วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 03:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 18:25
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือดิฉันปฎิบัติแบบ พุธ โธ โดยการดูลมหายใจในขณะทำงานแต่ว่าเวลาเดินอาการเดินเกิดชัดมากบางที่ก็จะรู้พร้อมกันทั้งสองอย่าง ทั้งลมหายใจ และการเดิน ควนจะทำอย่างไรค่ะ ต้องตามรู้ทั้งสองอย่างหรือหรือต้องตามรู้อยู่อย่างเดียว ขอท่านผู้รู้โปรดอธิบายด้วย ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นุสรา เขียน:
คือดิฉันปฎิบัติแบบ พุธ โธ โดยการดูลมหายใจในขณะทำงานแต่ว่าเวลาเดินอาการเดินเกิดชัดมากบางที่ก็จะรู้พร้อมกันทั้งสองอย่าง ทั้งลมหายใจ และการเดิน ควนจะทำอย่างไรค่ะ ต้องตามรู้ทั้งสองอย่างหรือหรือต้องตามรู้อยู่อย่างเดียว ขอท่านผู้รู้โปรดอธิบายด้วย ขอบคุณค่ะ


สิ่งที่ต้องการ คือ ความสงัดจากกาม จากอกุศลธรรมทั้งหลาย
ไม่ใช่เพื่อรู้ชัด เท้า รู้ชัดเดิน

อานาปานสติในชั้นแรก เป็นเพียงการผูกจิตไว้กับลมหายใจ เพื่อไม่ให้จิตแล่นไปกับกามสัญญา และอกุศลธรรม อีกทั้งยังทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน

ดังนั้นหากยังฟุ้งซ่าน กับมือกับเท้าอยู่ ก็หยุดเดิน เลิกเดิน ไม่มีประโยชน์ ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร
ปฏิบัติอานาปานสติ ภาวนา อย่างเดียวก็เพียงพอ
หากเมื่อยขบ ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถ เป็นเดิน แล้วประคองจิตที่อบรมนั้นไว้ก็เพียงพอ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะแนะนำตามจริตของเขา (ผู้ถาม) หรือแนะนำตามจริตคุณเองหรอท่านเช่นนั้น :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 12:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


^ ^ เดินฟุ้งตัวจริงมาแระ .... ตามสบายนะท่าน กรัชGod

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นุสรา เขียน:
คือดิฉันปฎิบัติแบบ พุธ โธ โดยการดูลมหายใจในขณะทำงานแต่ว่าเวลาเดินอาการเดินเกิดชัดมากบางที่ก็จะรู้พร้อมกันทั้งสองอย่าง ทั้งลมหายใจ และการเดิน ควนจะทำอย่างไรค่ะ ต้องตามรู้ทั้งสองอย่างหรือหรือต้องตามรู้อยู่อย่างเดียว ขอท่านผู้รู้โปรดอธิบายด้วย ขอบคุณค่ะ

ที่ปฏิบัติมา..เป็นการเจริญสติในชีวิตประจำวัน...แม้ทำงานหรือเดินเหินไปไหน...ขอให้มีสติระลึกรู้ตัวอยู่ทั่วพร้อม...ทุกอิริยาบถใหญ่ (ยืน นั่ง เดิน นอน)หรืออิริยาบถย่อย...โดยไม่ส่งจิตออกไปไหน...คงตามดูตามรู้...แม้จิตนึกคิดอะไร...ก็รู้อยู่..คือเป็นทั้งผู้ทำและผู้ดู
.....กระผมก็ฝึกอยู่แบบนี้เหมือนกันครับ...ตามดูตามรู้อยู่ในอาการปัจจุบัน...เห็นตามความเป็นจริง..
(เป็นความเห็นส่วนตัวครับ...ฟังท่านพี่ๆเพื่อนๆ ท่านอื่นให้ความเห็นอีกทีครับ)
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นุสรา เขียน:
คือดิฉันปฎิบัติแบบ พุธ โธ โดยการดูลมหายใจในขณะทำงาน


ผมแนะนำว่า เวลาทำงาน คือทำงาน ใจอยู่กับงานดีกว่านะครับ

เวลาจะทำงานไปด้วย รู้ลมหายไปไปด้วย รับรองว่าเดี๋ยวได้โดนไล่ออกแน่เลยครับ
ลองสังเกตุดูตัวเองได้เลยว่า ถ้าทำอย่างที่ว่ามา
งานจะเสีย ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน คล้ายๆจับปลาสองมือ
งานก็ไ่ม่ได้ สมาธิก็ไม่ได้

เวลาที่ต้องมีความจำเป้นการการใช้ความคิด
เช่นเวลาทำงาน ขับรถที่กำลังวิ่งอยู่ ทำกับข้าว แล้วมาพยามรู้ลมหายใจ
มันเป็นการบั่นทอนกำลังใจตนเองเปล่าๆครับ ทำตนเองเขวเปล่าๆ
เผลอๆไฟไหม้กะทะ รถเฉี่ยวรถชนเอานะครับ

เอาไว้ว่างๆ เลิกงาน หรือช่วงพัก ช่วงรออะไร ที่ภาระไม่มาก
ที่ไม่ต้องอาศัยการคิดมากนัก ค่อยกลับมารู้ลมหายใจ
หรือเวลามีอารมณ์มีความเครียดก็วางงานเพื่อมาทำความสงบรู้ลมหายใจ
อย่างนี้ได้


นุสรา เขียน:
แต่ว่าเวลาเดินอาการเดินเกิดชัดมากบางที่ก็จะรู้พร้อมกันทั้งสองอย่าง ทั้งลมหายใจ และการเดิน ควนจะทำอย่างไรค่ะ ต้องตามรู้ทั้งสองอย่างหรือหรือต้องตามรู้อยู่อย่างเดียว ขอท่านผู้รู้โปรดอธิบายด้วย ขอบคุณค่ะ


เป้าหมายของการทำสมาธิ คือการทำให้จิตว่างจากอารมณ์
โดยปกติ เราห้ามจิตไม่ให้เสวยอารมณ์ไม่ได้
ตราบเท่าที่ยังมีความคิด มีหุตาจมูกลิ้นกายทำงานอยู่
มันจะต้องรู้ร้อนรู้หนาวรู้สึกนึกคิดตลอดเวลา

ด้วยธรรมชาติของจิตอย่างนี้
เราจึงต้องหาสิ่งให้จิตยึดเหนี่ยว หาหลักสักอันหนึ่งให้จิตมันยึดเป้นสิ่งระลึก ยึดเป้นอารมณ์
เช่นลมหายใจ หรือในกรรมฐาน 40 ก็มีให้เลือกตั้ง 40 แบบ เอาอันใดก็ได้

เมื่อเรายึดสิ่งใดเป็นอารมณ์แน่วแน่แล้ว
ตามตำรา ท่านว่าจิตก็จะแสดงธรรมชาติอันหนึ่ง คือความเบื่อหน่าย
ดังนั้นเมื่อเราบังคับให้มันสนในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆเข้า มันจะแสดงไตรลักษณ์
กล่าวคือจิตมันเบื่อสิ่งที่ระลึกอยู่ จึงคลายออกจากเครื่องระลึกอันนั้น
เช่นจับลมหายใจจนชำนาญ เมื่อจิตมันแสดงไตรลักษณ์ มันจะวางลมหายใจ

เมื่อจิตไม่มีอารมณ์อันใดให้ยึดต่อ จิตย่อมว่างจากอารมณ์

ดังนั้น ถ้าจะเอาอะไรเป้นเครื่องระลึก ควรเอาอันใดอันหนึ่ง

ถ้าเอาหลายอย่าง จับอันนี้ แป๊บนึง แล้วก็ไปจับอันโน้น
มันคือความฟุ้งซ่านดีๆนี่เอง

ปกติการรู้ลมหายใจนั้น ก้คือการรู้กายอยู่แล้ว
กล่าวคือระบบกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจนั้น
มันเคลื่อนไหวให้รู้สึกตลอดเวลาอยู่แล้ว
น่าจะจับสังเกตุ จับจุดระลึกได้ง่ายกว่ากายส่วนอื่นเป็นไหนๆ

แต่ถ้าจริตมาทางรู้กายที่เคลื่อนไหว เคลื่อนไหวแล้วเห็นชัด
อาจจะลองดูกรรมฐานหลวงพ่อเทียนดูก็ได้นะครับ
หรือลองดูการเดินจงกรมก็ได้ ได้ทั้งนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
^ ^ เดินฟุ้งตัวจริงมาแระ .... ตามสบายนะท่าน กรัชGod


ถามอย่างตอบอย่างนะน่า ถามว่า จะแนะนำตามจริตของเขา หรือ ตามจริตคุณเอง แต่กลับตอบ=>

เดินฟุ้งตัวจริงมาแระ .... ตามสบายนะท่าน กรัชGod :b32: :b13:

เอ้อ... พิลึกคน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นุสรา เขียน:
คือดิฉันปฎิบัติแบบ พุธ โธ โดยการดูลมหายใจในขณะทำงาน แต่ว่าเวลาเดินอาการ
เดินเกิดชัดมาก บางที่ก็จะรู้พร้อมกันทั้งสองอย่าง ทั้งลมหายใจ และการเดิน ควนจะทำอย่างไรค่ะ
ต้องตามรู้ทั้งสองอย่างหรือต้องตามรู้อยู่อย่างเดียว ขอท่านผู้รู้โปรดอธิบายด้วย ขอบคุณค่ะ


ตอบเฉพาะที่ถามก่อนนะครับ

มิใช่ตามรู้ควบกันอย่างนั้น เอาทีละอย่าง (เฉพาะที่ถามนี่นะครับ)

ขณะทำงานก็ให้จิตเกาะจับงานที่ทำ คือใจอยู่กับงาน สมมติเขียนหนังสือ ก็อยู่กับการเขียนนั้น

พูดง่ายๆว่า ทำงานทั้งตัวและหัวใจ

ขณะใช้ลมหายใจเข้า-ออกเป็นกรรมฐานก็ใช้ความรู้สึกเกาะจับลมภาวนาตามลมเข้าและออก

ขณะเดินก็ใช้ความรู้สึกเกาะจับการเคลื่อนไหวกายแต่ละขณะๆไป คือ ใช้การเดินเป็นกรรมฐาน

แยกประเด็นใหญ่ๆออกอย่างนี้ก่อน

แต่ขณะปฏิบัติยังมีปลีกย่อยอีก แต่เอาเท่านี้ก่อนครับ

ถามนอกประเด็นหน่อย คุณนุสราคิดยังไงครับจึงทำกรรมฐาน คือ ทำเพื่อจุด

ประสงค์ใด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชGod...
เจ้าของกระทู้ มีปรกติ ศึกษาอยู่ ในอานาปานสติ ก็ดีอยู่แล้ว..... ไม่จำต้องแนะนำเพิ่มเติม
เพียงแต่ให้ตัดเนื้องอก ส่วนเกินออกจาก อานาปานสติเท่านั้น ก็พอ

แล้วก็พยายาม เพิ่มความเพียรต่อไป และศึกษาอานาปานสติให้มากขึ้น

กรัชGod... จะบอกอะไรกับเจ้าของกระทู้ ก็บอก ไม่จำเป็นต้องมาถาม "เช่นนั้น" เพื่อขอนุมัติคำตอบหรอกนะ :b4: :b27:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มิ.ย. 2008, 17:25
โพสต์: 62


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่ว่าเวลาเดินอาการเดินเกิดชัดมากบางที่ก็จะรู้พร้อมกันทั้งสองอย่าง ทั้งลมหายใจ และการเดิน ควรจะทำอย่างไรค่ะ ต้องตามรู้ทั้งสองอย่างหรือหรือต้องตามรู้อยู่อย่างเดียว

ขออนุญาตค่ะ

เป็นไปได้ที่รู้ทั้งการเดินและลมหายใจ
และเป็นไปได้ที่รู้อาการอื่นๆ อีก

หากเป็นเวลาปฏิบัติเพื่อสมาธิ เพื่อพักจิตให้มีกำลัง
ก็ควรติดตาม จดจ่อ อยู่กับการเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่ง
เช่น การเดิน การตามลมหายใจเข้า-ออก การอยู่กับพุท-โธ
หรือแม้แต่การเดินก็สามารถตามลมหายใจให้สอดคล้องกับจังหวะการเดินได้
ตามกระทู้ "เดิน-วิถีแห่งสติ"

แต่หากเป็นเวลาในการทำงาน ในชีวิตประจำวัน
ก็ควรจดจ่ออยู่กับการทำงานนั้นๆ
เช่น การล้างจาน จดจ่ออยู่ที่มือ ที่การเคลื่อนไหว ล้าง-ฟอก-เช็ด-เก็บ จาน
หรือการพิมพ์งาน ก็จดจ่อกับต้นฉบับ-มือที่พิมพ์-ตรวจความถูกต้อง
หรือการเดินจากห้องทำงานไปยังที่จอดรถ ก็จดจ่ออยู่กับเท้า กับการเดิน

จดจ่อ - มิใช่เพ่งจ้องจนเครียด
จดจ่อ - คือติดตาม เฝ้าดู ประคอง ให้ใจอยู่กับสิ่งนั้น ไม่คิดไปในเรื่องอื่นใด
ทำโดยไม่มีความคิดเข้ามาเกี่ยวข้อง
มีเพียงกิริยา ไม่มีผู้กระทำ
ทำงานเพื่อทำงาน


อาจฟังยุ่งยาก งง เหมือนการเล่นคำ
แท้จริงแล้ว ทุกคนสามารถทำได้
มีผลให้ทำงานอย่างไม่มีความรู้สึกบวก-ลบในใจ
เป็นเสมือนการทำสมาธิตลอดการทำงาน

:b8: ขอทุกท่านเจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากคุณนุสราไม่ลำบากใจจนเกินไป อ่านสาระการใช้งานฝึกนามธรรมดูสิครับ (นามธรรม เรียกรวม

หมดเลย เรียกแยกเดี๋ยวก็ถามหากันอีกว่า แล้วสติล่ะ สมาธิล่ะ สัมปชัญญะเป็นต้นล่ะไม่ฝึกด้วยหรือ

ตัดปัญหาเรียกทั้งครอบครัวเลย รู้แล้วรู้รอด :b32: )



viewtopic.php?f=2&t=20241

นำมาให้ดูนิดหน่อยดังนี้


การเจริญสมาธิตามหลักอิทธิบาท

อิทธิบาท แปลว่า ธรรมเครื่องให้ถึงอิทธิ หรือ ธรรมที่เป็นเหตุให้ประสบความสำเร็จ หรือ แปลง่ายๆว่า

ทางแห่งความสำเร็จ มี ๔ อย่าง คือ

-ฉันทะ ความพอใจ

-วิริยะ ความเพียร

-จิตตะ ความคิดจดจ่อ

-วิมังสา ความสอบสวนไตร่ตรอง

แปลให้จำง่ายๆตามลำดับว่า

-มีใจรัก

- พากเพียรทำ

- เอาจิตฝักใฝ่

-ใช้ปัญญาสอบสวน

อิทธิบาทนั้น

พระพุทธเจ้าตรัสพัวพันไว้กับเรื่องสมาธิ เพราะอิทธิบาทเป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้เกิดสมาธิ และนำไปสู่ผล

สำเร็จที่เป็นจุดหมายของสมาธิ สมาธิเกิดจากอิทธิบาทข้อใด ก็มีชื่อเรียกตามอิทธิบาทข้อนั้น


โดยนัยนี้จึงมีสมาธิ ๔ ข้อ

คือ

๑. ฉันทะสมาธิ - สมาธิที่เกิดจากฉันทะ หรือ สมาธิที่มีฉันทะเป็นใหญ่

๒. วิริยะสมาธิ -สมาธิที่เกิดจากวิริยะ หรือ สมาธิที่มีวิริยะเป็นใหญ่

๓. จิตตะสมาธิ - สมาธิที่เกิดจากจิตตะ หรือ สมาธิที่มีจิตตะเป็นใหญ่

๔. วิมังสาสมาธิ - สมาธิที่เกิดจากวิมังสา หรือ สมาธิที่มีวิมังสาเป็นใหญ่

อนึ่งสมาธิเหล่านี้ จะเกิดมีควบคู่ไปด้วยกันกับความเพียรพยายาม ที่เรียกว่า ปธานสังขาร

ปธานสังขาร แปลว่า สังขารที่เป็นตัวความเพียร หรือ ความเพียรที่เป็นเครื่องปรุงแต่ง

แปลง่ายๆ ว่า ความเพียรที่เป็นแรงสร้างสรรค์ หรือ ความเพียรสร้างสรรค์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


เช่นนั้น เขียน:
กรัชGod...
เจ้าของกระทู้ มีปรกติ ศึกษาอยู่ ในอานาปานสติ ก็ดีอยู่แล้ว..... ไม่จำต้องแนะนำเพิ่มเติม
เพียงแต่ให้ตัดเนื้องอก ส่วนเกินออกจาก อานาปานสติเท่านั้น ก็พอ

แล้วก็พยายาม เพิ่มความเพียรต่อไป และศึกษาอานาปานสติให้มากขึ้น

กรัชGod... จะบอกอะไรกับเจ้าของกระทู้ ก็บอก ไม่จำเป็นต้องมาถาม "เช่นนั้น" เพื่อขอนุมัติคำตอบหรอกนะ :b4: :b27:


ก็เห็นคุณแนะนำอย่างนั้น จึงถามว่าเอาไงงัย :b1:

ก็เขามิใช่ทำอานาปานสติตลอด 24 ชม.นี่ ต้องทำงานด้วย เดินด้วย ทำนั่นทำนี่สารพัดในแต่ละวันๆ

แล้วจะดูลมเข้า-ออกได้ตลอดอย่างไร แบบนี้ก็ตามปัจจุบันไม่ทันกันพอดี

อีกอย่างหนึ่ง เขาลงมือทำอานาปานสติแล้วเลยคุณไปแล้วขณะเนียะ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2010, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




DSC01694.jpg
DSC01694.jpg [ 44.92 KiB | เปิดดู 5051 ครั้ง ]
ผู้ปฏิบัติกรรมฐานที่ใช้คำภาวนาทุกอย่าง จะเป็นพุทโธ พอง-ยุบ นะมะพะทะ หรืออื่นๆอ่านลิงค์นี้

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=3.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2010, 01:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิเกิดขึ้นชัดเจน สติตั้งอยู่ รู้ตัวทุกขณะ ถูกต้องแล้วครับ เรียกว่าได้สมาธิ ฝึกต่อไปครับ อ่านหนังสือควบคู่ว่าเอาจิตพิจารณาอะไรต่อ เอาใจช่วยครับ นี่ละครับวิธีปฏิบัติที่คุณทำถูกแล้ว

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร