วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 16:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 09:04
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากถามว่าควรทำอย่างไรถ้าเราเป็นคนขี้อิจฉา คิดว่าตัวเองถูกเปรียบเทียบความรู้สึกเลยคิดว่าเสียเปรียบ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะมีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เราให้ความเคารพเราอยากให้เค้ารักเอ็นดูเราเหมือนลูกแต่เวลาอยู่กับท่าน เราโดนเปรียบเทียบกับใครอีกคนว่าเค้าขยันแบบนี้เค้าสร้างครอบครัวดำเนินชีวิตดี มีความคิดความอ่าน ไม่ทำตัวเป็นเด็กแบบเรา เราเองถือว่าการกระทำของเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเราคิดว่าเราทำตัวแบบนีนะไม่ได้ไปทำร้ายใครไม่ได้อยากได้อยากมีอะไรมากมายใช้ชีวิตไปวัน ๆ แค่นี้มันก้อมีความสุขเพียงพอแล้ว แต่ด้วยความรู้สึกว่าทุกครั้งเราโดนเปรียบเทียบเลยเกิดความกลัว เราเกิดความอิจฉาคนที่ผู้ใหญ่ท่านนั้นเอามาเปรียบเทียบให้เราฟัง อิจฉาเค้าว่าเค้าช่างโชคดีเหลือเกิน มีผู้ใหญ่ที่เราอยากให้เค้ารักเรา รักเค้าด้วย รู้สึกเสียใจ เรารู้สึกกลัวว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นจะไม่รักเรา เราจะทำไงดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการปล่อยวางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่เราก้อทำไม่ได้ ทำไงดี ทุก ๆ เรื่องที่ผู้ใหญ่ท่านนั้นติเรา ๆเอามาคิดรู้สึกเสียใจทุกครั้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2011, 09:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะว่า เราก็เป็นเรา ;เราไม่ใช่เขา แล้วเขาก็ไม่ใช่เรา : ถ้าหากเขาเป็นคนดีดังที่ท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นชมจริงๆ ผมว่าคุณก็ควรยินดีนะ ที่ในแวดวงคุณก็มีคนดีๆอยู่ คุณก็ควรเอาอย่างเสียบ้างในสิ่งที่คุณเห็นว่าดี

ที่ผู้ใหญ่ท่านว่าคุณน่ะ ก็คงเป็นเพราะว่าเขารักคุณ เขาจึงอยากเห็นคุณดีได้ดั่งใจเขา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2011, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูที่ตัวเราเองนี่แหละแล้วยึดคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเราปฏิบัติถูกหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจคำเปรียบเทียบของใครมันเป็นเรื่องของโลกคนเราเกิดมาเดี๋ยวก็ตายไปคิดอะไรมาก มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ มีสรรเสริญนินทา ทำถูกใจเขาก็ชมไม่ถูกใจเขาก็ด่า ก็เท่านั้นแหละ

การปฏิบัตินั้นก็คือ คิดเสียว่ามันเป็นบททดสอบกำลังใจของเรา ว่าเราจะปล่อยวางได้หรือไม่ ให้ปล่อยวางบ่อยๆ คิดเสียว่าสิ่งทั้งหลายมันไม่มีสภาพทนอยู่ได้ เมื่อกำลังใจของเราดีแล้วเราจะไม่ยอนดียินร้ายกับมัน เมื่อเราปฏิบัติได้แล้วเราจะรู้ว่าสุขที่แท้จริงคืออะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2011, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 190


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็เห็นด้วยกับความเห็นของแต่ละท่านที่กล่าวมาก่อนหน้านี้นะครับ เขาชมเรา เราก็รับไว้ เขาติด่าเราก็วางเฉย หากเราทำหน้าที่ของตนได้ดีถูกต้องตามความจริงทั้งกาย วาจา ใจ นอกนั้นจะดีจะเลวก็เป็นเรื่องของเขา คนละเรื่องกับเรา เขาดีกว่าก็ยินดีกับเขา เขาเลวกว่าก็เมตตาต่อเขา กรุณาช่วยให้เขาดีตามที่ควรจะเป็น ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีตามกำลังความสามารถ คิดมากไปเปล่าเนี่ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2011, 00:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านคำถามแล้ว เต็มไปด้วยคำว่า เค้า เรา

รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง

รูปไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
เวทนาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
สัญญาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
สังขารไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
วิญญาณไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่อัตตาของเรา

และก็ไม่ใช่ของใคร

ควรหรือที่จะทุกข์เพราะสิ่งเหล่านี้

ใครกันที่ด่าเรา ใครกันที่ถูกด่า ใครกันที่เหนือกว่าเรา ใครกันที่ด้อยกว่าเรา ใครกันที่เสมอเรา
เสียงด่า เสียงชม เป็นสักว่าเสียง ไม่หยุดปรุง ไม่หยุดยึด ก็ทุกข์เรื่อยไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2011, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ใครกันที่ปล่อยวาง เราหรือที่ปล่อยวาง
ใครกันที่ทุกข์ เราหรือที่ทุกข์
ไม่ใช่ๆๆๆ

ปล่อยวาง เรา
ปล่อยวาง เขา ก่อนนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความอิจฉาใน คุณสมบัติของคนอื่น เป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง ซึ่งปกติมนุษย์ทุกคนมีนะครับ ถ้าคุณโยมไม่อิจฉาใคร นั่นแสดงว่าคุณดีพร้อมไปเสียทุกอย่างแล้ว หรือคุณเพียงทำแทรงเป็นว่าไม่สนใจไม่ใส่ใจ หรือแอบอิจฉาลึกๆ ในใจ นี้ก็เป็นปกติธรรมดาของคนเราอีกแบบนึง เป็นหลักคิดแคบๆ คิดง่ายๆ เป็นหลักเบื้องต้นที่ ปัดได้ ช่วยได้ในระดับหนึ่ง กับอีกแบบหนึ่ง เป็นแบบสุดท้าย พ้นไ้ปจากสภาพหรืออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเชิงลบแบบถาวร ไม่กับเป็นอีก ในอกุศลจิตเหล่านี้ ก็เพียงบอกไว้ว่ามี แต่ขอไม่กล่าวในที่ี้นี้

มาพิจารณาวิธีการอย่างกลางๆ ในหลักการเจริญพรหมวิหาร โดยเฉพาะ มุฑิตาจิต คือมีจิตพลอยชื่นชมยินดีใน รูปสมบัติ คุณสมบัติ ฯลฯของบุคคลอื่น ถ้ายินดีไม่ได้ เปิดใจไม่เป็น เย็นใจไม่ได้ คนที่เป็นเจ้าของความอิจฉาริษยานั่นแหละ จะร้อนใจและปิดโอกาสในการพัฒนา ยกระดับจิตใจตนเองให้สูงขึ้น พร้อมสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับบุคคลอื่น ที่ไม่ใ่ช่ศัตรูแต่ดันถูก อารมณ์มันบงการจน ขาดเหตุผล ไปเกลียดไปไม่ชอบใครสักคนเพียงเพราะเขา ดีกว่า ถ้ายังยืนอยู่ในโลก สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศเหล่านี้เป็นสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เจอเหตุการณ์นี้วันนี้ วัยนี้ ก็ต้องไปเจอกับเหตุการณ์อื่นในวันหน้าเช่นกัน ดังนั้นมองผ่านเหตุการณ์ีนี้่ว่าจะเป็นบทเรียน เพื่อยกระดับ ยกคุณภาพจิตใจ ไม่ให้ตกเป็นทาสอารมณ์ขี้อิจฉา เห็นสมควรใช่ไหมครับ

ผู้ใหญ่ที่เรารัก หรือผู้ใหญ่สวนใหญ่ที่เป็นคนเก่งมีความสามารถ คงไม่ฉลาดน้อยถึงกับอยากติใครชมใคร ให้รู้สึกอิจฉาริษยา แล้วกลายเป็นทำลายคนๆ หนึ่งเพื่อยกคนอีกคนหนึ่ง การติเพื่อก่อ เพื่อสร้างคนคุณภาพเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่มองการณ์ไกลนะครับ เออ..แต่เว้นไว้ว่าเป็นการลำเอียงเพราะชอบพอจริง นั่นก็แก้ไขได้ อย่างที่บอก ว่าโลกธรรม มีขึ้นมีลง วันนี้ยังไม่ใช่วันของเรา จะมัวมาคิดผิดเห็นผิด ไม่เดินหน้าพัฒนายกระดับตัวเอง พอใจแล้ว ดีแล้ว ก็อย่าไปมัว แอบอิจฉาใครลึกๆ ทีหลัง ไม่สนุกหรอก

ส่วนความคิดเห็นอารมณ์ส่วนตัว ก็ไม่มีใครบังคับคุณโยมหรอกนะ ที่จะพอเท่านี้ เป็นเท่านี้ ไม่ทำใครเดือดร้อน อันนั้นก็ถูกต้องก็ดีของเราแล้วไงครับ แต่คำถาม ความคาดหวัง ใครละที่ ใจแคบไม่ยินดีชื่นชมในความดีของคนอื่น ใครละปิดโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง และทำให้คนที่เรารักและเคารพ นั้นรักเรา! ก็เราเองไม่ใช่หรือ ดังนั้นไม่ใช่ปล่อยวาง มีอุเบกขานะครับ ปล่อยวางนะดี มันอยู่ในวิธีการขั้นสุดท้าย มีจิตมีใจเป็นกลางต่อ อารมณ์ความรู้สึกตัวเอง เช่น อารมณ์อิจฉาไม่ได้เกิดกับเราตลอดเวลา ไม่มีจริง คือมีแล้วก็หายไป เดี๋ยวก็มีอีก ตามเหตุ ถ้าเกิดนึกคิด หลงไปนึกคิด ตัว Ego ที่ไม่ฉลาดของเราก็จะทำงาน ดึงความรู้สึกเชิงลบ มาควบคุมความรู้สึกนึกคิด ถ้าไม่รู้ตัว ก็จะสะสมเพิ่มความเกลียดในผู้ใหญ่ที่เรารักและคนที่ผู้ใหญ่ที่เรารักไปชม ไม่ได้สร้างสรรค์เลย เจ้า Ego ที่ไม่ฉลาดนี้

อ้าวได้บอกวิธีการขั้นสุดท้ายไปจนได้เล็กน้อย โอเคเป็นการเห็นจิตใจ สังเกตุอารมณ์ตนเองดีๆ ตอนมันไม่มี จิตไม่อิจฉาก็รู้ว่าจิตไม่อิจฉา ตอนจิตอิจฉาก็รู้ว่าจิตนั้นอิจฉา พอสังเกตุๆ ไปเบื้องต้นจะสุขใจสบายใจที่จิตขณะนั้นๆ ไม่อิจฉา แต่พอเกิดเหตุ เจอผู้ใหญ่ที่รัก พูดเรื่องพี่คนนั้น หรือ Ego ที่ไม่ฉลาดของเรามันทำงาน เหตุให้ทุกข์เกิด จิตอิจฉาก็เกิด พอรู้ตัวมีสติขึ้นมา เห็นจิตที่อิจฉา ใหม่ๆ ก็จะไม่เป็นกลาง ไม่ยอมรับ ปฏิเสธ นั้นยิ่งทำให้ อึดอัดเดือดร้อนหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น

เพียงสังเกตุดูไปสบายๆ เหมือนเฝ้าสังเกตุตัวตนของเรา ที่ถูกอกุศลจิต อารมณ์อิจฉาเข้าครอบงำ พอสังเกตุเห็นรู้ทัน จิตที่อิจฉานั้นๆ ก็จะดับไปต่อหน้าต่อตา จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ลองดูครับ

แต่หากไม่ทัน คือพิจารณาจิตใจตนเองไม่ทัน และเป็นกลางต่อสภาวะขี้อิจฉาไม่ได้ ให้หันกลับมา เจริญพรหมวิหาร ในข้อ มุฑิตาจิต อบรมให้มากๆ ให้เกิดความเย็นใจสุขใจ เปิดใจยอมรับ มองว่้าผู้ใหญ่ท่านติเพื่อก่อ ไม่ใช่ติเพื่อทำลายเรา นอกจากเราหลงไปเอง ชื่นชมยินดีกับพี่คนนั้นละลาย อกุศล อารมณ์ขี้อิจฉานี้ลงไป ให้เขามีความสุขอย่าได้พรากไปจาก คำสรรเสริญชื่นชมนั้นๆ เลย และไม่ประมาทไม่นอนใจ ไม่เข้าข้างตัวเอง พัฒนาตัวเองตามหลัก พระพุทธศาสนา ปล่อยวางไม่ใช่ขี้เกียจ ไม่ใช่ยอมแพ้ ไม่ใช่ปล่อยแบบขาดปัญญา มิฉะนั้น พอเวลาที่พี่คนนั้น ถูกด่าถูกนินทา ถามคุณโยมหน่อย ว่าจะดีใจพอใจ ชอบหรือที่ จิตที่ Ego ที่ไม่ฉลาดของเรา จะกระหยิมยิ้มย่องพออกพอใจสุดๆ ที่เห็นคนอื่นที่ไม่ชอบใจพอใจถูกทำลาย จะดีใจที่หัวจิตหัวใจเราเป็นอย่างนี้หรือครับ?

ครับยังอยู่ในโลก ความเมตตา มีไมตรีจิต ความกรุณาสงสารเวลาคนอื่นได้รับความทุกข์ มุฑิตา ความพลอยยินดีชื่นชมต่อสมบัติของคนอื่นๆ สามอย่างนี้เืมื่ออบรมเจริญจนถึงที่สุดแล้ว แก้ปัญหา ต่อสู้ฟันฟ่าอุปสรรคนั้นๆ มาแล้ว เรียนรู้พัฒนายกระดับจิตใจตนเองแล้ว ค่อยมาเรียนรุ้จักความปล่อยวาง โดยปราศจาก เราจากเขาอย่างแท้จริง ไม่ต้องแอบอิจฉาใครอีก เอาใจช่วยนะขอเจริญพร


รูปภาพ



Credit image by:
http://widget.sanook.com

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 14:47
โพสต์: 31

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: 7 เดือนบรรลุธรรม
อายุ: 0
ที่อยู่: หุบเขาไร้รัก

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ต้องพยายามทำไปเรื่อยๆ ล่ะค่ะ
เวลาพูดน่ะพูดง่าย รู้แล้ววาง ใครๆ ก็พูดได้
แต่เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามากระทบมันก็ยากที่จะไม่กระเทือนไปถึงใจ
ไม่มีใครทำได้ ผ่านได้ด้วยการไม่ฝึกไม่หัดมาก่อนหรอกนะคะ
นักกีฬาที่ว่าเก่งๆ ชิงแชมป์มาได้ เขาก็ต้องผ่านการฝึกมาอย่างหนัก
ใจของเราเองก็เช่นกัน อยู่ๆ จะให้นิ่งๆ เหมือนน้ำตอนที่ไม่โดนคลื่นซัดก็คงจะไม่ใช่

นี่ก็ฝึกอยู่เหมือนกันยังไม่ค่อยจะผ่านเลย่ค่ะ
บางครัั้งคิดว่าผ่านแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ มันก็แอ่นอกรับซะเต็มที่เลย
เจ็บไปถึงใจ น้ำตาไหลพรากๆ เช่นกัน กว่าจะตั้งสติและระลึกรู้ว่าใจเราเองที่เก็บมาคิด
มาให้ความสำคัญกับคำพูด กับคนๆ นั้น (ญาติผู้ใหญ่หรือใครก็แล้วแต่)

:b48: :b48: :b48: ฝึกสติบ่อยๆ รู้เท่าทันอารมณ์บ่อยๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ :b48: :b48: :b48:



.....................................................
เพียงพบพาน เพื่อผ่านภพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร