วันเวลาปัจจุบัน 26 ส.ค. 2025, 14:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 76, 77, 78, 79, 80, 81, 82 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. เวลาสวดมนต์ต้องสวดแบบที่พระสวดไหมค่ะ ปกติจะสวดแบบอ่านหรือท่อง ไม่เป็นทำนองอย่างพระสวด

2. เวลาอุทิศบุญกุศลควรจะเจาะจงชื่อไหม เคยอ่านเจอว่าควรเจาะจงให้ชัดว่าให้ใคร แล้วถ้าอุทิศแบบบทสวด
อิทัง เม... บุญเราจะเหลือพอให้คนที่เราเจาะจงอยากให้ไหมค่ะ เพราะบุญเราอาจมีแค่น้อยนิด แล้วก็อุทิศทุกวัน

3. อาชีพขายเครื่องบำรุงผิว เครื่องสำอางค์เป็นอาชีพไม่ดีหรือเปล่าค่ะเพราะทำให้คนหลงในรูปกายภายนอก แต่คิดว่าคนทางโลกยังต้องให้รูปเป็นตัวช่วยในการหาเลี้ยงชีพอยู่

ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
(๑). การสวดมนต์ที่มีระเบียบสูงต่ำ มีจังหวะสั้นยาว (ทำนอง) หรือการอ่านบทมนต์แบบออกเสียง หากสวดหรืออ่านบทมนต์ แล้วเข้าใจความหมายที่กล่าวไว้ในบทมนต์ ย่อมเข้าถึงอานิสงค์เหมือนกัน คือ เป็นบ่อเกิดแห่งบุญ ด้วยทำให้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ และทำให้เกิดความเห็นถูกตรงได้

(๒). หากผู้มีบุญได้อุทิศบุญเจาะจงให้กับผู้หนึ่งผู้ใดที่อยู่ในวิสัยสื่อถึงกันได้ และผู้นั้นมาอนุโมทนาบุญ ความสำเร็จของการอุทิศบุญย่อมเกิดขึ้น ส่วนผู้ที่มิได้ถูกระบุชื่อจึงไม่มีสิทธิ์มารับบุญที่มีผู้อุทิศ

อนึ่ง ตามกฎแห่งกรรม ผู้อุทิศสิ่งใดให้กับผู้อื่น ผู้อุทิศย่อมมีมากในสิ่งนั้น ดังนั้นผู้มีปัญญาเห็นถูก จึงอุทิศบุญได้ทุกวัน

(๓). อาชีพขายเครื่องบำรุงผิว เครื่องสำอาง ในสังคมโลกถือว่าเป็นอาชีพที่ดี เพราะประพฤติแล้วไม่ผิดกฎหมาย ประพฤติแล้วทำให้ได้ปัจจัยมาบำรุงเลี้ยงชีวิตให้มีความสะดวกสบาย และมีความสุขในเบื้องต้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.อยากทราบว่า จะเข้าญาณได้เนี่ย ต้องเข้า อุปจารสมาธิให้ได้เท่านั้นใช่หรือไม่ อย่างไรครับ ?

2.เหตุทำให้เข้าอุปจารสมาธิ มีอะไรบ้างครับ ?

3.รากเหตุที่ทำให้ไม่สามารถทำให้เข้าอุปจารสมาธิมีอะไรบ้างครับ ? (ถ้าเป็นไปได้ขอละเอียดๆยิ่งดี ขอความกรุณามาๆ ครับ)


* ขอขอบพระคุณท่าน อ.ดร.สนอง วรอุไร และทางทีมงานมากๆ ครับที่สละเวลามาตอบปัญหา ขอบคุณมากๆ ครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ ! ขอให้ดร.สนอง และทางทีมงาน สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ และสมปรารถณาในธรรม .

คำตอบ
(๑). ตอบว่า ไม่ใช่ พัฒนาจิตให้เข้าถึงความทรงฌานได้ ต้องปฏิบัติสมถกรรมฐาน จนกระทั่งจิตเข้าถึงสภาวะตั้งมั่นแนวแน่ (อัปปนาสมาธิ) จึงจะเรียกได้ว่าจิตทรงฌาน

(๒). เหตุที่นำพาจิตให้เข้าถึงอุปจารสมาธิได้ อย่างน้อยต้องปฏิบัติให้เป็นลำดับขั้นตอนดังนี้

๑. มีศีล ๕ บริสุทธิ์คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น

๒. มีสัจจะคุมใจ

๓. มีความเพียร ปฏิบัติสมถภาวนาในทุกอิริยาบถ อย่างต่อเนื่องและยาวนาน

๔. ประพฤติมักน้อยในการบริโภค

๕. ประพฤติมักน้อยในการพูดจา , การฟัง , การดู

ฯลฯ

(๓). ผู้ใดประพฤติตรงข้ามกับ (๒) ย่อมเป็นเหตุทำให้การพัฒนาจิต เข้าไม่ถึงความตั้งมั่นเป็นอุปจารสมาธิ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูเป็นสาวประเภทสองที่ผ่าตัดแปลงเพศเรียบร้อยแล้ว ได้รู้จักและคบกับชายคนหนึ่ง ในฐานะแฟนหรือคนรักมาประมาณหนึ่งปีแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คบกันเค้าไม่ได้บอกพ่อเค้า จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อของเค้ารู้ก็สั่งให้เลิกคบกันตัดขาดกันเลย โดยให้เหตุผลว่าการคบกันแบบนี้ถือว่าเป็นดวงจิตชายสองดวงคบกัน ถือว่าผิดศีล แต่ว่าเค้าก็ยังเชื่อมั่นในตัวของเค้าเองว่าหนูเป็นหญิงจริงๆ จนเวลาผ่านไปประมาณอีกห้าหกเดือนพ่อเค้าก็จับได้ว่ายังคบกันอีก และใช้เงื่อนไขในเรื่องของการผิดศีลมากล่าวอ้างเช่นเดิม แต่แฟนหนูเค้าบอกกับหนูว่าเค้าไม่เชื่อพ่อของเค้า เพราะว่าพ่อเค้ายังไม่ได้จบกิจ(หนูก็สงสัยในคำนี้เหมือนกัน) แล้วเค้าก็มีโอกาสได้ไปปรึกษาพระรูปหนึ่งจากวัดทางเหนือ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพระที่ทางบ้านเค้านับถือเป็นอย่างมาก เห็นเค้าเคยพูดให้หนูฟังประมาณว่าพระรูปนี้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว และคำตอบที่ได้รับจากพระรูปนี้ก็คือ ผิดศีล คนที่คบกันแบบนี้จะต้องตกนรก เห็นเค้าพูดประมาณว่าหนูมีสัมมาทิษฐิ ให้คบกันแบบเพื่อน

หนูยังมีเรื่องสงสัยอีกค่ะ เค้าเคยพูดให้หนูฟังประมาณว่า การที่ชายซื้อบริการหญิงบริการทางเพศนั้นไม่ผิด การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและการดูหนังลามกก็ไม่เป็นการผิดศีลแต่อย่างใด และหากจะให้หนูไม่ผิดศีลก็คือ หนูต้องเสพกามกับผู้หญิงเท่านั้นจึงจะไม่ผิดศีล หรือหากหนูอยากจะถึงซึ่งนิพพานก็ต้องครองตัวเป็นโสดและถือศีลอย่างเคร่งครัด หนูลืมบอกไปค่ะว่าเค้ามุ่งมั่นที่จะถึงซึ่งนิพพานเป็นอย่างมาก หลังจากที่เมื่อสามปีที่แล้วแม่ของเค้าจากไปอย่างกระทันหันจากโรคมะเร็ง เค้าจึงหาที่พึ่งด้วยเรื่องนี้ หนูฟ้งมาดังนั้นก็เชื่อในสิ่งที่เค้าพูด แต่หนูต้องการความกระจ่างจากอาจารย์อีกทีนึงค่ะ

หนูขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ล่วงหน้านะคะอาจารย์

คำตอบ
ฆราวาสปุถุชน ควรมีศีล ๕ เป็นธรรมคุ้มครองใจ แล้วจะส่งผลให้สังคมสงบสุข การคบหาสมาคมมิได้ผิดศีลข้อไหน แต่หากคบกับคนไม่ดี จะทำให้ชีวิตวิบัติได้ ผู้ใดคบกันฉันท์เพื่อน แล้วประพฤติเสพเมถุนกันและกัน โดยผู้เป็นพ่อแม่หรือคู่สมรสมิได้ยินยอมให้ประพฤติเช่นนั้น จึงจะถือว่าผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร อันเป็นเหตุนำพาจิตวิญญาณไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในสิมพลีนรก

หญิงที่ขายบริการทางเพศ หากได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ให้ทำได้ และผู้ซื้อบริการหากได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ หรือภรรยา/สามีของตนแล้ว ไม่ถือว่าผิดศีลแต่ผิดธรรม การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง การดูหนังลามกไม่ถือว่าผิดศีล แต่เป็นการประพฤติที่ผิดธรรม ประพฤติแล้วทำให้มีกิเลสเพิ่มขึ้นในจิตวิญญาณ เช่นเดียวกันหากสาวประเภทสองประพฤติเสพกามกับผู้หญิง ที่ยังมิได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของ ถือว่าผิดศีลได้เช่นเดียวกัน

ผู้ใดปรารถนานำพาชีวิตเข้าถึงสภาวะนิพพาน ต้องกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจ ให้ต้องเวียนตาย-เกิดในวัฏสงสารให้หมดไป ในพุทธศาสนาเรียกกิเลสเช่นนี้ว่า สังโยชน์ ๑๐ หนึ่งในนั้นคือกิเลสตัวที่เป็นความกำหนัดในกาม (กามราคะ) ต้องไม่มีอยู่กับใจ และจิตต้องปลอดจากความไม่รู้จริง (อวิชชา) แล้วสภาวะนิพพานจึงจะเกิดขึ้นได้

หากผู้ถามปัญหาประพฤติทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ ความสมปรารถนาในกาลข้างหน้าย่อมเป็นไปได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อยากทราบว่าเราควรทำสมาธินานเพียงใดที่เพียงพอที่จะแผ่ส่วนกุศลได้และ
รบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำการแผ่ส่วนกุศล หลังทำสมาธิด้วยครับ ซึ่งก็ได้เพิ่มข้อสงสัยไปถึงการทำมหาทานว่าหากว่าทำสมาธินานๆ จะเป็นการทำมหาทานหรือไม่ และอยากขอคำชี้แนะอธิบายถึงการทำมหาทานด้วยครับ

2. หากในการเจริญสติเพื่อให้เกิดสมาธิ ถ้าไม่มีพื้นที่หรือไม่สะดวกจะนั่งเพียงอย่างเดียวโดยไม่ยืนจงกรม ได้หรือไม่ ทราบมาว่าหรืออาจจะได้ยินมาผิด ว่าห้ามนั่งเกิน หนึ่ง ชม ต้องมีการเดินจงกรรมด้วย จึงมีข้อสงสัยเพิ่มเติมอีกว่าการเข้านิโรธซึ่งใช้เวลานานกว่าจึงทำได้ทั้งที่ไม่ได้เดินจงกรม

3. กระผมเคยฟังมาว่า การทำสมถะคือการยึดติดคำภาวนา โดยไม่สนใจอารมณ์ที่มากระทบ ส่วนวิปัสนาจะกำหนดจากอารมณ์ที่มากระทบ หากกระผมเข้าใจผิดอย่างไร ช่วยชี้แนะข้อแตกต่างระหว่างสมถะ กับวิปัสนากรรมฐานด้วยด้วย

สุดท้ายนี้ขอพระคุณท่านอาจารย์มาก จากที่เดิมทีมีข้อสงสัยมาก พอได้เข้ามาอ่านประกอบกับการฟังธรรมจากคลิป และเอ็มพี3ของท่านอาจารย์ทำให้ปัญหาบางข้อคลี่คลายไปมาก ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

คำตอบ
(๑). ผู้ใดพัฒนาจิตจนเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิ เพียงชั่วช้างกระดิกหูหรืองูแลบลิ้น บุญใหญ่ได้เกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิตแล้ว ผู้นั้นสามารถอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร หรือสรรพสัตว์ที่อยู่ในวิสัยที่จะมารับบุญที่เกิดจากการอุทิศได้
ด้วยการกล่าววาจาของผู้อุทิศบุญว่า “ ด้วยบุญที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ข้าพเจ้าอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนาย เวร อุทิศบุญให้กับ ... (ระบุชื่อ) หรือสรรพสัตว์ที่อยู่ในวิสัยมารับบุญได้ จงเป็นสุขอย่าได้มีเวรต่อกัน จงมีบุญรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ”

อนึ่งคำว่า มหาทาน หมายถึงการบริจาคทานอันยิ่งใหญ่ อาทิ ทานที่ถวายแก่พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ทานที่ถวายแก่ผู้ทรงคุณธรรมสูง ทานที่ถวายแก่หมู่สงฆ์ยาวนาน เช่น เจ็ดวัน ทานที่ให้แก่คนหมู่มาก ฯลฯ ส่วนการปฏิบัติธรรม (ทำสมาธิ) ยาวนาน เรียกว่า เป็นบุญที่เกิดจากการพัฒนาจิต ไม่เรียกว่าการบำเพ็ญทาน

(๒). การพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ บุคคลสามารถใช้กรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งในกรรมฐาน ๔๐ มาเป็นองค์บริกรรมได้ในทุกอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันขณะ เช่น อิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ สามารถทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้

(๓). สมถภาวนา เป็นการเอาจิตจดจ่ออยู่กับองค์บริกรรมที่เป็นปัจจุบันขณะ หากทำได้เช่นนี้ สิ่งกระทบที่เป็นเรื่องในอดีตหรือในอนาคต ไม่สามารถกวนใจให้เกิดเป็นอารมณ์ได้ จิตที่มีสภาวะเช่นนี้ เรียกว่าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ และหากเข้าถึงสภาวะที่จิตตั้งมั่นแน่วแน่โดยสิ่งกระทบภายนอกใดๆ ไม่สามารถกวนใจให้เกิดเป็นอารมณ์ได้ เรียกสภาวะเช่นนี้ว่า จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน ซึ่งมีอารมณ์ฌานเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นกับจิต

ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง คือ เกิดปัญญาเห็นถูกตามความเป็นจริงแท้ที่ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา ผู้ใดใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ไปพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ว่าดำเนินไปตากฎไตรลักษณ์ เมื่อใดผัสสะดับไป (อนัตตา) ปัญญาเห็นแจ้งในผัสสะย่อมเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ตอนที่ดิฉันตั้งครรภ์ ฝันว่าได้เข้าไปในโบสถ์ โดยมีูพระพุทธรูปอยู่ 3 องค์ตั้งอยู่องค์แรกองค์ใหญ่สุด เป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ องค์ที่ 2 เป็นสีนาค ส่วนองค์ที่ 3 ภายนอกมองดูแล้วเป็นหินอ่อนสีชมพููเมื่อ เพ่งมองลึกเข้าไปดิฉันเห็นเป็นเนื้อดินที่นวลเนียน ละเอียดตามากเกิดความหลงใหลอย่างมาก จึงเข้าไป อุ้มขึ้นมา และยังเคยฝันเห็นพระให้พรดิฉัน ตอนท้องดิฉันสวดมนต์พระคาถาชินบัญชรและแอบขอว่าอยากมีลูก โดยจะพยายามถือศีล 5 ตอนนี้ลูกชายดิฉันอายุ 10 ขวบ และเท่าที่สังเกตุพฤติกรรมลูก โดยรวมจะเป็นเด็กที่ชอบสบาย เรื่อยๆ หลายคน บอกว่าสุภาพ เรียบร้อย ผิวพรรณดี ดิฉันคิดผูกเรื่องไปถึงความฝันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่มีประเด็นหนึ่งที่อดแปลกใจไม่ได้ เค้าเป็นคนไม่ชอบ คนพูดจาไม่ดี คำแรงๆ นี่เป็นเรื่องเลย และเวลาโกรธก็น่ากลัว ดิฉันตกใจมาก เค้าจะตาขวาง ร้องไห้และพร้อมลงไม้ลงมือ แต่เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้วสำนึกผิดก็เข้ามาร้องไห้กราบขอโทษเป็น การใหญ่ ดิฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นใครกันมาเกิด เพราะตอนปรกติก็น่ารักดี หากอาจารย์ฯ เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หรือเป็นเรื่องที่ไม่ควรไปรู้ อาจารย์ฯ ไม่ตอบก็ได้นะค่ะ (ขอประทานโทษค่ะ)

2. อาจารย์ค่ะ ดิฉันสำรวจตัวเองอยู่ทุกวัน ทุกวันนี้ศีล 5 ดีขึ้นกว่าอดีต แต่มักจะพลาดข้อ 4 รู้สึกยากมาก จะเตือนสติตนเองอย่างไร บางเรื่องไม่พูดก็ไม่ได้บางครั้งหาความพอดีให้ตัวเองไม่ได้ พอกลับ มาบ้านก็จะแวบขึ้นมาว่าไม่น่าพูดอย่างนั้นเลย บางครั้งก็ท้อสอบตกกับเรื่องง่ายๆ จะทำอย่างไรให้สติ แข็งขึ้นในเรื่องนี้ค่ะ (พละ 5 หรือเปล่าค่ะ)

3. ดิฉันเป็นคนชอบคิดไตร่ตรองเอาเรื่องทางโลก ที่เจอมาเป็นตัวตั้งแล้วใช้ธรรมะเป็นตัวไขขานและ คิดคำตอบได้และเหมือนเกิดปัญญาเห็นว่า จะปัญหาใดก็สรุปลงที่หลักไตรลักษณ์ได้หมด กระจ่าง แล้วก็จำไว้เป็นแนวทางระมัดระวัง ดิฉันเคยคิดอะไรแล้วเกิดปัญญาดิฉันมีความสุขจนไม่ได้หลับ ทั้งคืนมีความสุขในสติปัญญาอย่างบอกไม่ถูก อิ่มเอมใจแต่ไม่รู้จะบอกกล่าวให้ใครฟังใช่ปิติในปัญญา ไหมค่ะ เพราะเพิ่งเกิดแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สภาวะอย่างนี้เรียกว่าอะไรค่ะ มาถูกทางหรือเปล่า หรือคิดไปเอง

4. หลังสวดมนต์ดิฉันจะนั่งสมาธิต่อ โดยแอบนึกในใจว่าการนั่งสมาธิของข้าพเจ้านี้หวังให้ใจสงบสุข ไม่ต้องการเห็นโน่นเห็นนี่ การคิดแบบนี้จะดีหรือไม่ดีค่ะ

สุดท้ายนี้ดิฉันขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ฯ อย่างสูง ขอให้อาจารย์ฯ มีสุขภาพร่างกาย
แข็งแรง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไปอีกนานๆ นะค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
(๑). เป็นใครมาเกิดนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่า ผู้เป็นแม่ต้องปฏิบัติจริยธรรมของการเป็นแม่ที่ดี และสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง คือ พัฒนาจิตให้มีศีลมีธรรมคุ้มครอง และปิดอบายภูมิให้ได้ นั่นเป็นสิ่งดีที่สุด

(๒). ใช่แล้วครับ ต้องเจริญพละ ๕ ให้มีกำลังกล้าแข็ง คนที่รู้ศีล ๕ แต่ไม่มีศีล ๕ คุมใจ ปฏิบัติธรรมได้ แต่เข้าไม่ถึงธรรม

(๓). ผู้ใดใช้จิตที่มีสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ พิจารณาสิ่งที่เข้ากระทบจิต จนเห็นว่าเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ คือ จบลงที่ความเป็นอนัตตา แล้วปัญญาเห็นแจ้งเกิดขึ้นได้อย่างนี้ จึงจะพูดได้ว่าพัฒนาจิตได้ถูกทาง เห็นถูกตรงตามธรรมได้ ๒ ถึง ๓ ครั้งต่อปี ยังดีกว่าไม่เห็น หากผู้ใดพิจารณาทุกสิ่งที่เข้ากระทบจิต จนเห็นว่าทุกสิ่งเป็นอนัตตาได้ นั่นแหละดีที่สุด

(๔). นั่งสมาธิแล้วต้องไม่คิดถึงเรื่องอื่น ต้องเอาใจจดจ่ออยู่กับองค์กรรมฐาน ที่นำมาใช้บริกรรมอยู่ในปัจจุบัน ผู้ใดปฏิบัติได้เช่นนี้แล้ว จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แน่นอน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ขออนุญาต copy การบรรยายธรรมะ ของท่านอาจารย์ ที่ค้นเจอใน internet เพื่อแจกเป็นธรรมทาน และเพื่อการศึกษาธรรมะของตนเองค่ะ

2.ขออนุญาต copy และ Print คำถาม-ตอบ บางข้อ ใน กัลยาณธรรม.คอม เพื่ออ่านเอง(หรือผู้ที่สนใจอ่าน) เนื่องจากการอ่านคำตอบของท่านอาจารย์ เหมือนอ่านหนังสือธรรมะ ที่อธิบายได้อย่างแจ่มชัด ค่ะ

3.อยากถือศีล 5 และ ศีล 8 ให้บริสุทธิ์ (เพื่อเข้าให้ถึงธรรม)แต่ไม่ค่อยเข้าใจขอบเขตของศีล ขอรบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยว่า การกระทำต่างๆ ต่อไปนี้มีผลให้ศีลไม่บริสุทธิ์หรือขาดหรือไม่ และเมื่อกระทำพลาดพลั้งไปแล้วควรทำอย่างไร

ศีลข้อ1-ถ้าฆ่าสัตว์ไปแล้ว โดยไม่เจตนา เช่น กวาดบ้านโดนมดตาย

ศีลข้อ2-นำสิ่งของ ของผู้อื่นมาใช้ก่อนบอกทีหลัง เพราะแน่ใจว่าเจ้าของไม่หวงแน่นอน

ศีลข้อ3(ศีล8)-อุ้มเด็กผู้ชาย, จับต้องผู้ชายที่เป็นญาติ โดยไม่ได้มีใจเสน่หาทางชู้สาว ศีลขาดหรือไม่บริสุทธิ์หรือเปล่าคะ

ศีลข้อ4-พูดแล้ว ผู้ฟังเข้าใจความหมายผิด แต่เราก็ไม่ได้อธิบายใหม่

ศีลข้อ5-ทานยาที่มีส่วนผสมของเหล้า แต่เจตนาทานเพื่อรักษาโรค

ศีลข้อ6-ทานยาหรืออมยาเพื่อรักษาโรค ในตอนหลังเที่ยงไปแล้ว

ศีลข้อ7-ดูละครธรรมะ, ฟังเพลงธรรมะ, หน้าหนาวผิวแห้งคันทาครีมทาผิว,ทาลิปมัน เพื่อเป็นยารักษาอาการผิวแตก คัน, หวีผมส่องกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยเพราะยังต้องทำงานพบปะผู้คนอยู่

ศีลข้อ8-นั่งบนเก้าอี้ไม้, นั่งบนเก้าอี้นุ่มเพราะไม่มีที่อื่นให้นั่งได้, นอนบนเตียงไม้ปูด้วยเสื่อ หรือที่นอนบางๆ

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงในความเมตตาของท่านอาจารย์ค่ะ
น้อย

คำตอบ
(๑). ประสงค์ก๊อปปี้คำบรรยายธรรม เพื่อนำมาฟังเองหรือแจกฟรีเป็นธรรมทาน อนุญาตให้ทำได้

(๒). เจตนาตามที่บอกไป อนุญาตให้ทำได้

(๓). ต้องมีศีล ๕ ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย คุมใจอยู่ทุกขณะตื่นให้ได้ก่อน แล้วจึงควรเลื่อนไปปฏิบัติศีล ๘ จะทำได้ง่ายขึ้น คำว่า “ ศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ” หมายถึง กาย วาจา ใจ เป็นศีลอยู่ครบบริบูรณ์ คำว่า “ ไม่ด่าง ไม่พร้อย ” หมายถึง ศีลที่ไม่มีมลทิน หรือไม่มีกิเลสปนเปื้อน ผู้ใดพลาดพลั้งในการรักษาศีล เมื่อระลึกได้แล้วต้องขอขมาต่อพระรัตนตรัย แล้วต้องพยายามไม่ให้เกิดความพลาดพลั้งขึ้นอีก หรือพลาดพลั้งน้องลง จนไม่พลาดพลั้ง จึงจะเป็นศีลที่นำสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต นี่คือศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ

กวาดบ้านแล้วไปโดนมดตายโดยไม่เจตนา ไม่ถือว่าผิดศีลข้อปาณาติบาต แต่ผิดธรรมตรงที่จิตขาดสติ นำสิ่งของมาใช้ก่อนแล้วบอกเจ้าของทีหลัง ถือว่าผิดศีลข้ออทินนาทาน บาปได้เกิดขึ้นแล้ว อุ้มเด็กผู้ชายไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ กาเมสุมิจฉาจาร ไม่ผิดศีลข้อสาม และเช่นเดียวกันอุ้มเด็กผู้ชายแล้วมิได้มีจิตคิดไปในทางชู้สาว ไม่ถือว่าผิดศีลข้อประพฤติผิดพรหมจรรย์ พูดตรงความจริง แต่ผู้ฟังเข้าใจผิดเป็นเรื่องของผู้ฟัง ผู้พูดไม่ผิดศีลข้อมุสาวาท เจตนาทานยาที่มีเหล้าเป็นตัวสกัด ไม่ถือว่าผิดศีลข้อสุราเมรย และศีลข้อ ๗,๘ ที่บอกเล่าไป หากมีเจตนาถูกตรงตามนั้น ไม่ถือว่าเป็นบาป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันมีลูกสาวอายุ 11ปี และลูกชายอายุ 7 ขวบ ทุกวันนี้ได้นำพาลูกใส่บาตรก่อนไปโรงเรียน และวันพระพาไปปล่อยสัตว์ มีโอกาสก็พาไปวัดค่ะ

ขอความเมตตาสอบถามท่านอาจารย์ว่า มีสถานปฎิบัติธรรมที่เหมาะสมกับวัยของลูกทั้งสองที่ใดบ้างค่ะ เพราะลูกสาวเคยไปที่ยุวพุทธแล้ว แต่ต้องใช้เวลาสมัครมีสถานที่ใด ที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้อีกบ้างค่ะ (แต่ไม่ได้บังคับลูกน่ะค่ะ เพียงแต่ถามเค้าว่า ลูกอยากไปหรือเปล่า ลูกบอกว่าไปได้ถ้าแม่ให้ไป) ทุกวันนี้ครอบครัวกำลังปฏิบัติตามคำสอนของท่านด้วยความศรัทธา (เพราะมีเหตุการณ์หลายอย่าง ทำให้ดิฉันได้รู้ว่ากรรมที่เราได้ทำ ได้สั่งสมไว้นั้นให้ผลแน่นอน ตามที่ท่านอาจารย์ได้มาบอกกล่าว ให้แก่ญาติธรรมทั้งหลายได้รับรู้) และกำลังจะเปลี่ยนอาชีพที่ทำอยู่คือ ทนายความไปทำอาชีพที่ถูกต้องทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ ซึ่งก็ไม่ใช้เรื่องง่าย แต่ดิฉันและสามีเชื่อ และศรัทธาว่าความตั้งใจจริงที่จะสร้างความดีพยายามไม่สร้างกรรมใหม่ จะนำพาชีวิตครอบครัวของดิฉันให้ได้ทำอาชีพที่ถูกต้อง ทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ เพื่อได้สั่งสมบารมีนำพาจิตไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตา และความกรุณาของท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
สามารถพาลูกทั้งสองไปปฏิบัติธรรมที่วัดสระปทุม กรุงเทพฯ หรือพาไปปฏิบัติธรรมที่วัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูขอเรียนถามว่า หากหนูได้ทำความผิด โดยล่วงเกินกับสามีของคนอื่น แต่ไม่ถึงกับมีเพศสัมพันธ์ ต่อมาหนูสำนึกผิดจึงได้เลิก และได้สารภาพความผิดต่อหน้าพระพุทธรูป พร้อมให้คำมั่นว่าจะไม่ประพฤติผิดเช่นนั้นอีกตลอดชีวิต และได้ขออโหสิกรรมต่อหญิงผู้เป็นภรรยาแล้ว หนูยังจะต้องตกนรกอีกหรือไม่จากบาปกรรมที่เคยทำไว้ เพราะตอนนี้หนูกลัวบาปกรรมมาก

ขอขอบคุณท่านอาจารย์มากค่ะ ที่เมตตา

คำตอบ
นอกจากไม่ประพฤติทุศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารแล้ว หากยังประพฤติทุศีลข้ออื่น ตายแล้วยังมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในนรกได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันขออนุโมทนากับคุณความดีทั้งหลายที่ท่านอาจารย์ได้ทำกระทำมา ทำให้ศาสนาพุทธ ดำเนินไปตามแนวทางที่ถูก และได้รับการยอมรับจากคนรุ่นใหม่ที่สนใจธรรมะที่พิสูจน์ได้เ ดิฉันเป็นคนสนใจธรรมะมาตั้งแต่เด็กอยากทำความดีชอบช่วยเหลือสัตว์ที่อ่อนแอ เมื่อ9ปีก่อนได้แต่งงานกับคนเกาหลีและมาใช้ชีวิตที่นี่ตอนนี้ดิฉันมีสาว 2 คนอายุ 7 ขวบและ 5 ขวบเมื่อเขาโตมาอยากให้เขาได้ทำงานด้านการช่วยเหลือสังคม ดิฉันก็เลยทำเป็นตัวอย่างโดยการเป็นอาสาสมัคร ช่วยงานสังคมที่จำเป็นด้านบริการต่างๆ ที่นี่เขามีงานช่วยเหลือสังคมให้ทำมาก และเพราะไม่ได้ทำบุญกับวัดก็ทดแทนโดยการทำงานด้านช่วยเหลือแทนทำแล้วสบายใจ และมีความสุขที่ได้ทำงานด้านนี้ มีองค์กรประสานงานให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจ เด็กนักเรียนที่นี่ จะต้องผ่านการทำงานให้กับสังคมในช่วงปิดเทอม และคนที่ทำผิดกฏหมายเล็กน้อย จะถูกลงโทษให้ทำงานให้การช่วยเหลือสังคมแทนการจองจำ ถ้าบ้านเราเป็นอย่างนี้บ้างก็จะดีไม่น้อย

ดิฉันมีคำถามขอรบกวนท่านอาจารย์ดังนี้คะ
๑ . ดิฉันให้ลูกสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนและก่อนไปโรงเรียน และ จะพาไปสถานธรรมเดือนละครั้งซึ้งเป็นพุทธนิกายมหายาน ไม่ทราบว่าทำอย่างนี้ถูกไหมค่ะ นิกายมหายานต่างกับพุทธบ้านเราอย่างไรค่ะ
๒ .ฉันเริ่มนับถือศีล5 แต่ไม่ได้กล่าวอาราธนา และ บางครั้งเผลอพูดโกหกแต่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถือว่าบาปไหมค่ะ
๓. เคยตั้งใจว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ทุกวันพระ เพื่อถวายแด่ในหลวงแต่ทำได้สักพักก็ทำไม่ได้ เพราะยุ่งแต่คิดเรื่องอาหารของลูกมาก่อนการที่เสียความตั้งใจอย่างนี้ เป็นบาปผิดศีล5 หรือเปล่าค่ะ

คำตอบ
ผู้ใดประพฤติถูกตรงตามบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งความดีให้ผู้อื่น ยินดีในความดีที่ผู้อื่นกระทำ ฟังธรรม เทศนาธรรมและทำความเห็นให้ถูกตรง การประพฤติทั้งสิบอย่างนี้เป็นบุญ จะประพฤติ ณ ที่แห่งใด ได้ผลเป็นบุญทั้งนั้น จึงไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด

(๑). ชี้ทางธรรมให้ลูกสาวประพฤติธรรมนั้น ถูกต้องแล้ว ส่วนนิกายมหายานเป็นการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระโพธิสัตว์ ซึ่งนิยมปฏิบัติอยู่ในทิเบต จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ส่วนหินยานหรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า เถรวาท เป็นการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพุทธสาวก นิยมปฏิบัติกันในศรีลังกา พม่า ไทย ฯลฯ แต่การปฏิบัติของทั้งสองแบบเข้าถึงสภาวะนิพพานได้เหมือนกัน

(๒). คำว่า “ อาราธนา ” หมายถึง เชื้อเชิญ นิมนต์ ขอร้อง ฯลฯ ซึ่งใช้กับพระสงฆ์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่หากผู้ใดพัฒนาจิตให้มีศีล ๕ คุมใจได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปขอร้องใครให้มาบอกศีลให้

อนึ่ง การพูดโกหก แม้มิได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ยังเป็นบาปได้ตรงที่ไม่มีสัจจะ

(๓). ไม่เป็นบาปอันเนื่องมาจากผิดศีล แต่เป็นบาปอันเนื่องมาจากผิดธรรม (ข้อ๔ เบญจธรรม)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอรบกวน กราบเรียนถามอาจารย์สนอง ดังนี้ค่ะ
หนูและแฟนมีเรื่องทุกข์ใจ คือ ตอนนี้ เราทั้งสองคน อยู่คนละที่ค่ะ พยายามหางานให้แฟนมาอยู่ที่ทางเหนือ มาประมาณ 2 ปี กว่าแล้วค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสเลย หนูและแฟนเครียดมาก ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไรดี ทุกวันนี้ก็ได้แต่หาโอกาสและรอคอยโอกาสไปเรื่อยๆ อายุก็มากขึ้นทุกวัน ครั้นจะให้หาใครคนใหม่ ใจมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ในการเปลี่ยน

จึงอยากจะถามอาจารย์ว่า ต้องทำบุญกุศล อะไรค่ะ จึงจะได้มีโอกาสมาอยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุขค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณอาจาย์ล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
ความเครียดเป็นบาป ใช้แก้ปัญหาไม่ได้ หากผู้ใดปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา จนบังเกิดผลเป็นบุญที่ทำให้ดวงดีได้แล้ว ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปได้เอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์ครับ... บุญที่เราทำอุทิศให้แก่ผู้ตายโดยการนิมนต์พระมาสวดบังสุกุลมาติกา และเลี้ยงพระถวายภัตตาหารนั้น... หากว่าผู้ที่เราทำบุญอุทิศให้นั้นเขาไปเกิดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิมนุษย์ เทวดา อบายภูมิ หรือสัตว์เดรัจฉาน เขาจะได้รับบุญในรูปแบบใดในแต่ละภพภูมิที่เขาเกิดครับ....

ที่ผมสงสัยมากที่สุดคือ หากเขาเกิดใหม่เป็นมนุษย์แล้วอยู่ในสมัยเดียวกันกับเรา.. คือเราก็ยังไม่ตาย (แต่อาจจะแก่กว่าเขาหน่อย) แล้วเราก็ทำบุญให้เขาทุกๆปีบุญที่เขาได้รับจะเป็นแบบใดครับ

คำตอบ
การทำบุญ แล้วมีเจตนาอุทิศบุญให้ผู้อื่น จะสัมฤทธิ์ผลได้ต่อเมื่อ ต้องมีผู้อุทิศบุญ ต้องมีบุญที่อุทิศ และต้องมีผู้มาอนุโมทนาบุญ เมื่อปัจจัยทั้งสามถึงพร้อม ความอิ่มใจ (ปีติ) ย่อมเกิดขึ้นกับสัตว์บุคคลผู้อนุโมทนาบุญ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ ที่ได้ช่วยให้ความกระจ่างแก่หลายๆท่านที่กำลังค้นหาหนทางหลุดพ้น ตามหลักพระพุทธศาสนา ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ดิฉันขอความกรุณาอาจารย์ช่วยตอบคำถามดังนี้

1.ดิฉันเป็นคนขี้สงสาร และร้องไห้ได้ง่ายๆ เช่น ตอนยืนเคารพเพลงสรรเสริญก่อนดูหนัง ถ้าดิฉันคิดถามเนื้อเพลงบางครั้งก็เกิดตื้นตันแล้วก็ร้องไห้ออกมา หรืออ่านหนังสือ ดูทีวี ดูหนังที่มีเรื่องเศร้าๆก็จะร้องไห้ อย่างนี้ถือว่าจิตอ่อนหรือไม่ค่ะ ต้องแก้ไขยังไง

2.ตนเองตั้งใจจะถือศีลห้า ต้องสวดสมาทานศีลตอนเช้าทุกวันไหมค่ะ ตอนนี้สวด นโม 3 จบ แล้วสวดปาณาติปาตา.......หรือแค่อธิฐานจิตตั้งใจว่าจะทำก็เพียงพอ แล้วถ้าทำศีลขาดหรือพร่องต้องทำอย่างไร ถ้าวันนั้นตั้งใจถือศีลและเกิดทำมดตายโดยไม่ได้ตั้งใจถือว่าศีลขาดไหม

ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะ ขอพระรัตนตรัยคุ้มครองอาจารย์ตลอดไป

คำตอบ
(๑). ตามที่บอกเล่าไปเรียกว่า มีจิตอ่อน จิตอ่อนคือ จิตที่มีกำลังสติไม่กล้าแข็ง จึงรับสิ่งที่เข้ากระทบจิตไม่ทัน อารมณ์ปรุงแต่งของจิตจึงเกิดขึ้น มีผลทำให้จิตหวั่นไหว วิธีแก้ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติเพิ่มมากขึ้น ด้วยสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก นาน ๑๕-๓๐ นาที ต้องปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เมื่อใดแล้ว จะไม่มีสิ่งกระทบใดทำให้จิตหวั่นไหวได้

(๒). อธิษฐานเพื่อการมีศีล ๕ เป็นสิ่งดี แต่ผลของการอธิษฐานจะเป็นจริงได้ ต้องพัฒนาใจให้มีศีล ๕ คุมอยู่ทุกขณะตื่น หากประพฤติแล้วศีลยังขาด ยังมีไม่ครบ ต้องขอขมาต่อหน้าพระพุทธรูป แล้วพัฒนาใจด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์แล้วเสร็จต้องเจริญอานาปานสติอยู่เสมอ

ทำมดให้ตายโดยไม่ตั้งใจ ไม่เรียกว่า ศีลขาด แต่เป็นศีลทะลุ ครับ.

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีเรื่องกังวนใจ คือว่า หนูเคยไปมีส่วนร่วมกับเจ้าทรง แต่ไม่ได้รับขันอะไร พอคุณตาหนูรู้ ก็พาแยกออกจากที่นั่น แล้วพาไปที่วัด รู้สึกเสมือนตาพาไปเอาของออก แล้วยัดของหั้ย ตาบอกว่า ของที่หั้ยนี้ คือ พระมาอยู่กับตัวเรา แต่เวลาสวดมนแบบเที่ตาพาสวด ในวัดนี้ เวลาสวด จะพูดแบบไม่ใช่ภาษาไทยเลย ออกเพี้ยนไปไม่รู้เรื่อง ตาบอกว่า นี้จะช่วยเราด้าย เพื่อม่ะหั้ยมีมนดํามาดึงเราไป แล้วหนูก้อกลับมาบ้าน สวดมนก้อรู้สึกกลัว เพราะม่ายใช่ ภาษาไทย ท่านอาจารย์คิดว่ายังงัย แต่ตอนนี้ หนูเริ่มสวดมนแบบธรรมดาแล้ว รู้สึกม่ายกลัวเท่ารัยเวลาสวดมน

ปจุบันนี้ หนูอยู่ประเทศสวีเดน อายุ 23 เริ่มสนจัยนัยธรรมมาก พยายามสวดมนก่อนนอนทุกคืน
ทุกๆคืน หนูสวด ทําวัดเย็น พาหุง อิติปิโส เท่าอายุ และ ยอดพระกันไตรปิฏก ครบ เจ็ดวันเท่าอายุ เสร็จแล้ว แต่ก้อยัง จะสวดบทนี้ก่อนนอนทุกคืนอยู่แล้ว จบก้อ นั่งสมาธิ รู้สึกเหมือนจิตนิ่ง เวลานั่ง หรือ หนูคิดไปเอง ก้อไม่รู็ หนูไม่เคยไปที่วัดไหน ที่สอน กรรมฐาน แต่หนูสนจัยมาก กะว่า อีกสามปี หนูจะไปไทย แล้ว จะไปวัดปฎิบัตกรรมฐานเลย แต่ไม่รู้ว่าหนูจะมีบุญได้ทําหรือเปล่า

แล้วตอนนี้ หนูสนจัยธรรมมะมากจนถึงคิดว่า อยากจะบวชด้วยซํ้า ท่านอาจาร์สนองที่เคารพ ว่าหนูเพรอ ไปเองหรือ เปล่า หรือแค่อารมย์ ชั่ววูปของหนูในขณะนี้แค่นั้นเอง เพราะหนูรู้สึกว่า หนูชอบกานบวชมากเลย แต่หนูยังไม่เคยบวชเปงทางกานหรอก แต่หนูสนจัยมาก
หนูได้ขอ อณุญาติแม่ว่า หนูขอบวชน่ะแม่ แม่บอกว่า แม่อณุญาติหั้ยบวช ซึ่งหนูดีจัยมาก แต่สิ่งที่หนูกลัว กลัวว่า หนุจะอายุเยอะขึ้น แล้วหนูจะเปลื่ยนจัยไม่ชอบ ธรรมมะ ไม่อยากจะบวช
กลัวอารมย์นี้มากเลยจ้าา หนูจะทํายังงัยดี

วอนอาจารย์ช่วยตอบที หนูจะรอวันที่อาจารย์สามารถตอบได้
แต่ถ้าอาจารย์ไม่มีเวลาตอบจดหมายหนู หนูก็ไม่ว่าอารัยจ้าาา

กราบพระคุณท่านอย่างสูง

คำตอบ
ความกลัวมีเหตุมาจาก รู้ไม่จริงในสิ่งที่กลัว ฉะนั้นประสงค์แก้ปัญหานี้ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติกล้าแข็ง แล้วปัญญาเห็นถูกตามธรรมจะเกิดขึ้น แล้วความกลัวจะหมดไปได้เอง ดังนั้นการปฏิบัติตามคำแนะนำของตานั้นถูกต้องแล้ว จงทำต่อไป ผู้รู้เอาจิตระลึกอยู่กับปัจจุบัน สวดมนต์บ่อยๆ บุญย่อมเพิ่มมากขึ้น ผู้มีบุญย่อมเข้าถึงความสำเร็จในสิ่งดีงามที่ปรารถนาได้

อนึ่ง คิดที่จะบวชในวันข้างหน้า เป็นการตั้งโปรแกรมจิตถูกต้อง จึงไม่จำเป็นต้องไปคิดสงสัยให้เป็นบาป เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัว ความสมปรารถนาย่อมเกิดขึ้น .... สาธุ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกสาวของดิฉัน เรียนจบปริญญาตรี เป็นเด็กดี ประหยัด เคารพรักเชื่อฟังพ่อแม่มาตลอด กำลังเตรียมตัวเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ หลังจบมาไม่นาน ได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง คบกันไม่นาน นิสัยลูกเปลี่ยนไป เริ่มพูดเท็จ เงินเก็บในบัญชีซึ่งได้จากการรับจ้างสอนพิเศษสมัยเรียนและไม่เคยใช้มาก่อนเลย ได้เบิกจนหมดบัญชี

ต่อมาลูกสาวบอกว่า เป็นทอม และผู้หญิงคนนี้เป็นดี้ ดิฉันหัวใจสลาย แต่ได้ทำใจตามหลักธรรมะ และบอกลูกว่า พ่อแม่รับได้ระดับหนึ่ง แต่ลูกไม่ควรแสดงออกอย่างเปิดเผย เพราะลูกมีอาชีพครู
ลูกจะขอให้ผู้หญิงมาค้างที่บ้าน พ่อแม่ขอเวลาให้รู้ที่มาที่ไปของเธอให้แน่นอนก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าไว้วางใจได้หรือไม่ เธอไม่มีอาชีพเลี้ยงตัวเอง ลูกให้เงินเขาไปรักษาโรคที่อ้างว่าป่วยเป็นโรคเลือดมานาน ซึ่งดิฉันได้คุยกับเธอครั้งหนึ่งรู้สึกว่า ไม่น่าเชื่อถือว่าป่วยจริง อ้างว่า เข้าโรงพยาบาล พอจะไปเยี่ยมก็ไม่พบชื่อผู้ป่วย แต่บอกกับลูกภายหลังว่า เข้าโรงพยาบาลโดยใช้ชื่อปลอม ลูกก็เชื่อ ขณะนี้ลูกกำลังอยู่ในช่วงที่หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหนักมาก พ่อแม่ชี้ความน่าสงสัย แนะนำและเืตือนอย่างมีเหตุผล ไม่เคยดุด่า ขอร้อง แต่ลูกไม่คิดตามเลย และเข้าข้างผู้หญิง บางคร้ั้ั้งโมโหโทโสกับพ่อแม่อย่างรุนแรงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

ขอเรียนถามท่านดังนี้
1.การเป็นทอมของลูกเป็นเรื่องถาวรหรือไม่ เมื่อเด็ก ลูกไม่ชอบเสื้อผ้าแบบผู้หญิงหวาน ซึ่งดิฉันคิดว่าเหมือนดิฉัน ลูกเป็นเด็กเรียบร้อย เรียนดี พูดน้อย ไม่ชอบเล่นตุ๊กตา แต่ไม่เคยคิดว่าลูกจะเป็นทอม จะช่วยลูกให้พ้นการเป็นทอมได้หรือไม่

2.ดิฉันเวทนาลูกที่ขาดสติ สมองเและปัญญาสูญสิ้นไปหมดเพราะความหลง ลูกพูดตลอดว่า มีสติดี ลูกได้ให้เงินผู้หญิงคนนี้ไปประมาณ1แสนบาทแล้ว ค่าโทรศัพท์มือถือเดือนละ5-6พันบาท ดิฉันจะช่วยลูกได้อย่างไร หรือต้องปล่อยไปตามวิบากกรรม

3.ดิฉันคิดว่า ธรรมะเท่านั้นที่จะช่วยลูกได้ แต่ใจลูกไม่เปิดเลย ชวนให้มาใส่บาตรกับแม่ตอนเช้า ทั้งที่ลูกตื่นแล้วแต่ไม่ลงมา กลับคุยโทรศัพท์แทน ดิฉันจะดึงลูกมาทางธรรมด้วยวิธีไหนได้คะ

กรุณาช่วยแนะแนวทางด้วยค่ะ กราบขอบคุณค่ะ

คำตอบ
(๑). การเปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นทอม เป็นเรื่องอกุศลกรรมให้ผล ผู้ใดทำกรรมไว้เป็นเหตุแล้ว จึงต้องรับอกุศลวิบากนั้นจนกว่าจะหมดสิ้น และไม่มีใครผู้ใดสามารถแก้ไขกรรมนั้นได้ จงปล่อยวางแล้วจะไม่ทุกข์ใจ

(๒). ในฐานะที่เป็นแม่ จะช่วยลูกได้ต้องทำตัวให้เป็นแม่ที่ดี เป็นแม่ที่มีเมตตาต่อลูก นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นแม่ควรประพฤติ ชีวิตของลูกเป็นเรื่องของลูก เขาทำกรรมไว้อย่างนั้น ต้องปล่อยให้เขาเป็นไปตามวิบาก หากทำใจได้อย่างนี้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้มีความเห็นถูก

(๓). ธรรมะ สามารถช่วยคนที่มีบุญมีบารมี ได้แก่บัวเหล่าที่ ๑ ถึง ๓ แต่ช่วยบุคคลที่เปรียบได้กับบัวเหล่าที่ ๔ ที่มีจิตเป็น ปทปรมะ ไม่ได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันขอเรียนถามว่า การสวมสร้อยคอแขวนพระ ตลอดเวลา รวมถึงเวลาอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า จะเหมาะสมหรือไม่ค่ะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
ผู้ใช้คำสอนของท่านอาจารย์เป็นประทีปส่องทาง

คำตอบ
ผู้มีสติปัญญาระดับโลก คือยังมีจิตเป็นทาสของความหลง ใครผู้ใดมีความเห็นถูกตามธรรม แล้วนำเอาธรรมวินัยมาสถิตไว้กับใจได้ ผู้นั้นได้ชื่อว่า มีธรรมวินัยคุ้มรักษาชีวิต ซึ่งดีกว่าการสวมสร้อยคอแขวนพระให้หนักคอเป็นไหนๆ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 76, 77, 78, 79, 80, 81, 82 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot], ธรรมโฆษ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร