วันเวลาปัจจุบัน 29 ส.ค. 2025, 05:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 64, 65, 66, 67, 68, 69, 70 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีปัญหาใคร่อยากจะให้อาจารย์ช่วยตอบดังนี้ครับ
1. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนไหนคือคู่ครองของเรา
2. ผมอยากเริ่มฝึกสมถกรรมฐาน โดยการเพ่งกสิณแต่ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ผมควรทำอย่างไรดี อาจารย์ที่จะให้ความรู้ก็ไม่มี มีแต่หนังสือที่บอกวิธิปฏิบัติคร่าวๆ ไม่ละเอียดแล้วจะฝึกกรรมฐานได้ไหม ถ้าไม่มีอาจารย์เป็นผู้ให้กรรมฐานเพราะแถวบ้านผมไม่มีผู้มีความสามารถด้าน นี้เลย (ผมอยู่โคราช)

สุดท้ายผมต้องขอขมาอาจารย์ที่รบกวนเวลาของอาจารย์ด้วยครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
(๑) รู้ได้ด้วยคุณธรรม ๔ อย่าง คือ ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา หากคุณธรรมทั้งสี่มีในบุคคลทั้งสองใกล้เคียงกัน เมื่อมาอยู่ด้วยกัน เรียกว่าเป็นคู่สร้างคู่สม หากคุณธรรมสี่อย่างนี้มีความห่างไกลกัน เมื่อมาอยู่ด้วยกันย่อมเห็นไม่ตรงกัน ทะเลาเบาะแว้งกัน เรียกว่าคู่เวรคู่กรรม

(๒) หากหาบุคคลมาเป็นครูฝึกกสิณให้ไม่ได้ ก็อ่านหนังสือแล้วปฏิบัติตามคำชี้แนะยังดีกว่าไม่ได้ฝึก อนึ่งผู้ใดให้ทานที่เป็นมหาทาน แล้วอธิษฐานให้ได้พบครูอาจารย์สอนกสิณให้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัว การพบครูสอนกสิณย่อมเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันผมทำงานเป็นวิศวกรที่ปรึกษา(consult)อยู่บริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นวิศวกรโครงการงานรับเหมา ลักษณะงานที่เคยคุยกับอาจารย์เป็นงานที่ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม แต่เมื่อทำงานแล้วพบว่าการแก้ปัญหาหน้างานผมไม่ค่อยเก่ง โดยเฉพาะงานทางด้านไฟฟ้า ที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ ซึ่งงานที่ทำอยู่ต้องใช้ความรู้ทางด้านนี้มากกว่างานเครื่องกล ปัจจุบันมีเพื่อนรุ่นน้องชวนให้ไปร่วมงานเป็นวิศวกรที่หางานเข้าบริษัท โดยตั้งเป็นแผนกใหม่คือ ฝ่าย marketing ซึ่งพื้นฐานผมผ่านงานขายมานาน และมีความปราถนาสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในอนาคต โดยการเปิดบริษัทเกี่ยวกับการขายสินค้าอุตสาหกรรม และการให้บริการทางด้านการตรวจสอบ และทดสอบระบบดับเพลิง (ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อปริญญาโทวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย) จึงขอกราบเรียนถามอาจารย์ดังนี้
1. อาชีพงานขายเกี่ยวกับการหาลูกค้าเข้าบริษัท (งานวิศวกรรม) มีโอกาสที่จะผิดศีลผิดธรรมหรือไม่ ถ้ามีเป็นอย่างไรโปรดชี้แจงและการป้องกันแก้ไข
2. การสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตามชี้แจงข้างต้น สามารถสร้างได้ด้วยวิธีใด และถ้าเราต้องการให้มีลูกค้าอย่างต่อเนือง ควรประกอบกุศลอันใดและประพฤติตัวอย่างไร
3. ถ้าเราจำเป็นต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรองมีเครื่องดื่มมึนเมา โดยตัวเราไม่อยากทำ แต่ด้วยหน้าที่การงานจำเป็นต้องทำ เราจะมีวิธีแก้ไขและป้องกันอย่างไร
4. การตัดสินใจเปลี่ยนงาน ควรใช้หลักคิดหรือธรรมะข้อใดประกอบการตัดสินใจ
5. การสวดมนต์ให้พระ การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ ควรแบ่งเวลาอย่างไร การสวดมนต์ไม่จำเป็นต้องหลายบทก็ได้ใช่หรือไม่ แต่เอาเวลาทำอีก 2 ส่วนให้มากขึ้นจะดีกว่าหรือเปล่า
6. เมื่อเกิดปัญหาที่หนักๆที่เป็นจุดอ่อนของเรา(ตามจริต) เราควรใช้ธรรมะข้อไหนเพื่พิจารณา เพื่อมิให้เกิดความฟุ้งซ่าน

ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

คำตอบ
(๑) โอกาสผิดศีลยังมีได้ หากสินค้าอุตสาหกรรมนั้น เป็นเหตุให้ต้องฆ่าสัตว์ เป็นเหตุให้มีการผลิตสุราเมรัย เป็นเหตุให้พูดไม่จริง ฯลฯ ดังนั้นจะป้องกันได้ต้องพัฒนาจิตให้มีสติ (สมถภาวนา) พัฒนาจิตให้เห็นถูกตามธรรม (วิปัสสนาภาวนา) แล้วใช้สติปัญญาเห็นถูกนำทางให้กับธุรกิจที่ทำ

(๒) การสร้างความมั่นคงที่แท้จริงให้กับชีวิต มิได้เกิดจากการทำงานภายนอก แต่เกิดจากการทำงานภายในคือ พัฒนาจิตให้มีความเห็นถูกตามธรรม แล้วใช้ปัญญาเห็นถูกพัฒนาตัวเองให้มีคุณธรรม ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ใช้ปัญญาทางโลก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ใช้คุณธรรมถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ และหากประสงค์ให้มีลูกค้ามาอุดหนุนต่อเนื่อง ต้องทำตัวเองให้เป็นผู้มีดวงดีด้วยการประพฤติ ทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ เมื่อใดที่บุญให้ผลย่อมทำให้ดวงดีได้ ผู้มีดวงดีมีงานให้ทำไม่รู้จบ

(๓) การมีใจเป็นเจตนาพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรอง โดยมีเครื่องดื่มสุราเมรัยเป็นเครื่องสนับสนุนธุรกิจ ผู้นำพาลูกค้าไปประพฤติทุศีลเป็นจำเลยบาปที่หนึ่ง ผู้ใดมีบาปสั่งสมในจิต ผู้นั้นมีดวงไม่ดี วิธีป้องกันบาปเช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีธุรกิจดำเนินไปงอกงาม ไม่มีทางเป็นไปได้ ฉะนั้นจึงต้องเลือกด้วยตัวเองว่า จะนำชีวิตอยู่กับโลก หรือจะนำชีวิตพ้นไปจากโลก ต้องเลือกด้วยตัวเอง

อนึ่ง ปรารถนาให้ธุรกิจงอกงาม พร้อมทั้งยังประพฤติบาปให้เกิดขึ้นด้วย ต้องพัฒนาตนเองให้มีบุญใหญ่ ให้ผลของบุญมีมากกว่าบาป แล้วธุรกิจจะอยู่ได้ ชีวิตจะอยู่ได้ โดยบาปตามให้ผลไม่ทันในชาติปัจจุบัน แต่บาปยังคงติดตามรอเวลาให้ผลอยู่

(๔) หากคิดจะเปลี่ยนงานใหม่ และมีสิทธิ์เลือกงานได้ ผู้รู้จะเลือกงานที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล และไม่ผิดธรรม

(๕) ควรสวดมนต์อย่างน้อยบทมนต์ที่สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นการเจริญสติเบื้องต้น หลังสวดมนต์นั่งสมาธิและเดินจงกรม ควรใช้เวลามากกว่าสวดมนต์ แต่จะใช้เวลายาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังของร่างกาย หากไม่เบียดเบียนเวลาพักผ่อนจนเกินไป ย่อมสามารถทำได้

(๖) เอาศีล ๕ ลงคุมให้ถึงใจ แล้วพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ความฟุ้งซ่านในการปรุงอารมณ์ของจิตจะหมดไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบได้ทำงาน ก็เปลี่ยนศาสนานับถือทางตะวันตก ได้สักประมาณ4ปี มีบทเรียนต่างๆ เกิดขึ้นกับชีวิตดิฉัน ได้ศึกษาอ่านหนังเกี่ยวกับเรื่องจิต จนในที่สุดก็กลับมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาอีกครั้ง เมื่อปีที่แล้วทำให้ศรัทธามากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังธรรมะจากอาจารย์ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า

1.เป็นเพราะกรรมเก่าหรื่อไม่ ทำให้ดิฉันต้องพลัดพรากจากพระพุทธศาสนาไปเกื่อบสี่ปี
และเมื่อก่อนดิฉันจะฝันเห็นวิญญาณต่างๆ บ่อยมาก (เป็นมาตั้งแต่สมัยวัยเรียนมัธยมต้นปัจจุบันดิฉันอายุ 29ปี) พระภิกษุสงฆ์ท่านแนะให้แผ่เมตตา และทำบุญไปให้ ช่วงปีที่ผ่านมาดิฉันทำบุญให้ตามโอกาส สังเกตได้ว่าช่วงหลังนี้ไม่ได้ฝันถึงวิญญาณเลย + รวมทั้งเรื่องกฏแห่งกรรมที่ระลึกได้ว่าเราเคยสร้างกรรมนี้มาสมัยเด็กๆ

2. ดิฉันยังไม่เคยไปปฏิบัติธรรมที่ไหน แต่ฝึกตามการกำหนดลมหายใจ เข้าออก พุธ-โธ ก่อนนอนสังเกตว่าขณะที่ตื่นรู้สึกตัวจะเป็นจังหวะที่ลมหายใจเข้าตลอด รู้สึกเหมือนกับว่าได้ยินเสียงลมหายใจ ผ่านท่อ เสียงชัดเจนมากซึ่งเมื่อก่อนขอยอมรับค่ะว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอ ภาวะแบบนี้คืออะไรคะอาจารย์

ด้วยความเคารพอาจารย์อย่างสูง

คำตอบ
(๑) ความรู้ในพระพุทธศาสนากล่าวว่า ไม่มีปรากฏการณ์ใด เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์มีเหตุที่ทำให้เกิดทั้งสิ้น เรื่องที่บอกเล่าไปมีเหตุมาจากกรรมเก่า ที่ผู้ถามเคยชี้นำผู้อื่นให้ประพฤติผิด

(๒) ภาวะของจิตที่มีกำลังของสติเพิ่มขึ้น จึงไประลึกรู้ลมหายใจที่ละเอียดอ่อนได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมอยากจะถามว่า ข้อแรกของอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ ทำอย่างไรจึงจะเกิดครับ บางทีต้องทำงานที่เราไม่ชอบ บางทีทำงานที่เราชอบแต่รู้สึกไม่กระตือรือร้น (ตรงนี้ผมลองฝึกสติ เพื่อไม่ให้พลังสติเสียไปกับเรื่องไร้สาระ แต่บางทีมีพลังแต่บางทีเราไม่กระตือรือร้น เลยคิดว่าน่าจะมาจากว่ายังไม่มีฉันทะครับ)

ขอบคุณมากครับ

คำตอบ
คำว่า ฉันทะ หมายถึงความยินดี ความพอใจ ความรักใคร่ในสิ่งนั้นๆ ฯลฯ ฉันทะจะเกิดกับผู้ใด ผู้นั้นต้องมีความเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) ความเห็นถูกเกิดได้ด้วยมีผู้รู้บอกกล่าว แล้วผู้รับฟังคำบอกกล่าวนั้นนำไปประพฤติตาม หรือในอีกทางหนึ่ง เมื่อผู้รู้บอกกล่าว ผู้รับฟังนำเอาคำที่บอกกล่าวนั้นไปคิดพิจารณาโดยแยบคาย(โยนิโสมนสิการ) แล้วความเห็นถูกตามธรรมย่อมเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครอบครัวผมเป็นคริสต์คาทอลิกมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่หลังจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ได้เสียชีวิตหมดแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นในชีวิตของผมครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง นั่นคือผมได้พบอาจารย์คนหนึ่ง และกลุ่มคนที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรม(สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ เป็นหมู่คณะ) พร้อมทั้งมีร่างทรง ที่บอกว่าเป็นร่างของพระ... และปู่ฤาษี.... และในบางครั้ง เป็นพระ.... หรือพระมหากษัตริย์ไทยบางพระองค์ ซึ่งตัวผมเองมีความรู้ทางด้านนี้น้อยเนื่องด้วยพื้นฐานเดิม แต่มีความเคลือบแคลงสงสัยตลอดเวลาที่ได้ปฏิบัติธรรมกับกลุ่มนี้มาตลอดประมาณ ๓ ปี

ปัจจุบันผมได้ปลีกตัวเองมาปฏิบัติด้วยตัวเองได้ประมาณ ๒ ปีแล้ว โดยใน ๓ ปีแรกที่อยู่กับกลุ่มปฏิบัติดังกล่าว ใช้คำบริกรรม ตามคำแนะนำของอาจารย์ผู้นำกลุ่ม แต่ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ใช้บริกรรม พุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก ในช่วง ๓ ปีที่อยู่กับกลุ่มปฏิบัติฯดังกล่าว ในทุกปีจะมีพิธีไหว้ครูพระแก้วมรกต ในวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ มีการบวงสรวงด้วยบายศรีและอาหารคาวหวานเหมือนพิธีบูชาเทพทั่วไป นอกจากนี้ยังให้ลูกศิษย์ทำพานครูคนละชุด (ขึ้นอยู่กับระดับจิตของลูกศิษย์แต่ละคน ที่จะโดนวัดโดยอาจารย์ผู้นำกลุ่ม และร่างทรงดังกล่าว) เทียนขาว ๒เล่ม ดอกไม้ ๓ สี (บัว ดาวเรือง บานไม่รู้โรย) พร้อมทั้งเหรียญบาท ๙ บาท ทั้งหมดใส่ในพานของแต่ละคนที่เตรียมมา ใช้บทสวดคล้ายมนพิธีในการบวงสรวงอัญเชิญเทพผสมกับบทสวดมนต์ทางพุทธ เช่น มหากาฯ มงคลจักรวาลน้อย อิติปิโส เป็นต้น

มีอีกอย่างที่ผมลืมบอกไป ทุกคนที่ผ่านการวัดระดับจิต จะได้ส่งพานครูกับร่างทรง หรือ อาจารย์ผู้นำ ซึ่งจะมีการกล่่าวคำนำปฏิญานเหมือนให้สัจจะในการเป็นศิษย์ครู ปู่... (เป็นชื่อเรียกที่รู้กันว่าคือพระแก้วมรกต) ปู่ฤาษี... และปู่พระ.... ทุกวันพระนอกจากการวมกลุ่มเพื่อสวดมนต์นั่งสมาธิแล้ว จะมีการเชิญทรง โดยอาจารย์ผู้นำ เพื่อทำนายทายทัก และช่วยเหลือปัญหาของลูกศิษย์ พร้อมทั้งการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งที่เช่าบูชาจากวัดต่างๆซึ่งย่อมผ่านพิธีมาแล้ว แต่ร่างทรง หรืออาจารย์ผู้นำ จะมีพิธีปลุกเสกอีกครั้ง และพระบูชา เทพต่างๆที่ซื้อมาจากร้านค้าที่ยังไม่ผ่านพิธี ก็จะถูกปลุกเสก เพื่อให้ลูกศิษย์นำกลับบ้านไปบูชา พร้อมทั้งหนังสือสวดมนต์ ที่ถูกทำขึ้นโดยร่างทรง และอาจารย์ผู้นำ โดยมีบทอัญเชิญครูบาอาจารย์ และบทสวดมนต์ทั่วไป ผสมอยู่ด้วยกัน

บางครั้งก็จะมีคนโดนของมาให้ที่กลุ่มรักษา ตัวผมเองยังถูกสอนให้ถ่ายพลังช่วยเหลือคน หรือถ่ายพลังปรับธาตุให้ลูกศิษย์คนอื่นๆ นอกจากนี้อาจารย์และร่างทรงยังรับตั้งศาลพระภูมิ และพระพรหม โดยจะนำลูกศิษย์รวมทั้งผมไปร่วมพิธีกรรมดังกล่าว โดยกำหนดหน้าที่ตามภูมิธรรมของแต่ละคน โดยอาจารย์และตัวร่างทรงบอกว่าเป็นการสร้างบารมี ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเหตุการณ์ประสบการณ์อีกมากที่เกิดขึ้นในระยะเวลา ๓ ปี ที่ผมอยู่ในกลุ่มนี้

อนึ่งที่ผมได้เข้าไปมีสวนในกลุ่มปฏิบัตินี้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับคนทั่วไป เพราะคนที่เป็นร่างทรง ได้เข้าไปทำงานเป็นลูกจ้างผม โดยสมัครเป็นครู ที่โรงเรียนเอกชนที่ผมเป็นเจ้าของและผู้บริหารอยู่ และชักนำผมไปพบอาจารย์ที่เป็นผู้นำกลุ่ม ปัจจุบันผมได้ขายกิจการโรงเรียน และบ้านของพ่อแม่ที่ผมและพี่น้องเคยอาศัยตั้งแต่เด็กไปแล้ว โดยมีเหตุจากความขัดแย้งกับพี่น้อง ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว เพียงเพราะผมถูกชักนำให้มาปฏิบัติธรรมกับกลุ่มดังกล่าว และพี่น้องระแวงว่าผมจะถูกหลอก โดยบอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และอาจารย์ผู้นำ กับร่างทรง มีอากัปกิริยา ที่แปลกในสายตาของพี่น้องผม ส่วนหนึ่งผมกับพี่น้องบางคนมีเหตุขุ่นข้องหมองใจกันมาก่อนหน้าที่ผมจะไปเข้า กลุ่มดังกล่าว และผมได้เล่าเรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวให้อาจารย์ และร่างทรงฟัง ด้วยความบริสุทธิ์เชื่อใจ หลังจากนั้นบางครั้งตัวร่างทรง หรืออาจารย์ผู้นำกลุ่มก็จะบอกว่าพี่น้องทำคุณไสยใส่ผมบ้างล่ะ(ทั้งที่พี่ น้องผมเป็นคริสต์) คิดกับผมไม่ดี สร้างความหวาดระแวงให้ผมกับพี่น้อง จนมีเรื่องราวฟ้องร้องกันเหนือทรัพย์สินที่พ่อแม่ได้มอบกรรมสิทธิ์ให้ผม คือโรงเรียน และบ้านพ่อแม่ที่ผม และน้องสาวอาศัยอยู่ จนกระทั่งมีเหตุที่ต้องขายทัรพย์สินดังกล่าวไป หลังจากนั้นตัวอาจารย์เอง ก็บอกว่าผมต้องไปทำอาชีพใหม่ที่จังหวัดแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าผมมีบารมีทางโภคทรัพย์อยู่ที่นั่น ต้องไปทำงานร่วมทุนกับพี่ชายของตัวอาจารย์ผู้นำกลุ่ม(โดยผมเป็นคนออกทุนใน การทำงาน)

จนกระทั่งประมาณต้นปี ๕๐ ผมได้เดินทางไปภูเก็ตตามนิมิตของอาจารย์ และที่นั่นผมก็ได้เรียกสติสัมปัชชัญญะกลับคืนมาโดยหลายสิ่งหลายอย่างได้เกิด ความเข้าใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ทราบว่าที่ผ่านมาที่ได้ปฏิบัติธรรมอยู่กับกลุ่มดังกล่าว บางสิ่งบางอย่างไม่ใช่เป็นธรรมมะของพระพุทธะ ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิด ได้ตระเวณไปรดน้ำมนต์ตามวัดต่างๆ และได้มีบุญวาสนาได้ไปกราบ หลวงปู่สุภา ที่ภูเก็ต และพระในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเกรงว่าที่ผ่านมาตัวผมเอง โดนคุณไสย (มีผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่นได้บอกว่าเห็นนิมิตที่ผมโดนทำคุณไสย) อย่างไรก็ตามเหตุที่ผมได้นำประสบการณ์ย่อๆมาถ่ายทอดผ่านชมรมกัลยาณธรรม ก็เผื่อจะเป็นธรรมทานที่อาจจะเป็นประโยชน์ และอุทธาหรณ์ ต่อบุคคลทั่วไปที่อาจเผชิญประสบการณ์ลักษณะดังกล่าวได้เทียบเคียง

ผมมีข้อคำถามที่จะรบกวนอาจารย์สนองได้กรุณาให้ความชัดเจนด้วยครับ

๑.ประสบการณ์ของผมข้างต้นเป็นการชดใช้กรรมในอดีตของผมใช่ไหมครับ แล้วปัจจุบันที่ผมได้แยกตัวปฏิบัติด้วยตัวเองผมได้ชดใช้กรรมต่อบุคคลในกลุ่ม ปฏิบัติดังกล่าวแล้วใช่ไหมครับ (ทุกครั้งที่มีการเชิญทรง หรือทำพิธีบวงสรวงต่างๆจะมีการทำบุญเป็นค่าครูด้วย) และการบอกว่าองค์พระ.... มาลงทรงนั้น อาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรครับ

๒.ในระหว่างการปฏิบัติธรรมกับกลุ่มดังกล่าว ผมได้มีโอกาสได้บวชพระ ๒ ครั้ง ครั้งแรกบวช ๙ วัน ครั้งที่ ๒ บวช ๑ พรรษา โดยอาจารย์บอกว่าเป็นการล้างกรรม เพื่อสร้างบุญใหม่ โดยในช่วงปลายพรรษามีเหตุที่ผมต้องขายทรัพย์สินข้างต้นไป อาจารย์บอกว่าเป็นบารมีที่ผมได้ในระหว่างบวช(ทั้งที่ผมไม่สบายใจที่ต้องขาย กิจการและทรัพย์สินของพ่อแม่ไป) เหตุการณ์ดังกล่าวใช่อย่างที่อาจารย์ผู้นำกลุ่มบอกหรือเปล่าครับ

๓.พระพุทธรูป หุ่นเทพ หุ่นปู่ฤาษี ที่ร่างทรง หรืออาจารย์ดังกล่าวทำพิธีปลุกเสก เราควรทำอย่างไรครับ (ปัจจุบันผมยังเก็บไว้อยู่ บางส่วนอยู่ในห้องพระที่ผมสวดมนต์ด้วยครับ) จะมีผลในทางไสยศาสตร์กับผมไหมครับ และคำถามเดียวกันกับ พระพูทธรูป องค์บูชาพระนเรศวร เป็นต้นที่ผมเช่าบูชาจากวัดที่ผ่านพิธีปลุกเสกแล้ว แต่ร่างทรง และอาจารย์มาทำพิธีอีก ผมควรทำอยางไรครับ

ผมอยากจะบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว เป็นเสมือนครูบาอาจารย์ และประสบการณ์ธรรมที่ผมคิดว่า เป็นโอกาสที่ทำให้คนคริสต์อย่างผม(อดีต) ได้มีโอกาสบุญวาสนา ได้เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ได้เรียนรู้ธรรมะ ทั้งที่เป็นพุทธศาตร์ และไสยศาสตร์ และได้เป็นวิทยาทานแก่บุคคลทั่วไป ปัจจุบันนี้ผมได้เรียนรู้ธรรม มากมายหลายทาง ทั้งจากการปฏิบัติธรรม และจากอาจารย์สนอง และธรรมะจากพระอริยเจ้าทั้งที่ มรณภาพไปแล้วและมีชีวิตอยู่ และปรารถนาที่จะได้มีวาสนาพบเจอครูบาอาจารย์ที่เป็นกัลยาณมิตรทางธรรมได้ชี้ แนะการปฏิบัติธรรม

ในท้ายนี้ขออำนาจแห่งพระรัตนตรัยทั้งสาม องค์พรหม องค์เทพผู้ทรงศีลทรงธรรมในสัมมาทิฐฐิได้ดลบันดาลให้อาจารย์สนอง และคณะผู้ทำงานเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธะ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีกำลังจิตที่ดี ด้วยอายุ วรรณะ สุขขะ พละ ด้วยเทอญ สาธุ

คำตอบ
เป็นความโชคดีที่ผู้ถามปัญหา ได้นำตัวเองแยกออกจากกลุ่มของผู้ที่มีความเห็นผิดไปจากธรรม เอาจิตไปยึดติดเลื่อมใสศรัทธา ในสิ่งที่เป็นโลกๆ (โลกิยะ) และนำความคับแค้นใจมาให้ ดังที่ผู้ถามปัญหาได้รับประสบการณ์ตรงมาแล้ว แต่โชคดีเป็นครั้งที่สอง ได้พบพระแท้ที่จังหวัดภูเก็ต องค์ที่กล่าวถึงเป็นพระอริยสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สามารถกราบได้บูชาได้อย่างสนิทใจ เมื่อใดผู้ถามปัญหาพัฒนาตัวเองให้ได้แบบพระสงฆ์องค์นั้น จะมีโชคดีเป็นครั้งที่สาม ซึ่งเป็นโชคดีสูงสุดของชีวิต

(๑) ใช่ครับ และใช่ครับ การที่องค์พระ...มาลงทรงนั้น เป็นเรื่องของพระที่มาเข้าทรง พฤติกรรมการเข้าทรง มิได้เป็นเหตุทำให้ผู้ศรัทธาได้พัฒนาจิตตัวเองให้ดีขึ้น ผู้ตอบปัญหาเห็นว่า วิธีการเช่นนั้นไม่ทำให้จิตมีอิสรภาพ ไม่ทำให้พ้นจากความทุกข์ จึงไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปศรัทธาเลื่อมใส เพราะจะทำให้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ผ่านเลยไปโดยไม่เกิดประโยชน์แท้จริง

(๒) “ กรรม ” หมายถึงการกระทำ ผู้ใดทำกรรมแล้ว ผลของกรรมจะถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณของผู้ทำกรรม เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว กรรมจะแสดงผลออกมาเป็นวิบากของกรรม ที่ผู้ทำกรรมต้องรับและต้องชดใช้จนหมดสิ้น

การทำความดีต้องประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน ศีล ภาวนา ถ่อมตน ช่วยคนอื่น อุทิศความดีให้ผู้อื่น ยินดีในความดีของผู้อื่น ฟังธรรม เทศน์ธรรม ทำความเห็นให้ถูกต้อง) ผลแห่งการประพฤติแล้วคือบุญ ปฏิบัติธรรม(ภาวนา) เป็นบุญใหญ่สุด เพราะวิธีการเช่นนี้สามารถนำพาชีวิตไปสู่ความเป็นอิสระ นำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ ผู้ใดมีบุญใหญ่และอุทิศบุญใหญ่ใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร หนี้เวรกรรมย่อมหมดไปได้เร็วกว่าบุญที่มีอานิสงส์เป็นธรรมดา ฉะนั้นเรียกว่า “ ล้างกรรม ” ย่อมเรียกได้

(๓) ไม่ต้องทำอะไร เอาเก็บไว้ในที่ตั้งอยู่เดิม เพื่อใช้เป็นเครื่องระลึกถึงคุณความดีของผู้เป็นต้นแบบหุ่นว่าจะประพฤติตาม และระลึกถึงความไม่ดี (ความหลง) ของผู้เป็นต้นแบบหุ่น ว่าจะไม่ประพฤติตาม

ผู้ใดมีสติสัมปชัญญะคุ้มครองใจ ผู้นั้นห่างจากภัยอันมาจากไสยศาสตร์ การที่ผู้ถามปัญหาเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นครูสอนใจ นั้นทำถูกแล้ว แต่ต้องไม่ประพฤติซ้ำรอยเดิม และอย่าปลงใจเชื่อด้วยคำเล่าลือ อย่าปลงใจเชื่อเพราะตำราคัมภีร์บอกกล่าวไว้ อย่างปลงใจเชื่อเพราะเขาเป็นครูของเรา ฯลฯ (กาลามสูตร ๑๐ ข้อ) แต่ให้พัฒนาจิตให้ตั้งมั่น (สมถภาวนา) และพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาภาวนา) และใช้ปัญญาเห็นแจ้งมาวิเคราะห์สิ่งที่เข้าสัมผัสจิต จนเข้าถึงความจริงแท้ได้แล้วจะไม่ถูกหลอก

ขอบใจที่อวยพรให้ผู้ตอบปัญหาและคณะผู้เผยแพร่ธรรม แต่สิ่งดีที่สุด ไม่อาจเทียบได้กับการบันดาลของธรรมวินัยที่มีอยู่กับใจนั่นเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีเรื่องไม่สบายใจอยากจะบอกอาจารย์ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าหนูได้ทำผิดศีลห้า ข้อ 3,4 และไม่แน่ใจว่าผิดข้อ 2 ด้วยหรือไม่
เมื่อวานนี้หนูตั้งใจไว้ว่าจะถือศีลแปด หนูคิดว่าศีลแปดที่ถือนี้นับตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงตีห้าของอีกวันใช่หรือไม่คะ

สารภาพบาป
ผิดข้อ 3 หนูคิดไม่ดีกับเพื่อนในชั้น แต่ก็มองรูปศพแก้

ผิดข้อ 4 ตระบัตสัตย์ หนูแก้งานของหนูทั้งๆที่ไม่ได้มาจากความคิดของหนูโดยตรง แต่หนูแอบคิดเอาเองว่าหนูลืมมองจึงพลาด หนูกังวลกลัวผลจะไม่ดี จะผิดหวังเลยปรึกษาเพื่อน เพื่อนบอกว่าถ้าเป็นเขา เขาจะไม่แก้ ตอนแรกหนูจะไม่แก้ แต่กลายเป็นแก้ไป แม้จะไม่ได้แก้ตามตรงๆ แต่ก็จงใจบิดเบือนสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือ โชคลาภหายไปและไม่มีความสุขค่ะ เริ่มมึนหัวและไม่กล้าสู้หน้าคน ไม่กล้าที่จะกล้าด้วย

รู้สึกขี้ขลาดมากเลยค่ะ

คำตอบ
ศีล ๘ เป็นศีลที่ใช้ฝึกตนให้ดียิ่งขึ้น จะรักษาเป็นครั้งคราว เช่นในห้วงเวลาที่บอกไป รักษาในวันพระ หรือรักษาตลอดไปย่อมทำได้ตามใจปรารถนา

ผู้ใดระลึกได้ว่า ตัวเองประพฤติผิดไปแล้ว จงหยุดไม่ประพฤติผิดอีก แล้วประพฤติดีให้ยิ่งใหญ่ ด้วยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ผลกรรมไม่ดีที่เคยทำย่อมตามส่งผลไม่ทัน ดูจากตัวอย่างของสิริมาโสเภณี เลิกประกอบอาชีพชั่ว แล้วหันมาทำความดีด้วยประพฤติ ทาน ศีล ภาวนา จนบรรลุโสดาบัน ตายแล้วไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.การที่มารดาไปไหว้พระแล้วทำบุญบริจาคทรัพย์แทนลูก ลูกจะได้บุญนั้นด้วยหรือไม่ค่ะ

2. การที่บิดามารดามีฐานะดีไม่ขัดสน จนลูกๆไม่ต้องเลี้ยงดูอุปการะ แต่ทุกครั้งที่ลูกทำบุญใส่บาตร รักษาศีล สวดมนต์ทำสมาธิภาวนา แล้วอุทิศบุญกุศลให้ ถือว่าได้กตัญญูบิดามารดาแล้วหรือไม่

3. บิดาชอบทานเนื้อวัว แต่ลูกไปทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือโดยใส่ชื่อบิดา จะไถ่บาปให้บิดาได้หรือไม่

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
(๑) ลูกจะได้บุญต่อเมื่อ ลูกรู้ว่าแม่ได้บริจาคทรัพย์แทนลูก แล้วลูกได้อนุโมทนาบุญที่แม่ทำแทนให้

(๒) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอีกหลายวิธี ที่ลูกได้แสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา

(๓) หากบิดามิได้สั่งให้เขาฆ่าวัว และวัวมิได้จองเวรไว้กับผู้ที่นำเนื้อของเขาไปรับประทาน การบริโภคเนื้อวัวของบิดา มิได้ถือว่าเป็นบาปอันเนื่องมาจากประพฤติทุศีลข้อปาณาติบาต จึงไม่จำเป็นต้องไถ่บาปให้บิดา แต่หากวัวจองเวรกับผู้ที่เอาเนื้อไปรับประทาน ผู้นั้นต้องชดใช้หนี้เวรกรรม (ดูสนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๑ ข้อ ๗๕ หรือ เล่ม ๑๓ ข้อ ๕๓)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อาจารย์คะ หนูไปปฎิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมา 3 วัน หนูเดินจงกลมได้ตามเวลาที่กำหนดค่ะ แต่นั่งได้ไม่นาน บางครั้ง 10 นาที ก็ไม่ไหวแล้ว เป็นเพราะอะไรคะ และควรแก้ไขอย่างไรถึงจะนั่งได้ตามเวลาที่กำหนด

2. หนูเป็นคนใจร้อนมาก แค่หาของไม่เจอก็โมโหและฉุนเฉียว ใครพูดอะไร ไม่เข้าหูหนูก็สวนทันที บางครั้งพยายามข่มใจไม่ให้โกรธ แต่สีหน้าเก็บไม่ได้ค่ะสีหน้าจะบ่งบอกเลยว่าเป็นอย่างไร หนูควรทำอย่างไรคะ นิสัยไม่ดีเหล่านี้ถึงจะหายไป

3.ทำอย่างไรถึงจะไม่ขี้เกียจสวดมนต์คะ หนูสวดแค่ บูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ หนูจะสวดก่อนไปทำงานอย่างนี้ทุกวัน สวดแค่นี้ได้ไหมคะ ควรสวดอะไรเพิ่มเติมอีกคะ กราบขอความกรุณาท่านอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ ว่าควรสวดอะไรเพิ่มเติมอีก

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
(๑) การปฏิบัติธรรมสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ อิริยาบถใดเหมาะสมกับสรีระวัยและความอาพาธของตัวเอง ก็สามารถนำเอาอิริยาบถที่เหมาะกับตัวเองมาใช้ได้ จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติอยู่ในอิริยาบถนั่งอย่างเดียว

(๒) ทุกครั้งที่มีอาการตามที่บอกเล่าไปแสดงออก ให้นำหัวมันเทศ หัวมันแกว หัวมันฝรั่ง อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ใส่ไว้ในกระจาดหรือภาชนะอื่นใด หยิบออกมาชั่งและจดบันทึกน้ำหนักของหัวมันไว้ ชั่ง หัวมันไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการติดลบที่แสดงออกได้หายไป ชั่งหัวมันบ่อยๆ แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไปได้เอง

(๓) การสวดมนต์กระทำได้ในทุกอิริยาบถ คนทั่วไปนิยมนั่งสวดมนต์ แต่ผู้ที่มีความผิดปกติ สามารถสวดมนต์ในอิริยาบถที่เหมาะสมได้ ขอเพียงให้มีใจจดจ่ออยู่กับมนต์ที่สวดเป็นใช้ได้ ผู้ที่มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน สวดมนต์แค่บทสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยนับว่าเพียงพอแล้ว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะดวงดีเช่นที่อาจารย์ว่า ต้องสวดมนต์ เจริญสติ มีศีลทุกขณะ ข้อแรกทำได้ แต่เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ บางครั้งเหนื่อยมากก็จะนอนสวดในใจ รู้สึกตัวกลางดึกก็จะสวด หรือ สวดในใจเวลาว่างจากงาน เหมาะสมหรือไม่ เวลาเจริญสติรู้ตัวว่าจิตสัดส่ายไปมา นิ่งยาก การมีศีล ตอนนี้ทำได้อย่างแน่วแน่อยู่สองข้อ คือข้อสามและข้อห้า เพราะเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีและได้รับความเดือดร้อนจากการผิดศีลของคนรอบข้าง ส่วนศีลข้ออื่นๆ ยังพร่องอยู่

ทำไมจึงมีความรู้สึกเห็นว่าตัวเองไม่ดีเลย มีโทสะบ่อย ไม่ชอบคนโน้นไม่ชอบคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีปัญหากับเขา แต่เป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจเราเอง การที่ตั้งใจจะดี เป็นคนมีสติ แต่เหมือนจะยิ่งมีปัญหาต่างๆ เข้ามาพร้อมๆ กันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว บางเรื่องก็ทำให้ขาดสติ กว่าจะกลับตัวทันก็หลายวัน บางครั้งก็ท้อใจกับปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่ เบื่อหน่ายกับชีวิต อยากจะหลุดพ้นแต่ก็ยังมีกิเลสอยากได้ใคร่ดี รู้ตัวแต่ก็ยังทำดีไม่ได้เท่าที่ควร

ขอบพระคุณอาจารย์ที่สละเวลารับฟังปัญหา

คำตอบ
สวดมนต์ได้ในทุกอิริยาบถที่เหมาะสมกับสรีระและวัยของผู้สวด หากศีลยังไม่ครบห้าข้อ และยังเป็นศีลที่มีกิเลสเจือใน อย่างพึงหวังว่า จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิที่สูงขึ้นได้ และการจะมีดวงดีต้องบำเพ็ญทานอยู่เสมอ ใจต้องมีศีล ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย และต้องบำเพ็ญภาวนาจนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิและเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ หากเข้าถึงกุศลธรรมทั้งสามข้อนี้ได้เมื่อใด ดวงดีแน่นอน

พระพุทธะตรัสว่า คนจะดีอยู่ที่การกระทำดีของตัวเองเป็นต้นเหตุ ฉะนั้นปัญหาต่างๆของผู้ถามปัญหาจะหมดไปได้ ต้องเริ่มต้นทำเหตุให้ถูกตรงนั่นเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครูที่ดีต้องสอนให้ถูกจริตนักเรียน ผมมีคำถามดังนี้ครับ

1. นักเรียนแต่ละคนมีจริตต่างกัน ทีนี้เราจะทำอย่างไรละครับ?

2. เราจะรู้ได้อย่างไรว่านักเรียนแต่ละคนมีจริตอย่างไร?

อีกคำถามไม่เกี่ยวกับการสอนนะครับ
3. เวลาเราไปอยู่ในสังคมที่มีเรื่องเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบ ถ้าเราไม่พูดอะไรเลยมันก็นิ่งสิครับ คือถ้าอยู่กันหลาย ๆ คนเราก็ไม่พูดได้ แต่ ถ้าอยู่กับ 2-3 คน ถ้าเราไม่พูด มันมีแต่ความเงียบสิครับ แล้วทีนี้ไม่นั่งเงียบกันหมดเลยครับ แบบว่านั่งจ้องหน้ากันเฉย ๆ? คือบางทีมันหาเรื่องมีสาระพูดไม่ได้นะครับ การเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่มันคงทำให้คู่สนทนาของเราเบื่อ ๆ งง ๆ กับเรา

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

คำตอบ
(๑) ทำตัวเองให้ดีได้ก่อน ด้วยการกำจัดสิ่งไม่ดีให้หมดไปจากใจ แล้วประพฤติอยู่แต่ธรรมที่เป็นกุศล

(๒) ผู้ใดมีปัญญาเห็นถูก ย่อมมองตัวเองได้ทะลุปรุโปร่ง และย่อมเห็นจริตของผู้อื่น (นักเรียน) ได้ทะลุปรุโปร่งเช่นกัน

(๓) ความเงียบเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรเป็นเรื่องของคนอื่น มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไปเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นของตน เรื่องของเราคือ ประพฤติตนให้มีวาจาเว้นจากการพูดเท็จ เว้นพูดหยาบ เว้นพูดส่อเสียด และเว้นพูดเดรัจฉานกถา (พูดเพ้อเจ้อ) ผู้ใดประพฤติได้เช่นนี้ ผู้นั้นมีจิตสงบและมีความสุข ที่ละเอียด ประณีต ยืนยาวกว่ากามสุขที่ชาวโลกนิยมแสวงหากัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องรบกวนสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ คือ หนูตั้งใจจะทำขนมขาย (ขายส่ง ไม่ได้เปิดเป็นร้านของตนเอง เพราะยังไม่มีพื้นที่) เลยไปเรียนทำเบเกอรี่ และเพิ่งทราบว่า หากต้องการให้ขนมมีอายุการเก็บนาน ต้องใส่ "สารกันบูด" ในปริมาณ 1% ของน้ำหนักแป้ง (สมัยตอนเป็นผู้บริโภค ยังทำขนมไม่เป็น...ก็กินอย่างเดียว ไม่เคยฉุกใจคิดว่า ในขนมเขาจะใส่สารกันบูดกัน เห็นอบออกมาจากเตาใหม่ๆ ...คิดว่าเป็นของดี ไม่มีพิษภัย)

ปัญหาคือ หนูไม่สบายใจเลย ถ้าทำขนมออกมาแล้วต้องใส่สารกันบูดลงไป...เพราะมันเหมือนทำร้ายคนกิน ทางอ้อม และหนูรู้สึกว่า "สารกันบูด" เป็นยาพิษ ซึ่งข้อนึงในมิจฉาอาชีพที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ คือ ไม่ให้ขายยาพิษ.... แต่ถ้าไม่ใส่...ขนมที่หนูทำก็เก็บได้ไม่กี่วัน ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการส่งขายไปยังร้านต่างๆ เพราะเขาก็ต้องเก็บขนมไว้ เพื่อรอลูกค้ามาซื้อเหมือนกัน (เสียดายที่หนูยังไม่มีที่ขายเป็นของตัวเอง ถ้ามี หนูจะเปิดร้าน และจะขายขนมที่ไม่ใส่สารกันบูดค่ะ)

จึงขอเรียนถามอาจารย์ว่า ขายขนมที่ใส่สารกันบูด...บาป หรือผิดศีลไหม? แล้วถ้าต้องทำ หนูจะมีวิธีแก้อกุศลกรรมที่เกิดขึ้นอย่างไรคะ? ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
ผู้ใดมีจิตระลึกได้ว่า สารกันบูดที่ใส่ลงไปในขนม เมื่อบริโภคเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มาก ก็คือยาพิษนั่นเอง ผู้ที่ระลึกได้เช่นนี้ แล้วยังประพฤติถือว่าเป็นบาปได้ ตรงกันข้าม ผู้ใดคิดว่าสารกันบูดที่ใส่ลงไปในขนม ด้วยมีจุดประสงค์ป้องกันมิให้เชื้อจุลินทรีย์ขยายจำนวน ซึ่งจะทำให้ขนมบูดเสีย คิดเพียงเท่านี้ไม่ถือว่าเป็นบาป

ฉะนั้นเมื่อผู้ถามปัญหาระลึกได้ว่า สารกันบูดเป็นยาพิษ แล้วยังมีความจำเป็นต้องประพฤติ ต้องประพฤติบุญ กิริยาวัตถุ ๑๐ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บุญมีกำลังมากกว่าบาป แล้วบาปจะตามให้ผลไม่ทัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มมีเรื่องรบกวนอาจารย์ครับ ผมเป็นคนที่นั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งก็สงบ บางครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมมาอ่านบทความของอาจารย์เรื่องหนึ่งถึงกับหดหู่
อาจารย์เขียนว่าคนที่เป็นเกย์หรือรักร่วมเพศไม่สามารถสำเร็จธรรมในชาตินี้ ได้ ผมคิดว่าผมเป็นคนกลุ่มนี้แน่นอน ผมรู้ตัวดี ต่อไปผมควรจะทำอย่างไรต่อครับ

ด้วยความเคารพ
ผู้อาภัพธรรม

คำตอบ
ต้องหยุดประพฤติรักร่วมเพศแล้วปฏิบัติธรรมต่อไป เพื่อให้จิตเก็บบันทึกข้อมูลที่เป็นบุญใหญ่ไว้ให้มาก เมื่อใดที่อกุศลวิบากได้รับการชดใช้หมดไป แล้วบุญให้ผล การบรรลุธรรมย่อมเกิดขึ้นได้ จงดูจากตัวอย่างของสิริมาได้เลิกอาชีพโสเภณีอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาปฏิบัติธรรม จนสามารถบรรลุโสดาบันได้ในขณะยังอยู่ในเพศของฆราวาส

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้ามีปัญหาที่ยังค้างคาใจอยู่หลายปี เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้นม.ปลายโรงเรียนได้จัดบวชชีพ ราหม์ขึ้นในรายวิชาพุทธศาสนา ในวันนั่งสมาธิวันสุดท้ายตอนเย็น(ก่อนสึกตอนเช้า) ข้าพเจ้านั่งสมาธิที่พระธาตุซึ่งบรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้(วัด พระธาตุราชบำรุง จ.หนองคาย) โดยข้าพเจ้าตั้งจิตอธิฐานตั้งมั่นให้จิดสงบนิ่งหลังจากที่ผ่านมานั่งสมาธิ ไม่ได้ผล ขณะนั่งสมาธิข้าพเจ้าเห็นผีจำนวนมาก เหมือนเข้าไปในป่าช้า ก่อนที่จะเห็นผู้หญิงใส่ชุดสาหรี่เหมือนอินเดียแบกคนโทนใส่หัวเดินไป ข้าพเจ้าจึงเดินตามนางไปขึ้นเขา แล้วพบเห็นเหมือนต้นโพธิ์ ข้างใต้มีฐานที่นั่งเป็นดอกบัวใหญ่มาก มีแสงทองเรืองรองเป็นรัศมี หลังจากวันนั้นเคยทดลองนั่งสมาธิหลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นอีกเลย ข้าพเจ้าเลยอยากถามว่า
1.ข้าพเจ้านิมิตรเห็นจริงหรืออุปทานไปเอง
2. ทำอย่างไรจึงจะสามารถนั่งสมาธิให้จิตนิ่งได้
3. อยากทำดีให้มากที่สุดจะทำอย่างไร

คำตอบ
(๑) ที่เห็นนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง

(๒) หลังจากประพฤติตามบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ขวนขวายรับใช้ อุทิศความดีให้ผู้อื่น ยินดีในความดีของผู้อื่น ฟังธรรม เทศน์ธรรม ทำความเห็นให้ตรง) แล้วต้องอุทิศบุญให้กับสัตว์ (รูปนาม) ที่นิมิตเห็น

(๓) อยากทำความดีให้มากที่สุด ต้องบำเพ็ญทานอยู่เสมอ มีศีล ๕ บริสุทธิ์คุมใจทุกขณะตื่น บำเพ็ญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาอยู่เสมอ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันมีคำถามที่จะเรียนถามแต่อาจจะไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่นะคะ ดิฉันมีญาติซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกันยี่สิบปลายๆ ค่ะ ผู้หญิงทั้งหมด โตมาด้วยกันสนิทกันมาก ซึ่งมีเรื่องอะไรมักจะพูดให้ดิฉันฟังทั้งหมดไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องทางเพศ ต้องขออภัยด้วยนะคะที่ต้องเล่าตรงๆ ตอนนี้คบกันอยู่4คน ไปไหนมาไหนมักจะไปด้วยกัน แต่พักหลังดิฉันได้เข้าหาธรรมะได้ไปปฏิบัติธรรม กลับมาก็ไม่ได้ไปมาหาสู่เพราะมักจะมีแต่เรื่องอบายมุขจึงอยากจะถอยห่าง

เรื่องที่จะเล่าคือ ญาติดิฉันคนนึงในกลุ่มมีสามีแล้ว แต่สามีมักจะอยู่ต่างประเทศ เวลาสามีไม่อยู่ก็จะคบผู้ชาย พามานอนที่คอนโดที่สามีซื้อให้ เตียงก็นอนเตียงที่นอนกับสามี เงินที่สามีส่งมาให้ก็เลี้ยงผู้ชาย รถที่สามีซื้อให้ก็ให้ชู้ขับ แนะนำผู้ชายให้ดิฉันรู้จักในฐานะแฟนเธออีกคน ถึงดิฉันจะไม่ชอบแต่ก็เพราะเป็นญาติไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำทำให้พลอยรู้จัก กับชู้เธอแทบทุกคน แต่ไม่ได้สนิทใจนะคะ ไม่ชอบหรอกแต่ก็พูดด้วยอะไรอย่างนั้นนะคะ ทำตัวอย่างนี้มานานมาก ดิฉันนับไม่ถูกแล้วว่ามีกี่คน เธอบอกว่าเธอเหงา สามีไม่อยู่ให้ความรัก ตัวเธอก็มีความต้องการนี่คือเหตุผลของเธอ บางครั้งเธอก็อกหักหรือโดนทุบตีจากพวกชู้แต่ไม่เข็ด ดิฉันเคยปรามแล้วแต่ก็ไม่ได้มากเพราะคิดว่าโตๆ แล้วน่าจะคิดได้ เคยพูดเรื่องนรกแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อว่ามีจริง สงสารสามีเธอเพราะสนิทกับดิฉันเช่นกัน เวลาสามีเธอกลับมาเจอดิฉันจะรู้สึกผิดเหมือนสมรู้ร่วมคิดปกปิดความจริงให้ เขาเป็นคนโง่ เขาดีมากรับผิดชอบเคยช่วยเหลือดิฉันด้วย อยากจะบอกสามีเธอให้รู้แต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวเป็นการหักหลังญาติคนนี้ไปซะอีก บางครั้งคบกับเพื่อนผู้ชายกลุ่มหนึ่งมี6-7คนก็มีอะไรกับผู้ชายทั้งหมด นี่คือเพื่อนนะคะ เธอบอกพวกเพื่อนผู้ชายเองเลยว่าอย่าคิดอะไรมากแค่สนุกด้วยกัน เรียกมาที่ห้องในวันที่ดิฉันอยู่ด้วยแล้วเวลามีอะไรกับผู้ชายพวกนั้นก็ให้ ดิฉันเข้าไปรอในห้องน้ำ ดิฉันก็ล็อคประตูรอกลัวก็กลัว รู้สึกทุเรศแต่ก็ญาติน่ะค่ะตัดไม่ขาด คือคบกับใครก็มีอะไรแทบทุกคนก็ว่าได้ ล่าสุดสองเดือนที่แล้วไปเที่ยวกลางคืนกลับมาดื่มต่อในห้องหลายคน ก็มีอะไรกับผุ้ชายที่เพิ่งรู้จักบนเตียงไม่สนใจคนอื่นที่นั่งดื่มอยู่ติดๆ ตรงเตียงเลย ต่อหน้าต่อตาก็ว่าได้ เรียกว่าโชว์เลยไม่มีความอาย ขนาดที่ว่าคนอื่นนั่งดื่มได้สักพักก็อายเองลงไปรอข้างล่างคอนโด เหตุการณ์นี้ดิฉันไม่ได้อยู่ด้วยเธอเล่าให้ฟัง ส่วนตัวดิฉันไม่เคยนอกใจแฟนและไม่ชอบที่เธอทำอย่างนี้ เคยมีคนแถวบ้านว่าเธอเรื่องมีชู้ ดิฉันก็เปรยๆให้ฟัง ว่ามีคนเห็นเธอและชู้ เธอก็บอกว่า อวัยวะเพศของเธอเกี่ยวอะไรกับใคร แต่เธอพูดคำหยาบนะคะ และยังเล่น msn hi5 ลงท้ายด้วยการมีเพศสัมพันธ์ตลอด แล้วก็มาเล่าว่าคนนี้เป็นอย่างไร ทำอย่างไรให้บ้าง พอใจไม่พอใจอย่างไร เหมือนกับกิจวัตรประจำวันของเธอ

ดิฉันอยากทราบว่า การที่ดิฉันไม่ชอบแต่ไม่กล้าพูดและยังต้องคบกันเพราะเป็นญาติสนิท รับรู้พฤติกรรมนี้มาตลอด รู้จักกับชู้ของเธอด้วย ดิฉันบาปต่อสามีเธอไหมแต่ดิฉันก็ไม่ได้ยอมรับนะคะรังเกียจด้วยซ้ำ แต่ดิฉันก็เหมือนน้ำท่วมปากไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ

เรื่องที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่24กพนี้เองนะคะ คือ กับญาติสาวคนเดิม ปีนี้เศรษฐกิจทรุดทำให้เงินที่สามีส่งมาให้เธอนั้นลดเหลือเดือนละ10,000ไม่ พอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย ธุรกิจของสามีเธอต้องปิดตัว ทำให้ไม่มีเงินเหมือนเมื่อก่อนในที่สุด เธอจึงตัดสินใจไปนั่งตู้ อาบ อบ นวด โดยที่ให้ดิฉันและญาติอีกสามคนไปเป็นเพื่อน ตัวดิฉันกลัวเรื่องปีนต้นงิ้วมาก ไม่นอกใจแฟน เธอก็เหมือนไม่เชื่อเรื่องต้นงิ้วพูดไปก็เหมือนว่าดิฉันงมงาย ใจจริงไม่อยากไปเลยแต่กลัวจะหาว่าไม่มีน้ำใจก็เลยจำใจ ไปครั้งแรกไม่กล้าสมัคร พอดีมีพี่ที่รู้จักเคยเป็นแม่บ้านที่นี่มาก่อนก็เลยกลับไปรับ โดยญาติให้ดิฉันลงไปเรียกเพราะตนเองไม่กล้าลงไปกลัวคนรู้จักเห็น ดิฉันไม่เต็มใจเลยแต่ก็ต้องจำใจลงไปเรียก ลำบากใจมากไม่สบายใจเลยค่ะคิดว่าต้องเข้ากระบวนกรรมในเรื่องนี้แน่นอน ตัวดิฉันนั้นเรื่องคิดนอกใจหรือมีชู้นั้นไม่มีเลย เชื่อเรื่องปีนต้นงิ้วมากใครแนะนำกิ๊ก(ชู้)ให้ก็ไม่เอา คนอยากเป็นกิ๊กก็ไม่เอาบอกเลยมีสามีแล้ว แต่ต้องมาร่วมกระบวนกามอย่างนี้ทำให้ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ดิฉันต้องบาปแน่ๆ เลยใช่มั้ยค่ะ ที่ไปเป็นเพื่อนด้วยเหมือนสนับสนุนให้เขาทำหรือเปล่า และถ้ามีลูกค้ามาเที่ยวโดยที่ภรรยาไม่อนุญาติและมีอะไรกับญาติดิฉันอย่างนี้ ดิฉันจะผิดศีลข้อกาเมไหมคะ และจะแก้ไขได้อย่างไร หรือต้องเลิกคบไปเลย

ขออนุโมทนาท่านอาจารย์ที่ตอบคำถามนะคะขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง


คำตอบ
ผู้ใดรู้เห็นในพฤติกรรมไม่ดีของคนอื่น แล้วทำให้ไม่สบายใจ ผู้นั้นมีบาปในฐานะเป็นผู้ร่วมกระบวนประพฤติอกุศลกรรม

แม้ใจไม่เห็นด้วย แต่นำตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในอกุศลกรรม ก็ยังเป็นบาปอยู่ ตัวเองมิได้ประพฤติทุศีลข้อกาเมฯ แต่เข้าไปมีส่วนร่วมในพฤติกรรมทุศีล ก็ถือว่ามีบาปเช่นกัน หากผู้ถามปัญหาประสงค์ ไม่เข้าเป็นสมาชิกปีนต้นงิ้วในชีวิตหน้า ต้องปลีกตัวให้ห่างไกลจากญาติผู้เป็นปาปมิตร

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนที่อาตมาจะลาสิกขา ขอโอกาสได้ถามคำถามดังนี้

1. การฝึกมโนมยิทธิ แนววัดท่าซุง เพื่อไปพบ พระพุทธเจ้าที่แดนนิพพาน (เมืองๆ หนึ่ง)
เป็นสิ่งที่ท้าทายและต่างจาก คำสอนทั่วๆ ไปมากนัก แต่กลับไม่มีใครที่ให้ความกระจ่าง ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับศรัทธา

ถามว่า พระพุทธเจ้า และ แดนนิพพาน (เมือง) ยังคงอยู่ หรือ มีอยู่หรือไม่ ... ถ้าไม่มีทำไม พระทรงฌาณหลายองค์จึงกล่าวเช่นนั้น

2. อาตมาบวชมา 2 พรรษา ก็ยังไม่มีความเชื่อ เรื่องกฎแห่งกรรม การเกิดใหม่ เทวดาหรือนรกสวรรค์
ถ้ามีจริง ขอแค่พบเทวดาประจำตัวหรือ เทวดาที่อื่นๆ ก็ได้

ถามว่า อยากทราบวิธีพบเทวดา (ถ้ามีจริง) แบบที่ท่านมาไม่น่ากลัว เพื่อเพิ่มศรัทธา

ขออนุโมทนาอย่างสูง

คำตอบ
(๑) ผู้ตอบปัญหาไม่เคยมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ แต่เคยสนทนาธรรมกับพระป่าผู้ทรงอภิญญา ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้ายังคงอยู่ แดนนิพพานมีอยู่จริง และหลวงพ่อประสิทธิ์ แห่งเกาะสีชัง (มรณภาพ) ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เคยมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านได้กล่าวในทำนองที่ว่า “ นิพพาน หมายถึง รูปดับ-นามดับ คำว่านามดับหมายถึง ความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง (จิตตสังขาร) ดับ อาการของจิต (เจตสิก) เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เมตตา สติ ปัญญา ฯลฯ ดับ แต่ใจไม่ดับ เข้าใจไหม ”

(๒) ผู้ใดฝึกสมถภาวนา จนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นแน่วแน่ (ฌาน) ได้แล้ว เมื่อนำจิตออกจากความทรงฌาน อภิญญา ๕ ย่อมเกิดขึ้นกับผู้นั้น แล้วจะรู้เห็นเข้าใจด้วยทิพพจักขุว่า เทวดามีจริง นรกสวรรค์มีจริง แล้วยังสามารถรู้เห็นเข้าใจด้วยปุพเพนิวาสานุสติญาณว่า การเกิดใหม่มีจริง

อนึ่งผู้ถามปัญหาประสงค์พบเทวดา ต้องทำเหตุให้ถูกตรงด้วยการพัฒนาจิตให้มีคุณธรรมเช่นเดียวกับเทวดา อาทิ มีศีลธรรมคุ้มครองใจ มีความประพฤติละอายชั่วกลัวบาป (หิริโอตตัปปะ) มีกายวาจาใจเป็นอุโบสถศีลอยู่เป็นปรกติทุกขณะตื่น มีสภาวะของจิตเป็นอริยบุคคล ฯลฯ ผู้ประพฤติได้ถูกตรงตามนี้แล้ว การพบเห็นเทวดาประจำตัวหรือเทวดาในที่อื่นใด ย่อมเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 64, 65, 66, 67, 68, 69, 70 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร