วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 19:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
พระพุทธเจ้ารับประเคนเนื้อ
เราก็ทำตามพระพุทธเจ้า
จะหาว่าเราผิดได้อย่างไร

ตรงกันข้าม เรื่องการห้ามภิกษุฉันเนื้อ
ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยทรงวินิจฉัย
พระเทวทัตเคยยกขึ้นเพื่อทรงพิจารณาบัญญัติเป็นพระวินัยแล้ว
แต่พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ

ท่านจะก้าวล่วงพุทธวินิจฉัยหรือ
พระพุทธเจ้าฉันเนื้อ พระพุทธเจ้าคงมีอวิชชากระมัง

อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกว่า "ต้องกินเนื้อ"
พระองค์ไม่ได้เลือกว่าต้องกิน หรือต้องไม่กิน ใช่หรือไม่

โฮฮับ เขียน:
อย่างเช่น พระพุทธเจ้าทรงมีวินัยไว้ว่า ห้ามภิกษุปรุงอาหารหรือเก็บ
อาหารไว้ อาหารที่จะฉันต้องรับจากญาติโยมและสิ่งสำคัญ
ห้ามปฏิเสธการให้ทานหรือใส่บาตรของฆราวาส
แต่ก็ยังคงกำหนดไว้ว่า เมื่อรับมาแล้ว
อาหารที่รับมาอย่างไหนฉันท์ได้อย่างไหนฉันท์ไม่ได้

ดังนั้นพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ภิกษุไม่มีสิทธิที่จะเลือกครับ การฉันท์อาหารที่ทำจาก
เนื้อสัตว์จึงสามารถทำได้ครับ ไม่เข้าข่ายปาณาฯ

แต่ฆราวาสมีสิทธิที่จะเลือก สามารถปรุงอาหารเองได้
ฉะนั้นการที่จะกินเนื้อสัตว์หรือกินพืชผักก็สามารถทำได้
ฉะนั้นลองคิดดูซิครับว่า ท่านจะเลือกทำบาปหรือละบาปครับ

ท่านนี้ก็เกินไป ผมแค่อธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องเหตุปัจจัย
โดยการเอาไปเปรียบกับวงปฏิจจสมุบาท ถึงกับเล่นใช้ดาบอาญาสิทธฺ์เลยหรือท่าน
แล้วท่านมีเหตุผลมั้ยละว่าทำไมพระพุทธเจ้า จึงให้พระสงฆ์ฉันเนื้อสัตว์ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
เขาตายด้วยมือคนอื่น เราไม่มีส่วนในการฆ่า
เช่น หมู ไก่ ที่วางตามตลาด
เวลาเราไปซื้อ .... เราซื้อ"ซาก"
ซากไม่มีชีวิต ซากเป้นธาตุ เป้นรูป ไม่มีใจครอง ไม่เป็นสิ่งมีชีวิต
เราเอาซากมาเป้นอาหาร เหมือนพืชผัก ดินน้ำลมไฟ

แต่ถ้าเราเป็นผู้บงการเอาชีวิตเขา เพื่อหวังเอาซากของเขา
เราก็ไปไล่เอาชีวิตออกไป จะได้เอาซากมาเป็นของตัว
เช่นไปบงการว่า จะเอาตัวนี้ เอาตัวนั้น
อย่างนี้บาปเต็มๆ เพราะเรามีส่วนในการฆ่า
คือเป็นผู้บงการเอาชีวิต

คิดอย่างท่านนะคิดได้ครับ แต่คนๆนั้นจะต้องทำตัวประพฤติแบบอีแร้งครับ
เพราะอีแร้งไม่ได้ฆ่าสัตว์โดยตรง เพียงแต่คอยกินซากที่เหลือจากการกินของสัตว์อื่น
หรือคอยกินซากสัตว์ที่มันตายเอง สังเกตุได้ว่าผู้ฆ่าได้ใช้ประโยชน์ไปแล้ว ส่วนซากที่เหลือ
คือสิ่งที่ไม่ต้องการแล้ว
แต่ที่ท่านบอกว่าเราไปซื้อซากไม่ได้ฆ่า แต่เราเอาประโยชน์จากการฆ่าโดยตรง
เพราะคนฆ่าไม่กินเอง หรือไม่ได้เอาซากที่จะทิ้งมาขายเรา
ฉะนั้นมันเป็นคนละเรื่องกันเลยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 13:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 23:55
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรารู้หรือไม่ว่า สัตว์ที่ถูกฆ่านั้น ชาติก่อนนั้น เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน

เรารู้หรือไม่ว่า สัตว์ที่ถูกฆ่า จะมีแรงอาฆาต ต่อผู้ที่ฆ่า และผู้ที่รับประทานนั้น

เรารู้หรือไม่ว่า ผลกรรมจากแรงอาฆาตนั้น จะทำให้เราเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น
และจะเกิดขึ้นเมื่อไร ในอนาคต

เรารู้หรือไม่ว่า ผลบุญอุทิศ จากที่เราไม่ทานเนื้อสัตว์ นั้น จะส่งผลไปถึง เจ้ากรรมนายเวรของเรา
ที่จองเวรเราอยู่นั้น ได้รับผลบุญ และ อโหสิกรรมให้เรา

เรารู้หรือไม่ว่า สัตว์ที่ถูกฆ่านั้น จะได้รับผลบุญจากเรา ที่อุทิศไปให้ และอโหสิกรรมให้เรา
ไม่ว่าจะจากการแผ่เมตตาให้ หรือ ทำบุญสังฆทานไปให้

ถึงจะไม่ทาน หรือทานเนื้อสัตว์ ยังไง ก็ถึงคราวที่เราจะต้องจากโลกนี้ไป เหมือนกัน
แล้วแต่ว่า เราจะไป ช้า หรือ เร็ว หรือ จะไป แบบทนทุกข์ทรมาน หรือ แบบไม่ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
แต่ฆราวาสมีสิทธิที่จะเลือก สามารถปรุงอาหารเองได้
ฉะนั้นการที่จะกินเนื้อสัตว์หรือกินพืชผักก็สามารถทำได้
ฉะนั้นลองคิดดูซิครับว่า ท่านจะเลือกทำบาปหรือละบาปครับ


อ๋อ ถ้าแยกพระแยกโยมอย่างนี้
คงจะเห็นตรงกัน
ว่าฆราวาสนั้นก็นานาจิตตัง แล้วแต่อัธยาศัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

คิดอย่างท่านนะคิดได้ครับ แต่คนๆนั้นจะต้องทำตัวประพฤติแบบอีแร้งครับ
เพราะอีแร้งไม่ได้ฆ่าสัตว์โดยตรง เพียงแต่คอยกินซากที่เหลือจากการกินของสัตว์อื่น
หรือคอยกินซากสัตว์ที่มันตายเอง สังเกตุได้ว่าผู้ฆ่าได้ใช้ประโยชน์ไปแล้ว ส่วนซากที่เหลือ
คือสิ่งที่ไม่ต้องการแล้ว
แต่ที่ท่านบอกว่าเราไปซื้อซากไม่ได้ฆ่า แต่เราเอาประโยชน์จากการฆ่าโดยตรง
เพราะคนฆ่าไม่กินเอง หรือไม่ได้เอาซากที่จะทิ้งมาขายเรา
ฉะนั้นมันเป็นคนละเรื่องกันเลยครับ


รวมความ..ของคุณโฮฮับ..ได้ว่า..
อีแร้ง..กินซาก..ไม่เป็นไร..เพราะคนฆ่าได้ประโยชน์ไปแล้ว..

คน..ซื้อซากมากิน..เป็น..เพราะเราเอาประโยชน์โดยตรงจากการฆ่า..

แยกกันที่ได้ประโยชน์..กับไม่ได้ประโยชน์..ใครได้ประโยชน์จากการกระทำผิดนั้น... คน ๆ นั้นจะเป็นผู้รับกรรม..???..อย่างนั้นใช่มัยครับ

หากคุณโฮฮับ..จะช่วยอธิบายแนวคิดของคุณเพิ่มเติมอีกหน่อย..ก็ดีนะครับ..เผื่อจะเป็นวิทยาทาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 04:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โฮฮับ เขียน:

คิดอย่างท่านนะคิดได้ครับ แต่คนๆนั้นจะต้องทำตัวประพฤติแบบอีแร้งครับ
เพราะอีแร้งไม่ได้ฆ่าสัตว์โดยตรง เพียงแต่คอยกินซากที่เหลือจากการกินของสัตว์อื่น
หรือคอยกินซากสัตว์ที่มันตายเอง สังเกตุได้ว่าผู้ฆ่าได้ใช้ประโยชน์ไปแล้ว ส่วนซากที่เหลือ
คือสิ่งที่ไม่ต้องการแล้ว
แต่ที่ท่านบอกว่าเราไปซื้อซากไม่ได้ฆ่า แต่เราเอาประโยชน์จากการฆ่าโดยตรง
เพราะคนฆ่าไม่กินเอง หรือไม่ได้เอาซากที่จะทิ้งมาขายเรา
ฉะนั้นมันเป็นคนละเรื่องกันเลยครับ


รวมความ..ของคุณโฮฮับ..ได้ว่า..
อีแร้ง..กินซาก..ไม่เป็นไร..เพราะคนฆ่าได้ประโยชน์ไปแล้ว..

คน..ซื้อซากมากิน..เป็น..เพราะเราเอาประโยชน์โดยตรงจากการฆ่า..

แยกกันที่ได้ประโยชน์..กับไม่ได้ประโยชน์..ใครได้ประโยชน์จากการกระทำผิดนั้น... คน ๆ นั้นจะเป็นผู้รับกรรม..???..อย่างนั้นใช่มัยครับ

หากคุณโฮฮับ..จะช่วยอธิบายแนวคิดของคุณเพิ่มเติมอีกหน่อย..ก็ดีนะครับ..เผื่อจะเป็นวิทยาทาน

ผมจะยกตัวอย่างนะครับ ถ้าเราดูกรรมของคนเป็นวงจรดังนี้ตัวเรา>คนขาย>สัตว์
ถ้าเราดูตามคำสอนของพุทธองค์เรื่องเหตุปัจจัยแล้ว ตัวเราเป็นเหตุ ทำให้มีผลตามมาคือ
คนขายหรือคนฆ่า และผลสุดท้ายคือสัตว์ตาย
พิจารณาแล้ว ทุกตัวเป็นเหตุปัจจัยแก่กัน พระพุทธเจ้าสอนว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ
ถ้าจะดับทุกข์ ต้องดับที่เหตุ หรือถ้าเราไปเปรียบกับเรื่องปฏิจจสมุบาท
ตัวเราเปรียบเหมือนตัวอวิชชา เป็นต้นตอแห่งทุกข์ ถ้าจะดับทุกข์ต้องดับ
อวิชชา ความหมายก็คือ หยุดความอยากกินเนื้อสัตว์ครับ
ถ้าเราดับอวิชชาที่ตัวเราวงจรแห่งทุกข์ก็ไม่เกิด

ที่นี้เรามาดูเรื่องซากกับอีแร้ง ถ้าเราดูตามเหตุปัจจัยแล้ว การตายของซากสัตว์
ไม่ได้เกิดหรือเกี่ยวข้องกับอีแร้งเลย มันเป็นกรรมคนละส่วนคนละวงจร
สมมุติการล่าเหยื่อของสิงห์โต มันก็เกิดจากความหิวความต้องการของสิงห์โตเอง
มันล่าหรือฆ่าเหยื่อก็เพื่อตัวมัน สันชาติญาณสัตว์ล่าเพราะหิว กินอิ่มแล้วก็หยุด
ไม่รู้จักใช้ประโยชน์ในส่วนที่เหลือ ดังนั้นของที่กินไม่หมดก็กลายเป็น
สิ่งที่เปล่าประโยชน์มันต้องทิ้งเปล่า ดังนั้นวงจรแห่งกรรมของสิงห์โตมันสุดแค่ตรงนี้

ส่วนเรื่องอีแร้ง วงจรกรรมมันแยกไปต่างหาก มันกินซากที่เหลือทื้งจากสัตว์อื่น
มันไม่มีส่วนในการฆ่า เพราะนักล่าฆ่าเพื่อตัวเอง ไม่ได้คิดว่าต้องเผื่อแผร่แก่
อีแร้ง วงจรกรรมมันจึงแค่หิวก็หาซากหาขยะกินครับ

ฉะนั้นคำจำกัดความคำว่า ซากในที่นี้ มันต้องหมายถึง
สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์แก่เจ้าของ ไม่สามารถซื้อขายกันได้
ความหมายคือ เจ้าของทิ้งแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 10:13
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผม จขกท. เองครับ

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาไขความกระจ่างของกระผมครับ :b8:

โดยส่วนตัวผมงดกินเนื้อสัตว์ 1วัน/อาทิตย์ มาได้หลายเดือนแล้วครับ เพราะเวลาเห็นสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์แล้วสงสารมากๆครับ เรามีดบาดนิดเดียวร้องโวยเลย แต่นี่เขาโดนเชือกมัดแล้วเชือดคอทั้งเป็นเลย :b5: พรากชีวิตทั้งชีวิต แต่สิ่งที่เราได้กลับมา แค่..."ความอร่อย" เท่านั้นเอง

ลองงดเข้าจริงๆก็ไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ อาจเป็นเพราะผมมีเพื่อนร่วมปฎิบัติด้วย เชิญชวนเพื่อนๆสมาชิกลองดูครับ เริ่มเป็น 1มื้อ/อาทิตย์ก่อนก็ได้ครับ แล้วค่อยๆเพิ่มไป ตอนนี้ผมเองก็จะกลายเป็น 2วัน/อาทิตย์ล่ะ อนุโมทนาบุญแก่ผู้ปฎิบัติด้วยจ้า :b1:

กลับมาเรื่องกระทู้ของเรา...
ผมเองก็เข้าใจว่าไปซื้อสัตว์ตายจากตลาด(รวมถึงกินสัตว์ตายที่ร้านอาหาร)เราเองก็บาปเหมือนกัน เพราะว่าเรานั่นเอง ที่เป็นสาเหตุแห่งการตายนั้นครับ เป็นสาเหตุหลักเลยก็ว่าได้ ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย ก็ไม่มีการฆ่า ผมคิดถูกไหมครับ :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


halem1982 เขียน:
ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย ก็ไม่มีการฆ่า


ที่คุณว่ามา มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

แต่ถ้าคุณบอกว่า "ตัวคุณเอง" ไม่เกี่ยวข้องกับการฆ่า อย่างนี้ได้ครับ



ทีนี้พอพากันกินผัก ผักคงจะขายดี
คงจะมีคนทำสวนกันมาก

แล้ววันนี้ผมจะมาถามว่า
มีกิ้งกือไส้เดือนและหนอนตั้งมากตั้งมาย ที่ตายเพราะการทำสวนผัก ไม่ได้ตายตามธรรมชาติ

พวกคุณมีส่วนแห่งการฆ่าพวกสัตว์เล็กพวกนี้

หยุดกินผักเถอะ คนจะได้ไม่ทำสวน
สัตว์มันจะได้ตายแบบธรรมชาติ

ถ้าจะให้บริสุทธิ์
พวกคุณต้องกินผักที่เกิดเองตามธรรมชาติ

อะ อย่างนี้แล้วจะมีใครกล้าหาญตอบคำถามนี้ไหมครับ
อิๆๆๆ

ไม่จบหรอก เอิ๊กๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
halem1982 เขียน:
ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย ก็ไม่มีการฆ่า


ที่คุณว่ามา มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

แต่ถ้าคุณบอกว่า "ตัวคุณเอง" ไม่เกี่ยวข้องกับการฆ่า อย่างนี้ได้ครับ

ทีนี้พอพากันกินผัก ผักคงจะขายดี
คงจะมีคนทำสวนกันมาก

แล้ววันนี้ผมจะมาถามว่า
มีกิ้งกือไส้เดือนและหนอนตั้งมากตั้งมาย ที่ตายเพราะการทำสวนผัก ไม่ได้ตายตามธรรมชาติ

พวกคุณมีส่วนแห่งการฆ่าพวกสัตว์เล็กพวกนี้

หยุดกินผักเถอะ คนจะได้ไม่ทำสวน
สัตว์มันจะได้ตายแบบธรรมชาติ

ถ้าจะให้บริสุทธิ์
พวกคุณต้องกินผักที่เกิดเองตามธรรมชาติ

อะ อย่างนี้แล้วจะมีใครกล้าหาญตอบคำถามนี้ไหมครับ
อิๆๆๆ

ไม่จบหรอก เอิ๊กๆ

ท่านชาติครับ ท่านเล่นแบบนี้เลยหรือ แบบนี้ต้องเตะสวนตัดขาครับ

ถ้างั้นคิดในแง่กลับกัน ท่านว่ากินเนื้อไม่บาป แต่ถ้าพ่อค้า เขาฉีดฟอร์มาลีน
ให้เนื้อสดอยู่เสมอ ท่านว่าพ่อค้าจะบาปมั้ยครับ ที่ทำให้เราตายผ่อนส่งจากฟอร์มาลีน

เรื่องผักก็เหมือนกันรับ จุดประสงค์เราไม่ได้จะกินหนอนหรือฆ่ากิ้งกือ
กรรมของเราอยู่ที่กินผักครับ ส่วนนอกเหนือจากนี้ มันเป็นกรรมของคนปลูกผัก
ที่จะต้องระแวดระวัง เพื่อไม่ให้ถูกสัตว์เล็กๆ แต่ถ้าคนปลูกฉีดยาฆ่าแมลง
มันก็ผิดและเกิดกรรมทั้งคนกินและหนอนครับ

ฉะนั้นทั้งสองเรื่องมันเป็นกรรมหรือวงจรของพ่อค้าหรือผู้ปลูกผัก
สังเกตุดูวงจรของเรามีแค่ ถ้ากินเนื้ออันนี้เป็นเหตุให้เกิดการฆ่า
ถ้าเรากินผักอันนี้เป็นเหตุให้เกิดการปลูก

ส่วนขุดดินจะทำให้กิ้งกือหรือหนอนตาย อันนั้นเป็นวิบากระหว่าง
คนปลูกผักกับกิ้งกือเราไม่เกี่ยวครับ แล้วอย่าลืมเรื่องเจตนาด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 21:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
พระพุทธเจ้าสอนว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ..
ถ้าจะดับทุกข์ ต้องดับที่เหตุ ........
.... ความหมายก็คือ หยุดความอยากกินเนื้อสัตว์ครับ..


เห็นด้วยครับ...ความอยากกินเนื้อของมวลมนุษย์...เป็นเหตุให้เกิด...การฆ่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหาร

หากเรากิน..แต่ไม่ได้กินเพราะอยาก...เราจะบาปเพราะความอยาก..ของมวลมนุษย์(คนอื่น)..ไหม??

กระผมคิดว่า..มันไม่น่าจะบาปนะ..

ตรงนี้คุณโฮฮับ..คิดอย่างไรครับ??

halem1982 เขียน:
.....
เชิญชวนเพื่อนๆสมาชิกลองดูครับ เริ่มเป็น 1มื้อ/อาทิตย์ก่อนก็ได้ครับ แล้วค่อยๆเพิ่มไป ตอนนี้ผมเองก็จะกลายเป็น 2วัน/อาทิตย์ล่ะ อนุโมทนาบุญแก่ผู้ปฎิบัติด้วยจ้า


ขอโมทนาสาธุ...ด้วยครับผม :b8: :b8:

ลดการกิน..เพื่อลดการเบียดเบียน..เป็นกุศลครับ

ชาติสยาม เขียน:
พวกคุณมีส่วนแห่งการฆ่าพวกสัตว์เล็กพวกนี้

หยุดกินผักเถอะ คนจะได้ไม่ทำสวน
สัตว์มันจะได้ตายแบบธรรมชาติ


:b32: :b32: :b32:
ศาลที่เคารพ..กระผมขอปฏิเสธ..ว่ามีส่วนในการฆ่า..ครับผม :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แหม ประเด้นนี้ สนุกนะ กินกันไม่ลง
คุณโฮฮับนี่เขาก้ปิดได้ทุกรูจริงๆนะ สนุกดี

อะ ต่อๆ มีรูให้ปิดอีกแล้ว

ผักค่อนตลาด ที่นำมาขาย
ล้วนแล้วแต่เป้นผักที่ใช้ยาฆ่าแมลงแทบทั้งนั้น

เรากินผัก เราก้ส่วนแห่งการฆ่าแมลงเหล่านั้น

บางท่านอาจจะเห้นว่าแมลงเป้นเรื่องเล็กน้อย

แต่การเก้บผักทั้งๆที่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลา ของเกษตรกร
ก็เป็นการหยิบยาพิษให้คนกินอย่างเรา

พูดง่ายๆว่า ผักนี่แหละ ฆ่าคนทางอ้อม
ความอยากกินผักของเรา ทำให้คนสวนต้องใช้ยาฆ่าแมลง

ใครว่ากินผักแล้วไม่เบียดเบียนใคร


เอาล่ะ ต่อไปนี้ ชาวพุทธ
เลิกกินมันทั้งผักทั้งเนื้อ กันดีกว่า

คำถาม...
แล้วมันจะเหลืออะไรให้กิน
ถึงจะได้ไม่ต้องเบียดเบียนใคร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 05:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โฮฮับ เขียน:
พระพุทธเจ้าสอนว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ..
ถ้าจะดับทุกข์ ต้องดับที่เหตุ ........
.... ความหมายก็คือ หยุดความอยากกินเนื้อสัตว์ครับ..

เห็นด้วยครับ...ความอยากกินเนื้อของมวลมนุษย์...เป็นเหตุให้เกิด...การฆ่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหาร

หากเรากิน..แต่ไม่ได้กินเพราะอยาก...เราจะบาปเพราะความอยาก..ของมวลมนุษย์(คนอื่น)..ไหม??

กระผมคิดว่า..มันไม่น่าจะบาปนะ..

ตรงนี้คุณโฮฮับ..คิดอย่างไรครับ??

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนครับว่า ความอยากมันเป็นกิเลส แต่มันเป็นได้ทั้งกุศล
และอกุศล การที่จะรู้ได้ว่า ผลของความอยากที่ตามมาจะบาปหรือไม่
ก็ต้องดูที่ผลสุดท้ายและเหตุปัจจัยที่สืบต่อกันมา ดังตัวอย่าง
1.ถ้าคุณอยากกินผัก เพราะในใจคิดว่า ไม่อยากไปเบียดเบียนสัตว์
อันนี้เป็นกิเลสที่เป็นกุศล เป็นบุญ
2.แต่ถ้าคุณอยากกินเนื้อสัตว์ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นการเบียดเบียนสัตว์
อันนี้เป็นกิเลสที่เป็นอกุศล เป็นบาป

ส่วนการกินอย่างไรที่ไม่เป็นกิเลส ก็ต้องเป็นการกินที่ปราศจากความอยาก
ฟังดูเข้าใจยากหน่อย แต่พอจะอธิบายได้ดังนี้
คนเราประกอบด้วยรูปและนาม สิ่งที่เป็นรูปก็คือกาย นามก็คือใจ
ถ้าดูให้ดีกายกับใจ มันแยกกันต่างหาก กิเลสความดีชั่วต่างๆล้วนเกิดที่ใจ
ใจเป็นผู้สั่ง
กายเป็นเพียงที่อาศัยของใจ เป็นเครื่องมือในการทำความดีความชั่ว
กายเป็นธรรมชาติ ประกอบด้วยธาตุสี่ เมื่อกายถูกใช้งานไป ธาตุบางส่วนย่อมพร่องไป
เหตุนี้จึงต้องเติมธาตุที่ขาดหายไปให้สมดุลย์ ที่กล่าวมาเราเรียกว่า ความหิว
ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับว่าจะเกิดกิเลสความอยากหรือไม่
ถ้าเราหิว เรากินอะไรก็ได้ที่ไม่มีพิษมีภัยต่อร่างกาย ไม่ต้องสรรหา
หรือปรุงรสต่าง กินเพื่อให้ความหิวหายไปหรือให้เกิดความสมดุลย์ของกาย
กินได้แม้กระทั้งข้าวเปล่า นี้ครับกุศลที่ไม่มีกิเลส

การกินที่เป็นกิเลสก็ตรงข้ามกันครับ คือต้องเลือกต้องสรรหา
ปรุงรสชาติ กินอย่างโน้นเบื่ออย่างนี้ ส่วนที่ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
ก็ต้องดูเหตุปัจจัยที่ตามมาครับ


ส่วนคำถามของคุณ ที่ว่าเราจะบาปเพราะความอยากของคนอื่นไหม?
ผมว่า มันไม่น่าจะเกี่ยวกันครับ คุณต้องรู้นะครับว่า กรรมหรือการกระทำ
มันย่อมเป็นของใครของมัน สรุปก็คือไม่ว่าใครย่อมต้องมีความรู้กาย รู้ใจ
ของตนเอง ต้องรักษากายใจด้วยตัวของตัวเอง

ขอยกตัวอย่างว่าด้วยเหตุปัจจัยสืบเนื่อง
ก่อนอื่นเราต้องพิจารณาก่อนว่า อันไหนเป็นเหตุ อันไหนเป็นผล
สมมุติว่าเราอยากกินเนื้อ อันนี้เป็นเหตุ ผลที่ตามมาคือพ่อค้า พ่อค้าก็เป็นเหตุ
ให้เกิดคนรับจ้างฆ่าสัตว์ คนฆ่าสัตว์เป็นเหตุให้สัตว์ตาย

คุณดูครับว่า แค่ความอยากของตัวเรา มันทำให้เกิดวงจรอกุศลขึ้นมากมาย
การดับก็ต้องดับที่เหตุ แต่เหตุในที่นี้มีหลายเหตุที่เป็นเหตุปัจจัยกัน
การดับวงจรที่ได้ผลและมากที่สุดคือดับที่ต้นตอ ก็คือความอยากของตัวเรา
มันก็เหมือนกับวงปฏิจสมุบาท การจะดับวิบากให้มากที่สุด ก็ต้องดับที่อวิชชา

สุดท้ายการรู้กายใจของตนเอง ย่อมทำให้ไม่เกิดเหตุปัจจัยหรือวิบากร่วมกับคนอื่น
วงแห่งวิบากหรือกรรมมันคนละวงกัน ฉะนั้นความอยากของคนอื่น
ย่อมไม่ส่งผลต่อเราครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 06:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
แหม ประเด้นนี้ สนุกนะ กินกันไม่ลง
คุณโฮฮับนี่เขาก้ปิดได้ทุกรูจริงๆนะ สนุกดี

อะ ต่อๆ มีรูให้ปิดอีกแล้ว

โธ่! สู้อุตสาห์ลงรูปิดปากรูเป็นอย่างดีแล้วนะเนี้ย ดันมาเปิดอีก
เปิดไม่เปิดเปล่า เอาปูนขาวหยอดลงมาอีก โผล่มาแถบไม่ทัน
ชาติสยาม เขียน:
ผักค่อนตลาด ที่นำมาขาย
ล้วนแล้วแต่เป้นผักที่ใช้ยาฆ่าแมลงแทบทั้งนั้น
เรากินผัก เราก้ส่วนแห่งการฆ่าแมลงเหล่านั้น

อันนี้เราต้องดูที่ตัวเราว่า มีความต้องการที่จะกินยาฆ่าแมลงมั้ย
เราในที่นี้ทุกคน ไม่มีความต้องการฆ่าตัวตายผ่อนส่งหรอกครับ
ถ้าเราคิดว่า เราอยากกินผักสวยๆ ไม่ชอบให้แมลงมาชอนไช
ไม่ถือสาว่าจะฉีดยาฆ่าแมลง อันนี้ซิครับถึงจะมีส่วนฆ่าแมลง
ชาติสยาม เขียน:
บางท่านอาจจะเห้นว่าแมลงเป้นเรื่องเล็กน้อย

แต่การเก้บผักทั้งๆที่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลา ของเกษตรกร
ก็เป็นการหยิบยาพิษให้คนกินอย่างเรา

พูดง่ายๆว่า ผักนี่แหละ ฆ่าคนทางอ้อม
ความอยากกินผักของเรา ทำให้คนสวนต้องใช้ยาฆ่าแมลง

ในส่วนนี้ท่านชาติฯ ต้องแยกกรรมครับ
กรรมเรามีแค่ เราอยากกินผัก มันไม่ได้มีแมลงมาเกี่ยวข้องเลย
สมัยนี้ใครๆเขาก็เลือกกินผัก ปลอดสารกัน เลือกเอาแต่ผักที่มีรูไม่สวย
แสดงว่ามีแมลงมาชอนไช หรือเลือกผักที่ปลูกแบบผักกางมุ้งครับ
ส่วนในสมัยก่อน ที่เขาเลือกกินผักสวยๆกันมันเกิดจากความไม่รู้
คนซื้อก็เพียงใช้วิธีเลือกเอา เขาไม่ได้ไปคิดให้คนปลูกฉีดยาฆ่าแมลง
วิธีนี้ เป็นวิธีของคนปลูกและเป็นกรรมของคนปลูกครับ
แต่จะทำอย่างไร เมื่อคนกินกับแมลงต้องเจอกัน อย่างนี้ก็แค่ล้างผักครับ
มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด เป็นกลางทางใครทางมันครับ

ส่วนเรื่องการเก็บผักก่อนหรือฉีดยาฆ่าแมลง มันเป็นกรรมใหม่
มีคนปลูกผักเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดครับ ที่เรากินยาหรือแมลงตายเพราะยา
มันเป็นผลที่เกิดจาก คนปลูกผักเป็นเหตุ เราไม่ได้เป็นผู้กระทำ จะแก้ต้องไปแก้ที่
ผู้ปลูก ถ้าถามว่าจะแก้อย่างไร ผู้ปลูกก็ต้องเลิกโลภมาก ปลูกไปตามวิธีที่ปลอดภัย
แก่คนกินและไม่เบียดเบียนแมลง และถ้าถามอีกว่าไม่เบียดเบียนอย่างไร
ก็ต้องไปดูวิธีการที่ผมบอกข้างบน

ส่วนประเด็นที่กลัวไม่ทันกิน นั้นมันไม่ใช่ปัญหาของผู้ปลูกครับ
ขออย่างเดียวผู้ปลูกต้องไม่โลภครับ
ชาติสยาม เขียน:
เอาล่ะ ต่อไปนี้ ชาวพุทธ
เลิกกินมันทั้งผักทั้งเนื้อ กันดีกว่า
คำถาม...
แล้วมันจะเหลืออะไรให้กิน
ถึงจะได้ไม่ต้องเบียดเบียนใคร

ท่านชาติฯ อย่าพึ่งตัดช่องน้อยแต่พอตัวซิครับ
ปัญหาที่ท่านว่า มันเกิดจากกิเลสของคนครับ ไม่ว่าจะกินผักกินเนื้อ
มันเลยยุ่งยากเกิดปัญหามากมาย
ถ้าจะไม่ให้เกิดปัญหา มันต้องกินแบบไม่มีกิเลส
กินต้องกินแบบพระ มีอะไรก็กินแบบนั้นไม่เลือกและปฏิเสธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


halem1982 เขียน:
ทำไมไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเป็นการสร้างกุศลครับ

อย่างนั้น การเกิดเป็น ช้าง ม้า วัว ควาย หรือสัตว์กินพืชอื่นๆ
ก็ต้องดีกว่าเกิดเป็นคนธรรดาแน่ๆ เลย :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 10:13
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมดาครับ เขียน:
halem1982 เขียน:
ทำไมไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเป็นการสร้างกุศลครับ

อย่างนั้น การเกิดเป็น ช้าง ม้า วัว ควาย หรือสัตว์กินพืชอื่นๆ
ก็ต้องดีกว่าเกิดเป็นคนธรรดาแน่ๆ เลย :b11:


ช่วยขยายความทีครับ อ่านแล้วยังไม่เข้าใจ :b23:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร