วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2011, 13:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
Onion_L :b31:
แล้วเมื่อไหร่คุณฮานะจึงจะเฉลยให้เห็นให้รู้กันจะๆ เข้าใจง่ายๆซักทีล่ะครับ ใจ ในความเห็นของคุณฮานะนี่หนะครับ[/color]


:b4: เอาล่ะ ดู ให้ดี นะเจ้าข๊ะ

ใจ ก็คือ พุทโธ ... ผู้รู้
จิต เจตสิก รูป นิพพาน ทัศนะ พระไตรปิฏก ฯลฯ เป็น สิ่งที่ถูกรู้

แม้แต่ ความเข้าใจ ความรู้ ความกระจ่าง อย่างที่ ท่านอนัตตาธรรม ต้องการจะได้
เหล่านั้น ก็ล้วนแล้ว แต่เป็นเพียง สิ่งที่ถูกรู้ เท่านั้นเอง :b13:

แม้แต่ องค์ของ การตรัสรู้ ก็เป็นเพียง เจตสิก สิ่งที่ถูกรู้
แม้แต่ องค์ของ ฌาณ ทั้งหมด ก็ยังเป็นเพียงแค่ สิ่งที่ถูกรู้

:b13: มโนธาตุ ก็เป็นเพียง เจตสิก ที่ อาศัย อยู่ตาม ทวาร ต่างๆ เท่านั้น
เป็นเพียง สิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่ ใจ ตามที่ ท่านอนัตตาธรรม เข้าใจไปเอง นะเจ้าข๊า

และ สิ่งที่ถูกรู้ ทั้งหมด ก็เป็นเพียงการ ประชุมกัน ของ เจตสิก เท่านั้นเอง

ใจ เป็น ผู้รู้ นอกจากนั้น เป็น สิ่งที่ถูกรู้

เมื่อ อยากรู้ จึงไม่รู้ แต่ รู้ อยู่ นะเจ้าข๊า

พุทโธ ใจรู้ พุทโธ รู้ใจ

ทุกสิ่ง สำเร็จได้ ด้วย ใจ
หา ใจ ให้เจอ นะเจ้าข๊าาาาาาาาาาา

:b8: ฮานะ อนุโมทนา ขะ rolleyes :b4:

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2011, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: "ใจท่านฮานะหนึ่งเดียวดีจัง ใจท่านฮานะเดิมแท้ดีจัง ใจท่านฮานะว่างดีจัง ":b12:( อ่านแล้วรู้สึกอยากจะพูดอย่างนี้โดยไม่มีเหตุผลหรือเจตนาใดเจือปน) :b12:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2011, 13:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2011, 02:37
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Hana สัมผัสใจ ที่นอกเหนือเจตสิกด้วยตนเองแล้วหรือครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2011, 22:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
:b12: "ใจท่านฮานะหนึ่งเดียวดีจัง ใจท่านฮานะเดิมแท้ดีจัง ใจท่านฮานะว่างดีจัง ":b12: ( อ่านแล้วรู้สึกอยากจะพูดอย่างนี้โดยไม่มีเหตุผลหรือเจตนาใดเจือปน) :b12:


:b13: ฮ๊าฮา ละหลง ซะ ใจ จะเป็นของ ใคร อีกละ เจ้าข๊ะ
ถ้า ท่านขณะจิต อยากได้ ใจแบบนั้น ก็เอาไปเลย นะเจ้าค่า rolleyes

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2011, 22:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


Normal เขียน:
คุณ Hana สัมผัสใจ ที่นอกเหนือเจตสิกด้วยตนเองแล้วหรือครับ


rolleyes ฮ๊าฮา เมื่อ ไม่มี รูป นาม ใน ใจ นี้
จะมี ฮานะ ที่ไหน ไป สัมผัส ละเจ้าข๊า :b4: :b13:

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




idol18_800x600_resize.jpg
idol18_800x600_resize.jpg [ 47.17 KiB | เปิดดู 7746 ครั้ง ]
:b4:
เมื่อสติ ปัญญา อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีนั้น
บาปอกุศลเก่าๆที่เคยทำในอดีตผุดขึ้นมาในจิต ก็ถูกละ
บาปอกุศลใหม่ที่ยังไม่เกิดก็ได้ความระวังของสติ จึงไม่ทำ ไม่ล่วงศีล
กุศลเก่าๆที่เคยทำ คือ ทาน ศีล ภาวนา ก็ถูกรักษาอยู่และเจริญอยู่ในปัจจุบันอารมณ์
กุศลใหม่ๆที่ยังไม่เกิด ซึ่งในการเจริญมรรคนั้นจะหมายถึง มรรค 4 มรรคที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาในจิต
ในใจ ความเพียรพอกพูนความความรู้ทันและรู้ สังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์นั้น เป็นการสะสมเหตุเพื่อทำให้ถึงนิพพานอยู่แล้ว

ทั้งหมดที่กล่าวนี้จึงเป็นเหตุผลว่า ปัจจุบันอารมณ์เป็นที่เกิดของสัมมัปทาน 4

:b31:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
walaiporn เขียน:
เห็นหรือยังปัจจุบันธรรม ไม่ต้องไปเจาะรูหา

:b12:

ปัจจุบันธรรม กับปัจจุบันอารมณ์เป็นคนละอันกันนะครับ มีสติ ปัญญา คมพอที่จะแยกแยะออกได้ไหมครับ ถ้ายังไม่มีหรือมีไม่ถึงก็ต้องหมั่นมาคุยกันบ่อยๆนะครับ ผมยินดีและมีความสุขที่มีผู้มาช่วยขัดและเจียรนัยครับ :




ยึดบัญญัติ ย่อมนั่งกอดนอนกอดแต่บัญญัติ


ปัจจุบันธรรม คำพูดก็ตรงทั้งตัวบัญญัติและสภาวะอยู่แล้ว ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นณปัจจุบัน


ปัจจุบันอารมณ์ คำพูดก็ตรงทั้งตัวบัญญัติและสภาวะอยู่แล้ว ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นณปัจจุบัน




อนัตตาธรรม เขียน:
มีสติ ปัญญา คมพอที่จะแยกแยะออกได้ไหมครับ ถ้ายังไม่มีหรือมีไม่ถึงก็ต้องหมั่นมาคุยกันบ่อยๆนะครับ ผมยินดีและมีความสุขที่มีผู้มาช่วยขัดและเจียรนัยครับ :




เวลาคุณโพส ตรวจสอบข้อความก่อนโพสหรือเปล่าคะ คำพูดในประโยคเดียวกัน แต่ขัดแย้งกันในตัว



อนัตตาธรรม เขียน:
มีสติ ปัญญา คมพอที่จะแยกแยะออกได้ไหมครับ ถ้ายังไม่มีหรือมีไม่ถึงก็ต้องหมั่นมาคุยกันบ่อยๆนะครับ



คำพูดนี้เป็นการยกตนข่มผู้อื่น กล่าวอวดอ้างตนเองว่ามีสติ ปัญญาคมกล้า



อนัตตาธรรม เขียน:
ผมยินดีและมีความสุขที่มีผู้มาช่วยขัดและเจียรนัย



คำพูดนี้ เป็นประโยคแสดงถึงการยินดีรับฟังในข้อติติงของผู้อื่น



อนัตตาธรรม เขียน:

แล้วได้ลองปฏิบัติจริงเอากระดาษมาเจาะรูเท่าเหรียญ 10 บาท แล้วมาส่องดูความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ที่เคลื่อนผ่านตรงหน้า ซึ่งนี่เป็นอุปมาอุปมัยภาคปฏิบัติ ให้เข้าใจปัจจุบันอารมณ์ ต้องสัมผัสความจริงจึงจะเข้าใจ คิดนึกอนุมาณเอายังไงก็ไม่ซึ้งนะครับ



เจาะรูหาต่อไปนะคะ แค่ปัจจุบันตรงหน้าของจริงแท้ๆคุณยังดูไม่ทัน นับประสาอะไรกับการเจาะรูหานอกตัว

แต่ก็ไม่แน่นะคะ เพราะมันคือเหตุของคุณ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Hana เขียน:
walaiporn เขียน:
ถึงแม้จะเป็นอินเตอร์เน็ต แม้เป็นหญิง ควรแสดงตัวเป็นหญิง มิควรแอบแฝงด้วยการแสดงตัวเป็นชาย

การที่ไม่ยอมรับตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่จริง นั่นคือ การโกหกตัวเอง

ขนาดตัวเองยังโกหกได้ นับประสาอะไรกับการเห็นตามความเป็นจริง

ในเมื่อสภาวะที่แท้จริงที่ตัวเองเป็นอยู่จริง ยังยอมรับไม่ได้ ยังมีการยึดติดในโลกธรรม ๘ ยังมียึดติดในเรื่องเพศ ไม่กล้าแสดงตัวตน ไม่กล้าแสดงเพศที่แท้จริงของตัวเอง



:b22: ฮ๊าฮา แม้จะเป็น อินเตอร์เน็ต คุณwalaiporn ก็ยังไม่กล้า เอ่ยชื่อ ออกมาตรงๆ เลยนะเจ้าข๊ะ

แม้จะเป็น อินเตอร์เน็ต แอบรักใคร ชอบใคร ก็บอกตรงๆ ได้เลย นะเจ้าข๊าาาาา rolleyes :b13:




คุณฮานะ

เรื่องในอดีตย่อมเป็นอดีต มันเป็นเพียงสภาวะ คือ กิเลสของข้าพเจ้า

เรื่องที่เขียนในบล็อกรวมทั้งเรื่องที่เคยบอกเล่าให้คนอื่นๆฟัง ทั้งหมดมีแต่การดูจิตของข้าพเจ้าเอง รู้สึกอะไร ยังไง เขียนไปตามนั้น พูดตามนั้น เป็นเทคนิคใช้ในการดูและรักษาจิตของตัวเอง

ปัจจุบัน ข้าพเจ้ามีครอบครัวแล้ว สามีของข้าพเจ้า เป็นนักปฏิบัติเหมือนกัน แนวเจริญสติเหมือนกัน ไม่ใช่คนในเว็บบอร์ด

ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน ล้วนเป็นเพียงสภาวะของแต่ละคน ชีวิตคู่ก็เหมือนกัน เมื่อก่อนเคยเจอกิเลสลีลาวดี ตอนนี้เจอกิเลสนุกูลมารดาและบิดา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2011, 23:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

คุณฮานะ

เรื่องในอดีตย่อมเป็นอดีต มันเป็นเพียงสภาวะ คือ กิเลสของข้าพเจ้า

เรื่องที่เขียนในบล็อกรวมทั้งเรื่องที่เคยบอกเล่าให้คนอื่นๆฟัง ทั้งหมดมีแต่การดูจิตของข้าพเจ้าเอง รู้สึกอะไร ยังไง เขียนไปตามนั้น พูดตามนั้น เป็นเทคนิคใช้ในการดูและรักษาจิตของตัวเอง

ปัจจุบัน ข้าพเจ้ามีครอบครัวแล้ว สามีของข้าพเจ้า เป็นนักปฏิบัติเหมือนกัน แนวเจริญสติเหมือนกัน ไม่ใช่คนในเว็บบอร์ด

ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน ล้วนเป็นเพียงสภาวะของแต่ละคน ชีวิตคู่ก็เหมือนกัน เมื่อก่อนเคยเจอกิเลสลีลาวดี ตอนนี้เจอกิเลสนุกูลมารดาและบิดา


:b8: ฮานะ อนุโมทนา ขะ

ท่านจงเปลื้อง (อาลัย) ในก่อนเสีย จงเปลื้อง (อาลัย). ข้างหลังเสีย จงเปลื้อง (อาลัย) ในท่ามกลางเสีย จึง. เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ มีใจหลุดพ้นในธรรมทั้งปวง ...

rolleyes :b4:

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2011, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




GEDC1776_resize.JPG
GEDC1776_resize.JPG [ 76.05 KiB | เปิดดู 7708 ครั้ง ]
:b12: วลัยพร...............ยึดบัญญัติ ย่อมนั่งกอดนอนกอดแต่บัญญัติ

ปัจจุบันธรรม คำพูดก็ตรงทั้งตัวบัญญัติและสภาวะอยู่แล้ว ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นณปัจจุบัน

ปัจจุบันอารมณ์ คำพูดก็ตรงทั้งตัวบัญญัติและสภาวะอยู่แล้ว ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นณปัจจุบัน..........


อนัตตาธรรม.........สวัสดีครับคุณวลัยพร

ปัจจุบันธรรม คุณลองสังเกตดูให้ดีนะครับ ขณะปัจจุบันที่คุณนั่งอยู่ตรงนี้ มีสิ่งต่างๆที่เป็นปัจจุบัน ซ้อนปัจจุบันอยู่ตั้งหลายอย่างเช้น ตอนนี้ ตาคุณเห็นตัวหนังสือ หูได้ยินเสียงต่างๆ ใจกำลังคิดนึก กายกำลังสำผัสกับอุณหหภูมิ หรือความแข็งอ่อน จมูกกำลังสัมผัสลมหายใจที่เข้าออก ห้วใจกำลังเต้น ชีพจรกำลังตอด ความสั่นสะเทือนในร่างกายกำลังมีอยู่ทั่วร่าง พระอาทิตย์กำลังส่องแสง ถ้าคุณอ่านกระทู้นี้ตอนกลางวัน ฯลฯ ทั้งหมดเป็นปัจจุบันธรรมทั้งนั้น


แต่ปัจจุบันอารมณ์ คือปัจจุบันธรรมอันที่กำลังชัดที่สุด แรงที่สุด ดึงจิตไม่ได้มากที่สุด จนรู้ชัดกว่าปัจจุบันธรรมตัวอื่น กลายเป็นอารมณ์ที่กำลังรู้ชัดอยู่ในจิตณขณะเดี๋ยวนั้น

ปัจจุบันอารมณ์ เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ถ้าแยกแยะไม่ถูกต้องแล้ว ย่อมจะหลงไปทำภาวนากับอดีตอารมณ์หรืออนาคตอารมณ์ จึงไม่สามารถเข้าถึงปรมัตถ์ได้อย่างแท้จริง โลภะ โทสะ ปฏิฆะและโมหะในจิต จึงไม่ถูกขุดถอน มีแต่ถูกกดทับหรือกลบบังไว้ด้วยอำนาจสติและสมาธิ ดังตัวอย่างที่เราจะได้พบเห็นกันทั่วทุกลานธรรม ที่มีผู้อ้างพระไตรปิฎกเก่งเป็นไฟ
แต่พอมีผู้มาแสดงข้อความโต้แย้งขัดใจ แล้ว ไฟปฏิฆะหรือโทสะก็ลุกขึ้นมา จนรู้ชัดเห็นชัดจากตัวหนังสือที่เขียนและข้อความที่แสดงว่ามีไฟโทสะหรือปฏิฆะซ้อนซ่อนอยู่ บางท่านก็แสดงออกมาอย่างโจ๋งครึม พบเห็นกันเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในลานธรรมจักรแห่งนี้ซึ่งท่านผู้รักษากฎท่านค่อนข้างจะใจกว้างและมีเมตตา

:b16:
:b12: :b16: :b1: :b27: :b4:


:b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2011, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




dd144_resize.jpg
dd144_resize.jpg [ 57.63 KiB | เปิดดู 7704 ครั้ง ]
:b10: สำหรับท่าน Hana ............
เรื่องหาใจให้เจอยังมีเรื่อให้สนทนากันสนุกๆต่อไปอีกสักหน่อยนะครับ

ทิฐิที่ว่า หาใจให้เจอ พุทโธใจรู้ พุทโธ รู้ใจ โดยมีการอ้างคำสอนของครูบาอาจารย์มากำกับด้วยนั้น
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสามารถ แก้ไขคัดง้าง ให้เป็นอย่างอื่นไปได้ จนอาจทำให้ให้ผู้ศรัทธาเชื่อถือ ยึดตามว่านี่เป็นวิธีเดียวที่ดีวิเศษกว่าวิธีอื่น ก็อาจเป็นได้
โดยความเป็นจริงในยุคไม่เกินร้อยปีที่ผ่านมานี้ วิธีนี้ เป็นที่นิยม และได้ผลดีมากจริงครับ แต่อยากจะติงสักนิด แสดงความคิดเห็นต่ออีกสักหน่อยว่า วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้บรรลุถึงธรรมนั้น น่าจะมีตั้ง 2,100 วิธีตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงและพระอัครสาวกมหาสาวกทั้งหลายได้ร่วมแสดงดังมีบันทึกไว้ด้วยในพระสูตร แต่ละสูตรก็เหมาะตามจริต นิสัย บุคคล สถานที่ เวลา และโอกาสต่างๆกันไป ใครจะเลือกเอาวิธีไหนที่ใกล้กับจริต นิสัย วาสนาบารมีของตนเอง มาประพฤติปฏิบัติก็น่าจะได้ผลดีทุกวิธีนะครับ


ใจรู้ ที่คุณHana ว่า แล้วปฏิเสธล่วงหน้าว่าไม่ใช่เจตสิก แล้วบอกว่าไม่ใช่ วิญญาณด้วย

ผมมาวิเคราะห์ดูตามพระปรมัตถธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ชัดเจนว่า มี 4 อย่าง คือ

จิต........เจตสิก.......รูป.....และ นิพพาน

ถ้าใจรู้ ที่คุณ Hana ปฏิเสธล่วงหน้าว่าไม่ใช่เจตสิก แล้วบอกว่าไม่ใช่ วิญญาณด้วย แล้วจะสงเคราะห์เข้าเป็น พระปรมัตถธรรมข้อใด กรุณาวิสัชนามาให้ทราบด้วยเถิดครับ จะเป็นพระคุณยิ่ง สาธุ

:b16: :b10:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2011, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คงจะหมายถึงพุทธภาวะ หรือนิพพานกระมัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2011, 22:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
:b10: สำหรับท่าน Hana ............
เรื่องหาใจให้เจอยังมีเรื่อให้สนทนากันสนุกๆต่อไปอีกสักหน่อยนะครับ

ทิฐิที่ว่า หาใจให้เจอ พุทโธใจรู้ พุทโธ รู้ใจ โดยมีการอ้างคำสอนของครูบาอาจารย์มากำกับด้วยนั้น
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสามารถ แก้ไขคัดง้าง ให้เป็นอย่างอื่นไปได้ จนอาจทำให้ให้ผู้ศรัทธาเชื่อถือ ยึดตามว่านี่เป็นวิธีเดียวที่ดีวิเศษกว่าวิธีอื่น ก็อาจเป็นได้
โดยความเป็นจริงในยุคไม่เกินร้อยปีที่ผ่านมานี้ วิธีนี้ เป็นที่นิยม และได้ผลดีมากจริงครับ แต่อยากจะติงสักนิด แสดงความคิดเห็นต่ออีกสักหน่อยว่า วิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้บรรลุถึงธรรมนั้น น่าจะมีตั้ง 2,100 วิธีตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงและพระอัครสาวกมหาสาวกทั้งหลายได้ร่วมแสดงดังมีบันทึกไว้ด้วยในพระสูตร แต่ละสูตรก็เหมาะตามจริต นิสัย บุคคล สถานที่ เวลา และโอกาสต่างๆกันไป ใครจะเลือกเอาวิธีไหนที่ใกล้กับจริต นิสัย วาสนาบารมีของตนเอง มาประพฤติปฏิบัติก็น่าจะได้ผลดีทุกวิธีนะครับ


:b13: ฮ๊าฮานะ ขอขอบคุณ ท่านอนัตตาธรรม ที่ยังอุตส่าห์มาติง นังๆ ตังนิง ชะเอิ่งเอย
ทั้งๆ ที่ข้อนี้ ฮานะ ก็ได้อธิบายในกระทู้ของ ท่านอนัตตาธรรม ไว้ก่อนหน้านี้ หลายวันแล้วนะ เจ้าข๊า

Hana เขียน:
ใน 84000 พระธรรมขันธ์ ทุกแนวทาง ล้วนแต่ทำให้ถึง ยอด ได้ทั้งสิ้น
ถ้าหาก ผู้ปฏิบัติ มีความ เข้าใจ ในการปฏิบัติ สติ สมาธิ สมถะ วิปัสสนา ...
เหล่านั้น คือ หนทางที่หมดจด ครอบคลุม แล้ว ทุกแนวทาง

:b8: ฮานะ อนุโมทนา ขะ rolleyes :b4:

จากกระทู้ : ฝึกสติสมาธิกันมากแล้ว มาต่อยอดด้วยวิปัสสนาภาวนากันเถอะ

ไม่ว่าจะ ปฏิบัติ ด้วยวิธีใดก็ถึงยอดได้ ทุกวิธี นะเจ้าข๊า
และวิธีที่จะทำให้ถึงยอดได้ ก็ไม่ได้มีแค่ 2100 วิธี ตามที่ท่านอนัตตาธรรม เข้าใจ เจ้าค่า
จริงๆ แล้วแม้ไม่ต้องปฏิบัติอะไรก็ถึงยอดได้ ถ้าหากหา ใจ เจอหรือมีบารมีแต่เก่าก่อนมา
อย่างท่าน อุคคเสน แค่ได้ฟังภาษิตสั้นๆ ก็บรรลุอรหันต์ได้ นะเจ้าข๊า

อนัตตาธรรม เขียน:
ใจรู้ ที่คุณHana ว่า แล้วปฏิเสธล่วงหน้าว่าไม่ใช่เจตสิก แล้วบอกว่าไม่ใช่ วิญญาณด้วย

ผมมาวิเคราะห์ดูตามพระปรมัตถธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ชัดเจนว่า มี 4 อย่าง คือ

จิต........เจตสิก.......รูป.....และ นิพพาน

ถ้าใจรู้ ที่คุณ Hana ปฏิเสธล่วงหน้าว่าไม่ใช่เจตสิก แล้วบอกว่าไม่ใช่ วิญญาณด้วย แล้วจะสงเคราะห์เข้าเป็น พระปรมัตถธรรมข้อใด กรุณาวิสัชนามาให้ทราบด้วยเถิดครับ จะเป็นพระคุณยิ่ง สาธุ

:b16: :b10:


:b4: เอาละ ดูให้ดี อีกทีนะ เจ้าข๊า

ปรมัตถ์ธรรม คือ สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ ด้วยการรวมกลุ่มของเหตุปัจจัย
จิต เจตสิก รูป และ นิพพาน เกิดจากการ ประชุม ของ เหตุและปัจจัย

ปรมัตถธรรม แบ่งออกเป็น ๔ อย่าง คือ

จิตปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่รู้อารมณ์)
เจตสิกปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่ประกอบกับจิต)
รูปปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่เสื่อมเป็นนิจ)
และ นิพพานปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่พ้นจากกิเลสและขันธ์ ๕ ที่กำลังคลายออกและดับไป )

สภาวะธรรมปรมัต์ ทั้ง ๔ ยังเป็นสิ่งที่ถูกรู้
เป็น สุดยอดของการหลอกลวง ของ รูปและนาม

แต่ใจนั้น เป็นผู้รู้
อุปมาเหมือน ความว่าง อันเป็นช่องคั่น ระหว่าง รูปปรมัตถ์ทุกรูป

สรุปว่า จิต เจตสิก รูป และ นิพพาน ล้วนเป็นสิ่งที่ ถูกรู้
แต่ ใจ เป็นสิ่งที่ รู้อยู่ นะเจ้าข๊า rolleyes :b4:

Quote Tipitaka:
นิพพานสูตร

[๑๕๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ฯ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้วได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยากชื่อว่านิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพานนั้นเป็น
ธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว
กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้ ผู้เห็นอยู่

จบสูตรที่ ๒


:b8: ฮานะ อนุโมทนา ข๊า rolleyes :b4:

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2011, 11:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Hana เขียน:
ใน 84000 พระธรรมขันธ์ ทุกแนวทาง ล้วนแต่ทำให้ถึง ยอด ได้ทั้งสิ้น
ถ้าหาก ผู้ปฏิบัติ มีความ เข้าใจ ในการปฏิบัติ สติ สมาธิ สมถะ วิปัสสนา ...
เหล่านั้น คือ หนทางที่หมดจด ครอบคลุม แล้ว ทุกแนวทาง

...

:b4: เอาละ ดูให้ดี อีกทีนะ เจ้าข๊า

ปรมัตถ์ธรรม คือ สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ ด้วยการรวมกลุ่มของเหตุปัจจัย
จิต เจตสิก รูป และ นิพพาน เกิดจากการ ประชุม ของ เหตุและปัจจัย

ปรมัตถธรรม แบ่งออกเป็น ๔ อย่าง คือ

จิตปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่รู้อารมณ์)
เจตสิกปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่ประกอบกับจิต)
รูปปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่เสื่อมเป็นนิจ)
และ นิพพานปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่พ้นจากกิเลสและขันธ์ ๕ ที่กำลังคลายออกและดับไป )

สภาวะธรรมปรมัต์ ทั้ง ๔ ยังเป็นสิ่งที่ถูกรู้
เป็น สุดยอดของการหลอกลวง ของ รูปและนาม

แต่ใจนั้น เป็นผู้รู้
อุปมาเหมือน ความว่าง อันเป็นช่องคั่น ระหว่าง รูปปรมัตถ์ทุกรูป

สรุปว่า จิต เจตสิก รูป และ นิพพาน ล้วนเป็นสิ่งที่ ถูกรู้
แต่ ใจ เป็นสิ่งที่ รู้อยู่ นะเจ้าข๊า rolleyes :b4:

Quote Tipitaka:
นิพพานสูตร

[๑๕๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้น
กระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ฯ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้วได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยากชื่อว่านิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพานนั้นเป็น
ธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว
กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้ ผู้เห็นอยู่

จบสูตรที่ ๒


:b8: ฮานะ อนุโมทนา ข๊า rolleyes :b4:


อิอิ เพราะจะอี๊เอง จึง ฮ๊าอา

:b9: :b9: :b9:

:b32: :b32: :b32:

rolleyes rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2011, 11:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทรงติดแม้ในนิพพาน

ภิกษุ ท.! แม้ตถาคต ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง ก็รู้ชัดซึ่งนิพพานตามความเป็นนิพพาน. ครั้นรู้นิพพานตามความเป็นนิพพานชัดแจงแล้ว ก็ไม่ทำความมั่นหมายซึ่งนิพพาน ไม่ทำความมั่นหมายในนิพพาน ไม่ทำความมั่นหมายโดยความเป็นนิพพาน ไม่ทำความมั่นหมายว่า "นิพพานเป็นของเรา", ไม่เพลิดเพลินลุ่มหลงในนิพพาน. ข้อนี้เพราะเหตุไรเล่า? เพราะเหตุว่า นิพพานนั้นเป็นสิ่งที่ตถาคตกำหนดรู้ทั่วถึงแล้ว.

ภิกษุ ท.! แม้ตถาคต ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง ก็รู้ชัดซึ่งนิพพานตามความเป็นนิพพาน. ครั้นรู้นิพพานตามความเป็นนิพพานชัดแจ้งแล้ว ก็ไม่ทำความมั่นหมายซึ่งนิพพาน ไม่ทำความมั่นหมายในนิพพานไม่ทำความมั่นหมายโดยความเป็นนิพพาน ไม่ทำความมั่นหมายว่า "นิพพานเป็นของเรา", ไม่เพลิดเพลินลุ่มหลงในนิพพาน. ข้อนี้เพราะเหตุไรเล่า? เรากล่าวว่า เพราะรู้ว่าความเพลิดเพลิน(นันทิ)เป็นมูลแห่งทุกข์ และเพราะมีภพจึงมีชาติ, เมื่อเกิดเป็นสัตว์แล้วต้องมีแก่และตาย. เพราะเหตุนั้นตถาคตจึงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะตัณหาทั้งหลายสิ้นไป ปราศไป ดับไป สละไป ไถ่ถอนไป โดยประการทั้งปวงดังนี้.
บาลี มูลปริยายสูตร มู.ม. ๑๒/๑๐/๘-๙.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่โคนต้นสาละ ในป่าสุภควันใกล้เมืองอุกกัฏฐะ.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร