วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 06:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 22:05
โพสต์: 80

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามท่านผู้รู้เพื่อทดสอบตัวเองว่าเข้าใจเรื่องบาป-กรรมถูกต้องหรือไม่ ขอถามดังนี้ครับ

เท่าที่กระผมพยายามศึกษาเรื่องของบาป-กรรมพอเข้าใจว่าทางศาสนาท่านถือว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยเจตนาเป็นบาปและต้องชดใช้กรรมที่ได้กระทำไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่หากการฆ่านั้นไม่ได้มีเจตนาเลยแม้แต่น้อย เช่นสมมุติว่าเราขับรถไปอยู่ดีๆ ได้มีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถแล้วเราเบรกไม่ทันทำให้สุนัขตัวนั้นตาย อย่างนี้ทางศาสนาถือว่าไม่บาปเพราะเราไม่มีเจตนา เป็นเพียงกรรมที่เราสร้างขึ้นเท่านั้น เมื่อไม่เป็นบาปที่ขาดเจตนาอย่างนี้และเหลือแต่กรรม แล้วเราก็กล่าวขออโหสิกรรมและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เขาเสียเป็นอันจบกัน แล้วเราไม่ต้องไปชดใช้กรรมอันนี้อีกต่อไป กระผมเข้าใจในเรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ หากเข้าใจผิดอย่างไรขอท่านผู้รู้ช่วยเมตตาอธิบายเพิ่มเติมให้เป็นความรู้ที่เป็นภาษาชาวบ้านเข้าใจง่ายๆด้วยครับ ขอขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ผิดและไม่ถูกค่ะแต่มันต้องตีความต่างประเด็น เหตุการณ์ใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมาจากอดีตทั้งนั้น การที่สุนัขอยู่ดีๆมันวิ่งมาตัดหน้ารถเราก็เป็นเพราะเหตุในอดีต เจตนาใช้ในการตัดสินเรื่องบุญบาปที่ผู้กระทำจะได้รับค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญ บาป และกรรม สิ่งที่เป็นระบบพื้นฐานของจิต (ชีวิต) ทั้งหมดคือ กรรม ซึ่งเราจะคุ้นเคยกับคำว่า กฎแห่งกรรม และกฎแห่งกรรม นับว่าเป็นหัวใจ หรือสาระสำคัญอันหนึ่งในศาสนาพุทธ

ทุกสิ่งที่เราทำ ก่อให้เกิดกรรมเสมอ ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่ว และกรรมนั้นจะส่งผลกระทบต่อเราในห้วงเวลาอันหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเมื่อใด ก็ยากจะทำนาย เพราะเราก็ก่อกรรมเป็นปัจจัยใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ...

บุญ-บาป เป็นเรื่องของ จิต ซึ่งแม้จะเป็นคนละส่วนกับกรรม แต่มันก็ผูกพันกัน... โดยทั่วไปในคนธรรมดา กรรมหนักก็มักจะบาปหนัก หรือบุญหนัก

สิ่งใดที่ทำให้จิตสูงขึ้น เรียกว่า บุญ สิ่งใดที่ทำให้จิตตกต่ำ เรียกว่า บาป บุญ-บาป ส่งผลโดยตรงต่อการไปกำเนิดในภพภูมิต่างๆ จิตที่สูงขึ้น จะมีความหมายถึง กำลังจิตที่มากขึ้น สงบขึ้น หรือเราเรียกอีกอย่างว่า บารมี เมื่อภูมิต่างๆ จัดชั้นกันโดยบารมี บุญ-บาป จึงส่งผลโดยตรงต่อการกำเนิด

เรามักจะเข้าใจผิดว่า การเกิดในภูมิต่ำคือการชดใช้กรรม (วิบาก) แต่จริงๆ แล้ว การเกิดในภูมิใดๆ ขึ้นอยู่กับคุณภาพจิต อันเป็นผลต่อเนื่องจากบุญและบาป ส่วนวิบากกรรมนั้น เกิดขึ้นในทุกภพภูมิ
เพียงแต่อย่างที่บอก... ในคนทั่วไป กรรมชั่วหนักก็มักจะบาปหนัก เช่นฆ่าคนตาย ผู้ฆ่าก็จะมีคุณภาพจิตที่ต่ำลงอย่างมาก จนเมื่อสิ้นชีพไป จิตก็ไม่มีพลังเพียงพอ ที่จะไปกำเนิดในภูมิที่สูงกว่าอบายได้ (บารมีไม่ถึง ว่างั้น) แต่การฆ่าแบบการุณฆาต ด้วยหวังให้พ้นทุกข์ จิตก็อาจไม่ตกต่ำจนถึงชั้นอบาย
องคุลีมารคือตัวอย่างในแง่นี้ ซึ่งหากองคุลีมาร ไม่พ้นจากวัฎสงสารเสียก่อน ก็จะมีวิบากกรรมอย่างมากมายแน่ๆ

บุญ-บาป จึงผูกอยู่กับเจตนาเป็นสำคัญ เมื่อไม่มีเจตนาก็ไม่มีทั้งบาปและบุญ แต่กรรมนั้นเกิดขึ้นแน่นอน
มีกรณีคนพูดว่า ไม่เจตนาไม่บาป ซึ่งอยากจะบอกว่า พูดคำนี้เมื่อไร ก็บาปแน่ๆ เพราะมันส่อลักษณะศรีธนญชัย ปลอบใจตนเอง... ระบบของธรรมชาติ ไม่ใช่ระบบกฎหมาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงนี้คงตอบคำถามที่หลายๆ คนสงสัยได้ว่า นั่งสมาธิแล้วทำไมถึงได้บุญ ,สวดมนต์ก็ได้บุญ

เรื่องบุญ-บาป เป็นเรื่องของคนทั่วไป หากพยายามรักษาศีล 5 ไว้ ก็มั่นใจได้ว่า เห็นจะพ้นอบายได้เป็นแน่ เพราะศีล 5 ข้อนี้เป็นข้อห้ามเพื่อไม่ให้ก่อบาปและเวรเป็นสำคัญ
ในส่วนผู้ฝึกจิต เขาจะมุ่งไปที่บารมีโดยตรง คือ ฝึกจิตเพื่อให้มีพลังมากขึ้นๆ แต่บางคนก็มุ่งบารมีมากเกินไป จนก่อกรรมอย่างมากมาย...

:b6: :b6: :b6: ส่วนการอโหสิกรรมนั้น เป็นความเข้าใจผิดอีกนั่นแหล่ะ... การอโหสิกรรม เป็นเรื่องของ เวร คือการให้สัญญาว่า จะจองล้างจองผลาญกัน
การขออโหสิกรรมจะได้ผลหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่ถูกเรากระทำนั้น เขาจะยอมเลิกจองเวรหรือไม่
หากผู้ถูกกระทำเขาไม่คิดแค้น ก็เป็นการอโหสิกรรมโดยปริยายอยู่แล้ว แต่หากใจยังแค้น แต่ปากบอก อโหสิๆ นั่นก็จองเวรกันต่อไป...

ในกรณีที่ถามมา... หมาตัวนั้น น่าจะมีวิบากร่วมกับเราอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงมาให้เราเอาชีวิต (ไม่ใช่ว่า หมารู้ตัวนะ แต่อาจมีบางสิ่งที่ทำให้หมาตัวนั้น นึกอยากจะข้ามถนนพอดี)
จะบาปหรือไม่ ก็ต้องถามว่า แล้วจิตเรามีความมุ่งร้ายอยู่หรือไม่ หากยินดีในการตายของหมา เช่น นึกสะใจ ตายเสียได้ก็ดี นั่นก็บาปแน่ๆ หรือนึกครึมๆ แกตายเพราะวิบากของแก ก็คงจะบาปอยู่ แม้จะไม่มากเท่ากับการขับรถพุ่งชน ซึ่งจำต้องมีเจตนาที่รุนแรงกว่า

กรรมนั้นเกิดแน่ แต่ไม่จำเป็นต้องขออโหสิกรรม เพราะนี่ไม่ใช่เวร หมามันก็ไม่รู้หรอกว่าใครชน
ลองตั้งจิตอธิษฐาน อโหสิกรรมให้จิตทั้งหลายที่เคยเอาชีวิตเรา เราไม่ขอเอาชีวิตพวกท่านทั้งหลายอีก... มันอาจจะได้ผลก็ได้นะ

:b1: การอุทิศส่วนกุศล เป็นการให้ทาน เป็นบุญ บางกรณีมันอาจจะมีผลในเชิง ลดการก่อเวร ได้ ก็เหมือนเราไปชกคนๆ หนึ่ง แล้วเราไปขอโทษ ซื้อหมี่เกี๊ยวให้ อะไรแบบนั้น

สุดท้ายนะ กรรมไม่มีวันลบล้าง แต่ในทางปฏิบัติ ถ้ากรรมไม่สาหัสมาก มันก็มีวิธีที่จะลดผลของกรรมลงได้เหมือนกัน... แต่เท่าที่เห็นนะ การพยายามลดผลของกรรม ดูจะยิ่งก่อให้เกิดกรรมที่หนักขึ้นทุกที


เพิ่มเติม เพื่อให้นึกภาพออกได้ง่ายขึ้น... ชีวิตนี้ก่อกรรมทำเข็ญมามาก บารมีแทบไม่เหลือ จิตต่ำจนได้ไปกำเนิดในนรก ทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่กรรมดีที่เคยทำมาก่อน แม้จะไม่มาก แต่ก็มากกว่าค่าเฉลี่ยของสัตว์นรกทั่วไป จึงได้กลายเป็นผู้มากบารมีในหมู่สัตว์นรก เป็นต้น


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 04 ก.ค. 2010, 20:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กรรมคือการกระทำ
บาปคือความไม่สบายใจ เป็นทุกข์
เรากระทำอะไรไว้ ไม่ว่าดีหรือเลว
ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ย่อมมีผลของ
การกระทำนั้นๆเสมอ

ขับรถชนสุนัขตาย ถึงจะไม่เจตนา
แต่ "ประมาท" เป็นเหตุให้ผู้อื่นเดือดร้อน
เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น

"เจตนา" เป็นตัววัดความหนักเบาของความผิด
มิได้เป็นตัวช่วยให้พ้นผิด

เจริญในธรรมต่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2010, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บาปมีอยู่ 2 กรณี คือบาปที่ก่อโดยเจตนาแก่เหตุ และ บาปที่ก่อโดยไม่มีเจตนาแก่เหตุ

บาปที่ก่อโดยเจตนาแก่เหตุ=บาปกรรม นำไปสู่การใช้กรรม
บาปที่ก่อโดยไม่มีเจตนาแก่เหตุ=เคราะห์กรรม ในทางกฏหมายเมื่อทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือถึงแก่ชีวิต จะโดยเจตนาหรืไม่เจตนาก็ย่อมต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายโดยดูจากรูปเหตุ แต่ในทางธรรมก็คล้ายๆกันครับ คุณกับสุนัขตัวนั้นอาจจะเคยผูกกรรมกันไว้ในชาติก่อน อาจจะเจตนาหรือไม่ก็ตามทำให้ชาตินี้คุณและสุนัขตัวนั้นต้องมาเจอกันในสภาพแบบนั้นและต้องรับเคราะห์กรรมโดยที่คุณไม่เจตนา แต่ถ้าจะถามว่าบาปหรือไม่ก็บาปครับ แต่เป็นบาปที่ไม่มีเจตนา ไม่ได้ตั้งใจ

ในทางกฏหมายถ้ามีการเรียกร้องค่าเสียหาย ก็ต้องมีการไกล่เกลี่ย ยอมความ หรือชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน แต่ในทางธรรม การไกล่เกลี่ยที่ดีที่สุดคือการแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลและกล่าวขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวรที่เราได้ไปก่อเหตุไว้ทั้งโดยที่ไม่เจตนา แต่การแผ่เมตตาไม่ได้ทำให้เราบาปน้อยลงนะครับ แต่อย่างน้อยก็เป็นการขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวรที่เราได้ไปล่วงเกินโดยไม่มีเจตนา การกล่าวขอโทษและแผ่เมตตาจะทำให้กรรมที่ร่วมกันผูกหรือร่วมกันสร้างไว้กับเจ้ากรรมนายเวรนั้นเบาบางลงและไม่ผูกกรรมสร้าเวรต่อกันอีก

ขออนุโมทนาครับ

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลิ้งเรือนธรรมรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
http://www.ruendham.com/book_detail.php ... e_content=

อนุโมทนาทุกๆท่านครับ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย Rotala เมื่อ 05 ก.ค. 2010, 10:52, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2010, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การกระทำที่ปราศจากเจตนาหรือความรู้สึก
แม้จะมีเจ้ากรรมนายเวรเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น
แต่ตัวผู้กระทำไม่มีข้อมูลของกรรมนั้นสะสมในภวังคจิต
เพราะทำไปด้วยขาดเจตนาความตั้งใจแต่แรก

กายกรรมที่แสดงออกโดยปราศจากมโนกรรม จะส่งผลแห่งวิบากเบาบางลง
แม้จะเจอการพยายามสนองเอาคืนไม่ว่าในภพชาติไหน
ในเมื่อจิตไม่มีข้อมูลแห่งกรรมนั้นอยู่ จึงไม่เกิดปฏิสัมพันธ์ตอบสนองกับสิ่งเร้าภายนอก
เมื่อผัสสะไม่เกิด เวทนาก็ไม่มี

แต่ทั้งนี้ต้องแยกให้ออกระหว่างความไม่ตั้งใจกับความประมาท หรือความไม่รู้

ที่มา : หนังสือ เกิดเพราะกรรมหรือความซวย - ท.พ.สม สุจีรา

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 00:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์ ณ ฟ้า เขียน:
การกระทำที่ปราศจากเจตนาหรือความรู้สึก
แม้จะมีเจ้ากรรมนายเวรเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น
แต่ตัวผู้กระทำไม่มีข้อมูลของกรรมนั้นสะสมในภวังคจิต
เพราะทำไปด้วยขาดเจตนาความตั้งใจแต่แรก

กายกรรมที่แสดงออกโดยปราศจากมโนกรรม จะส่งผลแห่งวิบากเบาบางลง
แม้จะเจอการพยายามสนองเอาคืนไม่ว่าในภพชาติไหน
ในเมื่อจิตไม่มีข้อมูลแห่งกรรมนั้นอยู่ จึงไม่เกิดปฏิสัมพันธ์ตอบสนองกับสิ่งเร้าภายนอก
เมื่อผัสสะไม่เกิด เวทนาก็ไม่มี

แต่ทั้งนี้ต้องแยกให้ออกระหว่างความไม่ตั้งใจกับความประมาท หรือความไม่รู้

ที่มา : หนังสือ เกิดเพราะกรรมหรือความซวย - ท.พ.สม สุจีรา


นี้เป็นมิจฉาทิฐิขั้นรุนแรง ที่เชื่อว่า กรรมไม่มีผล ปฏิเสธผลของกรรม
คล้ายๆว่า ถ้าเราฆ่าใครตาย(กรรมหนัก)โดยไม่รู้ตัว ก็คงจะไม่ได้รับกรรมอะไรนัก
เพราะว่าไม่มีข้อมูลอยู่ในหัวสมอง เลยไม่สามารถรู้สึกรู้สาอะไรได้

คุณฆ่าเขาตาย อย่าคิดว่าคงไม่มีผล หรือคิดเอาเองว่าผลคงน้อย
ต่อให้คุณฆ่าเขาตายโดยที่คุณไม่ทราบเลยตลอดชีวิต
ก็มีออกมากมายก่ายกอง ที่คนตาย เพราะความไม่ตั้งใจของคนอื่น
เยอะแยะดาษดื่นในบ้านในเมือง
แล้วคนที่ทำ ไม่รู้ตัวเลยตลอดชีวิตว่าได้ทำให้คนอื่นตาย ก็มี

ชาตินี้เผลอเรอ เป็นเหตุให้คนอื่นตาย
ชาติหน้า เราก็อาจตายเพราะคนอื่นเผลอเรอได้เหมือนกัน

อย่างโรงงานสารเคมีรั่ว คิดหรือว่าโรงงานตั้งใจให้มันรั่ว
มันไม่มีคใรตั้งใจหรอก เพราะมันเดือดร้อน

ส่วนคนโดนสารเคมี จะบอกว่าไม่มีกรรม ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ ก็ไม่ได้

ศาศนาพระพุทธเจ้ามันเป็นศาสนาที่เป็น เหตุ กับ ผล
ไม่มีคำว่าบังเอิญ หรือเกิดลอยๆ

สำนามิมา คนตายเป็นแสน
นี่กรรมมันต้องซับซ้อนมากๆ จนคนเหล่านี้มาพร้อมกันตาย

สำหรับคนที่ผมรัก เป็นญาติผม แล้วเอาหนังสือ ทพ. สม สุจีรามาอ่าน ไม่ว่าเล่มไหน
ผมจะแนะนำให้ทำลายทิ้ง อย่าเหลือให้เป็นบ่วงรัดแก่ผู้อื่นที่เอาไปอ่าน
หนังสือดีๆ ฟรีๆ มากมายก่ายกอง เต็มบ้านเมือง
หนังสือธรรมะนั้น ยิ่งแพง ยิ่งมั่ว ยิ่งมืด ยิ่งห่าง

ตรงกันข้าม ยิ่งถูก ยิ่งดี

แต่ให้ระวังพวกฟรีๆ แต่บังคับแกมขู่ ว่าโลกจะแตก ต้องส่งต่อ อะไรพวกนี้ อันตราย

หนังสือดีๆ มักจะฟรี และจะไม่ง้อคนอ่านเท่าไหร่
จะอ่านไม่อ่านก้ตาม ทั้งคนเขียนหรือคนแจกเขาก็จะไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร