วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 15:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 184 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องบอกก่อนว่า ยังไม่มีอรหัตนต์เกิดขึ้นมาในโลก นับตั้งแต่ พ.ศ.๑๐๗๙ ตอนนี้สงสุดในโลก มีอนาคามีบุคคลเพียงท่านเดียวเท่านั้น คืออาจารย์สินธพ ส่วนผมบรรลุธรรมถึงขั้นใหนแล้ว มันลำบากที่จะตอบ มันก็มีทั้งผลดีผลเสียตามมา แต่ถ้าไม่บอกว่าถึงอริยะ ก็จะมีพวกถามเสมอว่า ที่แสดงธรรมมา บรรลุธรรมแล้วหรือยัง

ปุถุชน ยังไม่รู้จักวิธีการดับทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์ตามความเป็นจริง อย่างมากก็หลบทุกข์ได้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ว่าจะหาอะไรมาทำ หรือกดข่มด้วยสมาธิ ก็คือการหลบทุกข์เหมือนกัน คนส่วนมากรู้จักแต่ทุกขเวทนา ยังไม่รู้จักทุกขอริยสัจจ์ พอพ้นทุกขเวทนาพบสุขเวทนา ก็จะคิดว่าพ้นดีแล้ว

ถ้ารู้จักทุกข์ รู้จักวิธีการดับทุกข์ ไม่ใช่ปุถุชนแล้ว เกิดดวงตาเห็นธรรมแล้ว ถือว่าล่วงภูมิปุถุชนไปแล้ว เป็นสัทธรานุสารี ธัมมานุสารี หรือเป็น โสดาบัน

สิ่งที่โสดาบันรู้ คือ ทุกข์ทำให้เราเวียนว่ายตายเกิด ทุกขเวทนา สุขเวทนา อุเบกขาเวทนา ก็เป็นทุกขอริยสัจจ์ด้วยกันทั้งนั้น ดับทุกข์ได้ ก็ดับความเกิดในชาติหน้าได้ ฯ

โสดาบันยังไม่พ้นทุกข์ เพราะโสดาบันไม่ได้ดับโลภะ โทสะ โมหะเลย ดับได้อย่างเดียวคือความเห็นผิดเท่านั้น โสดาบันอยู่ด้วยความเห็นถูก ความเห็นถูกหรือปัญญาใช้ดับเวทนาได้ก็เฉพาะตอนที่ไม่ประมาท หรือ ตอนที่วิปัสสนาทัน เรียกว่า การกำหนดรู้ผัสสะด้วยปัญญาก็ได้ เรียกว่าอินทรีย์สังวรก็ได้

เมื่อบรรลุโสดาปัตติผล ความคิดเห็นจะมั่นคง แต่ก็ยังไม่ได้ดับโลภะ โทสะ โมหะอยู่ดี แต่มีปัญญาที่จัดการกับมันได้มั่นคงขึ้น คือ ดับได้ทันทีที่มันเกิด ในที่ที่มันเกิด ถึงได้สกิทาคามีก็ทำให้โลภะ โทสะ โมหะ เบาบางลงเท่านั้น เพราะปัญญามั่นคงขึ้นมีกำลังมาขึ้น

เป็นโสดาบันได้เพราะปัญญา ศรัทราของโสดาบันเกิดจากปัญญา หรือเพราะได้รู้ความจริงของโลกและชีวิตฯ เมื่อความเห็นผิดดับไป ก็เกิดความเห็นถูกขึ้นมาแทน เมื่อวิปัสสนาแล้วดับความพอใจไม่พอใจและความหลงที่เกิดกับจิตปัจจุบันได้ ก็ไม่ต้องมามีอะไรสงสัยอีกในคำสอน โสดาบันจึงยกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม

ศีลของโสดาบันเกิดจากปัญญา เป็นพฤติกรรมปกติ หรือเป็นนิสัย ไม่ได้ผืนบังคับ เรียกว่า การมีศีล โสดาบันที่วิปัสสนาเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ศีลก็จะมั่นคงขึ้น เพราะความพอใจไม่พอใจและความหลงจะเกิดขึ้นได้น้อยลง ที่ไม่ขยันก็ยังผิดศีลได้อยู่ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความพอใจไม่พอใจและความหลงที่เกิดกับจิตปัจจุบันเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้คนทำผิดศีลทุกข้อ

ปุถุชนประกอบด้วยความพอใจไม่พอใจและความหลงหนาแน่นจนต้านทานได้ยาก นึกถึงศีลทีก็เป็นคนดีได้ที ตะบะแตกเมื่อใหร่ ศีลก็เอาไม่อยู่ พวกที่อยากจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ถึงอยู่ร่วมกับผู้คนได้ยาก เอาแต่จะหลบผัสสะไปหาที่สงบ ... ศีลแบบนี้ ไม่สามารถทำให้พ้นนรกไปได้

ผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์จึงมีแต่อรหันต์เท่านั้น เพราะท่านดับโลภะโทสะโมหะได้หมดสิ้นแล้ว นอกจากนั้นยังมีเชื้อเลวเหลืออยู่ ก็ยังเลวได้ มีมากเลวได้มาก มีน้อยเลวได้น้อย เพราะธรรมชาติเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

ศีลของโสดาบันบุคคล กับของพระโสดาบันบุคคล ไม่เหมือนกัน โดยมากสมัยนี้ จะเข้าใจว่า โสดาบันบุคคลจะมีศีลและวัตรเหมือนพระโสดาบัน ... ศีลของโสดาบันบุคคล ก็คือ ศีล ๕ ทำให้บริสุทธิ์ได้ข้อเดียวก็คือไม่กินเหล้า นอกจากนั้นก็ยังมีผิดได้ แต่ไม่ได้ผิดเป็นนิสัย เพราะยังต้องทำมาหากิน ยังต้องอยู่กับลูกกับเมียอยู่ ส่วนพระโสดาบันท่านต้องชำระศีล ๒๒๗ ข้อให้บริสุทธิ์ เพราะการอาบัติแม้เล็กน้อยจะเป็นตัวขวางในการบรรลุอรหันตผล

การเป็นโสดาบัน คือ การตายแล้วเกิดใหม่ จากปุถุชนโคตรเป็นอริยโคตร เป็นแล้วก็เป็นเลย ไม่ต้องมาคอยบอกตัวเองว่าเป็นอะไร

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 00:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


โลภะ โทสะ โมหะของโสดาบัน กับของปุถุชนต่างกันอย่างไร


ที่ว่า โสดาบัน มีศีลสมบูรณ์ อย่างไรเรียกว่าศีลสมบูรณ์
(เพราะคุณ supareak บอกว่าโสดาบันยังทำผิดศีลได้อยู่ รักษาให้บริสุทธิ์ได้ข้อเดียวคือไม่กินเหล้า
มันจะไม่ขัดกันหรือครับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 01:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
bluebird เขียน:
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร

ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน

พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง

พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ

อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน

ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง

ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ ฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


ถึงจะบอกว่าเป็นกลอนของหลวงปู่พุทธทาสก็เถอะนะ
ใช้คำดี ความหมายดี แต่เวลาอ่านแล้วรู้สึกรำคาญจังครับ
มันยึกยักๆ ยังไงก็ไม่รู้ ว่าป่ะ



ผมจะตอบ...ในการฟันธงไปเลยว่า...(เพื่อไม่ให้พุทธศาสนิกชนเกิดรำคาญหรือยึกยักๆเมื่ออ่านกลอนนี้เข้า)ให้ไปคิดในเรื่องสัจจะ บารมี ของท่านพระมหาเถระองคุลีมาลอรหันต์เจ้าที่ท่านใช้สัจจะช่วยหญิงคลอดบุตร แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การให้พรมิใช่แค่เพียง ลมหวลอวนไปอวนมา....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ต้องบอกก่อนว่า ยังไม่มีอรหัตนต์เกิดขึ้นมาในโลก นับตั้งแต่ พ.ศ.๑๐๗๙ ตอนนี้สงสุดในโลก มีอนาคามีบุคคลเพียงท่านเดียวเท่านั้น คืออาจารย์สินธพ


รู้ได้อย่างไร รู้จากอะไร

คงไม่ใช่คาดว่าน่ะ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ทักษา เขียน:
bluebird เขียน:
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร

ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน

พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง

พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ

อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน

ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง

ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ ฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


ถึงจะบอกว่าเป็นกลอนของหลวงปู่พุทธทาสก็เถอะนะ
ใช้คำดี ความหมายดี แต่เวลาอ่านแล้วรู้สึกรำคาญจังครับ
มันยึกยักๆ ยังไงก็ไม่รู้ ว่าป่ะ

ผมจะตอบ...ในการฟันธงไปเลยว่า...(เพื่อไม่ให้พุทธศาสนิกชนเกิดรำคาญหรือยึกยักๆเมื่ออ่านกลอนนี้เข้า)ให้ไปคิดในเรื่องสัจจะ บารมี ของท่านพระมหาเถระองคุลีมาลอรหันต์เจ้าที่ท่านใช้สัจจะช่วยหญิงคลอดบุตร แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การให้พรมิใช่แค่เพียง ลมหวลอวนไปอวนมา....

โอมศิวะ โอมเจ้าแม่กาลี
เจ้าแม่ตะเคียนทองจ๋า ช่วยลูกช้างด้วยเถิด
ถูกหวยกินมาหลายงวดแล้ว ขอตรงๆไม่ต้องใบ้แค่เลขท้ายก็พอจ้า
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พาโลโฮฮับ มันแยกแยะอะไรไม่ออก น่าสมเพช จึงได้สื่อ ถ้อยคำออกมาพร้อมรอยยิ้มห่วยๆกลบเกลื่อนปมในใจเยี่ยงนี้ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
โลภะ โทสะ โมหะของโสดาบัน กับของปุถุชนต่างกันอย่างไร
ที่ว่า โสดาบัน มีศีลสมบูรณ์ อย่างไรเรียกว่าศีลสมบูรณ์
(เพราะคุณ supareak บอกว่าโสดาบันยังทำผิดศีลได้อยู่ รักษาให้บริสุทธิ์ได้ข้อเดียวคือไม่กินเหล้า
มันจะไม่ขัดกันหรือครับ)

ศีลที่คุณซุปแกว่า หมายถึงศีลในมรรคครับ
นั้นก็คือ สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ
นักปฏิบัติจะเข้าใจดีกันทุกคนว่า การปฏิบัติต้องยึดหลักมรรคมีองค์แปด

หลักสำคัญคือผลของการกระทำเกิดจากเจตนา
ศีลในองค์มรรคคือข้อควรปฏิบัติ
ส่วนศีลห้าคือข้อห้าม
ดังนั้นการปฏิบัติมรรคของเรา ถ้ามันไปกระทบกับศีลห้าข้อห้าม
ท่านว่า มันก็ไม่ผิดศีลเพราะเราเจตนาจะกระทำดีในเรื่องมรรค

ส่วนที่ว่า ห้ามผิดศีลในข้อสุราเมรัย ก็เพราะสุราทำให้ขาดสติ
เมื่อขาดสติจึงทำให้ ผลการปฏิบัติในเรื่องของมรรคผิดไปด้วย
ในเรื่องของสัมมาสติครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
พาโลโฮฮับ มันแยกแยะอะไรไม่ออก น่าสมเพช จึงได้สื่อ ถ้อยคำออกมาพร้อมรอยยิ้มห่วยๆกลบเกลื่อนปมในใจเยี่ยงนี้ :b32:

ท่านอรหันต์เจ้าขา ช่วยอำนวยอวยพร ให้ลูกช้างได้เป็นอรหันต์ด้วยเถอะ
หรือเอาแค่ โสดาก็ยังดีจ้า

ท่านหลับยู๋ผู้มีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ ใกล้เลือกตั้งแล้ว
ช่วยให้ลูกช้างได้เป็นนายกด้วยเถิด เจ้าประคุณเอ๋ย


ลูกช้างจะถวายหัวหมู ไข่ต้ม น้ำมันปาล์มด้วย
แถมน้ำตาลทรายอีกหนึ่งกิโล :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สมมติว่าผมมีวาจาสิทธิ์ ผมคงไม่ช่วยพาโลฮฮับ เพียงเพราะต้องการลาภสัการะต่ำๆ ของพาโลโฮฮับหรอกครับ
เลิกกระแหนะกระแหน ชาวบ้านในเวป เพียงเพื่อต้องการระบายหรือปิดปม ด้อยในใจได้แล้วโฮฮับได้แล้ว
มันทุเรศ

โอมมมม.....กรัชกายจงมาจับกุมารทองแดงตัวนี้ออกไปที กร๊ากกกกๆๆๆๆ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
โอมมมม.....กรัชกายจงมาจับกุมารทองแดงตัวนี้ออกไปที กร๊ากกกกๆๆๆๆ :b32: :b32: :b32:


เลี้ยงไว้ดูเล่นสักคนเถอะครับ ผมว่าเพลินดีนะ คนที่พูดไม่รู้เรื่องน่ะมีเยอะ แต่ผมว่าคุณโฮฮับนี่พูดรู้เรื่องนะ
อาจจะฉลาดเสียด้วยซ้ำ ถ้าจะถามว่าผมรำคาญคุณโฮฮับมั๊ย คุณโฮฮับป่วนกระทู้คนอื่นหรือเปล่า ครั้งแรกที่เข้ามาเวบนี้
บอกเลยว่ารำคาญ แต่พออยู่ไปนานๆ แล้วจึงรู้ว่าคนที่พูดไม่รู้เรื่อง แต่งเรื่อง ไร้สาระ ไร้สติน่ะมีหลายคนนะ อย่าง
ที่คุณโฮฮับพูดไว้ไม่มีผิด ว่าเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยว ลวงโลก ถ้ามองคุณโฮฮับดีๆแล้วผมว่าคุณโฮฮับไม่ได้
ป่วนกระทู้นะ เพราะคนที่ป่วนกระทู้ตัวจริงในเวบนี้มีหลายคน ที่คอยแต่งเรื่องหลอกชาวบ้านเขาไปทั่ว ชอบให้
ชาวบ้านเขาเวทนา แต่งเรื่องไร้สาระ ที่ดูๆคุณโฮฮับนี่แกจะเลือกจิกเป็นคนๆไป แต่ถ้าตาโฮฮับแกโดนรุมแกถึง
จะวีนแตก ฮ่าๆๆ ผมละสะอิดสะเอียนกับพวกที่ชอบแต่งเรื่องมาหลอกชาวบ้านเขา ไอ้เรื่องที่แต่งนะผมก็ไม่ได้มี
อคติอะไรนะ เพราะถือว่าบางเรื่องก็ให้แง่คิดที่ดี แต่ควรระบุนิดนึงว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจะได้ไม่ทำให้ใครเข้าใจผิด
ไอ้พวกที่แต่งเรื่องประมาณว่าสามีไปมีชู้ ภรรยาไปมีกิ๊ก ตัวเองดิ้นพล่านๆแทบตายอยู่แล้วทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคน
ดีเลิศประเสริฐกว่ามนุษย์ทั้งมวลแต่ทำไมต้องมาเจอเรื่องอย่านี้ เป็นต้น แล้วให้ชาวบ้านเขายกหาง เอาอกเอาใจ
พวกนี้ลวงโลก ปากหวานก้นเปรี้ยวอย่างที่คุณโฮฮับว่าไว้ไม่ผิดแม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้บางเรื่องหรือหลายเรื่องก็
เป็นเรื่องจริง น่าเห็นใจและให้กำลังใจ
แต่หากแต่งเรื่องพวกนี้มาหลอกกันนี่ผมว่าชั่วสุดๆ ล้อเล่นกับความรู้สึก
ของคนอื่นที่เขาอุตส่าห์ให้กำลังใจ ซึ่งถ้าพวกนี้จะโดนคุณโฮฮับแกแขวะบ้างก็สมควร ขออย่างเดียวคือคุณโฮฮับ
ต้องเลือกแขวะเป็นคนๆไป แขวะให้ถูกคน แล้วผมจะไปร่วมแขวะอีกคน ส่วนพูดไม่รู้เรื่องนี่ผมว่ายกเว้นคุณโฮฮับ
ไว้คนนึงละกัน

ป.ล. เพิ่งเข้าใจคุณโฮฮับก็วันนี้แหละ โฮฮับจงเจริญ อิอิอิ :b12: :b12: :b12:

สาธุจ้า :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
สมมติว่าผมมีวาจาสิทธิ์ ผมคงไม่ช่วยพาโลฮฮับ เพียงเพราะต้องการลาภสัการะต่ำๆ ของพาโลโฮฮับหรอกครับ
เลิกกระแหนะกระแหน ชาวบ้านในเวป เพียงเพื่อต้องการระบายหรือปิดปม ด้อยในใจได้แล้วโฮฮับได้แล้ว
มันทุเรศ

โอมมมม.....กรัชกายจงมาจับกุมารทองแดงตัวนี้ออกไปที กร๊ากกกกๆๆๆๆ :b32: :b32: :b32:

ปมด้อยของผมมีครับ คือผมไม่ชอบดูลิเกครับ

คุณหลับยู๋ ผมอ่านความเห็นคุณที่ไร ผมเห็นภาพเป็น โรงลิเกทุกที
รักที่จะสนทนากรุณาอย่ามั่วนิ่ม โพสอะไรในสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจไปในทางเดียวกัน
ไอ้ประเภทโพสแต่พระไตรปิฎกอย่างเดียวโดยไม่อธิบายความ เขารู้ทันกันหมดแล้วครับ
แล้วก็เลิกวางวาดเป็นผู้ทรงภูมิ พูดสำเนียงบาลีเสียทีเถอะ เก้า เก่า
เขาเลิกทำกันมานานแล้วไม่รู้เหรอ


ไปหลอกเด็กเถอะครับ ตอนนี้กำลังโยนหินถามทางไปก่อน
ถ้าใครหลวมตัวเชื่อมากๆ ก็ไปตั้งสำนักแน่ๆ :b13:


เรื่องกระแหนะกระแหน ใครมันมากระแดะก่อนครับ ลองย้อนไปดูก่อน
ใครมันโยงคำพูดผมที่สนทนากับคนอื่นมาอ้างอิง แล้วก็เหน็บแนมเหมือน
แม่ค้าปากตตลาดครับ

ถามคำถามที่เป็นสาระก็ไม่ตอบ เฉไฉไปเรื่อย
หรือว่าเป็นอรหันต์แล้วพูดกับปุถุชนไม่รู้เรื่องหา :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีลบริบูรณ์ กับ ศีลบริสุทธิ์ ต่างกันนะครับ

ถ้าจะเอาภาษาของพวกจิตวิทยาสายพฤติกรรมศาสตร์ ก็พอจะแสดงได้ว่า ศีลของปุถุชนมีผลในระดับจิตปกติ เท่ากฏหมาย คือยังไม่เป็นนิสัย ถือเป็นปัจจัยภายนอก ศีลอริยบุคคลมีผลในระดับจิตใต้สำนึก เป็นนิสัย ถือเป็นปัจจัยภายใน

การผิดศีลก็ต้องมีเหตุปัจจัยเพราะธรรมชาติไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ การที่โสดาบันยังไม่มีศีลบริสุทธิ์ เพราะ โลภะ โทสะ โมหะ ยังมีอยู่ครบ ตาเห็นรูป เกิดความพอใจ อยากได้ คิดจะเอาทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตน ก็ถือว่าผิดทางใจแล้ว แต่โสดาบันระลึกรู้ว่า มันผิด มันเกิดจากความพอใจ ก็วิปัสสนาฆ่าความพอใจ พอความพอใจหายไป ความคิดที่จะเอาก็ดับไปด้วย ศีลที่เกิดจากปัญญาแบบนี้เรียกว่า อริยศีล หรือ ศีลในมรรค ๘ เกิดจากสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ คือ คิดเห็นถูก คิดเห็นว่ารูปไม่เที่ยงฯ

ที่โสดาบันรักษาศีลได้บริสุทธิ์เพียงข้อเดียว เพราะ การกินเหล้าเป็นการทำผิดอย่างหยาบ ทำร้ายตนเอง ไม่ได้ทำร้ายคนอื่น ไม่ยกเหล้าเข้าปากก็ไม่ผิดแล้ว แต่ข้ออื่น มีการทำผิดอย่างกลาง อย่างละเอียด เช่น ดูทีวี เห็นนางเอกสวย อยากได้เป็นเมีย ก็คือ ผิดศีลข้อ ๓ แล้ว

อรหันต์ดับโลภะ โทสะ โมหะ หมดไม่มีเหลือ จึงไม่มีความพอใจไม่พอใจเกิด จึงไม่ผิดศีลเลยแม้แต่ข้อเดียว

พระไชยะเถระ พระอรหันต์รูปสุดท้ายที่ดับขันธ์ฯ ไปเมื่อ พ.ศ.๑๐๗๙ มาจากญานทัศนะของ อ.สินธพ กู่ของท่านก็ยังมีอยู่ถึงปัจจุบัน

การดูว่าใครเป็นอรหันต์ ดูง่ายๆ จากคำสอน จากทางที่ท่านทั้งหลายเดิน จากศีลและวัตร ที่ไม่มีอรหันต์ในโลกมากว่า ๑๔๐๐ ปี เพราะไม่มีใครรู้จักการดับทุกข์เลยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมานี้ คำสอนก็มีแต่ให้ไปทำสมาธิเพื่อหาปัญญา ซึ่งก็คือคำสอนของอาฬารดาบสกับอุทกดาบส แปลว่า ปัญญาหายไป ชาวพุทธก็เลยย้อนไปเอาการค้นหาปัญญาของเจ้าชายสิทธถะมาปฏิบัติ ไม่ได้ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าโคตมะ

อริยสาวก เห็นความจริงเหมือนกัน จึงแสดงความจริงเหมือนกัน เหมือนลอกๆ กันมา อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน เรียกว่า สังคมของอริยะ ไม่มีแย้งกันเหมือนปัจจุบันหรอกครับ

ถ้าคุณ mes สนใจเรื่องญานทัศนะ ก็คงต้องหาโอกาสเสวนาธรรมกับ อ.สินธพเองแล้วละครับ เพราะพวกผมไม่มีใครอยากเสี่ยง ถ้าเกิดชาตินี้ไม่ถึงอรหันต์ ตายไปก่อน ถ้าได้แค่ปฐมฌาน ก็จะไปติดค้างอยู่ในพรมโลกถึง ๑ กัปเชียวนะครับ มันไม่ได้ต่างอะไรกับการถูกขังเลย ถ้ายังไม่ถึงอนาคามี ไม่มีอริยะที่ใหนโง่ไปเจริญสมถะหรอกครับ เพราะพวกเรากลัวเกิดมากกว่ากลัวตายอีก วิปัสสนาไปพอมีสมาธิแหลมๆ มาก็ยังต้องฆ่าทิ้ง เพระสมาธิที่มาจากวิปัสสนาจะเป็นอุเบกขาหรือฌาน ๔ และเกิดไ้ด้ง่ายมาก

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ปมด้อยของผมมีครับ คือผมไม่ชอบดูลิเกครับ

คุณหลับยู๋ ผมอ่านความเห็นคุณที่ไร ผมเห็นภาพเป็น โรงลิเกทุกที
รักที่จะสนทนากรุณาอย่ามั่วนิ่ม โพสอะไรในสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจไปในทางเดียวกัน
[b]ทางนรกของโฮฮับ ไม่เอาอ่ะ

ไอ้ประเภทโพสแต่พระไตรปิฎกอย่างเดียวโดยไม่อธิบายความ เขารู้ทันกันหมดแล้วครับ
แล้วก็เลิกวางวาดเป็นผู้ทรงภูมิ พูดสำเนียงบาลีเสียทีเถอะ เก้า เก่า
เขาเลิกทำกันมานานแล้วไม่รู้เหรอ
[/b]
เพราะเลี่ยงบาลีนี่แหละ สัทธรรมปฏิรูป จึงเกิด อ่อนจริงๆโฮเอ๊ยยย
โฮยังทะลึ่งไปตอบกระทู้คุณmes อีกว่า ฌาณไม่ใช่สัมมาสมาธิ ระวัง


ไปหลอกเด็กเถอะครับ ตอนนี้กำลังโยนหินถามทางไปก่อน
ถ้าใครหลวมตัวเชื่อมากๆ ก็ไปตั้งสำนักแน่ๆ :b13:

หากผมจะหากินกะศาสนาหน่ะ รวยๆๆๆๆๆ โคตรรวยๆๆๆๆๆ ไปนานแล้ว

เรื่องกระแหนะกระแหน ใครมันมากระแดะก่อนครับ ลองย้อนไปดูก่อน
ใครมันโยงคำพูดผมที่สนทนากับคนอื่นมาอ้างอิง แล้วก็เหน็บแนมเหมือน
แม่ค้าปากตตลาดครับ
ก็โฮไปยวนเขาก่อนนี่หว่า ขนาดข้อธรรมะ แกยังไม่เว้น ระวังไว้ เห็นชิวิตร่วงไปหลายคนแล้ว ยิ่งพิมพ์ ในเวป มันอยู่นานใครมาอ่านก็เจอ ไม่เหมือนลมปาก

ถามคำถามที่เป็นสาระก็ไม่ตอบ เฉไฉไปเรื่อย
หรือว่าเป็นอรหันต์แล้วพูดกับปุถุชนไม่รู้เรื่องหา :b13:

พาโลโฮฮับ มัน อสาระ
สมแล้วที่กรัชกาย เรียกว่า กาสร โฮ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเสียดาย ซุป นะครับเห็นเคยโพส พระอภิธรรมไว้เยอะ แต่คุณก็ยังไม่เข้าใจองค์ธรรมของฌาณและ ว่า สมถะและวิปัสสนา เกิดขึ้นในจิต ดวงเดียวหรือไม่ และคุณก็ยัง ปฏิเสธ มรรค4 มรรค8 ไตรสิกขาอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2011, 00:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ในเรื่องแว่นส่องความเป็นพระโสดาบันหล่ะครับ :b41:


อานนท์ ! เราจักแสดง ธรรมปริยายอันชื่อว่าแว่นธรรม ซึ่งหาก อริยสาวกผู้ใด ได้ประกอบพร้อมแล้ว เมื่อจำนงจะพยากรณ์ตนเอง ก็พึงทำได้ ในข้อที่ตนเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดเดรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว, ในข้อที่ตนเป็นพระโสดาบันผู้มีอันไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาล เบื้องหน้า ดังนี้.
อานนท์ ! ก็ธรรมปริยายอันชื่อว่า แว่นธรรม ในที่นี้ เป็นอย่างไร เล่า ?
อานนท์ ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหว ในองค์พระพุทธเจ้า....ในองค์ พระธรรม.... ในองค์พระสงฆ์.... และอริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้วด้วยศีลทั้งหลายชนิดเป็นที่พอใจของเหล่าอริยเจ้า คือเป็นศีล ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหา เป็นศีลที่ผู้รู้ท่าน สรรเสริญ เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ.
อานนท์ ! ธรรม ป ริย าย อัน นี้แล ที่ชื่อ ว่า แว่น ธรรม ซึ่งห าก อริยสาวกผู้ใดได้ประกอบพร้อมแล้ว เมื่อจำนงจะพยากรณ์ตนเอง ก็พึงทำได้, ดังนี้แล.

- มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๕๐-๔๕๑-๑๔๗๙-๑๔๘๐.
http://www.oknation.net/blog/buddhaquot ... 21/entry-3

ถ้ามีเจตนาเกิดขึ้นแล้วไม่ถือว่าเป็นความด่างพร้อยของศีลหรือครับ

หรือที่คุณsupareak จะบอกคือ ความคิดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดด้วยเจตนาแต่เกิดเพราะ
ยังมีโลภะ โทสะ โมหะอยู่ พอเห็นความคิดนั้นปุ๊บพระโสดาบันก็ตัดปั๊บอย่างงี้ใช่มั้ยครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 184 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร