วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 05:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ตามพุทธคัมภีร์กล่าวว่า
“พระราชา ในแดนมนุษย์มี ดนตรีนับหมื่นชนิด
ก็ไม่ไพเราะเท่า หนึ่งทำนองในบรรดา ดนตรีของพระราชาจักริน

หลายหมื่นหลายพันเท่า ดนตรีหมื่นชนิด ของพระราชาจักริน
ก็ไม่ไพเราะเท่า หนึ่งทำนอง ในบรรดาดนตรี ของเทวราชาชั้นดาวดึงส์

หลายหมื่นหลายพันเท่าดนตรีหมื่นชนิด ของอัมรินทร์อินทร์องค์แห่งดาวดึงส์
ก็ไม่ไพเราะเท่า หนึ่งทำนองในบรรดาดนตรี ของอธิราชเจ้าแห่งสวรรค์ชั้น หก

หลายหมื่นหลายพันเท่าดนตรีหมื่นชนิด ของอธิราชเจ้าแห่งสวรรค์ชั้น หก
ก็ไม่ไพเราะเท่า หนึ่งทำนองในบรรดาดนตรีจากต้นไม้รัตนะ เจ็ด
ภายในตำหนักของ พระอมิตาภะพุทธเจ้า”



เวไนยสัตว์ ที่เกิดในระดับกลาง ของบัวชั้นกลาง ล้วนเปล่งแสงในตัวได้
ร่างกายเป็นสีแดงโปร่งใส ไร้กีดขวาง สามารถไปยังตำหนักต่างๆ
เพื่อสักการะพุทธ 10 ทิศ

ในชั่วขณะเดียว และก็กลับมายังที่เดิม ในชั่วขณะเดียว พวกที่ไม่มีกุศล
ผลบุญมากมาย มหาศาลในยามมีชีวิตอยู่ จะไม่สามารถ
มาเป็นเวไนยสัตว์ของที่นี่ได้เลย

เวไนยสัตว์ ที่มาเกิด ในระดับในระดับกลาง ของบัวชั้นกลาง
พวกเขามี ความฝันเฟื่องน้อย กระทั่งไม่มีเลย สิ่งที่พวกเขาจะบริโภค
ก็น้อยลง ไม่เหมือนพวกที่เกิด ในชั้นล่างของบัวชั้นกลาง ที่ยังต้องบริโภค
ขนมที่ทำจากน้ำผึ้งบุปผา เพราะว่าในการบำเพ็ญตน
ยิ่งบำเพ็ญยิ่งสูง ในที่สุด ก็ไม่จำเป็นต้องบริโภคอะไรทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย อมิตาพุทธ เมื่อ 27 มิ.ย. 2010, 12:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ระดับกลาง ของบัวชั้นกลาง มีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง
เรียกว่า “พิพิธภัณฑ์โลกปิฏก” ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะสามารถ
เห็นวิธีบำเพ็ญ ในรูปแบบต่างๆ ของพระโพธิสัตว์
เรียกว่ามีครบทุกสิ่งทุกอย่าง

ภายในพิพิธภัณฑ์ โลกศรีปิฏก มีแบ่งเป็นชั้นๆ แต่ละชั้น ล้วนได้จัดแสดง
กระบวนทั้งกระบวน ของผู้สำเร็จพุทธ แต่ละองค์ไว้

เป็นต้นว่า อมิตพุทธเจ้า ชาติก่อนเป็นใคร (พระธรรมปิฏกภิกขุ)
พระอาจารย์ของท่านเป็นใคร (พระยูไลหรือตถาคตเจ้าแห่งอิสรเสรี)
ท่านเคยปฏิบัติธรรม ชนิดไหน มีปณิธานใด

ชาติก่อนขึ้นไปอีก ท่านของท่านเป็นอะไร กระทั่งร้อยชาติ พันชาติ ก่อนจะมาเป็นพุทธนั้น
มีสภาพเป็นอย่างไร ล้วนสามารถเห็นได้หมด ถ้าหากท่าน
ต้องการดูอาณาจักร อีกอย่างหนึ่ง ท่านก็สามารถ ไปดูที่ชั้นอื่นต่อไป

เช่น ดูกระบวนการ บรรลุธรรม ของพระโพธิสัตว์กวนอิม
สภาพชีวิต ในแต่ละชาติของท่าน ตลอดจนวิถีดำเนิน ในการเสาะแสวงธรรมของท่าน
ท่านจะดู กระบวนการบำเพ็ญตน ในแต่ละชาติ แต่ละภพ

ของพระศากยะมุนี พระมโหสถ พระโพธิสัตว์ผู่เสียน พระโพธิสัตว์เหวินสวีซือลี เ ป็นต้น
ล้วนสามารถ เห็นได้ในพิพิธภัณฑ์ โลกศรีปิฏกทั้งสิ้น
นานาพุทธ นานาโพธิสัตว์ ในทศภูมิก็เช่นเดียวกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 13:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


บัวชั้นสูง ดอกบานเห็นพุทธยะ

อาตมา คงท่องคาถาเหมือนเดิม เหยียบบนดอกบัว
เหินฟ้าสู่นภากาศ รู้สึกว่าร่างกายค่อย ๆ โตขึ้น ๆ
จนได้ขนาด เท่ากับขนาด ตอนพบพระอมิตาภะพุทธเจ้า

พระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวกับอาตมาว่า "เวไนยสัตว์ ที่ไปเกิดยัง ระดับสูงของบัวชั้นสูง
คือพวกที่ ขณะอยู่ในสัพพะโลก ก็มุมานะในการบำเพ็ญตน ถือศีลเคร่งครัดดังมุกมณี
ขยันหมั่นเพียร ศึกษาพุทธตำราละ 10 บาป ทำ 10 บุญ

อาศัยตามวิธีการ บำเพ็ญของตน ไปประพฤติปฏิบัติ ให้เป็นจริง
พวกเพียรพยายาม มานะบากบั่น 10 ปี ประหนึ่งวันวันเดียว
จวบจนสังขาร ที่เป็นเลือดเนื้อดับสูญ บวกกับกุศลภายนอก
เช่นทำบุญทำทาน ประกอบมหากุศล ดังนั้น ในชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนตายก็ได้ไปเกิดยังบัวชั้นสูง"

เวไนยสัตว์ ที่ไปเกิดยังระดับสูง ของบัวชั้นสูง ความฝันเฟื่องนั้น
พูดได้ว่า ไม่มีโดยสิ้นเชิง ทวารทั้ง 6 บริสุทธิ์
พวกเขาบางคน ก็บรรลุ ถึงขั้นของพระโพธิสัตว์แล้ว
แปลงกายได้ ตามใจหรารถนา ท่องเที่ยวแสดงเทวฤทธิ์ เป็นต้นว่า

บรรดาโพธิสัตว์ เมื่ออยู่ด้วยกัน นึกจะแปลงเป็นดอกไม้ ร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นดอกไม้
นึกจะแปลงเป็นเจดีย์ ร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นเจดีย์ นึกจะแปลงเป็นก้อนหิน
ร่างกายก็จะเปลี่ยน เป็นก้อนหิน นึกจะแปลงเป็นต้นไม้ ร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นต้นไม้

ในสระบัวชั้นสูง ดอกบัวที่เล็กที่สุด ก็มีขนาดใหญ่ เท่าเนื้อที่ของ 3 มณฑล
หรืออีกนัยหนึ่ง มีขนาดใหญ่ เป็น 3 เท่าของประเทศมาเลเซีย
พระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวว่า จะพาอาตมา
ไปดูที่สระบัว เรามาถึงบริเวณสระบัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


สระบัวชั้นสูงต่าง กับที่อื่น จริง ๆ รอบ ๆ สระมีลักษณะเด่นสง่า
เคร่งขรึม กว่าบัวชั้นกลาง และชั้นล่าง มีรั้วล้อมเป็นชั้น ๆ
เปล่งประกาย แสงสีต่าง ๆ ทั้งส่งกลิ่นหอม รวยริน

กลิ่นหอมเหล่านี้ ขจรขจาย ออกมาจาก ดอกบัวในสระนั่นเอง
กลางสระบัว มีรัตนเจดีย์ รูปลักษณะ เหมือนเป็นภูเขาสูง ตัวเจดีย์
เป็นรูปหลายเหลี่ยม เปล่งประกาย สัพรังสีพวยพุ่ง

กลางสระ ยังมีสะพานงานวิจิตร เนื้อที่ของสระ กว้างใหญ่
จนมองไม่เห็นขอบสระ ภายในสระ ไม่เท่าแต่มีดอกบัว บานสะพรั่งเท่านั้น
ยังมีการประดับ ทัศนียภาพ นานาสารพัน

บนท้องฟ้านภาลัย มีฉัตรทิพย์ สร้อยระย้า ไข่มุกเปล่งแสง แวววามงามระยับ
ดอกบัวมีชั้น กลีบดอกมาก นับไม่ถ้วน แต่ละชั้นล้วน
มีรัตนเจดีย์ ศาลา อาราม ตำหนัก วิหาร วิจิตรงดงามยิ่ง
ผู้อาศํย อยู่บนดอกบัว ทั่วสารพางค์กาย
เป็นสีทองคำ อร่ามโปร่งใส อาภรณ์สวยงาม เปล่งแสงสีต่าง ๆ

พระโพธิสัตว์กวนอิม พลันถามอาตมาว่า "ณ ที่นี้
มีคนผู้หนึ่ง ชื่อ ยิ่งกวง พระธรรมาจารย์ (พระเถระชั้นสูง คนหนึ่งใน 3 คน ของจีนในยุคปัจจุบัน) ท่านรู้จักไหม"

อาตมารีบถามว่า "อยู่ไหน อาตมาได้ยินชื่อเสียง เรียงนามของท่านมานานแล้ว
มีความเลื่อมใสศรัทธายิ่ง แต่ว่ายังไม่มีวาสนา ได้พบหน้าท่านเลย"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะกล่าววาจา ก็เห็นชายคนหนึ่งอายุ 30 เศษ พลันแปลงกาย
เป็นโฉมหน้าเดิม ของพระธรรมาจารย์ยิ่งกวง ได้พบหน้ากัน
รู้สึกดีใจมาก หลังจากคารวะต่อกันแล้ว ก็เริ่มสนทนากัน
อย่างออกรสออกชาติ เราคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ลืมไปแล้วเสียส่วนมาก
แต่ที่ยังจำได้แม่นยำ คือคำสั่งกำชับของท่าน

ท่านกล่าวว่า " อาตมาหวังว่า หลังจากที่ท่านกลับถึงแดนมนุษย์แล้ว
จะได้ถ่ายทอด ให้ผู้ร่วมทางธรรม ได้ตระหนักทั่วกันว่า จะต้องถือศีลเป็นครู
รักษาพระธรรมวินัย อย่างเคร่งครัด สวดมนต์ไหว้พระ
ศรัทธา ปณิธาน ปฏิปทา ก็จะต้องได้

ไปเกิดยังสุคติภพแน่นอน จงเตือนพวกบำเพ็ญตนบางคน
อย่าได้ทำเป็นอวดฉลาด เที่ยวแก้ไขเปลี่ยนแปลง พระธรรมวินัย
และระบบระเบียบ ที่พระพุทธองค์ บัญญัติไว้โดยพลการ
ป่าวร้องการแผยแพร่ธรรมะ อย่างปฎิรูป ทำลายภาพพจน์
ละเมิดพระธรรมวินัย ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดจริง ๆ "

เราเดินลงจาก บัลลังค์ดอกบัวพร้อมกัน ท่านพาอาตมา ไปยังตำหนักใหญ่
ตลอกทางมีปักษินเทวานานาชนิด ขับขานดนตรี อยู่บนกิ่งทองใบหยก
ประสานกับเสียงมโหรีทิพย์พิมาน เสียงสวดมนต์ไพเราะ เสนาะหู
แว่วมาตามเลย
ทุกถิ่นสถาน บานสะพรั่ง ไปด้วยดอกไม้สวยงาม นานาพรรณ
ส่งกลิ่นหอมรวบริน ช่อดอกรูปทรงกลม ส่งประกายวาววับ ยังมีโคมไข่มุก
โคมโมรา โคมแก้ว ตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว
ล่องประกายรัศ มีสีสียต่าง ๆ จับนัยน์ตาพร่าพราย วิจิตรงดงามยากจะบรรยาย
เข้าสู่ตำหนัก

ภาพยิ่งสวยงามพิสดาร ทำเอาอาตมา เหมือนต้องมนต์สะกด
ภายในหอเล่งแสงสีทอง พื้นก็เปล่งประกายแสงสีต่าง ๆ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่เบื้องหน้า ล้วนเล่งแสงในตัวได้ทั้งสิ้น

พระธรรมาจารย์ยิ่งกวง นำอาตมาขึ้นไปยังหอชั้นบน บนหอ
เก็บรวบรวมกระจก แก้วผลึกนานาชนิด
ตรงกลางเป็นกระจกบานใหญ่ ที่ส่องได้ทั้งตัว

พระโพธิสัตว์กวนอิมแนะว่า "กระจกบานนี้ จะส่องโฉมหน้าแท้จริง
ของทุกคนออกมาได้ ธาตุแท้บริสุทธิ์หรือไม่ มีความคิดฝันเฟื่องหรือไม่
พอส่งกระจกดูก็จะเห็นได้ชัด" ภายในหอมีม้านั่ง ตั้งเรียงรายอยู่ 2 ข้าง
อย่างเป็นระเบียบ ม้านั่งเหล่านี้ ประกอบด้วยรัตนะ 7
มีแสงในตัว บนโต๊ะตั้งของรูปร่างแปลก ๆ ไว้
อาตมาดูไม่ออกว่าเป็นอะไรกันแน่

พระโพธิสัตว์กวนอิม ทราบว่าอาตมาคงหิวแล้ว
จึงถามขึ้นว่า "หิวแล้วใช่ไหมล่ะ"
ว่ากันตามจริง อาตมารู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน
จึงตอบไปว่า "มีของอะไร พอกินแก้หิวได้บ้างไหมครับ"
ท่านตอบว่า "ของกินที่นี่ ก็เหมือนกับที่บัวชั้นล่าง
ท่านอยากกินของสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะมาเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อาตมากล่าวว่า "งั้นก็ดีซี อาตมาอยากกินข้าวสวย
แกงจืดผักกาดขาว อย่างอื่นไม่เอา" กล่าวไม่ทันขาดคำ
ข้าวสวย แกงจืดผักกาดขาว ก็ตั้งอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้า
อาตมาถามทุกคนว่า "พวกท่านไม่ทานด้วยเหรอ"
พวกเขากล่าวว่า "โดยทั่วไป พวกเราไม่ต้องกินอะไรอยู่แล้ว ท่านตามสบายเถิด"

ตามที่ทราบ เวไนยสัตว์ในระดับสูง ของบัวชั้นสูง ส่วนใหญ่จะสำเร็จเป็นโพธิสัตว์
ความฝันเฟื่อง กระหายอยากอาหาร จึงมีน้อยมาก กระทั่งไม่มีเลย
เปรียบกับอาตมาแล้ว ก็ให้รู้สึกละอายใจ กินไปกินไป จนกระทั่งอิ่ม
วางชามตะเกียบลงบนโต๊ะ พริบตาเดียว ชามตะเกียบบนโต๊ะ
ก็อันตรธานไสิ้น

อาตมา ถามพระโพธิสัตว์กวนอิมว่า "ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น"
ท่านตอบว่า "นั่นเป็นเพราะ ท่านคิดว่าท่านหิว ก็นึกอยากจะกินข้าว
ก็เหมือนผู้คน ในโลกมนุษย์นอนหลับฝันไป ตอนฝันก็มีทุกสิ่งทุกอย่าง
คร้นตื่นขึ้น ทุกอย่างก็สูญสิ้น ท่านนึกอยากกิน ของกินก็มา กินแล้วอิ่ม
ความคิดอยากกินหมดไป ของกินก็อันตรธานด้วย" อาตมาผงกศรีษะรับทราบ


ท่านกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ครั้นธาตุบริสุทธิ์ ไม่นึกอยากกิน ไม่นึกอยากของใด ๆ
ก็เป็นศูนยภาพ หามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ไม่ แต่ถ้าหาก มีความคิดอยากผุดขึ้น
ก็จะเป็นดังท้องฟ้า ที่ว่างเปล่า พลันมีเมฆหมอกเกิดขึ้นชั้นหนึ่ง
เหตุผลนี้ ท่านค่อย ๆ ใคร่ครวญ ซึมซาบก็จะเข้าใจ
3 มิติ ของเหตุผลนี้ได้โดยถ่องแท้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไปเกิดในบัวชั้นสูง มีความคิดฝันเฟื่องน้อยที่สุด ล้วนแล้วแต่
จริงแท้ดังธาตุเดิม ในชั่วพริบตา จะสามารถ อาศัยแรงบันดาล
ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า แปลงเป็นดอกไม้ ผลไม้ และของถวาย
ออกมาถวาย สักการระพุทธ 10 ทิศ

ครั้นถึงเวลาแสดงธรรม พระโพธิสัตว์นับหมื่น นับล้านรูป จะนั่งขัดสมาธิอยู่บนดอกบัว
หรือในตำหนัก บนรัตนเจดีย์หรือต้นไม้ 7 แถว ฟังพระดำรัส
ตรัสแสดงธรรม โดยตรงจากพระอมิตาภะพุทธเจ้า

อาตมาเรียนถาม พระโพธิสัตว์กวนอิมว่า "ผู้คนในโลกมนุษย์ คงมีการเกิด
ในสุคติภพมากมาย เหตุใดญาติโยมของพวกเขา จึงมองไม่เห็นล่ะครับ"

ท่านตอบว่า "ผู้คนในโลกมนุษย์ ส่วนใหญ่จะถูกบดบัง โดยกรรมกีดขวาง
จึงมีของที่มองไม่เห็น อีกมากนัก ถ้าหากหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ
ไม่มีความคิดฝันเฟื่อง ใจว่างเปล่าเป็นศูนยภาพแล้ว
ก็มีโอกาสได้เห็นแดนสุขาวดีเช่นกัน"

อาตมาถือโอกาส ขอให้ท่านไขปริศนา โดยถามว่า
" ถ้ากระนั้น ต้องสวดมนต์อย่างไร จึงจะบรรลุผลได้เร็วที่สุด"
ท่านตอบว่า "ต้องบำเพ็ญฌาน กับกับพิสุทธิ์ควบคู่กัน ใจหนึ่งสวดพุทธ
สวดพุทธไปเข้าฌานไป เรียกว่า ฌานวิสุทธิภูมิ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อาตมารุกถามต่อ " ขอเรียนถามว่า ฌานวิสุทธิภูมิ ควรปฏิบัติอย่างไร"
ท่านผงกศรีษะ อธิบายว่า " ใช้วิธีสวด โดยแบ่งคนออกเป็น 2 ชุด
(นี่เป็นวิธีปฏิบัติธรรม ของเวไนยสัตว์ในวิสุทธิภูมิ) ชุด ก. สวดอมิตพุทธ 2 คำ
ชุด ข. ฟังไปสวดในใจไปด้วย จากนั้น ชุด ข. สวดอมิตพุทธ 2 คำ
ชุด ก. ฟังไปสวดในใจไปด้วย

การปฏิบัติเช่นนี้ ทั้งไม่หนักแรง ทั้งสวดได้ไม่ขาดช่วง หูจะไว หูจะสวดเอง
ซึ่งก็คือใจสวด ใจกับปากเป็นหนึ่งเดียว พุทธภาพก็จะปรากฏขึ้นเอง
เมื่อใจสงบ ย่อมก่อเกิดสมาธิ สมาธิย่อมก่อเกิดปัญญา"

ต่อจากนั้น พระโพธิสัตว์กวนอิมกล่าวว่า เวลาเหลือไม่มากแล้ว
อาตมาจะพาท่าน ไปดูมหาเจดีย์ พระอมิตาภะพุทธเจ้า คือ "เจดีย์ดอกบัว"

เราผ่านตำหนัก ไปอีกหลายหลัง ยอดเจดีย์แว็บผ่านตัวเรา ไปไม่ช้า
ก็เห็นมหาเจดีย์สูงใหญ่ มหึมา สุดเปรียบปราน ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
เจดีย์สูงดังขุนเขา คุนหลุน ของประเทศจีน ไม่ทราบมีกี่ชั้น (คงไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นชั้น)
"เจดีย์ดอกบัว" มีกี่เหลี่ยมก็แยกไม่ชัด ตัวเจดีย์มีลักษณะโปร่งใส
สัพรังสีพวยพุ่ง ได้ยินเสียงสวด
นะโมอมิตพุทธ แว่วจากภายในเจดีย์ 2 คำแรกชัดมาก
คำเริ่มต้น ฟังดูเศร้าสร้อย คล้ายกำลังวิงวอน ขอความช่วยเหลือ
ส่วนคำที่ 2 ให้ความรู้สึกอยากชิดใกล้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




109487.gif
109487.gif [ 58.59 KiB | เปิดดู 3617 ครั้ง ]
109483.gif
109483.gif [ 60.53 KiB | เปิดดู 3617 ครั้ง ]

โมทนาค่ะ
คุณเต้ :b8:


ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิต
สร้างเหตุอันเป็นกุศล จิตย่อมเสพแต่กุศล

ทุกชีวิต ล้วนเป็นไปตามเหตุที่กระทำมา
อดีตไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แก้เหตุทั้งหลายทั้งปวง ให้แก้ที่ปัจจุบัน
หมั่นสร้างแต่เหตุดี อนาคตย่อมดีอย่างแน่นอน

หมั่นเจริญสติ รู้อยู่ในกายและจิต เมื่อมีสัมมาสติเกิดแล้ว
สัมมาทิฏฐิย่อมเกิดอย่างแน่นอน นั่นคือเหตุที่ทำให้เกิดศิลที่สะอาด
จิตย่อมตั้งมั่นได้ง่ายเพราะจิตไม่ซัดส่าย สัมมาสมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
ทุกสิ่งทำงานร่วมกัน ปัญญาที่แท้จริงย่อมเกิด ทำให้เห็นตามความเป็นจริงได้ค่ะ

ทุกสรรพสิ่ง ล้วนไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน
เราไม่สามารถไปยึดมั่นถือมั่นอะไรได้เลย

มีแต่สิ่งที่ถูกรู้กับสิ่งที่รู้เกิดขึ้นเพียงสองสิ่งเท่านั้น
แต่เมื่อใด สิ่งที่รู้ ไปยึดติดเกิดอุปทานกับสิ่งที่ถูกรู้เมื่อไหร่ เมื่อนั้น ภพชาติย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 00:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สติสัมปันน์ เขียน:
:b12: อนุโมทนานะ ที่แท้ มหายานนี่เอง :b6:


จะมหายาน..หินยาน..เซน..มันก็สมมุติด้วยกันทั้งนั้นแหละ..ต่างกันได้ก็เพราะสมมุติ..ไปให้ค่าให้ความหมายมัน..อย่าเอาใจไปวุ่นวายกับมันมากจนเกินไป..เลยครับ

เมื่อถึงวิมุติ..แล้ว..มันก็ลงที่เดียวกัน..เองแหละ
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


" เจดีย์ดอกบัว " องค์นี้ มีไว้สำหรับผู้คน
ที่ไปเกิดในระดับกลาง ของบัวชั้นสูง นับหมื่นนับแสน ได้ใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ความสูงใหญ่ของเจดีย์ เปรียบเทียบไม่ถูก ไม่อาจจินตนาการ
โดยผู้คนโลกมนุษย์ได้

ใหญ่พอ ๆ กับพื้นที่ รวมของโลกเรา หลายพันหลายหมื่นโลก
ดังนั้นความสูงของมัน ก็ไม่อาจจะจินตนาการได้เช่นกัน
ภายในเจดีย์ มีปราสาทราชวังมากมาย มีสีต่าง ๆ
ล้วนแต่โปร่งใส และมีแสงสว่างในตัว

เวไนยสัตว์ ที่เกิดในระดับกลาง ของบัวชั้นสูง มาถึงที่นี่แล้ว
สามารถเดินฝ่า ทะลุกำแพงเข้าออกได้ โดยเสรีไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
จะขึ้นจะลง เพียงใจนึกเท่านั้น

ในชั่วขณะหนึ่ง ก็จะไปถึงในที่ที่ ต้องการจะไป ภายในเจดีย์มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง
ณ ที่นี้ สามารถมองเห็นสภาพทั้งปวง ของเวไนยสัตว์ในโลก ศรีปิฏกทั้งหมด
สามารถเห็นพุทธภูมิ บรรดามี หลายหมื่นล้านพุทธภูมิ

ความเยี่ยมยอด ของสภาพภายในเจดีย์ ไม่สามารถใ ช้ปากกาดินสอ
มาบรรยายให้เห็นภาพ แม้เพียง 1 ในหมื่น เวไนยสัตว์ ในระดับกลางของบัวชั้นสูง
ถ้าปรารถนา จะไยังพุทธภูมิใด ก็เป็นเรื่องเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

เราก้าวเข้าสู่ "เจดีย์ดอกบัว" ปรากฏว่า ตัวเราเหินลอยขึ้น
เหมือนนั่งลิฟท์ ขึ้นไปทีละชั้น ๆ ชั้นแล้วชั้นเล่า ล้วนแต่โปร่งใส
จะเห็นแต่ละชั้น มีคนนั่งสวดพุทธ อยู่เต็มเพรียบ ล้วนแต่เป็นผู้ชาย
อายุประมาณ 30 เศษ แต่ละชั้น จะมีลักษณะการแต่งกายเ ป็นของตัวเอง
รวมประมาณ 20 กว่าสี แต่ไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว
ผู้ชายทั้งหมด นั่งสวดพุทธอยู่บนดอกบัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวว่า " ที่นี่จัดเวลา 6 ชั่วโมงทำวัตร 2 ชั่วโมง
สวดพุทธ 2 ชั่วโมง เก็บเสียง 2 ชั่วโมง พักผ่อน เวลานี้เป็นเวลาสวดพุทธ"

เราไปถึงชั้นที่อยู่กึ่งกลาง เห็นพวกเขานั่งเป็นแถวอยู่ 2 ข้างแถวซ้าย กับแถวขวา
หันหน้าชนกัน ได้ยินแต่เสียงกระดิ่ง กลอง ปลาไม้ กรับ ดังไม่ขาดเสียง
แต่ไม่เห็นของจริง
พวกเขานั่ง อยู่บนอาสนะสวยงามมาก กลางวงมี มหาโพธิสัตว์รูปหนึ่ง
นั่งอยู่คอยชี้แนะ คนที่สวดได้ดี จะมีแสงพวยพุ่งเหนือศรีษะ

ในแสงมีพระพุทธรูปมากมาย เช่นเดียวกับ แสงเหนือเศียร ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ที่มีพระพุทธรูป หลายหมื่นหลายแสนล้านรูป มหาโพธิสัตว์รูปนั้นก็มีแสง
ในแสงก็มีพระพุทธรูปเช่นกัน มีวิหคนานาพรรณ บินถลาร่อนล้อลมอยู่
เหนือยอดเจดีย์

บ้างบินอยู่ในห้องโถง พวกมันสวดพุทธตามได้ด้วย ไม่สับสนแม้แต่น้อย
ภายในเจดีย์มีโคมมุก โคมแก้วแสงสีต่าง ๆ โคมรูปกลม
ยังสามารถ เปลี่ยนแปลงเป็นรูปต่าง ๆ เปล่งแสงนานาชนิด
รวมความแล้ว ก็คือภูมิภาพของที่นี่ บรรยายเท่าไหร่ก็บรรยายไม่หมด
ทั้งยากจะบรรยาย ออกมาให้เห็นภาพได้

การสักการะพุทธ 10 ทิศ ล้วนรวมศูนย์อยู่ที่นี่ ณ ที่นี้ สามารถเห็นโลกศรีปิฏกทั้งโลก
เวไนยสัตว์ทั้งปวง อริยพุทธทั้งปวง จนถึงพุทธภูมิหลายหมื่นล้านพุทธภูมิ
ล้วนปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


การไขปริศนาธรรมของ พระอมิตาภะพุทธเจ้า

ชมบัว 9 ชั้นเสร็จ เรากลับมาอยู่หน้า พระธรรมกายของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
อาตมาคุกเข่าลงกราบแทบเท้า 3 ที

ตั้งจิตอธิษฐานขอพร ชั่วครู่ พระอมิตาภะพุทธเจ้า ก็เผยอทิพยโอษฐ์ ตรัสชัดถ้อยชัดคำ
และอย่างหนักแน่นว่า " พุทธภาพของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ล้วนเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ใจตาลปัตร เห็นเท็จเป็นจริง ประกอบธรรมใด กรรมนั้นสนอง
เวียนว่ายตายเกิดใน 6 ภูมิ
วัฎสงสารไม่สิ้นสุด ทุกข์แสนสาหัส 48 ปณิธาน ปฏิญาณดับทุกข์
แก่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย หญิงหรือชาย ผู้เฒ่าหรือเด็กมีศรัทธา ปณิธาน ปฏิปทา
ใจเดียวไม่หันเห คือณานวิสุทธิภูมิ ก็คืออนุสติ 10 กำหนด ให้ไปเกิดยังวิสุทธิภูมิ..."
อาตมาคุกเข่า ลงกราบนมัสการต่อ ขอพรพระอมิตาภะพุทธเจ้าต่อไป

พระอมิตาภะพุทธเจ้า ตรัสสืบไปว่า

"1. เจ้ายังมีวาสนา ผูกพันกับสัพพะโลก ต้องไปดับทุกข์แก่ พ่อ แม่ พี่น้อง
ญาติโกโหติกาในชาติต่าง ๆ ให้ถือศีลเป็นครูสอนคน ให้ศึกษาณานวิสุทธิภูมิ
ฌานพิสุทธ์บำเพ็ญควบคู่กัน"


"2. สามัคคี วงการศาสนาทุกศาสนา ขงจื๊อ เต๋า พุทธ (รวมพุทธธรรมศากยะมุนี 10 นิกาย) คริสต์ อิสลาม... แต่ละศาสนา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ปลุกเร้าซึ่งกันและกัน
อย่าได้ดูหมิ่น ถิ่นแคลนซึ่งกันและกัน การกล่าวหาซึ่งกันและกัน
ว่าของตัวเป็นสัมมาทิฐิ ของผู้อื่นเป็นมิจฉาทิฐิ ของตัวเป็นพระ
ของคนอื่นเป็นมาร ของตัวสูงส่ง ของผู้อื่นต่ำต้อย ของตัวมีค่า ของผู้อื่นไร้ค่า
จับเอาจุดอ่อน ข้อด้อยผิวเผินด้านเดียว ของฝ่ายตรงข้ามโจมตีไม่หยุด
บ่อนทำลายวิถี แห่งธรรมซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง
วิถีแห่งพุทธกว้างใหญ่ไพศาล มีธรรมวิถี 84,000 วิถี
ทุกศาสนาล้วนเป็นอริยสัจ ผู้ถือปฏิบัติได้ มิจฉาทิฐิ
จะกลับกลายเป็นสัมมาทิฐิ มารกลับเป็นพระ เล็กสามารถไปสู่ใหญ่
จะต้องช่วยเหลือ กันด้วยภราดรภาพ กำจัดมิจฉาทิฐิ ผดุงสัมมาทิฐิ
จึงเป็นสัมโพธิญาณ แห่งสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


พระอมิตาภะพุทธเจ้า จึงตรัสต่อว่า
"เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว"
อาตมา ลงกราบแทบเท้า 3 จบ

เราเดินทางต่อ ตลอดทาง ดอกบัวที่ใต้เท้า ยังคงพาตัวเรา
เหาะเหินเดินอากาศเหมือนเดิม คราวนี้ไม่เห็น ประตู "จาตุมหาราชิก"
พักเดียวก็มาถึง " ตำหนักอรหันต์ภพกลาง" อาตมาหยุดท่องคาถา
ดอกบัวใต้เท้าอันตรธาน เ ด็กรับใช้นำน้ำเย็น มาให้อาตมาดื่ม
สงฆ์บริกรจัดแจง ให้อาตมาไปพักผ่อนในห้องนอน
อาตมารู้สึกว่างัวเงีย ๆ แล้วม่อยหลับไปในที่สุด

กลับถึงถ้ำหมีเล่อในแดนมนุษย์

ครั้นตื่นมาอีกที อาตมาก็พบว่า ไม่มีวัดวาอาราม พระโพธิสัตว์เทวดา
และก็ไม่มีมหาวิหาร อันโอ่อ่าโอฬาร เปล่งรัศมีเหล่านั้นอีกแล้ว
รำลึงถึงทัศนียภาพ เที่ยวชมเหล่านั้น คล้ายยังติดตา
เป็นภาพชัดเจนอยู่เบื้องหน้า

ยามนั้นรอบ ๆ กาย มีแต่ความมืดมิด ยื่นมือออกไปไม่เห็นนิ้วทั้ง 5
อาตมารู้สึกว่า ตัวเองกำลังนั่งหลับตา บนหินก้อนหนึ่ง ภายในถ้ำ
ไม่ช้า ฟากฟ้า ก็ฉายแสงอรุณรำไร

อาตมา ก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติเป็นปกติดังเดิม อาตมา ได้นมัสการกราบไหว้
อยู่ในถ้ำอีก 2-3 วัน แม้ว่าจะกู่ก้องร้องเรียก โหยหาอาลัย
ก็หาได้มีข่าวคราวไม่
อาตมาจึงค่อยกระย่องกระแย่ง ลงจากเขา เดินได้ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร
ถึงถนนเช่อสุ่ย เห็นผู้คนสัญจรไปมาขวักไขว่ อาตมาถามคนเดินทาง
ต้องตื่นตระหนก เพราะแท้จริงขณะนี้ เป็นวันที่ 8 เมษายน 2517 แล้ว
คิดคำนวณเวลา ปรากฎว่า
อาตมา ออกจากโลกมนุษย์ ไปนับเวลาได้ 6 ปี กับอีก 5 เดือนเศษ
พระโพธิสัตว์ผู้ตื่นแล้ว เวไนยสัตว์ผู้หลับไหล พุทธธรรมมีมรรค
ผู้มีวาสนาผูกพัน จึงได้หลุดพ้น
อาตมา ขอสืบทอดเจตนารมณ์ ของพระอาจารย์ซวีหยุน
เผยแพร่ธรรม เพื่อการหลุดพ้น
ของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีวาสนาผูกพัน
ขออุทิศส่วนกุศลนี้ เผื่อแผ่ไปยังเวไนยสัตว์ทั้งปวง
ได้ปฏิบัติสำเร็จเป็นมรรคผลโดยทั่วกันเทอญ
:b8: :b41: :b55: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณอมิตาพุทธน่ะค่ะ ที่มาต่อรูปภาพให้เรา
คิดไว้แล้ว ว่าคุณอมิตตาพุทธ จะต้องมาต่อรูปให้เรา

คุณกรัชกายค่ะ คุณมีรูปที่ ตอนประเทศใต้หวันน้ำ่ท่วมหนัก
แล้วพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านมาช่วย
คุณมีรูปนั้นหรือปล่าวค่ะ ถ้ามีลงให้ดูบ้างสิค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร