พระธาตุจอมกิตติ

แท้จริงชื่อของพระธาตุ ๙ จอมในเชียงรายและพระธาตุที่สำคัญต่างๆในภาคเหนือ ฉันเคยได้ยินมาสมัยเป็นเด็กรุ่นๆ และจดจำตราตรึงอยู่ในใจมาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากได้ยินเรื่องเล่าของรุ่นพี่อุบาสิกาท่านหนึ่ง ซึ่งติดตามครูบาอาจารย์และคณะบุญของเธอ ไปสักการะพระธาตุภาคเหนือตามที่ต่างๆ ตอนนั้นรู้สึกเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทั้งทึ่งทั้งยินดีกับเธอว่าเธอมีโอกาสที่ดีได้เดินทางและไปทำบุญตามที่ต่างๆมากมาย

พอมองย้อนกลับไปหาตนเองครั้งนั้น จำได้ว่า รู้สึกอยากจะไปบ้าง แต่ก็มืดมน ไม่รู้จะไปได้อย่างไร คล้ายๆกับ เป็นเรื่องความฝัน เป็นนิทานที่น่าหลงใหลแต่ก็อยู่ไกลเกินเอื้อม

หลังจากนั้นฉันก็เก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้ที่ส่วนลึกๆแห่งความทรงจำ แล้วก็ลืมๆไปเนื่องจากภาระในการศึกษาและเรื่องต่างๆ จนกระทั่งวันหนึ่งก็พบว่าตัวเองได้ออกจากบ้านไปทำบุญสักการะพระธาตุตามที่ต่างๆมากมาย เหมือนความฝันเมื่อครั้งตอนยังเป็นเด็ก

พอมานั่งพิจารณาอีกที ถ้าไม่ได้ตัดสินใจที่จะเดินทางออกจากบ้านไป หรืออยู่เฉยๆ ก็คงไม่มีวันนี้เป็นแน่...

การลงมือปฏิบัติ ทั้งรู้ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะพระผู้มีพระภาคทรงตรัสสอนว่า...

แม้จะตั้งความหวังหรือไม่บุคคลหากไม่มีความขวนขวายในการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงสิ่งที่หวัง และไม่ทราบถึงวิธีที่ถูกต้องอันจะได้สิ่งที่หวัง ย่อมไม่สามารถประสบสิ่งที่หวัง เปรียบเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน.... แต่เกลี่ยทรายลงในรางแล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไป ๆ ถึงแม้ทำความหวังว่าเขาจะได้น้ำมัน...... เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน ถ้าแม้ไม่ทำความหวังว่าจะได้น้ำมัน..... เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมันอยู่ดี

ตรงกันข้ามแม้จะหวังหรือไม่หวังก็ตามบุรุษต้องการน้ำมัน..... เกลี่ยงาป่นลงในรางแล้วคั้นไป...... ถ้าแม้ทำความหวัง...... เขาก็สามารถได้น้ำมัน ถ้าแม้ไม่ทำความหวัง..... เขาก็สามารถได้น้ำมัน.....”

ความรู้คู่ลงมือกระทำจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

พระธาตุจอมกิตติประดิษฐานอยู่ที่ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน สร้างขึ้นครั้งแรกราวพุทธศักราช ๙๒๔
ขณะนี้อยู่ในช่วงบูรณะปรับปรุง จึงน้อมนำยอดฉัตรมาลงมาไว้ให้ประชาชนสักการะอย่างใกล้ชิด ณ ด้านหน้าขององค์พระเจดีย์ เป็นสิ่งสักการะบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้า เป็นมิ่งขวัญบนยอดดอยกิตติ แห่งจังหวัดเชียงราย ควรค่าที่จะได้มาสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

พระธาตุตากผ้าทอง-วัดจอมแก้วมณีรัตน์ (ลาว)

ที่เมืองเชียงของขอบประเทศ อันเป็นเส้นทางที่สวยงามยิ่ง ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำโขง ด้านขวาเป็นภูเขา เกือบตลอดระยะทาง 60 กิโลเมตร

ระยะห่างเพียงลำโขงกั้น ท่านก็สามารถเดินทางข้ามประเทศไปกราบนมัสการพระธาตุต่างแดนได้
เชียงรายมิได้มีเพียงชายแดนติดกับประเทศพม่าเท่านั้น เมื่อท่านนั่งเรือข้ามลำโขงที่ท่าเรือบั๊ค พรมแดนไทย อีกแค่อึดใจ เรือก็จะเทียบท่าสู่แผ่นดิน”สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว"

ลาวเ ป็นประเทศที่มีการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมอย่างเคร่งครัดเมื่อผ่านด่านพรมแดนไทย เข้าสู่ประเทศลาว ก็จะเห็นข้อแนะนำเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีชาวลาวอยู่มากมาย เช่น ห้ามเปลือยกาย หรือ นุ่งน้อยห่มน้อย (เช่น บิกินี่) ในที่สาธารณะ , โปรดแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย และแสดงความนอบน้อมขณะอยู่ในวัดต่างๆและขณะถ่ายภาพ ฯลฯ

เด็กนักเรียนชาวลาวจะนุ่งผ้าพื้นเมือง คือผ้าซิ่น ดูน่าเอ็นดู ถีบจักรยานไปโรงเรียนแสดงให้เห็นถึงความบริบูรณ์ของวัฒธรรรมที่สวยงามและน่าชื่นชม

ในอดีต ลาวเคยถูกระบอบคอมมิวนิสต์ครอบครองประเทศ ทว่าพระพุทธศาสนาก็ยังไม่สูญหายไปจากลาว ทั้งๆที่เคยถูกบีบคั้นจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ให้ลดสิทธ์เสรีภาพในศาสนา จำกัดให้มีวัดไม่เกิน 3 วัด ต่อเมือง และพระไม่เกิน 12 รูปต่อวัด รวมทั้งจำกัดศาสนพิธีให้เหลือน้อยที่สุดแต่พระพุทธศาสนายังเติบโตอยู่ในลาวได้ ต่างจากหลายประเทศที่ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

ผ่านถนนที่ราบเรียบในจังหวัดห้วยทราย ประเทศลาว เพียง3 กิโลเมตร เป็นเจดียสถานที่ประดิษฐานผ้าทองคำซึ่งเชื่อว่าเป็นผ้าสรงน้ำของพระผู้มีพระภาค


"วัดพระธาตุตากผ้าทอง ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 200 เมตร ห่างจากเมืองห้วยทราย ไปทางใต้ ประมาณ 3 กิโลเมตร ภายในบริเวณวัดมีพระอุโบสถขนาดกลาง เป็นศิลปกรรมแบบลาว ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ ใกล้กับพระอุโบสถมีพระธาตุตั้งอยู่หันหน้ามาทางฝั่งไทย ชาวลาวเล่าว่าทุกๆวันขึ้น 15 ค่ำ จะมีแสงสีต่างๆพวยพุ่งขึ้นมาจากองค์พระธาตุ"

วัดที่สองที่อยู่ใกล้พรมแดนลาวมากที่สุดคือ วัดแก้วจอมมณีรัตน์

"วัดแก้วจอมมณีรัตน์ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองหันหน้าสู่แม่น้ำ ภายในบริเวณวัด มีพระอุโบสถขนาดกลางสร้างด้วยไม้สัก ศิลปะแบบไทยใหญ่ ฝาผนังโดยรอบของพระอุโบสถมีภาพเขียนสีน้ำมันลักษณะเป็นศิลปกรรมแบบลาวมีสีสันที่สวยงาม"

ที่วัดแห่งนี้อาจต้องใช้ความเพียรเดินขึ้นบันไดซึ่งสูงชัน แต่เมื่อมาถึงด้านบนแล้ว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของฝั่งไทยและท่าเรือบั๊คได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์ใหม่โดยพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เมื่อครั้งเสด็จมาเยี่ยมเยือนเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เมื่อปี พ.ศ. 2537

ในปี 2545 มีการอัญเชิญผ้ากฐินพระราชทานไปถวาย

เมื่อผ่านมาเชียงของ จ.เชียงราย จึงไม่ควรพลาดการข้ามลำน้ำโขง มากราบนมัสการพระธาตุทั้งสองที่เมืองห้วยทราย เพราะนอกจากจะเดินทางไม่ยากแล้ว พระบรมธาตุทั้งสองยังเป็นพระบรมธาตุที่สำคัญของลาวจากทั้งหมดสิบพระบรมธาตุ

สำหรับตอนหน้า เชิญชมทริปทำบุญบนยอดดอย สูง 1,635 เมตร ขี่ม้าชมทะเลหมอก ดูดอกซากุระบาน สู้ลมหนาว 6 องศากันบนยอดดอยผาตั้ง จ.เชียงราย ค่ะ