อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ล้วนเป็นไปตามธรรมชาติและกฏแห่งกรรม

ปีไหนมีแต่ความแห้งแล้งมาก ย่อมเกิดทั้งลมและไฟ
ปีไหนพายุมาก ฝนก็ตกเยอะ น้ำก็มาก ที่ลุ่มน้ำก็ขังและท่วม
ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ

ชาติไหน ประเทศใด โดนภัยธรรมชาติโจมตี ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว พายุรุนแรงหรือน้ำท่วม คนเดือดร้อนเสียชีวิตมากมาย ก็เพราะคนในชาตินั้นๆ ทำกรรมไม่ดีร่วมกันมาก่อน เช่น จิตอันมากด้วยราคะ โทสะ โมหะ ความอาฆาต ชิงชัง ฆ่าฟันกัน เผาบ้าน เผาเมือง ย่อมประสบแต่ภัยพิบัติ ไม่รู้จักหยุดหย่อน

ในตำราคำภีร์ ท่านกล่าวว่าโลกนี้จะพินาศด้วยภัย สามอย่างคือ

สมัยใดมากด้วยราคะ จะพินาศด้วยไฟ
สมัยใดมากด้วยโทสะ จะพินาศด้วยน้ำ
สมัยใดมากด้วยโมหะ จะพินาศด้วยลม

การหยุดยั้งภัยพิบัติดังกล่าว ก็ต้องคนในชาติช่วยกัน ด้วยการกระทำแต่กรรมดี อันมีการรักษาศีลและการให้อภัย เป็นเบื้องต้น ช่วยกันประคับประคองบ้านเมือง เพื่อให้ผ่านพ้นภัยพิบัติ เพื่อคืนความสงบสุข คืนความร่มเย็น คลายความทุกข์ คลายความยากลำบาก ให้กับทุกคนและให้กับบ้านเมือง

เจริญธรรม

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ สาธุ

ผมเคยโพสท์ไว้นานแล้ว(ตามลิค์ข้างล่าง)..ได้รับทั้งเสียงตำหนิและเสียงเห็นด้วยก็เลยไม่ได้เข้ามาสนทนาอีกเลย แต่ท่านผู้อ่านก็พิจารณาเอาเองเถิด..ตั้งแต่โพสท์กระทู้นี้ไปได้ติดตามเหตุการณ์ต่างๆมาตลอดแล้วสังเกตุว่าภัยพิบัติเกิดทวีความรุนแรงมากขึ้น ถี่ขึ้น ไปตามกฏของกรรมที่ผู้ได้รับผลสร้างขึ้น กฏของกรรมให้ผลเที่ยงเสมอและไม่ผิดตัว

viewtopic.php?f=1&t=28385

ได้สนทนากับพระนักปฏิบัติกรรมฐานหลายรูปทั้งภาคเหรือ ภาคอิสานและภาคกลาง ท่านกล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นหรือจะเกิดต่อไปคล้ายๆกัน...คือว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนเป็นหนังตัวอย่าง แต่หนังตัวจริงจะได้เห็นกันมากกว่านี้ในปีต่อๆไป ขอทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเถิด...

ธรรมมะคือธรรมชาติ ผู้ใดเห็นธรรมมะผู้นั้นเห็นธรรมชาติ
กฎธรรมชาติมีอยู่ 2 กฎ
1.ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
2. ปฏิจจสมุปบาท กฎเหตุปัจจัย ทุกสิ่งในโลกในจักรวาลนี้ เกิดขึ้นจากเหตุ และปัจจัยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นลอยๆ หรือบังเอิญเกิดขึ้น
รวมสองกฎนี้ก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เที่ยง เกิด ดับ เกิดจากเหตุปัจจัยมารวมกัน และก็แตกสลายไปตามเหตุและัปัจจัย
ร่างกายเราก็เหมือนกันเกิดจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มารวมตัวกันชั่วคราวสุดท้ายก็แตกสลายไป ไม่มีตัวตนที่แท้จริงของมัน ภัยธรรมชาติก็เหมือนกันจะไปห้ามไม่ให้เิกิดก็ไม่ได้ เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัยไม่ได้เกิดขี้นลอยๆ สุดท้ายมันก็ดับ แตกสลายไป วนเวียนอย่างนี้ตลอด โลกของเราก็เหมือนกันสุดท้ายมันก็ต้องดับสลายไป เพราะว่าเกิดจากเหตุและปัจจัยทำให้เิกิดโลกนี้มา มีปัจจัยให้ตั้งอยู่มันก็ตั้งอยู่ มีปัจจัยให้แตกสลายไปก็แตกสลายไป ไม่คงทนถาวร ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้เราก็หมดทุกข์ไป เราก็จะไม่กลัวความตายเพราะเราต้องตาย ที่เราทุกข์เพราะเราไม่เข้าใจธรรมชาติ (อวิชชา) รู้ไม่เท่าทันสิ่งที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ...........................

ขอให้มนุษย์ทุกคนอย่ากังวลกับภัยธรรมชาติที่จะมาถึงขอให้ท่าน ดับความโลภ โกรธ หลงในตัวท่านให้หมด ทำความดี ทำบุญ ให้ทาน เข้าใจกฎธรรมชาติ แล้วท่านก็จะมีความสุขที่ถาวร (นี่คือทางสายเอกที่จะดับทุกข์ถาวรได้อย่างแน่นอน)

ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม คนดีจริงๆไม่มี คนเลวจริงๆไม่มี มีแต่คนที่มาตามกรรมและไปตามกรรม
กฏของกรรมให้ผลเที่ยงตรงเสมอและไม่ผิดตัว