วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2011, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 23:10
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีไม่เคยนอกใจ ไม่ติดเหล้าเมายา(กินบางครั้งที่ต้องเข้าสังคม แต่ไม่ติด) ไม่เล่นพนัน ไม่ทุบตี ไม่ด่าทอ ใจเย็น เราใจร้อน แต่สามีไม่ค่อยมีความเป็นผู้นำ หัวอ่อน ไม่ทะเยอทะยาน ทำงานก็ทำงานจริงๆ ไม่เคยพูดถึงอนาคต คือง่ายๆ ดำเนินชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ แม่สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ถ้าไม่ฝืนใจตัวเองมากนัก (เขาเป็นคนเชื่อฟังแม่มาก เพราะแม่คาดหวังและวางเส้นทางให้เขาเดินตลอด ด้วยไม่อยากมีปัญหา เขาจึงทำตามที่แม่ต้องการตลอด จนเคยชิน ) ทำงานหาเงินให้แม่ ให้เมีย คือชีวิตเขา พอมีเวลาส่วนตัวก็ไปหาเพื่อน ดูบอล เราชอบเอาสามีคนอื่นที่ดีกว่ามาเปรียบเทียบให้เขาฟังเพื่อหวังให้เขาทะเยอทะยานอยากสร้างอนาคตบ้าง บ่นว่าเขาบ้างที่มีรายได้แค่เงินเดือนอย่างเดียว คืออยากมีฐานะมากกว่าทุกวันที่เป็นอยู่ที่มีพอกินพอใช้เท่านั้น สามีรับฟังเฉยๆ (เหมือนเคย) ไม่ตอบโต้ ไม่ว่าอะไร ต่อมาสามีก็มีเงินที่ได้มานอกจากเงินเดือนมาให้เรา เราแปลกใจอยู่บ้างแต่ความเห็นแก่ตัว คิดว่าสามีคงนำคำพูดเราไปคิดแล้วหารายได้เสริมอื่นทำ เลยไม่สนใจคิดเพียงว่ามีเงินมาให้มากกว่าเดิมก็ดีแล้ว หลังจากนั้นไม่นานสามีมาบอกว่าเอาเงินบริษัทไปหมุนหามาคืนเขาไม่ทัน จนถูกจับได้ ถูกไล่ออก พร้อมกับถูกแจ้งความต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เราช๊อกมากๆ ตอนแรกต่อว่าสามีต่างๆ นาๆ ถึงขั้นขอเลิก เพราะเรารับไม่ได้ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะสามีเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องนี้เลย (เนื่องจากเราทั้งคู่ ไม่เคยทำผิด สามีไม่มีนิสัยเอาของคนอื่น) สามีก้มหน้าร้องให้อย่างเดียว ทั้งที่เราไม่เคยเห็นเขาร้องไห้เลย เขาไม่ต่อว่า ได้แต่ยอมรับถ้าเราจะเลิกกับเขา เราถามว่าเขาเอาเงินไปทำอะไรก็ไม่บอก ร้องไห้เป็นวันเป็นคืน จนมานั่งคิดว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเรา เราเก็บเงินเดือนเขามาหมด ให้ใช้เพียงไม่กี่ร้อย เขาต้องเลี้ยงแม่ด้วย แล้วเรายังมักต่อว่าเขาประมาณว่าไม่ได้เรื่องสู้คนอื่นก็ไม่ได้ เรากลายเป็นแม่คนที่ 2 ของเขาไป เขาต้องกดดันเพราะแม่ที่หวังดี แต่ไม่เคยให้เขาทำตามสิ่งที่เขาต้องการ พอมีเมียๆ ก็สั่งให้ทำนั่นนี่ไม่ต่างกับแม่ สุดท้ายบีบให้เขาต้องทำเรื่องไม่ดี เราตัดสินใจอยู่กับเขาหาเงินใช้หนี้ เพราะสงสารและรู้สึกผิด แต่สิ่งที่รออยู่คือความอับอายที่เราไม่คุ้นชิน เมือก่อนเคยเดินอย่างสง่าผ่าเผย ไม่สนใจใคร ตอนนี้กลับต้องทำเป็นไม่เห็นใคร เพราะกลัวเจอคนรู้จัก ส่วนสามีก็ไม่ชอบออกสังคม มาทำอาชีพส่วนตัวอยู่กับบ้าน ชวนไปไหนก็อิดออดไม่ไป มันเป็นกรรมที่เราได้รับแล้ว คิดว่าอย่างนั้น เราผิดที่เป็นเมียที่ไม่ดี เมื่อทำผิดและยอมรับผิดเราไม่หนีหนี้ ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินใช้หนี้ แต่เรากลับกลัวสังคม สงสารสามีที่ไม่เคยทำผิด กลัวเขาจะไม่เดินต่อไป พยายามนำเรืองนั้น เรื่องนี้มาให้กำลังใจต่างๆ นาๆ ว่าเราไม่ได้โกงบ้านเมืองเหมือน สส. เราทำเพราะอยากให้เมียมีกินมีใช้ และไม่ได้คิดจะโกงแล้วหนี เพียงแต่หมุนมาใช้เขาไม่ทัน คนใหญ่คนโตเขาทำกันยิ่งกว่า เขายักยอกเงินหลวงไม่ได้ให้กลับคืนด้วยซ้ำ แต่พูดไปพูดมาก็เหมือนกับเข้าข้างตัวเองว่าไม่ผิด ทั้งๆ ที่ผิด (ยิ่งแย่เข้าเข้าไปอีก) ตอนนี้ปัญหาคือ ไม่มีกำลังใจจะเดินหน้า รู้สึกผิด อาย ห่วงศักด์ศรี จนไม่รู้จะขึ้นมาได้อย่างไร เข้าใจว่าผิดแต่อยากแก้ตัว แต่ไม่รู้จะช่วยคววามรู้สึกของสามีได้แค่ไหน ล้มครั้งนี้ไม่รู้จะลุกได้อีกหรือไม่ สามีผิดมากใช่มั๊ย ที่อยากให้เมียมีความสุข เมียผิดกว่าหรือไม่ที่กดดันสามีจนต้องทำเรื่องที่ไม่เคยทำ แล้วถ้าเรายอมรับผิดแล้วจะเดินต่อไปในสังคมอย่างไร ช่วยแนะนำด้วยเถิด...... :b26: :b26: :b26: :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2011, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 23:10
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีมาบอกภายหลังนำเงินไปทำธุรกิจเล็กๆ ซื้อขายของทางเน็ท (เราห้ามเขาทำตั้งแต่แรก เพราะคิดว่ากำไรได้มายาก และโอกาสน้อย กลัวเขาถูกโกงจากพวกไม่ซื่อด้วย เขาจึงไม่กล้าบอกเรา) แต่ไม่ได้พนันบอลนะ เพราะว่าเราเป็นหนี้เขาน้อย แต่เป็นความผิดที่ใหญ่หลวงจริงๆ ..........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทำใจเย็น ๆ เงยหน้ามองที่หน้าพระเสียบ้าง ท่านชนะทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการชนะ ความทุกข์ในจิตในใจ ท่านรู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง อะไรคือประโยชน์อะไรไม่ใช่ประโยชน์ ท่านแสดงออกด้วยการยิ้ม นิ่ง เรียบเฉย ตรงข้ามกับคนเรามากเลยที่กระทำอะไรไปด้วยความไม่รู้

จะดีกว่าไหมที่ จะตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรให้ ตัวเราเองและคนรักกลับมามีความสุข เพราะการตั้งคำถามต่อเหตุการณ์ร้าย ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้น มันเหมือนการยืนยัน หรือจะหาคนผิด หาตัวการให้ได้ แล้วมันจะสำคัญอะไรอีกละครับ ฟังดี ๆ นะ ระหว่างมีคนมาจุดไฟเผาบ้านเราแล้ว วิ่งหนีไป เราจะรีบดับไฟก่อน หรือว่าจะไปตามหาตัวการ ตัวคนร้ายก่อน ?

แน่นอนคุณโยมจะตอบว่า ดับไฟก่อน แล้วชีวิตจริงละ คุณโยมกำลังทำอะไรอยู่ หากคุณโยมกำลังเฝ้าย้ำเฝ้าทุกข์เพราะความคิด เฝ้ากังวลต่อสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ใครเอาโซ่มาผูกขาครอบครัวเราเอาไว้ สังคมรอบข้างหรือว่าตัวเราเอง ปลดปล่อย ปล่อยวางให้เรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว ให้มันเป็นบทเรียน ให้มันอยู่ในวันวาน จัดการกับความรู้สึกนึกคิด ของตนเอง ก่อนจะไปช่วยเหลือคนอื่น(สามี) เพราะหากมัวแต่มาถาม มายัดความผิดใส่มือใคร นั่นก็เท่ากับว่าคุณโยม กำลังปล่อยให้บ้านไฟไหม้ แล้วออกตามหา คนวางเพลิง?

ตั้งสติ หายใจเข้าลึก ๆ ปล่อยลมหายใจออกยาว ๆ ปล่อยความบีบคั้นตนเองและผู้อื่น ที่กระทำไปด้วยความไม่รู้ ถ้าคุณโยมบังคับ รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน แต่นี้เพราะว่า คนร้าย (กิเลสตัณหา ความไม่รู้) นั่นเองคือโจรที่อยู่ในบ้าน ในจิตใจคนเรามาตลอด

คนเราลองประมาท ขาดสติ เพราะรักนั้นจึงทำไปด้วยความไม่รอบครอบไม่รู้ตัว เพราะรักตัวเองหวงตัวเอง จึงทำพูดคิดไปเพราะ ประมาท ไม่รู้ไม่เห็นทางสว่าง ทางแห่งความสุขที่แท้จริง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว กว่าจะรู้ตัวก็สาย ดังนั้นอย่ารีรอ ที่จะซ้ำเติมตัวเอง อย่าช้าที่จะ รีบสลัดความคิดที่จองจำที่ทำให้เราทุกข์

ในเมื่อกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่ใช่เราหรือสามีผิด แต่เพราะความอ่อนแอ ประมาทของเราทั้งสอง นั่นทำให้เกิดความผิดพลาด แต่ไม่ถึงกับตายหรือจบชีวิต หากยังมีลมหายใจ และยังรักกัน ก็ควรประคับประครองกันสู้ไปด้วยกันต่อไป จึงนับว่าจะถูกต้อง หากมัวแต่ หาคนร้าย ก็ไม่ต้องกลับมา มองเห็นคนดี ๆ คนธรรมดา ๆ ที่จะสู้จะอดทนไปด้วยกัน เผลอ ๆ ไฟกองเล็ก ๆ ก็จะลุกลามใหญ่ขึ้น จนต่างคนต่างโทษ ต่างตำหนิกัน นั่นเท่ากับทำให้ไฟกองใหญ่ขึ้น แล้วใครละจะช่วยกันดับไฟ ?

สตินะ สติจะช่วยให้เราเท่าทันความรู้สึกนึกคิด สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คิดชอบ คือไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้เกินไป เมื่อไม่ได้ดังใจก็ไม่คิด พยาบาทผูกโกรธ อิจฉาริษยาใคร ไม่คิดพูดจา กระทำ คิด เบียดเบียนใคร นี่คือข้อปฏิบัติที่สำคัญในกว่าสิ่งใดในการดำรงชีวิตทีเดียว ไม่คิดโลภอยากจนเกินไป ๑ ไม่คิดพยาบท ๑ ไม่คิดเบียดเบียน๑

สิ่งใดพลาดพลั้งทำผิด ก็ต้องรู้จักให้อภัย ตนเอง ให้อภัยคนอื่น ๆ เมื่อให้อภัยในความไม่รู้ของทุกฝ่าย หันมาใส่ใจในการแก้ปัญหา มีสติที่เข้มแข็ง มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง รู้จักอ้อนน้อมถ่อมตน ไม่นานความทุกข์ก็จะหายไป เวลากินข้าว พร้อมหน้าพร้อมตา สังคมรอบข้างมานั่งด้วยไหม ? เวลานั่งดูหนังฟังเพลง สังคมรอบข้างมานั่งดูหนังฟังเพลงไปกับครอบครัวเราด้วยไหม ?

เวลานี้ การให้อภัยทาน ตลอดจนการทำจิตทำใจให้มีความสุข พอใจในสิ่งที่มี สิ่งที่เคยมี แต่ก่อนก็ไม่ได้เอามาจากท้องพ่อท้องแม่ อย่าได้ไปให้ความสำคัญกว่าบุญ กว่าสติปัญญา ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็อาจจะเสียคนที่รัก เสียความดีของตัวเอง เสียซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ในโลกนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องสมมติชั่วคราว ความดี บุญกุศลที่ทำให้พ้นจากความทุกข์ มีการทำทาน รักษาศีล การภาวนาอบรมสติปัญญานี้เท่านั้น ที่จะช่วยตัวเองและครอบครัวได้

ถ้าใส่ใจคนอื่น เหมือนนิทาน อีสป ที่สุนัขคาบกระดูก เห็นเงาในน้ำมีสุนัขคาบกระดูกชิ้นใหญ่กว่า อยากได้ในที่สุดก็สูญเสียสิ่งที่ตนมีอยู่ เพราะเห็นสิ่งที่ไม่จีรังยังยืนเหล่านั้นจะทำให้ตนมีความสุขได้ เพราะไม่เข้าใจตามความเป็นจริง สนใจคนอื่น สังคมรอบข้าง นั่นกำลังลืมใส่ใจ จิตใจตนเองและคนที่เรารัก ยังมีคนขาดโอกาส ยังมีคนโชคร้ายอีกมาก ยังมีคน ตกอยู่ในกองทุกข์อีกมาก ทุกนาที ทุกเวลา ความไม่ประมาทในกุศล หมั่นเตือนตนเอาไว้ ให้มีสัมมาสังกัปปะ ดำริชอบคิดชอบ สถานการณ์ต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายลงไปได้

ถ้าลมหายใจยังมี แปลว่าเรายังรวยกว่าคนตาย จำคำพุทธฏีกาไว้ แต่ถ้าไม่มีธรรมะ นั้นคุณจะจนในชาตินี้และทุก ๆ ชาติไป อยากรวยให้ทำบุญทำทาน สละละความตระหนี่ที่หลอกเราจนต้องเสียใจ รักษาศีลอบรมกายวาจาให้รุ้จัก ประหยัดรู้จักอด รู้จักพอ รุ้จักลำบาก อบรมสมาธิและปัญญา ทำจิตให้มีความสุข เป็นปกติปล่อยว่างต่อสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่กังวลต่อ อนาคต มีชีวิต มีสติอยู่กับปัจจุบัน

ไม่มีใครผิด....แต่จะทำดีสร้างความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร บอกวิธีการไปพอสังเขปแล้วขอให้โชคดีเจริญพร ^^


รูปภาพ


Credit image by ;
http://www.consumerthai.org/debt/index. ... &Itemid=15 ชมรมหนี้บัตร เครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 08:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 21:44
โพสต์: 942

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2011, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เมื่อใดที่เราจน...มักจะมองไม่เห็นหนทางรวย
เมื่อใดที่เรารวย....ก็มักจะมองไม่เห็นหนทางจน

ทั้งๆที่ความจนกับความรวย...มันมีได้ทุกคนแค่พลิกฝ่ามือ
เมื่อวานรวยเป็นพันๆล้าน....วันนี้ไม่เหลืออะไรัสักอย่าง
เมื่อวานแม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกิน วันนี้กลับกลายเป็นเศรษฐี
พันๆล้านก็มีให้เห็น.....ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่แน่นอนสักอย่างเดียว

ความผิดพลาดที่ผ่านมา...ให้จดจำไว้เป็นบทเรียน
ทั้งตัวเราและสามี....เมื่อล้มแล้ว หากไม่ยอมลุก
ก็ไม่มีทางที่จะตั้งตัวได้....ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยผิดพลาด
วันนี้เราร่วงหล่นลงมาจากฟ้า....ก็ก้มหน้ามองดินเสีย...หาวิธี
ก้าวเดินบนพื้นดินให้มั่นคง...อย่างตรงไปตรงมา อย่าหลงทางอีก

คราใดที่รู้สึกต่ำต้อย....ก็ให้มองคนที่ด้อยกว่าเรา
วันใดต้องการพลัง ฮัดสู้ ก็แหงนคอมองคนที่สูงกว่าเรา

สู้ต่อไป....ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น...
ไม่ว่าจะจน หรือรวย.....เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b4: :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2011, 09:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2011, 09:04
โพสต์: 32


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีใคร ไม่เคยทำผิด ท่องไว้ค่ะ
ใช้เวลาเยียวยาเรื่องความรู้สึก และอย่าแคร์สายตาคยนอกมากกว่าคนในครอบครัวเลยค่ะ
สามีคุณรู้สึกผิดมากแล้ว เสียใจมากแล้ว พลาดไปแล้ว และพวกคุณก็ยอมรับผลกรรมนั้น
โดยการก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ไป...ให้กำลังใจเขาอยู่กันในบ้านแบบสงบสุขก็ดีนะคะ..
โลกภายนอกบางทีมันก็โหดร้าย...แล้วสักวันเรื่องนี้มันก็จะผ่านไป มีเรื่องใหม่มาให้สังคมซุบซิบกันต่อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2011, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: คนที่ทำผิดแล้วยังรู้ผิดนั้นถือว่ายังไม่เป็นโมฆะบุรุษ อาจด้วย ความโลภ ความจำเป็นหรือแม่แต่ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มันก็ยังเยียวยาได้ ยังอยู่ในกลุ๋มบัว 3 เหล่า มันก็เหมือนๆกันทุกคน เหมือนคำพูดที่ว่าคนที่ไม่ได้ทำผิด มักไม่ได้พยายามทำอะไรเลย
......เรายิ่งยึด มันก็ยิ่งทุกข์ ถ้ารู้จักวางทุกข์มันก็ดับ มันดับลงที่ไหน มันก็ดับลงที่จิต(ใจ)นั่นแหละ เรื่องแบบนี อยากเล่าให้ฟัง วันหนึ่งก็มีท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพร้อมครอบครัว เดินทางไปหาหลวงพ่อชา ที่วัด หน้าตาของทุกคน อมทุกข์อย่างหนัก เหมือนไม่ได้หลับนอนมาหลายคืนติดต่อกัน เมื่อมีโอกาสได้กราบหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ถามว่าเดินทางมาไกล มีอะไรหรือโยม ชายคนนั้นก็เล่าว่าผมและครอบครัวกำลังประสบปัญหาหนักที่สุดในชีวิต คือผมเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่มากคนหนึ่ง ความเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่นี้ ทำให้ผมมและครอบครัว มีฐานะ มีหน้ามีตาในสังคม และมีความสุขมาโดยตลอด จู่ๆผมก็ถูกปลดเพราะผู้ใต้บังคับบัญชาไปทำความผิดร้ายแรง และผมจำเป็นต้องรับผิดชอบโดยที่ผมก็ไม่รุ้เรื่องด้วยกับการกระทำครั้งนี้ ผมทุกข์มากจริงๆ ไม่รูจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อถูกปลดแล้ว ครอบครัวจะเป็นอย่างไร หลวงพ่อท่านก็ถามกลับว่า คนในประเทศนี้เขาเป็นทหารกันทั้งหมดหรือ คนส่วนน้อยเท่านั้นมิใช่หรือที่เป็นทหาร คนส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้เป็นทหารกันมิใช่หรือ แล้วทำไมคนเหล่านั้นเขายังมี ความสุข และมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ แต่ทำไมโยมแค่รู้ว่าจะไม่ได้เป็นทหารต่อไปแล้วโยมจึงต้องทุกข์ขนาดนี้ต้อง ลองถามตัวเองว่าอาชีพอื่นมีไหม ถ้าไม่ได้เป็นทหารทำอย่างอื่นเหมือนคนอื่นๆอีกเยอะแยะได้ไหม โยมพอทำได้ไหม อาชีพอื่นน่ะ หลวงพ่อถามย้ำ ชายคนนั้นก็ตอบว่าได้ครับหลวงพ่อ หลวงพ่อจึงถามต่อว่า ได้แล้วโยมจะต้องทุกข์อะไร ทุกข์ที่ว่าเราไปแบกว่าเราเป็นทหาร โยมลองวางตัวตนที่เป็นทหารลงซิ หลับตานึกว่าเราไม่ได้เป็นทหารแล้ว เป็นอะไรก็ได้เหมือนคนอื่นๆเข่าน่ะ ชายคนนั้นนั่งเงียบไปครุ่นคิดอะไรอยู่สักครู่ แล้วจู่ๆก็โพล่งออกมาว่าใช่ครับ หลวงพ่อผมนี่มันบ้าจริงๆ ไปยึดมันอยู่ ไปแบกมันอยู่กับความเป็นทหาร พอผมมาลองคิดดูตามหลวงพ่อว่าผมไม่ได้เป็นทหารผมเป็นอะไรก็ได้ มันโล่งขึ้นมาเลย ผมไปแบกมันไว้จริงๆ และก็ยังบังคับให้ครอบครัวมาแบกความเป็นทหารกับผมด้วย ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่ทุกข์แล้ว กราบขอบคุณหลวงพ่อมาก.....นี่คือเรื่งจริงเรื่องหนึ่งของการยึดและการวาง ตัวกู-ของกุ...วิถีแห่งความพ้นทุกข์และหลุดจากบ่วงแห่งโลกธรรมอีกตัวอย่างในชีวิตจริง.........เจโตวิมุติ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร