วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 01:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 20:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 23:24
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คือตอนนี้ผมตั้งใจบำเพ็ญกุศล ทั้งบริจาคเลือดและอวัยวะเพื่ออฐิษฐานให้สำเร็จมรรคผล ในชาติต่อไป โดยหวังช่วยผู้คน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมทำพลาดคือผม ดันไป ตวาดใส่ปู่ขณะท่านป่วยหนักใกล้เสีย ว่า อย่าร้องสิ คือตอนนั้นคุณปู่เจ็บหลังมาก พอวันต่อมาคุณปู่ได้เสีย โดยที่ผมยังไม่ได้ขอโทษ ผมสงสัยมากว่าผมได้พลาดทำอนันตริยกรรมหรือยัง ถ้าทำไปเเล้วได้โปรดตอบด้วยว่า ผมจะมีโอกาสพ้นนรกมาบำเพ็ญต่อไหม และ อนันตริยกรรม ปิดนิพพาน ในชาติหน้าไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 20:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 23:24
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ปู่ผมเสียด้วยอาการ ป่วยครับ เพียงแต่ผมสงสัยว่า การพูดคราวนั้น มันเป็นอนันตริยกรรมไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่..
:b12:
เพราะ...
อนันตริยกรรม หมายถึง กรรมหนักที่สุด (ครุกรรม) ฝ่ายบาปอกุศล ซึ่งให้ผลทันที มี 5 อย่าง คือ

1.มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
2.ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
3.อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
4.โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป
5.สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 21:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 23:24
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ผมต้องอธิบาย ก่อนนะคือ ผมเพียงหลงผิดตวาดไม่ได้ฆ่าและไม่เคยคิดจะฆ่าเพราะผมตั้งใจบำเพ็ญ แต่ที่ผมสงสัยคือ มันนับเฉพาะฆ่าพ่อกับแม่เหรอ ปู่ ย่า ตา ยายไม่นับเป็นอนันตริยกรรมเหรอครับ ให้ความรู้เรื่องนี้ต่อด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2011, 23:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 23:24
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ เอ่อ ผมปรารถนา พุทธภูมิ ครับ เลย คิดอะไรมากไปหน่อย ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 01:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรง ๆ แล้ว..

ปิตุฆาต..มาตุฆาต

ไม่มีตรงไหนบอกว่า..ญาตุฆาต..เลย :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 11:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


นักสู้ เขียน:
คือตอนนี้ผมตั้งใจบำเพ็ญกุศล ทั้งบริจาคเลือดและอวัยวะเพื่ออฐิษฐานให้สำเร็จมรรคผล ในชาติต่อไป โดยหวังช่วยผู้คน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมทำพลาดคือผม ดันไป ตวาดใส่ปู่ขณะท่านป่วยหนักใกล้เสีย ว่า อย่าร้องสิ คือตอนนั้นคุณปู่เจ็บหลังมาก พอวันต่อมาคุณปู่ได้เสีย โดยที่ผมยังไม่ได้ขอโทษ ผมสงสัยมากว่าผมได้พลาดทำอนันตริยกรรมหรือยัง ถ้าทำไปเเล้วได้โปรดตอบด้วยว่า ผมจะมีโอกาสพ้นนรกมาบำเพ็ญต่อไหม และ อนันตริยกรรม ปิดนิพพาน ในชาติหน้าไหม



การให้ทานเป็นการลดความเห็นแก่ตัวของตนเอง
การรักษาศีล เป็นการลดการเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
การวิปัสสนาภาวนา เป็นการหยุดความพอใจ (โลภ) ความไม่พอใจ (โกรธ) ตามไม่ทันความพอใจและไม่พอใจเรียกว่า หลง

คุณสามารถ ดับความพอใจ ไม่พอใจ และความหลงได้ นี่คือสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ให้ดับที่ต้นเหตุครับ คือไม่หลงพอใจ ไม่พอใจ กับสิ่งที่มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าดับตรงนี้ให้เบาบาง
หรือหมดไปก็จะเป็นบุญสูงสุดของชีวิตแล้ว หาอะไรมาเปรียบไม่ได้ ทำบุญ ทำทาน 100 วัด ก็ไม่เท่าดับโลภ โกรธ หลง แค่วันเดียว เพราะแต่ละวันเราบำเพ็ญเพียรไปสู่นรก เดรัจฉาน ทุกวินาที (ยกเว้นตอนหลับ) ถ้าดับแค่ขั้นต้นไม่ได้ก็ไม่มีทางบรรลุมรรคผลนิพพานได้อย่างแน่นอน ผู้ที่จะบรรลุได้ต้องดับทุกอย่างที่มากระทบตัวเราอย่างสิ้นเชิง และถาวร แม้แต่ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ แล้วเราเกิดความพอใจ หรือ เหม็นของดอกไม้ แล้วเกิดความไม่พอใจ นีก็คือ เราบำเพ็ญเพียรไปสู่นรก เดรัจฉานแล้วครับ ตายจากคนไปเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่งครับ เมื่อเราได้กลิ่นเราต้องเห็นว่ากลิ่นนั้นไม่เที่ยง
เกิดจากดอกไม้ สุดท้ายกลิ่นนั้นหายไป มันเป็นธรรมชาติห้ามไม่ให้เกิดกลิ่นไม่ได้ ห้ามตัวเราไม่ให้ได้กลิ่นไม่ได้ สุดท้ายกลิ่นนั้นก็หายไป สุดท้ายเราก็ไม่ได้กลิ่น กลิ่นไม่คงทนถาวร เหมือนตัวเราครับเกิดจากเหตุและปัจจัยมาประชุมกัน สุดท้ายนั้นก็แตกสลาย หรือตายไป ไม่มีตัวตนของเรา ไม่ใช่เรา เกิดจากขันธ์ 5 มารวมตัวกันชั่วคราวเท่านั้นครับ นี่คือดับทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือทุกข์ธรรมชาติได้แล้ว

เราต้องศึกษาพระไตรปิฎกให้ท่องแท้ และเข้าใจ และนำมาปฏิบัติให้ถูกต้อง ห้ามผิดเพื้ยนแม้แต่นิด ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะพระพุทธเจ้าสอนเรื่องทุกข์ และการดับเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 15:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคิดดูตามที่ท่านเล่ามานี้ คุณปู่ของท่านป่วยหนัก ขณะที่ท่านเจ็บหลังอย่างหนักเกิดทุกขเวทนา ท่านคงไม่คิดโกรธกับลูกกับหลานเพียงคำพูดที่หลงลืมสติหรอก แต่ผู้พูดนั้นจะเป็นทุกข์มากกว่า เพราะเหตุที่พูดด้วยความขาดสติมายับยั้ง พูดเพราะโมโหอะไรก็แล้วแต่ นี่แหละทุกๆคนล้วนมีกรรมเป็นของๆตน พูดเองก็ทุกข์ใจเอง ทุกข์แล้วก็แล้วไปอย่าเก็บให้คิดต่อออกไปจนเกิดเป็นนิสัยคอยนอนตามเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งสติให้รู้เท่าทันอาการอันเป็นธรรมารมณ์ทั้งหลาย ต่อไปควรระมัดระวังกาย วาจา ใจ ให้สงบนิ่งมากกว่านี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ค้องมีเครื่องมือไว้ใช้สำหรับทางสายกลางด้วย

หากปรารถนาพุทธภูมิ ต้องระงับความโกรธได้ และสองต้องมีความเสียสละมากกว่าคนอื่น
เมตตาต้องมาก่อน

อุทิศส่วนกุศลให้ปู่เปนประจำ ปู่จะได้อยู่ภพภฺมิที่ดีและเปนแสดงออกถึงความกตัญญูอีกอย่าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 16:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
ค้องมีเครื่องมือไว้ใช้สำหรับทางสายกลางด้วย

หากปรารถนาพุทธภูมิ ต้องระงับความโกรธได้ และสองต้องมีความเสียสละมากกว่าคนอื่น
เมตตาต้องมาก่อน

อุทิศส่วนกุศลให้ปู่เปนประจำ ปู่จะได้อยู่ภพภฺมิที่ดีและเปนแสดงออกถึงความกตัญญูอีกอย่าง


ระงับความโกรธระงับยากครับสำหรับผู้มีโทสะมากๆ พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้ระงับความโกรธครับ
ยกตัวอย่างมีคนมาด่าเรา 10 ครั้ง เรายังไม่โกรธเขา แต่ครั้งที่ 11 เราต้องโกรธเขา อาจถึงขั้นทำร้ายเขา อันนี้เรียกว่าการกดความโกรธไว้ไม่ไห้ออกมาครับ
หากปรารถนาพุทธภูมิ ต้องเริ่มจาก 1. ให้ ทาน ก่อนครับ เพื่อลดความเห็นแก่ตัว
2. รักษาศีล เพื่อลดการเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น 3. การวิปัสสนาภาวนาครับ เพื่อให้เกิดปัญญา
แล้วนำปัญญานั้นมาดับเหตุแห่งความโกรธครับ การดับความโกรธ ความโลภ ความหลง นี้คือบุญสูงสุดของชีวิตครับ หาอะไรมาเปรียบไม่ได้ ทำบุญ 100 วัด 1000 วัดก็ไม่เท่าดับความโลภ โกรธ หลง แค่วันเดียวครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2011, 23:24
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากครับทุกครับ ที่ช่วยแนะนำผม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร