วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 10:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
eragon_joe เขียน:
แล้วสิ่งที่รู้ธรรมล่ะ รู้รึยัง


" ยังไม่รู้หมด ยังไม่รู้ตลอดเวลา"

onion onion onion onion onion


เราก็เช่นกัน

อย่าเชื่อใครแม้แต่คนที่สอนท่าน คนที่เห็นด้วยกับท่าน
หรือคนที่แสดงธรรมขัดแย้งกับท่าน

สิ่งที่ท่านปฏิบัติอยู่ มีส่วนเป็นคุณ
แต่อย่าหลงในคุณ และเผลอยึดถือจนกลายเป็น พราหมพจน์
เพราะมันใกล้เคียงกันมาก หาจุดจับผิดก็ยาก
แต่นั่นพระพุทธองค์ทรงเห็นมาแล้ว และก็ได้มีการสอนไว้แล้ว
เพราะนั่นการหยิบจับอย่างไม่รอบคอบจะกลายเป็นการบั่นทอนคำสอนของพระองค์ลง
ท่านต้องไม่ประมาทในธรรม

การที่ท่านมาสนทนาธรรมในลานธรรมนั้น ก็เป็นคุณ
อย่าประมาทในธรรมที่ตนหยิบจับอยู่
อาจารย์ แม้จะเป็นพระอรหันต์ แต่สอนผิดยังมีในพระสูตร
แล้วประสาอะไรกับบรรดาอาจารย์ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ล่ะ

ติดยึดในตัวอาจารย์ ติดยึดในคำสอนของอาจารย์เมื่อไร
ก็จนตรอกเมื่อนั่น

ธรรมทุกอย่างต้องทนต่อการเพ่งพิสูจน์
อาจารย์ท่านก็เช่นกัน
ธรรมที่ท่านถืออยู่ก็เช่นกัน

ขอโทษ ถ้าการสนทนาอาจมีการใช้คำกล่าวที่จิ๊ด ๆ จ๊าด ๆ ไปบ้าง

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 19 พ.ย. 2011, 10:57, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 10:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
eragon_joe เขียน:
รู้ว่า ธรรม ปรากฎต่อตนเช่นนั้น
แล้วรู้ ตน ปรากฎต่อธรรม ว่าอย่างไร
ธรรม คือ สิ่งนั้น
แล้ว รู้หรือยัง ว่าตนคือสิ่งไหน

การรู้บางอย่าง ด้วยการบำเพ็ญเพียรบางอย่าง
ส่งผลเป็นการแยกตนจากธรรมชาติ ย้ำตนให้ปรากฎเป็นอีกสิ่งต่างหาก ก็มี

การเจริญพรหมวิหาร ประการหนึ่ง
คือไม้เบื่อไม้เมา กับสภาวะธรรมดังกล่าว



เราคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือเรา


"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" จึงเป็นสังขาร
ยิ่งท่องบ่น ยิ่งแสดงความยังเป็นผู้ยุ่งอยู่กับ สังขาร


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 11:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
eragon_joe เขียน:
แล้วสิ่งที่รู้ธรรมล่ะ รู้รึยัง


" ยังไม่รู้หมด ยังไม่รู้ตลอดเวลา"

onion onion onion onion onion


เราก็เช่นกัน

อย่าเชื่อใครแม้แต่คนที่สอนท่าน คนที่เห็นด้วยกับท่าน
หรือคนที่แสดงธรรมขัดแย้งกับท่าน

สิ่งที่ท่านปฏิบัติอยู่ มีส่วนเป็นคุณ
แต่อย่าหลงในคุณ และเผลอยึดถือจนกลายเป็น พราหมพจน์
เพราะมันใกล้เคียงกันมาก หาจุดจับผิดก็ยาก
แต่นั่นพระพุทธองค์ทรงเห็นมาแล้ว และก็ได้มีการสอนไว้แล้ว
เพราะนั่นการหยิบจับอย่างไม่รอบคอบจะกลายเป็นการบั่นทอนคำสอนของพระองค์ลง
ท่านต้องไม่ประมาทในธรรม

การที่ท่านมาสนทนาธรรมในลานธรรมนั้น ก็เป็นคุณ
อย่าประมาทในธรรมที่ตนหยิบจับอยู่
อาจารย์ แม้จะเป็นพระอรหันต์ แต่สอนผิดยังมีในพระสูตร
แล้วประสาอะไรกับบรรดาอาจารย์ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ล่ะ

ติดยึดในตัวอาจารย์ ติดยึดในคำสอนของอาจารย์เมื่อไร
ก็จนตรอกเมื่อนั่น

ธรรมทุกอย่างต้องทนต่อการเพ่งพิสูจน์
อาจารย์ท่านก็เช่นกัน
ธรรมที่ท่านถืออยู่ก็เช่นกัน

ขอโทษ ถ้าการสนทนาอาจมีการใช้คำกล่าวที่จิ๊ด ๆ จ๊าด ๆ ไปบ้าง

:b8: :b8: :b8:


ขอบพระคุณที่ให้คำชี้แนะ


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 11:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
eragon_joe เขียน:
รู้ว่า ธรรม ปรากฎต่อตนเช่นนั้น
แล้วรู้ ตน ปรากฎต่อธรรม ว่าอย่างไร
ธรรม คือ สิ่งนั้น
แล้ว รู้หรือยัง ว่าตนคือสิ่งไหน

การรู้บางอย่าง ด้วยการบำเพ็ญเพียรบางอย่าง
ส่งผลเป็นการแยกตนจากธรรมชาติ ย้ำตนให้ปรากฎเป็นอีกสิ่งต่างหาก ก็มี

การเจริญพรหมวิหาร ประการหนึ่ง
คือไม้เบื่อไม้เมา กับสภาวะธรรมดังกล่าว



เราคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือเรา


"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" จึงเป็นสังขาร
ยิ่งท่องบ่น ยิ่งแสดงความยังเป็นผู้ยุ่งอยู่กับ สังขาร



การท่อง"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" ไม่ใช่การท่องบ่นอย่างเดียว เหมือนท่องสูตรคูณ แต่ต้องเข้าใจความหมายของมันด้วย ว่ามันมาจากไหน คืออะไร มันคือจุดเริ่มต้นของการวิปัสสนาสำหรับผู้มีธรรมน้อยเป็นการเติมความจริงเข้าไปในสัญญาให้มากทีุ่สุด ไปลบความเชื่อในสัญญา เพราะว่าแต่ละวันเราเติมความเชื่อในสัญญาเราทุกวินาที ที่เราทำอะไรทุกวันนี้เราไม่ได้ทำตามใจ แต่เราทำตามสัญญาที่เราสะสมมา
เราจะคิด จะทำ จะพูด ตามสัญญาที่เราสั่งสมมาเท่านั้น แต่ผู้มีธรรมมากแล้วก็ไม่ต้องท่องบ่นแค่มีสิ่งมากระทบตัวท่าน หรือเกิดขึ้นในจิตใจท่าน ท่านก็รู้แล้วว่า ไม่เที่ยง มีเกิด มีดับ

"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" ทำให้เราคิด (สังขาร) ถูกต้องแล้วครับ
"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" จุดประสงค์เพื่อเอาไปเปลี่ยน (สัญญาทางลบ หรืออกุศล) แล้วเอา"ปัญญา"ไปดับ "ผัสสะ" ไม่งั้น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามมาทันที นี่แหละทำให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ นำไปสู่ทุกข์ของมนุษย์

ปัญญาทางธรรม คือ ความรู้ในการดับทุกข์ ความรู้อยู่ที่สัญญา สัญญามาจากวิปัสสนา


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 12:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวเราประกอบด้วย (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ประกอบกัน
1. รูป คือ ร่างกาย (ดิน น้ำ ลม ไฟ) มาประกอบกัน ใช้กฏไตรลักษณ์ สามารถดับทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายได้
2. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มาประกอบกัน ใช้กฏไตรลักษณ์ดับทุกข์จากความพอใจ ไม่พอใจ
ที่สะสม (ดับโลภ โกรธ หลง)

กฏไตรลักษณ์ " เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" หรือ "ไม่เที่ยง เกิดดับ" นี่คือกฏธรรมชาิติ
ภายในกฏนี้จะมีกฏ อิทัปปัจจยตา ปฏิจสมุปบาท อธิบายอยู่ด้วย


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ตัวเราประกอบด้วย (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ประกอบกัน
1. รูป คือ ร่างกาย (ดิน น้ำ ลม ไฟ) มาประกอบกัน ใช้กฏไตรลักษณ์ สามารถดับทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายได้

ไหนช่วยอธิบายให้เพื่อนๆฟังหน่อยซิครับว่า
ใช้กฎไตรลักษณ์ มาดับทุกข์เกิดแก่เจ็บตายได้อย่างไร
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
2. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มาประกอบกัน ใช้กฏไตรลักษณ์ดับทุกข์จากความพอใจ ไม่พอใจ
ที่สะสม (ดับโลภ โกรธ หลง)

นี่อีกครับ ช่วยบอกว่าดับอย่างไรครับ
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
กฏไตรลักษณ์ " เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" หรือ "ไม่เที่ยง เกิดดับ" นี่คือกฏธรรมชาิติ
ภายในกฏนี้จะมีกฏ อิทัปปัจจยตา ปฏิจสมุปบาท อธิบายอยู่ด้วย

ที่บอกว่า"ภายในกฎนี้ " มีอิทัปปัจจยตา กับปฏิจจสมุบาท
ถ้า"กฎนี้"หมายถึง ไตรลักษณ์แน่ใจแล้วหรือว่า ที่พูดมามันถูกต้อง

แล้อีกอย่างครับ คุณบอกว่า กฎไตรลักษณ์ คือ"ไม่เที่ยง เกิดดับ"
แน่ใจแล้วหรือว่าพูดถูก


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 16:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
การท่อง"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" ไม่ใช่การท่องบ่นอย่างเดียว เหมือนท่องสูตรคูณ แต่ต้องเข้าใจความหมายของมันด้วย ว่ามันมาจากไหน คืออะไร

นั่นล่ะ สังขาร
เหมือนกับสังขารทั้งหลาย
อ้างคำพูด:
มันคือจุดเริ่มต้นของการวิปัสสนาสำหรับผู้มีธรรมน้อยเป็นการเติมความจริงเข้าไปในสัญญาให้มากทีุ่สุด ไปลบความเชื่อในสัญญา เพราะว่าแต่ละวันเราเติมความเชื่อในสัญญาเราทุกวินาที ที่เราทำอะไรทุกวันนี้เราไม่ได้ทำตามใจ แต่เราทำตามสัญญาที่เราสะสมมา เราจะคิด จะทำ จะพูด ตามสัญญาที่เราสั่งสมมาเท่านั้น

เป็นแค่การผันทิศทางน้ำ ปล่อยสังขารหนึ่งไปจับอีกสังขารหนึ่ง
ที่คิดว่าดีกว่า ที่เชื่อว่าดีกว่า
อ้างคำพูด:
แต่ผู้มีธรรมมากแล้วก็ไม่ต้องท่องบ่นแค่มีสิ่งมากระทบตัวท่าน หรือเกิดขึ้นในจิตใจท่าน ท่านก็รู้แล้วว่า ไม่เที่ยง มีเกิด มีดับ

เพราะทำจนจิตเคยตัวแล้ว ติดแล้ว เสพคุ้นแล้ว
ติดสังขารนั้น ๆ
อ้างคำพูด:
"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" ทำให้เราคิด (สังขาร) ถูกต้องแล้วครับ
"ไม่เที่ยง เกิด ดับ" จุดประสงค์เพื่อเอาไปเปลี่ยน (สัญญาทางลบ หรืออกุศล) แล้วเอา"ปัญญา"ไปดับ "ผัสสะ" ไม่งั้น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามมาทันที นี่แหละทำให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ นำไปสู่ทุกข์ของมนุษย์
ปัญญาทางธรรม คือ ความรู้ในการดับทุกข์ ความรู้อยู่ที่สัญญา สัญญามาจากวิปัสสนา

สังขาร ปรากฎ ไม่ได้เข้าไปดับ ผัสสะ อะไรเลย
เป็นเพียงแค่เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรี
ที่เด็กคนหนึ่งหย่อนก้นลงเก้าอีกแล้ว
แต่เด็กอีกคนก็เอาก้นมาเบียดเด็กคนนั้นออกไป
และเขาก็ทำเช่นนั้นจนชำนาญ และเคยตัว

เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการดับ "ผัสสะ"
แต่จริง ๆ เป็นการช่วงชิงผัสสะ

มันคือ สังขาร และก็คือ คนที่หลงเลี้ยง อสรพิษ


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 17:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ตัวเราประกอบด้วย (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ประกอบกัน
1. รูป คือ ร่างกาย (ดิน น้ำ ลม ไฟ) มาประกอบกัน ใช้กฏไตรลักษณ์ สามารถดับทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายได้
2. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มาประกอบกัน ใช้กฏไตรลักษณ์ดับทุกข์จากความพอใจ ไม่พอใจ
ที่สะสม (ดับโลภ โกรธ หลง)

กฏไตรลักษณ์ " เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" หรือ "ไม่เที่ยง เกิดดับ" นี่คือกฏธรรมชาิติ
ภายในกฏนี้จะมีกฏ อิทัปปัจจยตา ปฏิจสมุปบาท อธิบายอยู่ด้วย


ที่ว่ามา ไม่ใช่ตัวเราสักอย่าง

ถ้าหยุดสนิทนิ่งแน่บแน่นอยู่กับรู้ได้เมื่อไร
นั่นคือโอกาสที่จะเห็นสภาวะอันเป็น นิรันดร์ และอมตธรรม

เพียงแต่เรามักไม่หยุดอยู่ตรงนั้น เราจึงคิดว่ามันต้องเป็นอีกที่


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 17:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคนจะต้องไปนรก นั่นก็เพราะคนนั่นเป็นสิ่งที่สมควรไป
ถ้าคนจะต้องไปสวรรค์ นั่นก็เพราะคนนั่นเป็นสิ่งที่สมควรไป

ปัญหาก็คือ คนไม่ได้รู้สึกอยากไป
เพราะคนนั่นไม่ได้อยากไปในที่ที่สมควรไป

การสะสมสังขาร ก็คือ การสะสมธาตุ
การสำรอกสังขาร ก็คือ การปลดปล่อยธาตุ
ธาตุประเภทเดียวกัน จะไหลไปกองรวมกัน
ไม่มีใคร คิดว่าจะหนีอะไร แล้วหนีได้
บัญชีหนังหมา มันติดตัวอย่างนี้


โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


:b45: จิตไม่เคลื่อน เลื่อนไหล ไม่ไปมา
เวทนา นั้นไม่ใช่ ใจที่แท้
จิตเห็นจิต จิตไม่ต่อ คิดตอแย
จิตเดิมแท้ ไม่แปรเปลี่ยน ไม่เวียนวน

เย็นสงบ จบกิจ ไม่คิดก่อ
รู้แล้วหนอ เมื่อมีเหตุ ย่อมมีผล
สิ่งทั้งหลาย สักว่าธรรม ไม่ใช่ตน
จิตหลุดพ้น พ้นจากจิต คิดไปมา :b45:

:b41: :b41: :b41:


:b53: ดับตัวกู ของกู ผู้รู้เห็น
ดับตัวกู ผู้เป็น ผู้เห็นดับ
คงเหลืออยู่ แต่รู้ ที่รำงับ
ไม่หลงเกิด ไม่หลงดับ กับธรรมใด :b53:


โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 18:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 15:38
โพสต์: 8

อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ ความสุขอยู่ได้สักแปป ความทุกข์ก็ตามมา


โพสต์ เมื่อ: 20 พ.ย. 2011, 21:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


รู้ธรรมคือ ดับ(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)


โพสต์ เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านผู้หาความแน่นอนมิได้ กล่าวว่ารู้ธรรมคือ ดับ รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

ผมอยากทราบว่า จะดับอย่างไร และเมื่อดับแล้วสภาพที่ดับเป็นอย่างไรครับ

onion


โพสต์ เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 21:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


จางบาง เขียน:
ท่านผู้หาความแน่นอนมิได้ กล่าวว่ารู้ธรรมคือ ดับ รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

ผมอยากทราบว่า จะดับอย่างไร และเมื่อดับแล้วสภาพที่ดับเป็นอย่างไรครับ

onion



ดับรูป คือดับร่างกายของเรา นี่ไม่ใช่ตัวเรา เราไม่มีตัวตน ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ประกอบกันชั่วคราวสุดท้ายแตกสลายหายไปหมด ร่างกายเราไม่คงทนถาวร ฝึกโดยวิปัสสนาภาวนาถึงจะดับได้

ดับเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือ ให้ดับหลังจากผัสสะของอายตนะภายใน และอายตนะภายนอก
ไม่ให้เกิดเวทนา เมื่อไม่เกิดเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไม่เกิด "เมื่อสิ่งนี้เกิดสิ่งนี้จึงเกิด เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เมื่อดับเหตุก็ไม่มีผลให้เกิด" เมื่อนามขันธ์ไม่เกิด ความพอใจ ไม่พอใจก็ไม่เกิด ฝึกโดยการวิปัสสนาภาวนาถึงจะดับได้

(เมื่อเราดับแล้วเราก็จะรู้ว่าธรรมชาติสรรพสิ่งที่เราเห็นรอบตัวเรารวมทั้งตัวเราเป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นธรรมชาติ มีเกิด มีดับ มีเกิด มีดับ มีเกิด มีดับทุกเวลา เราก็จะไม่หลงความพอใจ ความไม่พอใจ)


โพสต์ เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


พระัเจ้าอชาตศัตรูต้องการสนทนาธรรมกับสมณพราหมณ์บัณฑิต
เพื่อยังจิตตนให้เลื่อมใสเกิดศรัทธา เพราะเจ้าอชาตศัตรูได้เข้าไป
พบไปสนทนาธรรมกับครูเจ้าลัทธิ ทั้งหลายซึ่งมีลักษณะเป็นมิจฉา
ทิฏฐิ เมื่อสนทนาจบแล้วก็ไม่ว่าอะไร ลุกกลับ เมื่อไปหาเจ้าลัทธิ
ทั้งหมดครบแล้ว ลำดับสุดท้ายได้เข้าไปกราบทูลต่อพระพุทธเจ้า
ถึงหลักคำสอน ทิฏฐิความเห็นของเหล่าครูเจ้าลัทธิ

เลยขอหยิบยกที่พระเจ้าอาชาตศัตรูสอบถาม กับกูรู ในอดีตท่าน
หนึ่งตอนนี้ยังอยู่ในอบายภูมิพร้อมเหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่มีความ
เห็นผิดนั้นๆ ตามไปด้วย เป็นการสนทนาของพระพุทธองค์กับ
พระเจ้าอชาตศัตรูครับ ขอเจริญพร ^^



ดูกรมหาบพิตร ทานไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดี
ทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาบิดาไม่มี สัตว์ผู้เกิดผุดขึ้นไม่มี สมณพราหมณ์
ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งกระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่น
ให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก
คนเรานี้ เป็นแต่ประชุมมหาภูตทั้งสี่ เมื่อทำกาลกิริยา ธาตุดินไปตามธาตุดิน
ธาตุน้ำไปตามธาตุน้ำ ธาตุไฟไปตามธาตุไฟ ธาตุลมไปตามธาตุลม อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอย
ไปในอากาศ คนทั้งหลายมีเตียงเป็นที่ ๕ จะหามเขาไป ร่างกายปรากฏอยู่แค่ป่าช้า กลายเป็น
กระดูกมีสีดุจสีนกพิราบ การเซ่นสรวงมีเถ้าเป็นที่สุด ทานนี้ คนเขลาบัญญัติไว้ คำของคนบางพวก
พูดว่า มีผลๆ ล้วนเป็นคำเปล่า คำเท็จ คำเพ้อ เพราะกายสลาย ทั้งพาลทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญ
พินาศสิ้น เบื้องหน้าแต่ตายย่อมไม่เกิด ดังนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อหม่อมฉันถามถึงสามัญผล
ที่เห็นประจักษ์ ครูอชิตะ เกสกัมพล กลับตอบถึงความขาดสูญ ฉะนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
หม่อมฉันถามถึงสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ครูอชิตะ เกสกัมพล กลับตอบถึงความขาดสูญ เปรียบ
เหมือนเขาถามถึงมะม่วง ตอบขนุนสำมะลอ หรือเขาถามถึงขนุนสำมะลอ ตอบมะม่วง ฉะนั้น
หม่อมฉันมีความดำริว่า ไฉน คนอย่างเรา จะพึงมุ่งรุกรานสมณะหรือพราหมณ์ผู้อยู่ในราชอาณาเขต
ดังนี้ แล้วไม่ยินดี ไม่คัดค้านภาษิตของครูอชิตะ เกสกัมพล ไม่พอใจ แต่ก็มิได้เปล่งวาจาแสดง
ความไม่พอใจ ไม่เชื่อถือ ไม่ใส่ใจถึงวาจานั้น ลุกจากที่นั่งหลีกไป.
--------------------------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๒. สามัญญผลสูตร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร