ที่ทำกันมาที่สอนกันมาพันกว่าปี เป็นสัมมามรรคหรือเปล่า ที่ผ่านมามีอริยบุคคลเกิดขึ้นมาบ้างหรือเปล่า จริงๆ เป็นเรื่องตรวจสอบได้ไม่ยากเลย ตามรอยได้ไม่ยากเลย เว้นแต่จะเพิกเฉยเท่านั้น ... เพราะธรรมวินัยยังอยู่ ความรู้ในกฏธรรมชาติ ๒ กฏ ยังมีอยู่ สิ่งใดที่ขัดกับกฏธรรมชาติ สิ่งนั้นก็ไม่ใช่ธรรม ...

พอบอกให้ ยกตัวอย่างมา ท่านก็ทำแฉลบไปข้างทาง
แต่พอเผล็บ ๆ ก็ มาแนวเดิมอีก
อึม ท่านนี่ก็ ไม่เที่ยง เกิด ดับ สมดังเป็นศิษย์ที่อาจารย์ปั้นมา

หาทางออกจาก ภพ ไม่เจอหรือท่าน
เพราะ แค่รู้ทัน แต่ยัง เห็นไม่ทัน
ก็แค่รู้ว่านั่นคือทาง แต่ทางที่รู้นั้นยังไม่ทันได้เห็น ก็สรุปไปเรื่อยเปื่อยจากความรู้

อ๊ะ รู้อะไรบ้างก็ว่าไป
เดี๋ยวถ้าแถวนี้มีคนที่ เห็นมาแล้ว ผ่านมาเขาอาจจะมาให้ความรู้เพิ่มก็ได้

ทั้งโลกและจักรวาล มีความจริงอยู่เพียง ๒ เรื่อง ก็คือ ไตรลักษณ์ และอิททัปปัจยตาปกิจจสมุปบาท นอกจากนั้นก็คือความเชื่อทั้งหมด อริยสัจสี่หรือความจริงเกี่ยวกับการเกิดตายของเหล่าสัตว์ ก็อยู่ภายใต้กฏธรรมชาติ ๒ กฏนี้

ถ้าท่านเห็นความจริง ท่านจะทราบได้โดยไม่ยากว่า อะไรคือความจริง อะไรคือความเชื่อ

ท่านจะเอาความจริงเป็นเกาะ เอาความจริงเป็นที่พึ่ง หรือจะหยุดอยู่ที่ความเชื่อ ขึ้นอยู่กับท่านเป็นผู้เลือก ...

ก็เห็นแล้ว เห็นชัดด้วย

หลายคนที่ศึกษาปฏิบัติธรรมเขาก็เห็นกันแล้ว เห็นกันชัดด้วย
เห็นกันได้ทุกคนนั่นล่ะ
แต่ละคนเขาก็เอาความจริงเป็นเกราะ ความจริงเป็นที่พึ่ง

ไม่เชื่อเหร๋อ ว่าพวกเขาเห็นหน่ะ

แต่มีคนที่ยังไม่เห็นว่า ตัวเอง กำลัง เกาะ ความเชื่อ เหล่านี้อยู่



ฮานะ ได้พาสเวิร์ดใหม่แล้วขะ

อิอิ ฮ๋าาาายาาาาาน๊าาาาาา

ถ้าต้นมันคด ปลายก็ไม่มีทางตรงไปได้

เท่าที่เสวนากันมา ดูเหมือนว่า คุณพูดขาว ผมว่าดำ คุณพูดดำ ผมว่าขาว ไม่ใช่ผมจะเข้ามาเพื่อตอบค้านคุณ ผมแสดงความจริงที่มีเหตุปัจจยหรือมีกฏธรรมชาติ ๒ กฏรองรับเท่านั้น ไม่มีความเห็นหรือความเชื่อ ส่วนที่มันไปขัดกับข้อมูลของคุณ มันเป็นอีกเรื่องอย่าเอามาปนกัน

ถ้าจะให้แสดงว่า ผิดอย่างไร ถูกอย่างไร แสดงได้ แต่ถ้าจะให้ไปบอกว่า ท่านนั้นสอนผิดอย่างไรถูกอย่างไร มันไม่ใช่กิจไม่ใช่ธุระ หน้าที่ของพุทธสาวกคือการให้ความจริงเท่านั้น พากันเดินไปในทางที่ถูก ไม่ได้ไปว่าใครผิด แต่ถ้าความจริงจะไระทบกับความเชื่อของใคร มันก็เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าใครเริ่มจากสิ่งที่ผิดครรลองคลองธรรม เพราะรู้ผิด เลยปฏิบัติผิด ผลที่ออกมาก็ผิด ก็เอามาสอนผิด คือ ผิดไปจากความจริงที่แท้จริง การตรวจสอบจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ตรวจสอบแล้ว ไม่ผ่าน ขะ

พระพุทธเจ้า ยังแค่ ค้นพบ ความจริง และนำมา บอก เท่านั้นเอง น๊าข๊า
แต่ ซุปเปอร์พุทธสาวก ถึงกับมีหน้าที่ ให้ความจริง แน่ะๆๆ

ไอ้ความจริง ที่หยิบยกให้กันได้เนี่ย มันจริงชนิดไหนกันข๊ะ

ถ้าจริงแบบ กฏ 2 ข้อ นั่น ละก้อ ขอบอกว่า ก็ จริง ได้แค่ ใน โลกและจักรวาล เท่านั้น แหละขะ
สัญญาดีจริงก็ต้องจำให้ได้ด้วยสิข๊ะว่า สุดยอดความจริง ของ โลกและจักรวาล มีอยู่ เรื่องเดียว คือ มันเป็น สมมติ นะเจ้าข่ะ

ฮานะนั่น

ที่กล่าวว่า....มรรคหายไปพันกว่าปี..

นี้แหละ..ขัดกับกฏของธรรม

สิ่งใดขัดกับกฏของธรรม ....สิ่งนั้นก็ไม่ใช่ธรรมะ

http://download.buddha-thushaveiheard.c ... P2_42.html

หากภิกษุหรือใครก็ตามใดปฏิบัติตามมรรคอันเป็นทางที่ประเสริฐ...โลกก็ไม่พึงว่างจากพระอรหันต์
( ปล. หากอยากเป็นผู้ศึกษาธรรมะ..ก็อย่าได้กล่าวว่า..ธรรมชาติคือธรรมะ..อีกเลยนะ

แรงโน้มถ่วง..มันก็ธรรมชาติ...แล้วมันเป็นธรรมะมั้ย??)

มันเป็น ธรรมะดา ไงล่ะ

ฮานะ อนุโมทนา ขะ

รูปธรรม ประกอบด้วยดินน้ำลมไฟ ทำให้เกิด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงใหว ครบ รวมไปทั้งแรงดึงดูดด้วย

การที่มรรคเลือนหายไปจากสังคมโลก มันก็มีเหตุปัจจัย และอีกไม่นาน มันก็จะหายไปอีก คราวนี้หายไปแบบนับปีไม่ได้

คุณ supareak ทราบได้อย่างไรว่ามรรคหายไป และทราบได้อย่างไรว่ามรรคจะหายไปอีก

รูปธรรม..เหล่านี้..นำออกจากทุกข์..ได้มั้ย??

ออกจากทุกข์ไม่ได้...ควรจะยกย่องให้เป็นธรรมะมั้ย???

อื้อ
สิ่งที่รู้ ล้วนเป็น มายา

ซึ่งมันก็แค่นั้น



งั๊นขอยกคำพูดของท่านพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ (ป๋าพอลล์)
ท่านว่าไว้ดังนี้ "ก็เกิดมามือเปล่า แล้วยังจะเอาคด เอาตรงไปทำอะไร"

ความเข้าใจในธรรมของป๋าพอลล์ ยังแสดงความลึกซึ๊งครอบคลุมไปทั้งจักรวาลซะยิ่งกว่า
มิได้ครอบคลุมเฉพาะแต่เพียงในรั้วสำนักเท่านั้น

ถ้าใครสนใจที่จะรู้ซึ้งในธรรมอันเป็นปรมัตถ์ ก็คงต้ิองหาโอกาสไปตามหาท่าน
และขอรับธรรมจากท่านป๋าพอลล์ดู
แล้วจะรู้ว่า ของจริง(ปรมัตถ์) เป็นเช่นไร

ว่าแล้วคิดถึง ป๋าพอลล์ จัง อิอิ

ป๋าพอล ก็ ไม่ได้ ไปไหน ซะหน่อย นะเจ้าข๊ะ

ฮานะ