วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 19:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2011, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ดับได้ แต่ไม่ตลอดเวลา ถ้าดับได้ตลอดเวลา ก็คือบรรลุถึงอรหันต์แล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงให้มันเกิดขึ้นเบาบางลง


อย่างนั้นเรียกอุปาทาน

ยังไม่ใช่นิพพานถูกหินทับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2011, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


เกลือมันเค็ม พอเข้าปากผม ผมก็รู้ว่าเค็ม จะไปบอกใครว่ามันเค็มอย่างไร มันก็คงไม่ได้ เพราะมันชั่งตวงวัดไม่ได้ ทุกข์ที่มันดับได้ด้วยปัญญา วิปัสสนาแล้วถึงจะรู้เองเห็นเอง ไม่ใช่มาจากการคาดเดา

โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับเหมือนไฟดับทีเดียว แต่ค่อยๆ ดับลง หรือ ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของคนเราลดลงไปเรื่อยๆ ... โสดาบันบุคคล โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับลงไปเลย ยังอยู่ครบเท่าเดิม จะดับได้ก็ต่อเมื่อวิปัสสนาปัจจุบันอารมณ์เท่านั้น

อุปทาน เกิดมาจากตัณหาเวทนา มาจากความพอใจไม่พอใจและความหลงในอารมณ์ปัจจุบัน อุปทานดับเวทนาไม่ได้ ดับเวทนาได้ไม่ใช่อุปทาน เวทนาดับได้เด็ดขาดด้วยปัญญา

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2011, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
โสดาบันบุคคล โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับลงไปเลย ยังอยู่ครบเท่าเดิม


กิเลสไม่ลดลงเลย จะเรียกว่าเป็นอริยะแม้ในขั้นต้นได้หรือครับ

สังโยชน์ 3 ตัวแรก ที่พระโสดาบันทุกท่านละได้ขาดสนิทเป็นสมุทเฉทไม่ใช่กิเลสในกลุ่มโมหะหรือครับ

ตามความเห็นของคุณ Supareak สภาวะของพระโสดาบันเป็นอย่างไรครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคนธรรมดาลองเข้าไปอ่าน ในกระทู้

อทุกขมสุขเวทนา เป็นสุขเพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะอะไร

viewtopic.php?f=1&t=37479&start=120
viewtopic.php?f=1&t=37479&start=135


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
เกลือมันเค็ม พอเข้าปากผม ผมก็รู้ว่าเค็ม จะไปบอกใครว่ามันเค็มอย่างไร มันก็คงไม่ได้ เพราะมันชั่งตวงวัดไม่ได้ ทุกข์ที่มันดับได้ด้วยปัญญา วิปัสสนาแล้วถึงจะรู้เองเห็นเอง ไม่ใช่มาจากการคาดเดา

โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับเหมือนไฟดับทีเดียว แต่ค่อยๆ ดับลง หรือ ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของคนเราลดลงไปเรื่อยๆ ... โสดาบันบุคคล โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับลงไปเลย ยังอยู่ครบเท่าเดิม จะดับได้ก็ต่อเมื่อวิปัสสนาปัจจุบันอารมณ์เท่านั้น

อุปทาน เกิดมาจากตัณหาเวทนา มาจากความพอใจไม่พอใจและความหลงในอารมณ์ปัจจุบัน อุปทานดับเวทนาไม่ได้ ดับเวทนาได้ไม่ใช่อุปทาน เวทนาดับได้เด็ดขาดด้วยปัญญา




พอดีมีท่านflameเข้ามาตอบให้เสียก่อน


อ้างคำพูด:
อทุกขมสุขเวทนา เป็นสุขเพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะอะไร

viewtopic.php?f=1&t=37479&start=120
viewtopic.php?f=1&t=37479&start=135

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
เกลือมันเค็ม พอเข้าปากผม ผมก็รู้ว่าเค็ม จะไปบอกใครว่ามันเค็มอย่างไร มันก็คงไม่ได้ เพราะมันชั่งตวงวัดไม่ได้ ทุกข์ที่มันดับได้ด้วยปัญญา วิปัสสนาแล้วถึงจะรู้เองเห็นเอง ไม่ใช่มาจากการคาดเดา

โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับเหมือนไฟดับทีเดียว แต่ค่อยๆ ดับลง หรือ ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของคนเราลดลงไปเรื่อยๆ ... โสดาบันบุคคล โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับลงไปเลย ยังอยู่ครบเท่าเดิม จะดับได้ก็ต่อเมื่อวิปัสสนาปัจจุบันอารมณ์เท่านั้น

อุปทาน เกิดมาจากตัณหาเวทนา มาจากความพอใจไม่พอใจและความหลงในอารมณ์ปัจจุบัน อุปทานดับเวทนาไม่ได้ ดับเวทนาได้ไม่ใช่อุปทาน เวทนาดับได้เด็ดขาดด้วยปัญญา

ที่ว่ามาทั้งหมดเป็นจินตนาการล้วนๆเลย

คือจิตคิดอยากเป็นอย่างนั้น จึงเกิดอุปาทาน เกิดภพเกิดชาติ ตามที่จิตอยาก แต่มันก็เป็นทุกข ยังโศกะปริเทวะโทมนัสอุปาสายาทอยู่

หลอกตนเองว่าหลุดพ้นแล้ว ไม่ทุกขไม่สุขแล้ว แต่มันเป็นทุกข

นิพพานคือหมดกิเลส ตราบที่ยังอยากไม่มีทุกข อยากไปจากทุกข นั่นแหละยิ่งสร้างชาติทุกข

ถ้ารู้จักทุกข อยู่กับทุกขจนกว่าจะหมดทุกขก็ไม่ต้องทุกขที่อยากไปจากทุกข

นั่นแหละพ้นทุกข


.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ความโกรธ ความพอใจ ความอยากได้ ความเศร้า ฯ นึกคิดไปเองแล้วดับไม่ได้ ไม่เชื่อลองดูได้ ... อาการดับหมายถึง เห็นอะไรที่ไม่พอใจ แล้วเกิดความรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ วิปัสสนาแล้วความโกรธนั้นหายไปทันที เหมือนไม่ได้โกรธมาก่อน ความสงบสุขโล่งโปร่งสบายเข้ามาแทนที่ แบบนี้เรียกว่า อกุศลดับ กุศลเกิดขึ้นมาแทนที่

การบรรลุมรรคผลนิพพาน หมายถึง อรหันตผล การบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ถือ ผู้รู้ทางสู่นิพพาน หรือผู้อยู่ในกระแสนิพพาน

>> ตราบที่ยังอยากไม่มีทุกข อยากไปจากทุกข ...

อันนี้เรียกเนกขัมมะวิตก เนกขัมมะสังกัปปะ เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหานิพพาน สมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ ท่านก็เกิดอาการเช่นนี้ ถือเป็นฉันทะ ไม่ใช่โลภะ จิตดวงนี้เป็นกุศล ไม่ใช่อกุศล

>> ถ้ารู้จักทุกข อยู่กับทุกขจนกว่าจะหมดทุกขก็ไม่ต้องทุกขที่อยากไปจากทุกขนั่นแหละพ้นทุกข

อันนี้คำสอนของพรามหมณ์นะครับ ให้ทรมานตนจนถึงที่สุด พระพุทธเจ้าลองมาแล้ว ๖ ปี บอกว่าไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง

>> กิเลสไม่ลดลงเลย จะเรียกว่าเป็นอริยะแม้ในขั้นต้นได้หรือครับ สังโยชน์ 3 ตัวแรก ที่พระโสดาบันทุกท่านละได้ขาดสนิทเป็นสมุทเฉทไม่ใช่กิเลสในกลุ่มโมหะหรือครับ

โสดาบันดับเฉพาะความเห็นผิด หรือสักกายะทิฐิดับ แปลว่า ความเห็นที่เห็นว่าโลกนี้เที่ยง นี่เรา นี่ของเรา ฯ พอคิดเห็นถูก ก็ดำรงค์ชีวิตถูก หรือ ศีลพตปรามารสดับ ความสงสัยในเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ก้ไม่มี เพราะทำเองแล้วเห็นผลแล้ว จึงยกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้เหนือหัว

โมหะมีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด และโมหะเป็นองค์ธรรมสุดท้ายที่จะดับ โลภะ โทสะ โมหะ จะเบาบางลงในระดับสกิทาคามี ตัวแรกที่ดับคือโทสะในระดับอนาคามี ถ้าดับได้หมด ก็คืออรหันผล นอกจากนั้นยังมีกันอยู่ครบ แต่ถ้ามีปัญญา มีสติ ไม่ประมาท ก็จะรู้จักใช้ปัญญามาประหารกิเลสได้ที่ผัสสะหรือปัจจุบันอารมณ์ ก็เรียกว่าผู้รู้ เป็นพุทธ อยู่ในทาง ฯ เป็นอริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระพุทธองค์จึงตรัสไว้ว่า พวกเธอจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
>> ถ้ารู้จักทุกข อยู่กับทุกขจนกว่าจะหมดทุกขก็ไม่ต้องทุกขที่อยากไปจากทุกขนั่นแหละพ้นทุกข

อันนี้คำสอนของพรามหมณ์นะครับ ให้ทรมานตนจนถึงที่สุด พระพุทธเจ้าลองมาแล้ว ๖ ปี บอกว่าไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง



อันนี้ซุปมั่วเองแล้ว


.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การแสดงครับ

แสดงว่าตนเป็นโสดาบัน

พยายามแสดงกิ๋นออกมาว่าตนคือโสดาบัน

พยายามแสดงว่าความคิดตนแตกต่าง อัจฉริยะ

แต่ความจริง

สิ่งนั้นคือ

เพ้อเจ้อ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 07 พ.ค. 2011, 14:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบันแสดงธรรมตามญาณทัศนะ คือปัญญาที่เริ่มเห็นวิชชาเป็นครั้งแรก

โสดาบันไม่เที่ยวบอกใครว่าตนคือโสดาบัน เพราะญาณนั้นสั่งเอาไว้ครับ

555555555

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่อริยบุคคลแสดงตนว่าเป็นอริยบุคคล แสดงตนว่าเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้มีอะไรห้าม นอกจากจะบวชเป็นพระ ถึงมีสิกขาบทห้ามไว้

สิ่งที่ผมนำมาแสดง ไม่ได้แสดงเพื่อให้เกิดความแตกต่าง แต่เป็นความจริง ไม่ใช่ความเห็น มีพระสูตรพระวินัยรองรับ ถ้าท่านว่าแปลก ก็เพราะท่านเรียนธรรมวินัยมาไม่จบ เดินหลงทาง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2011, 03:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณท่าน FLAME ด้วยครับ ที่ได้ส่ง link มาให้ ผมได้เข้าไปดูแล้วครับ

อ้างคำพูด:
โสดาบันบุคคล โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ดับลงไปเลย ยังอยู่ครบเท่าเดิม จะดับได้ก็ต่อเมื่อวิปัสสนาปัจจุบันอารมณ์เท่านั้น

โสดาบันดับเฉพาะความเห็นผิด หรือสักกายะทิฐิดับ แปลว่า ความเห็นที่เห็นว่าโลกนี้เที่ยง นี่เรา นี่ของเรา ฯ พอคิดเห็นถูก ก็ดำรงค์ชีวิตถูก หรือ ศีลพตปรามารสดับ ความสงสัยในเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ก้ไม่มี เพราะทำเองแล้วเห็นผลแล้ว จึงยกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้เหนือหัว

โมหะมีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด และโมหะเป็นองค์ธรรมสุดท้ายที่จะดับ โลภะ โทสะ โมหะ จะเบาบางลงในระดับสกิทาคามี ตัวแรกที่ดับคือโทสะในระดับอนาคามี ถ้าดับได้หมด ก็คืออรหันผล นอกจากนั้นยังมีกันอยู่ครบ แต่ถ้ามีปัญญา มีสติ ไม่ประมาท ก็จะรู้จักใช้ปัญญามาประหารกิเลสได้ที่ผัสสะหรือปัจจุบันอารมณ์ ก็เรียกว่าผู้รู้ เป็นพุทธ อยู่ในทาง ฯ เป็นอริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


อันตรายอะไรจะมากไปกว่าอันตรายจากความคิดของเราเอง ด้วยความหวังดีผมต้องขออนุญาติให้ท่านสอบทานสภาวะของท่านกับพระสูตรอีกครั้งครับ ธรรมะเป็นสัจธรรม มั่งคง อมตะ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือน้อมเข้ามาใส่ตัวได้

เราเองต่างหากที่ต้องน้อมตัวน้อมใจเราเองเข้าสู่ธรรมะ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2011, 07:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2011, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ คนธรรมดาๆ ผมไม่รู้ว่าท่านได้ยินได้ฟังว่าการเป็นโสดาบันนั้นเป็นอย่างไร แต่ตามความเป็นจริง โสดาบันมีความเห็นถูก กับมีความรู้ที่เอามาดับความพอใจไม่พอใจและความหลงที่เกิดขึ้นมาได้แต่เพียงเท่านั้น เพราะโสดาบันได้ปัญญาการฟัง รู้เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ รู้ทางสู่นิพพาน มีความคิดเห็นที่ตรงต่อความเป็นจริงของโลกและชีวิต ในพระสูตรพระวินัย ก็ไม่ได้แสดงอะไรกินเลยไปนอกจากนี้

ไม่มีปุถุชนที่ใหนสามารถเอาชนะความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ การดับความรู้สึกพอใจไม่พอใจที่เกิดขึ้น คิดเอาเองไม่ได้ ถ้าคิดแล้วดับได้ โลกนี้จะไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ เลย ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2011, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
คุณ คนธรรมดาๆ ผมไม่รู้ว่าท่านได้ยินได้ฟังว่าการเป็นโสดาบันนั้นเป็นอย่างไร แต่ตามความเป็นจริง โสดาบันมีความเห็นถูก กับมีความรู้ที่เอามาดับความพอใจไม่พอใจและความหลงที่เกิดขึ้นมาได้แต่เพียงเท่านั้น เพราะโสดาบันได้ปัญญาการฟัง รู้เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ รู้ทางสู่นิพพาน มีความคิดเห็นที่ตรงต่อความเป็นจริงของโลกและชีวิต ในพระสูตรพระวินัย ก็ไม่ได้แสดงอะไรกินเลยไปนอกจากนี้

ไม่มีปุถุชนที่ใหนสามารถเอาชนะความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ การดับความรู้สึกพอใจไม่พอใจที่เกิดขึ้น คิดเอาเองไม่ได้ ถ้าคิดแล้วดับได้ โลกนี้จะไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ เลย ...


โสดาบันไม่โพนทนาอวดอ้างตน

ผู้ยังโพนทนาอวดอ้างตนมิใช่โสดาบัน

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร