วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 04:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2010, 13:00
โพสต์: 599

งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม พัฒนาวัดร้าง
สิ่งที่ชื่นชอบ: กฎแห่งกรรม
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สวัสดีค่ะ ได้ขออนุญาตจากหลวงพ่อจิรวัฒน์ ญาณธีโร วัดต้นไทรย์ และลูกศิษย์วัดป่าบ้านหนองผักแว่น เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาลง เนื่องจากเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของหลวงพ่อจิรวัฒน์ จริงที่ประสบมาโดยตรง เรื่องมีอยู่ว่า...

ผี...มีจริงหรือ?....เป็นคำถามที่ไม่สามารถอธิบายโดยมีพยานอ้างอิงได้เต็มปากเต็มคำ เรื่อง..ผี..เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานมนาน ไม่มีที่สิ้นสุด หากแต่คนที่ยังไม่เคยเจอผีก็มักมีเหตุผลมาอ้างอิงเสมอ เช่น ตาฝาดหรือเปล่า เมาหรือเปล่า โกหกหรือเปล่าและอีกหลาย ๆ เหตุผลมาเปรียบเทียบแต่...คนที่เคยเจอ..ผี.. จึงรู้ว่า..ผี..มีอยู่จริง ไม่ได้เมา ตาไม่ฝาดและไม่ได้โกหก คนที่เคยเจอมักจะพูดได้ประโยคเดียว....คุณไม่เคยเจอ คุณไม่รู้หรอก....ก่อนที่จะบอกได้ว่า..ผี..มีจริงหรือไม่?..เรามาดูกันก่อนสิว่าไอ้เจ้า..ผี..มันคืออะไร....จากหนังสือ..ผีในวรรณคดี..ครับ เขียนโดยคุณวิชาภรณ์ แสงมณี ข้าพเจ้าขอนุญาตคัดมาเป็นบางส่วนซึ่งเป็นข้อมูลทางวิชาการอาจมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านหรือไม่ก็เอาแค่พอคลายเครียดจากการทำงานในชีวิตประจำวันครับ...เราเริ่มกันเลยนะครับ
ผี....คืออะไร ?
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้คำจำกัดความไว้ว่า..ผี..สิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสภาพลึกลับ มองไม่เห็นตัว แต่อาจปรากฏเหมือนมีตัวตนได้ อาจให้คุณหรือโทษได้ มีทั้งดีหรือร้าย เช่น ผีปู่ย่าตายาย ผีเรือน ผีห่า ; เรียกคนที่ตายแล้วว่า ..ผี..
นี่คือคำอธิบายเรื่อง..ผี..ตามพจนานุกรม
พลตรี หลงวิจิตรวาทการ ท่านปราชญ์คนหนึ่งของเมืองไทยได้อธิบายเรื่องผีไว้ในหนังสือ...วิชชาแปดประการ...ของท่านว่า
ลัทธิโยคีนั้น เขาถือว่าในมนุษย์เรามีส่วนใหญ่ที่แบ่งออกได้เป็น ๗ ส่วนคือ
๑. กาย
๒. เจตภูต
๓. ปราณ
๔. สัญญา
๕. ปัญญา
๖. ดวงจิต
๗ . วิญญาณ


คือท่านเรียงลำดับจากละเอียดมาหาของหยาบที่สุดคือ..กาย..และท่านอธิบายเรื่องเจตภูตไว้ว่า
เจตภูต..เป็นกายอีกกายหนึ่งซึ่งมีลักษณะละเอียดกว่ากายธรรมดา เพราะปกติเราเห็นด้วยตาไม่ได้ แต่ก็ยังหยาบกว่าธรรมชาติอีก ๕ ประการเพราะเจตภูตนี้ยังอาจเห็นได้ด้วยตาในบางครั้งเจตภูตเป็นสิ่งซึ่งคนในสมัยโบราณรู้จักดีที่สุด และเป็นบ่อเกิดของการ..ถือลาง..หรือ..ผีสาง.. หรือสิ่งลึกลับอะไรต่าง ๆ แต่ตามลัทธิของ..โยคี..นั้น..เจตภูต..เป็นส่วนหนึ่งของกาย แยกออกจากกายได้เป็นบางครั้ง เช่นเวลาหลับนอน การที่แยกออกไปนั้นก็ยังมีความเกี่ยวพันกับกายอยู่ คล้ายมีสายใยผูกติดกันไว้ สามารถดึงเอากลับกายได้เมื่อต้องการ ในบางครั้งถูกดึงเข้ามาแรงหรือเร็วเกินไป เจตภูตก็กระทบกายอย่างแรงจนคนเรารู้สึกตัว ตัวอย่างเช่น เรานอนหลับอย่างสบาย...เจตภูตกำลังออกจากร่างกายไปท่องเที่ยวอย่างเพลิดเพลิน พอเกิดมีเสียงโครมครามขึ้นข้าง ๆ ตัวเราตกใจตื่น สายใยดึงเอาเจตภูตเข้ามาสู่กายทันทีและกระทบกายอย่างแรง จนเมื่อเราตื่นขึ้นมารู้สึกใจเต้นหรือตัวสั่นอยู่นาน
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการกล่าวต่อไปว่า

.....เมื่อกายแตกหรือถูกทำลายลง ที่เราเรียกว่า..ตาย..เจตภูตจึงไม่มีกายอยู่และออกท่องเที่ยวไป จนบางครั้งทำให้คนอื่นเห็นประจักษ์ตาอย่างที่เราเรียกว่า..ปีศาจ..ในเรื่องกายกับเจตภูตนี้อาจเปรียบเทียบได้อย่างดีกับตัวเราและบ้านของเรา สมมุติว่าเรามีบ้านซึ่งอยู่มานานจนจวนพังแล้ว เรารู้ว่าบ้านนั้นจะพังลงในวันหนึ่งจึงเตรียมแสวงหาที่อยู่ไว้ใหม่ เมื่อบ้านนั้นพังทลายลงจริง ๆ เราก็ไปอยู่บ้านใหม่ทีเดียว โดยมิต้องมาวนเวียนอยู่ที่เก่าหรือต้องไปอาศัยญาติพี่น้องอยู่ แต่ถ้าบ้านของเรายังดีอยู่แท้ ๆ เราไม่เคยนึกว่าบ้านของเราจะพังทลาย บังเอิญเกิดภัยพิบัติเช่นอัคคีภัยมาทำลายบ้านของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือเตรียมแสวงหาที่อื่นไว้ เช่นนี้ เราก็มีอยู่สองทาง ทางหนึ่งวิ่งไปอาศัยญาติพี่น้องอยู่ อีกทางหนึ่งเราไม่รู้จะไปอาศัยใครเราก้ต้องวนเวียนอยู่ในบริเวณบ้านเก่าที่ถูกทำลายลง ตากแดดตากฝนอยู่ในที่นั้น จนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ดังนี้ฉันใด เจตภูตก็ฉันนั้น เมื่อกายเจ็บปวดทนทุกขเวทนาอยู่นาน เช่นเป็นโรคเรื้อรังแรมปี เจตภูตรู้ตัวแล้วว่ากายอันนี้จะทนทานอยู่ไม่ได้นาน ก้เริ่มท่องเที่ยวออกมองหาที่ไปอยู่ไว้ก่อน พอกายอันนี้ถูกทำลายลงเจตภูตก็ออกจากกายโดยเรียบร้อย ไม่ต้องวนเวียนไปมาอยู่ใกล้ ๆ แต่ถ้าร่างกายถูกทำลายลงเพราะอุบัติเหตุ เช่นถูกรถทับตาย ถูกฆ่าตาย หรือตายด้วยโรคปัจจุบันอย่างใดอย่างหนึ่งเจตภูตต้องออกจากกายโดยมิทันเตรียมตัวจึงไม่รู้จะไปทางไหน จึงต้องวนเวียนอยู่ตรงนั้นเองหรือวิ่งไปหาพี่น้องที่ตนรักใคร่ จนบางครั้งไปปรากฏแก่ตาของใครคนหนึ่งเข้า จึงถูกเรียกว่า..ปีศาจ..และเพราะเหตุนี้เองคนที่ตายด้วยโรคเรื้อรังทนทุกขเวทนามาตลอดกาลนานนั้น ไม่ค่อยมีใครจะเห็น..ปีศาจ..แต่คนที่ตายโดยปัจจุบันทันด่วนมักจะมีคนเห็น..ปีศาจ..บ่อย ๆ จรเราถือกันว่าคนที่ตายโหงมักจะ..เป็นผีดุ.. แต่ถ้าเราเชื่อตามลัทธิโยคีที่อธิบายมานี่แล้ว เราจะไม่กลัวผีเลย เพราะสิ่งที่เราเรียกว่า..ผี..หรือ..ปีศาจ..ซึ่งเราหมายความถึงธรรมชาติที่ดุร้ายอะไรต่าง ๆ นั้นที่จริงก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนี้เอง และมีอยู่ตั้งแต่เรามีชีวิตอยู่ ไม่ใช่มีขึ้นหลังจากเราตายไปแล้ว....

.....................................................
จงมีจิตใจที่ดี รักเพื่อนมนุษย์ เชื่อในความดีของผู้อื่น
และไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด จงพยายามยิ้มกับตัวเองแล้วบอกว่า
ตนเองมีความสุข สามารถแก้ปัญหาได้
ความคิดแบบนี้จะช่วยทำให้มีสติในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2010, 13:00
โพสต์: 599

งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม พัฒนาวัดร้าง
สิ่งที่ชื่นชอบ: กฎแห่งกรรม
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ครับ...นี่เป็นคำอธิบายเรื่อง..ผี...ของพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ คราวนี้ลองไปศึกษาท่านเสถียรโกเศศหรือท่านพระยาอนุมานราชธนกันบ้าง...ท่านกล่าวไว้ในหนังสือ..ผีสางเทวดา..ไว้ว่าอย่างนี้ครับ
.....สิ่งใดตามปกติไม่สามารถมองเห็นตัวได้ แต่เราถือหรือเข้าใจเอาว่ามีฤทธิ์อำนาจอยู่เหนือมนุษย์ อาจให้ดีหรือให้ร้าย คือให้คุณหรือให้โทษแก่เราได้ สิ่งเหล่านี้เรากลัวเกรงและบางทีก็ต้องนับถือด้วย เราจึงเรียกสิ่งที่ว่านี้ว่า..ผี.. จริงอยู่ บางคนเคยเห็นผี แต่ที่ว่าเห็นนั้นไม่ใช่เห็นตัวตนจริง ๆ ของผี ..ผี ..นั้นตัวจริงจะมีอย่างไรแน่ไม่มีใครทราบ ทราบแต่ว่าถ้าผีต้องการจะให้เห็นตัวตนก็จะสำแดงเป็นรูปร่างราง ๆ ไม่ชัดเจน หรือไม่ก็เป็นรูปต่าง ๆ ตามแต่ผีจะต้องการจะให้เห็น หรือตามที่เราจะเห็นไปเอง และว่านั่นแหละคือ..ผี.. หรือถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งใดที่ปรากฏขึ้นแก่เราและเราไม่สามารถอธิบายด้วยปัญญาและเหตุผลหรือคิดว่าเป็นสิ่งประหลาดน่าอัศจรรย์ผิดธรรมดาสามัญที่ควรจะเป็น สิ่งนั้นเราก้เรียกว่า..ผี..และเรียกอาการที่ปรากฏขึ้นในธรรมชาติที่ประหลาด อัศจรรย์หรือรุนแรงน่าสะพรึงกลัวว่า ..ผี..เป็นผู้บันดาลให้ปรากฏขึ้น ผีนั้นจะต้องมีอยู่ตลอดไป ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนทุกวันนี้.....
ท่านเสถียรโกเศศได้กล่าวไว้อีกว่า
.....คนโดยมากถือว่าเมื่อตายแล้วก็ไปเป็นผี...อะไรตาย..ตอบอย่างกำปั้นทุบดินว่าสิ้นลมหายใจ ร่างกายไม่เคลื่อนไหวกระดุกกระดิกได้อีกต่อไป แล้วก้เน่าเปื่อยสูญสิ้น เพราะฉะนั้นที่ว่าตายคือตายแต่ร่างกาย แต่เราซึ่งเป็นลม ๆ มองไม่เห็นตัวนั้นถือว่าไม่ตาย สิ่งที่เป็นลม ๆ นี้เดิมเราเรียกว่า..ขวัญ..แต่เดี๋ยวนี้เราเรียกว่า..วิญญาณ..และวิญญาณนี้แหละถ้ายังไม่มาเกิดเป็นคนอีกก็ไปเกิดเป็นผีวิญญาณนั้นมีรูปร่างเป็นอย่างไรก้ไม่มีใครเคยเห็น ถ้าจะนึกเอาก็เห็นจะมีรูปร่างกลม ๆ อย่างดวงไฟ เราจึงเรียกว่า..ดวงวิญญาณ..และคงจะมีลักษณะแบน ๆ ด้วยเราจึงพูดว่า..ขวัญบิน..คือขวัญหนีออกจากร่างกายไปเมื่อคนยังมีชีวิตหรือยังมีลมหายใจอยู่ก็เรียกว่ายังเป็นอยู่หรือยังไม่ตายเพราะวิญญาณสิงอยู่ ครั้นเมื่อตายแล้ววิญญาณจะได้อะไรอาศัยเป็นร่างกายตัวจนเล่าและจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใคร ตอบง่ายนิดเดียวว่ามีร่างเหมือนอย่างเดิมและแบบบางแต่โปร่งมาก เห็นได้แต่เงา ๆ เป็นลม ๆ เท่านั้น เรียกในภาษสันสกฤตว่า..อาตมัน..เดิมแปลว่า..ลมหายใจ..แต่เราเรียกว่า..วิญญาณ..เดิมแปลว่าความรู้สึก เพราะฉะนั้นเมื่อวิญญาณยังไม่มีโอกาส มาเกิดมีรูปร่างเป็นคนอีกก็เป็นผีไปก่อน เหตุนี้ผีจึงไม่มีรูปร่างเป็นแต่ลม ๆ ถ้าจะมีรูปร่างเมื่อเป็นผีก็เป็นรูปหากบันดาลให้เราเห็นไปเอง .....

ท่านผู้อ่านครับ...พอจะมองเห็นความหมายหรือตัวตนของคำว่า..ผี..กันหรือยัง...ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดกันใช่ไหมครับ คงจะลดหรือเลิกกลัวกันไปได้บ้าง...ผมผู้เขียนก็เคยโดนสอง-สามครั้งครับ เขียนลงในเรื่องสั้นเรื่อง..อุปาทาน..นั่นก็ใช่ ท่านที่ยังไม่ได้อ่านลองย้อนกลับไปอ่านสิครับ....ผมก็ยังชี้ชัดไม่ได้ว่า..ผี..มีตัวตนเป็นอย่างไร..แค่..มาเป็นลม ๆ วูบ ๆ วาบ ๆ อย่างที่ท่านเสถียรโกเศศกล่าวไว้ไม่ผิดเลย
หากใครที่ไม่เชื่อหรือยังไม่เคยเจออยากลองพิสูจน์ก็ย่อมได้....ตอนดึก ๆ หลังเที่ยงคืนไปแล้ว เชิญไปนั่งตามสี่แยกที่มีอุบัติเหตุตายกันบ่อย ๆ( ไปคนเดียวนะโยม ) อาจพบเห็นเจตภูตก็ได้หรือไปที่ป่าช้าเก่า ๆ ตามบ้านนอก ( ป่าช้าฝังแบบโบราณนะครับ หรือซองเก็บศพก็ได้ ..อย่าลืม!..ไปคนเดียวนะโยม ) คุณอาจโชคดีเจอแจคพอต ฟรีไสตล์ 1500 เมตร แบบม้วนเดียวจบก็เป็นได้ ก่อนไปก็หาเครื่องลางของขลังคล้องคอไปเสียหน่อยนะจ๊ะ...เหล่าคนไม่กลัวผี...เผื่อท่านจะช่วย.บำรุงขวัญและสร้างสรรกำลังใจให้เพิ่มมากขึ้น

.....................................................
จงมีจิตใจที่ดี รักเพื่อนมนุษย์ เชื่อในความดีของผู้อื่น
และไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด จงพยายามยิ้มกับตัวเองแล้วบอกว่า
ตนเองมีความสุข สามารถแก้ปัญหาได้
ความคิดแบบนี้จะช่วยทำให้มีสติในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2010, 13:00
โพสต์: 599

งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม พัฒนาวัดร้าง
สิ่งที่ชื่นชอบ: กฎแห่งกรรม
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เมื่อปีพ.ศ.2523 ที่หมู่บ้านหนองผักเเว่น ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้เกิดเรื่องเศร้าใจขึ้น ตอนนั้น อาตมาเป็นเด็ก อายุ7ขวบ คุณโยมสัม ซึ่งเป็นสาวงามคนหนึ่งของหมู่บ้าน ได้กินยาฆ่าตัวตายเนื้องจากผิดหวังในความรัก จากชายหนุ่มที่ไม่ขอเอ่ยนามในหมู่บ้านปัจจุบันเสียชิวิตเเล้ว หลังจากโยมพี่สัมตายได้2ปี เรื่องก็มีอยู่ว่า โยมพี่สัมได้ เเอบมีความสัมพันธ์ อย่างลึกซึ้ง จนตั้งท้องอ่อนๆ เเต่ผู้ชาย ไม่รับผิดชอบ เนื่องจากผู้ชายเป็นคนรูปหล่อ หน้าตาตี มีเเฟนหลายคน ความผิดหวังบวกกับความอาย กลัวพ่อเเม่จะรู้
ทำให้โยมพี่สัมคิดสั้นกินยาฆ่าตัวตาย...จากคำบอกเล่าของคุณยายสำราญ บูรณะกิตติ เล่าให้อาตมาฟังว่า เช้าวันนั้นโยมพี่สัมไปซื้อยาฆ่าเเมลง ที่ร้านขายของประจำหมู่บ้าน ไปเลียงควายที่ทุงนาความปกติ เเต่วันนี้ดูเเปลกๆ(ยายราญเล่า) โยมพี่สัมเเต่งชุดสีดำทั้งชุด หน้าตายิ้มเเย้ม เเจ่มใสผิดปกติ เจอใครก็ทักทายไปหมด ก่อนหน้านั้นเศร้า หน้าตาหมองคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน เวลาบ่ายๆ พ่อใหญ่น้อยวิ่งว่าบอกโยมพ่ออาตมา ว่า ....อีสัมกินยาตาย อยู่ใกล้กับจอมปลอก ต้นพอก นาพ่อใหญ่น้อย โยมพ่ออาตมาเเละโยมเเม่
วิ่งไปเพื่อจะช่วย ชีวิต ทำทุกวิธี ทั้งเอาไข่ไก่สดๆ กรอกปาก เเละวิธีอื่น โยมพ่ออาตมา (พ่อใหญ่ลี สาหินกอง) จับดูชีพจร หยุดเต้นเเล้ว จึงบอกทุกคนให้รู้ ว่า อีสัมตายเเล้ว มีคนหนุ่มวัยรุ่นวิ่งมาบอกชาวบ้านให้ออกไปดู รวมทั้งพ่อใหญ่เเก่วเฟี้ย พ่อของโยมพี่สัมด้วย ชาวบอกเเตกตื่นกันออกไปดูศพ เป็นจำนวนมาก คุณยายราญเป็นคนนั่งเฝ้าศพรอ เหลือบไปเห็น รูปูมีขวดยาฆ่าเเมลง ซุกอยุ่ในนั้น มีกระดาษ1เเผ่นเขียนดินสอดำว่า ความว่า มึงต้องรับผิดชอบ มึงต้องตายตามกู เเละกราบขอโทษพ่อเเม่ คืนนั้นทั้งคืนศพยังอยู่ ที่เดิม เพราะต้องรอตำรวจไปตรวจพิสูจน์ ยายราญเเละโยมเเม่ อาตมาเข้ามานอนในหมุ่บ้าน เพราะความกลัว ที่เหลือส่วนมากเป็นผู้ชายเเละญาติพี่น้องเฝ้าศพ...ชายคนรักของโยมพี่สัม ไม่กล้า ย่างก้าวเข้ามาดูศพเลย คืนนั้นเเก่นอนไม่ได้ ทั้งคืน จะหลับตาลงก็เหมือนมีมือจะคอยบีบคอ(เล่าให้คนที่เป็นญาติ อาตมาฟัง) ช่วงบ่ายวันต่อตา ชาวบ้านช่วยกันทำโลงที่ประกอบด้วยไม้ เเบกใส่บ่า ข้ามทุ่งระยะทางประมาณ4กิโลเมตร เพื่อนำร่างไร่วิญญาณ ไปฝังที่ป่าช้าบ้านหนองผักเเว่น(ปัจจุบั้น คือวัดป่าบ้านหนองผักเเว่น)

(ศพตายโหง สมัยห้ามนำเข้าไปในหมู่บ้าน) ถึงป่าช้า ประมาณบ่าย4โมงเย็น ชาวบ้านช่วยกันขุดหลุม ลึกประมาณ2เมตร ก่อนจะฝังพ่อใหญ่เเก่วเฟี้ย ขอเปิดดู หน้าลูกสาวอันเป็น ที่รักครั้งสุด ท้ายพร้อมร้องให้ บอกให้ลูกฟื้นคืนมา ทุกคนเห็นเเล้ว น่าเวทนา เเละสงสารหัวอกผู้เป็นพ่อเป็นอย่างมาก เปิดฝาโลงออก ทุกคนเห็นศพตกตลึง!!! ....ศพตาเหลือก ลืมตา ทั้งๆที่ก่อนใส่โลงทุกคนก็เห็นกันหมดเเล้วว่า โยมพี่สัมหลับตา โยมพ่ออาตามา เหลือบไปเห็นรองเท้าคู่ใหม่ พึ่งจะซื้อ ได้สามวัน ยอมพ่ออาตมาจึงพูดขึ้นว่า อีหล่า สัมพ่อใหญ่ ขอซะเด้อเกิบคู่นี้ ว่าเเล้วก็หยิบออกจากโลงถือกลับมา ที่นาชึ้งจากจุดที่โยมพี่สัมกินยาฆ่าตัวตาย ประมาณ1กิโล ทุกคน เวลาบ่าย4-5โมงเย็น กลับมานอนในหมู่บ้านกันหมด
รวมทั้งอาตมา เเละโยมเเม่ด้วย โยมพ่อ อาตมา นอนเฝ้าขนำนาคนเดียว เนื่องจากโยมพ่อเป็นคน ไม่กลัวผี...เเต่คืนนั้น ประมาณ3ทุ่ม ดึกสงัด พ่อใหญ่ลี ได้ยินเสียงคนเดิน มาหา ไม่มีไฟฟ้าใช้ สมัยนั้น จุกขี้ใต้เอา เสียงคนเดินมา หมาที่เลี้ยงไว้ ชื่อบักฮุยก็เห่า โฮ่งๆๆๆ เห่าปลพลาง ถอยหลังพลาง โยมพ่อนึกว่ามีคนมา จุดขี้ใต้ ภาษาอิสานเรียกว่า กระบอกขึ้น ออกมาดู ไม่มีใคร มีเเต่ความหนาวยะเยือก อากาศเย็นกว่าทุกวัน...หมาบักฮุยก็หอนเป็นระยะ บางทีก็เห่า ทั้งวิ่งไป เเล้วก้วิ่งกลัวมา เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง

(ยังไม่จบ)....(ฉันเพลก่อน ว่างจะมาเล่าต่อว่าคนรัก ของโยมพีสัมตายอย่าง โยมพ่อ อาตมาเจออะไรเข้าคืนนั้น โปรดติดตาม รับรองว่าเป็นเรื่องจริง เเละมีพยานด้วยคือ เเม่ใหญ่ราญ

.....................................................
จงมีจิตใจที่ดี รักเพื่อนมนุษย์ เชื่อในความดีของผู้อื่น
และไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด จงพยายามยิ้มกับตัวเองแล้วบอกว่า
ตนเองมีความสุข สามารถแก้ปัญหาได้
ความคิดแบบนี้จะช่วยทำให้มีสติในการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร