วันเวลาปัจจุบัน 21 พ.ค. 2025, 00:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2011, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ดิฉันออกไปนั่งทานโจ๊กในเช้าวันหนึ่ง และเมื่อได้ยินเสียงเด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังของดิฉันพูดกับผู้เป็นแม่ หนูน้อยผู้นี้ถามถึงรถประจำทางที่วิ่งผ่านไปมาว่ามีรถคันไหนวิ่งผ่านที่บ้านของเธอบ้าง ในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ตักโจ็กขึ้นมาเป่าเพื่อให้ความร้อนลดลงพอที่จะป้อนบุตรสาวของตน พร้อมพูดคุยเรื่องรถประจำทางที่บุตรสาวถามแม้จะรู้ว่าที่บอกไปก็คงไม่ได้ทำให้บุตรสาวของตนเข้าใจได้เพราะยังเล็กนัก ฟังดูแล้วดิฉันระลึกถึงแม่ของดิฉันที่พึ่งจากไปเมื่อไม่นานมานี้ด้วยโรคมะเร็งที่ปอด เพราะดิฉันได้พลาดโอกาสที่จะได้ดูแล และพูดคุยอย่างใกล้ชิดในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่าน การที่ไม่ได้คิดว่าวันสุดท้ายจะมาถึงเร็วเกินกว่าจะคาดถึงนั้นทำให้ ดิฉันไม่มีโอกาสได้แม้จะพูดคุยเพื่อช่วยบรรเทาความกังวล ความเจ็บปวด และความกลัวของท่าน ทำให้ท่านไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งโอกาสเช่นนั้นก็ไม่อาจหวงคืนมาได้อีก

ดังนั้นเพื่อเป็นเหมือนหนึ่งเรื่องราวสอนใจให้บรรดาลูกหลานที่อาจจะระเริงอยู่กับ ความสนุกสนาน การงาน หรือกับสิ่งใหม่ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจนทำให้อาจลืมที่จะให้ความใกล้ชิดแก่ผู้มีพระคุณ ผู้ที่รักเรา ในเวลาที่ท่านเหล่านี้มีชิวิตอยู่ แต่เมื่อมาคิดได้ก็สายไปเสียแล้วไม่เกิดขึ้นกับท่านผู้อ่านอีก ดิฉันจะขอเล่าเรื่องของดิฉันไว้เป็นอุทาหรณ์

คุณพ่อแม่ดิฉันและครอบครัวอยู่ในต่างจังหวัด ดิฉันเป็นพี่คนโตในบรรดาลูก 3 คน เราทั้ง 3 ได้อยู่กับพ่อและแม่ต่างถูกเลี้ยงดูด้วยความรัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบางครอบครัว พี่น้องทุกคนได้รับการส่งเสียให้เรียนจนถึงขั้นสูงสุดเท่าที่แต่ละคนต้องการ ครั้นเมื่อจบก็มีการงานทำมีรายได้กันทุกๆคน ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานในจังหวัดต่างๆ และมีครอบครัวกันทั่วหน้า เหลือเพียงน้องชายคนเล็กที่ยังคงอยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ แต่ก็เช่นกันด้วยงานการและการมีครอบครัว ก็ทำให้น้องของดิฉันก็ดูจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา ดิฉันไม่อยากโทษเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องครอบครัวที่ทำให้ลูกๆทุกคนไม่มีเวลาให้พ่อแม่ แต่ท่านทั้งสองก็ดูจะเป็นคนที่เข้าใจเราดี บางครั้งที่ท่านต้องเข้าโรงพยาบาล ลูกบางคนก็ไม่ได้มีเวลามาเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลเพราะไม่ว่างด้วยสาเหตุ 108 ท่านก็มักจะพูดปลอบกันเองหรือพูดกับคนที่มาเยี่ยมท่านที่เอ่ยถามถึงลูกเสมอว่าลูกๆรักท่านทุกคนแต่ที่ลูกคนนั้นคนนี้ไม่มาเพราะติดภาระกิจจริงๆ ท่านไม่เคยตำหนิลูกเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เนื่องจากท่านไปตรวจร่างกายประจำปีอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่มาช่วงหลัง ปรากฎว่า พบจุดที่ปอดด้านหนึ่งแต่ยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นโรคอะไรบ้างก็ว่าเป็นวัณโรค จึงต้องการตรวจด้วยการตัดชิ้นเนื้อไปวิเคราะห์และกลับพบว่าเป็นเนื้อร้าย

ในขณะที่ท่านไปพบแพทย์เพื่อรักษาโรคนั้น มีครั้งหนึ่งที่แพทย์ขอให้ท่านไปรอข้างนอกเพื่อจะพูดคุยกับดิฉันและน้องๆ ท่านกลับไม่ยอมและขอรับรู้ความจริงที่แพทย์และลูกๆปกปิด แม่เป็นคนที่มีความกล้าและยอมรับชะตากรรมได้อย่างมั่นคงท่านดูไม่หวั่นไหวและใจสู้เกินกว่าที่ใครๆจะคาดถึง ส่วนดิฉันก็เริ่มประสบปัญหาภายในครอบครัวดิฉันต้องขอกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งท่านก็ยินดีรับดิฉันอย่างไม่สนใจว่าเรื่องราวเป็นมาเช่นใด

ดิฉันต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องรับภาระในการส่งเสียลูกที่กำลังเรียนกำลังกินกำลังใช้ เมื่อเลิกจากงานประจำก็ต้องหางานพิเศษทำเพิ่ม เพราะไม่อยากเป็นภาระพ่อแม่มากนัก นั่นคือความตั้งใจของดิฉัน

ทุกเช้าพ่อและแม่มักจะไปเดินออกกำลังอยู่เสมอ แต่โดยปกติอาการของผู้ที่เป็นโรคมะเร็งมักจะมีระยะเวลามากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป แต่สำหรับมะเร็งที่ปอดนั้นระยะเวลาที่มีดูเหมือนจะไม่มากเหมือนโรคมะเร็งอื่นๆ แม่เคยเอ่ยปากชวนให้ดิฉันมานอนคุยกับท่านบ้างเพราะท่านคงเริ่มรู้ตัวว่าเวลาที่ท่านมี เหลือน้อยลงทุกวัน แต่ที่ดิฉันตะโกนตอบการร้องขอกลับไปเป็น เพียงการบอกว่าแม่นอนเสียเถอะ หนูนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แม่จะเอาอะไรก็บอกแล้วกัน และก็ก้มหน้าทำงานต่อไป ระยะหลังแม่เริ่มมีอาการแขนขาไม่มีกำลัง นอนไม่หลับอึดอัดกระสับกระส่าย เพราะปริมาณของออกซิเจนที่หายใจเข้าไปไม่ค่อยพอ เนื่องจากปอดได้เสียไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดดิฉันได้เสียท่านไปอย่างไม่มีวันกลับ

ดิฉันมานึกเสียใจที่ทำไมไม่ได้ให้ความใกล้ชิดกับท่าน ไม่ได้เห็นความสำคัญของการพูดคุยกับท่าน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเปรียบเสมือนยาที่จะชูกำลังให้ท่าน ทั้งๆที่เมื่อดิฉันยังเล็กท่านได้ให้ความใกล้ชิด ความรัก ความห่วงใย เลี้ยงดู สั่งสอนดิฉัน และสร้างดิฉันให้เป็นคนได้ แต่ดิฉันกลับไม่ได้ให้สิ่งนั้นกลับคืนให้ท่านเลยจวบจนวาระสุดท้าย
และที่ดิฉันตั้งใจคือดิฉันจะไม่ยอมเสียโอกาสที่จะให้ความใกล้ชิด ความรัก ความห่วงใย พูดคุยกับพ่อให้มากขึ้น เพื่อให้เวลาอันมีค่าที่ได้อยู่กับท่านนั้นเป็นเวลาที่ประทับใจของเราทั้ง 2 คนตลอดไป

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร