วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ธ.ค. 2010, 12:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ธ.ค. 2010, 12:15
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อที่ 1. ดิฉันออกกำลังด้วยการปั่นจักรยานนอกบ้านบ่อย ไกลบ้างไกล้บ้าง และมักเป็นเส้นทางเลียบคลอง และสิ่งที่พบเห็นบ่อย คือ คนที่เขาจับปลาในคลองแล้วเมื่อเจอปลาซัคเกอร์ หรือปลาเทศบาลที่เขาอ้างว่ามันทำลายระบบนิเวศน์แล้วก็เที่ยวเอาไปปล่อยทิ้งในคลอง แล้วดิฉันก็เดาว่าคนที่จับปลาชนิดนี้ติดขึ้นมาคงต้องการทำลายโดยปล่อยให้มันตากแดดแห้งตายอยู่ริมคลอง แล้วดิฉันไปพบมันเข้า บางตัวโดนมดแดงรุมน่าสงสารแต่ยังไม่ตาย บางตัวยังดิ้นได้อยู่ ครั้นจะไม่ช่วยก็กลัวจะบาปที่ละเลยชีวิตมันอีก ก็ได้แต่จับมันลงน้ำไปอย่างเก่า แล้วอย่างนี้ดิฉันจะบาปในข้ออื่นหรือเปล่าที่ว่าเดี๋ยวปลาชนิดนี้ไปทำลายระบบนิเวศน์ ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรเห็นตำตาก็อดสงสารไม่ได้ ได้แต่คิดโทษมนุษย์ผู้เป็นต้นเหตุว่านำมันมาเลี้ยงแล้วนำมันมาทิ้งแบบนี้น่าจะบาปมากกว่าดิฉันหรือเปล่า
ผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจทีเถอะค่ะ เพราะตราบใดที่ดิฉันยังใช้เส้นทางริมคลองก็ต้องเจออยู่เรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ

ข้อที่ 2. เคยมีคนพูดว่าบางทีสัตว์มันกำลังจะถึงที่ตายจะได้ไปเกิดเราไปขัดขวางไปช่วยมันเราจะบาป ข้อนี้จริงเท็จอย่างไร คือว่า ดิฉันชอบช่วยชีวิตสัตว์เล็กๆ ที่มักถูกรถที่ผ่านไปมาแล่นทับตาย ดิฉันพบพวกมันบ่อยและก็จับออกไปวางที่ปลอดภัยจากถนนหน่อย ก็แค่ห่วงชีวิตมัน แล้วอย่างนี้ดิฉันไปขัดดวงของมันหรือคะ ต้องวางเฉยไปหรือเห็นมันโดนรถทับต่อหน้าไปหรือคะ วานตอบทีเถอะค่ะ ไม่เข้าใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ธ.ค. 2010, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนท่านทั้งหลาย........................
บุคคลตั้งวาจาและใจโดยชอบ มิได้ทำบาปด้วยกาย วาจา ใจ เป็ผู้มีศรัทธา เป็นผู้อ่อนโยน มีปรกติเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในธรรม
สี่อย่างเหล่านี้เป็นผู้ที่ได้ชื่อ ว่าเป็นผู้ดำรงในธรรม ไม่ต้องกลัวปรโลก
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม........................

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2010, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


treebongkoch เขียน:
ข้อที่ 1. ครั้นจะไม่ช่วยก็กลัวจะบาปที่ละเลยชีวิตมันอีก ก็ได้แต่จับมันลงน้ำไปอย่างเก่า แล้วอย่างนี้ดิฉันจะบาปในข้ออื่นหรือเปล่าที่ว่าเดี๋ยวปลาชนิดนี้ไปทำลายระบบนิเวศน์ ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรเห็นตำตาก็อดสงสารไม่ได้ ได้แต่คิดโทษมนุษย์ผู้เป็นต้นเหตุว่านำมันมาเลี้ยงแล้วนำมันมาทิ้งแบบนี้น่าจะบาปมากกว่าดิฉันหรือเปล่า
ผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจทีเถอะค่ะ เพราะตราบใดที่ดิฉันยังใช้เส้นทางริมคลองก็ต้องเจออยู่เรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ

คุณโยม treebongkoch ลองค่อย ๆ พิจารณาดูนะครับ ประการแรกจิตที่มีความกรุณาสงสารต่อสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ถ้าปลามันพูดหรือบอกเราได้ ว่าขณะที่นอนขาดอากาศหายใจ มดกำลังจะได้กัดกินเนื้อของตนเพื่อประทังชีวิต แต่โชคดีบุญยังมี ทำให้ยังได้รอดไปอีกเฮือกอีกวาระหนึ่งต่อไป

รู้รึยังครับว่าได้สร้างบุญให้ชีวิตเป็นทานไปเรียบร้อยแล้ว ดูที่จิตใจเราก่อนเบื้องต้น ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล เป็นมโนสุจริตหรือมโนทุจริต เมื่อจิตที่ตั้งไว้ดีแล้วเป็นมโนสุจริต มีความกรุณาสงสาร อาศัยความนึกคิดจิตใจที่ประกอบด้วยความสงสารจึงกระทำกรรมทางกายที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราและต่อสัตว์ผู้มีชีวิตนั้น ๆ เมื่อทำกุศลกรรม วิปากที่เป็นกุศลก็จะติดตามให้ผลเป็น คนมีจิตใจเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนชีวิตตนเองและผู้อื่น ได้รักษาศีลเป็นปกติ มีศีลธรรมประจำใจเบื้องต้นก็ขออนุโมทนา

ที่นี้ถามว่าบาปไหมปล่อยแล้วปลาจะไปทำลายระบบนิเวศน์ ถ้าหากว่าการที่เราปล่อยปลาชนิดนั้นไป การดำรงชีวิตอยู่ของเขาจะต้องกินอะไรทำอะไร ได้สัญญาบอกปลาเอาไว้ไหมครับว่า ปล่อยเธอแล้วเธออย่าไปทำลายระบบนิเวศน์นะ มันบาป ถ้าได้สัญญาได้คุยกันรู้เรื่องปลาำสำนึกในบุญคุณ รู้คุณคน ก็คงจะดีไม่ใช่น้อยใช่ไหมครับ แต่ความจริงพุทธฏีกาคิดว่า สิ่งมีชีวิตดำรงเผ่าพันธ์ด้วยการหาอาหารและขยายพันธ์ ไปตามธรรมชาติของเขา และก็เป็นไปตามธรรมชาติจัดสรร

สัตว์ที่ทำลายระบบได้มาก ได้วุ่นวายกว่าปลา เรายังห้ามยังให้สัตว์นั้นไม่กระทำบาป ก่อบาปแก่ส่วนรวมไม่ได้ ไหนเลยเราจะไปบงการให้เจ้าปลาน้อยจงมีกรรมเป็นอย่างนี้ ๆ จะได้ไม่บาป ที่กล่าวมาก็เพื่อจะบอกว่า คุณ treebongkoch ได้ประกอบกุศลกรรมสร้างบุญสร้างทานไปแล้ว ทำเฉพาะในส่วนที่เป็นเหตุปัจจัยภายใน ตัวเราเองได้บุญแล้ว รับรู้ได้ด้วย กาย วาจา ใจแล้ว ส่วนเหตุปัจจัยภายนอก บังคับไม่ได้ก็เป็นไปตามธรรมชาติตามเหตุปัจจัยของมันนั่นเอง บุญหรือบาป จึงไม่ขึ้นอยู่กับปากใคร แต่อยู่ที่การกระทำของเราในกรอบที่ควบคุมได้

และกรรมพระท่านว่าเป็นอจินไตย คือนึกคิดเดาเอาไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ปลาจะทำลายนิเวศน์ เราช่วยมันรอดตายกลายเป็นบุญหรือบาป นี้ก็คือ ๑)ไม่รู้เนื้อหาสาระที่ตนเองประกอบตนเองกระทำ เป็นบุญหรือบาปอาศัยเจตนาที่เป็นกุศลนั่นก็คือบุญแต่ไม่รู้ อาศัยเจตนาอกุศลคือบาปแต่ไม่รู้ ๒) สนใจในกรรมการกระทำที่ผู้อื่นประกอบว่าอย่างไหนบุญบาป เป็นบุญน้อยบาปมาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับตน ภาษาชาวบ้านก็ไม่ต้องไปสนใจกรรม วิปากกรรมคนอื่น ให้สนใจ เนื้อหาสาระที่ตนเองประกอบตนเองกระทำ แม้หากจะมีผลกระทบในเชิงนิเวศน์อยู่บ้าง แต่ก็เพราะเจตนาที่เป็นเนื้อหาสาระกระทำไปด้วยความ เมตตากรุณาเป็นกุศลจิต จะหาบาปอกุศลมาจากไหน การไปตำหนิเพื่อนมนุษย์ที่กระทำพูดคิดต่างจากตน ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร พระท่านว่า กัมมุนาวัตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คือมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ทำดีก็ตามชั่วก็ตาม จะได้รับผลของกรรมนั้นๆ อย่างนั้นตาม เหตุและผลที่ตนกระทำ

treebongkoch เขียน:
ข้อที่ 2. เคยมีคนพูดว่าบางทีสัตว์มันกำลังจะถึงที่ตายจะได้ไปเกิดเราไปขัดขวางไปช่วยมันเราจะบาป ข้อนี้จริงเท็จอย่างไร คือว่า ดิฉันชอบช่วยชีวิตสัตว์เล็กๆ ที่มักถูกรถที่ผ่านไปมาแล่นทับตาย ดิฉันพบพวกมันบ่อยและก็จับออกไปวางที่ปลอดภัยจากถนนหน่อย ก็แค่ห่วงชีวิตมัน แล้วอย่างนี้ดิฉันไปขัดดวงของมันหรือคะ ต้องวางเฉยไปหรือเห็นมันโดนรถทับต่อหน้าไปหรือคะ วานตอบทีเถอะค่ะ ไม่เข้าใจ

เปลี่ยนคำว่าขัดขวางสัตว์ถึงที่ตาย เป็นพูดว่า ยืดเวลายืดวาระของชีวิต แล้วได้ทำกุศลอีกกับสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากจะดีกว่าไหมครับ เราเองยังรักสุขเกลียดทุกข์ รักตัวกลัวตาย อาลัยอาวรณ์ชีวิต ถ้าเราเป็นพวกสัตว์ที่ถูกรถชนกลางถนน แล้วเราหวังอย่างไร ระหว่างนอนรอรถอีกสักคันมาทับไม่อยากทรมาน หรือเราเองหวังรอดหรือหวังว่าจะมีโอกาศ มีชีวิตอยู่ต่อได้เห็นหน้าลูกเมียพี่น้องและคนที่เรารัก หวังว่าต่อไปนี้คงเลิกสับสนเรื่องบุญและบาป ย้อนเข้าไปดูเนื้อหาสาระในจิตใจเรา เป็นกุศลเป็นอกุศล เมื่อจิตตั้งไว้ดีเป็นมโนสุจริต กายก็สุจริต วจีก็สุจริต ประกอบตนอยู่ในประโยชน์ทั้งโลกนี้และโลกหน้า นี่แหละบุญที่จะเป็นกำไรของชีวิต หากจิตตั้งไว้ผิด ก็จะมีลักษณะมโนทุจริต กายทุจริต วจีทุจริตบอกคนอื่นกล่าวกับคนอื่นไปด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจ ขออนุโมทนาในกุศลจิตอีกครั้งเจริญพร
รูปภาพ


Credit image by :
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1467814

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2010, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 14:04
โพสต์: 12

แนวปฏิบัติ: กาย เวทนา จิต ธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: คำสอน ท่านพุทธฎีกา
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะตุ๊ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2010, 06:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
treebongkoch เขียน:
ข้อที่ 1. ครั้นจะไม่ช่วยก็กลัวจะบาปที่ละเลยชีวิตมันอีก ก็ได้แต่จับมันลงน้ำไปอย่างเก่า แล้วอย่างนี้ดิฉันจะบาปในข้ออื่นหรือเปล่าที่ว่าเดี๋ยวปลาชนิดนี้ไปทำลายระบบนิเวศน์ ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรเห็นตำตาก็อดสงสารไม่ได้ ได้แต่คิดโทษมนุษย์ผู้เป็นต้นเหตุว่านำมันมาเลี้ยงแล้วนำมันมาทิ้งแบบนี้น่าจะบาปมากกว่าดิฉันหรือเปล่า
ผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจทีเถอะค่ะ เพราะตราบใดที่ดิฉันยังใช้เส้นทางริมคลองก็ต้องเจออยู่เรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ

คุณโยม treebongkoch ลองค่อย ๆ พิจารณาดูนะครับ ประการแรกจิตที่มีความกรุณาสงสารต่อสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ถ้าปลามันพูดหรือบอกเราได้ ว่าขณะที่นอนขาดอากาศหายใจ มดกำลังจะได้กัดกินเนื้อของตนเพื่อประทังชีวิต แต่โชคดีบุญยังมี ทำให้ยังได้รอดไปอีกเฮือกอีกวาระหนึ่งต่อไป

การจะทำอะไรที่เป็นกุศลสักอย่าง เราต้องหัดใช้วิจารณญาณในการกระทำของเราด้วยว่า
หลังจากที่ได้กระทำลงไปจะเกิดความเสียหายตามมาหรือไม่ อย่างเช่นการที่เราได้ช่วยปลา
ให้รอดชีวิตเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่การเอาปลาตัวนั้นไปลงในคลองทั้งๆที่รู้อยู่ว่า
เป็นการทำลายระบบนิเวศน์ แต่ก็ยังฝื่นทำลงไป การกระทำแบบนี้เรียกว่า
เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างแรง ทำไปแค่ให้ตัวเองสบายใจ หาใช่เป็นการทำบุญไม่
เพราะสิ่งที่ทำนั้น ทำให้เกิดผลเสียหายมากมายกับส่วนรวม

ถ้าเราดูด้วยเหตุและผล การที่ปลาจะเป็นหรือตายไม่ได้เกิดจากการกระทำของเรามาแต่ก่อน
เรารู้อยู่ว่าการช่วยปลาให้กลับลงไปในคลองจะต้องเกิดโทษ ฉะนั้นเราต้องทำใจวางอุเบกขา
หรือไม่ก็นำปลาที่เราช่วยกลับไปเลี้ยงที่บ้าน ไม่ใช่นำกลับไปในคลองครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2010, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
รู้รึยังครับว่าได้สร้างบุญให้ชีวิตเป็นทานไปเรียบร้อยแล้ว ดูที่จิตใจเราก่อนเบื้องต้น ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล เป็นมโนสุจริตหรือมโนทุจริต เมื่อจิตที่ตั้งไว้ดีแล้วเป็นมโนสุจริต มีความกรุณาสงสาร อาศัยความนึกคิดจิตใจที่ประกอบด้วยความสงสารจึงกระทำกรรมทางกายที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราและต่อสัตว์ผู้มีชีวิตนั้น ๆ เมื่อทำกุศลกรรม วิปากที่เป็นกุศลก็จะติดตามให้ผลเป็น คนมีจิตใจเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนชีวิตตนเองและผู้อื่น ได้รักษาศีลเป็นปกติ มีศีลธรรมประจำใจเบื้องต้นก็ขออนุโมทนา

ท่านครับ ท่านคิดหรือครับว่าจขกท จะคิดว่าได้ทำบุญ ถ้าจขกทคิดแบบนั้นจริงคงไม่มาตั้งกระทู้ถามหรอกครับ
อย่าลืมซิครับว่า จขกทรู้อยู่เต็มอกว่า การเอาปลาเทศบาลที่ว่ากลับลงไปในคลอง
มันเป็นการทำลายระบบนิเวศน์ ทำลายธรรมชาติ ทำให้กระทบต่ออส่วนรวม
ตามความเห็นของผม ผมว่าจขกทไม่ได้บุญหรอกครับ กับจะเป็นบาปเสียด้วยซ้ำ
การกระทำของจขกทเป็นแค่ต้องการปลดเปลื้อง อารมณ์ตนเองที่ทนต่อสภาพที่เห็นปลา
นอนตายไม่ได้ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แบบนี้เรียกมักง่ายครับ
แทนที่จะช่วยปลาในเบื้องต้น แล้วนำปลากลับไปเลี้ยงที่บ้าน เพื่อไม่ให้เดือดร้อนต่อส่วนรวม
และธรรมชาติ


การมีศีลธรรม คือ การไม่กระทำการใดๆให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนนะครับ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังเอาบุญแต่อย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงคนหมู่มากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2010, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
ที่นี้ถามว่าบาปไหมปล่อยแล้วปลาจะไปทำลายระบบนิเวศน์ ถ้าหากว่าการที่เราปล่อยปลาชนิดนั้นไป การดำรงชีวิตอยู่ของเขาจะต้องกินอะไรทำอะไร ได้สัญญาบอกปลาเอาไว้ไหมครับว่า ปล่อยเธอแล้วเธออย่าไปทำลายระบบนิเวศน์นะ มันบาป ถ้าได้สัญญาได้คุยกันรู้เรื่องปลาำสำนึกในบุญคุณ รู้คุณคน ก็คงจะดีไม่ใช่น้อยใช่ไหมครับ แต่ความจริงพุทธฏีกาคิดว่า สิ่งมีชีวิตดำรงเผ่าพันธ์ด้วยการหาอาหารและขยายพันธ์ ไปตามธรรมชาติของเขา และก็เป็นไปตามธรรมชาติจัดสรร

ท่านครับ ปลามันเป็นสัตว์มันไม่เข้าใจความหมายอะไรหรอกครับ แต่เราที่เป็นมนุษย์นี่ซิ
รู้และเข้าใจดีครับ แต่ความสำคัญมันอยู่ที่มีปัญญาจะพินิจพิจารณาในการกระทำของตนเองมั้ยครับ

ปลามันไม่มีความสามารถไปอยู่ในสถานที่ต่างๆเองได้ และตัวมันเองก็ไม่รู้ด้วยว่า อย่างไหนสมควร
หรือไม่สมควร ทุกสิ่งอย่างมันเกิดจากน้ำมือคนทั้งนั้นครับ

ท่านก็บอกเองว่า ธรรมชาติจัดสรร แต่การกระทำของจขกทไม่ได้เป็น
ธรรมชาติจัดสรรนะครับ มันเป็นการไปเจ้ากี้เจ้าการกับธรรมชาติครับ
หรือครูบาอาจารย์บอกว่า ไปสร้างกรรมใหม่ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2010, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
[สัตว์ที่ทำลายระบบได้มาก ได้วุ่นวายกว่าปลา เรายังห้ามยังให้สัตว์นั้นไม่กระทำบาป ก่อบาปแก่ส่วนรวมไม่ได้ ไหนเลยเราจะไปบงการให้เจ้าปลาน้อยจงมีกรรมเป็นอย่างนี้ ๆ จะได้ไม่บาป ที่กล่าวมาก็เพื่อจะบอกว่า คุณ treebongkoch ได้ประกอบกุศลกรรมสร้างบุญสร้างทานไปแล้ว ทำเฉพาะในส่วนที่เป็นเหตุปัจจัยภายใน ตัวเราเองได้บุญแล้ว รับรู้ได้ด้วย กาย วาจา ใจแล้ว ส่วนเหตุปัจจัยภายนอก บังคับไม่ได้ก็เป็นไปตามธรรมชาติตามเหตุปัจจัยของมันนั่นเอง บุญหรือบาป จึงไม่ขึ้นอยู่กับปากใคร แต่อยู่ที่การกระทำของเราในกรอบที่ควบคุมได้

ท่านครับผมว่าท่านยังขาดความเข้าใจในเรื่องการปฏิบัตินะครับ ในการปฏิบัติที่สำคัญคือ
การที่เราปฏิบัติที่กายและใจของเราเองไม่เกี่ยวกับใครครับ

ท่านบอกมาได้อย่างไรกันครับว่าไม่สามารถไปห้าม ปลาหรือสัตว์อื่นๆไม่ให้ก่อบาปได้
ใช่แน่นอนครับ แต่ความสำคัญมันอยู่ที่จขกทสามารถห้ามกายใจตัวเองได้นี่ครับ
เพราะสิ่งที่จขกทถามมา มันเป็นการกระทำของจขกทนะครับ อย่าลืมซิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2010, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธฏีกา เขียน:
[
และกรรมพระท่านว่าเป็นอจินไตย คือนึกคิดเดาเอาไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ปลาจะทำลายนิเวศน์ เราช่วยมันรอดตายกลายเป็นบุญหรือบาป นี้ก็คือ ๑)ไม่รู้เนื้อหาสาระที่ตนเองประกอบตนเองกระทำ เป็นบุญหรือบาปอาศัยเจตนาที่เป็นกุศลนั่นก็คือบุญแต่ไม่รู้ อาศัยเจตนาอกุศลคือบาปแต่ไม่รู้ ๒) สนใจในกรรมการกระทำที่ผู้อื่นประกอบว่าอย่างไหนบุญบาป เป็นบุญน้อยบาปมาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับตน ภาษาชาวบ้านก็ไม่ต้องไปสนใจกรรม วิปากกรรมคนอื่น ให้สนใจ เนื้อหาสาระที่ตนเองประกอบตนเองกระทำ แม้หากจะมีผลกระทบในเชิงนิเวศน์อยู่บ้าง แต่ก็เพราะเจตนาที่เป็นเนื้อหาสาระกระทำไปด้วยความ เมตตากรุณาเป็นกุศลจิต จะหาบาปอกุศลมาจากไหน การไปตำหนิเพื่อนมนุษย์ที่กระทำพูดคิดต่างจากตน ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร พระท่านว่า กัมมุนาวัตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คือมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ทำดีก็ตามชั่วก็ตาม จะได้รับผลของกรรมนั้นๆ อย่างนั้นตาม เหตุและผลที่ตนกระทำ

ท่านครับผมว่าท่านกำลังสับสนอยู่นะครับ ตอนแรกบอก กรรมเป็นอจินไตย
พอตอนท้ายบอก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เอาให้แน่สักอย่างซิครับ

เอาสั้นๆนะครับ ผมสรุปให้เลยว่า สิ่งที่จขกทก่อนจะกระทำลงไป
เขารู้ตัวและรู้ดีอยู่ก่อนแล้วว่า ผลสุดท้ายที่ตัวเองกระทำคืออะไร นั้นก็คือทำลายระบบนิเวศน์
ฉะนั้นบุญหรือบาปก็ต้องดูกันที่ผลของการกระทำครับ มันคือการทำร้ายและทำลาย
ระบบนิเวศน์ซึ่งส่งผลกระทบต่อส่วนรวมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2010, 02:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโฮฮับครับ ผมคิดว่าเจ้าของกระทู้มีเจตนาดีมากกว่า้เพราะการมีเมตตากับสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาบนโลกเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้และตรัสสรรเสริญด้วย
รวมทั้งตัวเราก็ถือว่าเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีกรรมเป็นตัวกำหนด แล้วกรรมมาจากไหน
ก็มาจากตัวเราเอง เราไม่สามารถตัดสินเองได้ว่าใครสมควรอยู่หรือสมควรตาย เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมทั้งหมด ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ขณะนั้นถ้ามีคนอย่างคุณเจ้าของกระทู้ผ่านมาเห็นเข้าคุณก็ได้รับการช่วยเหลือเพราะจิตใจเขามีเมตตา แต่ถ้าเผอิญเป็นคนที่มีจิตไม่มีเมตตาคุณก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่คุณก็คงต้องบอกว่าผมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรครับเพราะทุกวันนี้ทุกคนต่างก็เบียดเบียนกันอยู่ทุกวันผมไม่ได้หมายถึงที่เป็นข่าวใหญ่เท่านั้นครับแต่คนที่อยู่รอบ ๆ ข้างเราเองด้วย ทุกอย่างมันอยู่ที่เราเลือกครับ ก็เหมือนมีปลวกมาแทะบ้านเราถ้าเราเลือกศีลเราก็จะไม่ฆ่ามันเด็ดขาด แต่ถ้าเลือกบ้านก็คงต้องกำจัดปลวกออกไปซะ แต่ผมคนนึงแหละที่ยึดหลักพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงแสดงเอาไว้ ผมจะเลือกศีลแน่นอนไม่ใช่แค่มีศีลเท่านั้นแต่จะรักษาศีลด้วยเพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่าสิ่งนี้จะเป็นตัวที่ติดตามไปข้ามภพชาติไปกับเราตลอดเพราะถ้าคุณมีจิตเมตตาบริสุทธิ์สิ่งนี้จะเป็นเกราะป้องกันอย่างดีที่สุด แต่ถ้าเลือกบ้านสักวันนึงมันก็อาจจะถูกไฟไหม้หรือไม่เราก็ตายจากโลกนี้ไปเห็นมั๊ยครับว่ามันสั้นมากเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้ไม่ใช่ของของเรา แต่กรรมดีและชั่วนี่สิมันยังเป็นของเราอยู่ตราบใดที่เรายังไม่ถึงนิพพานอย่างน้อยก็ขอสร้างบารมีกันก่อนล่ะนะเพื่อจะได้สั่งสมเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น ในบารมีทั้งหมดที่สำคัญที่สุดคือปัญญาบารมีครับ เพราะถ้าเรามีปัญญาจะเกิดกี่ชาติจะเป็นที่ไหนก็ตามก็ยังมีความเห็นที่ถูกตรง(สัมมาทิฎฐิ)อยู่ ผมขอเล่าเรื่องของผมบ้างครับ ผมอยู่ที่ทำงานที่เดียวกันกับพี่ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและเป็นบ้านของเขาเอง วันนั้นมีหนูวิ่งเข้ามาในบ้านเท่านั้นแหละโดนตีตายเลยผมก็เลยถามว่าไปตีมันตายทำไมแค่ไล่มันออกไปก็พอแล้ว แต่พี่เขาบอกว่าถ้าไล่มันไปเดี๋ยวมันก็ย้อนกลับเข้ามาอีกเพราะเคยปล่อยมันไปแล้วแต่มันก็ยังมาอีกก็เลยจัดการลงโทษมันซะเลยแล้วเขาก็ย้อนกลับมาถามผมว่า แล้วถ้าเป็นนายจะเอามันไว้หรือไง ผมก็ตอบกลับไปว่าเปล่าแต่จะไม่ฆ่ามันเพียงแค่ไล่มันออกไปและถ้ามันไม่ออกจริงๆก็ต้องทำบ้านให้สะอาดกว่านี้ไม่ให้มีกลิ่นเหม็นขยะก็ต้องหมั่นเอาไปทิ้งบ่อยๆสักพักนึงมันก็จะต้องออกไปหาที่กินใหม่เพราะจริงๆแล้วมันมาแค่ได้กลิ่นอาหารของมันและมันก็แค่จะเข้ามากินเท่านั้นเอง ถ้าคุณมีจิตเมตตากับเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยกันแล้วบ่อยๆเข้าจิตที่มีเมตตาของคุณก้จะสามารถส่งแผ่ไปให้กับสรรพสัตว์เหล่านั้นแล้วถ้าเขาได้รับพลังเมตตาจากเราไปมากแล้วเขาก็จะไม่กล้ามากวนใจคุณอีกเลยแน่นอนครับ(เพราะสิ่งนี้ผมทำอยู่และก็เป็นเช่นนั้นจริง)เหมือนครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงปลีกวิเวกไปอยู่ในป่าลึกตามลำพัง มีสัตว์ที่ดุร้ายและมีพิษเยอะแยะไปหมดแต่สัตว์เหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายพระองค์ได้เลยและพระองค์ก็ทรงไม่ได้ทำร้ายสัตว์เหล่านั้นเลย พระองค์แผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์เหล่านั้นจนสัตว์เหล่านั้นไม่มาทำร้ายพระองค์กลับมาคอยปกป้องและปรนนิบัติพระองค์เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก และมันก็เหมือนมนุษย์นั่นแหละครับถ้าคุณหิวคุณจะไปกินอาหารที่ไหน ใช่ครับก็ต้องเป็นที่ร้านอาหารสิครับคงไม่ใช่ห้องน้ำหรอก แค่เราเข้าใจว่าทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้จะเป็นสิ่งที่มีหรือไม่มีชีวิตก็ตามแต่ล้วนมีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น ผมเห็นแล้วก็สงสารทั้งหนูและทั้งคนที่ฆ่าด้วย ที่สงสารหนูก็เพราะมันไม่รู้ว่าจะต้องโดนตีตายเพียงเพราะแค่เกลียดมัน มันสกปรกเหตุผลของมนุษย์นี่อ้างได้สารพัดเลย แต่คนที่ฆ่านี่สิน่าสงสารมากกว่าก็เพราะว่าเป็นกรรมที่หนักชดใช้ยาวนานมาก(เพราะมีเจตนาทั้งก่อนทำและหลังทำ)และเกิดครั้งต่อไปผลของเศษกรรมที่เหลือไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตามจะต้องมีเหตุให้ถูกตีจนตายไปถึง 100 อัตภาพ ผมถามว่าถ้าทุกคนรู้ว่าการให้ผลของกรรมนั้นมันสุด ๆ ยิ่งกว่าอะไรในจักรวาลนี้จะกล้าทำบาปมั๊ย และต้องมีความเชื่อด้วยจึงจะเกิดความกลัวบาปขึ้นมาจริง ๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่าบาปแต่ก็ยังทำบาปอยู่นั่นก็เพราะขาดความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมมาก เพราะฉะนั้นคุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องกลัวบาปครับ บอกแล้วไงครับว่าอยู่ที่เจตนาของเราเพราะคุณต้องการแค่ช่วยชีวิตเขาเท่านั้นเพราะถึงปลาจะทำลายระบบนิเวศน์จริง ๆ ก็ขอให้รู้เถิดครับว่าเราไม่ได้เป็นคนสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาทุกอย่างล้วนเป็นชะตากรรมของโลกครับไม่มีใครที่จะหลีกหนีพ้นได้เลย คนที่มีธรรมะปฎิบัติตามคำสอนของพระองค์เท่านั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัย เพราะธรรมเท่านั้นที่จะคุ้มครองเรา เพราะถึงไม่มีปลานี้ทุกคนก็ต้องตายอยู่ดีจะกลัวตายไปทำไมครับ น่าจะกลัวผลกรรมที่เราจะต้องชดใช้กันอีกยาวนานมากๆๆๆๆๆกว่าครับ

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2010, 07:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หัสพล พวงแก้ว เขียน:
คุณโฮฮับครับ ผมคิดว่าเจ้าของกระทู้มีเจตนาดีมากกว่า้เพราะการมีเมตตากับสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาบนโลกเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้และตรัสสรรเสริญด้วย
รวมทั้งตัวเราก็ถือว่าเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีกรรมเป็นตัวกำหนด แล้วกรรมมาจากไหน
ก็มาจากตัวเราเอง เราไม่สามารถตัดสินเองได้ว่าใครสมควรอยู่หรือสมควรตาย เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมทั้งหมด

คุณครับเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนะครับ การจะทำอะไรสักอย่างเราต้องนึกถึงคนอื่นด้วย
ไม่ใช่เอะอะ อะไรก็อ้างแต่ความเป็นเป็นคนดีมีศีลธรรม
ผมเห็นอ้างเรื่องศีล แต่ความหมายของศีลเป็นอย่างไรก็ไม่เข้าใจ อ้างว่าเป็นคนมีเมตตา
แต่หารู้ไม่ว่า ความมีเมตตานั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพรหมวิหารสี่ การจะประพฤติส่วนใดส่วนหนึ่ง
จะต้องเอาส่วนอื่นมาพิจารณาร่วมด้วยเสมอ

คุณบอกว่ากรรมเป็นตัวกำหนด กรรมมาจากตัวเรา เราไม่สามารถกำหนดให้ใครอยู่ใครตาย
คำพูดของคุณมันวกวนสับสนนะครับ อันที่จริงเราต้องพูดว่า กรรมเกิดจาก
การกระทำ และการกระทำเกิดจากตัวเรา ฉะนั้นกรรมหรือการกระทำเรากำหนดของเราเองได้ครับ
แต่สิ่งที่กำหนดจะต้องเป็นเรื่องของเราโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับคนอื่น



การจะหยิบยกอะไรมาอ้างอิงยิ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยแล้ว สมควรอย่างยิ่งที่ผู้อ้าง
ต้องมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ยกมา มิฉะนั้นอาจทำให้พระธรรมของพระพุทธเจ้าด้างพร้อยได้
ตัวอย่างเช่น ที่คุณอ้างสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วคุณทำไมไม่บอกไม่สอนจขกทให้
ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมครับ คุณไม่ยกย่องสรรเสริญการกระทำของจขกททำไมกันครับ
ทั้งๆที่จขกทกำลังไปวุ่นวายกับกรรมหรือการกระทำของคนอื่นเขา
ผมจะบอกให้ครับการพิรณาธรรมในเรื่องนี้เราต้องพิจรณาเป็นรายๆไป
มันมีอยู่สามคนครับคือ1..คนเลี้ยงคนแรก2.คนหาปลา3.ตัวจขกท
ถ้าคุณสังเกตุดูมีอยู่สองคนที่กำหนดการกระทำหรือกรรมของตัวเอง ซึ่งเราพิจารณาให้ดีแล้ว
การกระทำของคนทั้งสองยังเป็นบุญกว่าจขกท เพราะว่าคนทั้งสองคำนึงถึงคนอื่นครับ
ดูที่คนเลี้ยง ไม่อยากเลี้ยงปลาชนิดนี้แล้วจึงเอาไปปล่อยในคลองเพราะกลัวมันตาย
ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันทำลายระบบนิเวศน์ ส่วนคนหาปลาเมื่อจับปลาขึ้นมาได้ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า
ปลาทุกตัวที่จับได้จะต้องตายทุกตัว บังเอิญมีปลาเทศบาลติดมาด้วย มันใช้ประโยชน์ไม่ได้
แต่ด้วยความมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม จึงทิ้งปลาไว้บนบกเพื่อไม่ให้มันกลับไปทำลายระบบนิเวศน์

ผมเห็นมีแต่จขกทเท่านั้นล่ะครับ ที่ไปกำหนดกรรมกำหนดการกระทำของคนอื่น
แล้วแล้วคุณมาอ้างว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมได้ไงครับ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2010, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หัสพล พวงแก้ว เขียน:
ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ขณะนั้นถ้ามีคนอย่างคุณเจ้าของกระทู้ผ่านมาเห็นเข้าคุณก็ได้รับการช่วยเหลือเพราะจิตใจเขามีเมตตา แต่ถ้าเผอิญเป็นคนที่มีจิตไม่มีเมตตาคุณก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่คุณก็คงต้องบอกว่าผมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรครับเพราะทุกวันนี้ทุกคนต่างก็เบียดเบียนกันอยู่ทุกวันผมไม่ได้หมายถึงที่เป็นข่าวใหญ่เท่านั้นครับแต่คนที่อยู่รอบ ๆ ข้างเราเองด้วย ทุกอย่างมันอยู่ที่เราเลือกครับ

คุณหัสพลครับผมดูความเห็นของคุณมันยาวดีครับ แต่คุณแน่ใจแล้วหรือว่ามันเกี่ยวกับเรื่องใน
กระทู้นี้ ผมว่ามันเป็นการแสดงความเห็นที่ขาดความเข้าใจในประเด็นสำคัญของกระทู้นี้ครับ
ดูแล้วมันเหมือนเรียงความของนักเรียน ไม่ใช่ความเห็นวิเคราะห์ปัญหาของกระทู้ครับ

คุณไม่พยายามเอาความสำคัญของปัญหาของจขกทมาพิจารณา คุณเอาแต่แต่งบทความแสดง
ความเห็นที่มันไม่เกี่ยวไม่มีสาระในปัญหา ผมต้องขออภัยที่จะกล่าวว่าพยายามอวดในสิ่งที่คนอื่น
เข้ารู้อยู่แล้วครับ

คุณหัสพลครับ จขกทเขาต้องการรู้ว่า การกระทำของเขาที่ไปช่วยปลา แล้วมันส่งผลให้
เกิดการทำลายระบบนิเวศน์ เขาต้องการรู้ว่ามันบาปมั้ยแค่นั้นเอง

ผมถึงได้แนะนำให้จขกทนำปลาที่ช่วยกลับไปเลี้ยงที่บ้านเพื่อจะได้ไม่บาปเป็นบุญ

แต่การตอบของพวกคุณเหมือนนกแก้วนกขุนทองครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2010, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หัสพล พวงแก้ว เขียน:
ทุกอย่างมันอยู่ที่เราเลือกครับ ก็เหมือนมีปลวกมาแทะบ้านเราถ้าเราเลือกศีลเราก็จะไม่ฆ่ามันเด็ดขาด แต่ถ้าเลือกบ้านก็คงต้องกำจัดปลวกออกไปซะ แต่ผมคนนึงแหละที่ยึดหลักพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงแสดงเอาไว้ ผมจะเลือกศีลแน่นอนไม่ใช่แค่มีศีลเท่านั้นแต่จะรักษาศีลด้วยเพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่าสิ่งนี้จะเป็นตัวที่ติดตามไปข้ามภพชาติไปกับเราตลอดเพราะถ้าคุณมีจิตเมตตาบริสุทธิ์สิ่งนี้จะเป็นเกราะป้องกันอย่างดีที่สุด แต่ถ้าเลือกบ้านสักวันนึงมันก็อาจจะถูกไฟไหม้หรือไม่เราก็ตายจากโลกนี้ไปเห็นมั๊ยครับว่ามันสั้นมากเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกนี้ไม่ใช่ของของเรา แต่กรรมดีและชั่วนี่สิมันยังเป็นของเราอยู่ตราบใดที่เรายังไม่ถึงนิพพานอย่างน้อยก็ขอสร้างบารมีกันก่อนล่ะนะเพื่อจะได้สั่งสมเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น ในบารมีทั้งหมดที่สำคัญที่สุดคือปัญญาบารมีครับ เพราะถ้าเรามีปัญญาจะเกิดกี่ชาติจะเป็นที่ไหนก็ตามก็ยังมีความเห็นที่ถูกตรง(สัมมาทิฎฐิ)

คุณพูด คุณอ้างบ่อยจังเลยครับเรื่องศีลนี่น่ะ ผมถามคุณจริงๆว่าว่าคุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับศีลแค่
ไหนครับ แต่เท่าที่ผมดูแล้ว คุณไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องศีลเลยแม้แต่น้อย
การแสดงความเห็นของคุณ มันเป็นสิ่งที่ผู้รู้เรียกว่าศีลพตปรามาสครับ

ศีลของคุณที่ว่ามามันเป็นศีลของคนที่ ไม่เข้าใจหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
ศึลที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เป็นเรื่องเกี่ยวกับอธิศีลไม่ใช่ศีลแบบที่คุณเข้าใจ
มันน่าตลกมั้ยครับปลวกกินบ้าน ยอมปล่อยให้ปลวกกินบ้าน
เลือกที่จะรักษาศีล ปล่อยให้บ้านพัง แบบนี้เรียกคนไม่อธิมีศีลในมรรคมีองค์แปดครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2010, 20:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:

รู้แล้วว่าอะไร..ที่ทำให้คุณ treebongkoch คิดว่า..

..ตอบเหมือนมิจฉาทิฐิ..

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2010, 21:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12:
treebongkoch เขียน:
ข้อที่ 1. .. ก็ได้แต่จับมันลงน้ำไปอย่างเก่า แล้วอย่างนี้ดิฉันจะบาปในข้ออื่นหรือเปล่าที่ว่าเดี๋ยวปลาชนิดนี้ไปทำลายระบบนิเวศน์ ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรเห็นตำตาก็อดสงสารไม่ได้ ได้แต่คิดโทษมนุษย์ผู้เป็นต้นเหตุว่านำมันมาเลี้ยงแล้วนำมันมาทิ้งแบบนี้น่าจะบาปมากกว่าดิฉันหรือเปล่า

คุณทำถูกแล้วครับ...คุณได้ให้ทานชีวิต..กับสิ่งที่กำลังต้องการมีชีวิต...

ส่วนที่ไปห่วงว่ามันจะไปทำลายระบบนิเวศน์..ไม่ต้องไปห่วงหรอกครับ..ธรรมชาติมีการแปลี่ยนแปลง..ปรับตัวอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว...ที่มนุษย์ห่วงระบบนิเวศน์นะ..มันห่วงตัวเองต่างหาก..ห่วงว่าจะขาดประโยชน์ที่ได้จากธรรมชาติ...จึงบังอาจไปตัดสินชีวิตของสิ่งอื่นแล้วโฆษณาว่า..ถูกต้อง

อ้างคำพูด:
ข้อที่ 2. เคยมีคนพูดว่าบางทีสัตว์มันกำลังจะถึงที่ตายจะได้ไปเกิดเราไปขัดขวางไปช่วยมันเราจะบาป ข้อนี้จริงเท็จอย่างไร

ถ้าคุณช่วยแล้ว..มันไม่ตายก็แสดงว่า..มันยังไม่ถึงที่ตาย..ครับ :b12:
หากช่วยแล้ว..ยังตาย..อย่างนี้.คงเรียกว่า..ถึงที่ตาย..จริง ๆ :b7:

อ้างคำพูด:
คือว่า ดิฉันชอบช่วยชีวิตสัตว์เล็กๆ ที่มักถูกรถที่ผ่านไปมาแล่นทับตาย ดิฉันพบพวกมันบ่อยและก็จับออกไปวางที่ปลอดภัยจากถนนหน่อย ก็แค่ห่วงชีวิตมัน ....


อย่างแรก..ทำแล้ว..เราสบายใจ
กับสอง...ไม่ทำ...แล้วกลับมาหงุดหงิดใจ

ผมเลือกทำอย่างแรก..ครับ :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร