37729.องค์ฌาณมีมนสิการ คือวิปัสสนา

หลับอยุ่

เช่นนั้น เขียน:

mes เขียน:

เอกัคคตา แปลว่า ภาวะที่จิตมีอารมณ์หนึ่งเดียว ได้แก่ ตัวสมาธินั่นเอง

เอกัคคตาเจตสิก ซึ่งเป็นองค์ธรรมที่ประกอบกับจิตเกิดร่วมกับจิต ไม่ว่าจะเป็น กุศล อกุศล หรืออัพยากตจิต ก็ตาม
จิตจะมีสมาธิ หรือไม่มีสมาธิ ก็ตาม

เอกัคคตา ก็ยังคงเป็นเจตสิกธรรมเกิดร่วมเกิดพร้อมเสมอ

เพราะ เอกัคคตา ไม่ใช่ตัวสมาธิ

แต่เป็นเจตสิกที่ทำหน้าที่ ประสานองค์ธรรมทั้งหลายทั้งปวงซึ่งมีมากมาย ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

หมายเหตุ : อกุศลจิตที่มี วิจิกิจฉาเจตสิก เกิดร่วมเกิดพร้อม จิตไม่เป็นสมาธิ ไม่มีสมาธิเจตสิก แต่ก็ยังมีเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมเกิดพร้อม
หาก เอกกัคคตา เป็นตัวสมาธิจริงแล้ว ในอกุศลจิตที่สัมปยุตกับวิจิกิจฉา ก็ต้องไม่มีเอกัคคตาเจตสิก

(อกุศลจิตดวงที่ 11 )

แต่คุณ เช่นนั้น ก็อธิบาย ถูกจริงๆนะ ครับคุณ mes
พวก อกุศลจิต มันทำให้เป็น อกุศลฌาณ ได้จริง มันมีความเป็น เอกัคคตา ...ของมัน
เช่น ใช้โทสะจิตดวงใดดวงหนึ่ง ทำให้ นิ่ง ได้ จดจ่อ อยู่กับอกุศลจิตแบบนั้น ตลอด (โมหะสมาธิ) ทำให้ คงกระพัน มหาอำนาจ แบบ พาลๆได้ ๆลๆ (ถ้าเส้นเลือดในสมองไม่แตกตายก่อน)
มีฤทธิ์ได้ด้วย เช่นพวก เล่นไสยดำ เป็นต้น(วิชามาร)
ใช้จิต ราคะ จดจ่อ อยู่กับราคะ เป็น หนึ่งเดียว ก็ ใช้เป็น เสน่ห์ แบบกามๆ ได้ (หมอเสน่ห์)

mes

หลับอยุ่ เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

mes เขียน:

เอกัคคตา แปลว่า ภาวะที่จิตมีอารมณ์หนึ่งเดียว ได้แก่ ตัวสมาธินั่นเอง

เอกัคคตาเจตสิก ซึ่งเป็นองค์ธรรมที่ประกอบกับจิตเกิดร่วมกับจิต ไม่ว่าจะเป็น กุศล อกุศล หรืออัพยากตจิต ก็ตาม
จิตจะมีสมาธิ หรือไม่มีสมาธิ ก็ตาม

เอกัคคตา ก็ยังคงเป็นเจตสิกธรรมเกิดร่วมเกิดพร้อมเสมอ

เพราะ เอกัคคตา ไม่ใช่ตัวสมาธิ

แต่เป็นเจตสิกที่ทำหน้าที่ ประสานองค์ธรรมทั้งหลายทั้งปวงซึ่งมีมากมาย ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

หมายเหตุ : อกุศลจิตที่มี วิจิกิจฉาเจตสิก เกิดร่วมเกิดพร้อม จิตไม่เป็นสมาธิ ไม่มีสมาธิเจตสิก แต่ก็ยังมีเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมเกิดพร้อม
หาก เอกกัคคตา เป็นตัวสมาธิจริงแล้ว ในอกุศลจิตที่สัมปยุตกับวิจิกิจฉา ก็ต้องไม่มีเอกัคคตาเจตสิก

(อกุศลจิตดวงที่ 11 )

แต่คุณ เช่นนั้น ก็อธิบาย ถูกจริงๆนะ ครับคุณ mes
พวก อกุศลจิต มันทำให้เป็น อกุศลฌาณ ได้จริง มันมีความเป็น เอกัคคตา ...ของมัน
เช่น ใช้โทสะจิตดวงใดดวงหนึ่ง ทำให้ นิ่ง ได้ จดจ่อ อยู่กับอกุศลจิตแบบนั้น ตลอด (โมหะสมาธิ) ทำให้ คงกระพัน มหาอำนาจ แบบ พาลๆได้ ๆลๆ (ถ้าเส้นเลือดในสมองไม่แตกตายก่อน)
มีฤทธิ์ได้ด้วย เช่นพวก เล่นไสยดำ เป็นต้น(วิชามาร)
ใช้จิต ราคะ จดจ่อ อยู่กับราคะ เป็น หนึ่งเดียว ก็ ใช้เป็น เสน่ห์ แบบกามๆ ได้ (หมอเสน่ห์)

ด้วยความเคารพท่านหลับอยู่

สมาธิมีทั้ง สัมมาสมาธิ กับ มิจฉสมาธิ ใช่ไหมครับ

ถ้าพูดถึงสมาธิก็หมายรวมถึงทั้งสองอย่างครับ

พูดตามภาษาชาวบ้าน

เมื่อเกิดเอกัคคตาจิต ก็คือจิตที่มีสมาธิ

อันนี้ผมหมายความกว้างๆสำหรับการศึกษาเพื่อปฏิบัติครับ :b8:

mes

เช่นนั้น เขียน:

mes เขียน:

วันนั้นน้ำเค็มกราบประทานโทษที่เอ๋ยนาม

บอกให้ผมอ้างพระไตรปิฏกมาว่าตรงไหนที่มีหลัำฐานอ้างว่า

ธรรมะ คือ ธรรมทชาติ

วันนี้ เช่นนั้นมาอีกแล้ว

ถามว่าทีพวกคุณพยายามสร้างสำนักพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา

มีใครเอากับพวกคุณไหม

เฉลยก็ไดเวปที่ผมกล่าวถึงคือเวปธรรมะไทย

เวปทีผมไดพบกับท่านกรัชกาย ที่ผมนับถือเป็นอาจารย์จนทุกวันนี้เพราะไม่ยอมอ่อนข้อกับสิ่งที่ไม่ถูก

จากวันนั้นเวปธรรมไทยก็รัาง ด้วยข้อวิวาทะของท่านกรัชกายกับน้ำเค็มเช่นนั้นที่เถี่นงข้างๆคูๆ

จุดประสงค์ที่ออกมาเปลืองตัว เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสน

แทนที่จะสำนึก

กับสานต่อลัทธิสมมุติธรรม

อ้อ กรัชกายสวม หัวไว้นี่เอง ไปนับถือคำสอนผิดผู้ผิดคน ที่ยัดไส้คำสอน
ไม่พิจารณา บท พยัญชนะ และอรรถ ในพระไตรปิฏก ให้ดี

คุณ mes ผิดพลาดมามากแล้ว ที่ไปเห็นคำสอนของปุถุชน ว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้อง

การแสดงความเห็นในครั้งนี้
ทำให้เช่นนั้น ระลึกถึงความสำคัญในการคัดเลือกพระอรหันต์ ในคราปฐมสังคยานาจริงๆ
ว่าต้อง มีคุณสมบัติที่เข้มงวด

และที่ขาดไม่ได้คือ ปฏิสัมภิทา 4

ความละเอียดอ่อนในการแสดง พยัญชนะ และอรรถ อย่างถี่ถ้วนของพระอรหันตเจ้าทั้งหลายในเวลานั้น

เมื่อคุณ mes จะถือเอา กรัชกาย และหนังสือพุทธธรรมเป็นเกณฑ์ ก็ตามสบาย

จบการแสดงความเห็นในกระทู้นี้เพียงเท่านี้

เช่นนั้น

ผมกราบขอขมาโทษท่านเช่นนั้นครับที่สร้างความไม่พอใจให้ด้วยความตั้งใจ :b8:

วันนี้จะบอกกับท่านเช่นนั้นว่า

นี่แหละครับของจริงครับ มีคุณค่ามากกว่าการตีความตามอักษร

เป็นสิ่งที่นักศึกษาธรรมทุกคนต้องตระหนัก

จะคิดว่าตนเรียนรู้ธรรมมากแล้วนั้นผิด

สำคัญคือ

ปฏิบัติได้แค่ไหน

ธรรมะไม่จำเป็นต้องเข้าใจภาษา เนื้อความยากๆ ได้

แต่ขึ้นอยู่กับว่าปฏิบัติได้แค่ไหนต่างหาก

เดี๋ยวนี้เราต้องระวัง

ตาข่ายดักนักวิชาการธรรมะ

mes

แต่ดัวอย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจริงทุกประการครับ

หลับอยุ่

ผมขออธิบายแบบ ง่ายๆ ครับสหายmes

ฌาณ ที่เป็นอัพยา...ก็มี ครับ คุณ mes
และ ลักษณะของจิต ระดับ ฌาณ นั้น มันก็ มี อะไรที่เขาเรียกว่า ความนิ่ง(เอกัคตา )(การหล่อหลอม ธรรมอื่นๆในจิตให้เป็นหนึ่งเดียว)

แล้วไอ้ เอกัคตานี้แหละ เป็น เจตสิก ที่เกิดร่วม แล้วดับไป กับจิต เพราะ จิต มี เกิดดับ
ครับ คุณmes

เอกัคตา จึงไม่ใช่สมาธิ ครับ :b8:

กรัชกาย

รู้สึกเห็นอกเห็นใจเข้าใจสหายธรรมทุกๆคน :b1:

บุญนี้มีไม่ไกล ใครปัญญาไว หาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดิน มีสิ้นทุกสถาน ผู้ใดใจคร้าน บ่พานพบนา

จึงขอเสนอบุญกิริยาวัตถุ ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งท่านก็ขยายออกจากสิกขา 3 นั่นเอง เพื่ออะไร ? เพื่อให้เหมาะกับระดับของบุคคลมากขึ้น เพราะว่าความละเอียดอ่อนทางจิตวิญญาณของมนุษย์มีต่างๆกัน เช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเหมือนบัว 4 เหล่า

บุญกิริยาวัตถุ มี 10 อย่างดังนี้

1.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
2.ศีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
3.ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
4.อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยการประพฤติถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
5.เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายในกิจการงานที่ชอบ
6.ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ
7.ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
8.ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม
9.ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม
10. ทิฏฐุชุกัมม์ ทำความเห็นให้ถูกต้องตรงทางเป็นสัมมาทิฏฐิ

mes

หลับอยุ่ เขียน:

ผมขออธิบายแบบ ง่ายๆ ครับสหายmes

ฌาณ ที่เป็นอัพยา...ก็มี ครับ คุณ mes
และ ลักษณะของจิต ระดับ ฌาณ นั้น มันก็ มี อะไรที่เขาเรียกว่า ความนิ่ง(เอกัคตา )(การหล่อหลอม ธรรมอื่นๆในจิตให้เป็นหนึ่งเดียว)

แล้วไอ้ เอกัคตานี้แหละ เป็น เจตสิก ที่เกิดร่วม แล้วดับไป กับจิต เพราะ จิต มี เกิดดับ
ครับ คุณmes

เอกัคตา จึงไม่ใช่สมาธิ ครับ :b8:

ความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติของปุถุชน

ถ้าบรรลุอรหันต์คงรู้แจ้งเห็นจริงเหมือนกัน

ผมกับท่านหลับอยู่ม่ความคิดเห็นทางธรรมขัดแย้งกัน 2 ข้อ

คือ

1.ของผม เอกัคคตา คือสมาธิ ท่านหลับอยู่ เอกัคคตา ไม่ใช่สมาธิ

2.ของผมจิตไม่มีเิกิดดับตลอดเวลานอกจากตาย ที่เกิดดับตลอดเวลาคือเจตสิก

ของท่านหลับอยู่นั้นจิตเกิดดับตลอดเวลา

ความขัดแย้งนี้เราจะต่างสงวนเอาไว้อย่างนี้ก่อนครับ

ความเห็นร่วมตรงกันระหว่างผมกับท่านหลับอยู่มีมากเช่นกันครับ

mes

ตรงนี้ผมจะแสดงให้เห็นว่า

ผมกับท่านหลับอยู่ไม่มีทิฏฐิมานะ

ว่า

จะต้องใครถูก ใครผิด

เสียงธรรม

กรัชกาย เขียน:

บุญนี้มีไม่ไกล ใครปัญญาไว หาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดิน มีสิ้นทุกสถาน ผู้ใดใจคร้าน บ่พานพบนา

ชอบจังครับกลอนบทนี้ คุณกรัชกาย แต่งเองหรือเปล่าครับ ถ้าผมจะขอแก้คำศัพท์นิดหน่อย เป็น

บุญนี้บ่ไกล ผู้ปัญญาไว หาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดิน มีอยู่ทุกสถาน ผู้ใดใจคร้าน บ่พานพบนา

คุณกรัชกาย มีความเห็นว่าเป็นยังไงบ้างครับ

กรัชกาย

ยามบุญมา ปัญญาช่วย
ที่ป่วยก็หาย ที่หน่ายก็รัก
บุญไม่มา ปัญญาไม่ช่วย
ที่ป่วยก็หนัก ที่รักก็หน่าย

หลวงวิจิตร วาทการ

กรัชกาย

ไม่ได้แต่งเองหรอกครับ หาๆเอาตามเน็ตนี่ล่ะ

คุณเสียงธรรมอยากจะแก้อยากทำอะไรตามสบายครับ :b1:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

mes เขียน:

วันนั้นน้ำเค็มกราบประทานโทษที่เอ๋ยนาม
บอกให้ผมอ้างพระไตรปิฏกมาว่าตรงไหนที่มีหลัำฐานอ้างว่า
ธรรมะ คือ ธรรมทชาติ
วันนี้ เช่นนั้นมาอีกแล้ว

ถามว่าทีพวกคุณพยายามสร้างสำนักพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนามีใครเอากับพวกคุณไหม
เฉลยก็ไดเวปที่ผมกล่าวถึงคือเวปธรรมะไทย

เวปทีผมไดพบกับท่านกรัชกาย ที่ผมนับถือเป็นอาจารย์จนทุกวันนี้เพราะไม่ยอมอ่อนข้อกับสิ่งที่ไม่ถูก

จากวันนั้นเวปธรรมไทยก็รัาง ด้วยข้อวิวาทะของท่านกรัชกายกับน้ำเค็มเช่นนั้นที่เถี่นงข้างๆคูๆ

จุดประสงค์ที่ออกมาเปลืองตัว เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสน แทนที่จะสำนึกกับสานต่อลัทธิสมมุติธรรม

อ้อ กรัชกายสวม หัวไว้นี่เอง ไปนับถือคำสอนผิดผู้ผิดคน ที่ยัดไส้คำสอน ไม่พิจารณา บท พยัญชนะ และอรรถ ในพระไตรปิฏก ให้ดี
คุณ mes ผิดพลาดมามากแล้ว ที่ไปเห็นคำสอนของปุถุชน ว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้อง

การแสดงความเห็นในครั้งนี้
ทำให้เช่นนั้น ระลึกถึงความสำคัญในการคัดเลือกพระอรหันต์ ในคราปฐมสังคยานาจริงๆ
ว่าต้อง มีคุณสมบัติที่เข้มงวด

และที่ขาดไม่ได้คือ ปฏิสัมภิทา 4

ความละเอียดอ่อนในการแสดง พยัญชนะ และอรรถ อย่างถี่ถ้วนของพระอรหันตเจ้าทั้งหลายในเวลานั้น

เมื่อคุณ mes จะถือเอา กรัชกาย และหนังสือพุทธธรรมเป็นเกณฑ์ ก็ตามสบาย

จบการแสดงความเห็นในกระทู้นี้เพียงเท่านี้

เช่นนั้น

แจงหนังสือพุทธธรรม

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 11#msg8011

mes

ขอยกมาให้อ่านกันสบายๆ

ของดีครับไม่ใช่มิจฉทิฏฐิแต่อย่างไร ทั้งอรรถและพยัญชนะ

มีผู้เข้าใจหนังสือพุทธธรรมผิด

viewtopic.php?f=1&t=37729&start=15
คือเข้าใจว่าหนังสือพุทธธรรมยัดไส้ยัดพุง บลาๆๆ

อันที่จริงพุทธธรรมเต็มไปด้วยหลักฐานจากพระไตรปิฎก และอรรถกถา จนดูรกรุงรังไปหมด และที่สำคัญคือผู้เขียน (ป.อ.ปยุตฺโต) ปรารภว่าท่านเขียนอธิบายตามสำนวนทางธรรมคือรักษารูปแบบเดิม มิใด้เขียนสำนวนสมัยใหม่เอาใจผู้อ่านทั่วๆไป จึงยากต่อการทำความเข้าใจของคนปัจจุบัน

จะนำที่ท่านปรารภช่วงที่เกี่ยวข้องให้ดู

mes

หนังสือนี้เต็มไปด้วยหลักฐานที่มา หรืออ้างอิงคัมภีร์มากมาย จนหลายท่านเห็นว่าเกินจำเป็น การที่ทำเช่นนี้มิใช่เป็นการยึดมั่นติดคัมภีร์ หรือเกาะตำราแน่นโดยถือว่า เมื่อเป็นคัมภีร์แล้วต้องถูกต้องตายตัว เป็นการแน่นอนว่า ในคัมภีร์ที่ล่วงเวลามาแสนนานโดยเฉพาะคัมภีร์รุ่นหลังๆ ย่อมจะมีส่วนที่คลาดเคลื่อน บันทึกผิด เติมพลาด ปนอยู่ด้วยบางส่วน แต่กระนั้นคัมภีร์ทั้งหลายก็เป็นหลักฐานสำคัญมาก และความสำคัญนั้นก็ลดหลั่นกันเป็นระดับๆ ตามฐานะและยุคสมัยของคัมภีร์เหล่านั้น

mes

ความประสงค์อีกอย่างหนึ่ง ในการแสดงหลักฐานที่มาไว้มาก หรือถือเอาคัมภีร์ที่อ้างอิงเป็นหลักเป็นแกนเป็นเนื้อตัวของหสังสือนี้ ก็เพื่อทำให้หนังสือนี้เป็นอิสระจากผู้เขียน และให้ผู้เขียนเองก็เป็นอิสระจากหนังสือด้วย เท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยว่าผู้เขียนจัดทำหนังสือนี้อย่างเป็นนักศึกษาผุ้หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นผู้ไปสืบค้นรวบรวมเอาเนื้อหาทั้งหลายของพุทธธรรมมาส่งวางให้แก่ผู้อ่าน ถ้าสิ่งที่นำมาส่งวางให้นั้นเป็นของแท้จริงหยิบมาถูกต้อง ผู้นำมาส่งก็หมดความรับผิดชอบ จะหายตัวไปไหนก็ได้ ผู้ได้รับไม่ต้องนึกถึง ไม่ต้องมองที่ผู้นำส่งอีกต่อไป คงยุ่งอยู่กับของที่เขานำมาส่งเท่านั้นว่า จะเอาไปใช้เอาไปทำอะไรอย่างไรต่อไป แต่ถ้าของส่วนใดยังไม่ใช่ตัวของแท้ที่ถูกต้อง ผู้นำก็ยังเปลี้องตัวไม่หมด ยังไม่พ้นความรับผิดชอบ โดยนัยนี้ การทำให้งานและตัวเป็นอิสระจากกันได้ จึงเป็นเครื่องวัดความสำเร็จของหนังสือนี้

ถ้าผู้เขียนนำเอาตัวพุทธธรรมมาแสดงแก่ผู้อ่านได้สำเร็จ ก็เหมือนกับได้พาผู้อ่านเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาเองแล้ว ผู้อ่านก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้เขียนอีกต่อไป พึงตั้งใจสดับและพิจารณาพุทธธรรมที่แสดงโดยตรงออกมาจากพระโอษฐ์ของพระบรมศาสดานั้นอย่างเดียว

37729.องค์ฌาณมีมนสิการ คือวิปัสสนา

ผู้ใช้งานขณะนี้