วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 23:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2012, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


คันถะธุระ และวิปัสสนาธุระ ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไรครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2012, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คันถะธุระ คือ การศึกษาเล่าเรียนธรรม (ปริยัติ)
วิปัสสนาธุระ คือ การปฏิบัติธรรม ได้แก่ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ (ปฏิบัติ+ปฏิเวธ)

:b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 06:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2.gif
buddha2.gif [ 140.37 KiB | เปิดดู 6798 ครั้ง ]
ลุงหมาน เขียน:
คันถะธุระ และวิปัสสนาธุระ ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไรครับ

:b27:
คันถะธุระ = ปริยัติศาสนา เป็นกิจที่ควรทำเป็นเป็นเรื่องแรกของพุทธสาวก

วิปัสสนาธุระ = ปฏิปัตติศาสนา เป็นกิจที่จะต้องทำให้จงได้เพื่อทำความเป็นชาวพุทธให้สมบูรณ์พร้อม

เมื่อทำหน้าที่ของชาวพุทธได้ดีแล้ว

"ปฏิเวทศาสนา" คือความได้เสวยผลแห่งการปฏิบัติ คือนิโรธหรือนิพพาน ความหมดสิ้น กิเลส ตัณหา อัตตา มานะทิฐิจึงจะเกิดขึ้น

:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 15:02
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
คันถะธุระ คือ การศึกษาเล่าเรียนธรรม (ปริยัติ)
วิปัสสนาธุระ คือ การปฏิบัติธรรม ได้แก่ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ (ปฏิบัติ+ปฏิเวธ)

:b12:

สาธุคะ :b8:
เรียนถามเพิ่มคะ สมถะ วิปัสสนา คืออะไรค่ะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2012, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
สาธุคะ
เรียนถามเพิ่มคะ สมถะ วิปัสสนา คืออะไรค่ะ

ตอบ...ตามความรู้ ความเข้าใจส่วนตัว ชาวบ้านๆ ครับ
สมถะ..การปฏิบัติเพื่อ ที่จะทำให้เกิดความความสงบ มีสมาธิ โดย เอาอะไรมา กำหนด ก็ได้ เช่น สวดมนต์..การเดิน..การนั่ง การหายใจ เข้าออก นับลมหายใจ ท่อง พุทโธ ฯลฯ เป็นสมถะ ยังเป็นเรื่องสมมติบัญญัติขึ้นมา มี ซ้าย-ขวา หน้า หลัง เดิน นั่ง ยืน นอน หรือ อิริยาบถย่อย ต่างๆ เช่น เคี้ยว คู้ เหยียด ฯลฯ...
วิปัสสนา...รู้เห็นสภาวะธรรม ตามความเป็นจริงในปัจจุบันนั้นๆ มีเพียงความรู้สึก เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง ดูกาย ดูใจ ในปัจจุบันขณะ เช่น ใจคิดอยู่อย่างไร มีโทสะ มีโลภ พอใจ ไม่พอใจ เฉยๆ ฯลฯ
การปฏัติธรรม วิปัสสนา สำหรับผู้มี ปัญญามาก อินทรีย์ บารมีสะสม มามาก สามารถ ปฏิบัติ พิจารณาได้เลย...เห็นสภาวะตรงนั้นขณะนั้น..สำหรับท่าน มีปัญญาน้อย ก็ต้องใช้ สมถะ ไปก่อน..แล้วค่อย ก้าวขึ้นสู่วิปัสสนา..ว่ากันว่า วิปัสสนา นี้แหละที่องค์สมเเด็จพระสัมมาฯ ของเราค้นพบ...และถ่ายทอดจนมาถึงทุกวันนี้ ส่วน สมถะ นั้นมีมาก่อน พระพุทธกาลแล้ว เช่น ฤษี ชี ไพร เขาปฏิบัติสมถะ เกี่ยวกับ สมาธิ ความสงบ จนได้ อภิญญา ได้ฤทธิ์เดช...
แต่ถ้าจะถึงความหลุดพ้น นิพพานแล้ว..ยังไงๆ ต้อง วิปัสสนา เท่านั้น สมถะ เป็นเพียงการข่ม กิเลสไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าเลิกปฏิบัติ สมาธิหรือ ฌาน ก็เสื่อมได้...
ความรู้ความเห็นส่วนตัว ครับ..ประมาณนี้ครับ
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2012, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จัทร์เพ็ญ เขียน:
สาธุคะ :b8:
เรียนถามเพิ่มคะ สมถะ วิปัสสนา คืออะไรค่ะ :b1:

สมถะ คือ ความสงบ(สมาธิ)
วิปัสสนา คือ ความรู้แจ้ง(ปัญญา)

ทั้งสมาธิและปัญญานี้ ต้องเกื้อกูลหนุนกันไปมา เรียกว่า สมาธิหนุนปัญญาและปัญญาหนุนสมาธิ
อย่างนี้ จึงจะสมประโยชน์ประสพผลสำเร็จ ในการปฏิบัติธรรมตามความมุ่งหมายของพระศาสนา

ลุงหมาน ไม่มาเฉลย :b10: :b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 15:02
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณทั้งสองท่านคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2012, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
จัทร์เพ็ญ เขียน:
สาธุคะ :b8:
เรียนถามเพิ่มคะ สมถะ วิปัสสนา คืออะไรค่ะ :b1:

สมถะ คือ ความสงบ(สมาธิ)
วิปัสสนา คือ ความรู้แจ้ง(ปัญญา)

ทั้งสมาธิและปัญญานี้ ต้องเกื้อกูลหนุนกันไปมา เรียกว่า สมาธิหนุนปัญญาและปัญญาหนุนสมาธิ
อย่างนี้ จึงจะสมประโยชน์ประสพผลสำเร็จ ในการปฏิบัติธรรมตามความมุ่งหมายของพระศาสนา

ลุงหมาน ไม่มาเฉลย :b10: :b12:

คำตอบของแต่ละท่านนั้นก็มีประโยชน์ทั้งนั้น คือว่าตอบได้ดีทุกคนตามความคิดเห็นของตน มิได้เคลื่อนไปจากความเป็นจริง
ลุงหมานมาสนทนาครับไม่ใช่ปัญหาอะไรที่ต้องมาเฉลย ถือว่าเราได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน หาความรู้ทางธรรมเพิ่มเติม บางคนรู้อย่างหนึ่ง บางคนก็รู้อีกอย่างหนึ่ง เมื่อบวกกันเข้าก็มากขึ้นใช่ป่าว ?
คันถธุระและวิปัสสนาธุระทั้งสองประการนี้
- วิปัสสนาธุระเป็นอัตตหิตประโยชน์ ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว นี้หมายถึงถึงการปฏิบัติของพระโยคีบุคคล
- คันถธุระ เป็นทั้งอัตตหิตประโยชน์และปรหิตประโยชน์ ประโยชน์ตนและประโยชน์ส่วนรวม นี้หมายถึงตนก็มีการศึกษามาดี และทำการสอนผู้อื่นต่อไป

อธิบายว่า ผู้ใดเจริญวิปัสสนาธุระอย่างเดียวโดยมิได้มีคันถธุระมาก่อนนั้น ก็เพราะบุคคลนั้นมุ่งประโยชน์ คือ มรรค ผล นิพพาน อันเป็นประโยชน์ตนฝ่ายเดียว การที่เป็นดังนี้ก็เพราะบุคคลนี้มีความคิดเห็นว่า ถ้าตนเจริญวิปัสสนาแล้ว การเจริญวิปัสสนาของตนจะช่วยทำให้ตนพ้นออกจากสังสารวัฏฏ์ ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาธุระอย่างเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะได้มรรค ผล นิพพาน ตามความประสงฆ์ของตนก็จริง แต่ไม่สามารถที่จะแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้ ทั้งมิอาจที่จะรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญสืบต่อไปได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้นั้นมิได้มีการศึกษามาก่อน ฉะนั้นวิปัสสนานั้นจึงทำให้สำเร็จประโยชน์ตนเท่านั้น มิอาจที่จะทำให้สำเร็จส่วนรวมได้ ดังนั้นถ้าบุคคลใดมีความประสงค์แต่ประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแล้วก็ขอให้บุคลนั้นจงพยายามเจริญวิปัสสนา

ฝ่ายคันถะธุระนั้นสามารถให้สำเร็จประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายตน ฝ่ายท่านบุคคลที่มีคันถธุระไว้ดีแล้ว บุคคลนั้นก็มีความสามารถที่จะแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้ทั้งทางปริยัติและปฏิบัติตามสมควรแก่ความรู้ความเข้าใจของตน ทั้งยังสามารถที่จะช่วยรักษาพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นเจริญสืบไป เมื่อตนเองจะปฏิบัติก็ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เมื่อปฏิบัติได้แล้วก็ยังแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง

ข้อนี้จะพึงเห็นได้ว่าในครั้งพุทธกาลก็ดี ในสมัยพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วก็ดี ตลอดจนกาลบัดนี้ก็ดี ผู้ที่ทำให้ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธศาสนาตั้งอยู่และเจริญขึ้นนั้น ก็เพราะบุคคลนั้นได้ทำการสอนปริยัติหลังจากตนได้ศึกษาเล่าเรียนบาลี อรรถกถา ฎีกา อันเป็นคันถธุระเสร็จแล้ว และทำการสอนปฏิบัติ หลังจากที่ตนได้ปฏิบัติวิปัสสนามานั้นเอง ฉะนั้นคันถธุระนั้นจึงทำให้สำเร็จทั้งประโยชน์ตน อัตตหิตประโยชน์ และประโยชน์ส่วนรวม ปรหหิตประโยชน์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2012, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
- วิปัสสนาธุระเป็นอัตตหิตประโยชน์ ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว นี้หมายถึงถึงการปฏิบัติของพระโยคีบุคคล
- คันถธุระ เป็นทั้งอัตตหิตประโยชน์และปรหิตประโยชน์ ประโยชน์ตนและประโยชน์ส่วนรวม นี้หมายถึงตนก็มีการศึกษามาดี และทำการสอนผู้อื่นต่อไป

มีความเห็นต่างนะครับ..

ถ้าจะเปรียบ ศาสนาเหมือนต้นไม้ ที่มีทั้ง เปลือก กระพี้และแก่น
พิธีทางศาสนาทานและศีล คือ เปลือกของศาสนา
การทำให้เกิดความอิ่มอกอิ่มใจในทานและศีล คือ กระพี้
ภาวนาที่ประกอบด้วย สมถะภาวนากับวิปัสสนาภาวนา คือ แก่น

คันถธุระ คือ รักษาคำสอน รักษาเปลือกและกระพี้ ของพระพุทธศาสนาไว้
วิปัสสนาธุระ คือ รักษา แก่นของศาสนา

ศาสนาจะยั่งยืนต้องมีทั้งเปลือก กระพี้และแก่น ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระนั้น
ท่านทำหน้าที่เหมือนกัน คือ จรรโลงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวร

พุทธพจน์ที่ว่า

"..ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด" และบทที่ว่า "ฝึกตนแล้ว ค่อยฝึกผู้อื่น"
น่าจะมีความหมายเดียวกัน คือ "ทำตนของตนให้เป็นที่พึ่งก่อนแล้วค่อยแนะนำพร่ำสอนผู้อื่น"

วิปัสสนาธุระ ท่านฝึกตนตามพระพุทธเจ้าและพระอริยะสาวกทั้งหลาย ชื่อเสียงของท่านจึงขจรขจายไปทั่วจตุรทิศ ประชาชนหลั่งไหลไปกราบไหว้บูชา แม้จะอยู่ในป่าในเขา เข้าถึงยากก็ตาม ท่านก็ไม่ได้หลีกเร้นหนีหายไป เพราะเอาประโยชน์ฝ่ายเดียวแต่อย่างใด

พระสงฆ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในคันถะธุระหรือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติในวิปัสสนาธุระ หากตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ..คุณธรรมท่านย่อมไม่แตกต่างกัน เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ เป็นประโยชน์ทั้ง มนุษย์ สัตว์ นาค ครุฑ เทวดา พรหมทั้งหลายเสมอกัน

ธรรมทั้งหลายล้วนเกิดที่จิต ออกมาจากจิต หากเปรียบกับธรรมที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกตรัสรู้แล้ว พระไตรปิฏกก็เปรียบเหมือนน้ำในโอ่งในไหเท่านั้น ..

:b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2012, 22:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


จัทร์เพ็ญ เขียน:
วิริยะ เขียน:
คันถะธุระ คือ การศึกษาเล่าเรียนธรรม (ปริยัติ)
วิปัสสนาธุระ คือ การปฏิบัติธรรม ได้แก่ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ (ปฏิบัติ+ปฏิเวธ)

:b12:

สาธุคะ :b8:
เรียนถามเพิ่มคะ สมถะ วิปัสสนา คืออะไรค่ะ :b1:

onion
จิต นิ่งอยู่ กับอารมณ์ เป็นสมถะภาวนา

จิต นิ่งรู้ อารมณ์ เป็นวิปัสสนาภาวนา

:b27: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2018, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เข้าอ่านช้ำก็ทำให้เข้าใจมากขึ้้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร