วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 18:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...ขออนุญาตแสดงความคิดคุณเต้...
...ลองมองตัวเองว่าเป็นก้อนธรรมะ...
...ที่กำลังใช้ตามองเห็น ใช้หูฟังเสียง...
...ใช้จมูกพิสูจน์กลิ่น...ใช้ปาก+ลิ้นชิมอาหาร...
...ใช้กายสัมผัสแล้วรู้ว่าเย็นหรือร้อนหรืออ่อนหรือแข็ง...
...อะไรก็ตามที่รับรู้แล้วคิดทันทีว่าชอบไม่ชอบก็เป็นโลภะ...
...โลภะคือภาวะที่ทำให้จิตติดข้องต้องการและไม่ต้องการ...
...จึงเกิดโมหะ...หลงเข้าใจว่าที่เห็นเป็นความชอบ...
...เพราะหลักธรรมคือเห็นก็คือเห็นสิ่งที่ปรากฎเท่านั้น...
...ชอบไม่ชอบเป็นความคิดที่เสริมเข้าไปเองอ่ะค่ะ...
:b13:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2010, 11:04
โพสต์: 1147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีประเด็นมาเสริมค่ะ ----> เรื่องตุ๊ด ทอม ดี้ น้อมคิดว่ามันเป็นกรรมนะคะ แบบว่าเลิกยากน่ะค่ะ บางทีแอบ สุดขีด แต่ในใจมันก็เป็น แต่งงานไปแล้ว เก็บกดมานานวันหนึ่งระเบิดออกแต๋วให้ลูกเมียเห็น

ถ้าไม่แน่ใจว่าเลิกเป็นตุ๊ดแล้ว อย่าไปแต่งงานนะคะ จะเจอแต่เรื่องกลุ้มใจ... เอางี้ดีกว่าไหม หัดเป้นตุ๊ดที่เรียบร้อยไปก่อน ควบคุม กาย วาจา ใจ หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แล้วอธิษฐานให้กลับไปเกิดเป็นผู้หญิงปกติซะเลยในชาติต่อๆไปนะคะ (น่าเสียดาย เป็นชายน่ะดีออก สบ๊าย สบาย..)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b16:
...เป็นชายจริงๆน่ะ...เลิศมากขอบอก...
:b17:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:13
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแค่ คุณเป็นคนดี เท่านั้้นพอออ

.....................................................
พึงชนะความโกธร ด้วยความไม่โกรธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เต้ครับ เขียน:
คือไม่ใช่ว่าเป็น ตุ๊ด เต๊มๆนะครับ

คือแบบมีอาการตุ๊งติ๊งบางทีบาง ครั้งนะคับ

ผมก้อเรียนโรงเรียน ชายล้วน

ผมก้อไม่มีคำแนะนำอ่ะไรให้หรอกคับ

เพราะ ผมเองยัง ทำตัวไม่ถูก เลยครับ

ยังแก้ไม่ตกเลย

ก้อคงต้องปล่อยๆมันไปเหมือนที่คุลศรีสมบัติ บอกแหละมั้งคับ

ตามๆดูมันไป และคงจะค่อยๆปรับตัว

ตอนนี้ที่ผมคิดไม่ตกก้อ ติดของมึนเมาเกือบหมดทุกอย่างและ

เพราะ กลุ้ม จัย


นอกจากอาการตุ้งติ้งแล้ว คุณเต้ชอบผู้ชาย
หรือเคยชอบหรือเปล่าค่ะ? ถ้าเป็นแค่ตุ้งติ้งอย่างเดียว
ก็ยังไม่น่าจะใช่ เพราะมีเยอะแยะไปที่ผู้ชายกระตุ้งกระติ้ง
แต่พอเผลอ โอโห...มีภรรยาเป็นโขลง กิริยาที่แสดงภายนอก
อาจจะเป็นอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมก็ได้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน
หากไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร

ยกตัวอย่างนะค่ะ คุณเต้ดูซิทคอมเรื่อง "บางรักซอยเก้า" รึเปล่า?
ตัวละครที่ทักทายชอบตัวหนึ่งก็คือ "ชายเหวง" เขากระตุ้งกระติ้ง
พูดจาเหมือนผู้หญิง กิริยาท่าทางก็เหมือนผู้หญิง แต่เขาไม่ใช่ตุ๊ด
เขาแอบรักนางเอง ถึงจะเป็นในละคร แต่เชื่อว่าสภาพความจริง
น่าจะมีบุคคลประเภทนี้อยู่ และก็เห็นว่าเขาน่ารักดี มีจิตใจที่อ่อนโยน
มีอารมณ์ละเมียดละไม ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป และที่สำคัญนะค่ะ ส่วนมาก
จะเป็นคนที่โรแมนติก ไม่เห็นจะน่ารังเกียจตรงไหนเลย น่าคบหาด้วยมากกว่า

หาตัวเองให้เจอ และยอมรับความเป็นตัวของตัวเองดีกว่า จะมานั่งทุกข์
มองดูคนที่เขาเกิดมาอาการไม่ครบสามสิบสองดูซิค่ะ เขายังมีความสุข
กับความพิการของเขาได้เลย คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะยอมรับ
และมีความสุขกับสิ่งที่เรา "เป็น" ได้นะค่ะ

ของมึนเมาทั้งหลายที่กำลังติดอยู่นั้น ช่วยให้คุณพ้นจากทุกข์ที่กำลังได้รับอยู่หรือไม่?
ถ้าเป็นเพียง บุหรี่ สุรา ยาดองก็ยังไม่เท่าไหร่? แต่ถ้ามากกว่านั้น น่ากลัวแล้วหละ
มีอะไรก็เข้ามาระบายในนี้ดีกว่านะ อย่างน้อยๆ ความคิดเห็นหลายๆความคิดเห็น
อาจจะช่วยได้บ้าง ดีกว่าจะถลำลึกไปจะกู่ไม่กลับนะ :b4: :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


O.wan เขียน:
:b10: ขอถามคุณเต้ครับว่า ตอนนี้มีหลานชายวัย 15 ปีก็มีอาการแบบนี้ แม่เค้าก็กลุ้มใจนะคะ
พาไปปรึกษาคุณหมอ 2 ท่านก็แนะนำให้ทำใจยอมรับ ก็คอยปลอบน้องสาวอยู่ว่าให้ทำใจเสีย
เพราะยังไงเค้าก็ลูกเรา สังเกตหลานเองก็ไม่ happy เลยค่อนข้างเก็บตัว ชอบเหม่อคิด
ไม่ค่อยไปมาหาสู่ญาติ



ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะค่ะคุณ O.wan

ทักทายก็มีหลานชายคนหนึ่ง เป็นลูกคนสุดท้อง ตอนที่ท้องแม้เขาอยากได้ลูกสาวมาก
พยายามคิดว่าท้องนี้เป็นผู้หญิงแน่ เพราะมีอาการต่างๆไม่เหมือนสองท้องแรก(ผู้ชาย)
พอคลอดมาเป็นผู้ชาย เขาไม่ค่อยสนใจเท่าที่ควร พอโตมาจะชอบเอารองเท้าส้นสูง
มาใส่ ไม่ถึงกับเล่นตุ๊กตา แต่ก็ไม่เล่นอะไรแรงๆเหมือนเด็กผู้ชาย จะขึ้อาย ไม่ค่อยพูด
พี่ ป้า น้า อา รู้ว่าหลานคนนี้ค่อนข้างจะเบี่ยงเบน แต่ทักทายบอกทุกคนว่า ห้ามว่า
ห้ามพูด ห้ามย้ำ ห้าล้อเลียน ห้ามไม่ให้เอ่ยอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้ปฏิบัติตัว
กับหลานคนนี้เหมือนที่ปฏิบัติกับพี่ชายเขา พูดคุยกับเขาแบบธรรมดา
ห้ามติเตียนหรือบังคับอะไรทั้งนั้น

ถามพี่ชายเขาว่าน้องเป็น"แต๋ว"จริงหรือเปล่า? พี่ชายเขาก็บอกว่า
อยู่ที่โรงเรียนเขาจะกรี๊ดกร๊าดอยู่ในกลุ่มของพวกเขา แต่อยู่ที่บ้านเขาไม่คบใคร
ไม่ยุ่งกับใคร เด๊๋ยวนี้เขาจบตรีทำงานแล้ว ได้ยินเขาพูดกับญาติผู้น้องที่เขาสนิทด้วย
ซึ่งเป็นผู้หญิง เขาบอกว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องแต่งงาน มีลูกและครอบครัว
เขาต้องมีครอบครัวที่ดีจะเลีัยงลูกให้ดี เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องเก็บเงินไว้เยอะๆ
ญาติผู้น้องคนนั้นยังถามย้ำว่า "คิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ? แต่งงานกับผู้หญิงใช่ไหม?"
เขาก็บอกว่า"ก็ผู้หญิงนะซิ" ความลับที่พวกเรากลัวกันมาตั้งยี่สิบกว่าปี
เพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ว่าจริงๆแล้ว เขาไม่ได้เป็นอะไร มากไปกว่า การได้รับอิทธิพลรอบข้าง
เช่น จิตใจที่อยากได้ลูกสาวของแม่ตอนที่ท้อง เป็นลูกที่แม่ไม่ค่อยเอาใจใส่
เพราะไม่สมใจ แล้วเอาไปให้ญาติที่ไม่มีลูกอีกคนหนึ่งเลี้ยง ญาติคนนั้นก็เลี้ยงแบบ
ไข่ในหิน รัก ทนุ ถนอม เหมือนลูกสาว เขาเลยสับสนไปนิดหนึ่ง

ที่เล่าเรื่องนี้ เพียงแค่อยากจะบอกว่า ถ้าเขาจะเป็นอย่างไร?
ก้ให้เขาเป็น ตามแบบฉบับของเขาอย่างมีความสุข เราพวกผู้ใหญ่
อย่าไปว่า ไปตำหนิเขา ไปผลักดัน ให้เขาเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น
ยอมรับทุกกรณีของเขา และให้โอกาสเขาหาตัวตนที่แท้จริงให้เจอ
ไม่ว่าจะเป็นอะไร แค่สอนให้เขาเป็นคนดีของพ่อแม่ เป็นคนดีของสังคม
ไม่เบียดเบียนใคร ก็น่าจะพอแล้ว

อย่าลืมว่าถึงแม้จะเป็นลูกเรา แต่ชีวิตก็เป็นของเขา
ให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็นดีกว่านะค่ะ :b1:
[/quote]

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 03 ก.ค. 2010, 01:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 01:57
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ผมไม่ได้ ชอบ ผู้ ชาย หรอกคับ

ก้อชอบผู้ ญ เหมือนผู้ ชายทั่วไป แค่ดูแล้วเรียบร้อยกว่า

ไม่ค่อยแมนเท่าที่ควร เลยถูกมอง ว่าเปงยังงั้นไป

่ส่วนเรื่องของเมา ก้อ แค่สุราอ่ะไรพวกนีน้แหละคับ

ไม่ได้มีสาเสพติดมาเกี่ยวหรอกคับ

ขอบคับคุลtaktay


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
cool ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะค่ะคุณ O.wan
ทักทายก็มีหลานชายคนหนึ่ง เป็นลูกคนสุดท้อง ตอนที่ท้องแม้เขาอยากได้ลูกสาวมาก
พยายามคิดว่าท้องนี้เป็นผู้หญิงแน่ เพราะมีอาการต่างๆไม่เหมือนสองท้องแรก(ผู้ชาย)
พอคลอดมาเป็นผู้ชาย เขาไม่ค่อยสนใจเท่าที่ควร พอโตมาจะชอบเอารองเท้าส้นสูง
มาใส่ ไม่ถึงกับเล่นตุ๊กตา แต่ก็ไม่เล่นอะไรแรงๆเหมือนเด็กผู้ชาย จะขึ้อาย ไม่ค่อยพูด
พี่ ป้า น้า อา รู้ว่าหลานคนนี้ค่อนข้างจะเบี่ยงเบน แต่ทักทายบอกทุกคนว่า ห้ามว่า
ห้ามพูด ห้ามย้ำ ห้าล้อเลียน ห้ามไม่ให้เอ่ยอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้ปฏิบัติตัว
กับหลานคนนี้เหมือนที่ปฏิบัติกับพี่ชายเขา พูดคุยกับเขาแบบธรรมดา
ห้ามติเตียนหรือบังคับอะไรทั้งนั้น
[/quote]

cool คุณทักทาย เราไม่ทายทัก :b21: กันมานานเลยนะคะ สบายดีนะ :b16:
ยินดีฟังคำแนะนำค่ะ คุณหมอก็เคยบอกห้ามย้ำ ห้ามทักชมว่าสวย เพราะเค้าจะสับสน
ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ พวกเราที่บ้านเข้าใจค่ะ แต่นอกบ้านนี่ซิคะ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน
ทุกคนต้องชมว่าเค้าผิวดี จมูกโด่ง แล้วตบท้ายด้วยน่ารัก....ฯประมาณนี้
แล้วเค้าก็จะกลับมาชื่นชมให้แม่ฟังว่าคนโน้นชม คนนี้ชม ครูชม แม่เพื่อนชม...ฯ :b16:
ว่าเค้าสวย เค้าอยากเป็นเหมือนน้องปอยจัง แบบนี้น่ะค่ะ :b5:
แถมลับหลังบางคนแอบถามเราอีก แบบนี้น่ะค่ะ
:b48: O.wan คิดว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเวรกรรมของครอบครัวเค้าน่ะ ใครๆก็อยากเกิดมาดี
ด้วยกันทั้งนั้นแต่เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องสู้กับมันต่อไป
ก็สงสารน้องสาวนะค่ะเค้ากำลังอยู่ในช่วงทำใจ ถ้าเป็นเราก็ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่าเลย
เค้าก็ยังหวังว่าเด็กอาจจะสับสนอยู่แล้วสักวันแกก็จะเปลี่ยนน่ะค่ะ :b48:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 09:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เต้ครับ เขียน:
ผมไม่ได้ ชอบ ผู้ ชาย หรอกคับ

ก้อชอบผู้ ญ เหมือนผู้ ชายทั่วไป แค่ดูแล้วเรียบร้อยกว่า

ไม่ค่อยแมนเท่าที่ควร เลยถูกมอง ว่าเปงยังงั้นไป

่ส่วนเรื่องของเมา ก้อ แค่สุราอ่ะไรพวกนีน้แหละคับ

ไม่ได้มีสาเสพติดมาเกี่ยวหรอกคับ


แถวบ้านมีค่ายมวยไหมน้องเต้ ฝึกมวยสะเลย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b11: แล้วคุณอาสยาม พอมีคำแนะนำให้บ้างไม๊คะ เพราะไม่รู้จริงๆว่าจะทำยังไง...ต่อไป :b10:
ทุกๆวันก็จะคุยกับน้องสาว เค้าก็ค่อยๆทำใจได้ แต่รู้ว่าเค้าทุกข์น่ะค่ะ
เราเห็นหลานเรารับได้แต่มันอาจจะเพราะไม่ใช่เราไง
ถ้าเป็นเราจริงๆ จะทำได้ไม๊ :b10: แค่อยากช่วยพวกเค้าไม่มากก็น้อย :b8:


คุณพี่ o.wan ลองค้นหาคำว่า
"พัฒนาการทางเพศ"
http://www.google.co.th/search?hl=&q=%E ... 3&ie=UTF-8

หรือ "เอกลักษณ์ทางเพศ" ดูนะครับ
http://www.google.co.th/search?hl=&q=%E ... 3&ie=UTF-8


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บริษัทคลินิคจิต-ประสาท
ห้องรับแขก
กลับไป ความรู้เรื่องโรคทางจิตเวชและปัญหาพฤติกรรม




พัฒนาการทางเพศ และปัญหาทางเพศในเด็กและวัยรุ่น
Sexual Development and Sexual Problems in Children and Adolescent

พนม เกตุมาน พบ. วว.จิตเวชศาสตร์ อว.จิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น
Diploma of Child and Adolescent Psychiatry, Institute of Psychiatry and University of London, UK.



พัฒนาการเรื่องเพศในเด็ก และวัยรุ่น เกี่ยวข้องกับชีวิต ตั้งแต่เด็ก การที่บุคคลได้เรียนรู้ธรรมชาติความเป็นจริงทางเพศ จะช่วยให้มีความรู้ มีทัศนคติ สามารถปรับตัวตามพัฒนาการของชีวิตอย่างเหมาะสม และมีพฤติกรรมถูกต้องในเรื่องเพศ เรื่องเพศสามารถสอนได้ตั้งแต่เด็กยังเล็ก สอดแทรกไปกับการส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นๆ พ่อแม่ควรเป็นผู้สอนเบื้องต้น เมื่อเข้าสู่โรงเรียน ครูช่วยสอนให้สอดคล้องไปกับที่บ้าน เมื่อเด็กเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ควรส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่มีแนวทางที่ถูกต้อง ป้องกันปัญหาทางเพศที่อาจเกิดตามมาในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่

พัฒนาการทางเพศ1-5

การเรียนรู้เรื่องเพศนั้น ประกอบด้วยเนื้อหาตามพัฒนาการ 6 ด้าน ดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย(Human sexual development) ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเจริญเติบโต พัฒนาการทางเพศตามวัย ทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

2. สัมพันธภาพ (Interpersonal relation) การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลในสังคม การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อนเพศเดียวกัและต่างเพศ การเลือกคู่ การเตรียมตัวก่อนสมรส และการสร้างครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่าง สามี-ภรรยา พ่อ-แม่-ลูก

3. ทักษะส่วน บุคคล (Personal and communication skills)ความสามารถใน การจัดการสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เช่น ทักษะการสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์ และควบคุมความสัมพันธ์ให้อยู่ในความถูกต้องเหมาะสม ทักษะการปฏิเสธ ทักษะการขอความช่วยเหลือ ทักษะการจัดการกับอารมณ์ ทักษะการตัดสินใจและแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ

4. พฤติกรรมทาง เพศ (Sexual behaviors) การแสดงออกถึงพฤติกรรมทางเพศหรือบทบาททางเพศ (gender role) ที่เหมาะสมกับบทบาททางเพศและวัย เป็นที่ยอมรับของสังคม ไม่เกิดความเสี่ยงทางเพศ (เช่น เพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น เพศสัมพันธ์ที่ปราศจากการป้องการตั้งครรภ์หรือการติดเชื้อ) การสร้างเอกลักษณ์ทางเพศที่ เหมาะสม ความเสมอภาคทางเพศ และบทบาททางเพศที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคมอย่างสมดุล

5. สุขอนามัยทาง เพศ (Sexual health) ความรู้ความเข้าใจและสามารถดูแลสุขภาพอนามัยทางเพศได้ตามวัย เช่น การดูแลรักษาอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ อนามัยการเจริญพันธุ์ สังเกตการเปลี่ยนแปลงต่างๆและความผิดปกติในลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะเพศ การหลีกเลี่ยงอันตรายจากการชอกช้ำ บาดเจ็บ อักเสบ และติดเชื้อ รวมถึงการถูกล่วงเกินทางเพศ

6. สังคมและ วัฒนธรรม (Society and culture) ค่านิยมในเรื่องเพศที่เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรม ไทย การให้เกียรติเพศตรงข้าม การรักนวลสงวนตัว ไม่ปล่อยใจให้เกิดเพศสัมพันธ์โดยง่าย การปรับตัวต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยเฉพาะจากสื่อที่ยั่วยุทางเพศต่างๆ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ

เป้าหมายของพัฒนาการทางเพศ

พัฒนาการทางเพศ เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการบุคลิกภาพ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก มีความต่อเนื่องไปจนพัฒนาการเต็มที่ในวัยรุ่น หลังจากนั้นเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่ติดตัวตลอดชีวิต เมื่อสิ้นสุดวัยรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้6-7

1. มีความรู้ เรื่องเพศ ตามวัย และพัฒนาการทางเพศ ตั้งแต่ร่างกาย การเปลี่ยนแปลงไปตามวัย และจิตใจสังคม ของทั้งตนเอง และผู้อื่น ทั้งของเพศตรงกันข้าม ความแตกต่างกันระหว่างเพศ

2. มีเอกลักษณ์ทางเพศของตนเอง ได้แก่ การรับรู้เพศตนเอง(core gender) บทบาททางเพศและพฤติกรรมทางเพศ(gender role) มีความพึงพอใจทางเพศหรือความรู้สึกทางเพศต่อเพศตรงข้ามหรือต่อเพศเดียวกัน(sexual orientation)

3. มีพฤติกรรมการรักษาสุขภาพทางเพศ(sexual health) การรู้จักร่างกายและอวัยวะเพศของตนเอง ดูแลรักษาทำความสะอาด ป้องกันการบาดเจ็บ การติดเชื้อ การถูกล่วงเกินละเมิดทางเพศ การป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ

4. ทักษะในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่จะร่วมเป็นคู่ครอง การเลือกคู่ครอง การรักษาความสัมพันธ์นี้ให้ยาวนาน แก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตร่วมกัน การสื่อสาร การมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคู่ครองอย่างมีความสุข มี การวางแผนชีวิตและครอบครัว

5. บทบาทในครอบครัว บทบาทและหน้าที่สำหรับการเป็นลูก การเป็นพี่-น้อง และสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว หน้าที่และความรับผิดชอบชอบการเป็นพ่อแม่ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และขนบธรรมเนียมประเพณีและศีลธรรมของสังคมที่อยู่

6. ทัศนคติทางเพศที่ถูกต้อง ภูมิใจพอใจในเพศของตนเอง ไม่รังเกียจหรือปิดบัง ปิดกั้นการเรียนรู้ทางเพศที่เหมาะสม รู้จักควบคุมพฤติกรรมทางเพศให้แสดงออกถูกต้อง ให้เกียรติผู้อื่น ไม่ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้อื่น ยับยั้งใจตนเองไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร



พัฒนาการทางเพศในวัยต่างๆ

การเข้าใจพื้นฐานพัฒนาการทางเพศในเด็กวัยต่างๆ จะช่วยให้ผู้สอน มีแนวทาง และกำหนดวัตถุประสงค์การสอน ให้สอดคล้องกับพัฒนาการทางเพศปกติ ดังนี้ 8-9

วัยแรกเกิด – 1 ปี

เมื่อเด็กคลอดจากครรภ์ มารดา เอกลักษณ์ทางกายถูกกำหนดโดยแพทย์ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง การกำหนดเพศนี้มีความสำคัญที่ทำให้พ่อแม่และครอบครัว ยอมรับและเลี้ยงดูเด็กไปตามเพศนั้น เด็กที่มีอวัยวะเพศกำกวม อาจถูกกำหนดเพศผิด ถูกเลี้ยงดูผิดเพศไปจนโต

วัยนี้เด็กยังเล็กมาก พัฒนาการทางจิตใจที่สำคัญคือ การแยกแยะตนเองจากสิ่งแวดล้อมเกิดในระยะ 6 เดือนแรกของชีวิต หลังจากนั้นเด็กจะเรียนรู้การเชื่อใจในพ่อแม่ที่ให้ความมั่นใจในชีวิตว่า เมื่อเด็กรู้สึกไม่สบายกายจากความหิว จะได้รับอาหาร เมื่อขับถ่ายจะมีคนมาช่วยทำความสะอาด ความรู้สึกมั่นใจในผู้อื่นนี้ทำให้เด็กเกิดความไว้วางใจในความสัมพันธ์กับ ผู้อื่น ความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่นและต่อโลก เป็นพื้นฐานสำคัญต่อมนุษยสัมพันธ์ในเวลาต่อมา วัยนี้เด็กต้องการการสัมผัสกอดรัด และการอยู่ใกล้ชิดของพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูอย่างมาก เด็กที่ถูกทอดทิ้งจะขาดความมั่นคงทางอารมณ์ เมื่อโตขึ้นจะขาดความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับใคร ไม่ไว้วางใจคนอื่น มองโลกในแง่ร้าย เห็นแก่ตัว เรียกร้องความรักจากผู้อื่น แต่ไม่มีความรักความเสียสละให้ใคร

เด็กอายุขวบปีแรก เริ่มแยกตัวเองจากสิ่งแวดล้อม Simund Freud ให้ความหมายของ * หรือความพึงพอใจเด็กวัยนี้ อยู่ที่ปาก (oral phase) เนื่องจากประสาทสัมผัสที่ปากมีความไวมาก

· 6 เดือนแรก มีความพึงพอใจจากการใช้ปากดูดและกินนม

· 6 เดือนหลังของปีแรก เด็กพอใจใช้ปากกัด

บทบาทของพ่อแม่ 6 เดือนแรก ควรตอบสนองความต้องการทางปากของเด็ก เมื่อเด็กร้องเพราะหิว ให้ตอบสนองตามความต้องการ แต่ใน 6 เดือนหลัง เมื่อเด็กร้องเพราะหิว ให้ฝึกเด็กให้รู้จักการอ เริ่มจากทีละน้อย



วัย1-3 ปี

วัยนี้เด็กเริ่มเคลื่อน ไหวได้มากขึ้น เดินได้ เริ่มซนและสำรวจสิ่งแวดล้อม

Simund Freud ให้ความหมายของ * หรือความพึงพอใจเด็กวัยนี้ เปลี่ยนจากที่ปากมาอยู่ที่ทวารหนัก (anal phase) เด็กเริ่มควบคุมการขับถ่ายได้ สำรวจอวัยวะเพศตนเอง และอาจเพลิดเพลินกับการเล่นอวัยวะเพศถ้าเหงาหรืออยู่คนเดียว เด็กยังไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่การกระตุ้นอวัยวะเพศทำให้รู้สึกเสียวเพลินจนติดเป็นนิสัยได้

เมื่อเด็กอายุ 2 ขวบเด็กเริ่มเรียนรู้ว่าตนเองเป็นเพศใด โดยเรียนรู้จากการที่พ่อแม่เรียก และกำหนดบทบาทให้ตามเพศ ได้แก่ การแต่งกาย การเล่น ของเล่น การเรียกชื่อ สรรพนาม เริ่มสามารถแยกเพศตนเองได้ รู้ว่าตนเองเป็นเพศหญิงหรือชาย จากการบอกกล่าวจากพ่อแม่และสิ่งแวดล้อม การรู้จักเพศตนเองว่าเป็นเพศใด ตรงตามลักษณะทางร่างกาย เรียกว่าเด็กมี core gender เป็นของตนเอง เมื่อเด็กอายุ 3 ปีสามารถบอกผู้อื่นได้ว่าตนเองเป็นเพศใด แยกแยะความแตกต่างของอวัยวะเพศได้

บทบาทของพ่อแม่ สอนให้เด็กรู้ว่าเป็นเพศใด ตรงตามความเป็นจริง ผู้ใหญ่ไม่ควรล้อเลียนให้เด็กอายในเรื่องเพศ หรือแสดงให้เห็นว่าเพศใดดีกว่ากัน ไม่ควรหลอกหรือขู่เด็กว่าจะตัดอวัยวะเพศเพราะอาจทำให้เด็กกลัวจริงๆ และเกิดทัศนคติทางลบฝังใจต่อเรื่องเพศไปจนโต

วัยนี้เด็กต้องการการฝึกควบคุมตนเอง ซึงเป็นพื้นฐานของระเบียบวินัย และการควบคุมตัวเองเรื่องเพศในระยะต่อมา

พ่อแม่สามารถสื่อสารด้วย คำพูดกับเด็กได้มากขึ้น ควรเริ่มต้นปลูกฝังระบบจริยธรรมในชีวิตเด็กตั้งแต่วัยนี้ โดยสอนและกำกับให้เด็กอยู่ในกฎเกณฑ์และความปลอดภัย ไม่ตามใจเกินไป การให้เด็กสำรวจเรียนรู้จากการเล่นในกรอบที่ถูกต้อง ช่วยให้เด็กมีเหตุผล เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎกติกาของสังคม



วัย3-6 ปี

เด็กอายุ 3-6 ปี เริ่มสนใจและอยากรู้เรื่องเพศ เลียนแบบพฤติกรรมทางเพศจากพ่อหรือแม่เพศเดียวกัน เพลิดเพลินกับการเล่นและสำรวจเรื่องทางเพศ

Simund Freud ให้ความหมายของ * หรือความพึงพอใจเด็กวัยนี้ เปลี่ยนจากที่ทวารหนัก มาอยู่ที่อวัยวะเพศตนเอง(oedepus complex) เด็กชายจะหวงแม่และเกรงกลัวพ่อ แต่พยายามเลียนแบบพ่อเพื่อให้เป็นพวกเดียวกันและเป็นที่ยอมรับของพ่อ แต่ก็ยังเกรงกลัวว่าอวัยวะเพศตนเองจะถูกตัด(castration anxiety) เพศหญิงจะหวงพ่อและเกรงกลัวแม่ แต่เลียนแบบแม่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของแม่เช่นกัน ความรู้สึกว่าตนเองไม่มีอวัยวะเพศชายทำให้เด็กผู้หญิงเกิดความอิจฉาที่เรียก ว่า penis envy การถ่ายทอดแบบอย่างทางเพศของทั้งชายและหญิงนี้จะกำหนดให้เด็กมีบทบาททางเพศ (gender role)อย่างถูกต้อง เด็กเรียนรู้บทบาททางเพศจากครอบครัวเป็นหลัก และเรียนรู้เสริมที่โรงเรียน และสังคมภายนอก การเล่นในวัยนี้อาจไม่ตรงตามเพศ (เด็กผู้ชายอาจเล่นตุ๊กตา เด็กผู้หญิงอาจเตะฟุตบอล) การเล่นของเล่นที่ไม่ตรงตามเพศนี้จะน้อยลงเมื่อเข้าสู่วัยเรียน โดยค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นการเล่นที่ตรงกับเพศตนเองมากขึ้น

เด็กมีความสนใจเรื่องเพศ มาก อยากรู้อยากเห็น สำรวจตนเองและผู้อื่นเรื่องเพศ อาจมีพฤติกรรมกระตุ้นตนเองทางเพศ เล่นอวัยวะเพศตนเอง จนอาจติดเป็นนิสัยได้

วัยนี้เด็กอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศมาก อาจมีคำถามเกี่ยวกับเพศบ่อยๆ ผู้ใหญ่ควรตอบให้เด็กเข้าใจสั้นๆ ไม่ควรบ่ายเบี่ยงหรือตอบไม่ตรงความจริง เพราะอาจทำให้เด็กสับสนและคงอยากรู้อยากเห็นต่อไปอีก เด็กอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศ เช่นแอบดูเด็กอื่นในห้องน้ำ เปิดกระโปรงแม่หรือเด็กอื่น ผู้ใหญ่ควรเอาจริงแต่นุ่มนวลโดยห้ามอย่างสงบ อธิบายสั้นๆให้เด็กเข้าใจว่าพฤติกรรมอย่างใดไม่เป็นที่ยอมรับ

บางครั้งเด็กแสดงพฤติกรรมทางเพศตามแบบอย่างที่เด็กเห็นมาจากบ้าน เช่น เด็กที่เห็นผู้ใหญ่มีเพศสัมพันธ์กันอาจแสดงท่าทางร่วมเพศกับเด็กอื่น ถ้าเกิดขึ้นผู้ใหญ่ควรห้าม จัดการให้เด็กหยุดด้วยท่าทางจริงจัง แต่นุ่มนวล และเบนความสนใจไปที่กิจกรรมอื่น ให้เด็กอยู่ในสายตาจนไม่เกิดพฤติกรรมนี้อีก ตรวจสอบว่าพ่อแม่อาจให้เด็กนอนด้วยและเห็นพ่อแม่มีเพศสัมพันธ์กันหรือไม่ ควรแนะนำพ่อแม่ให้แยกห้องนอนเด็ก และระมัดระวังอย่าให้เด็กได้เห็นการมีเพศสัมพันธ์กันของผู้ใหญ่

บทบาทของพ่อแม่ ควรเป็นแบบอย่างทางเพศที่ถูกต้อง วัยนี้ควรเริ่มสอนให้เด็กรักษาความสะอาดอวัยวะเพศ ป้องกันตัวเองทางเพศ ปฏิเสธไม่ไปไหนกับคนอื่น ปฏิเสธคนแปลกหน้ามาสัมผัสอวัยวะเพศตนเอง ส่งเสริมบทบาททางเพศที่เหมาะสม ได้แก่การแต่งกาย การเล่น พ่อควรใกล้ชิดลูกชาย แม่ควรใกล้ชิดลูกสาว วัยนี้เด็กเริ่มมีเหตุผลและควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ต้องการทำตัวดีเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ต้องการอยู่ในกลุ่ม หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ถูกลงโทษ หรือไม่ยอมรับจากผู้ใหญ่ วัยนี้สามารถอธิบายเหตุผลได้สั้นๆ ง่ายๆ มีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมประกอบ



วัย 6-12 ปี

วัยนี้ยังไม่มีอารมณ์เพศ หรือความรู้สึกทางเพศ Simund Freud ให้ความหมายของ * หรือความพึงพอใจเด็กวัยนี้ว่าไม่แสดงออกชัดเจน เรียกว่าระยะแฝงตัว (latency phase) เด็กเล่นเป็นกลุ่มเฉพาะเพศเดียวกัน เด็กเรียนรู้บทบาททางเพศจากการสังเกตและเลียนแบบพ่อแม่ญาติพี่น้อง ในครอบครัว เพื่อน ครู เพื่อนบ้านและคนอื่นๆในสังคม เด็กผู้ชายที่มีลักษณะค่อนข้างไปทางหญิง เช่น เรียบร้อย ไม่เล่นซน มักถูกกีดกันจากกลุ่มเด็กผู้ชาย จะหันไปสนิทสนมกับเด็กผู้หญิง และอาจมีพฤติกรรมเป็นหญิงมากขึ้น ทำให้ถูกกีดกันจากเด็กผู้ชายมากขึ้น ในตอนปลายวัยนี้เด็กบางคนเข้าสู่วัยรุ่นเร็วกว่าเด็กอื่นๆ การเรียนรู้เรื่องการเข้าสู่วัยรุ่นจึงควรเริ่มมีเพื่อเตรียมตัวเด็กต่อการ เปลี่ยนแปลงเช่น การมีประจำเดือนในเด็กผู้หญิง

บทบาทของพ่อแม่ ควรส่งเสริมกิจกรรมที่เหมาะสมกับเพศ ให้เด็กเป็นที่ยอมรับของเพื่อนเพศเดียวกัน เด็กที่มีพฤติกรรมผิดเพศ ควรแก้ไขโดยเร็ว โดยการให้เด็กอยู่และร่วมกิจกรรมในกลุ่มเพศเดียวกันเอง ให้พ่อแม่เพศเดียวกันใกล้ชิดเด็กมากขึ้น พ่อแม่ต่างเพศให้ห่างออกไปไม่ควรใกล้ชิดมากเหมือนเดิม จัดกิจกรรม หรือส่งเสริมกิจกรรมเหมาะสมตามเพศ



วัย 12-18 ปี 10

เด็กอายุ 12 ปี เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจสังคม และทางเพศอย่างมาก มีความรู้สึกและความต้องการทางเพศ มีเอกลักษณ์ทางเพศ มีความพึงพอใจทางเพศ (sexual orientation) Simund Freud ให้ความหมายของ * หรือความพึงพอใจเด็กวัยรุ่นนี้มาอยู่ที่อวัยวะเพศ (genital phase)

พัฒนาการทางร่างกาย ( Physical development ) มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทั่วไป และการเปลี่ยนแปลงทางเพศ เนื่องจากวัยนี้ มีการสร้างและหลั่งฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนของการเจริญเติบโตอย่างมากและรวด เร็ว ร่างกายเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แขนขายาวขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงอื่นประมาณ 2 ปี เพศหญิงมีไขมันมากกว่าชาย ชายมีกล้ามเนื้อมากกว่าทำให้เพศชายแข็งแรงกว่า

การเปลี่ยนแปลงทางเพศ(Sexual changes)ที่เห็นได้ชัดเจน คือวัยรุ่นชายเกิดนมขึ้นพาน(หัวนมโตขึ้นเล็กน้อย กดเจ็บ) เสียงแตก หนวดเคราขึ้น และเริ่มมีฝันเปียก ( nocturnal ejaculation – การหลั่งน้ำอสุจิในขณะหลับ มักสัมพันธ์กับความฝันเรื่องเพศ) การเกิดฝันเปียกครั้งแรกเป็นสัญญาณวัยรุ่นของเพศชาย ส่วนวัยรุ่นหญิงเป็นสาวขึ้น เต้านมมีขนาดโตขึ้น ไขมันที่เพิ่มขึ้นทำให้มีรูปร่างทรวดทรง สะโพกผายออก และเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก ( menarche) การมีประจำเดือนครั้งแรก เป็นสัญญาณเข้าสู่วัยรุ่นในหญิง ทั้งสองเพศมีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ ขนาดโตขึ้น และเปลี่ยนเป็นแบบผู้ใหญ่ มีขนขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ มีกลิ่นตัว มีสิวขึ้น

พัฒนาการทางจิตใจ (Psychological Development) วัยนี้สติปัญญาพัฒนาสูงขึ้น จนมีความคิดเป็นแบบรูปธรรม ความสามารถเรียนรู้ เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ มีลึกซึ้ง มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ สิ่งต่างๆได้มากขึ้นตามลำดับ สามารถคิดได้ดี คิดเป็น คิดหลายด้าน ทำให้สามารถตัดสินใจได้ ความสามารถทางสติปัญญาเพิ่มมากขึ้นจนเหมือนผู้ใหญ่ แต่ในช่วงระหว่างวัยรุ่นนี้ ยังขาดประสบการณ์ ขาดความรอบคอบ มีความหุนหันพลันแล่น ขาดการยั้งคิดหรือไตร่ตรอง ทำอะไรวู่วามหรือทำด้วยความอยากตามสัญชาติญาณ หรือตามความต้องการทางเพศที่มีมากขึ้น พัฒนาการทางจิตใจจะช่วยให้วัยรุ่น มีการยั้งคิด ควบคุม และปรับตัว (adjustment) ต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีในเวลาต่อมา

เอกลักษณ์ (identity) วัยรุ่นเริ่มแสดงออกถึงสิ่งตนเองชอบ สิ่งที่ตนเองถนัด ซึ่งแสดงถึงความเป็นตัวตนของเขาที่โดดเด่น ได้แก่ วิชาที่เขาชอบเรียน กีฬาที่ชอบเล่น งานอดิเรก การใช้เวลาว่างให้เกิดความเพลิดเพลิน กลุ่มเพื่อนที่ชอบและสนิทสนมด้วย โดยเขาจะเลือกคบคนที่มีส่วนคล้ายคลึงกัน หรือเข้ากันได้ และเกิดการเรียนรู้และถ่ายทอดแบบอย่างจากกลุ่มเพื่อนนี้เอง ทั้งแนวคิด ค่านิยม ระบบจริยธรรม การแสดงออกและการแก้ปัญหาในชีวิต จนสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของตน และกลายเป็นบุคลิกภาพนั่นเอง วัยนี้จะมีเอกลักษณ์ทางเพศ(sexual identity)ชัดเจน ขึ้น ประกอบด้วย การรับรู้ว่าตนเองเป็นเพศใด(core gender identity)ซึ่งติดตัวเด็กมาตั้งแต่อายุ 3 ปีแล้ว พฤติกรรมที่แสดงออกทางเพศ(gender role)คือพฤติกรรม ซึ่งเด็กแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นได้แก่ กิริยาท่าทาง คำพูด การแต่งกาย เหมาะสมและตรงกับเพศตนเอง และ ความรู้สึกพึงพอใจทางเพศ(sexual orientation) คือความรู้สึกทางเพศกับเพศใด ทำให้วัยรุ่นบอกได้ว่าตนเองชอบทางเพศกับเพศเดียวกัน(homosexualism) กับเพศตรงข้าม(heterosexualism) หรือได้กับทั้งสองเพศ(bisexualism)

ความพึงพอใจทางเพศนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ทำได้ยาก วัยรุ่นจะรู้ด้วยตัวเองว่า ความพึงพอใจทางเพศของตนแบบนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะการแสดงออกภายนอก ไม่ให้แสดงออกผิดเพศมากจนเป็นที่ล้อเลียนกลั่นแกล้งของเพื่อนๆ

วัยนี้ต้องการการยอมรับ จากกลุ่มเพื่อนอย่างมาก(acceptance) อยากเด่นอยากดัง อยากให้มีคนรู้จักมากๆ อยากเป็นที่ชื่นชม ชื่นชอบของคนอื่นๆ อาจแสดงออกเป็นพฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสม เช่น การแต่งกายยั่วยวนทางเพศ เพื่อให้เป็นที่สนใจของเพศตรงข้าม วัยรุ่นที่เป็นรักร่วมเพศอาจแสดงออกผิดเพศมากขึ้น เพื่อให้เป็นที่สนใจและยอมรับ หรือเมื่อถูกกีดกันจากเพศเดียวกัน ก็อาจจับกลุ่มพวกที่แสดงออกผิดเพศเหมือนกัน เป็นการแสวงหากลุ่มที่ยอมรับ ทำให้เห็นการแสดงออกผิดเพศมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงทางเพศใน วัยนี้ตามปกติ ทำให้เด็กรู้สึกความภาคภูมิใจตนเอง (self esteem) ในทางตรงข้ามเด็กที่เปลี่ยนแปลงช้า หรือไม่มีลักษณะเด่นทางเพศอาจเสียความภูมิใจในตนเอง เสียความมั่นใจตนเอง (self confidence) วัยรุ่นบางคนไม่มีข้อดีข้อเด่นด้านใดเลย อาจแสดงออกทางเพศมากขึ้นเพื่อให้ตนเองรู้สึกภูมิใจในตนเอง หรือบางคนมีแฟนเร็วหรือมีเพศสัมพันธ์เร็วเพื่อทำให้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีคนต้องการ มีคนทำดีด้วย วัยรุ่นที่มีปัญหาครอบครัวจึงมักมีพฤติกรรมทางเพศเร็ว เช่นมีแฟน มีเพศสัมพันธ์ เพื่อชดเชยหรือทดแทนความรู้สึกเบื่อ เหงา ไร้ค่า เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกตนเองไม่มีคุณค่ามากขึ้น บางคนใช้เรื่องเพศเป็นสะพานสู่ความต้องการทางวัตถุ ได้เงินตอบแทน หรือโอ้อวดเพื่อนๆว่าเป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้ามมาก

วัยรุ่นบางคนขาดกรอบที่ ใช้เป็นหลักในการควบคุมตนเอง วัยนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง (independent : autonomy) รักอิสระ เสรีภาพ ไม่ค่อยชอบอยู่ในกฎเกณฑ์กติกาใดๆ ชอบคิดเอง ทำเอง พึ่งตัวเอง เชื่อความคิดตนเอง ความอยากรู้อยากเห็นอยากลองมีมาก มีปฏิกิริยาตอบโต้ผู้ใหญ่ที่บีบบังคับสูง ทำให้อาจเกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การแต่งกาย การเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้าหรือเสพยาเสพติด เพศสัมพันธ์ การจัดขอบเขตในวัยรุ่นจึงต้องให้พอดี ถ้าห้ามมากเกินไป วัยรุ่นอาจแอบทำนอกสายตาผู้ใหญ่ แต่ถ้าปล่อยปละละเลยเกินไปจะเกิดพฤติกรรมเสี่ยง การฝึกสอนการควบคุมตัวเองจึงต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดี ฝึกให้คิดด้วยตัวเอง เปิดโอกาสให้วัยรุ่นเรียนรู้ แต่อยู่ในขอบเขต

การควบคุมตนเอง (self control) วัยนี้ควรฝึกเรียนรู้การควบคุมความคิด ยั้งความคิดและความรู้สึกทางเพศหรือความต้องการทางเพศ ห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ วัยนี้ควรสอนให้ควบคุมตนเองโดยให้เกิดการควบคุมจากใจตนเอง ให้รู้ว่าถ้าไม่ควบคุมจะเกิดข้อเสียอะไรบ้าง ถ้าควบคุมจะมีข้อดีอย่างไร การฝึกให้วัยรุ่นใช้สมองส่วนคิดมาก ทำให้เกิดการคิดก่อนทำ ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ สมอง “ส่วนคิด” จะมาควบคุมสมอง “ส่วนอยาก” หรือควบคุมด้านอารมณ์เพศได้มากขึ้น

อารมณ์วัยรุ่นที่ปั่น ป่วน เปลี่ยนแปลง หงุดหงิด เครียด โกรธ กังวล ซึมเศร้าโดยไม่มีสาเหตุ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาทางเพศ เช่นวัยรุ่นบางคนอาจหันไปใช้กิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดหรือเพิ่มความสนุก สนานแต่เกิดปัญหาตามมา ได้แก่ การมีแฟน มีเพศสัมพันธ์ การใช้เหล้าและยาเสพติด

อารมณ์เพศเกิดขึ้นวัยนี้มาก ทำให้มีความสนใจเรื่องทางเพศ หรือมีพฤติกรรมทางเพศ เช่นการมีเพื่อนต่างเพศ การดูสื่อยั่วยุทางเพศรูปแบบต่าง การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในวัยนี้สามารถมีได้แต่ควรให้มีพอควร ไม่หมกมุ่นหรือปล่อยให้มีสิ่งแวดล้อมกระตุ้นทางเพศมากเกินไป วัยนี้อาจแสดงพฤติกรรมทางเพศบางอย่างอาจเป็นปัญหา เช่น เบี่ยงเบนทางเพศ กามวิปริต หรือการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น การฝึกให้วัยรุ่นเข้าใจ ยอมรับ และจัดการอารมณ์เพศอย่างถูกต้องดีกว่าปล่อยให้วัยรุ่นเรียนรู้เอง

จริยธรรม (moral development) วัยนี้สามารถพัฒนาให้มีจริยธรรม แยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้ เริ่มมีระบบมโนธรรมของตนเอง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลาย การควบคุมตนเองจะดีขึ้น จนเป็นระบบจริยธรรมที่สมบูรณ์เหมือนผู้ใหญ่ คือรู้ว่าอะไรไม่ควรทำ และสามารถควบคุมตนเองได้ด้วย จริยธรรมวัยนี้เกิดจากการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับคนใกล้ชิด คือพ่อแม่ ครู และเพื่อน การมีแบบอย่างที่ดีช่วยให้วัยรุ่นมีจริยธรรมที่ดีด้วย เพื่อนมีอิทธิพลสูงในการสร้างทัศนคติค่านิยมและจริยธรรม ถ้าเพื่อนไม่ดี อาจชักจูงให้เด็กขาดระบบจริยธรรมที่ถูกต้อง โดยเฉพาะจริยธรรมทางเพศ วัยรุ่นที่อยู่ในกลุ่มที่เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ จะมีเพศสัมพันธ์สูงกว่าวัยรุ่นทั่วไปอื่นๆ

จริยธรรมทางเพศในวัยรุ่น นี้ ควรให้เกิดความเข้าใจต่อเพศตรงข้าม ให้เกียรติ และยับยั้งใจทางเพศ ไม่ละเมิดหรือล่วงเกินผู้อื่น ทางเพศ

พัฒนาการทางสังคม (Social Development) วัยนี้เริ่มห่างจากทางบ้าน ไม่ค่อยสนิทสนมคลุกคลีกับพ่อแม่พี่น้องเหมือนเดิม แต่สนใจเพื่อนและเพศตรงข้าม สร้างความสัมพันธ์กับคนที่พึงพอใจทางเพศ และรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวจนตกลงร่วมเป็นคู่ครอง และสร้างครอบครัวให้ยืนยาวต่อไปได้

บทบาทของพ่อแม่ เป็นแบบอย่างทางเพศ สอนเรื่องการเปลี่ยนแปลง ทางร่างกายและจิตใจอารมณ์ การจัดการกับอารมณ์เพศ มีบทบาททางเพศที่เหมาะสม และการยับยั้งชั่งใจทางเพศ



ปัญหาทางเพศในเด็กและวัยรุ่น11

ปัญหาทางเพศในเด็กและวัยรุ่นแบ่งตามประเภทต่างๆได้ดังนี้

1. ความผิดปกติในเอกลักษณ์ทางเพศ Gender Identity Disorder 12

อาการ

เด็กมีพฤติกรรมผิดเพศ เด็กรู้สึกว่าตนเองเป็นเพศตรงข้ามกับเพศทางร่างกายมาตั้งแต่เด็ก มีพฤติกรรมทางเพศเป็นแบบเดียวกับเพศตรงข้าม ได้แก่

- การแต่งกายชอบแต่งกายผิดเพศ เด็กชายชอบสวมกระโปรงและรังเกียจกางเกง เด็กหญิงรังเกียจกระโปรงแต่ชอบสวมกางเกง เด็กชายชอบแต่งหน้าทาปากชอบดูแม่แต่งตัวและเลียนแบบแม่

- การเล่น มักเล่นเลียนแบบเพศตรงข้าม หรือชอบเล่นกับเพศตรงข้ามเด็กชายมักไม่ชอบเล่นรุนแรง ชอบเล่นกับผู้หญิง และมักเข้ากลุ่มเพศตรงข้ามเสมอ

- จินตนาการว่าตนเองเป็นเพศตรงข้ามเสมอแม้ในการเล่นสมมุติก็มักสมมุติตนเอง เป็นเพศตรงข้าม เด็กชายอาจจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางฟ้า หรือเจ้าหญิง เป็นต้น

- พฤติกรรมทางเพศเด็กไม่พอใจในอวัยวะเพศของตนเอง บางคนรู้สึกรังเกียจหรือแสร้งทำเป็นไม่มีอวัยวะเพศหรือต้องการกำจัดอวัยวะ เพศออกไป เด็กหญิงจะยืนปัสสาวะ เด็กชายจะนั่งถ่ายปัสสาวะ เลียนแบบพฤติกรรมทางเพศของเพศตรงข้ามโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

อาการต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วดำเนินอย่างต่อเนื่อง เด็กอาจถูกล้อเลียน ถูกกีดกันออกจากกลุ่มเพื่อนเพศเดียวกัน เด็กมักพอใจในการเข้าไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนต่างเพศ และถ่ายทอดพฤติกรรมของเพศตรงข้ามทีละน้อยๆ จนกลายเป็นบุคลิกภาพของตนเอง

เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เด็กมีความรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเพศของตนเองมากขึ้น และต้องการเปลี่ยนแปลงเพศตนเอง เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ภาวะเช่นนี้เรียกว่า Transsexualism



2. รักร่วมเพศ Homosexualism

อาการ

อาการ เริ่มเห็นชัดเจนตอนเข้าวัยรุ่น เมื่อเริ่มมีความรู้สึกทางเพศ ทำให้เกิดความพึงพอใจทางเพศ(sexual orientation) โดยมี ความรู้สึกทางเพศ ความต้องการทางเพศ อารมณ์เพศกับเพศเดียวกัน

รักร่วมเพศยังรู้จักเพศตน เอง(core gender) ตรงตามที่ร่างกายเป็น รักร่วมเพศชายบอกตนเองว่าเป็นเพศชาย รักร่วมเพศที่เป็นหญิงบอกเพศตนเองว่าเป็นเพศหญิง

การแสดงออกว่าชอบเพศเดียว กัน มีทั้งที่แสดงออกชัดเจนและไม่ชัดเจน

กิริยาท่าทางและการ แสดงออกภายนอก มีทั้งที่แสดงออกชัดเจน และไม่แสดงออก ขึ้นอยู่กับบุคลิกของผู้นั้นและการยอมรับของสังคม

ชายชอบชาย เรียกว่า เกย์ (gay) หรือตุ๊ด แต๋ว เกย์ยังมีประเภทย่อย เป็นเกย์คิง และเกย์ควีน เกย์คิงแสดงบทบาทภายนอกเป็นชาย การแสดงออกทางเพศ(gender role)ไม่ค่อยเป็นหญิง จึงดูภายนอกเหมือนผู้ชายปกติธรรมดา แต่เกย์ควีนแสดงออกเป็นเพศหญิง เช่นกิริยาท่าทาง คำพูด ความสนใจ กิจกรรมต่างๆ ความชอบต่างๆเป็นหญิง

หญิงชอบหญิง เรียกว่าเลสเบี้ยน(lesbianism) การแสดงออกมี 2 แบบเช่นเดียวกับเกย์ เรียกว่าทอมและดี้ ดี้แสดงออกเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ทอมแสดงออก(gender role)ออกเป็นชาย เช่นตัดผมสั้น สวมกางเกงไม่สวมกระโปรง

ในกลุ่มรักร่วมเพศ ยังมีประเภทย่อยอีกประเภทหนึ่ง ที่มีความพึงพอใจทางเพศได้กับทั้งสองเพศ เรียกว่า ไบเซกชวล (bisexualism) มีความรู้สึกทางเพศและการตอบสนองทางเพศได้กับทั้งสองเพศ



สาเหตุ ปัจจุบันมีหลักฐานสนับสนุนว่า สาเหตุมีหลายประการประกอบกัน ทั้งสาเหตุทางร่างกาย พันธุกรรม การเลี้ยงดู และสิ่งแวดล้อมภายนอก



การช่วยเหลือ พฤติกรรมรักร่วมเพศเมื่อพบในวัยเด็ก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยการแนะนำการเลี้ยงดู ให้พ่อแม่เพศเดียวกันใกล้ชิดมากขึ้น พ่อแม่เพศตรงกันข้ามสนิทสนมน้อยลง เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดแบบอย่างทางเพศที่ถูกเพศ แต่ต้องให้มีความสัมพันธ์ดีๆต่อกัน ส่งเสริมกิจกรรมเหมาะสมกับเพศ เด็กชายให้เล่นกีฬาส่งเสริมความแข็งแรงทางกาย ให้เด็กอยู่ในกลุ่มเพื่อนเพศเดียวกัน

ถ้ารู้ว่าเป็นรักร่วมเพศตอนวัยรุ่น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ การช่วยเหลือทำได้เพียงให้คำปรึกษาแนะนำในการดำเนินชีวิตแบบรักร่วมเพศอย่าง ไร จึงจะเกิดปัญหาน้อยที่สุด และให้คำแนะนำพ่อแม่เพื่อให้ทำใจยอมรับสภาวการณ์นี้ โดยยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกต่อไป

การป้องกัน การเลี้ยงดู เริ่มตั้งแต่เล็ก พ่อแม่ความสัมพันธ์ดี พ่อและแม่เพศเดียวกันกับเด็กมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก การคบเพื่อน ส่งเสริมกิจกรรมให้ตรงตามเพศ



2. พฤติกรรมกระตุ้นตนเองทางเพศในเด็ก(การเล่นอวัยวะเพศตนเอง Self-stimulation behavior)

อาการ

กระตุ้นตนเองทางเพศ เช่น นอนคว่ำถูไถอวัยวะเพศกับหมอน หรือพื้น

สาเหตุ

เด็กเหงา ถูกทอดทิ้ง มีโรคทางอารมณ์ เด็กมักค้นพบด้วยความบังเอิญ เมื่อถูกกระตุ้นหรือกระตุ้นตนเองที่อวัยวะเพศแล้วเกิดความรู้สึกเสียว พอใจกับความรู้สึกนั้น เด็กจะทำซ้ำ ในที่สุดติดเป็นนิสัย

การช่วยเหลือ

1. หยุดพฤติกรรมนั้นอย่างสงบ เช่น จับมือเด็กออก ให้เด็กนอนหงาย บอกเด็กสั้นๆว่า “หนูไม่เล่นอย่างนั้น”

2. เบี่ยงเบนความสนใจ ให้เด็กเปลี่ยนท่าทาง ชวนพูดคุย

3. หากิจกรรมทดแทน ให้เด็กได้เคลื่อนไหว เพลิดเพลิน สนุกสนานกับกิจกรรมและสังคม

4. อย่าให้เด็กเหงา ถูกทอดทิ้งหรืออยู่ตามลำพัง เด็กอาจกลับมากระตุ้นตนเองอีก

5. งดเว้นความก้าวร้าวรุนแรง การห้ามด้วยท่าทีน่ากลัวเกินไปอาจทำให้เด็กกลัวฝังใจมีทัศนคติด้านลบต่อ เรื่องเพศ อาจกลายเป็นเก็บกดทางเพศ หรือขาดความสุขทางเพศในวัยผู้ใหญ่



3. พฤติกรรมกระตุ้นตนเองทางเพศในวัยรุ่น หรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง (Masturbation)

สาเหตุ พฤติกรรมกระตุ้นตนเองทางเพศในวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอันตราย ยอมรับได้ถ้าเหมาะสมไม่มากเกินไปหรือหมกมุ่นมาก พบได้บ่อยในเด็กที่มีปัญหาทางจิตใจ ปัญญาอ่อน เหงา กามวิปริตทางเพศ และสิ่งแวดล้อมมีการกระตุ้นหรือยั่วยุทางเพศมากเกินไป

การช่วยเหลือ ให้ความรู้เรื่องเพศที่ถูกต้อง ให้กำหนดการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองให้พอดีไม่มากเกินไป ลดสิ่งกระตุ้นทางเพศที่ไม่เหมาะสม ใช้กิจกรรมเบนความสนใจ เพิ่มการออกกำลังกาย ฝึกให้เด็กมีควบคุมให้พฤติกรรมให้พอควร



4. พฤติกรรมทางเพศที่วิปริต (Paraphilias)12

อาการ

ผู้ป่วยไม่สามารถเกิดอารมณ์เพศได้กับสิ่งกระตุ้นทางเพศปกติ มีความรู้สึกทางเพศได้เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศที่แปลกประหลาดพิสดาร ที่ไม่มีในคนปกติ ทำให้เกิดพฤติกรรมใช้สิ่งผิดธรรมชาติกระตุ้นตนเองทางเพศ มีหลายประเภทแยกตามสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศ

ประเภทของ Paraphilia

1. Fetishism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการสัมผัส ลูบคลำ สูดดมเสื้อผ้าชุดชั้นใน

2. Exhibitionism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการโชว์อวัยวะเพศตนเอง

3. Frotteurism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการได้ถูไถ สัมผัสภายนอก

4. Voyeurism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการแอบดู

5. Sadism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด ด้วยการทำร้ายร่างกาย หรือคำพูด

6. Masochism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการทำตนเอง หรือให้ผู้อื่นทำให้ตนเองเจ็บปวด ด้วยการทำร้ายร่างกาย หรือคำพูด

7. Pedophilia เกิดความรู้สึกทางเพศจากกับเด็ก

8. Zoophilia เกิดความรู้สึกทางเพศกับสัตว์

9. Transvestism เกิดความรู้สึกทางเพศจากการแต่งกายผิดเพศ

สาเหตุ

1. การเลี้ยงดู ทัศนคติไม่ดีต่อเรื่องทางเพศ ที่พ่อแม่ปลูกฝังเด็กทำให้เด็กเรียนรู้ว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องต้องห้าม ต้องปิดบัง เลวร้ายหรือเป็นบาป เด็กจะเก็บกดเรื่องเพศ ทำให้ปิดกั้นการตอบสนองทางเพศกับตัวกระตุ้นทางเพศปกติ

2. การเรียนรู้ เมื่อเด็กเริ่มมีความรู้สึกทางเพศ แต่ไม่สามารถแสดงออกทางเพศได้ตามปกติ เด็กจะแสวงหาหรือเรียนรู้ด้วยตัวเอง ว่าเมื่อใช้ตัวกระตุ้นบางอย่าง ทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศได้ จะเกิดการเรียนรู้แบบเป็นเงื่อนไข และเป็นแรงเสริมให้มีพฤติกรรมกระตุ้นตัวเองทางเพศด้วยสิ่งกระตุ้นนั้นอีก

การช่วยเหลือ

ใช้หลักการช่วยเหลือแบบพฤติกรรมบำบัด ดังนี้

1. การจัดการสิ่งแวดล้อม กำจัดสิ่งกระตุ้นเดิมที่ไม่เหมาะสมให้หมด หากิจกรรมทดแทนเบี่ยงเบนความสนใจ อย่าให้เด็กเหงาอยู่คนเดียวตามลำพัง ปรับเปลี่ยนทัศนคติทางเพศในครอบครัว ให้เห็นว่าเรื่องเพศไม่ใช้เรื่องต้องห้าม สามารถพูดคุย เรียนรู้ได้ พ่อแม่ควรสอนเรื่องเพศกับลูก

2. ฝึกการรู้ตัวเอง และควบคุมตนเองทางเพศ ให้รู้ว่ามีอารมณ์เพศเมื่อใด โดยสิ่งกระตุ้นใด พยายามห้ามใจตนเองที่จะใช้สิ่งกระตุ้นเดิมที่ผิดธรรมชาติ

3. ฝึกการสร้างอารมณ์เพศกับตัวกระตุ้นตามปกติ เช่น รูปโป๊-เปลือย แนะนำการสำเร็จความใคร่ที่ถูกต้อง

4. บันทึก พฤติกรรม เมื่อยังไม่สามารถหยุดพฤติกรรมได้ สังเกตความถี่ห่าง เหตุกระตุ้น การยับยั้งใจตนเอง ให้รางวัลตนเองเมื่อพฤติกรรม ลดลง

การป้องกัน การให้ความรู้เรื่องเพศที่ถูกต้องตั้งแต่เด็ก ด้วยทัศนคติที่ดี



5. เพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น

ลักษณะปัญหา

มีพฤติกรรมทางเพศต่อกัน อย่างไม่เหมาะสม มีเพศสัมพันธ์กัน

สาเหตุ

1. เด็กขาดความรักความอบอุ่นใจจากครอบครัว

2. เด็กขาดความรู้สึกมีคุณค่าตนเอง ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเรียน แสวงหาการยอมรับ หาความสุขและความพึงพอใจจากแฟน เพศสัมพันธ์ และกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่างๆ

3. เด็กขาดความรู้และความเข้าใจทางเพศ ความตระหนักต่อปัญหาที่ตามมาหลังการมีเพศสัมพันธ์ การป้องกันตัวของเด็ก ขาดทักษะในการป้องกันตนเองเรื่องเพศ ขาดทักษะในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศ

4. ความรู้และทัศนคติทางเพศของพ่อแม่ที่ไม่เข้าใจ ปิดกั้นการเรียนรู้เรื่องเพศ ทำให้เด็กแสวงหาเองจากเพื่อน

5. อิทธิพลจากกลุ่มเพื่อน รับรู้ทัศนคติที่ไม่ควบคุมเรื่องเพศ เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เกิดปัญหาหรือความเสี่ยง

6. มีการกระตุ้นทางเพศ ได้แก่ ตัวอย่างจากพ่อแม่ ภายในครอบครัว เพื่อน สื่อยั่วยุทางเพศต่างๆที่เป็นแบบอย่างไม่ดีทางเพศ



การป้องกัน

การ ป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น แบ่งเป็นระดับต่างๆ ดังนี้

1. การป้องกันระดับต้น ก่อนเกิดปัญหา ได้แก่ ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ การเลี้ยงดูโดยครอบครัว สร้างความรักความอบอุ่นในบ้าน สร้างคุณค่าในตัวเอง ให้ความรู้และทัศนคติทางเพศที่ดี มีแบบอย่างที่ดี

2. การป้องกันระดับที่ 2 หาทางป้องกันหรือลดการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว โดยการสร้างความตระหนักในการไม่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน หรือก่อนการแต่งงาน หาทางเบนความสนใจวัยรุ่นไปสู่กิจกรรมสร้างสรรค์ ใช้พลังทางเพศที่มีมากไปในด้านที่เหมาะสม

3. การป้องกันระดับที่ 3 ในวัยรุ่นที่หยุดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ ป้องกันปัญหาที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศ โดยการให้ความรู้ทางเพศ เบี่ยงเบนความสนใจ หากิจกรรมทดแทน



เอกสารอ้างอิง

1. กองวางแผนครอบครัวและประชากร กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แผนการอบรมเพศศึกษาสำหรับพ่อแม่. กรุงเทพฯ: บริษัท วิสคอม เซ็นเตอร์ จำกัด, 2543.

2. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพศศึกษาช่วงชั้นที่ 1 (ป1-3). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2548.

3. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพศศึกษาช่วงชั้นที่ 2 (ป4-6). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2548.

4. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพศศึกษาช่วงชั้นที่ 3 (ม1-3). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2548.

5. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพศศึกษาช่วงชั้นที่ 4 (ม4-6). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2548.

6. พนม เกตุมาน. โตแล้วนะน่าจะรู้ไว้ พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพา นิช, 2542.

7. ศรีธรรม ธนะภูมิ. พัฒนาการทางอารมณ์และบุคลิกภาพ. กรุงเทพฯ: ชวนพิมพ์, 2535;60-115.

8. จันทร์วิภา ดิลกสัมพันธ์. เพศศึกษา พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร, 2543;69-77.

9. นิกร ดุสิตสิน, วีระ นิยมวัน, ไพลิน ศรีสุโข. คู่มือการสอนเพศศาสตรศึกษาระดับมัธยม พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2545;1-14.

10. พนม เกตุมาน. สุขใจกับลูกวัยรุ่น. กรุงเทพฯ: บริษัทแปลนพับลิชิ่งจำกัด, 2535;60-88.

11. Friedman CR. Normal sexuality and introduction to sexual Disorders. In: Cavenarr OJ Jr. ed. Psychiatry Vol. 1 revised edition. Philadelphia : J.B. Lippincott Company, 1986 :Chapter45:1-8.

12. Person SE. Paraphilias and gender identity disorders. In: Cavenarr OJ Jr. ed. Psychiatry Vol. 1 revised edition. Philadelphia : J.B. Lippincott Company, 1986 :Chapter46:1-19.

<ห้องรับแขก

คลินิคจิต-ประสาท 563 ถ.สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม 10300 โทร. 0-2243-2142 0-2668-9435
ส่งเมล์ถึง panom@psyclin.co.th พร้อมด้วยข้อสงสัยหรือข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซท์นี้
ปรับปรุงแก้ไขครั้งล่าสุด:21/05/50


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 11:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เด็กและการพัฒนาทางเพศ

นิตยสาร หมอชาวบ้าน เล่ม :120
เดือน-ปี :04/2532
คอลัมน์ :อื่น ๆ
นัก เขียนหมอชาวบ้าน :รศ.พญ.วัณเพ็ญ บุญประกอบ
Sat, 01/04/2532 - 00:00 — somsak



⇒ เพศเป็นสิ่งธรรมชาติ

เพศหญิงและชาย มีการแบ่งแยกมาแล้วตั้งแต่แรกเกิด แม้บางราย จะมีความผิดปกติบางอย่างที่แยกเพศไม่ได้ทันที แพทย์ก็จะพยายามหาหลักฐานต่าง ๆ จากการตรวจร่างกาย และทางห้องทดลองเพื่อพยายามให้เด็กนั้นมีเพศของตนโดยเฉพาะ ฉะนั้นจึงเห็นว่าเพศเป็นสิ่งธรรมชาติและเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต แต่การพัฒนาทางเพศนั้นจะมีข้อแตกต่างกันไปตามลำดับอายุของเด็ก
ส่วนความ หมายหรือความรู้เรื่องเพศก็แตกต่างกันไประหว่างความเป็นหญิงและชาย ตามอายุ ตามเชาว์ปัญญา ความเข้าใจ ตามขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อถือ การเลี้ยงดูเด็ก ตลอดไปจนถึงความรู้สึกนึกคิด ท่าทีที่มีอยู่และการแสดงออกของเด็ก ตลอดจนบุคคลและสิ่งแวดล้อม

การ พัฒนาทางเพศนั้น นอกจากขึ้นกับอวัยวะเพศที่ปรากฏภายนอกให้ให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ยังขึ้นกับโครโมโซม ฮอร์โมน ต่อมต่าง ๆ ของอวัยวะเพศและการอบรมเลี้ยงดูแล เป็นที่ชื่อกันว่า อิทธิพลของการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมนั้นสำคัญมากพอที่จะทำให้มีลักษณะ บุคลิก และการยอมรับตนเองไปเป็นเพศตรงข้ามได้ เช่น เด็กชายที่ถูกชักจูงให้เล่นตุ๊กตา นุ่งกระโปรง พูดคะ ขา และถูกห้ามไม่ให้ซน ไม่ให้เล่นอะไรรุนแรง ก็จะเติบโตเป็นชายที่มีลักษณะบุคลิกเป็นหญิงได้ ถ้าเด็กถูกเลี้ยงดูให้ตรงข้ามกับเพศจริงนานเกินอายุ 2 ขวบครึ่งไปแล้ว มักจะเป็นการลำบากที่จะให้เด็กได้รับความรู้สึกและรับตนเป็นเพศที่แท้จริง ของเขาได้

แต่อย่างไรก็ดี ความสำคัญทางด้านพันธุกรรมและในลักษณะธรรมชาติของเด็กเองก็มีมาก เพราะมีเด็กจำพวกหนึ่งที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องตรงตามเพศของตนทุก ประการแล้วก็มีความความรู้สึกและลักษณะท่าทีเป็นเพศตรงข้ามได้ เช่น เด็กหญิงที่มีลักษณะแข็งแกร่ง โลดโผน ไม่มีความนุ่มนวล และมีลักษณะชอบเล่นแบบผู้ชายมาแต่เล็ก ๆ เมื่อโตขึ้นจะมีลักษณะไปทางเป็นชายมากกว่าหญิง ฉะนั้น ในด้านของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมจึงมีอิทธิพลในความเป็นหญิงและชายได้ทั้ง 2 แบบ


⇒ ข้อควรระลึกเกี่ยวกับการพัฒนาทางเพศ Conn ได้ให้ข้อสังเกตไว้ 4 ประการ คือ

1. ภาษา เด็กจะ ได้ยินศัพท์ต่าง ๆ มาแต่เล็ก ๆ ที่บ่งถึงอวัยวะเพศหรือความหมายทางเพศ ภาษาที่เด็กได้เรียนรู้นั้น เป็นทั้งคำพูดและกิริยาท่าที ที่จะเป็นสื่อความหมายให้เด็กรับรู้ว่าผู้ใหญ่มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร
2. อายุ เด็กจะเข้าใจเรื่องเพศ มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับการเจริญพัฒนาของเชาว์ปัญญา
3. การสังคม ส่วนใหญ่เด็กได้รับความรู้เรื่องเพศจากเพื่อน ๆ และจากการสังเกตของเขาเองภายในครอบครัว และโรงเรียนหรือสังคมภายนอก
4. ความรู้สึกทางเพศของตนเอง ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากหน้าที่ของอวัยวะ เพศ เช่น การแข็งตัวขององคชาตในเด็กชาย หรือการหลั่งน้ำเมือกในเด็กหญิง
ใน ความหมายโดยทั่วไปของความรู้สึกพอใจและเป็นสุขของมนุษย์นั้น ไม่ได้ขึ้นกับอวัยวะเพศอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกและการรับรู้ในส่วนอื่น ๆ ด้วย


⇒ ในระยะขวบปีแรก
การสัมผัสและดูด
เด็ก มีความรู้สึกเป็นสุขและพอใจจากการสัมผัสและการดูด เราจะเห็นทารกหลาย ๆ คนที่พอใจกับการดูด ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ดิ้วหรือไม่ต้องการนมเลย ในช่วงอายุนี้เด็กจะนำสิ่งของเข้าปากโดยอัตโนมัติ และการดูดนิ้วมือก็จะเริ่มในทำนองเดียวกัน การดูดของเด็กนอกจากนำความสุขเพลิดเพลินให้กับเด็กแล้ว เด็กยังได้เรียนรู้วัตถุจากการสัมผัสด้วย ฉะนั้นการกอดอุ้มชูและเล่นกับทารกวัยนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกิดความ อบอุ่นและสุขใจขึ้น

รากฐานของจิตใจ
เมื่อ เด็กโตจนอายุได้ 9-10 เดือน เขาจะเริ่มมีความก้าวร้าวขึ้น โดยการแสดงออกด้วยวิธี “กัด” และ “เคี้ยว” ความ สุขจากการสัมผัสทางเยื่อบุของปากนั้น ได้มีต่อเนื่องมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่แสดงออกโดยมีความพอใจในการกิน การดื่ม การสูบบุหรี่ และการจูบ เป็นต้น
ในบางขณะเด็กอาจมีการถูไถอวัยวะเพศซึ่ง มักจะเกิดขึ้นโดยการบังเอิญเช่นเดียวกับการดูดนิ้ว และอาจพบมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น การโยกตัว การส่ายศีรษะ และการเล่นตัวเอง ซึ่งจะพบในเด็กที่ถูกทอดทิ้งให้เหงา ไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควร ความสุขความพอใจของเด็กในวัยนี้ เป็นรากฐานทางจิตใจที่ทำให้เด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง และมองโลกในแง่ดี


⇒ ในวัยขวบที่สอง

สนใจการขับถ่าย
ฟรอยด์ ให้ข้อสังเกตว่าความสนใจของเด็กส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับการขับถ่าย เนื่องจากวัยนี้เด็กจะเริ่มรู้จักบังคับตนเองในการขับถ่ายได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะการหัดการถ่ายอุจจาระ เด็กบางคนจะแสดงอาการ หรือสามารถบอกเวลาที่เขาจะขับถ่ายได้ แต่เด็กยังไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นานฉะนั้น เราจึงควรหัดเด็กด้วนท่าทีที่นุ่มนวล ไม่บังคับหรือเป็นอารมณ์กับเด็กวัยนี้ เด็กเริ่มจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และเขาให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่พบเห็นแปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ จึงไม่ควรบังคับเด็กเกินไป


แยกเพศไม่ได้

ใน วัยนี้ เด็กยังไม่สามารถแยกความแตกต่างของเพศได้ และยังไม่ค่อยให้ความสนใจนัก ถ้าผู้ใหญ่ถามเด็กวัยนี้ว่าเขาเป็นหญิงหรือชาย เด็กมักเรียนแบบคำพูดลงท้ายมากกว่าเข้าใจความหมายจริง ๆ
ถึงกระนั้นก็ ดี การแต่งตัวของเด็กหญิงและเด็กชายก็เริ่มแตกต่างกันแล้ว และเด็กอาจสังเกตข้อแตกต่างกันของอวัยวะเพศได้ เช่น เด็กบางคนอาจยืนจ้องดูเพื่อนถ่ายปัสสาวะด้วยความฉงน และแปลกใจ


⇒เด็ก วัยอนุบาล

สนใจอวัยวะเพศ

เด็กอายุ ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เด็กจะเริ่มรับรู้ว่าอวัยวะเพศของหญิงและชายนั้นแตกต่างกันเขาจะเริ่มยอมรับ ความเป็นหญิงหรือชายได้แล้ว เป็นเรื่องของธรรมชาติและการพัฒนาโดยตรง ที่เด็กวัยนี้จะเริ่มให้ความสนใจต่ออวัยวะเพศ เด็กอาจจะแสดงความอยากรู้ และแสดงความสนใจอย่างเปิดเผย เช่น ยืนจ้องมองอวัยวะเพศของเด็ก ๆ ด้วยกัน วิ่งตามดูหรือแอบดูเด็กบางคนชอบมาเลิกชายกระโปรงแม่
พฤติกรรมเหล่านี้ เป็นไปเองตามวัย เกี่ยวกับความกระหายใคร่รู้ของเด็ก ซึ่งจะปรากฏอาการชัดในอายุ 4 และ 5 ปีขึ้นไป ในความเป็นจริงแล้วเด็กส่วนใหญ่ได้รับรู้ความแตกต่างของเพศจากการแต่งตัว กิริยาท่าที การพูดจา การประพฤติปฏิบัติ และบทบาทของผู้เป็นพ่อและแม่มาก่อน เมื่อถามถึงความแตกต่างของเพศในวัยนี้ เด็กบางคน อาจตอบว่า ผู้หญิงไว้ผมยาวและนุ่งกระโปรง ผู้ชายตัดผมสั้นและนุ่งกางเกง ในปัจจุบันเด็กบางคนยังสับสนในการแยกเพศจากรูปร่างที่ปรากฏ อาจเป็นเพราะสังคมที่เปลี่ยนไปในธรรมเนียมการแต่งตัวก็ได้ เด็กที่สามารถรับรู้การแยกเพศในวัยขวบที่ 5 นั้น จะสามารถวาดรูปให้ปรากฏแตกต่างกันได้ในความเป็นหญิงและชาย

ทฤษฏีของ ฟรอยด์กล่าวไว้ว่า วัยอนุบาลนี้เด็กจะรักใคร่สนิทสนม แสดงเป็นเจ้าของหวงแหนกับพ่อหรือแม่ ซึ่งเป็นเพศตรงข้ามกับตน และในทางตรงข้ามจะแสดงความไม่พอใจ และมีปฏิกิริยาทางลบกับพ่อหรือแม่เพศเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เด็กชาจะมีความรักใกล้ชิดติดแม่ จิตใจผูกพัน หวงแหนแม่ และจะอิจฉาพ่อ ทำตนเป็นคู่แข่งกับพ่อ เด็กอาจกล่าวว่าตนไม่รักพ่อ ไล่พ่อไป พ่อพูดอะไรก็ไม่เชื่อฟัง บางคนเมื่อเห็นพ่อและแม่คุยกันอาจจับแม่ออกมาห่าง ๆ ในทำนองเดียวกันกับเด็กหญิงที่จะให้ความรักเทิดทูนและสนิทกับพ่อมาก อาจมีปฏิกิริยารุนแรงถึงขั้นไม่ชอบเพศหญิงด้วยกัน อาจจะแสดงความไม่เป็นมิตรกับหญิงทั่วไป และแสดงความพอใจที่จะเล่นกับเพศชาย บางคนอาจถึงกับไม่อยากเป็นเด็กหญิง และไม่ยอมใส่เสื้อผ้าของหญิงก็ได้พฤติกรรมเหล่านี้ จะแสดงตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงขั้นรุนแรงมาก

ในครอบครัวคนไทยก็จะพบใน ลักษณะนี้ ทางการแพทย์เรียกว่า เอดิปัล (oedipal) ที่กล่าวข้างต้นนี้ในบางครอบครัว โดยเฉพาะ ในครอบครัวที่พ่อรักลูกสาวมากกว่า และแม่รักลูกชายมากกว่า ก็จะส่งเสริมลักษณะเอดิปัลนี้ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น แต่ในบางครอบครัวอาจมีลักษณะกลับกัน (reverse oedipal conflict) คือ เด็กรักสนิทเป็นมิตรกับพ่อแม่เพศเดียวกัน และแสดงความเป็นศัตรูกับพ่อหรือแม่เพศตรงข้าม เช่น เด็กหญิงผู้หนึ่งจะไม่ยอมจากแม่ แสดงความรักและติดแม่อย่างมาก เมื่อพบพ่อครั้งใด เธอจะใช้วาจาก้าวร้าว ตวาด หรือต่อสู้ ไล่พ่อ พฤติกรรมเหล่านี้ผิดปกติสำหรับเด็ก และเป็นพยาธิสภาพของครอบครัว และพบไม่น้อยที่ลักษณะเอดิปัลนี้ไปรากฎชัดเจนในเด็กคนใด ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะและรูปแบบของครอบครัวโดยเฉพาะ

จะเป็นอย่างไรก็ ตาม พ่อและแม่ควรระลึกไว้เสมอว่า ตนมีความสำคัญในบทบาทของพ่อและเท่า ๆ กัน และเป็นตัวแทนให้เด็กได้เรียนรู้ และยอมรับความเป็นเพศของตนพ่อและแม่มีความสำคัญยิ่งที่จะให้เด็กได้เจริญ พัฒนาเป็นเพศที่ถูกต้อง ในกรณีที่เกิดลักษณะเอดิปัลขึ้น เช่น ในเด็กชายพ่อจะต้องพยายามเป็นมิตรกับเด็ก เล่นและให้ความช่วยเหลือเขา ไม่ตอบโต้ปฏิกิริยาของเด็กด้วยอารมณ์ แม่ควรจะส่งเสริมความดีของพ่อ และสร้างความไว้ใจนับถือพ่อ ยกย่องพ่อให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่าง และส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจกันระหว่างพ่อและลูกชาย พ่อก็ควรให้เกียรติและนิยมแม่ ส่งเสริมสัมพันธ์ที่ดีของแม่และลูกสาว แม่ก็ให้โอกาสลูกได้ใกล้ชิดมีเวลาที่จะพูดคุยและเล่นด้วยกัน

ในที่ สุดเด็กส่วนใหญ่จะยอมรับเพศที่แม้จริงของตน และมีบุคลิกลักษณะเป็นเพศเฉพาะของตนได้เมื่อพ้นวัย 5 ปีไปแล้ว เด็กคนใดที่ไม่สามารถยอมรับเพศของตนเอง หรือมีความแคลงใจสงสัยในเรื่องเพศของตน หรือมีใจอคติต่อพ่อหรือแม่หรือเรื่องเพศ มักจะมีความผิดปกติต่อไป จนโตในชีวิตของวัยรุ่น การแต่งงาน และการมีบุตรสืบไปได้


อยาก รู้เรื่องเพศ
เด็กในวัยอนุบาล ความคิดจะพัฒนาขึ้น แต่เด็กยังไม่สามารถเข้าใจ แจ่มแจ้ง และยังแยกความเป็นจริงกับความคิดมโนภาพไม่ออก ซึ่งผู้ใหญ่ จะต้องเป็นผู้ชี้แจงและให้ความรู้ เด็กบางคนหรือส่วนใหญ่จะมีคำถามแปลก ๆ ซ้ำ ๆ เสมอ เด็กอาจถามปัญหาเกี่ยวกับเพศได้ บางคนอาจถามในวัยหลัง 5 ปีไปจนถึง 8 ปี คำถามส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเกิด การมีน้อง ความอยากรู้เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ความสงสัยเกี่ยวกับการมีครรภ์ เป็นต้น โดยความนึกคิดของเด็กยังไม่มีเรื่องเพศทางกามารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย แต่เป็นความอยากรู้ในเรื่องของชีวิต และความเป็นไปของชีวิตมากกว่า ฉะนั้น ลักษณะท่าทีและคำบอกเล่าของผู้ใหญ่จึงสำคัญยิ่ง ที่จะต้องไปโดยพอเหมาะพอควร ง่าย ๆ และท่าทีที่สงบ โดยให้เด็กเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติ

การที่ ผู้ใหญ่แปลเจตนาเด็กไปในทางผิดและร้ายแรงนั้น นอกจากจะทำให้เด็กเกิดความสับสน ไม่เข้าใจ และกลัวแล้ว ยังกลับไปกระตุ้นความอยากรู้ และสงสัย ทำให้เด็กอยากจะขวนขวายผิดทาง หรือประพฤติปฏิบัติในทางไม่ถูกต้องได้ เด็กควรจะมีแบบฉบับที่ดี เพราะวัยนี้เป็นวัยที่มีการเลียนแบบได้สูงมาก


ไม่แยกเพศ
แม้ ว่าเด็กจะเรียนรู้การแยกเพศ แต่การเล่นของเด็กวัยอนุบาลนี้ยังไม่จำกัดเพศ เด็กจะเล่นกันโดยไม่คำนึงความเป็นหญิงหรือชาย และสามารถเล่นของเล่นได้ทั้ง 2 พวก การเล่นส่วนใหญ่ ก็ยังไม่เป็นการเล่นแบ่งเพศชัด และเด็กยังไม่รู้จักอายนัก จะเห็นว่าเด็กวัยนี้อาจแสดงตนเป็นละครได้ทุกลักษณะ ไม่ว่าครูหรือพ่อแม่จะให้เล่นอะไร เด็กจะไม่เคอะเขิน แต่กลับแสดงความสนุกและพอใจกับการเล่นนั้น และเขาก็จะเล่นกันเป็นหมู่ตามกันได้ แต่ผู้ใหญ่จะต้องเป็นผู้ควบคุม การเล่นแบบนี้จะมีไปจนถึงระยะกลางของวัยเข้าเรียน ก่อนที่เด็กจะแบ่งพวกเล่นเป็นฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชาย


การ ถูไถอวัยวะเพศ

ปัญหาในวัยนี้ที่พ่อแม่มักเป็นกังวลคือ การถูไถอวัยวะเพศซึ่งอาจเกิดได้เป็นครั้งคราว ลักษณะนี้มักเกิดขึ้นได้ตามหลังเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจเด็กอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือเด็กที่ถูกปล่อยปละละเลย ไม่มีคนเอาใจใส่เท่าที่ควร หรือเด็กที่ขาดความสุข ความอบอุ่น ทำให้เด็กต้องหันหาวิธีปลอบใจตัวเองให้มีความสุขและเพลิดเพลิน
ถ้า ผู้ใหญ่พบเด็กที่มีลักษณะเช่นนี้ ต้องเร่งดูในสิ่งแวดล้อม ว่ามีอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กไม่สบายใจ และแก้ไขมากกว่าไปห้ามปรามหรือลงโทษเด็ก วิธีแก้ไขง่าย ๆ ก็คือ ไม่ให้เด็กมีโอกาสกระทำ ด้วยการให้ความเอาใจใส่ใกล้ชิด อยู่เล่นกับเด็ก พยายามให้เด็กไม่อยู่ว่าง ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว และพยายามไม่เป็นอารมณ์กับเด็ก ชักจูงเด็กให้มีพฤติกรรมอื่นที่น่าสนใจกว่าทดแทน ถ้าเด็กเป็นบ่อยเกินไป หรือพ่อแม่สงสัยว่าจะมีความผิดปกติ ควรนำเด็กไปตรวจและปรึกษาแพทย์ เพราะมีบางครั้งที่เด็กอาจมีการอักเสบบริเวณทวาร


การอวด และเล่นของลับ

เด็กในวัยนี้บางคนโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ชอบอวดและเล่นของลับ ซึ่งพฤติกรรมส่วนหนึ่งถูกเสริมสร้างจากผู้ใหญ่ เช่น ผู้ใหญ่ชอบล้อเลียนเด็ก ชอบขู่เด็กว่าจะตัดทิ้ง หรือขโมยมา หรือบางครั้งเห็นเป็นเรื่องสนุกน่าเอ็นดู และชอบสัมผัสแตะต้องเคล้าคลึงเด็ก ทำให้เด็กเข้าใจผิด และมาสนใจอวัยวะเพศของเขามาก ฉะนั้น ผู้ใหญ่ไม่ควรไปปลุกเร้ากระตุ้นเด็ก และไม่ควรสนับสนุนพฤติกรรมนี้ แต่ควรชี้แจงให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ ถึงสิ่งที่ควรกระทำ ไม่ควรไปตักเตือนบ่อยเกินไป หรือลงโทษให้เด็กกลัวมาก เพราะเด็กอาจมีปฏิกิริยาต่อต้านได้

ข้อสำคัญ ผู้ใหญ่ควรระมัดระวัง การปฏิบัติของตนต่อหน้าเด็กด้วย เช่น ควรระมัดระวังเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเด็กและระวังการปฏิบัติทางเพศ อื่น ๆ ด้วย ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า วัยอนุบาล และวัยประถม เป็นวัยสำคัญในการเรียนรู้และรับรู้เรื่องเพศของเด็กอย่างมาก เด็กควรได้รับความรู้ ทัศนคติ และแบบแผนที่ถูกต้องจากผู้ใหญ่ เพื่อการเตรีมตัวในการเป็นหญิง หรือชายที่สมบูรณ์ในวันข้างหน้า ความผิดปกติทางเพศในตอนโตนั้น มักจะมีเบื้องหลังที่ก่อตัวมาตั้งแต่วัยเด็กเล็ก


⇒วัย เข้าโรงเรียน

ครูบุคคลที่เด็กสนใจ

เป็น วัยที่เด็กเรียนหนังสืออย่างแท้จริง พลังงานและความนึกคิดจะมุ่งสู่การเรียนรู้ทางด้านวิชาการ การเล่น และการแข่งขัน เด็กจะอยู่นอกบ้านและยอมรับบุคคลนอกบ้านมากขึ้น
บุคคลที่ สำคัญในวัยนี้คือครูและเพื่อน ครูเป็นผู้ที่เด็กให้ความรัก ความเกรงกลัว และเป็นที่ยกย่องเลียนแบบบ่อยครั้งที่เด็กจะฟังความคิดเห็นของครู และเชื่อถือครูมากกว่าพ่อแม่ ฉะนั้น ครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญมากที่จะเป็นผู้อบรม และชักชวนให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดีต่อการเรียน เด็กจะมีความสามารถ และมีความถนัดเพิ่มขึ้น สามารถรับรู้ความเป็นจริงมากขึ้น เขาจะรู้จักเวลา รู้จักคิดในใจ เริ่มรับกฎเกณฑ์และช่วยเหลือตนเอง และบุคคลอื่นในส่วนรวมได้ เริ่มยอมรับหมู่พวกและทำงาน รวมทั้งการเล่นเป็นกลุ่มมากขึ้น


เล่น รวมพวกเพศเดียวกัน

เด็กวัยนี้ จะมีการเล่นและอยู่รวมพวกเพศเดียวกัน เด็กหญิงและเด็กชาย การเล่นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในโรงเรียนสหศึกษาจะพบว่า เด็กไม่ใช่จะพอใจและรวมพวกอยู่ในหมู่เพศเดียวกันเท่านั้น แต่เขามักแสดงความไม่สนใจ ไม่พอใจ หรือเป็นปฏิปักษ์ กับหมู่เพื่อนตรงข้ามด้วย
การได้เล่นในหมู่เพศเดียวกันนี้ ทำให้เด็ก ๆ ได้รับทัศนคติและพฤติกรรมในเรื่องความเป็นหญิงหรือชายของตนแน่นแฟ้นขึ้น ถ้าเด็กชายมีพฤติกรรมเป็นเด็กหญิง หรือพอใจเล่นกับเด็กผู้หญิงมักจะเป็นที่ล้อเลียนของเพื่อน ๆ หรือเป็นที่วิตกกังวลของพ่อแม่ ในขณะที่เด็กหญิงอาจมีการเล่นโลดโผน มีท่าทางขึงขังไม่นุ่มนวล ลักษณะไปทางเป็นชายมากกว่า แต่ก็กลับเป็นที่ยอมรับของสังคม หรือไม่ได้รับความกดดันอย่างเด็กชาย


เรียน รู้เรื่องเพศ

การเรียนรู้เรื่องเพศในวัยนี้จะมาจากเพื่อน ๆ เด็ก ๆ ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ จากสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ฉะนั้น เด็กควรได้รับความรู้ที่ถูกต้องเมื่อเขาสนใจถาม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องการเกิด เรื่องเด็กในครรภ์ การแต่งงาน และหน้าที่ของอวัยวะเพศ คำพูดอธิบายควรเป็นอย่างง่าย ๆ และธรรมดา โดยไม่ไปสร้างเร้าอารมณ์เด็ก และคำบอกเล่าก็ไม่ควรมากความเกินไป เพราะจะทำให้เด็กสับสน
เด็กหญิงที่ใกล้รุ่นสาว ก็ควรอธิบายเกี่ยวกับเรื่องประจำเดือน ซึ่งแม่จะเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด
เด็กชายควรได้รับคำอธิบายจาก พ่อเกี่ยวกับการแข็งตัวขององคชาต การฝันเปียก หรือการหลั่งของน้ำกามในบางเวลา โดยการอธิบายให้เป็นไป ในเรื่องของธรรมชาติให้มากที่สุด ให้เด็กเข้าใจว่าเป็นการเจริญพัฒนาของร่างกาย และแสดงถึงความสมบูรณ์แข็งแรง ระยะเวลาที่ควรอธิบายคือเมื่อพ่อแม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็ก เช่น เด็กมีร่างกายเติบโตรวดเร็วขึ้นในช่วงนี้ และแสดงความเป็นหนุ่มสาวออกมา

การ อธิบายสิ่งเหล่านี้แต่พอสมควร จะช่วยให้เด็กหายกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขาไปได้มาก เด็กหญิงจะเข้าวัยรุ่นได้เร็วกว่าเด็กชาย เด็กวัยโรงเรียนเบื้องต้นนี้จะยังมีความรักและใกล้ชิดกับพ่อแม่อยู่ แต่เขาก็อาจแสดงความชื่นชมกับผู้ใหญ่คนอื่นได้ด้วย การเล่นอวัยวะเพศพบได้ประปรายระหว่างเด็กวัยนี้ อาจเป็นระหว่างกลุ่มเพศเดียวกันหรือทั้งสองอย่าง เด็กชายจะพบมากกว่าเด็กหญิง โดยมากเด็กจะมักได้รับการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น การแต่งงานของญาติพี่น้อง หรือจากการได้ยิน ได้ฟัง และการอ่าน บางครั้งการเล่นอาจจะเลยเถิดไปจนทำให้ผู้ใหญ่เป็นอารมณ์ได้
ผู้ใหญ่จึง ควรสนับสนุนให้เด็กวัยนี้เล่นกลางแจ้ง ออกกำลังกาย มีงาน หรือจัดหากิจกรรมให้ทำ และคอยดูแลใกล้ชิด ไม่ควรไปว่ากล่าวหรือลงโทษรุนแรง แต่ต้องพยายามไม่เปิดโอกาสให้เด็กไปเล่นในที่ลับตามลำพัง

ถ้าเด็กมี คำพูดหรือวาจาที่ไม่ไพเราะ หรือเกี่ยวกับทางเพศ ก็ควรชี้แจงให้เข้าใจ ในผู้ใหญ่ที่มีความผิดปกติทางเพศ เมื่อศึกษาดูย้อนหลัง มักพบว่าพฤติกรรมที่ผิดปกติจะเกิดขึ้นในวัยนี้ และมักจะมาจากผู้ที่สูงวัยกว่าตน เป็นผู้ที่ชักนำหรือหลอกลวงเด็กที่ขาดความรัก และผู้เอาใจใส่ดูแล มักตกเป็นเหยื่อของความหลอกลวงได้มากกว่า พ่อแม่ควรเอาใจใส่เด็กและให้ความเข้าใจเขาเสมอ ๆ


⇒วัย รุ่น

วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก ทั้งร่างกายและจิตใจ จัดเป็นช่วงต่อของชีวิตเด็กและผู้ใหญ่ เด็กที่เข้าสู่วัยรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างเห็นได้ชัด จะรูปร่างที่ใหญ่โตขึ้น และทรวดทรงที่แสดงออกในการเป็นเพศหญิงหรือชาย การพัฒนาต่อมฮอร์โมนและต่อมอวัยวะเพศ เริ่มทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ การเจริญพัฒนาทางสมองจะเป็นไปย่างเต็มที่ เด็กวัยรุ่นมีความคิดอ่านแตกฉาก เข้าใจลึกซึ้งขึ้น สามารถสร้างมโนภาพ และใฝ่ฝันได้ไกล พร้อมกับเข้าใจสมมติฐานและทฤษฏีต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างออกไปมากจากวัยเด็กเล็ก จิตใจของวัยรุ่นมีลักษณะเฉพาะ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในร่างกายของเขา และการเติบใหญ่ของร่างกายที่ปรากฏ ทำให้จิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่นแปรปรวนไม่คงที่ได้มาก

อารมณ์วัยรุ่น เป็นอารมณ์ที่ค่อนข้างไวและรุนแรงกว่าวัยอื่น ๆ มีความกังวล เศร้า หรือวิตกเกิดขึ้นเองเสมอ สิ่งเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นถ้ามีความกดดันจากสิ่งแวดล้อม ผู้ใหญ่มักพบว่าตนเองมีความไม่พอใจ วิตกกังวล และเป็นอารมณ์กับวัยรุ่นได้บ่อย ๆ มีความรู้สึกว่าเขาต่อต้าน ดื้อดึง ทำอะไรดูไม่เป็นเรื่องและเหลวไหล แต่ในบางขณะก็ดูเอาจริงเอาจังจนเกินไป การเริ่มวัยรุ่นในเด็กหญิง โดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงอายุ 11-13 ปี เด็กชาย 12-14 ปี แต่อาจช้าหรือเร็วกว่านี้ 1-2 ปีได้ ในตอนช่วงระยะแรก เด็กจะเป็นกังวลกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และมีความรู้สึกกระดาก อายเพศตรงข้าม เขายังคงให้ความสนใจและร่วมหมู่เพศเดียวกัน

เด็กบางคน อาจแสดงความไม่พอใจในความเป็นหนุ่มเป็นสาวของตนเอง เช่น เด็กหญิงไม่พอใจการมีประจำเดือนของตน เด็กวัยเริ่มต้นเข้าวัยรุ่นนั้น จะมีพฤติกรรมขัดเขินกันเอง แสดงกิริยา และความต้องการอย่างเด็กเล็กในบางขณะ และแสดงความต้องการเป็นอิสระหรือเป็นหนุ่มสาวในบางเวลา เป็นต้น
เมื่อ เด็กเจริญวัยขึ้น ความสนใจในเพศตรงข้ามจะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เด็กวัยรุ่นจะมีโอกาสคบเพื่อนต่างเพศ มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับโอกาส ประเพณี และสภาพสังคมของหมู่ชนนั้น


ต้องการความเอาใจใส่และความ เข้าใจ

พ่อแม่จำเป็นจะต้องให้ความสนใจและเข้าใจเรื่องเพศของ วัยรุ่น โดยไม่ไปคอยเฝ้าจับผิด ไม่พูดเยาะเย้ยถากถางให้เด็กรู้สึกผิดหรืออาย แต่ควรสอดส่องและคอยแนะนำในโอกาสที่ถูกต้อง ควรให้เด็กได้มีโอกาสพบปะสนทนาร่วมกัน เล่นกีฬา สังสรรค์ หรือมีกิจกรรมร่วมกันในขอบเขตที่เหมาะสมการที่เด็กวัยรุ่นมีการออกกำลังใน การกีฬาก็ดี หรือมีความคิดสร้างสรรค์ กระทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีความสนใจขวนขวายใฝ่รู้ หาความรู้ ตลอดจนการฝึกฝนงาน ทำงานอดิเรก หรืออาชีพ เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้วัยรุ่นพอใจ เพลิดเพลิน และมีความภูมิใจ จนสามารถดึงความคิดและการกระทำ ให้อยู่ในแนวความเป็นจริงและสร้างสรรค์ได้

วัยรุ่นที่ “ว่าง” เกินไป จะทำให้ความว้าวุ่นที่มีอยู่แล้วมีมากขึ้น และมักจะมีทางออกที่ไม่เหมาะสม เช่น การออกทางเพ้อฝัน การฝักใฝ่ทางเพศ หรือความรื่นรมย์อื่น ๆ ที่จะนำไปสู่ทางเสื่อมเสียได้ง่าย เพราะอำนาจของพลังภายในร่างกาย และการขาดความรอบคอบ ใคร่ครวญ พ่อแม่และครอบครัวของวัยรุ่น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้เขามีความคิด คำนึงที่ดีในการคบเพื่อนต่างเพศ และชีวิตคู่ในกาลข้างหน้า
ความสงบสุขใน ครอบครัว ความเอาใจใส่ และความเข้าใจของพ่อแม่เป็นสิ่งที่วัยรุ่นต้องการ
พฤติกรรม ทางเพศที่ผิดปกติ หรือการชิงสุกก่อนห่ามที่เกิดขึ้นในวัยนี้ มักจะมาจากเด็กวัยรุ่นที่ขาดความอบอุ่น และการเอาใจใส่ดูแลอย่างดีมาแต่วัยเด็ก หรือมีการชักนำไปสู่ทางไม่ดี หรือมีตัวอย่างไม่ดีให้เด็กประสบอยู่เสมอ ๆ

นอกจากนี้ มักจะมาจากครอบครัวที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจวัยรุ่น หรือเข้าใจผิดไปก็ได้ และพบได้เสมอ ๆ ว่าสังคมของชุมชนนั้นมีตัวอย่างหรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมอยู่ เช่น การเผยแพร่ทางกามารมณ์โดยสื่อสารต่าง ๆ เป็นต้น ทำให้เกิดการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง และนำไปประพฤติปฏิบัติตนในทางไม่ดี จนอาจเกิดการยอมรับกันขึ้นว่าเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติทั่วไป
ฉะนั้น สังคมจึงมีอิทธิพลสูงต่อการชักจูงแนวความคิดและการปฏิบัติของวัยรุ่นได้มาก
ผู้ใหญ่ จึงควรร่วมมือกันช่วยส่งเสริมสังคมให้มีภาพพจน์ที่ดีและถูกต้อง

Disclaimer บทความที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพใน www.doctor.or.th จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจทางด้านสุขภาพแก่ผู้เข้าชมเท่า นั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยในการรักษาของแพทย์แก่ผู้ป่วย เฉพาะรายได้ เนื่องจากการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยแต่ละรายมีรายละเอียดข้อมูลที่แตกต่างกัน หากมีการนำข้อมูลเว็บไซต์ไปใช้โดยไม่ได้ปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้านจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


cool ขอบคุณ คุณอาสยามนะคะที่อุตส่าห์หาข้อมูลมาให้ตั้งแยะ :b8:
วันนี้นั่งอ่านไปหลายเวปป์เลยค่ะ จะค่อยศึกษาไปเรื่อยๆ
แล้วถ้ามีผลคืบหน้าจะมารายงาน ได้ข้อมูลอะไรดีๆ เกี่ยวกับวัยรุ่นไว้สำหรับลูกๆด้วยค่ะ
สมกับที่เป็นคุณอา....กรีตัง.....ๆๆเลยค่ะ :b11: :b9: :b32:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เต้ครับ เขียน:
คือ ผมไม่ได้ ชอบ ผู้ ชาย หรอกคับ

ก้อชอบผู้ ญ เหมือนผู้ ชายทั่วไป แค่ดูแล้วเรียบร้อยกว่า

ไม่ค่อยแมนเท่าที่ควร เลยถูกมอง ว่าเปงยังงั้นไป

่ส่วนเรื่องของเมา ก้อ แค่สุราอ่ะไรพวกนีน้แหละคับ

ไม่ได้มีสาเสพติดมาเกี่ยวหรอกคับ

ขอบคับคุลtaktay


ก็แปลว่าทึ่คิดว่าตัวเองเป็น "ตุ๊ด"
เพราะกิริยาท่าทาง ประกอบกับผู้คนรอบข้าง หาว่าเราเป็น
ถึงได้ต่อต้านในใจ ว่าไม่ชอบ เพราะคนที่เขาเป็นจริงๆแล้ว
ที่เห็นส่วนมาก ก็ไม่เห็นมีใครเสียใจ และไม่อยากเป็น

ก็ไม่ยากนี่ค่ะ คุณเต้ ก็ปรับปรุงกิริยา ท่าทางเสียนิดหน่อย
ไม่ต้องทั้งหมดก็ได้ อะไรที่ปรับได้ ก็ปรับไป อะไรที่ไม่สามารถ
จะปรับได้ ก็ปล่อยไป ที่สำคัญอย่าสนใจสายตา หรือวาจาของใคร
เป้นตัวของตัวเอง ผู้ชายที่เรียบร้อย พูดน้อย อ้อนแอ้นนิดหน่อย
ที่จริงก็น่าเอ็นดูดีนะ ไม่ใช่ปัญหาเลย ทำใจเสียใหม่ ถ้าไม่ได้ชอบผู้ชาย
ก็หมายความได้เลยว่า คุณเต้ไม่ได้ผิดปกติ

ของมึนเมา ถ้าดื่มแต่พอควร เพื่อเข้าสังคมบ้าง ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าหมายใจว่าจะดื่มเพื่อให้หายกลุ้มใจ ยิ่งจะทำให้ปัญหาทับถม
หาทางออกอย่างอื่นดีกว่าคะ เข้าฟิตเนส เล่นกีฬา ออกกำลังกาย
นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงจิตใจผ่องใสแล้ว หุ่นยังจะแมนขึ้นด้วย
อาจจะช่วยเรืองอาการกระตุ้งกระติ้งได้ดีกว่าสิ่งเสพติดทั้งหลาย
เอาใจช่วยนะค่ะ :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 03 ก.ค. 2010, 22:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
คิดดูให้ดีสิ ว่าใครกันแน่ ที่ไม่ยอมรับ

ตัวคุณรู้ตัวดีขนาดนี้ ถึงกับบอกทำนองว่า คงไม่หายแล้ว
นี่มันก็เป็นการยอมรับตัวเองแล้ว

แต่คนที่ไม่ยอมรับคือคนรอบข้างคุณ สังคมที่คุณต้องใช้ชีวิตต่อไป

พวกเขามีความคาดหวัง พวกเขามี spec
และคุณกลัวเกินกว่าจะทำให้เขาผิดหวัง
กลัวสังคมไม่ยอมรับ กลัวคนจะคิดกับเราในแง่ลบ
กลัวว่าเราจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม

แต่ผมจะบอกคุณอย่างนี้ว่า
ใจคนนี่กลับกลอกเหมือนผิวน้ำ ไม่เคยนิ่ง ไม่เคยคงอยู่เหมือนเดิม
วันนี้เขาชอบอย่างนี้ พรุ่งนี้เขาจะเปลี่ยนใหม่
ความคาดหวังของมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เคยเคี้ยวหมากเป็นของสวยงาม ตอนนี้เป็นเรื่องสกปรกน่ารังเกียจ

พอจบปริญญาตรีกันเต็มเมือง สังคมก็สร้างค่านิยมใหม่ว่าจบโท จะเหนือกว่า มีโอกาสกว่า
คนก็หันไปต่อโทกันมาก เพื่อจะได้มีโอกาสเหนือคนอื่น

ค่านิยมของสังคมก็คือเสียงข้างมากของสังคม ที่สะท้อนออกมาเป็นกระแส
แต่มันเป้นเสียงข้างมากของกิเลส
เสียงของกิเลสที่เหมือนๆกัน ของแต่ละคน
ที่มันมารวมตัวกัน รวมเสียงกัน จนมีอำนาจขึ้นมา

มีอำนาจขึ้นมาแล้ว ก็สามารถจะยัดข้อมูลเข้ามาในหัวเราได้ว่า
ทำอย่างนี้เธอจะเป็นคนที่มีค่า ทำอย่างนั้นเธอจะด้อยลงไป
ทำอย่างโน้นเธอจะไร้ค่าไปเลย
ชอบมาบอกเราว่าอย่างนี้เป็นความชั่ว อย่างนี้เป็นความดี
อย่างนี้น่านับถือ อย่างนี้น่ารังเกียจ

และเพราะกิเลสมันมีอำนาจมาก
ความชั่วความโง่ของมนุษย์จำนวนมากมันรวมตัวกันแล้วมันมีพลัง
แล้วเราก้รู้มไ่ทันมัน จึงโอนอ่อนไปตามกระแสความโง่ความชั่วของคน
ยอมที่จะเอาใจมัน วิ่งตามมัน

บางคนก็พอรู้ตัวนะ คิดขึ้นมาได้ว่า ทำไมต้องตามกระแสเหล่านี้
แต่นึกว่าจะฉลาดนะ โง่พอกัน
เพราะพยามหาทางโน้มน้าวให้คนเขามีความเชื่ออันใหม่ ให้หันมายอมรับเรา
เพราะไปพูดไปทำอะไรมากมายเพื่อเปลี่ยนกระแสอันนั้นให้มายอมรับเรา
คนพวกนี้ก็จะยังต้องพยามเปลี่ยนแปลงกระแสกิเลสต่อไปจนวันตาย
มีชัยชนะเล็กน้อยก็ยิ่งปรุงแต่งต่อไปอีกว่าเป้นก้าวเล็กๆที่ยิ่งใหญ่


คน 3 ประเภทนี้ ผมมองว่าเหมือนกันนะ
1. คนที่ตรอมใจเพราะตาบอด แขนขาด ขาขาด
2.คนเป็นตุ๊ด
3. คนที่ดิ้นรนอยากเป็นที่หนึ่ง
สำหรับผม 3 พวกนี้ มองว่าเสมอกันนะ

คือต้องทุกข์ใจเพราะตกอยู่ภายใต้อำนาจความคาดหวังของคนอื่น
กลัวคนอื่นไม่ยอมรับ
เสียใจที่สูญเสีย spec ที่สังคมยอมรับไป
กลัวที่จะไม่เหมือนเขา

บางคน กลัวจะเสมอเขา กลัวเหมือนเขา
เลยต้องถีบตัวเองให้เหนือเขา ด้วยการเป้นที่หนึ่ง ก้มีเยอะไป
มนุษย์มีไม่เคยหมดไอเดียที่จะทำให้ตัวเองเหนือผู้อื่น
เช่นเคยปีนภูกระดึงได้ ก็จะไปอยากปีนภูชี้ฟ้า แล้วพอปีนเอเวอร์เรสได้ มันก้จะหมดสนุก
เพราะไม่มีอะไรให้ปีน ไม่ได้เหนือคนอื่นแล้วมันกระวนกระวาย

ถ้าคุณ พยามจะทำตามกระแส คุณก็จะต้องทำไปจนวันตาย
หรือแม้แต่พยามจะเปลี่ยนแปลงกระแส คุณจะต้องทำไปจนวันตาย เช่นกัน

แต่ถ้าคุณคอยชั่งใจตัวเอง ซื่อตรงกับเสียงจากหัวใจตัวเอง ยอมรับความจริงของตัวเอง
และหาวิธีอยู่กับความจริงอันนี้อย่างมีความรู้ อย่างรู้ทัน คุณก็จะเป้นคนที่มีความสุขที่สุด

ถ้าคุณปีนภูกระดึงอยู่ คุณก็จะมีความสุขกับการปีนภู ดูธรรมชาติ
เพราะความสุขอยู่ที่การปีนภู ดูธรรมชาติ
แต่คนที่เขาหิว เขาไม่รู้จักพอ ไม่รู้ว่าตัวเองหิวอะไรกันแน่ แล้วทำไมต้องหิว
เขาจะไปคิดถึงเรื่องภูใหม่ที่สูงกว่านี้ ยากกว่านี้
จนวันหนึ่งหมดภู เขาก็จะหาทางปีนดวงดาว เพื่อให้เหนือคนอื่นให้จงได้
นี่คือโทษของการตกอยู่ในกระแสของค่านิยมจากสังคม
โทษของการหาความสุขจากการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
ภาษาพระเรียกว่า "ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่อยู่กับปัจจุบัน"
แปลเป็นภาษาพระอีกทีว่า "ไม่มี สติสัมปชัญญะ รู้ลงปัจจุบัน"

กระทู้นี้ถูกใจผมมากเลย อาชาติสยามมีภูมิธรรมเยอะจัง tongue

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร