เอกัคคตาจิต เอกัคคตาจิตพระองทรงค์บัญญัติไว้
memory ใส่หัวสมอง

ไวพจน์ที่แสดงความหมายของสมาธิคำหนึ่ง คือ เอกัคคตา แปลกันว่า ภาวะที่จิตมีอารมณ์หนึ่งเดียว

แต่ถ้าว่า ตามรูปศัพท์ จะเห็นลักษณะของจิตที่คล้ายกับข้อแรก คือ เอกัคคตา = เอก+อัคค+ตา (ภาวะ) คำว่า อัคคะ ในที่นี้ ท่านให้แปลว่า อารมณ์

แต่ความหมายเดิมแท้ ก็คือ จุดยอด หรือ จุดปลาย

โดยนัยนี้ จิตเป็นสมาธิ ก็คือ จิตที่มียอด หรือ มีจุดปลายจุดเดียว ซึ่งย่อมมีลักษณะแหลม พุ่ง แทงทะลุสิ่งต่างๆไปได้ง่าย

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 39#msg1839

อยากได้ความเห็นเกี่ยวกับสภาวะ ด้วยหง่ะ จานป้อ

เพราะถ้าหากว่า มีความหมายดังนั้นจริง ๆ
อรรถ ไม่ใช่แค่อรรถแล้วล่ะ
ไม่ใช่คิดไปว่าเป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนี้
เพราะการที่พระพุทธองค์ใช้อรรถใด นั้นต้องมีสภาวะที่พระองค์ทรงเห็นมารองรับ หง่ะ

ต่อไปเสนอข้อธรรมพื้นๆสำหรับคนทั่วๆไป เช่น ปิดทองฝังลูกนิมิต ทอดผ้าป่า ปิดทองพระประธาน พระร้อย พระประจำวัน ทำบุญ 9 วัด ถวายสังฆทาน ทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ตอนเช้าๆ ร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ กุฎีที่พักสงฆ์ สร้างสะพาน เลี้ยงอาหารเด็กอนาถา ฯลฯ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ไถ่ชีวิตโคกระบือเป็นต้น เหล่านี้ เป็นบุญเป็นกุศลเหมือนกัน หากตั้งกุศลเจตนาทำ ง่ายๆเห็นๆเป็นรูปธรรม ไม่ซับซ้อนเหมือนนามธรรม

ไบกอน นึกถึงเข็มเย็บผ้า ผ้าสำหรับให้เข็มแทงเหมือนสภาวะรองรับ เข็มอุปมาเหมือนจิตที่มีอารมณ์หนึ่งเดียว ที่แทงทะลุผ้าไปได้ง่ายๆ ฉันใด

เอกัคคตาจิต หรือนามธรรมที่เป็นเอกัคคตา ก็ฉันนั้น ย่อมแทงทะลุสภาวธรรมเช่นบาปอกุศลไปได้ง่าย

มีพระสูตรกี่บท ที่สะท้อนสภาวะที่คล้าย ๆ กันนี้บ้างน๊า
และแต่ละบทมีเนื้อความว่าไง

สีหน้าแววตาแหม่มสองแม่ลูก ซึงกำลังปิดทองพระพุทธปฏิมาดูเอิบอิ่มด้วยความสุข (บุญ) มุ่งมั่นแน่วแน่มีสมาธิขณะกำลังทำ






เห็นไม่หมด ดูเต็มๆที่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=952.0

บาปอกุศลสถิตอยู่ที่จิตใจของแต่ละคนๆ เปิดหัวใจแล้วหลับตาดูกันเองจ้า

จิตฺเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา
จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สขติ ปาฏิกงฺขา
ฯลฯ

ถ้าจะอ่านหนังสือก็เอาแต่พอสมควรแล้วลงมือฝึกอบรมจิตเถอะ

ถ้าอ่านแล้วเห็นชื่อศัพท์แสงที่ใช้ทางธรรม เช่น สติ สัมปชัญญะ จิต เจตสิก ปัญญา วิปัสสนา ฌาน มนสิการ เจตนา ฉันทะ วิริยะ กุศล อกุศล ฯลฯ ซึ่งชื่อเหล่านี้เป็นนามธรรมมองไม่เห็น เราก็ได้แต่เดาๆเอาว่ามันเป็นยังงั้น น่าจะเป็นยังงี้ ไม่น่าจะเป็นยังงี้ น่าจะเป็นยังงั้น ว่ากันไป ตีความกันไป จริงๆนะ พูดจนตาย ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่จบ

คห.บน ความเห็นส่วนตัวนะครับ หากต้องการจะหยิบนามธรรม แต่ละตัวๆว่ากันต่อก็เชิญนะครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

ไม่มีอาราย พอดีวันก่อนไปอ่านผ่าน ๆ ตา
อาจารย์ท่านหนึ่ง
ช่วงที่ทำสมาธิ ท่านมีการกล่าวถึงอาการหนึ่งที่ จุดยอด แหลม เรียว แทงทะลุ หง่ะ

เมื่อมาเจอจานป้อกล่าวถึงเข็ม
เอกอนก็เลย คิดเรื่อยเปื่อย คร๊าบบบบ

ไม่มีอะไรแล้ว
เพราะพอจะคลำไปหาสิ่งที่อ่านเจอมา ก็หาไม่เจอแล้ว อิอิ หง่ะ

สิ่งที่เป็นนามธรรม จะต้องรู้เข้าใจด้วยนามธรรม และต้องฝึกอบรมจิตให้ละเอียดประณีต

แต่อย่างว่าสิ่งที่เป็นนามธรรม ซึ่งท่านบัญญัติเรียก (เขียน) ว่า สติบ้าง สัมปชัญญะบ้าง วิปัสสนาบ้าง ปัญญาเป็นต้นบ้าง เราอ่านๆ แล้วก็วาดภาพเอาว่า สติน่าจะเป็นยังงี้ๆ ฯลฯ โดยที่ยังไม่ได้ทำได้ฝึกฝนอะไรเลย จึงเป็นว่าสติในจินตนาการ สัมปชัญญะภาพวาดทางใจ เราต่างคนต่างวาดภาพใช่ไหมล่ะ มันก็วาดไม่ตรงกัน ก็เลยโต้กันตามจินตภาพในใจของแต่ละคนๆ

ไม่มีอะไรพูดให้ขำให้คิด เชิญต่อกันตามสบาย

คุณ flame อ่านพระไตรปิฏก ต้องใจเย็นๆ นะครับ

ความที่,,,,จิต.....มี อารมณ์.....เป็นอย่างเดียว.... เป็น.....สมาธิ .....

ขอบคุณครับคุณหลับอยู่ ความที่จิตมีอารมณ์เป็นอย่างเดียว เรียกสมาธิ
ส่วนเอกัคตาหรือเอกัคตาจิต ผมมีคำใช้แล้วครับคือเอกัคตาจิต เพราะพระพุทธเจ้าใช้คำนี้แน่นอน
ส่วนความหมายอื่นๆของ เอกัคตาโดดๆ ไม่มีจิตต่อท้าย อันนี้ละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจ
คำพูดของพระพุทธองค์สมบูรณ์พร้อมแล้วด้วยอรรถะ และพยัญชนะ
ท่านใช้มาเอกัคตาจิตเราก็ใช้เอกัคตาจิตนี้แหละง่ายดี