วันเวลาปัจจุบัน 17 พ.ค. 2025, 11:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชุดคำถามที่ 1 หมวด เคล็ดลับแม่บ้าน :b12:

1. ไข่ขาวสามารถใช้ รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก

2. ยาหม่องสามารถใช้ ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

3. ใส่หลอดในขวดซอส มะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น

4. ถุงน่องแช่น้ำ เกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน

5. มันฝรั่งกำจัด กลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป

6. พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้

7. เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้

เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

8.เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น

9.นำเหรียญสลึงใส่ แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

10. ใบฝรั่งช่วย ดูดกลิ่นได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชุดคำถามที่ 2 หมวดกินเพื่อสุขภาพ :b12:

1. กินน้ำมะนาวปั่น สามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย

4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5. การเคี้ยวหมาก ฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง

6. การกินเนยก่อนนอน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น

7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย

8. การกินช็อคโกแล๊ต ช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล

9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย

10. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ :b31:

ชุดคำ ถามที่ 3 หมวดรู้ไว้ใช่ว่า :b10:

1. การแลบลิ้นให้ น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

2. ดูดนมยางของเด็ก ทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

3.การสูดกลิ่นตัว ผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

4. แอปเปิ้ล ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน

5. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์

6. วัวกระทิงเกลียด สีแดง จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า

7.เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ

เฉลย
จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม

8. การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซา ได้

10. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โปรด ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ :b31:

ชุดคำ ถามที่ 4 หมวดความสวยความงาม :b3:

1. กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด

2. การยืนเอาปลาย นิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

3.เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

4. การสวมเสื้อผ้า หนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม

5. คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

6. การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7. การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่ง หากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี

8. กาวตราช้างใช้ รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9. การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

10. การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่ ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้ไว้ นิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง :b23:

คุณคิดย่างไรกับ เรื่องนี้? :b10:

1. ไม่ทานอาหารเช้า
หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป
การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น (เช่น เทพธิดาดิว เป็นต้น)

3. การสูบบุหรี่
เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป
การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง

5. มลภาวะ
สมอง เป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไป จะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน
การ นอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้

7. นอนคลุมโปง
การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อ ประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย
การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด
การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด
ทักษะ ทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภายนอกหรือภายใน คุณต้องการ :b6:

เช้า วันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...
"ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ"
คุณ แม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..

เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ ..อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ..

กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้ม เด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว

**เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**
และ แล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา
ปัญหา..มี เฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป
หลายครั้ง..ที่เจ้าหนู กลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่

เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนู พูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
"พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า
..
--ไอ้ ตัวประหลาด--"

จนกระทั่ง.... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..
เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น
...

แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร
"ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก
พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และ ได้รับข่าวดีจากหมอว่า...

"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะ..
จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว
จนกระทั่ง ...2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
"ลูกเตรียม ตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู

ที่ลูกต้องการได้แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ"
การ ผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..

....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็น อัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น

ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า.

"พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด"

"พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก.
เรื่อง นี้...เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว"
พ่อตอบ..

หลายปีผ่านไป....
มันยังคงเป็นความลับ
และ แล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย
แม่ เค้าได้เสียชีวิตลง.

เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่
พ่อ เรียกเค้า..
"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่"
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดู เหมือนคนนอนหลับ

...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
...ใบหูของแม่...หายไป!..
แม่ ไม่มีใบหู...
"นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต"..
พ่อกระซิบ ผ่านลูกชาย
"แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ... ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..
แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มี ใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?
- - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - -
จงจำไว้..
~สิ่งมีค่า...ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
~ความรัก..ที่แท้จริง~
ไม่ได้ อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
~ความรัก~
บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
หากแต่อยู่ที่....การกระทำ. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
เพียง แค่..ฝ่ายเดียว..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

:b41: อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสักนิด..
ถ้า พรุ่งนี้..เราตายไป..
บริษัท..
สามารถหาคนมาแทนเราได้
ภายในไม่กี่ วัน..

แต่ครอบครัวเรา..
ต้องสูญเสีย..
และคิดถึง เรา..ไปตลอด

เราได้ใช้ชีวิต..กับการทำงาน
มากกว่าครอบ ครัว..หรือเปล่า?

ถ้ามากกว่า...
ก็เป็นการลงทุน..
ที่ไม่ฉลาด เลยจริง ๆ.. :b24:

----------



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างไรถึงเรียกว่า…กินเป็น :b17:

ข้อ 1 กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว
กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย คือ ขอเน้นว่าควรกินอาหารให้หลากหลาย คือกินอาหาร 20-30 ชนิด ต่อวัน ฟังดูเหมือนมากเป็นเรื่องยาก แต่ทำได้ง่าย ๆ เช่น ถ้ามื้อเช้า กินข้าวต้มปลา ในข้าวต้มปลา มีข้าว มีน้ำ มีปลา มีผักชี ต้นหอม ใส่น้ำตาล น้ำปลา ดื่มน้ำส้มอีกแก้ว มื้อเช้าก็กินอาหาร 8 อย่างแล้ว
มื้อกลางวัน ถ้ากินผัดไทยสักจาน ก็มี เส้นหมี่ กุ้ง เต้าหู้เหลือง ถั่วลิสง น้ำมัน ผัก ถั่วงอก ก็เป็นอาหาร 7 อย่างแล้ว มื้อเย็น กินข้าวกับน้ำพริกปลาทู ก็มีกะปิ น้ำปลา มะนาว พริก ปลาทู ผักสด มีผลไม้ด้วย นับไปนับมาก็ 20 กว่าอย่างแล้ว



กินได้อย่างนี้ก็เรียกว่า "หลากหลาย" เท่านี้ก็ได้สาร อาหาร จากอาหารที่หลากหลาย ในปริมาณที่สมดุล กับร่างกายต้องการแล้ว


คำว่า " หมั่นดูแล น้ำหนักตัว" หมายถึงอย่าให้ตัวเองอ้วนไปหรือผอม ไป คอยหมั่นสังเกต ได้จาก ดัชนีมวลกาย โดยเอาน้ำหนักตัวเป็นตัวตั้ง หารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง ถ้าค่าที่ได้อยู่ระหว่าง 18.5-25 แสดงว่าร่างกายได้สัดส่วนดีแล้ว



ข้อ 2 กินข้าวเป็นหลักสลับแป้งบางมื้อ
โดยเฉพาะข้าวซ้อมมือจะมีคุณค่ามาก แต่ก็ไม่จำเป็น ต้องกิน ทุกมื้อ อาหาร 3 มื้อหลัก เช้า กลางวัน เย็น มื้อหนึ่งกินสักประมาณ 2-4 ทัพพี กินข้าวพออิ่ม หรือถ้าเบื่อข้าว ก็ กินก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ทดแทน เป็นบางมื้อก็ได้


เชื่อกันว่า ถ้างดข้าวแล้วจะช่วยลดความอ้วนได้
ไม่ควรงดอาหาร ประเภทนี้ เพราะทั้งข้าว และแป้ง ให้คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่จำเป็น ต่อร่างกายมาก และอย่าหลงเชื่อกระแส ที่ว่า ต้องกินข้าวหลาย ๆ อย่าง หุงรวมกัน และแยกน้ำข้าวมาดื่ม เพราะไม่ได้ ทำให้สารอาหารในข้าว เพิ่มขึ้นเท่าใดเลย ทั้งนี้น้ำข้าวได้จากธัญพืชต่าง ๆ ในปริมาณหนึ่ง จะมีน้ำประกอบ 98% มี น้ำตาล แป้ง วิตามิน เกลือแร่ เล็กน้อยเท่านั้น เพราะเดี๋ยวนี้ เราหุงข้าว ด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าธรรมดา ไม่ได้หุงแบบเช็ดน้ำเหมือนเมื่อก่อน น้ำข้าวจะเข้าไปอยู่ในเนื้อข้าว แล้วทำไมไม่กินข้าวไปเลย จะมาแยกเนื้อ แยกน้ำทำไม การปลุกกระแสเรื่องดื่มน้ำข้าวมาก ๆ ไม่ใช่เรื่องดี เพราะ ถ้าคนเข้าใจผิดว่า น้ำข้าว สามารถรักษา โรคมะเร็ง โรคต่าง ๆ ได้ และคนเลือกที่จะกินน้ำข้าวอย่างเดียว จะทำให้ร่างกาย ไม่ได้รับสารอาหารอื่น ๆ เป็นการเข้าใจผิดไปใหญ่



ข้อ 3 กินผักให้มาก กินผลไม้เป็นประจำเพราะไร้คอเลสเตอรอลและสารพิษ


ควรจะเป็นผักอะไร ชนิดไหน
ผักพื้นบ้านของ ไทยมีเยอะแยะ ทั้งกระถิน ดอกแค สะตอ คะน้า ผักกาด แตงกวา มะเขือเทศ หรือผลไม้ ตามฤดูกาล กินเป็นประจำ วันหนึ่งกินให้ได้รวมกัน วันละครึ่งกิโลกรัม หรือ 5 ขีด ฟังดูแล้ว โอ้โฮ! ทำไมกิน มากอย่างนั้น จริง ๆ แล้วไม่มากเลย กล้วยลูกหนึ่งก็ 70 กรัมแล้ว ส้ม 1 ลูกก็ 100 กรัมแล้ว ฝรั่งครึ่งผลอีก 100 กรัม มะละกอ สุก 3-4 ชิ้น ก็ 100 กรัม ไหนจะพืชผักที่กินแต่ละมื้อไปก่อนหน้าก็จะมากกว่า 100 กรัม เชื่อว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าจะทำกันจริง ๆ



ข้อ 4 กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
ซึ่งถ้าเป็นไปได้อยากให้กินปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เป็นไขมันวัน ละมื้อ ปลาก็กินไม่ต้องมาก ถ้าคิดง่าย ๆ เปรียบเทียบกับปลาทู กินสักครึ่งตัวก็พอแล้วถ้าในวันนั้นไม่สามารถหาปลากินได้ให้กินอาหารหรือ ผลิตภัณฑ์ ที่มาจากถั่ว ถั่งเหลือง ถั่วเขียว หรือเต้าหูเหลืองแทนก็ได้


ควรเลี่ยงเนื้อสัตว์ใหญ่ไหม
เนื้อสัตว์ใหญ่นั้น แนะนำให้กินทุกวันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แต่ไม่อยากแนะนำให้กินเนื้อสัตว์ใหญ่มาก ๆ เพราะเดี๋ยวจะเผลอไปกินเนื้อสัตว์ติดมัน ส่วนไข่นั้น ถ้าผู้ใหญ่ก็กินสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง เด็ก ๆ ในวัยเจริญเติบโตกินได้ทุกวัน



ข้อ 5 ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
นมเป็น แหล่งอาหารที่ดี มีทั้งโปรตีน พลังงาน วิตามินบี 2 แคลเซียม และแร่ธาตุอื่น ถ้าดื่มเป็นประจำ เด็กจะเติบโตสูงใหญ่ ผู้ใหญ่แข็งแรง
ในต่างประเทศมีกระแสการต่อต้านการดื่มนม เพราะคนในสังคมนั้นเริ่มที่จะมีการบริโภคเกินความจำเป็น เช่น คนอเมริกันดื่มนมวันละ 1.50 ลิตร เกินความต้องการของร่างกาย คนเราต้องอยู่เป็น กินเป็น ให้ดื่มนม เหมาะสมตามวัย


แค่ไหนถึงจะเหมาะสมในแต่ละวัย
ง่ายมาก เด็ก ๆ ก็ดื่มวันละ 2-3 แก้ว ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุดื่มวันละ 1-2 แก้ว ถ้าไม่ดื่มเสียเลย ในอนาคต เราอาจจะ มีปัญหาเรื่องความแข็งแรงของกระดูกได้



ข้อ 6 กินไขมันแต่พอควร
เช่น ผู้ใหญ่ที่ร่างกายหยุดการเจริญเติบโตแล้ว ก็ต้องจำกัด ไขมันในร่างกายให้น้อยลง พยายามหลีกเลี่ยง ของทอด ของผัด แกงไม่ใส่กะทิ หันมากินผักนึ่ง คู่น้ำพริกแทน นมก็เลือกดื่มนมพร่องมันเนย ไขมันกินมาก ไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูง และวันหนึ่งอาจเป็นโรคหลอดเลือดตีบได้ ทั้งนี้ร่างกาย ต้องการไขมันไม่เกิน 30% ของพลังงานในร่างกาย



ข้อ 7 หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หวานจัด
อาหารที่ปรุงแล้ว หรือก๋วยเตี๋ยวมีเกลืออยู่แล้วประมาณ 6-7 กรัม ซึ่งเป็นรสธรรมชาติที่พอเพียงอยู่แล้ว


ไม่ต้องปรุงรสเลยหรือ
อาจจะเติมเกลือบางเล็กน้อย ๆ แต่อย่าให้รสจัดเกินไป กินเค็มจัดจนเกินความจำเป็นของร่างกาย ก็ทำให้ เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ คนที่กินอาหารหวานจัด มีน้ำตาลมากเกินไป ก็อาจจะทำให้มีปัญหา เรื่องโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง นอกจากนี้ถ้ากินรสหวาน ๆ ตลอดเวลา ก็ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้



ข้อ 8 กินอาหารสะอาดปราศจากปนเปื้อน
ใช้ความสังเกตดูด้วยตา ดม และมอง ว่าอาหารมีอะไรปกคลุมป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้ อาหารสกปรกหรือไม่ ดูให้ดีว่าอาหารสะอาด เพราะอาหารจะปนเปื้อนสารเคมีหรือสารผสมอะไร ถ้ามองด้วยตาเปล่า ก็ไม่รู้อยู่แล้ว การใช้ความสังเกต ก็ถือว่าเป็นการป้องกันที่ดีอย่างหนึ่งแล้ว



ข้อ 9 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพราะ หากกินมากเกินไปอาจตายได้ ก็ใช่ว่าจะงดไปเสียทั้งหมด ดื่มได้บ้างเล็กน้อย สักวันละสองจอกหรือ ถ้าเป็นเบียร์ ก็ไม่ควรเกินวันละ 1-2 กระป๋อง





[ คัดลอกจาก หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พุทธศักราช 2541 ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสตร์ของการยิ้ม :b12: :b12:

ศาสตร์ของการยิ้ม นอกจากเพื่อสังคมแล้ว
การยิ้มคือยาขนานหนึ่งที่จะ บรรเทาปัญหาสุขภาพ
มายิ้มกันเถอะ...


ได้มีจิตแพทย์จำแนกการยิ้มได้เป็น 3 แบบ คือ ยิ้มจริงใจ ยิ้มเสแสร้ง ยิ้มเศร้า



1. ยิ้มจริงใจ คือ ยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกที่ดีงาม ยิ้มจริงใจเป็นการแสดงความรู้สึกทางด้านบวกอย่างแท้จริงจะปรากฎขึ้น หลังจากได้รับรู้สภาวะของอารมณ์ซึ่งรวมทั้งความยินดีจากสิ่งกระตุ้น ทางตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส อย่างรักใคร่ก็สามารถเรียกรอยยิ้ม อย่างจริงใจออกมาได้ รอยยิ้มอย่างจริงใจนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อหายจากเจ็บปวดจากแรงกดดันที่อึดอัดได้เหมือนกัน



ยิ้มอย่างจริงใจนี้ นอกจากจะใช้กล้ามเนื้อยิ้มตามปกติคือ กล้ามเนื้อขากรรไกรแล้ว ยังใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอีกด้วย ผลของการยิ้มจริงใจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน "ความสุข" (เอนเดอร์ฟิน) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปออกฤทธิ์ทำให้ม่านตาขยายตัว และตามีประกายของความสุขที่เราเรียกว่า "ตายิ้ม" ซึ่งตานี้เองจะแสดงออกถึงความรัก ความเป็นมิตรและความอบอุ่น



2. ยิ้มเสแสร้ง ก็คือรอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยเจตนาจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดทำให้ผู้อื่นคิดว่า เรารู้สึกว่าอย่างนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ยิ้มเสแสร้ง คือ การเจตนาที่จะพยายามกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกในด้านดี ยิ้มเสแสร้งจะปรากฏบนใบหน้านานกว่ายิ้มจริงใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคจิตหลายคนเห็นว่า การหัวเราะเป็นตัวการที่จะปลดปล่อยความตึงเครียด หรือความตื่นเต้นที่มีมากจนเกินไป การหัวเราะช่วยปรับความสมดุล ให้อยู่ในสภาวะปกติ แม้ว่าจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ตลกเลยก็ตาม เหตุผลที่เราชอบหัวเราะอีกอย่างหนึ่งก็เพราะ เวลาหัวเราะเราต้องยิ้มก่อนและใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ย่อมน่าดูกว่าใบหน้าบึ้งตึงดุร้าย การหัวเราะจึงเป็นอีกขั้นหนึ่ง ของการยิ้มนั่นเอง คุณสามารถยิ้มไปโดยไม่ต้องหัวเราะ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวเราะโดยไม่ยิ้ม



คนที่สามารถยิ้มและ หัวเราะอย่างจริงใจก็เหมือนกับกำลังพูดว่า "ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร นะ ฉันเป็นมิตรนะ ฉันอยู่ข้างเธอนะ" คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายจริงๆ นั้นก็คือ คนที่เป็นอัจฉริยะโดยแท้ เพราะเท่ากับเขากำลังพูดว่า "ฉันไม่กลัวหรอก"



3. ยิ้มเศร้า มนุษย์เราเป็นทุกข์เพราะเราทำตัวเองเป็น ทุกข์ และเรายังทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์อีกด้วย คนที่หัวเราะมากๆ จะมีชีวิตยืนนาน คนที่มีความสุขจะมีอายุยืนกว่าคนที่อมทุกข์ การที่จะให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ จำเป็นจะต้องมีการแบ่งปัน คนที่รู้จักหัวเราะ ก็คือ คนที่รู้จักแบ่งปันนั่นเอง



"ดร.อาหาร ดร.เงียบ และ ดร.รื่นเริง" เป็นผู้เชี่ยวชาญยารักษาที่ดีที่สุดในโลก การรักษาเยียวยานั้น ต้องมาจากภายในและเรานั่นเองและที่จะมีอำนาจรักษาตัวเองได้ การหัวเราะมักจะเกิดพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไปในทางที่ดีที่ใครๆ ก็เห็นได้ชัด เช่น นัยน์ตาเป็นประกาย บุคลิกสดใส การร้องไห้จึงนับว่าเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง ช่วยลบล้างความทุกข์หรือเกิดจากทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ จะมีส่วนผสมทางเคมีแตกต่างจากน้ำตาที่เกิดจากผงเข้าตา น้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ภายในจะมีสารช่วยลดความเจ็บปวดอยู่ด้วย ซึ่งจะผลิตออกมาในปริมาณมากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เราเอาชนะความเจ็บปวดและความโศกเศร้าได้ คนที่พยายามยิ้มและหัวเราะอยู่เสมอ แม้จะรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ภายใน ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์เป็นไปในทางดีได้ จะมีความสุขขึ้นทั้งสมองและจิตใจ



ใครดำเนินชีวิต อย่างหวาดกลัวตลอดเวลา มักจะป่วยบ่อยๆ ความกลัวสามารถทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจับแข็งจนเลือด และฮอร์โมนกับสิ่งบำรุงร่างกายไปเลี้ยงไม่ถึง การหัวเราะ จะช่วยให้มันละลายแล้วเริ่มทำงานตามปกติต่อไป คนที่เป็นทุกข์เนื่องจากมีความกลัวอยู่ตลอดเวลา ร่างกายจะผลิตสารอะดรีนาลินออกมามากเกินไป และไหลเวียนไปทั่งร่างกายตลอดเวลาทำให้ล้มเจ็บได้ ความกลัวสามารถลดได้ด้วยการเผชิญหน้ากับสาเหตุนั้นๆ และการหัวเราะก็เป็นวิธีเผิชญหน้ากับความกลัวที่ดีที่สุด เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าเราเรียนรู้ที่จะหัวเราะให้มากขึ้น ในไม่ช้าความกลัวก็จะค่อยๆ หมดไป



วิธีดูว่ายิ้มอย่าง ไหนจึงจะเหมาะสำหรับคุณก็คือ ลองยืนหน้ากระจกเงา แล้วแสดงสีหน้าแบบต่างๆ ทั้งยิ้มและบึ้ง สังเกตว่า สีหน้าแบบไหนที่ทำให้คุณดูอ่อนวัยลง มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ขึ้น



แต่ละคนจะมีรอยยิ้ม เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแตกต่างกันออกไป

รอยยิ้มที่ค้างอยู่ บนใบหน้านานเกินไป จะดูเหมือนกับหุ่นยนต์ หรือยิ้มเสแสร้ง คุณควรจะมีรอยยิ้มที่จริงใจจะดีกว่า เพราะถ้ายิ้มเสแสร้งของคุณเด่นชัดเกินไป ผู้คนก็จะไม่เชื่อถือ



บางครั้งคนอื่นจะ ตัดสินเราที่เสียงมากกว่ารูปร่างหน้าตา ดังนั้นเราควรจะพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเวลาตอบโทรศัพท์ คนที่อยู่ปลายสายอีกข้างหนึ่ง ไม่เห็นรอยยิ้มกับประกายตา อันแวววาวของคุณหรอก แต่คุณต้องใส่มันลงไปในน้ำเสียง มาพูดโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มกันดีกว่า



วิธีมีรอยยิ้มอันสด ใส ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก เพียงแต่หัดยิ้มให้บ่อยๆ เท่านั้นแหละ ยิ่งคุณยิ้มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น แต่รางวัลพิเศษแท้จริงก็คือ คุณจะค่อยมีความสุขมากขึ้นควบคู่ไปด้วย รู้คุณค่าของการยิ้มและวิธีใช้มันให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง รอยยิ้มเปรียบเสมือนดวงประทีป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7820

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b12: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ :b20: :b4: cheesy
ทุกกระทู้ที่คุณ Calla Lily นำมาโพสต์แจ่มจริงๆ เลยจ้า

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 20:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31: “ถอดรหัสใจ”

(KOKOLOGY)

By ทาดาฮิโกะ นากาโอะ

ศาสตราจารย์ อิซามุ ไซโตะ - เขียน

ธีรพร วิบูลพัฒนะวงศ์ - แปล


เรื่องที่ 1 – นกน้อยสีฟ้า

วันหนึ่งมีนกสีฟ้าบินเข้ามาในห้องของคุณ และหาทางออกไม่ได้ นกตัวนี้มี อะไรบางอย่างที่ทำให้คุณประทับใจ คุณจึง ตัดสินในเลี้ยงมันไว้ แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น คุณก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า เจ้านกตัว นี้สามารถเปลี่ยนสีได้ในชั่วข้ามคืน จาก สีฟ้า กลายเป็น สีเหลือง เช้าวันที่สามมันเปลี่ยนสี เป็น สีแดง และวันที่สี่ก็เปลี่ยนเป็น สีดำสนิท คุณคิดว่าเช้าวันที่ห้าเมื่อคุณตื่นขึ้นมา เจ้านกตัวนี้จะกลายเป็นสีอะไร?

1. ไม่เปลี่ยนสี ยังคงเป็นสีดำ
2. เปลี่ยนกลับไปเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม
3. เปลี่ยนเป็นสีขาว
4. เปลี่ยนเป็นสีทอง

ความหมาย “นกน้อยสีฟ้า”

นกที่บินเข้ามาเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความโชค ดี แต่แล้วจู่ๆ มันก็ เปลี่ยนสี ทำให้คุณกังวลว่า ความสุขที่คุณมีอยู่จะไม่ยั่งยืน ปฏิกิริยาของคุณต่อเหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า คุณตอบสนองต่ออุปสรรค และความไม่แน่นอนของชีวิตอย่างไร

1. หากคุณตอบว่านกยังคงเป็นสีดำ คุณเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย คุณมักจะ เชื่อว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี มันก็ไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นปกติได้ ความจริงคุณน่าจะพยายามคิดว่า ถ้าเกิดว่า อะไรๆ มันเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ มันคงไม่สามารถเลวร้ายลงไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ขอให้พึงระลึกว่า “ไม่มีฝนคราใดจะตกได้ตลอดกาล และไม่มีราตรีใดที่มืดมิดเสียจนไร้ซึ่งอรุณรุ่งแห่งวันใหม่”
2. หากคุณตอบว่า นกเปลี่ยน กลับไปเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี คุณเชื่อว่าชีวิตก็ต้องมีดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไป ไม่มีทางที่คุณจะฝืนความจริงข้อนี้ได้ คุณยอมรับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างสงบ และปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นโดยไม่กังวลหรือเครียดกับ มันจนเกินไป มุมมองของคุณทำให้คุณสามารถยืนหยัดอยู่ได้ แม้คลื่นแห่งความยากลำบากจะถาโถมเข้ามา
3. หากคุณตอบว่า นกเปลี่ยน เป็นสีขาว คุณเป็นคนสงบ และกล้า ตัดสินใจเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดัน แม้ว่า สถานการณ์จะถึงขั้นวิกฤต คุณก็จะไม่เสียเวลามานั่งกลุ้มใจ หรือมัวลังเล ถ้าสถานการณ์แย่ลงจะเกินเยียวยา คุณจะตัดสินใจถอนตัวแล้วหาหนทางใหม่ที่จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมาย โดยไม่ยอมจมปลักอยู่กับความทุกข์ วิธีการริ เริ่มแก้ไขปัญหาของคุณดูเหมือนจะทำให้สิ่งต่างๆ ผ่านพ้นไปได้เอง
4. หากคุณตอบว่า นกเปลี่ยน เป็นสีทอง คุณเป็นคนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด คุณไม่รู้จักกดดัน สำหรับคุณ ทุกๆ วิกฤต คือโอกาส คุณอาจเปรียบตัวคุณเหมือนจักรพรรดินะโปเลียนผู้เคยกล่าวไว้ว่า “…เป็นไปไม่ได้ : มันไม่ใช่ ภาษาฝรั่งเศสนี่” แต่คุณต้อง ระวังอย่าให้ความมั่นใจแบบไร้ขีดจำกัดของคุณทำลายส่วนที่ดีที่สุดของคุณไป เพราะ ความกล้า กับ ความบ้าบิ่น นั้นมันต่างกันเพียงนิดเดียว


เรื่องที่ 2 – อ่านนิตยสารยอดนิยม

คุณเพิ่งซื้อนิตยสารยอดนิยมเล่มหนึ่งและนำกลับมา อ่านที่บ้าน คุณอ่านนิตยสารนั้นอย่างไร?

1. อ่านทั้งเล่มจากหน้าแรกถึงหน้าสุด ท้าย
2. เปิดคอลัมน์ที่คุณสนใจ และอ่านเฉพาะคอลัมน์นั้น
3. พลิกไปเรื่อยๆ และอ่าน เฉพาะหน้าที่คุณคิดว่าควรค่าแก่การอ่าน
4. ถ้ารูปเล่ม และการ เรียงหน้าเหมือนเดิม คุณก็อ่านเหมือนกับทุกๆ ทีที่เคยอ่าน

ความหมาย “การอ่านนิตยสารยอดนิยม”

ลักษณะของการอ่านนิตยสารของคุณสะท้อนให้เห็นว่า คุณจัดการกับตัวเลือกที่หลากหลาย อย่างไร กล่าวโดยเจาะจง คือ การแบ่งและจัดสรรเวลาในการอ่านนิตยสารของคุณแสดงถึงวิธีการที่คุณ ใช้จัดสรรการใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เงิน…

1. อ่านทั้งเล่มจากหน้าแรกถึงหน้าสุด ท้าย

คุณเป็นคนประเภทที่รู้ว่าเงินทุกบาท ทุกสตางค์ของคุณอยู่ที่ไหน และได้ถูกใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ไม่ใช่เพราะคุณคำนึงถึงงบประมารณ หรือ การวางแผนการเงินอะไรหรอก คุณแค่รู้สึกสบายใจที่ได้รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน คุณเกลียดความคิดที่ว่าคุณหลงลืมอะไรบางอย่างไป คุณจัดทำบัญชีของคุณไว้อย่างเป็นระเบียบ และรู้ว่าคุณมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีของคุณเท่าไหร่รวมถึงดอกเบี้ย ต่างๆ ด้วย

2. เปิดคอลัมน์ที่คุณสนใจ และอ่านเฉพาะคอลัมน์นั้น

คุณเป็นคนที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ย สุร่าย และไม่ระมัดระวัง เมื่อไหร่ที่คุณมีเงินคุณก็จะใช้มัน ซื้ออะไรก็ตามที่คุณพอใจ คุณมักคิด ว่า “ฉันอาจจะเริ่มเก็บเงินเดือนหน้านี้แล้วนะ” ตอน ที่คุณใช้ เงินบาทสุดท้าย ถ้าคุณจะสามารถเก็บเงินได้บ้าง ก็ไม่แปลกเลยที่คุณจะไปกด เอทีเอ็ม ถอนเงินนั้นมาเพื่อใช้ทำอะไรฆ่าเวลา

3. พลิกไปเรื่อยๆ และอ่านเฉพาะหน้าที่คุณคิดว่าควรค่าแก่การอ่าน

คุณอาจจะคิดว่า คุณเป็นคนประหยัด แต่บางคน อาจจะบอกว่า คุณเป็นคนขี้เหนียว ความจริงก็คือ คุณจะไม่ใช้จ่ายอะไรโดยที่ไม่เกิดประโยชน์ หรือเสียเปล่า คุณเลือกที่จะเก็บออมไว้ใช้ยามจำเป็น คุณจะไม่เผลอตัวซื้อของโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือใช้บัตรเครดิตจนชนวงเงิน ความจริง คุณน่าจะผ่อนปรนวิธีการใช้เงินของคุณบ้างในบางโอกาส เงินมีไว้เพื่อให้คุณมีชีวิตที่ดีไม่ใช่หรือ?

4. ถ้ารูปเล่มและการเรียงหน้าเหมือน เดิม คุณก็อ่านเหมือนกับทุกๆ ทีที่อ่าน

คุณใช้เงินตามแบบของคุณจนเป็นนิสัย ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ถ้าคุณถูกล็อตเตอรี่ คุณจะไม่ไป เดินชอบปิ้งซื้อของราคาถูกตามห้างต่างๆ และใน ทางกลับกัน ถ้าคุณล้มละลาย คุณก็จะยัง คงใช้เสื้อผ้าราคาแพงที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง คุณเป็นคนที่ไม่สนใจ หรือกังวล เกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานะการเงิน เพราะ ฉะนั้นคุณน่าจะหาคู่ชีวิตที่ดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้คุณได้ และยก หน้าที่นี้ให้เขาหรือเธอไปเลย



เรื่องที่ 3 – ลึกลงไปนั้น…

คุณอยู่ในตึกร้างแห่งหนึ่ง และกำลังยืนอยู่หน้าห้องใต้ดิน ที่มีบันได ทอดยาวลงไป คุณค่อยๆ เดินลงไป ช้าๆ ขณะเดียวกันก็นับขั้นของบันได 1 ขั้น… 2 ขั้น… 3 ขั้น…

1. บันไดที่นำคุณลงไปถึงข้างล่างมี ทั้งหมดกี่ขั้น?
2. หลังจากนั้นคุณได้ยินเสียงของใครบางคนดังออกมาจาก ความมืด คนผู้นั้นกำลัง

* ร้องไห้เบาๆ
* ร้องคร่ำครวญจนฟังไม่ได้ศัพท์
* หรือว่ากำลังพูดกับคุณ?

3. คุณทำอย่างไรเมื่อได้ยิน เสียงคนคนนั้น?

* พยายามหาที่มาของเสียง?
* วิ่งหนีโดยสัญชาตญาณขึ้นมาข้างบนอย่างไม่เหลียว หลัง?
* หรือว่ายืนตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว และไม่ขยับเขยื้อนไปไหน?

4. คุณได้ยินเสียงคนคนหนึ่ง เรียกชื่อคุณ และเห็นเงาของเขาทอดตัวลงมาจากบันไดขั้นบนสุด ใครคือคนที่กำลังเดินลงมาหาคุณ?

ความหมาย “ลึกลงไปนั้น…”

ตึกร้างและห้องใต้ดินเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของ ความทรงจำที่ฝังลึก และรอยแผลในจิตใจเราทุกคนต่างก็มีประสบการณ์ที่ ไม่อยากจะระลึกถึง หรือความผิดหวังที่เราคิดว่า เราลืมมันไปแล้ว แต่ความทรงจำนั้นไม่อาจลบเลือนไปได้ง่ายๆ สิ่งที่เราอยากลืมจะคงอยู่กับเราเนิ่นนานเกินกว่าที่เราคาดคิด การตอบสนองของคุณต่อสถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า คุณจัดการกับความทรงจำในอดีตที่แสนเจ็บปวดอย่างไร

1. จำนวนขั้นบันได้ที่ทอดสู่ชั้นใต้ ดิน บอกถึงอิทธิพลของรอยแผลในจิตใจที่มีต่อคุณขณะนี้

หากคุณตอบว่า ขั้นบันได้มีเพียงไม่กี่ขั้น คุณได้รับ อิทธิพลจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเพียงเล็กน้อย แต่หากคุณคิดว่าบันไดนั้นทอดยาวลึกลงไปสู่ห้องใต้ดิน คุณเป็นผู้ที่มีบาดแผลฝังลึก ในใจเฉก เช่นความลึกของบันได

2. เสียงที่คุณได้ยินมาจากความมืด บอกว่าคุณผ่านพ้นประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีตมาได้อย่างไร

หากคุณตอบว่า ได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ คุณมักจะ ได้รับการปลอบโยนจากผู้อื่นเมื่อมีปัญหา และหายจาก ความโศกเศร้าด้วยความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น

หากคุณตอบว่า ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญจนฟังไม่ได้ศัพท์ คุณได้ผ่านความทุกข์ครั้งนั้นมาด้วยตนเองอย่างยากลำบาก เสียงครวญครางที่คุณได้ยินเป็นเสียงของความเจ็บปวดที่ฝังลึกของ คุณเอง

หากคุณตอบว่า ได้ยินเสียงนั้นกำลังพูดกับคุณ คุณมีรอย แผลเป็นในใจซึ่งเป็นเสมือนเหรียญเกียรติยศ แต่คุณไม่ยอมรับว่านั่นเป็นบาดแผล นักปรัชญาผู้มีชื่อเสียงได้กล่าวว่า “สิ่งนั้นไม่ได้ทำให้เราตาย แต่มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น” แต่จงระวัง อย่าให้สิ่งนี้ทำให้คุณแข็งกระด้าง และไม่แยแสความรู้สึกของผู้อื่น

3. ปฏิกิริยาของคุณต่อเสียงในความมืด บอกว่าคุณจัดการกับความเจ็บปวดในอดีตอย่างไร

หากคุณค้นหาที่มาของเสียง แสดงว่า คุณมักจะทำอย่างนั้นเช่นกันในชีวิตจริง การเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้คุณพบกับทางออกอย่าง แน่นอน

หากคุณวิ่งหนีขึ้นมาชั้นบนโดยไม่ เผชิญหน้ากับเสียงนั้น คุณมักจะละเลยปัญหาโดยหวังว่าสักวันมันจะดีขึ้น เอง วิธีนี้อาจใช้ได้ในบางกรณี แต่อย่าประหลาดใจหากคุณพบว่าปัญหานั้นวนเวียนอยู่กับคุณนานกว่า ที่คิด บางครั้งคุณก็ต้องยืนหยัด :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าโลกนี้มีคนอยู่ 100 คน :b5: :b6:

ถ้าวันนี้เป็นวันที่คุณรู้สึกแย่เอามากๆ
ลองอ่านเรื่องนี้ ดูแล้วคุณอาจจะมองสภาพรอบตัวเปลี่ยนไป

ถ้าเอาข้อมูลของประชากรทั่ว โลกมาย่อย่นลง เปรียบโลกเป็นเหมือนหมู่บ้านของคน ๑๐๐ คน
จะเป็นอย่างไร
ที่ หมู่บ้านนี้จะมี ๕๗ คนเป็นคนเอเชีย ๒๑ คนเป็นคนยุโรป ๑๔
คนเป็นคนอเมริกา เหนือและใต้ ๘ คนเป็นแอฟริกา

๕๒ คนเป็นผู้หญิง
๔๘ คนเป็นผู้ชาย

๗๐ คนไม่ใช่คนผิวขาว
๓๐ คนเป็นคนผิวขาว

๗๐ คนนับถือศาสนาอื่นนอกเหนือจากศาสนาคริสต์
๓๐ คนนับถือศาสนาคริสต์

๘๙ คนเป็นรักต่างเพศ
๑๑ คนเป็นรักร่วมเพศ

คน ๖ คนถือครองทรัพย์สิน ๕๙ เปอร์เซ็นต์ ของโลก
ทั้ง ๖ คนนั้นเป็นคนสัญชาติอเมริกา

๘๐ คนอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
๗๐ คนอ่านหนังสือไม่ออก
๕๐ คนทุกข์ทรมานด้วยโรคขาดสารอาหาร
๑ คนอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตาย
ในขณะ เดียวกัน อีก ๑ ชีวิตก็กำลังจะเกิดมา
มีเพียงคนเดียว (ใช่แล้ว คนเดียวเท่านั้น)เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย
และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ มีคอมพิวเตอร์ใช้
เมื่อได้มองโลกจากภาพย่อเช่นนี้
คงจะทำให้เรายอมรับ คนอื่น เข้าใจคนที่แตกต่างไปจากเรา
และคงตระหนักดีถึงความสำคัญของการ ศึกษาในการที่จะเรียนรู้และรับรู้ความเป็นจริง
หรือ มาลองคิดจากมุมมองอื่น
ถ้าเช้านี้คุณตื่นขึ้นมา และรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดี
ก็เรียกได้ว่าคุณโชคดีกว่าคนอีก ๑ ล้านคน
ที่ ภายในอาทิตย์นี้ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่
ถ้าคุณไม่เคยรู้สึกถึง อันตรายจากการสู้รบ การสงคราม
ความทุกข์ทรมาน ความเปลี่ยวเปล่าจากการถูกกักขัง
ความทรมานจากความหิวโหย
ก็เรียกได้ ว่า คุณยังดีกว่าคนอีก ๕๐๐ ล้านคน
ถ้าคุณไม่ตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อความ ตาย
ไม่ถูกจับกุม หรือถูกทรมาน สามารถไปทำพิธีในโบสถ์ได้
ก็เรียกได้ ว่า คุณยังดีกว่าคนอีก ๓,๐๐๐ ล้านคน
ถ้าคุณมีอาหารเก็บในตู้เย็น มีเสื้อผ้าใส่ มีหลังคาคุ้มหัว มีที่นอน
ก็เรียกได้ว่า คุณมีความเป็นอยู่สุขสบายกว่าคนอีก ๗๕ เปอร์เซ็นต์ในโลก
ถ้าคุณมีเงินฝาก ในธนาคาร มีเงินเหลือในกระเป๋าสตางค์
เงินวางอยู่ในบ้านที่ไหนสักแห่งก็ เรียกได้ว่า คุณมีฐานะดี อยู่ในกลุ่ม ๘
เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มั่งมีที่ สุดในโลก
ถ้าพ่อแม่ของคุณยังแข็งแรง และทั้งสองยังอยู่ด้วยกัน
ต้อง เรียกได้ว่าเป็นเรื่องหาได้ยากทีเดียว
ถ้าคุณได้อ่านเรื่องนี้ ต้องเรียกได้ว่า ณ ช่วงเวลานี้
คุณน่าจะเป็นผู้ที่มีความสุขสองเท่า เพราะ มีคนคิดถึงคุณและส่งข้อความนี้มาให้คุณ
นอกจากนั้น คุณก็ยังดีกว่าคนอีก ๒,๐๐๐ ล้านคนในโลกที่อ่านหนังสือไม่ออก
คนโบราณเคย กล่าวไว้ว่าคุณทำสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบสนองเพราะฉะนั้น
...................
จง ทำงานโดยไม่คำนึงถึงแต่เงิน
จงรักผู้คนรอบตัว เสมือนหนึ่งไม่เคยมีใครทำ ให้คุณเจ็บช้ำใจ
จงร่ายรำตามใจอยาก เสมือนหนึ่งไม่มีใครมองดูคุณอยู่
จง ส่งเสียงร้องเพลง เสมือนหนึ่งไม่มีใครฟังอยู่
จงใช้ชีวิตบนโลก เสมือนหนึ่งเป็นสวรรค์บนดิน
กรุณาส่งข้อความนี้ให้กับผู้ที่คุณอยากเห็น เขามีวันอันสดใส :b45: :b45:

จากหนังสือ : ถ้ามีเพียง ๑๐๐ คนบนโลกนี้ (If the world were a village of 100 people)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 07:17
โพสต์: 161

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31: :b31: Formula for Success สูตรสู่ความสำเร็จ

If: A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z

ถ้า A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z

Is equal to 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26

มีค่าเท่ากับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26

Then ..... แล้วจะพบว่า......


H+A+R+D+W+O+R+K = 8+1+18+4+23+15+18+11 = 98%

HARD WORK หรือ ทำงานหนัก มีค่าเท่ากับ 98 %


K+N+O+W+L+E+D+G+E = 11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96%

KNOWLEDGE หรือ ความรู้ มีค่าเท่ากับ 96 %


L+O+V+E=12+15+22+5=54%

LOVE หรือ ความรัก มีค่าเท่ากับ 54 %


L+U+C+K = 12+21+3+11 = 47%

LUCK หรือ โชค มีค่าเท่ากับ 47 %


None of them makes 100% !!! ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ !!!

Then what makes 100%? แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ 100 %

--Is it Money? ..... No!!!!! ใช่เงินหรือเปล่า ?……… ..... ไม่ใช่!!!!!


--Leadership? ...... NO!!!! ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?……… .....ไม่ใช่!!!!!

Well,.... แล้วอะไรล่ะ


A+T+T+I+T+U+D+E = 1+20+20+9+20+21+4+5 = 100%

ATTITUDE หรือทัศนคติ นั่นเอง ที่มีค่าเท่ากับ 100 %

Don't you think so?!?!?!?! Every problem has a solution,
only if we perhaps change our "ATTITUDE".

ท่านคิดเช่นนั้นหรือไม่ ?!?!?!?! ทุกปัญหามีทางออก บางทีแค่เพียงแต่เรา
เปลี่ยน “ทัศนคติ” ของเราเสียใหม่เท่านั้นเอง

It is OUR ATTITUDE towards Life and Work that makes OUR Life 100%

Successful...

มีเพียงแต่ “ทัศนคติ” ของเราเท่านั้น ที่จะเป็นตัวนำทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และงานที่ทำ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร