วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 04:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:
สุขในฌาณเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ มิเช่นนั้นพระพุทธองค์ยังต้องมาแสวงในอริยสัจ 4 ทำไม
เพราะก่อนที่พระพุทธองค์จะรู้จักอริยสัจ 4 พระพุทธองค์เคยบรรลุฌาณมาก่อนแล้ว จาก อาฬารดาบส
พระพุทธองค์ทรงดำริว่าเมื่อออกจากฌาณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ดังนั้นฌาณยังไม่ใช่หนทางแห่งการดับทุกข์
พระพุทธองค์ไม่สรรเสริญการเข้าอรูปฌาณด้วยเหตุว่าเมื่อตายไปเกิดเป็นอรูปพรหมไม่มีกายเนื้อก็ไม่สามารถสั่งสอนให้บรรลุได้

ผิดถูกประการใดต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับ



ครับเป็นอีกหนึ่งความคิดเห็น

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:
สุขในฌาณเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ มิเช่นนั้นพระพุทธองค์ยังต้องมาแสวงในอริยสัจ 4 ทำไม
เพราะก่อนที่พระพุทธองค์จะรู้จักอริยสัจ 4 พระพุทธองค์เคยบรรลุฌาณมาก่อนแล้ว จาก อาฬารดาบส
พระพุทธองค์ทรงดำริว่าเมื่อออกจากฌาณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ดังนั้นฌาณยังไม่ใช่หนทางแห่งการดับทุกข์
พระพุทธองค์ไม่สรรเสริญการเข้าอรูปฌาณด้วยเหตุว่าเมื่อตายไปเกิดเป็นอรูปพรหมไม่มีกายเนื้อก็ไม่สามารถสั่งสอนให้บรรลุได้

ผิดถูกประการใดต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับ


Onion_L ผิดครับ ผิดมากด้วยคุณต้องไปคุณขอขมาพระพุทธองค์ครับ :b5:
เพราะฌาณ4 พระอริยะเจ้าสรรเสริญ อีกทั้งยังมีพุทธพจน์ ส่งเสริม ไม่ให้กลัวติดสุข จากฌาณ ฌาณเป็นเครื่องช่วยให็อยู่เป้นสุขครับ ๆลๆ


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มี.ค. 2010, 06:38
โพสต์: 59

อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยผมใช้คำพูดผิด ผมขออภัยด้วยครับ
ความจริงส่วนที่จะติง คือ "ตรงนี้ ดังนั้นสุขในฌาณเป็นวิมุติสุข ไม่น่ากลัว"
สำหรับพระอริยบุคคลตรงนี้ไม่น่ากลัวนะ แต่ในส่วนของปุถุชนอะน่ากลัว
แต่เรื่องของพระอริยผมก็ไม่ทราบครับ แต่ในแง่ของปุถุชนเนี่ยแหละ มันก็เหมือนกับว่าเราจะไปเชียงใหม่ แต่เราแวะเขาใหญ่มันก็ไปไม่ถึงเชียงใหม่เสียที หากเรามัวแต่ติดอยู่ที่เขาใหญ่ มันก็เหมือนกับการติดอยุ่ในสุขจากฌาณนั่นแหละ เราก็ไม่บรรลุมรรค ผล เสียที ซึ่งตรงนี้แหละมันเลยเป็นเรื่องที่น่ากลัว

ผิดถูกประการใด ผมต้องขออภัยด้วยครับ ว่าไปแล้วพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้วขอขมาไปก็ไม่รู้จะขอขมากับใคร
แต่ส่วนที่ผมสนใจมากกว่าคือ คนที่มาสนทนากับเรามากกว่าหากเขาได้เนื้อธรรมผิดนี่สิ ผมว่าผมบาปมากกว่าอีก เพราะมันจะไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 คน


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไงก็ผิด คุณจะรักษาจิตที่ไม่สงัดจากกรรม ๆลๆ ไป จะรักษาไปสิครับ

แต่ข้อความที่คุณโพส แสดงออกมา ตู่พระธรรมแน่นอน เนื้อความผิด

จะไม่ขอขมาก็เรื่องของคุณ

คนอ่านควรกลัวความคิดคุณมากกว่า ล่มกลางอ่าว


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:
สงสัยผมใช้คำพูดผิด ผมขออภัยด้วยครับ
ความจริงส่วนที่จะติง คือ "ตรงนี้ ดังนั้นสุขในฌาณเป็นวิมุติสุข ไม่น่ากลัว"
สำหรับพระอริยบุคคลตรงนี้ไม่น่ากลัวนะ แต่ในส่วนของปุถุชนอะน่ากลัว
แต่เรื่องของพระอริยผมก็ไม่ทราบครับ แต่ในแง่ของปุถุชนเนี่ยแหละ มันก็เหมือนกับว่าเราจะไปเชียงใหม่ แต่เราแวะเขาใหญ่มันก็ไปไม่ถึงเชียงใหม่เสียที หากเรามัวแต่ติดอยู่ที่เขาใหญ่ มันก็เหมือนกับการติดอยุ่ในสุขจากฌาณนั่นแหละ เราก็ไม่บรรลุมรรค ผล เสียที ซึ่งตรงนี้แหละมันเลยเป็นเรื่องที่น่ากลัว

ผิดถูกประการใด ผมต้องขออภัยด้วยครับ ว่าไปแล้วพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้วขอขมาไปก็ไม่รู้จะขอขมากับใคร
แต่ส่วนที่ผมสนใจมากกว่าคือ คนที่มาสนทนากับเรามากกว่าหากเขาได้เนื้อธรรมผิดนี่สิ ผมว่าผมบาปมากกว่าอีก เพราะมันจะไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 คน


ปุถุชน ไม่ได้ฟังธรรมจากอริยเจ้า ไม่ได้ตั้งใจสดับฟัง ไม่ได้คบหาสัตตบุรุษ ย่อมไม่อาจมีฌานอันพระอริยะเจ้าสรรเสริญครับ ก็หมายความว่า ปุถุชน เข้าฌานอันเป็นอริยะไม่ได้ครับ

(หมายเหตุ : อริยะ...หมายถึงเป็นปฏิปักษ์ ห่างไกล จากข้าศึกคือกิเลสตัณหา)

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 17:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:

ผิดถูกประการใด ผมต้องขออภัยด้วยครับ ว่าไปแล้วพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้วขอขมาไปก็ไม่รู้จะขอขมากับใครแต่ส่วนที่ผมสนใจมากกว่าคือ คนที่มาสนทนากับเรามากกว่าหากเขาได้เนื้อธรรมผิดนี่สิ ผมว่าผมบาปมากกว่าอีก เพราะมันจะไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 คน


ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา..
ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม..

พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์..เป็นอันเดียวกันครับ

ขอขมาไปเถอะครับ...
ธรรมในใจของคุณจะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง

คนที่ฉลาดแล้วเขาคิดอุบายดี ๆ ให้กับคนที่ยังไม่ฉลาดอย่างเรา ๆ นะครับ


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มี.ค. 2010, 06:38
โพสต์: 59

อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้มองประโยชน์ในแง่นั้น แต่ผมมองประโยชน์ในแง่คนที่มาฟังผมมากกว่า
(ถ้าผิดหรือทำให้เข้าใจผิดกระผมขออโหสิกรรมด้วยครับ)
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่อันเดียวกัน ว่าด้วยจิตก็คนละอันกัน ดังนั้นการที่เราขอขมาพระพุทธในความเห็นส่วนตัวนะว่าเราขอขมาคล้ายๆกับสำนึกผิด แต่การขอขมาคนอื่นสำคัญกว่าเพราะท่านที่ฟังเราเอาธรรมไปตีความผิด ไม่ได้มองในแง่ของบาปน้อย บาปมากนะ แต่มองตามผู้ที่จะรู้ธรรมมากกว่า บอกผิดไป 1 คน เสียคนรู้ธรรมไป 1 คน 10 คน ก็เสียรู้ธรรม 10 คน ผมมองแบบนี้ เลยโดยในแง่มุมแล้วน่าจะขอขมาผู้รับชมมากกว่า ขออภัยพระพุทธคนอื่นไม่รู้ แต่ขออภัยคนอื่นเขารู้ว่าเราบอกธรรมผิด ปัญญาย่อมเกิดในผู้แจ้งสาระว่าผมพูดผิด

แต่ในส่วนความคิดเห็นของผม ผมมองว่าตั้งแต่หัวกระทู้นะ ฌาณตัวเนี่ยมันเป็นคำกลางๆไม่รู้ว่าฌาณของใคร
ของปุถุชนหรือพระอริยเจ้า ผมก็เลยพูดต่อไปว่าถ้าเป็นปุถุชนก็ไม่ควรติดในฌาณ แต่ถ้าพระอริยเจ้าเข้าฌาณไม่แน่ใจนะใช้คำถูกหรือเข้าใจถูกไหมนะครับ เข้านิโรธสมาบัติ อันนั้นก็เป้นอีกนัยหนึ่ง

หากผมพิมพ์ผิดหรือทำให้เข้าใจผิด อันเป็นบ่อเกิดให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในธรรมะ และ อื่นๆ ขอให้ท่านเหล่านั้นจงเข้าใจธรรมที่ถูก ที่ควร และโปรดอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ

สำหรับความเห็นข้างล่าง
ก็น่าจะใช่นะ การขอขมาพระพุทธเจ้าเนี่ยมันต้องทำอยู่แล้ว แต่มันไม่มีใครรับรู้ด้วยนี่สิ มันก็เลยกลายเป็นไม่รู้ว่าเราพูดผิด หรือเราเข้าใจผิด ซึ่งถ้าในที่นี้ถ้าผมเข้าใจผิดผมควรจะขอขมาคนฟังมากกว่า หรือเป็นเพราะผมจุกจิกในเรื่องของภาษาก็เลยไม่เข้าใจกันเสียที


แก้ไขล่าสุดโดย คนเกือบหลงทาง เมื่อ 17 เม.ย. 2011, 19:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:
ไม่ได้มองประโยชน์ในแง่นั้น แต่ผมมองประโยชน์ในแง่คนที่มาฟังผมมากกว่า
(ถ้าผิดหรือทำให้เข้าใจผิดกระผมขออโหสิกรรมด้วยครับ)
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่อันเดียวกัน ว่าด้วยจิตก็คนละอันกัน ดังนั้นการที่เราขอขมาพระพุทธในความเห็นส่วนตัวนะว่าเราขอขมาคล้ายๆกับสำนึกผิด แต่การขอขมาคนอื่นสำคัญกว่าเพราะท่านที่ฟังเราเอาธรรมไปตีความผิด ไม่ได้มองในแง่ของบาปน้อย บาปมากนะ แต่มองตามผู้ที่จะรู้ธรรมมากกว่า บอกผิดไป 1 คน เสียคนรู้ธรรมไป 1 คน 10 คน ก็เสียรู้ธรรม 10 คน ผมมองแบบนี้ เลยโดยในแง่มุมแล้วน่าจะขอขมาผู้รับชมมากกว่า ขออภัยพระพุทธคนอื่นไม่รู้ แต่ขออภัยคนอื่นเขารู้ว่าเราบอกธรรมผิด ปัญญาย่อมเกิดในผู้แจ้งสาระว่าผมพูดผิด

แต่ในส่วนความคิดเห็นของผม ผมมองว่าตั้งแต่หัวกระทู้นะ ฌาณตัวเนี่ยมันเป็นคำกลางๆไม่รู้ว่าฌาณของใคร
ของปุถุชนหรือพระอริยเจ้า ผมก็เลยพูดต่อไปว่าถ้าเป็นปุถุชนก็ไม่ควรติดในฌาณ แต่ถ้าพระอริยเจ้าเข้าฌาณไม่แน่ใจนะใช้คำถูกหรือเข้าใจถูกไหมนะครับ เข้านิโรธสมาบัติ อันนั้นก็เป้นอีกนัยหนึ่ง

หากผมพิมพ์ผิดหรือทำให้เข้าใจผิด อันเป็นบ่อเกิดให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในธรรมะ และ อื่นๆ ขอให้ท่านเหล่านั้นจงเข้าใจธรรมที่ถูก ที่ควร และโปรดอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ


การพูดว่าขอขมาพระพุทธเป็นเพียงการเปรียบเปรย

จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือ

ขอให้หยิบขึ้นมาโยนิโสมนสิการ

ไม่เห็นจะเสียหาย

พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่งสอนเช่นนั้นไม่ใช่หรือครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 20:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:
ไม่ได้มองประโยชน์ในแง่นั้น แต่ผมมองประโยชน์ในแง่คนที่มาฟังผมมากกว่า
(ถ้าผิดหรือทำให้เข้าใจผิดกระผมขออโหสิกรรมด้วยครับ)
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่อันเดียวกัน ว่าด้วยจิตก็คนละอันกัน ดังนั้นการที่เราขอขมาพระพุทธในความเห็นส่วนตัวนะว่าเราขอขมาคล้ายๆกับสำนึกผิด แต่การขอขมาคนอื่นสำคัญกว่าเพราะท่านที่ฟังเราเอาธรรมไปตีความผิด ไม่ได้มองในแง่ของบาปน้อย บาปมากนะ แต่มองตามผู้ที่จะรู้ธรรมมากกว่า บอกผิดไป 1 คน เสียคนรู้ธรรมไป 1 คน 10 คน ก็เสียรู้ธรรม 10 คน ผมมองแบบนี้ เลยโดยในแง่มุมแล้วน่าจะขอขมาผู้รับชมมากกว่า ขออภัยพระพุทธคนอื่นไม่รู้ แต่ขออภัยคนอื่นเขารู้ว่าเราบอกธรรมผิด ปัญญาย่อมเกิดในผู้แจ้งสาระว่าผมพูดผิด



การขอขมา...เป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่ธรรมดา...ต้องใช้ความรู้มาก..จึงจะเข้าใจ

นี้กระทู้เขาชื่อว่า..สุขในฌาณ คือ สุขในนิพพาน..

ก็ว่าตามกระทู้เขาดีกว่า..


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 21:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มี.ค. 2011, 22:32
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นน่าเลื่อมใส ไม่รู้ว่าผมมัวไปอยู่ไหนมา มาช้าจริงๆ


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
คนเกือบหลงทาง เขียน:
สงสัยผมใช้คำพูดผิด ผมขออภัยด้วยครับ
ความจริงส่วนที่จะติง คือ "ตรงนี้ ดังนั้นสุขในฌาณเป็นวิมุติสุข ไม่น่ากลัว"
สำหรับพระอริยบุคคลตรงนี้ไม่น่ากลัวนะ แต่ในส่วนของปุถุชนอะน่ากลัว
แต่เรื่องของพระอริยผมก็ไม่ทราบครับ แต่ในแง่ของปุถุชนเนี่ยแหละ มันก็เหมือนกับว่าเราจะไปเชียงใหม่ แต่เราแวะเขาใหญ่มันก็ไปไม่ถึงเชียงใหม่เสียที หากเรามัวแต่ติดอยู่ที่เขาใหญ่ มันก็เหมือนกับการติดอยุ่ในสุขจากฌาณนั่นแหละ เราก็ไม่บรรลุมรรค ผล เสียที ซึ่งตรงนี้แหละมันเลยเป็นเรื่องที่น่ากลัว

ผิดถูกประการใด ผมต้องขออภัยด้วยครับ ว่าไปแล้วพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้วขอขมาไปก็ไม่รู้จะขอขมากับใคร
แต่ส่วนที่ผมสนใจมากกว่าคือ คนที่มาสนทนากับเรามากกว่าหากเขาได้เนื้อธรรมผิดนี่สิ ผมว่าผมบาปมากกว่าอีก เพราะมันจะไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 คน


ปุถุชน ไม่ได้ฟังธรรมจากอริยเจ้า ไม่ได้ตั้งใจสดับฟัง ไม่ได้คบหาสัตตบุรุษ ย่อมไม่อาจมีฌานอันพระอริยะเจ้าสรรเสริญครับ ก็หมายความว่า ปุถุชน เข้าฌานอันเป็นอริยะไม่ได้ครับ

(หมายเหตุ : อริยะ...หมายถึงเป็นปฏิปักษ์ ห่างไกล จากข้าศึกคือกิเลสตัณหา)

ปฐมฌาณ ก็ยังหวังไม่ได้ ด้วย
พวกไม่เอา ฌาณ ไม่เอา สมถะ ๆลๆ ยังก็ไม่หมด :b32: คนหนึ่งไป คนใหม่มา ....

ยังมีอีกมากมายมหาศาล... :b31:


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเกือบหลงทาง เขียน:
สุขในฌาณเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ มิเช่นนั้นพระพุทธองค์ยังต้องมาแสวงในอริยสัจ 4 ทำไม
เพราะก่อนที่พระพุทธองค์จะรู้จักอริยสัจ 4 พระพุทธองค์เคยบรรลุฌาณมาก่อนแล้ว จาก อาฬารดาบส
พระพุทธองค์ทรงดำริว่าเมื่อออกจากฌาณก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ดังนั้นฌาณยังไม่ใช่หนทางแห่งการดับทุกข์
พระพุทธองค์ไม่สรรเสริญการเข้าอรูปฌาณด้วยเหตุว่าเมื่อตายไปเกิดเป็นอรูปพรหมไม่มีกายเนื้อก็ไม่สามารถสั่งสอนให้บรรลุได้

ผิดถูกประการใดต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับ



คุณ คนเกือบหลงทาง ลองโยนิโสมนสิการพระพุทธพจน์ข้างล่างดูก่อนครับ

อย่าเพิ่งหลงทาง



Quote Tipitaka:
" ฌานไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นแลอยู่ในที่ใกล้นิพพาน "

เนื้อความเต็มๆ กรุณาอ่านจากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๑๒๔๔ - ๑๓๐๐. หน้าที่ ๕๓ - ๕๕.
http://www.84000.org...itaka/attha/v.p ...

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นไหมครับว่า

ผู้ที่บำเพ็ญธรรมจนได้ฌาณด้วยความเพียรถึงแม้จะมีฌาณสุข แต่ก็มีปัญญาเข้าสู่นิพพาน

ดังพระพุทธพจน์ว่า


" ฌานไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นแลอยู่ในที่ใกล้นิพพาน "

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สุขในฌาณไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว และเป็นสิ่งที่ไม่ควรกลัว แต่ควรเสพอย่างมีปัญญา

smiley


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


โอ๊ะ โอ่ แล้วเสพอย่างไรจึงเรียกว่าเสพอย่างมีปัญญา


อนิจจังทุกขังอนัตตา ไม่เที่ยงหนอ ไม่เที่ยงหนอ
สิ่งใดมีเกิด สิ่งนั้นมีดับ
สุขมีสิบขั้น สุขที่สุดก็นิพพานสุข ไม่มีความเกิดปรากฎ ไม่มีความเสื่อมปรากฎ
วันนี้อารมณ์ผมเป็นแปลกๆ
ป.ล.ไม่ต้องคิดมากนะ ผมอาจจะพูดผิดหรือพูดถูกก็ได้ ลองศึกษาพุทธวจนะดูสินั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง
ป.ล.วันนี้ผมอารมณ์แปลกจริงๆสุขมีสิบขั้นนะครับ แก้ไขแล้ว :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 18 เม.ย. 2011, 15:01, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร