วันเวลาปัจจุบัน 19 พ.ค. 2025, 05:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 02:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1p.jpg
1p.jpg [ 22.95 KiB | เปิดดู 6286 ครั้ง ]
img_1280378052__thumb.jpg
img_1280378052__thumb.jpg [ 2.49 KiB | เปิดดู 6285 ครั้ง ]
imgr_1280378124__thumb.jpg
imgr_1280378124__thumb.jpg [ 2.43 KiB | เปิดดู 6284 ครั้ง ]
imgr_1280378129__thumb.jpg
imgr_1280378129__thumb.jpg [ 2.2 KiB | เปิดดู 6287 ครั้ง ]
อยากทราบว่า เหตุการณ์ตามข่าวนี้ มีมูลความจริงหรือไม่ ... ?

มีรายงานข่าวว่า รูปหล่อเหมือน สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังษี วัดระฆังโฆสิตาราม

ที่วัดเจดีย์ยอดทอง ถนนพญาเสือ ตำบลอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

พระธาตุอ่อนที่มีลักษณ์คล้ายใยสีขาว
ได้ห่อหุ้มตามจีวรเต็ม ไปหมดและเริ่มจะขึ้นที่บริเวณศรีษะของรูปหล่อ
สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับพุทธศาสนิกชน
ที่มานมัสการเจ้าอาวาสอย่างมาก

โดยรูปหล่อเหมือน สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังษีองค์นี้
นายสหราช ทวีพงษ์ อายุ 36 ปี อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

ได้ นำมาบมอบถวายให้พระครูวินัยธรสน กนตสีโล
เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ยอดทอง เจ้าคณะตำบลในเมือง(ฝ่ายธรรมยุทธ)

เมื่อเดือนก่อน โดยเป็นรูปหล่อเหมือน สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังษี วัดระฆังโฆสิตาราม
ที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ได้สร้างขึ้นจากผงอิทธิเจหรือผงจักรพรรดิ (เศษผงชอล์คจากกระดานชนวนในอดีต)
เมื่อปีพ.ศ.2532

นายสหราช บอกว่า ได้บูชาต่อรูปหล่อเหมือนนี้มาจากเพื่อน
และเมื่อนำมากราบไหว้บูชาได้ระยะหนึ่ง
ก็พบว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจึงได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจนพบว่า
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นลักษณะหนึ่งของพระธาตุเสด็จตามความเชื่อ
แต่สิ่งที่ เกิดขึ้นนี้เป็นลักษณะของพระธาตุอ่อนที่พบได้ตามเครื่องรางของคลัง
ที่พระเกจิรุ่นเก่าๆได้สร้างเอาไว้ และเป็นสิ่งของหายาก
เนื่องจากผู้ที่มีความเชื่อต้องการนำไปกราบไหว้บูชา
เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ตนเองมีความเลื่อมใสศรัทธรา
ต่อเจ้าอาวาสวัดสระสี่เหลี่ยมจึงได้นำมาถวาย ให้ดังกล่าว

http://news.sanook.com/955189-%E0%B8%9E ... B9%8C.html
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 03:10
โพสต์: 34

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




00204878.jpg
00204878.jpg [ 143.44 KiB | เปิดดู 5855 ครั้ง ]
ถ้าเป็นที่สร้างจากผงของ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก มักจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นเป็นปกติครับ..สายตรงเขาเรียกว่าธรรมธาตุ(พระธาตุที่เกิดจากธรรมชั้นสูงและยังดำรงค์ขันธ์อยู่ ไม่ใช่พระธาตุที่เกิดจากคนตายอ่ะครับ) เพราะท่านสร้างผสมสูตรเฉพาะโดยทั่วไปจะแก่เนื้อปูนมากเป็นพิเศษ คนที่ศรัทธาก็จะเชื่อว่าเป็นอภินิหาริย์พระธาตุเสด็จ แต่หลายคนก็เชื่อว่าเป็นปฎิกิริยาจากเคมีครับ เพราะเคยมีคนสงสัยแล้วใช้สูตรผงท่านสร้างพระมาแล้ว พอทิ้งไว้ระยะนึงก็จะเกิดธรรมธาตุอ่ะครับ แต่เท่าที่ผมสัมผัสมันจะแข็งๆนะครับ เหมือนฟองเต้าหู้เล็กๆแข็งๆตามผิวพระ ไม่ฟูฟ่องอ่อนนุ่มยังกะสำลีแบบนี้ ผมว่าอันนี้ผมเห็นบ่อยครับตามสนามพระแถวท่าพระจันทร์ น่าจะเกิดจากความอับชื้นที่เหมาะสม หรือไม่ก็ใช้เชื้อราบางชนิดทำเอาอ่ะครับ เคยเห็นจากการเพาะเชื้อเห็ด อันนี้เป็นแค่ข้อสันนิฐานนะครับ

ผมขอยกตัวอย่างพระที่เกิดจากธรรมธาตุของหลวงปู่ดู่และหลวงตาม้านะครับ แต่ที่แปลกผมเคยเห็นพระบางองค์ของท่านมีพระธาตุเสด็จมาจริงๆก็มี เป็นเม็ดกลมๆใสๆแข็งๆตามผิวพระครับ เจ้าของห่วงมากเสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 04:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 03:10
โพสต์: 34

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_6576.jpg
IMG_6576.jpg [ 64.86 KiB | เปิดดู 5855 ครั้ง ]
ด้านบน คือ พระพรหม หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
องค์พระพรหมที่มีธรรมธาตุเสด็จขึ้น หลายสงสัยว่าไหงท่านสร้างพระพรหมล่ะแทนที่จะเป็นพระพุทธ ถ้าสังเกตุดีๆบนมวยผมจะมีรูปพระพุทธเจ้าประทับซ่อนอยู่บนนั้น ปางพระพุทธเจ้าทรงปราบท้าวผกาพรหม โดยการเล่นซ่อนหาครับ ทรงเสด็จขึ้นไปประทับซ่อนอยู่ในมุ่นมวยผมบนเศียรของท้าวผกาพรหมทำให้หายังไงก็ไม่เจอ แสดงถึงว่าพระพุทธองค์ทรงเหนือกว่าเทพและมนุษย์ทั้งปวง...สาธุ

องค์นี้เป็นของหลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ มีธรรมธาตุขึ้นเหมือนกันครับ

ขอบคุณเจ้าของภาพพระทั้งสององค์นี้นะครับ... smiley
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะงมงาย กันไปถึงไหน

ข้อเท็จจริง ....

พิสุจน์ หรือยัง ว่าประกอบด้วยธาตุ อะไร หรือเป็นเชื้อรา ล่ะ.....

เมื่อวิญญาณเข้าถึงบุญ ก็ปรุงแต่งบุญ
เมื่อวิญญาณเข้าถึงบาป ก็ปรุงแต่งบาป

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ............... ความทุกข์ทั้งมวลก็เกิดขึ้นด้วยประการ ฉะนี้แล

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อวันที่ 22 ก.ค.พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.)
เปิดเผยว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชฑูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ได้แจ้งให้ทราบว่า
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้เสนอ Perpetual chair
หรือที่นั่งถาวรด้านวิชาการพระพุทธศาสนาให้ประเทศไทยดำเนินการ
เนื่องจากไทยมีวัดที่มากที่สุดในโลกและมีความสามารถด้านพระพุทธศาสนา
โดยเฉพาะการศึกษาที่ให้แก่เยาวชนรวมทั้งบทบาทในการเยียวยาความรู้สึกของ ประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนต่างชาติ ก็ให้ความสนใจปรัชญาศาสนาพุทธมากขึ้น


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=33528

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะเอาความรู้เรื่องมวลสาร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อ พุทธพาณิชย์
ก็ไปไกลๆ เลย !

คนขายพระรวย
คนเอามาแขวน โง่!

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่ดู่เอง ท่านสอนว่า
"ติดวัตถุมงคล ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"
ผมว่าก็จริงของท่านนะครับ

อัธยาศัย วาสนา บารมี ของผู้คนแตกต่างกัน
ถ้าเขาไม่อยากเข้าโบสถ์ แต่ชอบแค่ดมๆดอมๆอยู่ข้างรั้ว ผมว่าก้ยังดีนะครับ
ไม่ช้าไม่นานคงได้เข้ามาคุยกันในโบสถ์

ผมเห็นบางคน
ชอบของขลังมาก กลัวพระจะไม่ขลัง กลัวคนจะยิงเข้า ฟันทะลุ
พระท่านสอนว่า ถ้าไม่ถือศีล ของจะเสื่อม
ก็เลยยอมถือศีล วันพระก็ถืออุโบสถศีลกันเลยทีเดียว
เออ อย่างนี้ผมว่า ก็ดีนะครับ
ตรงๆไม่ได้ อ้อมๆ ก็ยังดี

แต่ถ้าเป็นของขลังที่ไม่อยู่ในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
อันนี้ขอออกแรงต้านด้วยคนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 19:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
[๖] เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้พากัน
คิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสอุดมมงคล
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควร
บูชา ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑
ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้
ชอบ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล พาหุสัจจะ ๑ ศิลป ๑ วินัยที่
ศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาสุภาสิต ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การบำรุง
มารดาบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑ การงานอันไม่
อากูล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล ทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑
การสงเคราะห์ญาติ ๑ กรรมอันไม่มีโทษ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การงดการเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑
ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความเคารพ ๑ ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑
ความกตัญญู ๑ การฟังธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะ
ทั้งหลาย ๑ การสนทนาธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความเพียร ๑ พรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การ
กระทำนิพพานให้แจ้ง ๑ นี้เป็นอุดมมงคล จิตของผู้ใดอัน
โลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ๑ ไม่เศร้า-
โศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑ นี้เป็นอุดมมงคล เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย ทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยใน
ข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็น
อุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น ฯ


ไม่ได้ไม่เห็นด้วยต่อ การบูชาสิ่งที่เป็นตัวแทนของ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์

แต่ชาวพุทธอย่าหลง อย่าตกเป็นเหยื่อ ของผู้ที่ปั่นมวลสาร อัพราคา เพื่อสนองตัณหาของผู้ปั่น ผู้ทำ และผู้แสวงหา นั่นไม่ใช่อุดมงคลเลย ....

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ครับท่าน... "ติดวัตถุมงคล ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"

เมื่อเช้าเพิ่งไปดูคลิปอัปมงคลมา ดูแล้วไม่ปลงแน่นอน... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2010, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 03:10
โพสต์: 34

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: คนตอบก็ขยันปรุงแต่งตอบเน้อ..อิอิ :b28:


แก้ไขล่าสุดโดย anisa2521 เมื่อ 31 ก.ค. 2010, 20:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2010, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
จะงมงาย กันไปถึงไหน
ข้อเท็จจริง ....
พิสุจน์ หรือยัง ว่าประกอบด้วยธาตุ อะไร หรือเป็นเชื้อรา ล่ะ.....

ท่าน...ตถตา ด่วนสรุปเร็วไปหรือเปล่า

เนื้อหาไม่กี่ประโยค แถมจั่วหัวเชิง...ปุจฉา
ต่อด้วยประโยคอ้างอิงถึง

ถึงกับโปรยต้นกระทู้ ด้วยคำ "ผรุสวาท" (นิดๆ)
แถมเหน็บด้วยการนำ ลิงค์เชิงวิชาการของข้าพเจ้า มาต่อท้าย

จะไม่ใจร้ายไปหน่อย ฤ ขอรับ

....ม่ายอาว...อย่าปายว่าเขาน่า...

เช่นนั้น เขียน:
เมื่อวิญญาณเข้าถึงบุญ ก็ปรุงแต่งบุญ
เมื่อวิญญาณเข้าถึงบาป ก็ปรุงแต่งบาป

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ...... ความทุกข์ทั้งมวลก็เกิดขึ้นด้วยประการ ฉะนี้แล


แต่ก็ขอบคุณที่ ปิดท้ายด้วย.....ปฏิจสมุปบาท

ปฏิจสมุปบาท (สันสกฤต:ปรตีตยสมุปปาทะ) เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา
อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน,การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น

การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา มีองค์หรือหัวข้อ 12 ดังนี้ คือ
อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ

* เพราะ...อวิชชา...เป็นปัจจัย...........สังขารจึงมี
* เพราะ...สังขาร...เป็นปัจจัย...........วิญญาณจึงมี
* เพราะ...วิญญาณ...เป็นปัจจัย.........นามรูปจึงมี
* เพราะ...นามรูป...เป็นปัจจัย...........สฬายตนะจึงมี
* เพราะ...สฬายตนะ...เป็นปัจจัย........ผัสสะจึงมี
* เพราะ...ผัสสะ...เป็นปัจจัย.............เวทนาจึงมี
* เพราะ...เวทนา...เป็นปัจจัย............ตัณหาจึงมี
* เพราะ...ตัณหา...เป็นปัจจัย...........อุปทานจึงมี
* เพราะ...อุปทาน...เป็นปัจจัย..........ภพจึงมี
* เพราะ...ภพ...เป็นปัจจัย...............ชาติจึงมี
* เพราะ...ชาติ...เป็นปัจจัย..............ชรา มรณะ จึงมี
* ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม
...ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี


แต่รู้มั๊ยครับว่า
"ตถตา"...ก็คือ บทสรุปของ....ปฏิจสมุปบาท นั่นเอง


ขออนุโมทนาครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร