพึงทราบว่า คือที่ใจดวงเดียวเท่านั้น ฉะนั้นจงพากันห้ำหั่น
ฟันฝ่าฆ่ากิเลสด้วยความกล้าตายในสนามรบ คือที่ใจ โดยอาศัย
สถานที่เหมาะสมเป็นเครื่องหนุนกำลัง เพื่อชัยชนะเอาตัวรอดเป็น
ยอดคนด้วยประโยคแห่งความเพียรของตนเถิด อย่าหันเหเรรวนว่า
กิเลสกองทุกข์จะมีอยู่ในที่อื่นใด นอกจากมีอยู่ในใจดวงเดียวนี้
เท่านั้น
เท่าที่ปฏิบัติมาแต่ขั้นเริ่มแรก ซึ่งเป็นไปด้วยความตะเกียก
ตะกายและลูบ ๆ คลำ ๆ เพราะขาดครูอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอน
โดยถูกต้อง จนได้มาเป็นครูอาจารย์สั่งสอนหมู่คณะ ก็มิได้เห็น
กองทุกข์และความแปลกประหลาดพร้อมกับความอัศจรรย์เกินคาด
ทั้งหลายที่ไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนแสดงขึ้น ณ ที่แห่งใดเลย
นอกจากแสดงขึ้นที่ใจดวงเดียวซึ่งเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมและ
กิเลสทั้งหลายนี้เท่านั้น และมีทุกข์กับสมุทัยที่มีอยู่ในใจของเรา
ของท่านแต่ละรายนี้เท่านั้น เป็นสิ่งที่มีอำนาจมากเหนือสิ่งใด ๆ
ในโลกทั้งสาม ที่สามารถปิดกั้นทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพานได้
อย่างมิดชิด แม้เครื่องมือทำการขุดค้นบุกเบิกทุกข์ สมุทัย เพื่อ
มรรคผลนิพพานให้ปรากฏขึ้นอย่างเปิดเผย ก็ไม่มีอะไรในสามโลกที่
สามารถยิ่งไปกว่านิโรธกับมรรคซึ่งมีอยู่ในใจดวงเดียวกันนี้ เรื่องมี
อยู่เพียงเท่านี้ อย่าไปสนใจคิดถึงกาลสถานที่หรือบุคคลใด ๆว่าเป็นภัยและเป็นคุณให้เสียเวลาและล่าช้าไปเปล่าโดยไม่เกิด
ประโยชน์อะไร ยิ่งกว่าการคิดเรื่องกิเลสกับธรรมซึ่งมีอยู่ที่ใจ จะผิด
พระประสงค์ความมุ่งหมายของศาสดาผู้ประทานธรรมสอนโลก
ด้วยความถูกต้องแม่นยำตลอดมา นี้เป็นใจความโอวาทที่ท่าน
อาจารย์มั่นสั่งสอนอย่างถึงเหตุถึงผล สมัยอยู่กับท่านที่เชียงใหม่
จำได้อย่างฝังใจไม่เคยหลงลืมจนบัดนี้ ท่านว่า
บางครั้งท่านอาจารย์องค์นี้เกิดความสงสัยเรียนถาม
ท่านอาจารย์มั่นท่านยังดุเอา โดยท่านว่าถามเอาตามความใจชอบ
ของตน มิได้เล็งดูหลักธรรมคือความจริงควรจะเป็นอย่างไรบ้าง
ความสงสัยที่เรียนถามนั้นมีว่า ในครั้งพุทธกาลตามประวัติว่า มี
ผู้สำเร็จมรรคผลนิพพานมากและรวดเร็วกว่าสมัยนี้ซึ่งไม่ค่อยมี
ท่านผู้ใดสำเร็จกัน แม้ไม่มากเหมือนครั้งโน้น หากมีการสำเร็จได้ก็
รู้สึกจะช้ากว่ากันมาก ท่านย้อนถามทันทีว่า ท่านทราบได้อย่างไร
ว่าสมัยนี้ไม่ค่อยมีท่านผู้ได้สำเร็จมรรคผลกัน แม้สำเร็จได้ก็ช้ากว่า
กันมากดังนี้ ท่านเรียนตอบท่านว่า ก็ไม่ค่อยได้ยินว่าใครสำเร็จ
เหมือนครั้งโน้น ซึ่งเขียนไว้ในตำราว่าสำเร็จกันครั้งละมาก ๆ แต่ละ
ครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรด ตลอดการบำเพ็ญโดยลำพัง
ในที่ต่าง ๆ ก็ทราบว่า ท่านสำเร็จโดยรวดเร็วและง่ายดายจริง ๆ
น่าเพลินใจด้วยผลที่ท่านได้รับ แต่มาสมัยทุกวันนี้ทำแทบล้ม
แทบตาย ก็ไม่ค่อยปรากฏผลเท่าที่ควรแก่เหตุบ้างเลย อันเป็น
สาเหตุให้ผู้บำเพ็ญท้อใจและอ่อนแอต่อความเพียร
ท่านอาจารย์มั่นถามท่านว่า ครั้งโน้นในตำราท่านแสดงไว้
ด้วยหรือว่า ผู้บำเพ็ญล้วนเป็นผู้สำเร็จอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ทันใจทุกรายไป หรือมีทั้งผู้ปฏิบัติลำบากทั้งรู้ได้ช้า ผู้ปฏิบัติลำบากแต่รู้ได้เร็ว ผู้ปฏิบัติสะดวกแต่รู้ได้ช้า และผู้ปฏิบัติสะดวกทั้งรู้ได้เร็ว
อันเป็นไปตามประเภทของบุคคลที่มีภูมิอุปนิสัยวาสนายิ่งหย่อน
ต่างกัน ท่านเรียนตอบว่า มีแบ่งภาคไว้ต่าง ๆ กันเหมือนกัน มิได้
มีแต่ผู้สำเร็จอย่างรวดเร็วและง่ายดายอย่างเดียว ส่วนผู้ปฏิบัติ
ลำบากทั้งสำเร็จได้ช้า และปฏิบัติลำบากแต่รู้ได้เร็วก็มี แต่รู้สึกผิดกับ
สมัยทุกวันนี้อยู่มาก แม้จะมีแบ่งประเภทบุคคลไว้ต่างกันเช่นเดียว
กับสมัยนี้ ท่านอาจารย์อธิบายว่า ข้อนี้ขึ้นอยู่กับผู้แนะนำถูกต้อง
แม่นยำผิดกัน ตลอดอำนาจวาสนาระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระสาวก
และพวกเราผิดกันอยู่มากจนเทียบกันไม่ได้ อีกประการหนึ่งความ
สนใจธรรมต่างกันมาก สำหรับในสมัยนี้กับสมัยพุทธกาล แม้พื้นเพ
นิสัยก็ผิดกันกับครั้งนั้นมาก เมื่ออะไร ๆ ก็ผิดกัน ผลจะให้เป็น
เหมือนกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้
เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้อื่นสมัยอื่นให้เยิ่นเย้อไปมาก
แม้ตัวเราเองยังแสดงความหยาบกระทบกระเทือนตัวเองอยู่
ตลอดเวลาทั้งที่เป็นนักบวชและนักปฏิบัติ ซึ่งกำลังเข้าใจว่า
ตัวประกอบความเพียรอยู่เวลานั้น ด้วยวิธีเดินจงกรมอยู่บ้าง
นั่งสมาธิภาวนาอยู่บ้าง แต่นั้นเป็นเพียงกิริยาแห่งความเพียร
ทางกาย ส่วนใจมิได้เป็นความเพียรไปตามกิริยาเลย มีแต่ความคิด
สั่งสมกิเลสความกระเทือนใจอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เข้าใจว่าตน
กำลังทำความเพียรด้วยวิธีนั้น ๆ ดังนั้นผลจึงเป็นความกระทบ
กระเทือนใจโดยไม่เลือกกาลสถานที่ แล้วก็มาเหมาเอาว่าตน
ทำความเพียรรอดตายไม่ได้รับผลเท่าที่ควร ความจริงตนเดินจงกรม
นั่งสมาธิสั่งสมยาพิษทำลายตนโดยไม่รู้สึกตัวต่างหาก มิได้ตรง
ความจริงตามหลักแห่งความเพียรเลยฉะนั้นครั้งพุทธกาลที่ท่านทำความเพียรด้วยความจริงจัง
หวังพ้นทุกข์จริง ๆ กับสมัยที่พวกเราทำเล่นราวเด็กกับตุ๊กตา จึงนำ
มาเทียบกันไม่ได้ ขืนเทียบไปมากเท่าไรยิ่งเป็นการขายกิเลสความ
ไม่เป็นท่าของตัวมากเพียงนั้น ผมแม้เป็นคนในสมัยทำเล่น ๆ
ลวง ๆ ตัวเองก็ไม่เห็นด้วย คำพูดดูถูกศาสนาและดูถูกตัวเอง ดังที่
ท่านว่ามานั้น ถ้าท่านยังเห็นว่าตัวยังพอมีสารคุณอยู่บ้าง ท่านลอง
ทำตามแบบที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้โดยถูกต้องดูซิ อย่าทำตาม
แบบที่กิเลสพาฉุดลากไปอยู่ทุกวี่ทุกวันทุกเวลา แม้ขณะกำลังเข้าใจว่า
ตนกำลังทำความเพียรอยู่ มรรคผลนิพพานที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
ไว้เป็นสมบัติกลาง จะเป็นสมบัติอันพึงใจท่านในวันหนึ่งแน่นอน
โดยไม่มีคำว่ายากลำบากและสำเร็จได้ช้ามาเป็นอุปสรรคได้เลย
ขนาดที่พวกเราทำความเพียรแบบกระดูกจะหลุดออก
จากกัน เพราะความขี้เกียจอ่อนแออยู่เวลานี้ ผมเข้าใจว่าเหมือนคน
ที่แสนโง่และขี้เกียจ เอาสิ่งอันเล็ก ๆ เท่านิ้วมือไปเจาะภูเขาทั้งลูก
แต่หวังให้ภูเขานั้นทะลุในวันเวลาเดียว ซึ่งเป็นที่น่าหัวเราะของท่าน
ผู้ฉลาดปราดเปรื่องด้วยปัญญาและมีความเพียรกล้าเป็นไหน ๆ
พวกเราลองคิดดู ประโยคแห่งความเพียรของท่านผู้เป็นศากยบุตร
พุทธสาวกในครั้งพุทธกาลท่านทำกัน กับความเพียรของพวกเราที่
ทำแบบเอาฝ่ามือไปแตะแม่น้ำมหาสมุทรซึ่งสุดที่น่าสมเพชเวทนา
เหลือประมาณ แต่หวังพระนิพพานด้วยความเพียรเท่าฝ่ามือนั้น
ลองคิดดูกิเลสเท่ามหาสมุทรแต่ความเพียรเท่าฝ่ามือนั้นมันห่างไกล
กันขนาดไหน
คนสมัยฝ่ามือแตะมหาสมุทร ทำความเพียรเพียงเล็กน้อย
แต่ความหมายมั่นปั้นมือว่าจะข้ามโลกสงสาร เมื่อไม่ได้ตามใจหวังก็หาเรื่องตำหนิศาสนาและกาลสถานที่ ตลอดคนสมัยนั้นสมัยนี้
ไม่ละอายการประกาศความไม่เป็นท่าของตัวให้นักปราชญ์
ท่านหัวเราะด้วยความอ่อนใจว่า เราเป็นผู้หมดความสามารถ
โดยประการทั้งปวง การลงทุนแต่เพียงเล็กน้อย ด้วยความเสียดาย
เรี่ยวแรง แต่ต้องการผลกำไรล้นโลกล้นสงสารนั้น เป็นทางเดินของ
โมฆบุรุษ สตรี ผู้เตรียมสร้างป่าช้าไว้เผาตัว และนอนจมอยู่ใน
กองทุกข์ไม่มีวันลดหย่อนผ่อนวัฏฏะว่าจะผ่านพ้นไปได้เมื่อไร
คำถามของท่านที่ถามผมเป็นเชิงชมเชยศาสนธรรม ชมเชย
กาลสถานที่และบุคคลในครั้งพุทธกาล แต่ตำหนิศาสนธรรม ตำหนิ
กาลสถานที่และบุคคลในสมัยนี้ จึงเป็นคำชมเชยและติเตียนของ
โมฆบุรุษ สตรีที่ปิดกั้นทางเดินของตนจนหาทางเล็ดลอดปลอดจาก
ภัยไปไม่ได้ และเป็นคำถามของคนสิ้นท่า เป็นคำถามของคนผู้ตัด
หนามกั้นทางเดินของตัว มิได้เป็นคำถามเพื่อช่วยบุกเบิกทางเดินให้
เตียนโล่ง พอมีทางปลอดโปร่งโล่งใจ เพราะความสนใจปลดเปลื้อง
ตนจากกิเลสด้วยสวากขาตธรรมอันเป็นมัชฌิมา ที่เคยให้ความ
เสมอภาคแก่สัตว์โลกผู้สนใจปฏิบัติตามโดยถูกต้องตลอดมาแต่
อย่างใดเลย
ถ้าท่านจะมีสติปัญญาเปลื้องตนพอเป็นที่ชมเชยบ้าง แม้
โดยการเทียบเคียงว่า โรคทุกชนิดไม่ว่าชนิดร้ายแรงหรือชนิด
ธรรมดา เมื่อสนใจรักษาและโรคถูกกับยา ย่อมมีทางสงบและ
หายได้ด้วยกัน แต่ถ้ามิได้สนใจรักษา โรคย่อมกำเริบ และเป็น
อันตรายได้ นอกจากโรคหวัดหรือโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามผิวหนัง
ซึ่งบางชนิดไม่รักษาก็มีทางหายได้ตามกาลของมัน โรคกิเลสซึ่ง
มิใช่โรคหิดโรคเหาโรคกลากโรคเกลื้อน พอจะหายไปเอง ต้องรักษา


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2012, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยยา คือธรรมในทางความเพียร ตามแบบของศากยบุตร
พุทธสาวกที่ท่านทำกัน จะเป็นกิเลสชนิดร้ายแรงหรือไม่เพียงไร
ก็จำต้องสงบและหายได้ไม่มีทางสงสัย
ท่านคิดเพียงเท่านี้ผมก็พอเบาใจ และชมเชยว่าท่านก็เป็น
ผู้มีความคิดแยบคายบ้างผู้หนึ่งที่จะพอเชื่อความสามารถของตัว
ได้ว่า จะเป็นผู้ข้ามโลกสงสารได้ และเชื่อความสามารถของ
พระพุทธเจ้าและศาสนธรรมว่า เป็นผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยพระปรีชา
สามารถ ทรงประกาศศาสนธรรมไว้โดยชอบ และเป็นนิยยานิก-
ธรรมนำสัตว์ให้ข้ามพ้นได้จริง ไม่ตำหนิติเตียนตนว่ามีกิเลสหนา
ทำให้รู้ธรรมได้ช้า โดยไม่สนใจแก้ไข ไม่ติเตียนพระพุทธเจ้าว่า
ทรงประกาศสอนธรรมไม่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ติเตียนพระธรรม
ว่าไร้สมรรถภาพหรือเรียวแหลม ไม่สามารถแก้กิเลสของสัตว์ใน
สมัยนี้ได้เหมือนครั้งพุทธกาล
ท่านอาจารย์มั่นว่า ท่านมิได้ปฏิเสธเกี่ยวกับกิเลสของ
คนที่มีหนาบางต่างกัน และยอมรับว่าคนในพุทธสมัยมีความ
เบาบางมากกว่าสมัยปัจจุบัน แม้การอบรมสั่งสอนก็ง่ายผิดกับ
สมัยนี้อยู่มาก ประกอบกับผู้สั่งสอนในสมัยนั้นก็เป็นผู้รู้ยิ่งเห็นจริง
เป็นส่วนมาก มีพระศาสดาเป็นพระประมุข ประธานแห่งพระสาวก
ในการประกาศสอนธรรมแก่หมู่ชน การสอนจึงไม่ค่อยผิดพลาด
คลาดเคลื่อนจากความจริง ทรงถอดออกมาจากพระทัยและ
ใจที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ หยิบยื่นให้ผู้ฟังอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ไม่มีธรรม
แปลกปลอมเคลือบแฝงออกมาด้วยเลย ผู้ฟังก็เป็นผู้มุ่งต่อความจริง
อย่างเต็มใจ ซึ่งเป็นความเหมาะสมทั้งสองฝ่าย ผลที่ปรากฏเป็น
ขั้น ๆ ตามความคาดหมายของผู้มุ่งความจริงจึงไม่มีปัญหาที่ควรขัดแย้งได้ ว่าสมัยนั้นคนสำเร็จมรรคผล
กันทีละมาก ๆ จากการแสดงธรรมแต่ละครั้งของพระศาสดาและ
พระสาวก ส่วนสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครสำเร็จได้ คล้ายกับคนไม่ใช่คน
ธรรมไม่ใช่ธรรม ผลจึงไม่มี ความจริงคนก็คือคน ธรรมก็คือธรรม
อยู่นั่นเอง แต่คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็เข้าไม่ถึงใจ จึงกลายเป็นว่า
คนก็สักว่าคน ธรรมก็สักว่าธรรม ไม่อาจยังประโยชน์ให้สำเร็จได้
แม้คนจะมีจำนวนมากและแสดงให้ฟังทั้งพระไตรปิฎก จึงเป็น
เหมือนเทน้ำใส่หลังหมา มันสลัดออกเกลี้ยงไม่มีเหลือ ธรรมจึงไม่มี
ความหมายในใจของคน เหมือนน้ำไม่มีความหมายบนหลังหมาฉะนั้น
ท่านถามอาจารย์องค์นั้นว่า ท่านเล่าเวลานี้ใจเป็นเหมือน
หลังหมาหรืออย่างไรกันแน่ จึงมัวตำหนิแต่ธรรมโดยถ่ายเดียวว่า
ไม่ยังผลให้เกิดขึ้นแก่ตนเพื่อสำเร็จมรรคผลนิพพานง่าย ๆ เหมือน
ครั้งพุทธกาล โดยไม่คำนึงใจตัวบ้าง ซึ่งกำลังสลัดปัดธรรมออก
จากใจยิ่งกว่าหมาสลัดน้ำออกจากหลังของมัน ถ้าย้อนมาคิดถึง
ความบกพร่องของตนบ้าง ผมเข้าใจว่าธรรมจะมีที่ซึมซาบและสถิต
อยู่ในใจได้บ้าง ไม่ไหลผ่านไป ๆ ราวกับลำคลองไม่มีแอ่งเก็บน้ำ
ดังที่เป็นอยู่เวลานี้ คนสมัยพุทธกาลมีกิเลสบางหรือหนา ก็เป็น
คุณและโทษของคนสมัยนั้นโดยเฉพาะ มิได้มาทำความลำบาก
หนักใจให้แก่คน คนสมัยนี้ซึ่งมีกิเลสชนิดใด ก็ก่อความเดือดร้อน
ให้แก่กันเองแทบจะไม่มีโลกให้อยู่ ถ้าไม่สนใจแก้ไขพอให้โลกว่าง
จากการวางเพลิงเผากันบ้าง
การตำหนิติชมใครและสมัยใดก็ตาม ย่อมไม่เกิดประโยชน์
ทั้งสิ้น ถ้าไม่สนใจตำหนิติชมตัวเองผู้กำลังก่อไฟเผาตัวและผู้อื่นให้
เดือดร้อนอยู่ด้วยเวลานี้ อันเป็นการพรากไฟราคะ โทสะ โมหะออกจากกันและกันที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ พอมีทางก้าวเดินเข้าสู่
ความสงบสุขได้บ้าง ไม่ร้อนระอุด้วยไฟเหล่านี้จนเกินตัว สมกับ
โลกมนุษย์อันเป็นแดนของสัตว์ผู้ฉลาดกว่าสัตว์อื่น ๆ บรรดาที่อยู่
ร่วมโลกกัน ดังนี้
ท่านว่า ท่านอาจารย์มั่นเข่นใหญ่ เกี่ยวกับปัญหาโลกแตก
ของเราที่เรียนถาม แม้ไม่เรียนมากมายนัก แต่เวลาท่านหยิบยก
ออกมา คล้ายกับปัญหานี้เป็นเสี้ยนหนามแก่พระศาสนาและท่าน
ตลอดตัวเราเองแบบจะเยียวยาไม่ได้ เรารู้สึกเห็นโทษของตัว และ
เกิดความไม่สบายใจหลายวัน ทั้งที่ความจริงเราก็มิได้สงสัยว่าสมัยนี้
จะไม่มีผู้สามารถบรรลุธรรมได้ ท่านเลยสับเขกเอาเสีย นับว่าพอดี
กับคนปากไวอยู่ไม่สุข แต่ก็ดีอย่างหนึ่งที่ได้ฟังธรรมท่านอย่างถึงใจ
เท่าที่ผมเล่ามานี้ ยังไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งแห่งธรรมลึกซึ้งและเผ็ดร้อน
ที่ท่านแสดงนั่นเลย นั้นยิ่งลึกซึ้งและเผ็ดร้อนยิ่งกว่ามหาสมุทร
สุดสาครและไฟในนรก
แม้เรื่องผ่านไปแล้ว ท่านยังใส่ปัญหาผมอย่างเหน็บแนม
เรื่อยมา บางครั้งยังยกปัญหานั้นมาประจานผมต่อหน้าที่ประชุม
อีกด้วยไม่ให้เสร็จสิ้นลงง่าย ๆ ว่า มิจฉาทิฐิบ้าง เทวทัตทำลาย
ศาสนาบ้าง แหลกไปหมดไม่มีชิ้นดีเลย จนทำให้หมู่เพื่อนสงสัย
มาถามก็มี ว่าเป็นดังที่ท่านว่าจริง ๆ หรือ ผมต้องได้ชี้แจงให้ท่าน
ทราบว่า ผมมิได้เป็นไปตามปัญหาที่เรียนถามท่าน เป็นแต่อุบาย
เพื่อฟังธรรมท่านเท่านั้น ปกติถ้าไม่มีอุบายแปลก ๆ ขึ้นเรียนถาม
ท่านไม่เทศน์ให้ฟัง แต่การยกอุบายขึ้นเรียนถามนั้นผมเองก็โง่ไป
โดดไปคว้าเอาค้อนมาให้ท่านตีหัวเอา แทนที่จะยกอุบายอันราบรื่น
ดีงามขึ้นเรียนถาม และฟังท่านอธิบายพอหอมปากหอมคอตามปกติก็เป็นดังท่านอาจารย์องค์นี้เล่าให้ฟัง ถ้าไม่มีอะไร
แปลก ๆ เรียนถามท่านก็พูดไปธรรมดา แม้เป็นธรรมก็เป็นไปอย่าง
เรียบ ๆ ไม่ค่อยถึงใจนัก เมื่อเรียนถามปัญหาชนิดแปลก ๆ รู้สึก
ท่านคึกคัก และเนื้อธรรมที่แสดงออกเวลานั้น ก็เหมาะกับความ
ต้องการ ดังที่เคยเรียนแล้วในประวัติท่าน ความจริงท่านก็มิได้สงสัย
ท่านอาจารย์องค์นี้ว่าเห็นผิดไปต่าง ๆ ดังที่ท่านดุด่าขู่เข็ญ แต่เป็น
อุบายของท่านผู้ฉลาดในการแสดงธรรม ย่อมมีการพลิกแพลง
เปลี่ยนแปลงไปต่างๆ เพื่อปลุกประสาทผู้ฟังให้ได้ข้อคิดเป็นคติ
เตือนใจไปนาน ๆ บ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะพากันนอนกอดความโง่
ไม่สนใจคิดอะไรกันบ้างเลย และจะกลายเป็นกบเฝ้ากอบัวอยู่
เปล่า ๆ พอถูกท่านสับเขกเสียบ้าง ดูเหมือนหูตั้งตาสว่างขึ้นได้บ้าง
นิสัยพระธุดงคกรรมฐานสายท่านอาจารย์มั่น ชอบขู่เข็ญ
สับเขกอยู่เสมอ จึงพอได้สติปัญญาขบคิดบ้าง ถ้าแสดงไปเรียบ ๆ
ฟังไปเงียบ ๆ ไม่มีที่สะดุดฉุดใจให้ตื่นเต้นตกใจและกลัวบ้าง
ใจคอยแต่จะหลับใน ไม่ค่อยได้อุบายพอเป็นเครื่องส่งเสริมสติ
ปัญญาบ้างเลย กิเลสชนิดต่าง ๆ ที่คอยจะแซงหน้าอยู่แล้ว มัก
ได้โอกาสออกเพ่นพ่านก่อกวนและรังควานใจ เพราะอุบายไม่ทัน
กับความฉลาดของมัน เมื่อได้รับอุบายแปลก ๆ จากท่านเพราะ
การเรียนถามปัญหาเป็นสาเหตุ สติปัญญาก็รู้สึกคึกคักแพรวพราว
ขึ้นบ้าง ดังนั้นที่ท่านอาจารย์องค์นี้เรียนถามท่านอาจารย์มั่น แม้จะ
ผิดบ้างถูกบ้าง จึงอยู่ในข่ายที่ควรได้รับประโยชน์จากปัญหาธรรม
นั้น ๆ ตามสมควรดังที่เคยได้รับเสมอมา
ท่านว่าปีจำพรรษากับท่านอาจารย์มั่นปีแรกที่เชียงใหม่
เกิดความปีติยินดีอย่างบอกไม่ถูก สมที่พยายามติดตามท่านมาหลายปี แม้จะได้ฟังโอวาทท่านบ้างในที่ต่าง ๆ ก็เพียงชั่วระยะ
ไม่จุใจ เดี๋ยวก็ถูกท่านขับไล่หนีไปคนละทิศละทาง เมื่อสบโอกาส
วาสนาช่วยได้จำพรรษากับท่านจริง ๆ ในพรรษานั้นจึงดีใจมาก
และเร่งความเพียรใหญ่แทบไม่ได้หลับนอน บางคืนประกอบ
ความเพียรตลอดรุ่ง คืนวันหนึ่งจิตสงบรวมลงอย่างเต็มที่ไปพักใหญ่
จึงถอนขึ้นมา เกิดความอัศจรรย์ในความสว่างไสวของใจซึ่งไม่เคย
เป็นถึงขนาดนั้นมาก่อน ทำให้เพลิดเพลินในธรรมจนสว่างคาตา
ไม่ได้หลับนอนเลยในคืนวันนั้น
พอตื่นเช้าได้เวลาเข้าไปทำข้อวัตรอุปัฏฐากท่านอาจารย์มั่น
และขนบริขารท่านลงมาที่ฉัน พอท่านออกจากที่ภาวนา ตาท่าน
จับจ้องมองดูท่านอาจารย์องค์นี้จนผิดสังเกต ท่านเองรู้สึกกระดาก
อายและกลัวท่านว่าตนทำผิดอะไรไปหรืออย่างไร สักประเดี๋ยวท่าน
ก็พูดออกมาว่าท่านขาวนี้ภาวนาอย่างไร คืนนี้จิตจึงสว่างไสวมาก
ผิดกับที่เคยเป็นมาทุก ๆ คืนนับแต่มาอยู่กับผม ต้องอย่างนี้ซิจึง
สมกับผู้มาแสวงธรรม ทีนี้ท่านทราบหรือยังว่าธรรมอยู่ที่ไหน คืนนี้
สว่างไสวอยู่ที่ไหนล่ะท่าน สว่างอยู่ที่ใจครับผม ท่านเรียนตอบ ทั้ง
กลัวทั้งอายแทบตัวสั่นที่ไม่เคยได้รับคำชมเชยแกมคำซักถามเช่นนั้น
แต่ก่อนธรรมไปอยู่ที่ไหนเล่าท่านจึงไม่เห็น นั่นแลธรรม
ท่านจงทราบเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไป ธรรมอยู่ที่ใจนั่นแล ต่อไปท่าน
จงรักษาระดับจิตระดับความเพียรไว้ให้ดีอย่าให้เสื่อมได้ นั่นแลคือ
ฐานของจิต ฐานของธรรม ฐานของความเชื่อมั่นในธรรม และฐาน
แห่งมรรคผลนิพพานอยู่ที่นั่นแล จงมั่นใจและเข้มแข็งต่อความเพียร
ถ้าอยากพ้นทุกข์ การพ้นทุกข์ต้องพ้นที่นั่นแน่นอน ไม่มีที่อื่นเป็น
ที่หลุดพ้น อย่าลูบคลำให้เสียเวลา เรามิใช่คนตาบอดพอจะลูบคลำคืนนี้ผมส่งกระแสจิตไปดูท่าน เห็นจิตสว่างไสวทั่วบริเวณ กำหนด
จิตส่งกระแสไปทีไรเห็นเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดจนสว่าง เพราะคืนนี้
ผมมิได้พักนอนเลย เข้าสมาธิภาวนาไปบ้าง ต้อนรับแขกเทพบ้าง
กำหนดจิตดูท่านบ้าง เรื่อยมาจนสว่างโดยไม่รู้สึก พอออกจากที่
จึงต้องมาถามท่าน เพราะอยากทราบเรื่องของหมู่คณะมานาน
สบายไหม.อัศจรรย์ไหมทีนี้ ท่านถาม ท่านเล่าว่าท่านนิ่งไม่กล้า
เรียนตอบท่าน เพราะท่านดูตับดูปอดเราจนหมดแล้วจะเรียนตอบ
เพื่อประโยชน์อะไร นับแต่วันนั้นมายิ่งกลัวและระวังท่านมากขึ้น
แม้แต่ก่อนก็เชื่อท่านว่ารู้จิตใจคนอย่างเต็มใจไม่มีทางสงสัยอยู่แล้ว
ยิ่งมาโดนเข้าคืนนั้นก็ยิ่งเชื่อยิ่งกลัวท่านมากจนพูดไม่ถูก
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ท่านตั้งหลักใจได้อย่างมั่นคงและ
เจริญยิ่งขึ้นโดยลำดับไม่มีเสื่อมถอยเลย ท่านอาจารย์มั่นก็จี้ใจเรา
อยู่เสมอ เผลอตัวไม่ได้เป็นโดนท่านดุทันที และดุเร็วยิ่งกว่าแต่ก่อน
การที่ท่านช่วยจี้ช่วยเตือนเรื่อยมานั้น ความจริงท่านช่วยรักษาจิต
รักษาธรรมให้เรากลัวจะเสื่อมไปเสีย นับแต่นั้นมาก็ได้จำพรรษา
กับท่านเรื่อยมา พอออกพรรษาแล้วก็ออกเที่ยวบำเพ็ญในที่ต่าง ๆ
ที่เห็นว่าสะดวกแก่ความเพียร ท่านอาจารย์เองก็ไปอีกทางหนึ่ง
โดยลำพัง ท่านไม่ชอบให้พระติดตาม ต่างองค์ต่างแยกกันไปตาม
อัธยาศัย เมื่อเกิดข้อข้องใจค่อยไปเรียนถาม เพื่อท่านชี้แจงแก้ไข
ให้เป็นพัก ๆ ไป
ความเพียรทางใจท่านอาจารย์องค์นี้นับวันเจริญก้าวหน้า
สติปัญญาค่อยแตกแขนงออกไปโดยสม่ำเสมอจนกลมกลืนเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันกับใจ อิริยาบถต่าง ๆ เป็นอยู่ด้วยความเพียร
มีสติกับปัญญาเป็นเพื่อนสองในการประกอบความเพียร จิตใจรู้สึกอาจหาญชาญชัยไม่หวั่นเกรงต่ออารมณ์ที่เคยเป็นข้าศึก และแน่ใจ
ต่อทางพ้นทุกข์ไม่สงสัยแม้ยังไม่หลุดพ้น
เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จ ท่านออกจากที่พักไปสรงน้ำ
ได้เห็นข้าวในไร่ชาวเขา กำลังสุกเหลืองอร่าม ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา
ในขณะนั้นว่า ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด
ใจที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายใน
เช่นเดียวกับเมล็ดข้าว เชื้อนั้นถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไป
จะต้องพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็อะไรเป็นเชื้อของใจเล่า ถ้าไม่ใช่
กิเลสอวิชชา ตัณหา อุปาทาน คิดทบทวนไปมาโดยถืออวิชชา
เป็นเป้าหมายแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ พิจารณาย้อนหน้าถอยหลัง
อนุโลมปฏิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา นับแต่
หัวค่ำจนดึกไม่ลดละการพิจารณาระหว่างอวิชชากับใจ จวนสว่างจึง
ตัดสินใจกันลงได้ด้วยปัญญา อวิชชาขาดกระเด็นออกจากใจไม่มี
อะไรเหลือ การพิจารณาข้าวก็มายุติกันที่ข้าวสุกหมดการงอกอีก
ต่อไป การพิจารณาจิตก็มายุติกันที่อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุก
ขึ้นมาเช่นเดียวกับข้าวสุก จิตหมดการก่อกำเนิดเกิดในภพต่าง ๆ
อย่างประจักษ์ใจ สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจคือความบริสุทธิ์แห่งจิต
ล้วน ๆ ในกระท่อมกลางเขา มีชาวป่าเป็นผู้อุปัฏฐากดูแล ขณะที่
จิตผ่านดงหนาป่ากิเลสวัฏฏ์ไปได้แล้ว เกิดความอัศจรรย์อยู่คนเดียว
ตอนสว่าง พระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างบนฟ้า ใจก็เริ่มสว่างจากอวิชชา
ขึ้นสู่ธรรมอัศจรรย์ ถึงวิมุตติหลุดพ้นในเวลาเดียวกันกับพระอาทิตย์
อุทัย ช่างเป็นฤกษ์งามยามวิเศษเอาเสียจริง ๆ
พอฤกษ์งามยามมหาอุดมมงคลผ่านไปแล้วก็ได้เวลาออก
บิณฑบาต ท่านเริ่มออกจากที่มหามงคล มองดูกระท่อมเล็กที่ให้ความสุขความอัศจรรย์ และมองดูทิศทางต่าง ๆ ขณะนั้นปรากฏ
อะไร ๆ ก็กลายเป็นมหาอุดมมงคลไปกับใจดวงอัศจรรย์โดยสิ้นเชิง
ทั้งที่สิ่งทั้งหลายก็เป็นอยู่โดยธรรมดาของตนๆ นั่นแล ขณะไป
บิณฑบาตใจก็อิ่มธรรม มองเห็นชาวป่าชาวเขาที่เคยอุปัฏฐากดูแล
ท่านมา ราวกับเป็นชาวฟ้ามาจากบนสวรรค์กันทั้งสิ้น จิตระลึกถึง
บุญถึงคุณที่เขาเคยมีแก่ตนอย่างเหลือล้นพ้นที่จะพรรณนาคุณให้
จบสิ้นลงได้ เกิดความเมตตาสงสารชาวป่าแดนสวรรค์เป็นประมาณ
อดที่จะแผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลแก่เขามิได้
ตลอดสายทางที่ผ่านมาจนถึงบริเวณที่พักอันแสนสำราญ
ขณะจัดอาหารทิพย์ของชาวเขาลงในบาตร ใจก็อิ่มธรรม ไม่คิด
สัมผัสกับอาหารที่เคยดำรงและให้ความผาสุกแก่อัตภาพมาแต่
อย่างใด แต่ก็ฉันไปตามธรรมเนียมที่ธาตุกับอาหารเคยอาศัยกันมา
ท่านเล่าว่านับแต่วันเกิดมา ก็เพิ่งมาเห็นชีวิตธาตุขันธ์กับจิตใจ
ปรองดองสดชื่นต่อกันเหลือจะพรรณนาให้ถูกต้องกับความจริงได้ใน
เช้าวันนั้นเอง เป็นความอัศจรรย์และพิเศษผิดคาดผิดหมาย และ
กลายเป็นประวัติสำคัญของชีวิตอย่างประทับใจตลอดมา
นับแต่ขณะโลกธาตุไหว ฟ้าดินถล่มวัฏจักรภายในจิตจมหาย
ไปแล้ว ธาตุขันธ์และจิตใจทุกส่วนต่างอันต่างเป็นอิสระไปตาม
ธรรมชาติของตน ไม่ถูกจับจองกดถ่วงจากฝ่ายใด อินทรีย์ห้า
อายตนะหก ทำงานตามหน้าที่ของตนจนกว่าธาตุขันธ์จะหาไม่ โดย
ไม่มีการทะเลาะวิวาทกระทบกระเทือนกันดังที่เคยเป็นมา (การ
ทะเลาะท่านหมายถึง ความไม่ลงรอยระหว่างสิ่งภายในกับภายนอก
สัมผัสกัน ทำให้เกิดความยินดียินร้ายกลายเป็นความสุขทุกข์ขึ้นมา
และเกี่ยวโยงกันไปเหมือนลูกโซ่ไม่มีวันจบสิ้นลงได้) คดีต่าง ๆภายในจิตที่มีมากและวุ่นวายยิ่งกว่าคดีใด ๆ ในโลก ได้ยุติลงอย่าง
ราบคาบ นับแต่ขณะศาลสถิตยุติธรรมได้สร้างขึ้นภายในใจโดย
สมบูรณ์แล้ว เรื่องก่อกวนลวนลามต่าง ๆ ไม่มีประมาณ ซึ่งเคยยึด
จิตเป็นสนามเต้นรำและทะเลาะวิวาทบาดหมางไม่มีเวลาสงบลงได้
เพราะอวิชชาตัณหาเป็นหัวหน้าบงการบัญชางานให้โกลาหลวุ่นวาย
ร้อยแปดพันประการนั้น ได้สงบลงอย่างราบรื่นชื่นใจ กลายเป็นโลก
ร้างว่างเปล่าภายในจิต ที่ผลิตวิชาธรรมอันบวรขึ้นเสวยเมืองจิตราช
แทนอธรรม
กิจนอกการภายในได้เป็นไปโดยธรรมความสม่ำเสมอ
ไม่มีอริข้าศึกศัตรูมาก่อกวนวุ่นวาย ตาเห็น หูได้ยิน จมูกดมกลิ่น
ลิ้นลิ้มรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง ใจรับทราบอารมณ์ต่าง ๆ
เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่อาจเอื้อมปีนเกลียวยุแหย่แปรรูปคดีให้ผิด
เป็นถูก ผูกเป็นแก้ แย่เป็นดี ผีเป็นคน พระเป็นเปรต เปรตกลับ
เป็นคนดี ดังที่เจ้าอธรรมมีอำนาจบัญชางานมาแต่เก่าก่อน นั่งอยู่
สบาย แม้เป็นหรือตายก็มีความสุข นี่คือท่านผู้นิรทุกข์นิรภัยแท้
ปราศจากเครื่องร้อยรัดโดยประการทั้งปวง ซึ่งเป็นคำท่านอุทานใน
ใจท่านเวลานั้น
ท่านอาจารย์องค์นี้ก็เป็นอีกองค์หนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ท่าน
อาจารย์มั่น ซึ่งเปลื้องทุกข์สิ้นภัยออกจากใจได้ที่จังหวัดเชียงใหม่
ท่านเล่าว่าสถานที่บำเพ็ญจนถึงความสิ้นทุกข์ภายในก็ดี กระท่อม
กุฎีเล็ก ๆ พอหมกตัวทำความเพียรและพักผ่อนกายก็ดี สถานที่
เดินจงกรมก็ดี สถานที่นั่งสมาธิภาวนาในกลางวันและกลางคืนก็ดี
หมู่บ้านเป็นที่โคจรบิณฑบาตพอยังอัตภาพให้เป็นไปในละแวก
นั้นก็ดี รู้สึกเป็นที่ซาบซึ้งประทับใจผิดที่ทั้งหลายอย่างบอกไม่ถูกและฝังใจตลอดมาจนทุกวันนี้มิได้จืดจางรางเลือนไปเลย
นับแต่ขณะที่วัฏจักรได้ถูกคว่ำลงจากใจเพราะความเพียร
สังหารแล้ว สถานที่นั้นได้กลายเป็นที่บรมสุขในอิริยาบถทั้งหลาย
ตลอดมา ราวได้เข้าเฝ้าพระศาสดาในสถานที่ตรัสรู้และที่ทรงบำเพ็ญ
เพียรในที่ต่าง ๆ โดยตลอดทั่วถึงฉะนั้น หายสงสัยในพระพุทธเจ้า
แม้ทรงปรินิพพานไปนานตามกาลของสมมุติ ประหนึ่งประทับอยู่
บนดวงใจเราทุกขณะ มิได้ทรงจากไปตามกาลแห่งปรินิพพาน
เลย หายสงสัยในพระธรรมว่ามากน้อย ลึกตื้น หยาบละเอียด
ที่ประทานไว้แก่มวลสัตว์ ปรากฏว่าพระธรรมเหล่านั้นสถิตอยู่ในใจ
ดวงเดียว และใจดวงเดียวบรรจุธรรมไว้อย่างพร้อมมูลไม่มีอะไร
บกพร่อง หายสงสัยในพระสงฆ์สาวกองค์สุปฏิปันโนผู้บริสุทธิ์
ทั้งสามรัตนะนี้ได้เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ภายในใจมีความเป็นอยู่ด้วย พุทธะ ธรรมะและสังฆะ องค์
บริสุทธิ์รวมกันเป็นธรรมแท่งเดียว มีความสบายหายห่วงนับแต่บัดนั้น
เป็นต้นมา ไม่มีเครื่องกดถ่วงลวงใจ อยู่ในอิริยาบถใดก็เป็นตัวของ
ตัวไปตามอิริยาบถนั้น ๆ ไม่มีสิ่งกดขี่หรือแอบแทรกขอแบ่งกินแบ่ง
ใช้เหมือนแต่ก่อนที่อยู่กับนักขอทานโดยไม่รู้สึกตัว เดี๋ยวขอนั้นเดี๋ยว
ขอนี้อยู่ทุกอิริยาบถ คำว่าขอนั่นขอนี่นั้น ท่านหมายถึงกิเลสตัว
บกพร่องขาดแคลนไม่มีเวลาอิ่มพอประจำนิสัยของมัน เมื่อมีอำนาจ
ตั้งบ้านเรือนบนหัวใจคนและสัตว์แล้ว จึงต้องทำการบังคับหรือขอ
อยู่ไม่ถอย ซึ่งเป็นงานประจำนิสัยของมัน โดยขอให้คิดอย่างนั้นขอให้
พูดอย่างนี้ ขอให้ทำอย่างโน้น ตามอำนาจของมันอยู่ไม่หยุด
ถ้าไม่มีธรรมไว้ปิดกั้นความรั่วไหลจากการบังคับ และการขอ
เอาอย่างดื้อด้านของเหล่ากิเลส จึงมักแบ่งหรือเสียให้มันเอาไปกิน



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร