การกราบไหว้พระพุทธรูปก็ได้แค่ความอิ่มใจสบายใจ แต่ไม่สามารถเข้าถึงความรู้แจ้งได้
สำหรับผมเมื่อก่อนไหว้พระพุทธรูปแต่เลิกไหว้มาประมาณ5ปีได้แล้ว ก็แค่ความสะบายใจอิ่มเอิบใจไปติดไปหลงอะไรกับมันนักหนา (สิ่งมีชีวิตน่าจะได้อะไรที่ดีๆกว่าสิ่งที่ไร้วิณญาณ)

คห.ของคุณจางบาลางเลือนตรงใจผมจริงๆ
เหมือนกับว่ากำลังแยกสิ่งที่กำลังตีคลุมกันอยุ่นี้ให้ออกจากกันได้ ผมเชื่อว่าหลายคนยัเอามาปนเปกันโดย
แยกไม่ออก ความจริงแล้ว การกราบไหว้เป็นคนละเรื่องกับการเข้าถึงธรรม เพราะเป็น การกราบไหว้เป็น
กิริยาเคารพ เราทำไปพราะความเคารพ เมื่อมองที่เนื้อหาสาระ เรากราบพระพุทธรูปก็จริงใจเราส่งไปที่พระ
พุทธคุณ เหมือนกับเราเห็นรูปพ่อแม่เรา เรายกมือไหว้ ใจเราไม่ได้นึกถึงกระดาษที่เป็นภาพ แต่ส่งไปที่พ่อ
แม่ของเราต่างหาก ใน คห.ผมการกราบเช่นนี้ยังไม่เห็นมีข้อห้ามหรือว่าจะผิดอะไรตามพระไตรปิฎกด้วยซ้ำ

การกราบอาจส่งผลดีด้วยซ้ำ ในแง่ที่เป็นการขัดเกลาสันดานหยาบให้ละเอียดยิ่งขึ้น

ขอบคุณครับสำหรับ คห.

ในผู้ที่กราบไหว้ ก็มีเหตุผลในทางที่มากกว่าอิ่มอกอิ่มใจ น้อยกว่าเสมือนหลงเป็นเครื่องรางของขลังก็มี
ข้อนี้คงแล้วแต่ผู้กราบไหว้หรือผู้ไม่กราบไหว้จะเลือก

การกราบไหวหรือไม่กราบไหว้ เป็นเรื่องต่างความคิดต่างการกระทำ คงบังคับกันไม่ได้

การที่คุณไม่ยึดติดอยู่ที่การกราบไหว้ ถ้าดำเนินไปถูกทางต่อไป ก็นับว่าน่าอนุโมทนาครับ

ขอบคุณสำหรับ คห.

เช้าที่สดใส มีซัก ๑ คห.คงจะดี

ยกอ้างมา

สุต.ทีฆ.มหา.

ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวก
เราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ ฯลฯ.

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ชัดแจ้งว่า เมื่อพระองค์ทรงล่วงลับไป ก็อย่าได้เดือดร้อนใจว่าไม่มีศาสดา ให้ถือ
เอาพระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์ ชัดจริงๆในความหมายนี้ และมีอีกหลายที่ ที่ตรัสให้ยึดพระธรรม
วินัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก เช่น

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ฯลฯ

ทรงให้ยึดถือพระธรรมวินัยเป็นศาสดา ให้ตระหนักในพระธรรมวินัย แต่สมัยยังทรงพระชนม์อยู่ มีหลักฐาน
ปรากฏทั่วไปในพระไตรปิฎก (ตัวอย่าง)

สามคามสูตร พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์และสมณุทเทสจุนทะ เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค
ยังที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯลฯ


สักกสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธารามใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ สักก
ชนบท ครั้งนั้นแล อุบาสกชาวสักกชนบทเป็นอันมาก ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ในวันอุโบสถ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯลฯ

ตามไปที่พระสูตร ไม่มีทรงติเตียนอันใดเลย พระองค์คงทราบเจตนาของผู้อภิวาท ต่างกับใรกรณีพระ
วักกลิก ซึ่งทรงทราบเจตนาในการเฝ้ามองพระองค์ จึงทรงติเตียนแล้วสอน

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของเจตนาโดยแท้ กริยา(กรรม)ย่อมเนื่องด้วยเจตนาโดยแท้

กราบเพราะเข้าใจว่าเป็นวัตถุ ก็คงเป็นวัตถุอย่างที่เจตนาบอก
กราบเพราะเข้าใจว่าเป็นที่ระลึกถึงพระคุณ ก็คงได้ตามเจตนาที่มี

น่าคิดเหมือนกันนะเนี่ย

ผู้บอกน่ะ คือพระเกษม ใช่ป่ะ ไม่ต้องหว่านแหก็ได้ครับ ทำเนียน



นั่นมันความคิดของคุณคุณคิดเอง ตัดสินใจเอาเองเพียงคนเดียว โดยที่ไม่มีข้อมูล ไหนลองบอกสิ่ ว่าไอ้การกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป มันสอดคล้องกับหลักการในพระไตรปิฎกยังไง พระไตรปิฎก มีข้อไหนที่บอกว่า ให้กราบรูปปั้น และนับถือรูปปั้นเสมือนเป็นตัวแทนของศาสดา คุณคิดเอาเองครับ พระไตรปิฎกก็มีครับ ไปอ่านซะ อย่าเดาครับ ทุกอย่างต้องเอาหลักฐานมายืนยัน จะใช้ความคิดตัดสินไม่ได้ครับ ต้องอิงหลักฐานโดยยึดหลักความจริง



ไม่สมควร ผิดเพราะสำคัญผิด รูปปั้นอะไรจะมาเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าเองท่านยังบอกเลย ว่าสังขารท่านน่ารังเกียจ เน่าเหม็น ท่านตายแล้วก็จบแล้ว ไม่มีท่านแล้ว ให้ยึดพระธรรมเป็นศาสดาแทน นั่นคือคำสังของพระพุทธเจ้า คือให้เอาพระธรรมเป็นตัวแทนของพระองค์ ไม่ใช่สมมติเอารูปปั้นมาสรรเสริญแล้วเรียกมันว่าตัวแทนของพระพุทธเจ้า




อ่อ ไม่ต้องตอบผมก็ได้นะ ถ้าคุณจะคิดว่า รูปปั้นคือศาสดาของคุณ คุณก็จงยึดเอารูปปั้นเป็นทางแห่งนิพพาน ส่วนผมขออิงตามพระไตรปิฎกแต่ไม่ยึดในพระไตรปิฎก แล้วถ้าคุณกลัวแตกแยกคุณก็ไม่ควรจุดประเด็นตั้งแต่แรก อุปมาว่า จริตจะกร้านปากดี เดินไปท้าตบท้าตีกับคนอื่น พอเขารับคำท้าถึงกับหน้าซีดตั่วสั่นสะท้านด้วยความกลัว แล้วมาบอกว่า ว๊าย อย่าทำหนูเลยนะคะ ที่พูดท้าไปน่ะหนูพูดเล่น หนูปากดีไปงั้นเองค่ะ อย่าทำหนูเลย หนูกลัวแล้ว

ฮามั่กนะข๊ะ ฮากลิ้ง กลิ้งไปกลิ้งมา ตัวหมุนติ้วๆ แต่ก็ยังContinue ความฮาแบบNon-stop เลยนะเจ้าข๊ะ

ก็ดูเหมือนคุณจะรู้นะเนี่ย แล้วยังจะมาร่ำร้องว่ารูปปั้นคือตัวแทนพระพุทธองค์อยู่เพื่ออะไรล่ะ
พระพุทธเจ้าท่านสั่งไว้ให้เอาพระธรรมเป็นตัวแทนพระองค์ ไม่ได้บอกว่าให้เอารูปปั้นเป็นตัว
แทนซะหน่อย คนเราเอามันมาสมสติขึ้นแล้วก็กราบมันเอง ทั้งๆที่ขัดต่อคำสั่งสอนของพระ
พุทธเจ้า คิดไปเองว่ารูปปั้นเป็นหนทางนำไปสู่นิพพาน งมงาย ไม่เข้าท่า

สรุป กระทู้นี้ได้ข้อสรุปไปตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่แคล้วมั่วนิ่มเพื่อปั่นกระแส เล่นหนุกหนานๆ


ฮากลิ้งน่ะข๊ะ กลิ้งไปกลิ้งมา ต้วหมุนติ้วๆข๊ะ แต่ก็ยังฮาอยู่ดีข๊ะ

นั่นสิครับ.....ถึงพุทธเจ้าจะตรัสไว้ว่าธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาแทนพระองค์ แต่พุทธเจ้าก็ไม่ได้บัญญัติไว้ว่าเมื่อตถาคตปรินิพพานกาลไกลข้างหน้าพวกเธอทั้งหลายจงอย่าสร้าพุทธรูปเลย พวกเธอทั้งหลายจงยึดมั่นแต่ธรรมและวินัยแต่เพียงอย่างเดียวเถิด....ดังนั่นการสร้างพุทธรูปสำหรับผมแล้วถือว่าเป็นธรรมดาเมื่อกาลเวลาผ่านไป ไม่ได้มีความเสียหายอะไร ถือว่าดีด้วยซ้ำ ก็เป็นแค่สิ่งสมมติขึ้นมาเท่านั่น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นแค่สิ่งสมมุติ ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครแก่ ไม่มีใครเจ็บ ไม่มีใครตาย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นล้วนเป็นของไม่เทียง เกิด ขึ้น ตั่งอยู่ ดับไป และตอนนี้ผมก้อยู่เหนือโลกแล้วผมจึงมองเห็นสัจจะธรรมข้อนี้

ความอิ่มอกอิ่มใจล้วนเกิดจากการปรุงแต่งทั้งหมดทั้งสิ้น
การกราบมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการ

1 กราบเพื่อขอบคุณ
2 กราบเพราะสำนึก (ในพระคุณ)
3 กราบเพราะทราบซึ้ง (ในพรคุณ)

ฮ๊าฮานะข๊ะ ฮากลิ้ง กลิ้งไปกลิ้งมา ตัวหมุนติ้วๆ แต่ก็ยังฮาอยู่ดีนะข๊ะ

คุณปลงฯ (น่าจะคุณฮานะสมัครมาใหม่) และท่านอื่น

คำว่า "ในความเห็นผม" อย่าได้ถือเอาเป็นสำคัญในการเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งใดๆ และความเห็นก็คือความ
เห็น ไม่ใช่บรรทัฏฐาน

เพราะ ความเห็น ไม่ใช่บังคับให้เชื่อให้ปฏิบัติตาม

ผมว่าดูจากภูมิธรรมแล้วไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะคนนี้คิดไรไม่เป็นนอกจากเรียนแบบคนอื่น

จริงครับ ไม่มีข้อห้ามไว้เรื่องการสร้างพระพุทธรูปและการกราบไหว้ น่าจะขึ้นอยู่ที่เจตนาของผู้สร้างและผู้
กราบไหว้

ผู้สร้าง ก็ไม่มีเจตนาให้มาหลงงมงายหรือยึดถือว่านี่คือศาสดา
ผู้กราบ ก็มีเจตนาต่างกันไป

ไม่มีปรากฏในพระไตรปิฎก ก็ไม่ใช่ว่าจะมีไม่ได้ หรือไม่ควรมี คงต้องดูที่เหมาะที่ควร

สิ่งที่ไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกก็มีมาก แต่ก็ใช้เกี่ยวเนื่องในศาสนามาก เช่น คอมพิวเตอร์ มุ่งลวด ฯลฯ
แม่แต่หนังสือที่เป็นพระไตรปิฎกเอง ก็ไม่มีกล่าวไว้ว่าเป็นเล่มหรือพิมพ์เป็นตู้เก็บไว้ แต่เมื่อพิจารณาว่า
เหมาะว่าควรก็นำมาใช้กันได้

ถ้าจะยึดกันจริงๆแบบสุดโต่ง ก็คงไม่ต้องกราบพระกันแล้ว เพราะพระพุทธเจ้าท่านนิพพานไปนานแล้ว
ไม่มีให้เห็นแล้ว พระธรรมก็เป็นนามธรรม ไม่ต้องยกมือไหว้แค่นึกถึงก็พอ พระสงฆ์ตามที่กล่าวไว้ในสังฆ-
-คุณก็ต้องระดับพระโสดาบันขึ้นไป ซึ่งวินิจฉัยยากยิ่ง จะถือตามนี้กระนั้นหรือ

เรื่องพระพุทธรูป ผมมองเหมือนพุทธานุสติ หมายถึงวัตถุที่น้อมนำให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับ
การทำกสิณ ย่อมต้องอาศัยบัญญัติของรูปกสิณมาเริ่มต้นก่อน

ขอบคุณความเห็นครับ

อุ๊ แม่เจ้า นี่ปล่อยไก่เป็นฝูงเลยนะนี่ นี่แหละคือคำสั่งของพระพุทธเจ้าเลยล่ะ พระองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกด้วยว่าอย่าสร้างรูปเครรพ รูปแทนของพระองค์ ด้วยนะ และบอกไว้ชัดเจนมากด้วย นี่ไงล่ะ มันรู้ไม่จริง แล้วชอบจำอวดชะด้วยซิ่ ไปหาเปิดพระไตรปิฎกอ่านซะบ้างนะ จะได้ไม่โดนกระซวกไส้แบบนี้อีก มันน่าอายข๊ะ



นี่ก็คือคำสั่งของพระองค์อีกเหมือนกันจ๊ะ "ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ" นี่ก็แสดงว่าพระองค์ให้ทรงยึดพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดา แต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เอารูปปั้นมาโบ้ยว่าเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังที่พระองค์กล่าวว่า
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" อ่อ หรือคุณคิดว่า "ผู้ใดเห็นรูปปั้น ผู้นั้นเห็นแสงธรรม14" กันแน่ล่ะ แหมๆคุณ โดนกระซวกออกมาหมดไส้หมดพุงเลยเชียวนะคราวนี้ กะจะอวดตริทั้งทีแต่ไม่เนียน ช่างน่าอาย ยัยๆๆ ยั่ย ยัย อ๊ะอา น่าอายยยยย



อันนี้ผมเห็นด้วยว่าคุณอยู่เหนื่อโลก คุณถึงไม่เข้าใจโลกและไม่เข้าใจเรื่องราวของมนุษย์โลกเลยแม้แต่น้อยครับ เพราะว่าคุณมันอยูดาวอังคารจะมารู้เรื่องราวของโลกได้อย่างไร๊ เรื่องของมนุษย์ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของมนุษย์เถอะครับ ส่วนคุณก็อยู่ดาวอังคารของคุณต่อไปเหอะ นะจ๊ะ


อุ๊...อุ๊บส์...หน้าไม่อายนะข๊ะ...หึๆๆ ฮากลิ้งได้อีกนะข๊ะ ฮาแบบ Non-stop ไปเลยพวก กิ๊วๆ

คำสั่งของพระองค์คือ "ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ" นี่ก็แสดงว่าพระองค์ให้ทรงยึดพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดา แต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เอารูปปั้นมาโบ้ยว่าเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังที่พระองค์กล่าวว่า
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" อ่อ หรือคุณคิดว่า "ผู้ใดเห็นรูปปั้น ผู้นั้นเห็นแสงธรรม14" กันแน่ล่ะ แหมๆคุณ โดนกระซวกออกมาหมดไส้หมดพุงเลยเชียวนะคราวนี้ กะจะอวดตริทั้งทีแต่ไม่เนียน ช่างน่าอาย ยัยๆๆ ยั่ย ยัย อ๊ะอา น่าอายยยยย

อคติ ปรุงแต่ง ถ้าอยากตรวจสอบคุณก็ลองดูวันที่สมัครน้ค๊าบบบบบบบ ผมสมัครก่อนคุณ ฮานะ เป็นชาติ จะมาว่าสมัครใหม่ได้ไง ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยจิตคิดระแวงระคนเร่าร้อนกระสับกระส่ายจิตใจสั่นสะท้าน ทำไมครับหรือไปสร้างวีระกรรมอะไรไว้กับคุณฮานะเหรอครับ จึงได้ยำเกรงชื่อ ฮานะ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับคลั่นเนื้อคลั่นตัวถึงเพียงนี้

ฮ๋าฮา...ฮากลิ้งหมุนติ้วๆนะข๊ะ แต่ก็ยังฮาอยู่ดี กิ๊วๆ

อะไรกันคร้าบ แหมๆ คิดจะหาพวกที่เป็นพันธ์เดีวกับคุณล่ะสิ่ วู๊ๆ ว๊าๆ ถ้าผมคิดไม่เป็น ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณชอบปล่อยไก่เป็นฝูงอยู่เรื่อย หรือว่าคุณคิดมากไปละม้าง จนมองว่าคนอื่นคิดไม่เป็น ระวังเส้นเลือดฝอยในสมองแตกนะครับ ถ้าผมคิดไม่เป็นผมจะมากระซวกไส้ กระซวกพุงคุณดัง ซร๊วบ ซร๊วบ ซร๊บ ได้ยังไงหลายต่อหลายที เพราะที่คิดไม่เป็นน่ะคุณแสงธรรม14 ต่างหากล่ะคร๊าบบบบบบ กิ๊วๆ

อ่อ เกือบลืม ไอ้ที่ว่าผมเรียน แบบคนอื่นน่ะ จริงครับ เพราะผมไม่ชอบทำตัวต่างจากคนอื่น แต่พวกที่เรียนไม่เหมือนคนอื่นนี่สิ่ สติสตัง มันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ชอบเข้าใจอะไรสับสนกลับตารปัตรต่างไปจากมนุษย์มนา จนต้องปล่อยไก่เป็นฝูงเชียว อ่อ ลืมไป ก็คุณอยูดาวอังคารนี่นะ เลยเป็นพวกเหนือโลก หึ่ๆ น่าอายนะข๊ะ

ฮามั่กนะข๊ะ ฮากลิ้ง กลิ้งไปกลิ้งมา ตัวหมุนติ้วๆ แต่ก็ยังContinue ความฮาแบบNon-stop เลยนะเจ้าข๊ะ