วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 06:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 10:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


มีศีล เกิดจากปัญญาดับเหตุแห่งทุกข์ ดับความเชื่อ หรืออวิชชา รู้เห็นตามความเป็นจริงของโลกและชีวิต
ไม่หลง กับสิ่งที่มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ปัญญาจึงเกิด ศีลก็มีตามมา ศีลก็เป็นศีลบริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา และใจ

ถือศีล ไม่มีปัญญาดับเหตุแห่งทุกข์ยังมีความเชื่อ งมงาย หรือความไม่รู้
ศีลที่ถือเป็นศีลที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่กระทำทางกาย หรือทางวาจา แต่ใจยังคิด พอใจ ไม่พอใจ
ไม่ใช่นำผลมาปฏิบัิติ แต่ให้ดับที่เหตุของการผิดศีล คือ ความพอใจ ไม่พอใจ หรือ โลภ โกรธ หลง นั้นเอง แล้วความพอใจ ไม่พอใจ เกิดขึ้นได้อย่างไรก็เกิดขึ้นจาก "ความไม่รู้" แล้วเราจะดับความไม่รู้ได้อย่างไรก็ดับด้วยการวิัปัสสนาให้รู้เห็นความเป็นจริงของธรรมชาติตามกฎไตรลักษณ์ และกฎอิทัปปัจจยตา
ปฏิจจสมุปบาทนั้นเอง

"ไม่เที่ยง เกิดดับ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 07:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




a_cha.jpg
a_cha.jpg [ 16.5 KiB | เปิดดู 6473 ครั้ง ]
:b16:
ถือศีล เป็น พรต เพราะยึด

มีศีล เป็น ปกติเพราะใจหมดเหตุหรือมีเหตุที่จะทำให้ล่วงศีลเหลือน้อยและเบาบาง

ล่วงศีล คือ ปรามาส เพราะไม่สามารถระงับความยินดียินร้ายและตัณหาของตนเองได้

:b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ถือศีลแล้วจะมีศีลได้ไง :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 08:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


แสงธรรม14 เขียน:
ไม่ถือศีลแล้วจะมีศีลได้ไง :b7:


ไม่ต้องถือครับ แต่ต้องมีศีลก็มาจากการวิปัสสนาให้เห็นความจริงตามกฎไตรลักษณ์ ค่อยๆ ปฏิบัติๆ จากเล็กไปมาก ปัญญาก็จะค่อยๆเกิดขึ้น ความเห็นชอบ หรือไม่เห็นผิด ( สัมมาทิฐิ) เกิดขึ้น เมื่อเห็นชอบย่อมคิดชอบ (สัมมาสังกัปปะ) เมื่อคิดชอบย่อมพูดชอบ ทำชอบ อาชีพชอบ ผลก็ทำให้เกิดสมาธิ สติ และความพยายาม ความสงบก็เกิดขึ้น มรรคมีองค์ 8 เกิดขึ้นครบ
พูดชอบ ทำชอบ อาชีพชอบ ก็คือ คนที่มีศีล นั้นเอง ไม่ใช่ถือศีลนะครับ ไม่ต้องไปท่องว่าศีลข้อนั้นคืออะไร ทำอย่างไรไม่ให้ผิดศีล การวิัปัสสนาคือการดับต้นเหตุของการผิดศีล (พอใจ ไม่พอใจ) ไม่ใช่ดับที่ผล ถ้าปฏิบัติอย่างนี้ศีลจะเกิดขึ้นเอง รู้ิผิดชอบชั่วดี
ยกตัวอย่าง ต้องการเลิกกินเหล้า ไม่ใช่ไปงดที่การกินเหล้า หรืองดตอนเข้าพรรษา แต่ให้ไปหยุดที่ความพอใจของตนเองถึงจะเลิกได้ เลิกถาวรด้วย ตอนเข้าพรรษางดเหล้าได้ งดทางกายเท่านั้น แต่ใจยังอยากกินอยู่ ออกพรรษาปั๊บกินเหล้า เมาแทบไม่เหลือสภาพความเป็นคน คนที่มีศีล ศีลก็จะเป็นศีลบริสุทธิ์ ละทางกาย วาจา และใจ ศีลไม่บริสุทธิ์ คือละทางกาย หรือวาจา และใจไม่ได้ละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธเจ้าเปรียบคนเหมือนดอกบัวสี่เหล่า มันก็ใช่อย่างที่คุณว่านั้นแหละ แต่สำหรับคนที่ปัญญายังน้อยหรือชาวบ้านธรรมดา การที่อธิบายอย่างนั้นคิดว่าเขาจะเข้าใจและปฏิบัติตามได้หรอ ถ้าไม่เริ่มจากการถือศีลละเว้นจากการกระทำความชั่ว ทางกาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 10:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


แสงธรรม14 เขียน:
พุทธเจ้าเปรียบคนเหมือนดอกบัวสี่เหล่า มันก็ใช่อย่างที่คุณว่านั้นแหละ แต่สำหรับคนที่ปัญญายังน้อยหรือชาวบ้านธรรมดา การที่อธิบายอย่างนั้นคิดว่าเขาจะเข้าใจและปฏิบัติตามได้หรอ ถ้าไม่เริ่มจากการถือศีลละเว้นจากการกระทำความชั่ว ทางกาย วาจา ใจ


ปัญญาทางโลก กับทางธรรมต่างกันนะครับ
คนเรียนจบ ดร. ศาสตราจารย์ ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจเรื่องนี้นะครับ แล้วแต่ภูมิธรรมที่ได้สะสมในอดีตของแต่ละท่านครับ ไม่แบ่งว่าใครจะเข้าใจดีกว่ากัน กษัตริย์ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต คนหนุ่ม คนแก่ เด็ก
ขอทาน ชาวบ้าน พระ ปฏิบัติได้ทุกคน เข้าใจช้าหรือเร็วเท่านั้น อ่านหนังสือไม่ออกก็ปฏิบัติได้
ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ แต่เป็นการปฏิบัติฝึกฝนตนเอง เพราะธรรมชาติได้สร้างอินทรีย์ 6 หรืออายตนะภายในให้เรามาแล้ว ให้เราฝึกฝนตนเอง ไม่ใช่การขอบุญ ขอโชคความเจริญ ถ้าท่านไม่ดับกิเลศ ตัณหา ราคะ ท่านจะเป็นผู้เจริญธรรมได้อย่างไร
ก่อนวิปัสสนาอาจเริ่มจากการให้ทาน ถือศีล(ศีลยังไม่บริสุทธิ์) เพื่อลดการเห็นแก่ตัว และไม่ให้เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น ที่เรียกว่า ทาน ศีล วิปัสสนาภาวนา นั้นเอง เป็นข้อปฏิบัติสำหรับ ฆราวาส


ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เอง ไม่เที่ยง เกิดดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีลเป็นเบื้องบาท..ก้าวขึ้นไปสู่ ธรรม ชั้นสูง
แค่ศีล ๕ ถ้ารักษาไว้ อานิสงฆ์ก็ ล้นพ้นแล้วล่ะ
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2012, 15:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
ศีลเป็นเบื้องบาท..ก้าวขึ้นไปสู่ ธรรม ชั้นสูง
แค่ศีล ๕ ถ้ารักษาไว้ อานิสงฆ์ก็ ล้นพ้นแล้วล่ะ
เจริญในธรรม :b8:

วิปัสสนาเ้ป็นเหตุให้เกิด ปัญญา
ปัญญา เป็นเหตุให้เกิด ศีล
ศีล เป็นเหตุให้เกิด สมาธิ
สมาธิ เป็นเหตุให้เกิด ความสงบ

"ปัญญา ศีล สมาธิ" คือ มรรคมีองค์ 8 ผลการตรัสรู้ของพระพุทธเ้จ้า เหตุมาจากวิปัสสนาภาวนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2012, 14:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


เบื้องต้นผมถือศีลเพราะกลัวบาป
ต่อมาผมถือศีลเพราะเสียดาย
ถัดมาผมถือศีลเพราะสบาย
จากนั้นผมรักษาศีลเพราะกลัวเสื่อม
จนวันนี้ผมมีศีลอยู่ที่ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2012, 16:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
เบื้องต้นผมถือศีลเพราะกลัวบาป
ต่อมาผมถือศีลเพราะเสียดาย
ถัดมาผมถือศีลเพราะสบาย
จากนั้นผมรักษาศีลเพราะกลัวเสื่อม
จนวันนี้ผมมีศีลอยู่ที่ใจ


ท่านมีศีล ศีลต้องบริสุทธิ์ ทั้ง 3 ทางนะครับ กาย วาจา ใจ
และการผิดศีลมีทั้งอย่างหยาบ อย่างละเอียดด้วยนะครับ

ยกตัวอย่างศีล 5
ข้อ 3 พึงละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เช่น การประพฤตินอกใจสามีหรือภรรยาของตน การประพฤติล่วงเกินในบุตรภรรยาหรือสามีของผู้อื่น
- อย่างหยาบ ไม่ไปพรากเมียคนอื่น
- อย่างละเอียด เห็นเมียคนอื่นสวย อยากได้เป็นของตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2012, 17:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
เบื้องต้นผมถือศีลเพราะกลัวบาป
ต่อมาผมถือศีลเพราะเสียดาย
ถัดมาผมถือศีลเพราะสบาย
จากนั้นผมรักษาศีลเพราะกลัวเสื่อม
จนวันนี้ผมมีศีลอยู่ที่ใจ


ท่านมีศีล ศีลต้องบริสุทธิ์ ทั้ง 3 ทางนะครับ กาย วาจา ใจ
และการผิดศีลมีทั้งอย่างหยาบ อย่างละเอียดด้วยนะครับ

ยกตัวอย่างศีล 5
ข้อ 3 พึงละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เช่น การประพฤตินอกใจสามีหรือภรรยาของตน การประพฤติล่วงเกินในบุตรภรรยาหรือสามีของผู้อื่น
- อย่างหยาบ ไม่ไปพรากเมียคนอื่น
- อย่างละเอียด เห็นเมียคนอื่นสวย อยากได้เป็นของตน

เห็นด้วยครับ และสมัยนี้ศีลที่รักษาได้ยากที่สุดคือข้อ4ครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รับความจริงและถือทิฏฐิมานะกันมาก ฉะนั้นยึดเอาคำสอนหลวงปู่ทวดไว้จะดีมากครับ"พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2012, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
วิปัสสนาเ้ป็นเหตุให้เกิด ปัญญา
ปัญญา เป็นเหตุให้เกิด ศีล
ศีล เป็นเหตุให้เกิด สมาธิ
สมาธิ เป็นเหตุให้เกิด ความสงบ

"ปัญญา ศีล สมาธิ" คือ มรรคมีองค์ 8 ผลการตรัสรู้ของพระพุทธเ้จ้า เหตุมาจากวิปัสสนาภาวนา

วิปัสสนา เป็นเหตุให้เกิด ปัญญา เห็นด้วย
ปัญญา เป็นเหตุให้เกิด ศีล ไม่เห็นด้วย ศีลก็อยู่ส่วนศีล ปัญญาก็ส่วนปัญญา แต่เอาปัญญามาศึกษาศีลได้
ศีล เป็นเหตุให้เกิด สมาธิ ข้อนี้ก็ไม่จริง ถ้าไม่ปฏิบัติภาวนา สมาธิก็เกิดไม่ได้ แต่ศีลเป็นฐานของสมาธิ
สมาธิ เป็นเหตุให้เกิด ความสงบ ข้อนี้ OK

มรรค ๘ ไม่ใช่ผลของการตรัสรู้ แต่เป็นหลักปฏิบัติหรือ "ทางสายกลาง" ที่เรียกว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" นำไปสู่การตรัสรู้ ที่พระองค์แสดงแก่ ปัญจวัคคีย์ ด้วยบทธรรม "ธรรมจักรกัปวัตตนสูตร" ณ. ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

:b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2012, 22:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
วิปัสสนาเ้ป็นเหตุให้เกิด ปัญญา
ปัญญา เป็นเหตุให้เกิด ศีล
ศีล เป็นเหตุให้เกิด สมาธิ
สมาธิ เป็นเหตุให้เกิด ความสงบ

"ปัญญา ศีล สมาธิ" คือ มรรคมีองค์ 8 ผลการตรัสรู้ของพระพุทธเ้จ้า เหตุมาจากวิปัสสนาภาวนา

วิปัสสนา เป็นเหตุให้เกิด ปัญญา เห็นด้วย
ปัญญา เป็นเหตุให้เกิด ศีล ไม่เห็นด้วย ศีลก็อยู่ส่วนศีล ปัญญาก็ส่วนปัญญา แต่เอาปัญญามาศึกษาศีลได้
ศีล เป็นเหตุให้เกิด สมาธิ ข้อนี้ก็ไม่จริง ถ้าไม่ปฏิบัติภาวนา สมาธิก็เกิดไม่ได้ แต่ศีลเป็นฐานของสมาธิ
สมาธิ เป็นเหตุให้เกิด ความสงบ ข้อนี้ OK

มรรค ๘ ไม่ใช่ผลของการตรัสรู้ แต่เป็นหลักปฏิบัติหรือ "ทางสายกลาง" ที่เรียกว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" นำไปสู่การตรัสรู้ ที่พระองค์แสดงแก่ ปัญจวัคคีย์ ด้วยบทธรรม "ธรรมจักรกัปวัตตนสูตร" ณ. ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

:b12:



เป็นเหตุปัจจัยต่อเนื่องกัน
วิปัสสนา >ปัญญา> ศีล > สมาธิ
ปัญญา หรือสัมมาทิฐิ มีความเห็นชอบไม่เห็นผิด ถ้าไม่เห็นชอบจะคิดชอบได้อย่างไร
ศีล ไม่ใช่ศีลข้อห้าม หมายถึงมีศีล พูดดี วาจาดี ทำดี
สมาธิ ไม่ใช่นั่งสมาธิ แต่หมายถึง มีความพยายาม มีสติ มีความตั้งมั่น

ข้อ 1-2 เป็น ปัญญา (สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ)
ข้อ 3-4-5 เป็น ศีล (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ)
ข้อ 6-7-8 เป็น สมาธิ (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)




ยกตัวอย่าง คนชั่วเป็นคนเห็นชอบไม่ได้ เป็นคนคิดชอบไม่ได้ เป็นคนพูดดีไม่ได้ อาชีพสุจริตไม่ได้ ถ้าไม่ได้ดับที่ ความพอใจ ไม่พอใจ ของตนเองแล้วจะดับความพอใจ ไม่พอใจ (โลภ โกรธ หลง)ได้อย่างไร ก็คือ วิปัสสนาภาวนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 01:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พราหมณ์! ข้อนั้น เป็นอย่างนั้นแหละพราหมณ์
ศีลย่อมชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ และปัญญาเล่าก็ชำระศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน
ศีลอยู่ที่ใดปัญญาอยู่ที่นั่น ปัญญาอยู่ที่ใดศีลอยู่ที่นั่น
ผู้มีศีลก็มีปัญญา ผู้มีปัญญาก็มีศีล
บัณฑิตทั้งหลายย่อมกล่าวถึงศีลและปัญญา ว่าเป็นของเลิศในโลก

พราหมณ์! เปรียบเหมือนคนล้างมือด้วยมือ หรือล้างเท้าด้วยเท้า ฉันใด
ศีลย่อมชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ และปัญญาเล่าก็ชำระศีลให้บริสุทธิ์เหมือนกัน
ศีลอยู่ที่ใดปัญญาอยู่ที่นั่น ปัญญาอยู่ที่ใดศีลอยู่ที่นั้น
ผู้มีศีลก็มีปัญญา ผู้มีปัญญาก็มีศีล
บัณฑิตทั้งหลายย่อมกล่าวถึงศีลและปัญญา ว่าเป็นของเลิศในโลก ฉันนั้นก็เหมือนกัน

ดูกรพราหมณ์ ศีลนั้นเป็นไฉน ปัญญานั้นเป็นไฉน
พราหมณ์โสณทัณฑะทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พวกข้าพระองค์มีความรู้เท่านี้เอง เมื่อ
เนื้อความมีเช่นไร ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้ จงแจ่มแจ้งแด่พระโคดมผู้เจริญเองเถิด.

................................ ศีลนั้นเป็นไฉน ปัญญานั้นเป็นไฉน

โสณทัณฑสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 833&Z=3477


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 12:27
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
มรรค ๘ ไม่ใช่ผลของการตรัสรู้ แต่เป็นหลักปฏิบัติหรือ "ทางสายกลาง" ที่เรียกว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" นำไปสู่การตรัสรู้ ที่พระองค์แสดงแก่ ปัญจวัคคีย์ ด้วยบทธรรม "ธรรมจักรกัปวัตตนสูตร" ณ. ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

:b12:

จันทร์เจ้าขา เชื่อในพระพุทธเจ้า เชื่อในคำสอนที่พระองค์ตรัสไว้คะ สาธุ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร