วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 78 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่คนที่ถือพระไตรปิฎก อย่างเคร่งครัดบอกว่า นิพพานคือนิพพาน และอนัตตา

แต่สายหลวงตาบัวบอกว่า นิพพานคือนิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

งง ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
แต่คนที่ถือพระไตรปิฎก อย่างเคร่งครัดบอกว่า นิพพานคือนิพพาน และอนัตตา

แต่สายหลวงตาบัวบอกว่า นิพพานคือนิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

งง ?


นิพพาน เป็นได้ทั้งสอง ลักษณะ คือ ทั้งมี อนัตตา และ ไม่ใช่อนัตตา
เหตุที่ บุคคลที่ถือพระไตรปิฎก เข้าใจว่า นิพพานคือนิพพาน และอนัตตา ก็เพราะว่าไม่ยึดถือ ในหลักวิชชา ๓ วิชชา๘
ส่วน อีกสายหนึ่ง ที่กล่าวว่า นิพพานคือ นิพพาน ไม่ใช่อนัตตา เพราะยึดถือ หลัก วิชชา ๓ วิชชา ๘
จำสับสนไปนิดหนึ่งขอรับ


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 04 มี.ค. 2012, 20:27, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 20:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
.ถ้านิำพพาน ไม่ใช่อนัตตา แสดงว่า อนัตตามีกิเลส ไม่เที่ยงสิครับ


:b32: :b32: :b32:
ก็มันอนัตตา....จะมีอะไรไปเที่ยง...

ถ้านิพพานแล้ว...ไม่มีการเปลี่ยนไปเป็นอะไรอีก..คือไม่เปลี่ยนลงมาเป็นพรหม..เป็นเทวดา...เป็นมนุษย์อีก....นิพพานก็เที่ยง

และ...เมื่อมันเที่ยง....ก็ย่อมไม่ใช่อนัตตาแล้ว... :b12: :b12:

นี้หากเอาลักษณะอาการของบัญญัติไปตีความนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่ว่า อาจารย์ไหนๆ ส่วนใหญ๋ ก็ให้ความหมายของนิพพานตรงกัน

แต่..........................................

มีหลายคน ให้ความหมายของอนัตตา ไม่ตรงกัน

นิพพาน ไม่ใช่ตัวตน
นิพพาน ไม่บังคับบัญชาได้
นิพพาน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
นิพพาน เป็นของว่างเปล่าจากตัวตน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าสมมุติว่ามีคนบอกว่านิพพานเป็นอนัตตานะ ผมจะตอบว่าถ้านิพพานเป็นอนัตตาผมไม่บำเพ็ญแล้ว อยู่โลกมนุษย์นอนเล่นดีกว่า

อยากบอกว่านิพพานเป็นของเที่ยง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อริยสัจจ์ 4 คือ

-ทุกข์
-สมุทัย
-นิโรธ (=นิพพาน)
-มรรค


นิพพานคือการดับทุกข์ ดับอวิชชา ดับกิเลส

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
แต่คนที่ถือพระไตรปิฎก อย่างเคร่งครัดบอกว่า นิพพานคือนิพพาน และอนัตตา

แต่สายหลวงตาบัวบอกว่า นิพพานคือนิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

งง ?

สวัสดี "deecup"

ผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด ต้องบอกว่า นิพพานคือ นิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

เพราะด้วยเหตุว่า นิพพาน ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

อนัตตา เป็นอนัตตลักษณะของ สังขตะธรรมที่ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน เพราะ ล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยอำนาจเหตุปัจจัย

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 02:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
ถ้าสมมุติว่ามีคนบอกว่านิพพานเป็นอนัตตานะ ผมจะตอบว่าถ้านิพพานเป็นอนัตตาผมไม่บำเพ็ญแล้ว อยู่โลกมนุษย์นอนเล่นดีกว่า

อยากบอกว่านิพพานเป็นของเที่ยง


ท่อนบนพูดถึง อนัตตา
ท่อนล่างพูดถึง นิจจัง

ท่อนบน แปลว่า นิพพานไม่ใช่ตัวตน นิพพานไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของใคร ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาไม่ได้

ท่อนล่าง พูดถึง นิจจัง คือความเที่ยง ความยั่งยืน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 03:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่เที่ยง ..................... เพราะมีแล้วไม่มี

เป็นทุกข์..................... เพราะถูกบีบคั้น

เป็นอนัตตา...................เพราะไม่เป็นไปในอำนาจ ไม่มีเจ้าของ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 03:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


Quote Tipitaka:
บทว่า อนิจฺจา ความว่า ชื่อว่า อนิจฺจา ด้วยอรรถว่าเป็นแล้วกลับไม่เป็น.
บทว่า ทุกฺขา ความว่า ชื่อว่าทุกข์ ด้วยอรรถว่าบีบคั้นเสมอ.
บทว่า อนตฺตา ความว่า ชื่อว่า อนตฺตา เพราะอรรถว่าไม่เป็นไปตามอำนาจ.

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


พระนิพพาน ส่วนตัวพิจารณาว่า ไม่ตกอยู่ในอำนาจใคร เป็นอิสระ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ จนกว่าผู้ใดผู้หนึ่งจะประหารกิเลสหมดสิ้นลงจึงจะถึงสภาวะนิพพาน เป็นอนัตตา เพราะสภาพเหมือนครับ ไม่ห้ามพระอรหันต์ที่บรรลุ พระอรหันต์ทุกองค์เข้าถึงสภาวะนิพพานเหมือนกัน คือบริสุทธิ์เท่าเทียมกัน แต่พระนิพพานนี้เที่ยง คือไม่แปรสภาพเป็นอื่น คือพระนิพพานเที่ยงก็จริง แต่ก็ไม่ห้ามพระอรหันต์ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
แต่คนที่ถือพระไตรปิฎก อย่างเคร่งครัดบอกว่า นิพพานคือนิพพาน และอนัตตา

แต่สายหลวงตาบัวบอกว่า นิพพานคือนิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

งง ?

ความหมายของคำว่า นิพพานนี้ ท่านหลวงตามหาบัวแสดงไว้ได้ดีเลยล่ะครับ พอจับใจความได้ว่า ไตรลักษณ์ทั้งสามคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็เปรียบเหมือนบันไดที่พระโยคาวจรทั้งหลายจะพึงดำเนินไปตามนั้นเพื่อที่จะได้จะถึงซึ่งนิพพานอันท่านเปรียบว่าเหมือนบ้าน เมื่อผ่านบันไดไปแล้ว คือขึ้นบันไดไป ก็ถึงบ้านภายในอันเป็นที่อยู่ บันไดเป็นบันได บ้านเป็นบ้าน มันคนละอย่างกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
deecup เขียน:
แต่คนที่ถือพระไตรปิฎก อย่างเคร่งครัดบอกว่า นิพพานคือนิพพาน และอนัตตา

แต่สายหลวงตาบัวบอกว่า นิพพานคือนิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

งง ?

สวัสดี "deecup"

ผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด ต้องบอกว่า นิพพานคือ นิพพาน ไม่ใช่อนัตตา

เพราะด้วยเหตุว่า นิพพาน ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

อนัตตา เป็นอนัตตลักษณะของ สังขตะธรรมที่ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน เพราะ ล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยอำนาจเหตุปัจจัย

เจริญธรรม

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน ซึ่งสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมดนี้ ก็

ไม่พ้นกฎธรรมชาติที่เป็นไป คือ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา

ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม

สำหรับ จิต เจตสิกและรูป เป็นสภาพธรรมที่ไม่เที่ยง เป็นอนิจจังเกิดขึ้นและดับไป

เป็นทุกข์ ทนอยู่ไมไ่ด้และเป็นอนัตตาด้วยคือ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา และไม่ใช่

เรา แต่เป็นธรรม จึงเป็นอนัตตา เป็นของสูญ คือ สูญจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน

ส่วนพระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่มีจริง แน่นอนครับว่า นิพพานต้องเป็นพระนิพพาน

ไม่เป็นอย่างอื่น คือ ไม่เป็น จิต เจตสิกและรูป แต่พระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่ไม่มี

ปัจจัยปรุงแต่ง คือ ไม่มี จิต เจตสกิและรูป จึงไม่เกิดขึ้นและดับไปเลย เป็นสภาพธรรม

ที่เที่ยง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นสุขด้วย แต่ที่สำคัญ พระนิพพาน แม้จะเที่ยง เป็นสุข

แต่พระนิพพานก็เป็นอนัตตาด้วย ไม่ใช่อัตตา เพราะพระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่สูญ

สูญในที่นี้ไม่ไ่ด้หมายความว่าไม่มีอะไรเลย แต่สูญ จากความเป็นสัตว์ บุคคล คือ ไม่มี

เรา ไม่มีสัตว์บุคคลให้ยึดถือในพระนิพพาน พระนิพพานจึงไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เป็น

สภาพธรรมที่มีจริง และที่สำคัญ บังคับบัญชาไม่ได้ด้วยครับจึงเป็นอนัตตา ตามที่กล่าว

มา ไม่ใช่อัตตา ดังนั้น เรียกพระนิพพานว่าพระนิพพานได้ และพระนิพพานก็เป็นอนัตตา

ด้วยครับ ซึ่งขอแสดงข้อความในพระไตรปิฎก ที่แสดงว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาและ

พระนิพพานก็เป็นอนัตตาด้วยครับ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 305


บทว่า สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ความว่า ธรรมทั้งหลายที่เป็นไป

ในภูมิ ๔ ทั้งหมด เป็นอนัตตา.


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 172


อัสสาสะปัสสาสะ - ลมหายใจเข้าออก ย่อมตกแต่งกาย ฉะนั้น

จึงชื่อว่า กายสังขาร.

สัญญาด้วย เวทนาด้วย ย่อมตกแต่งจิต ฉะนั้น จึงชื่อว่า

จิตตสังขาร. แต่ในที่นี้ท่านประสงค์เอา สังขตสังขาร.

ชื่อว่า อนิจจา - ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วกลับไม่มี.

ชื่อว่า ทุกขา - เป็นทุกข์ เพราะอรรถว่า เบียดเบียน.

คำว่า สพฺเพ ธมฺมา - ธรรมทั้งปวง ท่านกล่าวรวมเอาพระ-

นิพพานเข้าไว้ด้วย. ชื่อว่า อนัตตา เพราะอรรถว่า ไม่เป็นไปในอำนาจ.

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ....พระนิพพาน

ธรรมชาติพระนิพพาน [ตติยนิพพานสูตร]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
.....................................................
:b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53:
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง สามารถพิสูจน์ได้ทุกขณะว่าเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ว่าจะได้เห็น

ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ดีใจ เสียใจ ติดข้องยินดีพอใจ

หงุดหงิดโกรธขุ่นเคือง ไม่พอใจ เป็นต้น ล้วนเป็นธรรมทั้งหมด, ธรรม ไม่ได้หมายถึง

เพียงสภาพธรรมฝ่ายดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หมายรวมถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมด

ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปนั้นไม่พ้นไปจากธรรมเลย เมื่อไม่ได้ศึกษา ย่อมไม่สามารถ

จะรู้ได้ว่าเป็นธรรม เพราะแท้ที่จริงแล้ว ทุกขณะเป็นธรรม มีจิต(สภาพธรรมที่เป็นใหญ่

เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก(สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และ รูป เกิดขึ้น

เป็นไปอยู่ตลอดเวลา จิต เจตสิก รูปนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป

ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ที่ไม่เที่ยงนั้นเพราะเกิดแล้วดับไป สภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปนั้น

เป็นทุกข์ เป็นทุกข์เพราะเหตุว่าตั้งอยู่ไม่ได้ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เมื่อ

ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จึงเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ใน

อำนาจบังคับบัญชาของใคร ลักษณะทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นลักษณะที่ทั่วไปแก่สภาพ

ธรรมที่เป็นสังขารธรรมทั้งหมด แต่เมื่อกล่าวถึงอนัตตาแล้ว ไม่มีเว้นธรรมอะไรเลย

หมายรวมถึงพระนิพพานด้วย เพราะพระนิพพาน ก็เป็นอนัตตา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า

ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่

เพียงธรรมแต่ละอย่าง ๆ เท่านั้นจริง ๆ


ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ยากที่จะเข้าใจ แต่ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ การศึกษา

ธรรม เป็นการศึกษาถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพื่อเข้าใจ

สภาพธรรมตามความเป็นจริง เนื่องจากคุ้นเคยกับความเป็นตัวตน คุ้นเคยกับความ

เป็นเรา พร้อมทั้งได้สะสมความไม่รู้มาอย่างเนิ่นนาน จึงหลงยึดถือสภาพธรรมที่กำลัง

ปรากฏว่าเป็นต้วตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา ดังนั้น ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น

จึงควรที่จะศึกษา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อละ

คลายความไม่รู้ ละความเห็นผิดในสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้

ในที่สุด ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ๆ ท่านครับ...
http://www.dhammahome.com/front/webboar ... p?id=20050


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้าเคยเขียนในเรื่องนิพพานว่าเป็น อนัตตา หรือไม่ใช่อนัตตา เมื่อนานมาแล้ว จำไม่ได้แล้วว่าเขียนอย่างไร แต่เห็นเถียงกัน โดยที่คนที่เถียงกัน คนที่กล่าวถึง นิพพาน ไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ประสบเลยว่า "นิพพาน"เป็นอย่างไร คืออย่างไร มีสภาพสภาวะทางกายและใจเป็นอย่างไร ณ.บัดนี้จะอธิบายอีกครั้งว่า...

นิพพาน เป็นชื่อเรียก ขั้นการฝึกปฏิบัติธรรมที่มีปรากฎในพุทธศาสนา แต่หลักธรรมที่มีอยู่ในพุทธศาสนาไม่สามารถทำให้บรรลุนิพพาน เหตุเพราะ หลักธรรมที่สำคัญส่วนใหญ่ได้ขาดหายไป เมื่อข้าพเจ้าได้นำกลับมาสอน ก็ถูกต่อต้านอย่างมากๆ
ในที่นี้ไม่กล่าวถึงอีกนะขอรับ เอาเป็นว่า
นิพพาน คือ การฝึกปฏิบัติจนสามารถเกิดความรู้ความเข้าใจจนสามารถทำให้ร่างกายโปร่งแสง สามารถมองทะลุผ่านได้ จะว่ามีธรรมชาติรับรู้อารมณ์ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีธรรมชาติรับรู้อารมณ์ก็ไม่ใช่ ,จะว่ามีความจำก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีความจำก็ไม่ใช่,จะว่าสามารถสร้างอารมณ์ได้ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่สามารถสร้างอารมณ์ได้ก็ไม่ใช่,ทุกสิ่งทุกอย่างของร่างกายล้วนเป็นอากาศธาตุเป็นที่ว่างสามารถมองทะลุได้
แล้วคำว่า นิพพาน เป็น อนัตตา หมายถึง ๑) เป็นของสูญ คือ เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ ๒) เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง ๓) ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ ๔) เป็นสภาวธรรมอันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไม่มีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่กับสิ่งอื่นๆ ๕) โดยสภาวะของมันเอง ก็แย้งหรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา
(คัดลอกจากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎกฯ)
แล้วคำว่า
นิพพาน คือ อัตตา หมายถึง ตัวตน, อาตมัน; ปุถุชนย่อมยึดมั่นมองเห็นขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นอัตตา หรือยึดถือว่าอัตตาเนื่องด้วยขันธ์ ๕ โดยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง;(คัดลอกจากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎกฯ)
ดังนั้น
นิพพาน จึงเป็นได้ทั้งสองอย่าง คือ เป็นทั้ง อนัตตา และไม่ใช่ อนัตตา
เพราะ บุคคลผู้บรรลุนิพพาน จะมีอยู่ ๒ รูปแบบ (อาจจะมีสามตอนนี้ยังไม่แน่ใจ)
๑.นิพพาน แบบ สูญสลาย คือ ดวงจิตทุกดวงในร่างกาย สูญสลาย ไม่มีเกิด หรือดับอีก ต่อไป กลายเป็นอากาศธาตุ หมดสิ้นวัฎจักรทั้งมวล
๒. นิพพาน แบบ กำหนดจุติดับ และเกิดได้ คือ ดวงจิตทุกดวง สามารถดับก็ได้ เกิดก็ได้(ในที่นี้หมายถึงการดับและเกิดเป็นมนุษย์) ตามแต่ต้องการ ถ้าไม่ต้องการเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะไปอยู่ ณ.ดินแดนขอบจักรวาล ไปทั้งร่างกาย เพราะร่างกายโปร่งแสงแล้ว
อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญาณให้ดีนะขอรับ
ข้อสำคัญ ข้าพเจ้ามีร่างกายโปร่งแสงเป็นบางขณะ สามารถพิสูจน์ได้ ฉะนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2012, 21:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


พรหม เป็น จิตประกอบเจตสิก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 78 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร