วัดโลห์สุธาวาสค่ะ วัดนี้เชื่อว่าสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้เมตตาหาตำแหน่งและ ฤกษ์ยามในการสร้างวัดนี้ขึ้น โดยวิธีการนั่ง จับยามสามตา


ภายหลังเมื่อดำเนินการสร้างวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เศรษฐีโล่ห์ จึงได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จฯ โต มาเทศนา และเททองหล่อรูปเหมือนของท่านในอิริยาบถนั่ง จับยามสามตา ในวันฉลองวิสุงคามสีมา นั่นเอง

ชาวอ่างทอง ต่างมีความเลื่อมใสศรัทธาในรูปหล่อของเจ้าประคุณสมเด็จฯ โต จับยามสามตา นี้มาก เพราะทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์และประสบการณ์ที่ได้รับ เมื่อได้กราบนมัสการปิดทอง ความศักดิ์สิทธิ์ในคำทำนายทายทักเสี่ยงเซียมซีนั้น แม่นยำจนเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวาง ทุกวันจึงมีศรัทธาสาธุชนไปกราบไหว้ขอพรกันเป็นประจำ

http://www.watlo.net/

หากแวะไปอ่างทอง ก็อย่าลืมไปนมัสการรูปหล่อสมเด็จโต วัดโล่ห์ นะคะ ที่นี่มีบ่อน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งน่าสนใจหลายประการ เช่นพระอุโบสถสองชั้น การถวายสังฆทานถังแก๊ส เสี่ยงทายตั้งเหรียญบนรอยพระพุทธบาท และมีรายการให้ทำบุญหลากหลายมากมายค่ะ

ชั้นล่างของพระอุโบสถค่ะ มีทำบุญถวายผ้าห่มองค์พระประจำวันเกิดด้วยนะคะ นั่นผู้พาชมเที่ยววัดกำลังกล่าวคำถวายและอธิษฐานจิตอยู่

วัดจันทรังษีอีกครั้งค่ะ คุณตักบาตรถามพระเอาภาพมาโชว์แค่บางมุม วันนี้เลยไปเก็บมุมอื่นๆมาเพิ่มค่ะ

ที่วัดจันทรังษี นอกจากมีรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ(แกะสลักจากไม้)

ฝั่งตรงข้ามของถนนยังมีวิหารหลวงพ่อโยก พระพุทธรูปเก่าแก่ของวัดอายุกว่า ๓๐๐ ปีด้วยค่ะ

อาทิตย์ที่แล้วไปทำบุญที่สุพรรณบุรี ตามรอยนิราศสุพรรณของสุนทรภู่ หลายวัดที่เดียว น่าเสียดายที่ วิหารและสิ่งน่าสนใจของวัดกำลังซ่อมแซมและปิดปรับปรุงเป็นส่วนใหญ่ เลยไม่ได้ภาพมากนัก ต้องกลับไปเก็บเพิ่มอีกค่ะ คงเป็นอาทิตย์ถัดๆไป

ว่าจะทำกระทู้ประมวลภาพวัดในสุพรรณบ้าง แบบถ่ายกันเองก็น่าจะดีแล้วมาช่วยกันโพสต์เหมือนกระทู้นี้ ก็สนุกและได้บรรยากาศดี กลัวแต่ว่าจะไม่มีคนช่วยไปเก็บภาพ เหมือนที่คุณตักบาตรถามพระมีคนช่วย เดี๋ยวจะเหงาและกร่อยเอา อย่าหวังเลยดีกว่า ถ่ายคนเดียวก็ได้ (น้อมทำกระทู้ของตัวเองแป๊กประจำแหละ)

อย่างไรก็ตามครั้งนี้วนเวียนไปไหว้พระทำบุญตามวัดเดิมๆในอ่างทองที่เคยไปมาแล้ว เช่นวัดขุนอิน วัดจันทรังษี ได้ภาพวัดใหม่ที่ยังไม่เคยไปอีก ๒ วัดเก็บภาพมาฝาก เก็บบุญมาฝากด้วยเช่นกัน ให้ได้บุญเท่าๆกันเลยนะคะ สาธุ

ป.ล. อ่างทองให้ไปกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยเบื่อเลยค่ะ จังหวัดอะไรก็ไม่รู้ สวยคลาสสิคเป็นธรรมชาติจังเลย ชอบมากค่ะ

เพื่อนถามน้อม

ไปทำไม อ่างทอง แทบทุกอาทิตย์? ..จริงๆก็ไม่ได้ตั้งเป้าไว้หรอกนะคะ ว่าจะไปทำบุญแค่ที่จังหวัดอ่างทอง (จังหวัดอื่นๆ จังหวัดไหนๆก็ชอบไปทำบุญค่ะ ^_^) แต่ช่วงนี้อ่างทองกำลังสวยงามน่าประทับใจจริงๆค่ะ ยิ่งเข้าไปสำรวจให้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็พบว่านอกจากอ่างทองจะงดงามเพราะภูมิทัศน์เช่นนาข้าวสวยๆแล้ว วัดในจังหวัดอ่างทอง ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ผ่านมาไม่กี่อาทิตย์ก็พบว่าตัวเองไปเป็นสิบๆวัดแล้ว

ในฐานะคนชอบเที่ยววัด ทำบุญ คนหนึ่ง ยืนยันค่ะว่า จังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดหนึ่งที่เหมาะแก่การไปทำบุญและพักผ่อนไปในคราวเดียวกันอย่างลงตัวทีเดียว

ทริปนี้ขับรถเส้นทาง สุพรรณ-อ่างทอง ได้ทำบุญทั้งที่จังหวัดสุพรรณและจังหวัดอ่างทองในทริปเดียวกัน มาอ่างทองคราวนี้ยังพบสิ่งที่น่าจะเรียกว่าเป็น UNSEEN เลยก็ได้ จะเป็นวัดอะไรบ้าง และน่าสนใจอย่างไร ขอนุญาตค่อยๆลงภาพ พาท่านไปชมทีละวัดนะคะ

วัดที่น่าจะจัดว่าเป็น UNSEEN อ่างทองได้คือวัดปลดสัตว์ค่ะ วัดนี้อยู่ที่ตำบลบ้านแห เล่ากันว่า ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงโดยสร้างเครื่องมือจัดสัตว์น้ำประเภท แห อวน ใช้เอง และนำแห อวน ตากไว้บริเวณบ้านเป็นประจำ ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาเรียกต่อ ๆ กันมาว่า บ้านแห วัดนี้จึงถูกตั้งขึ้นเพื่อช่วยปลดเปลื้องบาปให้กับชาวบ้านที่ต้องทำอาชีพประมง จับสัตว์อยู่เป็นประจำ หรือจะเป็นช่วยปลดปล่อยสัตว์ที่ถูกจับก็เป็นไปได้

สิ่งที่น่าสนใจและหาชมได้ยากคือ ถูปาคารเจดีย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นหอก่อด้วยอิฐ ยอดหอเป็นเจดีย์ทรงลังกาแปลกว่าที่อื่น

วัดนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอ่างทองโบราณอีกด้วย โดยเมื่อเดินทางมาทางเรือจะเห็นองค์ถูปาคารเจดีย์ก่อนซึ่งทำให้เข้าใจว่า ได้เข้าสู่เมืองอ่างทองโบราณแล้ว

ลักษณะรูปทรงของเจดีย์น่าจะมีคติเรืองสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น อยู่ด้วย เมื่อน้อมเข้าไปใกล้พระเจดีย์ก็มีความต้องการที่จะเดินไปชมทางด้านบน แต่หาทางขึ้นเท่าไรก็ไม่พบ เปิดประตูเข้าไปเจอแต่องค์พระ ทำการสักการะ แล้วจึงกลับ คาดว่าเนื่องจากพระเจดีย์เริ่มทรุดโทรม ทางขึ้นน่าจะถูกปิดไปแล้วเพื่อความปลอดภัย และการการรักษาองค์พระเจดีย์ค่ะ

ที่นี่น้อมคิดว่า เป็น UNSEEN ได้เลยค่ะ เพราะลักษณะของพระเจดีย์มีความแปลกตา เหมือนหอประภาคารที่อยู่ริมฝั่งทะเล ฉะนั้นความเชื่อที่ว่าการสัญจรทางน้ำสมัยโบราณ พระเจดีย์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์เข้าสู่จังหวัด อ่างทองน่าจะมีเค้าจริง

แต่คาดว่าทางจังหวัดและวัดเองอาจจะไม่ได้ประชาสัมพันธ์เรื่องการท่องเที่ยวไว้มาก แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่าเป็นวัดที่น่าจะเยี่ยมชมมากค่ะ พระเจดีย์ลักษณะนี้มีเห็นได้ไม่มาก

เปิดอ่านบางเว็บไซค์ทราบว่า เป็นปูชนียสถานของผู้ที่เกิดปีจอด้วยอีกแห่งนอกจากพระเกศแก้วจุฬามณี ซึ่งความเชื่อไม่ทราบว่าเท็จจริงประการใด เนื่องจากยังไม่มีเอกสารประวัติของวัดเผยแผ่อย่างแพร่หลายค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ แล้ววันนี้ไปวัดเดียวหรือคะ

ขอบคุณสำหรับนำภาพมาฝากนะคะ วัดนี้น่าไปเหมือนกัน คงต้องหาเวลาไปบ้าง ตอนนี้เป็นไข้หวัดอยู่
อีกอย่างเก็บของเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาค มีคนมารับถึงบ้านจะได้ไม่ต้องไปเองค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ และต้องขอโทษด้วยที่มาปาด

วัดจุฬามณี อ.โพธิ์ทอง วัดนี้เป็นโบราณสถานกรมศิลปากรค่ะ ที่นี่มีพระเจดีย์ซึ่งงดงามมาก

"สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระภิกษุรูปหนึ่งที่หนีภัยพม่ากลับมาได้ ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาปี พ.ศ. ๒๓๑๐ วิหารมีฐานโค้งสำเภาเจดีย์สูง ๓๘ เมตร ถือว่าเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอ่างทอง ศาลาการเปรียญจตุรมุขสร้างด้วยไม้ ฝีมือช่างท้องถิ่น มีขนาดใหญ่ ได้สัดส่วนงดงาม"

เจดีย์นี้มีความแปลก คือ ฐานมี 2 ชั้น ฐานชั้นบนมีบันไดทางขึ้น และมีใต้ถุนเดินได้ มีซุ้มประตูทางเข้าถึงเจดีย์

ที่วัดจุฬามณี ยังมีพระพุทธรูปทองคำได้มาจากลำพูน เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ใช้รักแดงพอกไว้ พอขูดรักแดงออก ก็พบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ ปัจจุบันพระพุทธรูปทองคำองค์นี้อยู่ที่กุฎิเจ้าอาวาส (ไม่ได้เข้าไปสำรวจเนื่องจากที่วัดตอนนี้มีงานค่ะฌาปนกิจค่ะ)

ทางเดินชั้นล่าง สวยงามแปลกตาดีค่ะ เดินไปจะไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้าบ้าง เนื่องจากลักษณะทางเดินเป็นแบบนี้ เหมือนทางเดินชึ้นสู่ปราสาทที่มีหอคอยในเทพนิยายเลยค่ะ (จากความทรงจำสมัยอ่านนิทานเจ้าหญิงตอนเด็กๆ)