วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 13:40
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนกูรูทั้งหลาย พวกท่านกำลังพากันลงนรก เอาพระธาตุมาอ้าง หาวัตถุให้คนกราบไหว้งมงาย
อ่านดีๆนะมี..
ครั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาท่านรู้หน้าที่สูงสุด ท่านก็เลยสอนหน้าที่สูงสุด ไม่หน้าที่ไหนจะสูงไปกว่านั้น ท่านประกาศในวันตรัสรู้แล้วใหม่ ๆ หยก ๆ นั่นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายทุกพระองค์ทั้งอดีต ทั้งปัจจุบัน ทั้งอนาคต ล้วนแต่เคารพธรรมชาติ นี่เราอาจจะเผลอไปก็ได้เราเคารพพระพุทธเจ้า แต่เราไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ พระพุทธเจ้าสอนเราให้ทำได้อย่างที่พระองค์ทำได้ และทำตาม พระองค์เป็นครูที่จะสอนให้ลูกศิษย์ทำได้เหมือนครูให้ทำตามครู เก่งเหมือนครู นั้นคือครูอาจารย์ที่ประสพความสำเร็จ พระองค์ไม่ได้สอนให้เคารพกราบไหว้ปูนหินดินทรายหรือแม้แต่มาเคารพกราบไหว้พระองค์เองแต่ให้เคารพกราบไหว้ธรรมะหรือธรรมชาติ อย่างที่พระองค์เคารพ พระองค์ไม่ใช่ธรรมะหรือธรรมชาติ แต่พระองค์เป็นบรมครู ผู้สอนเราให้รู้จักกับธรรมชาติความเป็นจริงของธรรมชาติเรียกว่าธรรมะ อยู่กับธรรมชาติของโลกของตัวเราอย่างไรให้เป็นสุข เข้าใจธรรมะ เป็นไปตามมัน ควบคุมมันอย่างไรด้วยตนเอง หากทุกคนรู้จักควบคุมธรรมะของตนเองได้ ทุกคนก็จะเข้าใจควบคุมธรรมชาติของโลกได้ ก็จะอยู่กับธรรมะของตน ธรรมะของโลกที่มันเป็นของมันเช่นนั้นด้วยสันติสุขไม่รุ่มร้อน..ปัจจุบันเปรียบเหมือนบรมครูตั้งใจบันทึกการเรียนให้เราเป็นตำราเรื่องอยู่กับความเป็นจริงกับธรรมชาติ ธรรมะหรือพระธรรม แต่เรากลับเอาไปตั้งจุดธูปบูชา บ้างเอาไปแช่น้ำกินเพราะคิดว่าจะมีอภินิหารทำได้เหมือนบรมครูรู้เหมือนที่ท่านรู้โดยไม่ต้องศึกษาปฏิบัติ แต่พระพุทธบรมครูให้ปัจฉิมโอวาทแก่พระอานนทร์ว่าสั่งว่า เมื่อท่านสู่นิพพาน ให้อาศัยพระธรรมที่ท่านบันทึกเป็นแบบอย่างเป็นที่พึ่งเปิดมันอ่าน ใช้ปัญญาศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติอย่างที่บรมครูปฏิบัติมา สิ่งใดที่บรมครูไม่ทำจงอย่างทำ พระพรมบรมครูยังไม่เคารพเลย แต่นี่ครูเล็กครูน้อยกำลังทำพาคนไปทำอะไรกันอยู่เคารพอะไรกันอยู่ เสียเวลาไหม...
.......................................................................................
เมื่อก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จนิพพานนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตั้งสาวกองค์ใดให้รับตำแหน่ง
เป็นพระศาสดาปกครองพระสงฆ์สืบต่อจากพระองค์เหมือนพระศาสดาในศาสนาอื่น เรื่องนี้ก็ไม่มีพระสงฆ์
องค์ใดทูลถามพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสสั่งพระสงฆ์ไว้ฃัดเจนก่อนจะนิพพานว่า พระภิกษุรูปใด

ตรัสบอกพระอานนท์ว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้ และ
บัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่านสืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไป
แล้ว"

ครั้นแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายว่า "ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้เราขอเตือน
พวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็น
ประโยชน์แก่ตนและคนอื่นให้สำเร็จบริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 01:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 00:59
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นส่วนตัว ถ้าทั่นถ่ายรูปตอนมรณะครั้งแรกใว้ก้อน่าจะดีนะครับ แต่เท่าที่ดูมันเหมือนเป็นการจัดฉากเหมือนละครก้อเลยดูไมีดีเท่าที่ควร แต่ การมรณะภาพอิริยาบทใดไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ ถึงอย่างไรก้อดีกระผมขออนุโมธนาในบุญกุศลของพระที่มรณะภาพด้วยความเคารพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 01:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 00:59
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีความเห็นครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 13:40
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
tongue หวัดดีครับคุณ เด็กอยากจน และทุกๆท่าน

วันนี้ผมไปค้นภาพ อัฐิของหลวงปู่ชาตอนเผาเสร็จใหม่ๆ มาให้ชมนะครับ จะเห็นว่าขาวบริสุทธิ์ ไม่เป็นแผ่น เป็นชิ้นเหมือนกระดูกคนธรรมดา แล้วทราบว่าตอนนี้ บางส่วนหลอมตัวรวมกันเป็นเม็ดธาตุกลมๆไปแล้ว ใครมีรูปก็นำมาให้ชมหน่อยนะครับ

ผมได้ทราบจากครูบาอาจารย์ว่า ของหลวงปู่มั่น ตอนเผาเสร็จใหม่ๆ ก็มิได้หลอมตัวเป็นพระธาตุทันที่ทั้งหมด บางส่วนยังมีลักษณะเป็นกระดูก แต่คงจะขาวสะอาดคล้ายของหลวงปู่ชานี้ แล้วจึงค่อยหลอมรวมเป็นเม็ดธาตุ เป็นเม็ดแก้วอย่างที่เราได้เห็นทุกวันนี้

ของหลวงพ่อครูบาพรหมจักรรักษา ที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน เผาแล้ว หลอมรวมเป็นพระธาตุทันทีเกือบทั้งหมด ใครมีภาพนำมาให้ชมกันหน่อยนะครับ

ที่เอาภาพอัฐิธาตุหลวงปู่มาแสดงให้ชมในวันนี้ ก็หวังใจให้เกิดความสงบเย็นในจิตของบางคนบางท่านที่รุ่มร้อนอยากจะแก้ไข ความไม่ชอบมาพากลในพุทธศาสนาขณะนี้


พากันใจเย็นๆสักนิด แต่อย่าละความพยายาม "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" นะครับ


ท่านพุทธทาสภิกขุ

..... บางคนเชื่อว่า พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์นิพพานแล้ว ยังมีอะไรเหลืออยู่อีก เช่นเชื่อกันว่าพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในโลกนี้ จะรวมตัวกันเป็นองค์ พระพุทธเจ้าขึ้นแล้วทำการปรินิพพานอีกครั้ง ซึ่งเรียกว่า ธาตุอันตรธาน ดังในหนังสือปฐมสมโพธิกถานั้นก็ดี หรือที่เชื่อกันว่าเจดีย์ต่างๆ ที่สำคัญๆ เช่น พระปฐมเจดีย์แสดงปาฏิหารย์ต่างๆ ได้นั้นก็ดี นั้นเป็นเพราะมีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งแห่งองค์พระพุทธเจ้าเหลืออยู่ หรือถ้า กล่าวตามความเชื่อของคนประเภทนั้นก็คือว่า จิตหรือวิญญาณของพระพุทธองค์ยังเหลืออยู่นั่นเอง แต่ความเข้าใจเช่นนี้ ย่อมขวางกันกับหลักธรรมะและเหตุผลทั่วไปอย่างรุนแรง ไม่เป็นไปได้ตามที่เชื่อกันเช่นนั้น

ข้าพเจ้า เข้าใจว่าถ้าหากสิ่งต่างๆ ที่เขาเห็นหรือเชื่อกันนั้นเป็นของเป็นไปได้จริง เช่นพระบรมธาตุจะกลับรวมตัวกันใหม่อีกนั้น ก็ต้องเป็นเพราะเพียงแต่คำอธิษฐานของพระองค์ที่ทรงอธิษฐานทิ้งไว้ อันอำนาจจิตแห่งการอธิษฐานนั้น จะอยู่ยืนยาวได้นานเพียงไรนั่นย่อมแล้วแต่อำนาจพิเศษแห่งจิตใจของผู้ที่ อธิษฐาน ส่วนตัวผู้นั้นเองที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ย่อมดับสนิทไปโดยไม่มีส่วนเหลือแท้จริง ส่วนอำนาจอธิษฐานซึ่งเป็นปาฏิหารย์ชนิดหนึ่งนั้นคงเหลืออยู่เป็นมรดกที่จะ เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ภายหลัง ที่ท่านผู้ล่วงลับไปแล้วเคยตั้งใจจะช่วยเหลือเท่านั้น การที่จะเชื่อว่า วิญญาณหรือจิตของพระพุทธองค์เป็นอมตะ คอยเฝ้าดูพวกเราหรือโลกมาจนอยู่จนบัดนี้นั้นเป็นของขบขันเหลือเกิน
แนบไฟล์:
9980.jpg
9980.jpg [ 99.35 KiB | เปิดดู 3348 ครั้ง ]


แก้ไขล่าสุดโดย poorboy เมื่อ 02 ต.ค. 2010, 09:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


poorboy เขียน:
ข้าพเจ้า เข้าใจว่าถ้าหากสิ่งต่างๆ ที่เขาเห็นหรือเชื่อกันนั้นเป็นของเป็นไปได้จริง เช่นพระบรมธาตุจะกลับรวมตัวกันใหม่อีกนั้น ก็ต้องเป็นเพราะเพียงแต่คำอธิษฐานของพระองค์ที่ทรงอธิษฐานทิ้งไว้ อันอำนาจจิตแห่งการอธิษฐานนั้น จะอยู่ยืนยาวได้นานเพียงไรนั่นย่อมแล้วแต่อำนาจพิเศษแห่งจิตใจของผู้ที่ อธิษฐาน ส่วนตัวผู้นั้นเองที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ย่อมดับสนิทไปโดยไม่มีส่วนเหลือแท้จริง ส่วนอำนาจอธิษฐานซึ่งเป็นปาฏิหารย์ชนิดหนึ่งนั้นคงเหลืออยู่เป็นมรดกที่จะ เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ภายหลัง ที่ท่านผู้ล่วงลับไปแล้วเคยตั้งใจจะช่วยเหลือเท่านั้น ....


:b1: ขอบคุณ...ค่ะ... :b8:

:b1: :b16: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 17:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:54
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านกระทู้นี้แล้ว คิดถึงท่านmarunoจัง ธรรมะเป็นของฟรีไม่มีซื้อขาย จริงไหมครับคุณเอรากอน.. :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศิษย์โง่งม เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 17:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิษย์โง่งม เขียน:
อ่านกระทู้นี้แล้ว คิดถึงท่านmarunoจัง ธรรมะเป็นของฟรีไม่มีซื้อขาย จริงไหมครับคุณเอรากอน.. :b8:


555 ตัวแดง...เชียว...
อิ อิ ตั้งตัวไม่ทัน...คิดถึงท่านมู แต่ดันหันมาถามเอกอน... อิ อิ

ธรรมะเป็นของฟรี ไม่มีซื้อขาย อืมมม์

เอกอนมองว่าเป็นสิ่งที่ต่างแลกเปลี่ยน... หมายถึง เรากับธรรม...นะ

ไม่ใช่ เรา กับ "อุปทานจารย์"

สังเกต...ประเทศที่มีกำแพงภาษี การค้าระหว่างประเทศจะ :b7:

ในยุคโบราณประเทศที่สร้างกำแพงเมืองอย่างแน่นหนา
สะท้อนถึงความไม่ สงบสุข ...

คือ...ถ้าใครจะว่าสงบสุขก็ตามสบาย เอกอนจะพเนจรไปเล่นน้ำตก... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:54
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
ศิษย์โง่งม เขียน:
อ่านกระทู้นี้แล้ว คิดถึงท่านmarunoจัง ธรรมะเป็นของฟรีไม่มีซื้อขาย จริงไหมครับคุณเอรากอน.. :b8:


555 ตัวแดง...เชียว...
อิ อิ ตั้งตัวไม่ทัน...คิดถึงท่านมู แต่ดันหันมาถามเอกอน... อิ อิ

ธรรมะเป็นของฟรี ไม่มีซื้อขาย อืมมม์

เอกอนมองว่าเป็นสิ่งที่ต่างแลกเปลี่ยน... หมายถึง เรากับธรรม...นะ

ไม่ใช่ เรา กับ "อุปทานจารย์"

สังเกต...ประเทศที่มีกำแพงภาษี การค้าระหว่างประเทศจะ :b7:

ในยุคโบราณประเทศที่สร้างกำแพงเมืองอย่างแน่นหนา
สะท้อนถึงความไม่ สงบสุข ...

คือ...ถ้าใครจะว่าสงบสุขก็ตามสบาย เอกอนจะพเนจรไปเล่นน้ำตก... :b12:



แลกเปลี่ยน พึ่งพา นำมาซึ่งความสันติครับ...สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2010, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
นั่นสิผมเหนด้วยจริงๆ
กับคำพูดนี้ การที่มรภาพในท่านั่งก้ถือเปนปริศนาธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกันควรมองให้ได้ในหลายกรณี
จะได้เรียกว่า มองด้วยเหตุผลและปัญญา และอีกอย่างมองหรือคิดแบบนี้คงไม่มีผลต่อการไปนรกหรือ
สวรรค์มากเท่าไร

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron