วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 19:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 207 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 18:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำอาจเปลี่ยนไปได้....แต่...ต่างก็เพื่อมุ่งหมายเข้าสู่ความเข้าใจที่ตรงกัน

เพราะ...เราเกิดกันคนละยุค

ยุคหนึ่ง..พูดอย่างนี้แล้วเข้าใจ

อีกยุคหนึ่ง..พูดอย่างนี้แล้วเข้าใจ

ยุคหนึ่ง...มหาสติมหาปัญญา

ยุคหลวงตา...ปัญญาอัตตโนมัต

มหาสติมหาปัญญามันเป็นยังงัยหนา....พอหลวงตาพูด..อ้อ..เราเข้าใจ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
เราเป็นเพียงผู้ชี้ทาง



ไปอ่านดู มีสาระ นำมาฝาก
http://www.chiangmai-thailand.net/tian_song_jai_agenda/guide_line.html


ไปอ่านมาแล้ว เย็นใจ.... :b16:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 20:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b32: :b9:

นึกไม่ถึงว่าจะกลับมาเจอมุขวิชานี้ของท่านอีก ฝีไม้ลายมือที่อันคุ้นตา

smiley เรื่องบางเรื่องจะพูดตรง ๆ ก็พูดยาก ใช่มั๊ย :b32:
ต้องย่องมาเงียบ ๆ ....

อีกแล้ว :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:14
โพสต์: 115


 ข้อมูลส่วนตัว


จางบางลางเลือน เขียน:
ขอบคุณที่ยังเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา แก่คุณจางบาง อุตสาหะไปหาคำอธิบาย
ของหลวงปู่มั่นมายื่นประทานให้ สำหรับคุณจางบางจะรับจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม
และสติปัญญาของคุณจางบางเอง..........สาธุ สาธุ

พอได้อ่าน คำอธิบายของหลวงปู่มั่น ซึ่งคุณจางบางเองปกติ ไม่เคยอ่านมาเลย
เพราะอ่านแต่ของพระพุทธองค์เป็นหลัก เนื่องจากเข้าใจเอาเองว่าเลือกเชื่อคุณพ่อ
ไว้ก่อนปลอดภัยที่สุด จึงไม่ได้ใส่ใจใครที่ยิ่งไปกว่าพระพุทธองค์เลย

คุณจางบางพบข้อสังเกตุ ที่เพิ่งสังเกตุเห็นวันนี้ว่า บุคคล3ยุค ต่างตีความหมาย
ของคำว่า สังขาร วิญญาณ นามรูปต่างกัน อย่างน่าประหลาด
ทั้งที่ต่างก็ได้รับการยอมรับมากมายจากใครต่อใครว่าคือพระอรหันต์

การอธิบายความหมายของอาการแต่ละอาการ ของปฏิจจสมุปบาท ควรต้องถือเอาตาม
ความหมายเดิมที่พระพุทธองค์แสดงไว้ ซึ่งมีมากมายในพระไตรปิฎก คือ
อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป ตามแบบที่คุณจางบางยกมาให้อ่านนั่นหละ

ส่วนการตีความหมายของอาการปฏิจจสมุปบาทต่างไปจากนี้ ก็มีแต่การขยายความของ
พระพุทธโฆษาจารย์ผู้แต่งหนังสือวิสุทธิมรรค ที่ไปเปลี่ยนความหมายการอธิบายของพระพุทธองค์
ว่า สังขาร คือ ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชภิสังขาร
วิญญาณ คือวิญญาณปฏิสนธิ ไม่ใช่วิญญาณทางอายตน6ตามที่พระพุทธองค์อธิบาย
และความหมายตามที่พระพุทธโฆษาจารย์อธิบายมานี้ ตลอดทั่วพระไตรปิฎก พระพุทธองค์
ไม่เคยตรัสเลย ไม่มีเลยที่พระองค์จะให้ความหมายอย่างนี้ แต่ทั่วไปก็ถือการอธิบาย
และความหมายอย่างที่พระพุทธโฆษาจารย์อธิบายอย่างแพร่หลาย เอามาใช้เป็นต้นแบบการ
พิจารณาเพื่อเข้าถึงความเห็นตามที่พระพุทธโฆษาจารย์อธิบาย

และพอมาถึงยุคนี้คุณจางบางก็มาพบว่า หลวงปู่มั่นท่านได้ให้ความหมายใหม่แก่ปฏิจจสมุปบาท
ต่างออกไปอีกจากพระพุทธเจ้า และอรรถกถาจารย์ คือ ใช้คำว่า สังขารกรรม
วิญญาณกรรม ซึ่งคุณจางบางก็ไม่เคยได้ทราบว่าพระพุทธองค์เคยกล่าวอย่างนี้เลย

ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตา คุณแฟนตาเซีย ทุกเช้าค่ำ และทุกยามที่หลับ

onion


:b1: อนุโมทนาค่ะ ^^

ไม่ต้องเกรงใจเลยนะคะ
หากคุณจางบางฯ ยังไม่สามารถเก็บ คห.เอาไว้ในใจได้จริงๆ ก็ขอให้แสดงออกมาเถอะค่ะ ^^

คห.นี้หมายว่าคุณจางบางฯ ก็ยังไม่เชื่อว่าหลวงปู่มั่นท่านได้อธิบายในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ทั้งๆ ที่คุณเองก็ไม่มีปัญญาจะเอาความรู้ความเข้าใจของตนมาหักล้างคำอธิบายของท่านได้

แสดงว่าคุณเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าแต่ไม่เชื่อมั่นในพระอรหันต์
แต่ขนาดเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าเหนียวแน่นอย่างนี้ก็ยังไม่อาจรู้แจ้งแทงตลอดในคำสอนของพระพุทธองค์ได้
ฉะนั้นในโลกนี้ก็คงไม่มีคำสอนใดช่วยแก้โง่เขลาเบาปัญญาของคุณจางบางฯ ได้อีกแล้วละค่ะ
คุณก็คงต้องทำความเข้าใจต่อไปด้วยปัญญาของคุณเองอย่างว่าแหละนะคะ ^^

ในเมื่อคุณก็ดูจะพอใจในการเวียนว่ายไปตามแต่เวรแต่กรรมของตนอย่างนี้ต่อไป
แม้พบผู้ชี้ทางสว่างให้แล้วก็ไม่อาจรับเอาปัญญาสัมมาทิฏฐินั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
การเวียนว่ายอีกร้อยชาติล้านชาติคุณอาจยังเห็นว่าไม่ทุกข์สักเท่าไหร่ ให้ความหลงนั้นค่อยๆ หมดไป
คงช่วยทำให้ปัญญาในการเลือกเฟ้นธรรมของคุณกระเตื้องขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ^^

ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตา ... ค่ะ ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 21:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:14
โพสต์: 115


 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
เราเป็นเพียงผู้ชี้ทาง



ไปอ่านดู มีสาระ นำมาฝาก
http://www.chiangmai-thailand.net/tian_song_jai_agenda/guide_line.html


:b8: อนุโมทนาค่ะ

ดิฉันขอโอกาสนี้คัดลอกบางส่วนของบทความนี้ นำมาแปะไว้ในกระทู้นี้เลยนะคะ

เราเป็นเพียงผู้ชี้ทาง

“ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตจะเกิดหรือไม่เกิดก็ตามข้อที่ว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง
สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตานั้น
เป็นหลักธรรมดาที่ดำรงอยู่อย่างนั้นเป็นนิจ ไม่วิปริตแปรผันเป็นอื่นเลย
ตถาคตได้ตรัสรู้เรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้ง ได้หยั่งรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
ครั้นตรัสรู้และหยั่งรู้อย่างนี้แล้วก็นำมาบอก นำมาสอน บัญญัติวางเป็นหลัก
เปิดเผยจำแนกแจกออกเป็นหัวข้อ และทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ”

.
.
.

http://www.chiangmai-thailand.net/tian_ ... _line.html


แก้ไขล่าสุดโดย FANTASIA เมื่อ 21 ก.ย. 2011, 23:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้ภาษาตามความจำเป็นตาม

"อาลัย"....ที่ปรากฎ

ทำธรรมละเอียดให้เป็นของหยาบ
เพื่อให้จิตจับสิ่งนั้นได้ และ....ใช้ปัญญาเข้าตัด...

:b50: :b50: :b50: :b50:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกถ้อย แห่งมธุรส ย่อมกลั่นจากใจที่สะอาด
ทุกถ้อย แห่งคำ ที่คมบาด ย่อมมาจากใจ ที่ยังมีบาดคม

ทำลายคมของใจให้หมดไป ก็เหลือใจที่ไม่บาดคน
เย็นในตัวเอง เย็นผ่านถ้อยคำ เย็นผ่านการกระทำ
และเย็นเท่าเทียมกันในทุกมิติที่วางลง

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:


รูปภาพ



ท่านดูด้วยตาหรือดูด้วยใจ ท่านติเตียนด้วยตาหรือติเตียนด้วยใจ
ท่านดูเพียงเพราะอยากจับผิด หรือดูด้วยความเข้าใจ รับฟัง และยอมรับ
ท่านใช้ผัสสะในการรับรู้ หรือท่านใช้จิตใจในการรับรู้



ขออภัยครับ ขอเพิ่มเติมนิดนึงครับ

คลิปที่นำมาลงนี้ ทางพระเกษมเองท่านออกมายอมรับว่า
ท่านเป็นผู้นำมาอัพโหลดเผยแพร่ด้วยตัวท่านเองครับ


:b10: :b10: :b10:

:b32: :b32: :b32:

ท่านทักษา........ :b37: :b37:

นี่ท่านทำไปโดยเจตนา หรือ เมากระทู้ น่ะ :b22: :b22: :b11: :b11:

อิอิ ไม่รู้ล่ะ เอกอนขอจับไว้เป็นตัวประกันแหละ เก๋ดี

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 23:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ใช่ จะใครก็ตาม จะคิดอะไรก็ตาม ก็ต้องระวัง


:b1: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 21 ก.ย. 2011, 23:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 23:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ท่านต้องการสื่อความหมายอะไร ก็ว่ามาดีกว่า

ต้องลากแม่น้ำทั้งหลายสายมาขนาดนี้เชียว :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 23:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:14
โพสต์: 115


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ใช้ภาษาตามความจำเป็นตาม

"อาลัย"....ที่ปรากฎ

ทำธรรมละเอียดให้เป็นของหยาบ
เพื่อให้จิตจับสิ่งนั้นได้ และ....ใช้ปัญญาเข้าตัด...

:b50: :b50: :b50: :b50:


:b1: แท้จริงแล้วธรรมไม่ใช่ทั้งของละเอียดและของหยาบ
ลักษณะต่างๆ ที่ปรากฎออกมานั้นเป็นเพียงมายา
ความเข้าใจเพียงเท่านี้หากเข้าถึงใจแล้วก็จะสามารถใช้ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ในทันที

พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายได้เปลื้องอาลัยหมดสิ้นแล้ว
การใช้ของท่านเหล่านั้นจึงสักแต่ว่าใช้ไม่ถูกบีบคั้นด้วยความจำเป็นว่าต้องใช้แต่อย่างใด ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 23:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b10: :b10:

555555

ไม่อยากเชื่อ....

ท่านทำลงไปได้ยังไงเนี๊ยะ

ขอบคุณ รู้ได้ยังไงว่าเอกอนกำลังคิดจะรวบรวม
ความคิดเห็นที่ตัวเองแสดงเอาไว้
มาเก็บไว้ที่เดียวกัน

คิดเมื่อตอนเย็นนี่เอง

ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่รู้จะว่าไง

เหตุปัจจัยช่างเป็นไปได้.... :b10: :b10:

:b20: :b20: :b20:

:b32: :b32: :b32:

บังเอิญจริง ๆ งง
ขอบคุณคร๊าบบบบบ

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 21 ก.ย. 2011, 23:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 23:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:14
โพสต์: 115


 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
FANTASIA เขียน:
:b8: อนุโมทนาค่ะ

ดิฉันขอโอกาสนี้คัดลอกบทความดีๆ นำมาแปะไว้ในกระทู้นี้เลยนะคะ

http://www.chiangmai-thailand.net/tian_ ... _line.html


ทีจริงอยากให้ลบออกนะครับ เจ้าของข้อมูลเขาห้ามคัดลอก
กลัวว่าจะมีปัญหาหากเจ้าของบทความเขาผ่านมาเจอ คัดแค่ลิงก์
มาก็พอครับ ลองนำไปพิจารณาดู


:b1: ขอประทานโทษนะคะ

ดิฉันก็คัดลอกได้ตามปกตินี่นา
เข้าใจว่าการให้ธรรมเป็นทานย่อมชนะการให้ทั้งปวงและพระพุทธองค์ก็ไม่ได้ทรงบัญญัติหวงห้ามไว้ด้วย
เอาเป็นว่าดิฉันขอลบออกเฉพาะข้อความที่ไม่ได้อยู่ในเครื่องหมายอัญประกาศก็แล้วกันนะคะ ^^

อนุโมทนาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 00:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:14
โพสต์: 115


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: พระธรรมคำสอนต่อไปนี้ไม่มีลิกขสิทธิ์
ดิฉันขอน้อมนำมาฝากทุกท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณโฮฮับค่ะ ^^

การเกิดของพระองค์ ไม่กระทบกระเทือนถึงกฎธรรมชาติ
(การทรงแสดงไตรลักษณ์)

ภิกษุ ท.! เพราะตถาคตเกิดขึ้น หรือเพราะตถาคตไม่ได้เกิดขึ้นก็ตาม,
สิ่งที่ทรงตัวอยู่ได้เอง ซึ่งเป็นความตั้งอยู่ตามธรรมดา เป็นความตายตัว
ของธรรม, นั้น ย่อมตั้งอยู่อย่างคงตัว ว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวง
ไม่เที่ยง”, ดังนี้. ภิกษุ ท.! ตถาคตได้ตรัสรู้ ได้หยั่งรู้อย่างยิ่งในสิ่งนั้นๆ.
ครั้นตรัสรู้อย่างยิ่ง หยั่งรู้อย่างยิ่งแล้ว ก็บอก ก็แสดง ก็บัญญัติ ก็วาง
หลักเกณฑ์ ก็เปิดเผย ก็จำแนก ก็ทำให้ของง่าย เพื่อให้รู้ทั่วกันว่า “สังขาร
ทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง”ดังนี้.

ภิกษุ ท.! เพราะตถาคตเกิดขึ้น หรือเพราะตถาคตไม่ได้เกิดขึ้นก็ตาม,
สิ่งซึ่งทรงตัวอยู่ได้เอง ซึ่งเป็นความตั้งอยู่ตามธรรมดา เป็นความตายตัว
ของธรรม, สิ่งนั้น ย่อมตั้งอยู่อย่างคงตัว ว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวง
เป็นทุกข์”, ดังนี้. ภิกษุ ท.! ตถาคตได้ตรัสรู้ ได้หยั่งรู้ เป็นอย่างยิ่ง
ในสิ่งนั้นๆ. ครั้นตรัสรู้อย่างยิ่ง หยั่งรู้อย่างยิ่งแล้ว ก็บอก ก็แสดง ก็บัญญัติ
ก็วางหลักเกณฑ์ ก็เปิดเผย ก็จำแนก ก็ทำให้ของง่าย เพื่อให้รู้ทั่วกันว่า
“สังขาร ทั้งหลายทั้งปวง เป็นทุกข์ ”ดังนี้.


ภิกษุ ท.! เพราะตถาคตเกิดขึ้น หรือเพราะตถาคตไม่ได้เกิดขึ้น ก็ตาม,
สิ่งซึ่งทรงตัวอยู่ได้เอง ซึ่งเป็นความตั้งอยู่ตามธรรมดา เป็นความตายตัว
ของธรรม, นั้น ย่อมตั้งอยู่อย่างคงตัว ว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวง
เป็นอนัตตา”, ดังนี้. ภิกษุ ท.! ตถาคตได้ตรัสรู้ ได้หยั่งรู้อย่างยิ่ง
ในสิ่งนั้น ๆ. ครั้นตรัสรู้อย่างยิ่ง หยั่งรู้อย่างยิ่งแล้ว ก็บอก ก็แสดง ก็บัญญัติ
ก็วางหลักเกณฑ์ ก็เปิดเผย ก็จำแนก ก็ทำให้ของง่าย เพื่อให้รู้ทั่วกันว่า
“ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา” ดังนี้

---------------------------------
บาลี โยธาชีววรรค ติก. อํ.๒๐/๓๖๘/๕๗๖. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.
http://pobbuddha.com/tripitaka/upload/f ... index.html

:b8: ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตา ... ค่ะ ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 00:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:14
โพสต์: 115


 ข้อมูลส่วนตัว


จางบางลางเลือน เขียน:
ทุกถ้อย แห่งมธุรส ย่อมกลั่นจากใจที่สะอาด
ทุกถ้อย แห่งคำ ที่คมบาด ย่อมมาจากใจ ที่ยังมีบาดคม

ทำลายคมของใจให้หมดไป ก็เหลือใจที่ไม่บาดคน
เย็นในตัวเอง เย็นผ่านถ้อยคำ เย็นผ่านการกระทำ
และเย็นเท่าเทียมกันในทุกมิติที่วางลง

onion


:b1: อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเองนะคะ ^^

ทำลายความหลงในใจตนให้หมดไปดีกว่าค่ะ

ทีนี้ใครมาพูดหวานด้วยก็จะไม่ไปหลงลมเขาง่ายๆ เพราะปากหวานก้นเปรี้ยวก็มีอยู่ถมไป
ส่วนคณาจารย์ที่พูดจาขวานผ่าซากท่านก็สอนให้คนละวางตัวตนได้นะคะ ^^

รักษาใจอย่าให้หลงไปกับโลกธรรม ๘ อีกต่อไปเลยค่ะ
ทั้งสรรเสริญ นินทา ...ฯ อัตตามันจะถูกฉีกทึ้งอย่างไรก็ช่างหัวมันเถอะนะคะ ^^

:b1: ปล.การที่คุณจางบางฯ ยังไม่สามารถรู้แจ้งแทงตลอดในคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
และไม่สามารถรับเอาอรรถกถาจากพระพุทธโฆษาจารย์และคำอธิบายจากท่านพระอาจารย์มั่นมาใส่ใจได้
นั้นเป็นเพราะเวรกรรมและสติปัญญาของคุณจางบางฯ อย่างที่คุณออกมายอมรับนั่นเองค่ะ

ดิฉันขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งคำอธิบายของพระพุทธโฆษาจารย์และหลวงปู่มั่นมาไว้ด้วยกัน ณ ที่นี้

เพื่อจะได้พิจารณาดูให้ดีว่าทั้งสามท่านกล่าวถึง สังขาร วิญญาณ ในปฏิจสมุปบาท ไปในทางเดียวกันหรือไม่

แต่จะเข้าใจได้หรือไม่นั้นมันก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมและสติปัญญาที่มีอยู่อย่างว่านะคะ ^^

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
.............

[๙๘] ในกรรมภพก่อน ความหลงเป็นอวิชชา กรรมที่ประมวลมาเป็น
สังขาร ความพอใจเป็นตัณหา ความเข้าถึงเป็นอุปาทาน ความคิดอ่านเป็นภพ
ธรรม ๕ ประการในกรรมภพก่อน เหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งปฏิสนธิในอุปปัตติภพนี้
ปฏิสนธิเป็นวิญญาณ ความก้าวลงเป็นนามรูป ประสาท (ภาวะที่ผ่องใสใจ) เป็น
อายตนะ ส่วนที่ถูกต้องเป็นผัสสะ ความเสวยอารมณ์เป็นเวทนาในอุปปัตติภพนี้
ธรรม ๕ ประการในอุปปัตติภพนี้เหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งกรรมที่ทำไว้ในปุเรภพ
ความหลงเป็นอวิชชา กรรมที่ประมวลมาเป็นสังขาร ความพอใจเป็นตัณหา
ความเข้าถึงเป็นอุปาทาน ความคิดอ่านเป็นภพ (ย่อมมี) เพราะอายตนะทั้งหลาย
ในภพนี้สุดรอบ ธรรม ๕ ประการในกรรมภพนี้เหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งปฏิสนธิ
ในอนาคต ปฏิสนธิในอนาคตเป็นวิญญาณ ความก้าวลงเป็นนามรูป ประสาทเป็น
อายตนะ ส่วนที่ถูกต้องเป็นผัสสะ ความเสวยอารมณ์เป็นเวทนา ธรรม ๕ ประ-
*การในอุปปัตติภพในอนาคตเหล่านี้ เป็นปัจจัยแห่งกรรมที่ทำไว้ในภพนี้ พระ-
*โยคาวจร ย่อมรู้ ย่อมเห็น ย่อมทราบชัด ย่อมแทงตลอด ซึ่งปฏิจจสมุปบาท
มีสังเขป ๔ กาล ๓ ปฏิสนธิ ๓ เหล่านี้ โดยอาการ ๒๐ ด้วยประการดังนี้
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด
เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนดปัจจัย เป็นธรรมฐิติญาณ ฯ

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๑๑๓๐ - ๑๒๑๘. หน้าที่ ๔๖ - ๕๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 130&Z=1218


อ้างคำพูด:
๖. ปัจจยาการวิภังค์
สุตตันตภาชนีย์
[๒๕๕] สังขารเกิดเพราะอวิชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
สฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เกิดเพราะชาติ
เป็นปัจจัย ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
[๒๕๖] ในปัจจยาการเหล่านั้น อวิชชา เป็นไฉน
ความไม่รู้ทุกข์ ความไม่รู้ทุกขสมุทัย ความไม่รู้ทุกขนิโรธ ความไม่รู้
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เรียกว่า อวิชชา
[๒๕๗] สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย เป็นไฉน
ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร กายสังขาร
วจีสังขาร จิตตสังขาร
ในสังขารเหล่านั้น ปุญญาภิสังขาร เป็นไฉน
กุศลเจตนา เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร ที่สำเร็จด้วยทาน ที่สำเร็จ-
*ด้วยศีล ที่สำเร็จด้วยภาวนา นี้เรียกว่า ปุญญาภิสังขาร
อปุญญาภิสังขาร เป็นไฉน
อกุศลเจตนาเป็นกามาวจร นี้เรียกว่า อปุญญาภิสังขาร
อาเนญชาภิสังขาร เป็นไฉน
กุศลเจตนาเป็นอรูปาวจร นี้เรียกว่า อาเนญชาภิสังขาร
กายสังขาร เป็นไฉน
กายสัญเจตนา เป็นกายสังขาร วจีสัญเจตนา เป็นวจีสังขาร มโนสัญ-
*เจตนา เป็นจิตตสังขาร
เหล่านี้เรียกว่า สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย


อ้างคำพูด:
“ปฏิจจสมุปบาทข้อที่ว่า วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้
เกิดนามรูปนั้นแล ในนามรูปก็มีทั้งวิญญาณและสังขาร ซึ่งมันจะมีการแตกต่างกันดังนี้คือ
สังขาร วิญญาณ ที่ต่อจากอวิชชานั้น เรียกว่า สังขารกรรม วิญญาณกรรม แตกต่างกับสังขาร
วิญญาณของนามรูป สังขารวิญญาณของนามรูปนั้นเป็นสังขารวิญญาณวิบาก เนื่องจากเป็น
การปรุงแต่งที่สำเร็จรูปแล้ว สังขารกรรม วิญญาณกรรม เป็นวาวะที่ไม่เป็นอิสระ
อยู่ภายใต้อำนาจของกรรม มีอวิชชาเป็นหางเรือใหญ่ อาศัยสังขารการปรุงแต่ง
อาศัยวิญญาณความรู้สึกในขณะที่กำลังปรับปรุงภพ อันจะเป็นแนวทางแห่งการก่อให้เกิด
ซึ่งในขณะนั้นจิตเป็นประธานอาศัยสังขารปรุงแต่ง อาศัยวิญญาณความรู้สึกในขณะที่กำลังปรุงภพ
อันจะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของสังขารกรรม วิญญาณกรรม ทั้งสองนั้น สืบเนื่องมาจากจิต ณ ที่นี้
จึงแล้วแต่กรรมจะจำแนกไป คือให้สังขารและวิญญาณนี้เห็นดีไป เมื่อเห็นดีไปอย่างไร
จิตก็จะไปตั้งก่อให้เกิดไปตามนั้น เพราะที่นี้จึงเป็นสถานที่กำลังปรุงแต่งภพ
ถ้าพิจารณาแล้วจะรู้สึกมันละเอียด และพึงจะรู้จริงได้ คือเมื่อจิตได้ดำเนินตามอริยสัจ
และเป็นวิปัสสนาอันแก่กล้าแล้วนั้นทีเดียว ที่กระผมได้อธิบายมานี้เป็นสักแต่ว่าแนวทางเท่านั้น
ตามความเป็นจริงต้องมีตาภายใน คือ กระแสจิต กระแสธรรมเท่านั้น ที่จะเข้าไปรู้จริงได้”


แก้ไขล่าสุดโดย FANTASIA เมื่อ 22 ก.ย. 2011, 00:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 207 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร