นมก.(นมัสการ) หลวงพี่โชติธรรม

คงต้องรอหลวงพี่แดงเข้ามาละมั้งครับ ผมจำผิดจำถูกไปแล้วในข้อนี้ เคยได้แต่ฟัง ไม่เคยสวดให้เขาฟัง
ครั้งจะมี คห. ไป เกรงว่าจะผิดเพี้ยนไป อดใจรอนิดนึงครับ

นมัสการครับ

ขอบพระคุณครับ
ยังไงหากมีข้อมูลกรุณาด้วยครับ

นมก.ท่านโชติธรรม

การนับกาลอุโบสถ (บางที่) นับตั้งแต่วันขึ้นแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำเดือน ๘ เป็นอุโบสถที่ ๑ ท่านคงหมาย
ถึงเขตฤดูฝนเริ่มเข้าเมื่อนั้น ในกรณีเช่นนี้ หากปีนั้นเป็นกปติมาสไม่มีเดือนเกิน(เดือน ๘เดือนเดียว) ก็คงมี
วันอุโบสถเพียง ๘ วันเท่านั้น หากปีนั้นเป็นปีอธิกมาสมีเดือนเกิน(ปีที่มีเดือน ๘ สองครั้ง) ก็คงมีวัน
อุโบสถ ๑๐ วัน

ปักษ์หนึ่งมีระยะเวลาประมาณ ๑๔-๑๕ วัน ใน ๑ เดือน ก็จะมี ๒ ปักษ์ ทรงมีพระพุทธานุญาตให้ยกอุเทส
ปักษ์ละ ๑ ครั้ง ก็ตกเดือนละ ๒ ครั้ง ระยะเวลากาลฝน ๔ เดือน ก็จะมี ๘ หรือ ๑๐ วันแล้วแต่กรณี

หากว่าเริ่มนับวันอุโบสถตั้งแต่ขึ้นแรม ๑๔-๑๕ ค่ำเดือน ๘ เป็นต้นไป กรณีในวันเข้าพรรษา จำต้องนับเข้า
ในวันอุโบสถด้วย เพราะยังไม่มีเหตุผลที่จะไปตัดทิ้งได้เลย ลำดับกิจของพระสงฆ์ก็ดูจะไม่ยุ่งยาก

ทำวัตร ฟังสวดปาฏิโมกข์ และอธิฐานเข้าพรรษา

ฉะนั้น ต้องนับวันเข้าพรรษาด้วย

หมายเหตุ ที่จริงการยกอุเทส ทรงให้ทำทุกปักษ์ แต่ภิกษุผู้ยกอุเทสมีน้อย และบางครั้งภิกษุทั้งหลาย เมื่อ
ไม่ใช่พรรษากาล ก็จะออกจาริกไปทั่วทิศ การจะยกอุเทสก็จะไม่ถูกต้องในเรื่องการนำบริสุทธิ์หรือฉันทะ
จึงมักนิยมทำกันแต่ในพรรษากาล

ผมเคยอยู่ที่พระอารามหลวง วันเข้าพรรษา บ่าย ๓ โมงก็ตีระฆังแล้ว มีการสวดปาฏิโมกข์ อธิฐานเข้า
พรรษาตามปกติไป แม้จะมีกิจอื่นด้วยงานบุญก็ตาม ซึ่งโดยปกติ หากไม่มีการสวดอุเทส จะตีระฆัทำวัตร ที่เวลา ๑๗.๓๐ น.โดยประมาณ

นมก.ด้วยความเคารพครับ

ขอประทานอภัย ไม่ได้ขัดใจแต่หวังดีนะครับ

ปกติ ถ้าเป็นฆราวาส เป็นข้อ ห้ามนิดนึงว่า อย่านำไปสวดเล่นนะครับ



ถ้าเป็นพระไม่เป็นไร

แต่ถ้าศึกษาภาษาบาลีก็ขออนุโมทนามานะที่นี้ด้วยครับ

กระผมขอรบกวนด้วยครับ
คือการนับอุโบสถขอปีนี้ 2554 เรานับ 7 อุโบสถ กับ 1 ปวารณา ใช่หรือเปล่าครับ
ถ้าอย่างนั้นเราจะนับอุโบสถที่ 1 ในวันเข้าพรรษาเลยใช่ไหมครับ
เออถ้าหากไม่รบกวนเกินไปช่วยลงการเปลี่ยนบุพกิจตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนถึงอุโปสถสุดท้ายให้กระผมใหม่ด้วยครับ

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปฏิทินวันพระ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดปี 2554


7. เดือนกรกฎาคม
วัน ศุกร์ ที่ 8 กรกฎาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8
วัน ศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม 2554 เป็น วัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (วันอาสาฬหบูชา)
วัน เสาร์ ที่ 16 กรกฎาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 (วันเข้าพรรษา)
วัน เสาร์ ที่่ 23 กรกฎาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 8 ค่ำ เดือน 8
วัน เสาร์ ที่่ 30 กรกฎาคม 2554 เป็น วันแรม 15 ค่ำ เดือน 8

8. เดือนสิงหาคม
วัน อาทิตย์ ที่ 7 สิงหาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 9
วัน อาทิตย์ ที่ 14 สิงหาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 (วันสาร์ทจีน)
วัน จันทร์ ที่ 22 สิงหาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 8 ค่ำ เดือน 9
วัน อาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 14 ค่ำ เดือน 9

9. เดือนกันยายน
วัน จันทร์ ที่ 5 กันยายน 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10
วัน จันทร์ ที่ 12 กันยายน 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
วัน อังคาร ที่ 20 กันยายน 2554 เป็น วันพระ แรม 8 ค่ำ เดือน 10
วัน อังคาร ที่ 27 กันยายน 2554 เป็น วันพระ แรม 15 ค่ำ เดือน 10 (เทศกาลกินเจ***)

10. เดือนตุลาคม
วัน พุธ ที่ 5 ตุลาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 11
วัน พุธ ที่ 12 ตุลาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (วันออกพรรษา)
วัน พฤหัสบดี ที่ 20 ตุลาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 8 ค่ำ เดือน 11
วัน พุธ ที่ 26 ตุลาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 14 ค่ำ เดือน 11

นมัสการหลวงพี่โชติธรรม

การนับอุโบสถต่างกันดังนี้ครับ

๑.ของอุบาสก อุบาสิกา ที่อยู่จำศีลอุโบสถ จะนับทุกวันพระ บางวัดก็นับวันพระทุกวันพระตลอดทั้งปี
บางวัดก็จัดให้มีแค่ทุกวันพระเฉพาะในพรรษากาล
๒.ของพระภิกษุสงฆ์ การนับวันอุโบสถ นับตามพระพุทธานุญาต ให้ยกพระวินัยสู่อุเทสทุกกึ่งเดือน หมาย
ถึงการสวดปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือนคือ ๑๕ วันโดยประมาณ

การนับเลยมีที่ต่างกัน

บางวัดก็จะสวดปาฏิโมกข์ตลอดทั้งปี ทุกปักษ์ ไม่จำกัดเฉพาะในพรรษาเท่านั้น บางวัดไม่ได้สวดนอก
พรรษา(เป็นความเสื่อมอย่างหนึ่ง) สวดเฉพาะในพรรษาเท่านั้น

ตามที่หลวงพี่ถามมา เรานับตั้งแต่วันเข้าพรรษาเป็นวันแรก ก็ต้องนับไปอีกประมาณ ๑๕ วัน หรือทาง
จันทร์คติ ก็จะดูที่ขึ้นแรมเป็นสำคัญ น่าจะเรียงลำดับ ดังนี้

๑.วัน เสาร์ ที่ 16 กรกฎาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 (วันเข้าพรรษา)
๒.วัน เสาร์ ที่่ 30 กรกฎาคม 2554 เป็น วันแรม 15 ค่ำ เดือน 8
๓.วัน อาทิตย์ ที่ 14 สิงหาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 (วันสาร์ทจีน)
๔.วัน อาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม 2554 เป็น วันพระ แรม 14 ค่ำ เดือน 9
๕.วัน จันทร์ ที่ 12 กันยายน 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
๖.วัน อังคาร ที่ 27 กันยายน 2554 เป็น วันพระ แรม 15 ค่ำ เดือน 10 (เทศกาลกินเจ***)
๗.วัน พุธ ที่ 12 ตุลาคม 2554 เป็น วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (วันออกพรรษา)

ตามที่มี คห. มานี้ คงต้องรอฟังหลวงพี่แดงก่อนนะครับ เป็นกิจของสงฆ์ ควรให้ภิกษุดูด้วยอีกครั้ง
ถ้าหลวงพี่แดงเห็นว่าวันต่างๆนี้ไม่ผิดแล้ว ค่อยว่าถึงการเปลี่ยนบาลีกันต่อไป

ปล. สงสัยหลวงพี่แดงท่านจาริก กทม เพลินไปแล้ว

ขอบพระคุณมากครับ
ที่ให้ความรู้แก่กระผมซึ่งกระผมอยากเรียนบาลีมากแต่ด้วยเวลา
ของกระผมไม่อำนวย สิ่งสำคัญประการหนึงที่ตำบลของกระผมมีแต่พระภิกษุที่หมุนเวียน
จำวัดไม่ค่อยมีภิกษุที่อยู่ประจำและแก่พรรษาเท่าไหร่ อีกอย่างเจ้าคณะตำบลท่านได้มอบหมาย
ให้กระผมเป็นผู้สวดครับ....

นมัสการหลวงพี่โชติธรรม

หลวงพี่ใช้คำว่าขอบคุณ ผมเกรงใจยิ่ง นมัสการด้วยความเคารพในภิกษุสงฆ์ครับ อย่าใช้คำว่าขอบพระ
คุณเลย อายตัวเองอย่างยิ่งครับ เนื่องจากที่ผมมี คห. ไปนั้น ในความคิดผม ยังไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย
อีกประการหนึ่งครับหลวงพี่ อยากให้หลวงพี่แทนตัวว่าหลวงพีดีกว่า ดูรื่นหูดีครับ กระผม เอาไว้ให้ญาติโยม
อย่างพวกผมใช้กันดีกว่า

เป็นธรรมดาครับหลวงพี่ วัดที่อยู่นอกเขตความเจริญของวิสัยโลก พระจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปมาก จนหา
พระที่จะประจำได้ยาก นับว่าเป็นโอกาสอันดีแท้ที่ท่าน จต.มอบหมายภาระให้หลวงพี่เป็นผู้สวด ในสมัย
ก่อน พระที่สวดได้นับว่ามีความสำคัญมาก และก็ถือมาจนสมัยนี้ ก็นับว่ามีความสัญคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

ครั้งหนึ่งผมเคยบวชอยู่ที่พระอารามหลวงชั้นเอก จัดว่าเป็นวัดใหญ่โตในลำดับต้นๆของประเทศไทย ปกติ
วัดนี้จะไม่รับพระเข้าสังกัดง่ายนัก แต่ก็มีการยกเว้นให้พระใหม่เก่ารูปใดก็ตาม สามารถเข้าอยู่สังกัดได้ โดย
ไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองตามระเบียบแบบแผนทางการศึกษา เพียงแต่พระรูปนั้นสามารถสวดได้ จะได้รับ
การแต่งตั้งเป็นเรื่องเป็นราว มีนิตยภัตรรายเดือนให้ ยกเว้นไม่ต้องศึกษาเพิ่มเติม มีหน้าที่สวดทุกปักษ์
ท่านเจ้าคุณเคยพูดให้ฟังว่า ท่านที่สวดได้ แม้ไม่แตกฉานไนเรื่องของวินัยอย่างช่ำชองก็จริง แต่ก็ยกย่อง
ให้ทรงภูมิพระวินัย ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงวินัย ก็เนื่องจากผู้ที่จะตีความทางวินัยมีมาก ถ้าจะเอาตีความ เราก็หา
ง่าย แต่ถ้าจะเอาจำหลักเกณฑ์นั้น หายากขึ้นทุกวันๆ

ในหนังสือภิกขุปาฎิโมกข์ น่าจะให้ความกระจ่างมาก หลวงพี่ค่อยๆทำความเข้าใจดู ผมว่าไม่ยาก บิดา
ผมบวชเป็นพระเช่นกัน(มรณะภาพแล้ว) ท่านจบ ป.๔ เอง ท่านยังทำความเข้าใจได้

คห วันนี้ครับ

การแบ่งเขตฤดู ตามปกติ การนับวันอุโบสถที่สวดกัน จะไม่นับรวมทั้งปี แต่จะนับเป็นฤดูกาลไป
ฉะนั้น ต้องรู้การแบ่งฤดูก่อน ข้อนี้หลวงพี่แดงท่านเคยนำมาลงครั้งหนึ่งแล้ว ดังนี้

คิมหันตะ(ร้อน) แรม ๑ ค่ำเดือน ๔ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
วัสสา(ฝน) แรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
เหมันตะ(หนาว)แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๒ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔

ใน ๓ ฤดูนี้ ก็รวมเอาทั้งปี คือ ๑๒ เดือนเลย แต่การนับจำนวนเต็มของวันอุโบสถ นับเป็นฤดูไป เช่น
ปีนี้ ในฤดูฝน นับแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ไปถึง วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ก็จะมีวันอุโบสถที่ต้องสวด
ทั้งหมด ๗ วัน ความจริงถ้านับแบบวันพระทุกวันพระ จะมีมากกว่า ๗ วัน แต่ทางวินัยให้ยกอุเทสทุก
กึ่งเดือน หมายถึงประมาณ ๑๔-๑๕ วัน ก็ต้องนับไล่ตามลำดับไป เช่น

วันแรก แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถ้านับไปตามขึ้นแรมทุกกึ่งเดือน ก็ต้องตัดวันพระแรม ๘ ค่ำเดือน ๘ ออก
ไป เพราะว่าผ่านไปไม่ได้ประมาณกึ่งเดือนนั่นเอง วันอุโบสถถัดไป จึงต้องเป็นวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๘

คิดว่าหลวงพี่พอเข้าใจบ้างแล้ว ทั้งนี้ การสวด ต้องสวดทั้งปี จะเฉพาะในพรรษากาลไม่ได้ เพราะมีพระ
พุทธานุญาตให้สวดทุกกึ่งเดือน ไม่มีตรัสให้เฉพาะพรรษากาล การสวดจึงต้องมีทุกกึ่งเดือนตลอดทั้งปี
การนับวันอุโบสถ ก็นับเป็นฤดูไป ตามวันขึ้นแรมที่แบ่งเขตฤดูไว้แล้ว ฤดูฝนมีวันอุโบสถ(วันสวด)เท่านี้
ฤดูหนาวเท่านี้ ฤดูร้อนเท่านี้ เป็นต้น ไม่ต้องรวมวันทั้งหมดทั้งปี

ถ้าเป็นภิกษุผู้สวด ท่านจะทำปฏิทินไว้ทั้งปี ปีต่อปีของท่านเลย ท่านจะมาร์คไว้เลยว่าวันไหนสวด ก็จะ
แจ้งวันอุโบสถให้ผู้ฟังทราบคร่าวๆได้เลย ว่าครั้งต่อไปวันที่เท่าไร หลังจากที่ท่านสวดครั้งนี้เสร็จแล้ว

วันนี้เท่านี้ก่อน และถ้าเจอข้อที่ผิดแปลกไปจากนี้ หรือต้องมีอะไรแก้ไขเพื่อเปลี่ยนให้ถูกต้อง ก็จะมาโพส
บอกไว้ครับ หากหลวงพี่เห็นว่าข้อใดไม่ถูกต้อง โปรดทักท้วงมา ช่วยกันทำให้ถูกครับ นานแล้วที่ผม
ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยบางครั้งอาจผิดพลาดไป

นมัสการด้วยความเคารพ

เป็นพระคุณอย่างยิ่ง....สาธุ

แวะเข้ามาอ่าน อนุโมทนากับทุกๆคำตอบที่มีสาระดีๆคะ