วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 04:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จิต รู้จิต+เจตสิก แต่ยังแยกจิตกับเจตสิก บ่ได้ค่ะ


เมื่อคุณศรีสมร ต้องการแยกจิต+เจตสิกออกจากกันอย่างนั้น กรัชกายจึงบอกให้คุณแยกหาเครื่องแกงมี

พริกเป็นต้นในน้ำแกงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 11:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 16:04
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแนะว่า การฝึกกรรมฐานเราควรเริ่มที่ตัวเราโดยการสังเกตุอาการต่างๆของเราหลังจากนั้นทำศิลให้ปรกติ แล้วหาแนวทางของตนที่ตรงกับ ครูอาจารย์ที่ตรงกับเรา หยาติดกับสำนักให้มากนัก เราต้องผึงตนเองให้มาก ผลจะเป็นย่างไร ต้องไม่ผิดกับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ขออนุโมทนา ในการสนใจที่จะฝึกฝน


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีอะไรหรอกครับคุณศรีสมร กรัชกายต้องการให้คุณเห็นตัวอย่างชัดๆ เพื่อว่าเราจะสนทนากันง่ายขึ้น เพราะความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเราสองคนไม่ตรงกัน แหล่งที่มาคนละแห่งละที่

เราแยกไม่ออกแล้วใช่ไหมครับ ไม่เหมือนตอนที่เรานั่งหั่นข่า ตะไคร้ ฯลฯ อยู่บนเขียงใช่ไหมครับ ตอนนี้เราแยกได้เลยว่าอะไรยังไง แต่ขั้นสำเร็จรูปแล้วใช้ดื่มกินได้ จะแยกพริก แยกข่า เป็นต้นไม่ได้แล้ว แยกไม่ออกแล้ว

ชีวิตเมื่อจำแนกตามแนวอภิธรรม ได้แก่ จิต เจตสิก รูป
รูป เป็นรูปธรรม
จิต เจตสิก เป็นนามธรรม ตอนนี้เหมือนนั่งหั่นเครื่องแกงมีข่า เป็นต้น

ชีวิตเมื่อจำแนกตามแนวพระสูตร ท่านจำแนกออกเป็นขันธ์ได้ 5 ขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
รูป เป็นรูปธรม
ที่เหลืออีก 4 เป็นนามธรรม ตอนนี้เหมือนนั่งหั่นเครื่องแกงเช่นกัน

แต่ภาคปฏิบัติ ไม่ใช่นั่งแยกอย่างนั้นครับ แยกไม่ออกเหมือนเครื่องแกงที่ผสมกันอยู่ในหม้อแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมร เขียน:
ดิฉันสนใจศึกษา วิธีการพิจารณาจิตของกรรมฐานแนววัดป่าค่ะ
ค้นใน google อยู่ 2-3 วัน ไม่ค่อยเจอค่ะ ส่วนใหญ่จะมีวิธีพิจารณากายค่ะ
อยากทราบ วิธีการพิจารณาจิตจากท่านผู้รู้ค่ะ ขอบคุณค่ะ


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์

[๔๖๐] สติปัฏฐาน ๔ คือ
๑. ภิกษุในศาสนานี้ พิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่
๒. พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่
๓. พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่
๔. พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่

ก็ภิกษุ พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร

ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก
ให้เข้าสู่นิพพาน เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจาก
อกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุข
อันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ
อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า กุศล


ภิกษุ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน
อันเป็นวิบาก เพราะโลกุตตรกุศลฌาน อันได้ทำไว้แล้ว ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล
ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธา-
*ภิญญา ชนิดสุญญตะ พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ ในสมัยใด

สติ ความตามระลึก ฯลฯ สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่อง
ในมรรค ในสมัยนั้น อันใด นี้เรียกว่า สติปัฏฐาน

ธรรมทั้งหลายที่เหลือ เรียก
ว่า ธรรมที่สัมปยุตด้วยสติปัฏฐาน


ถ้าไม่ทำเหตุ คือเจริญฌานอันเป็นโลกุตตระ
สติปัฏฐาน 4 ย่อมไม่อาจเป็นไปได้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 16 ส.ค. 2010, 14:50, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


เช่นนั้น เขียน:
ถ้าไม่ทำเหตุ คือเจริญฌานอันเป็นโลกุตตระ
สติปัฏฐาน 4 ย่อมไม่อาจเป็นไปได้


แสดงว่า โลกุตรฌานเกิดก่อนสติปัฏฐานใช่ไหมท่าน เช่นนั้น

ครั้นโลกุตรฌานซึ่งเป็นเหตุเกิดแล้ว กายานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นต้น ย่อมเกิดขึ้น คือ เป็นไปได้ว่างั้น

เถอะ :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้า ไม่มีคุณธรรมต่างๆ อันควรแก่มรรคภาวนา สติปัฏฐาน 4 อันเป็นที่ตั้งแห่งมรรคจิต ผลจิตก็ไม่อาจเป็นไปได้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




DSC01694.jpg
DSC01694.jpg [ 44.92 KiB | เปิดดู 3298 ครั้ง ]
คุณศรีสมรกลับมาสนทนากันต่อครับ ตกลงคุณจะลงมือปฏิบัติ หรือ คิดๆแยกจิต ทำใจเหมือนวัดป่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ถ้า ไม่มีคุณธรรมต่างๆ อันควรแก่มรรคภาวนา สติปัฏฐาน 4 อันเป็นที่ตั้งแห่งมรรคจิต ผลจิตก็ไม่อาจเป็นไปได้


คุณมีกายไหมตอนนี้ คุณเคยรู้สึกเจ็บตรงนั้นปวดตรงนี้ เคยรู้สึกสุขสบายบ้างไหม เคยคิดนั่นคิดนี่เป็นต้นบ้างไหม ตั้งแต่คุณเกิดมาจนป่านเนี่ยะ :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 16 ส.ค. 2010, 15:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 11:35
โพสต์: 48

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณศรีสมรกลับมาสนทนากันต่อครับ ตกลงคุณจะลงมือปฏิบัติ หรือ คิดๆแยกจิต ทำใจเหมือนวัดป่า




เพิ่งเริ่มฝึกบริกรรมพุทโธ ให้จิตสงบ สลับกับ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิให้จิตสงบบ้างค่ะ

เพราะสมาธิยังไม่ถึงขั้นอุปจาระสมาธิ จึง คิดว่า การพิจารณาจิต คงเป็นลักษณะของปัญญาอบรมสมาธิ
ไปก่อน เท่าที่พยายามตามอ่านในเวบต่างๆค่ะ ถ้าเป็นเช่นนี้

ก็ได้คำตอบแล้ว ว่า เริ่มพิจารณาจิตแบบปัญญาอบรมสมาธิค่ะ


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณศรีสมรพิจารณาตามการสนทนาระหว่างกรัชกายกับท่านเช่นนั้น

อ้อคุณคิดแยก

คุ้นๆคำพูด ปัญญาอบรมสมาธิ คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมร เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณศรีสมรกลับมาสนทนากันต่อครับ ตกลงคุณจะลงมือปฏิบัติ หรือ คิดๆแยกจิต ทำใจเหมือนวัดป่า




เพิ่งเริ่มฝึกบริกรรมพุทโธ ให้จิตสงบ สลับกับ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิให้จิตสงบบ้างค่ะ

เพราะสมาธิยังไม่ถึงขั้นอุปจาระสมาธิ จึง คิดว่า การพิจารณาจิต คงเป็นลักษณะของปัญญาอบรมสมาธิ
ไปก่อน เท่าที่พยายามตามอ่านในเวบต่างๆค่ะ ถ้าเป็นเช่นนี้

ก็ได้คำตอบแล้ว ว่า เริ่มพิจารณาจิตแบบปัญญาอบรมสมาธิค่ะ


คุณใช้ปัญญาอบรมสมาธิยังไงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 11:35
โพสต์: 48

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ศรีสมร เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณศรีสมรกลับมาสนทนากันต่อครับ ตกลงคุณจะลงมือปฏิบัติ หรือ คิดๆแยกจิต ทำใจเหมือนวัดป่า




เพิ่งเริ่มฝึกบริกรรมพุทโธ ให้จิตสงบ สลับกับ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิให้จิตสงบบ้างค่ะ

เพราะสมาธิยังไม่ถึงขั้นอุปจาระสมาธิ จึง คิดว่า การพิจารณาจิต คงเป็นลักษณะของปัญญาอบรมสมาธิ
ไปก่อน เท่าที่พยายามตามอ่านในเวบต่างๆค่ะ ถ้าเป็นเช่นนี้

ก็ได้คำตอบแล้ว ว่า เริ่มพิจารณาจิตแบบปัญญาอบรมสมาธิค่ะ


คุณใช้ปัญญาอบรมสมาธิยังไงครับ


ใช้ความคิดแบบโลกียให้จิตสงบ ค่ะ คิดว่า ตัวเองได้คำตอบแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณกรัชกาย


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมร เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ศรีสมร เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณศรีสมรกลับมาสนทนากันต่อครับ ตกลงคุณจะลงมือปฏิบัติ หรือ คิดๆแยกจิต ทำใจเหมือนวัดป่า




เพิ่งเริ่มฝึกบริกรรมพุทโธ ให้จิตสงบ สลับกับ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิให้จิตสงบบ้างค่ะ

เพราะสมาธิยังไม่ถึงขั้นอุปจาระสมาธิ จึง คิดว่า การพิจารณาจิต คงเป็นลักษณะของปัญญาอบรมสมาธิ
ไปก่อน เท่าที่พยายามตามอ่านในเวบต่างๆค่ะ ถ้าเป็นเช่นนี้

ก็ได้คำตอบแล้ว ว่า เริ่มพิจารณาจิตแบบปัญญาอบรมสมาธิค่ะ


คุณใช้ปัญญาอบรมสมาธิยังไงครับ


ใช้ความคิดแบบโลกียให้จิตสงบ ค่ะ คิดว่า ตัวเองได้คำตอบแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณกรัชกาย


อ้าว ได้คำตอบแล้วหรือครับ แต่กรัชกายยังไม่ได้คำตอบจากท่านเช่นนั้น รอคำตอบก่อนว่า ท่านเช่นนั้น มีร่างกายไหม ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ถ้า ไม่มีคุณธรรมต่างๆ อันควรแก่มรรคภาวนา สติปัฏฐาน 4 อันเป็นที่ตั้งแห่งมรรคจิต ผลจิตก็ไม่อาจเป็นไปได้


คุณมีกายไหมตอนนี้ คุณเคยรู้สึกเจ็บตรงนั้นปวดตรงนี้ เคยรู้สึกสุขสบายบ้างไหม เคยคิดนั่นคิดนี่เป็นต้นบ้างไหม ตั้งแต่คุณเกิดมาจนป่านเนี่ยะ :b10: :b14:


^ ^
:b32:

เช่นนั้น มีร่างกาย
เช่นนั้น มีเวทนา
เช่นนั้นมีสัญญา
เช่นนั้นมี สังขาร
เช่นนั้น มีวิญญาณ

กรัชกาย ก็มีเหมือนกัน ใช่ไม๊

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ถ้า ไม่มีคุณธรรมต่างๆ อันควรแก่มรรคภาวนา สติปัฏฐาน 4 อันเป็นที่ตั้งแห่งมรรคจิต ผลจิตก็ไม่อาจเป็นไปได้


คุณมีกายไหมตอนนี้ คุณเคยรู้สึกเจ็บตรงนั้นปวดตรงนี้ เคยรู้สึกสุขสบายบ้างไหม เคยคิดนั่นคิดนี่เป็นต้นบ้างไหม ตั้งแต่คุณเกิดมาจนป่านเนี่ยะ :b10: :b14:


^ ^
:b32:

เช่นนั้น มีร่างกาย
เช่นนั้น มีเวทนา
เช่นนั้นมีสัญญา
เช่นนั้นมี สังขาร
เช่นนั้น มีวิญญาณ

กรัชกาย ก็มีเหมือนกัน ใช่ไม๊


เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมจึงทำสติปัฏฐานไม่ได้ ร่างกายก็มี เวทนาเคยเกิด ฯลฯ แล้วทำไม่เจริญสติปัฏฐานไม่ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร