วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 10:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 10:13
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
halem1982 เขียน:
ถ้าเปลี่ยนจากนิยายมาเป็นบทสรรเสริญ...ใครสักคน แบบว่าบทนี้แปลแล้วเหมือนสวดมนต์เลยอ่ะครับ เพียงแต่เปลี่ยนจากสรรเสริญพระรัตนตรัย ไปเป็นอย่างอื่น

เสร็จแล้วก็ทำเหมือนสวดมนต์ทุกประการ เช่น นั่งท่าเหมือนสวดมนต์ เตรียมตัวเตรียมใจ ใช้เวลาสวดนานเท่าสวดมนต์ แต่เปลี่ยนเป็นบทสรรเสริญดังกล่าว ถามว่า ได้บุญเืท่าสวดมนต์ไหมครับ


ได้ครับ...ศาสนาใดหรือลัทธิใด..ฯลฯ.. ก็ได้บุญเหมือนกัน ถ้าสวดหรือ ท่อง....บทใด ด้วยความตั้งใจมั่น มีสมาธิด้วยแล้ว จะทำให้จิตใจสงบ...สวดหรือกล่าว สรรเสริญ ต่อบุคคลใด ที่ มีพระคุณต่อเรา หรือกระทำความดี ต่อส่วนรวมต่อสังคมโลก ก็ยิ่งได้บุญมาก..ยิ่งบุคคลนั้นเป็นพระอรหันต์ ก็จะได้บุญสูงขึ้นไป..
เจริญในธรรม :b8:


มีของคุณศรีสมบัตินี่ละครับ ตรงคำถามเป๊ะเลย ฟันฉับๆ ขอบคุณครับ :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ.. :b8:

น่าจะเข้าใจตั้งนานแล้ว..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 10:13
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ๋ ขอโทษครับ ขออีกนิดนึง

ทำไมสรรเสริญพระอรหันต์ถึงได้บุญมากกว่าสรรเสริญคนอื่นครับ :b14:

ใช่เพราะว่ายิ่งสรรเสริญคนมีบุญญาธิการสูงมาก ยิ่งได้บุญมากหรือเปล่าครับ :b14:

สรรเสริญพ่อแม่ตัวเอง กับ สรรเสริญพระพุทธเจ้า อันไหนบุญมากกว่ากัน :b20:

สรรเสริญคนบาปหนา ได้บุญไหม

สรรเสริญคนบุญก็มาก แต่บาปก็หนา ได้บุญไหม

สรรเสริญคนที่ไม่มีตัวตนจริงๆ จะได้บุญไหมครับ เช่น สรรเสริญเชอร์ล็อคโฮล์ม เป็นต้น :b14:

ว่าไปก็ไม่นิดนะเนี่ย :b21:

ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


halem1982 เขียน:
แปลว่าถ้าผมอ่านนิยายแล้วมีความสุข ไม่ก่อให้เกิดกิเลสอย่างอื่นเพิ่ม จะได้บุญ

ในขณะเดียวกัน

ถ้าผมสวดมนต์แล้วเกิดความสงสัย เอ๊ะ เราสวดไปทำไม? ที่เราสวดแปลว่าอะไร? เกิดกิเลสขึ้น แบบนี้ไม่ได้บุญ

ใช่หรือป่าวครับ



ความสุข มันก้มีระดับของมันนะ
ไม่ไช้ว่า ได้ยินคำว่า"สุข" แล้วมันจะเหมือนกันหมด


สุขหยาบๆ ก็มักจะเป้นความสุขที่ต้องอิงอาศัยสิ่งอื่นให้มีขึ้น
เช่นความสุขจากการได้ยิน ได้ฟัง ได้ชิม ได้สัมผัส
กินของอร่อย ฟังเพลงเพราะ ดูหนังที่มีควาสุข
อย่างนี้เป้นความสุข แต่มันสุขที่ไม่ค่อยละเอียด เป้นสุขระดับต้นๆ หยาบๆ
หมาแมวมันก้มีความสุขแบบนี้ได้ เราเป็นคนมันต้องมีอะไรมากกว่านี้
ถ้าความสุขของคนเรานั้น มีเท่าหมาแมว คงไม่ต้องมีพระพุทธเจ้า

สุขหยาบๆนั้น เมื่อเทียบกับ การเครียด การโมโห การพยายาท ก็ยังนับว่าดีกว่ากันเยอะ

อย่างดูหนังสองเรื่อง เรื่องแรกเป้นความรักความอาทร ดูแล้วใจเบา ใจสบาย ละมุนละไม หย่อนคลาย
อย่างนี้ดี

แต่ถ้าดูหนังผี หนังสยอง หนังโรคจิต ดูแล้วมันเครียด มันตึง มันว้าวุ่น ดูแล้วสั่นประสาท
แต่ปรากฏว่าคนชอบมันก้มีนะ หนังแบบนี้
เป้นเครื่องแสดงว่าสมรรถนะในการรับรู้ความสุขของเขามันอยู่ที่อารมณ์ที่หยาบขนาดนั้น
คือต้องตึงตัง ตื่นเต้น เร้าอารมณ์ ถึงจะชอบดู
ที่จริงอารมณ์แบบนี้ พระท่านไม่เรียกว่าความสุขหรอก
มีแต่โทสะ พยาบาท ความเครียดความแค้นทั้งนั้น แต่เพราะความแลาดทางอารมณืยังน้อย
จึงสำคัญผิดว่าเป็นของดีของวิเศษณ์ เข้าใจว่าความหยาบของแข้งเป้นความสุข

ทีนี้ความสุขจากการสวดมนตืนี้
เวลาเราสวดๆไปตามเนื้อคำ ต่อให้เราไม่เข้าใจ แต่คำเหล่านั้นมันก็ไม่ทำให้เราขุ่นเคืองคับแค้น
มันเป้นคำกลาง ใจเราก้เลยไม่มีอะไรเป้นเชื้อให้ปรุงแต่งอารมณืมากนัก ทำให้อารมณ์ค่อนข้างสงบ มั่นคงพอใจ อย่างนี้เรียกว่าเป็นความสุขเหมือนกัน ถึงไม่ได้มากอะไร แต่ถ้าเทียบกับดูหนังผีแล้ว ผิดกันลิืบลับ

แล้วถ้าสวดรู้เรื่องนะ รู้ว่าอะไรเป้นอะไร สวดไปสวดไป มันมีความสุขที่มากกว่าเดิมผุดขึ้นมาเรื่อยๆ

ความสุขเป้นองค์ประกอบของสมาธิ

ยิ่งทำให้มันปราณีตขึ้นไป ก้จะได้ลิ้มรสกับสุขที่มีระดับของมันขึ้นๆไป

สุขหยาบๆมาจากการอิงอาศัยสิ่งภายนอก จึงเกิดความสุข
สุขอีกประเภท มันเป็นสุขลดการพึ่งพา หันมาพึ่งตน หรืออาจจะถึงขั้นไม่ต้องพึ่งใคร ก็เป็นสุขได้ด้วยตนของตน ดังพุทธพจนืที่ว่า "อัตตาหิ อัตโนนาโถ"

นักปฏิบัติที่ปฏิบัติกันไปถึงระดับหนึ่ง ก็พากันพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า
ได้พบความสุขอีกประเภทีท่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สุขยิ่งกว่าที่เคยรู้สึกมาในชีวิต
ทำให้ะลเลิกวิธีหาความสุขแบบเดิมๆไปได้เลย อะไรทำนองนี้ ก้จะมีให้ได้ยินบ่อยๆ
นี่แสดงว่า สุขมันมีระดับของมัน
ดังพุทธพจน์ท่านว่า นิพานัง ปรมัง สุขัง - นิพพาน เป็นสุขยิ่ง (เป้นบรมสุข)
นี่ก้แสดงให้เห็นว่า สุขมันมีระดับของมัน มีขั้น "บรมสุข" ก้ย่อมต้องมีขั้นอื่นๆลดหลั่นลงไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร