วันเวลาปัจจุบัน 14 ต.ค. 2025, 05:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 44, 45, 46, 47, 48, 49, 50 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. หากมีใครมาเบียดเราในชาตินี้ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่า ผลที่เกิดนี้ย่อมมีเหตุ นั่นคือ ผมได้เคยเบียดเบียนเขามาก่อน พอผมถูกเขาเบียดเบียนแล้ว หากผมยังผูกใจเจ็บ ต่อเขาในอนาคตก็จะมีเหตุ ให้เรากลับไปเบียดเบียนเขาเป็นเช่นนี้ ไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกผูกใจเจ็บ หรือพ้นจากสังสารวัฏ
ผมเข้าใจถูกมั้ยครับท่านอาจารย์?

2. การที่เจ้านายเคี่ยวเข็ญ ให้ทำงานหนักหนาดึกดื่น แม้วันหยุดก็ต้องเสียสละ หนึ่งก็เพราะทำเพื่องาน ผมเป็้นผู้น้อยก็ต้องปฏิบัติตาม และก็รู้สึกคับแค้นใจ รู้สึกเหมือนถูกเบียดเบียนตลอดเวลา อย่างนี้เป็นกรรมที่ต้องชดใช้ใช่หรือเปลาครับ? หรือเป็นความเห็นผิดจึงไปรับผัสสะมาปรุงเป็นอารมณ์ครับ?

3. เวรอื่น ที่ผมเคยผูกใจเจ็บไว้ในอดีตชาติ มาถึงตอนนี้ก็ไม่สามารถระลึกได้ จะมีข้อปฏิบัติอย่างไร ที่จะเป็นการประกาศว่า ผมต้องการตัดเวร
ไม่ขอไปจองเวรอีกพวกเขาเหล่านั้นอีกแล้วครับ?

ขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์ครับ

คำตอบ
เข้าใจถูกครับ ด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงได้ตรัสว่า “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ”

เจ้านายเคี่ยวเข็ญให้ทำงานหนักหนาดึกดื่น แล้วรู้สึกเกิดเป็นความคับแค้นใจ นั่นคือผลของกรรมเก่าซึ่งต้องชดใช้ให้หมดไปความคับแค้นใจเกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นมีความเห็นผิดไปจากธรรมผู้ใดทำงานหนักแล้วไม่เกิดเป็นความคับแค้นใจ ผู้นั้นมีความเห็นถูกตามธรรม

ความต้องการตัดเวร ที่ผู้ถามปัญหาเคยผูกใจเจ็บไว้กับสรรพสัตว์ในอดีตชาติ จะหมดไปได้ ต้องไปกล่าววาจาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์วา “ นับจากนี้ต่อไป ข้าพเจ้ายกเลิกการจองเวรกับทุกสรรพสัตว์ที่ระลึกได้และระลึกไม่ได้ ”

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมได้เรียนการทำสมาธิภาวนาจากวัดแห่งหนึ่ง (ผมไปฝึกที่วัด 3 วันแล้วหลังจากนันไม่ได้ไปอีกเพราะวัดอยูไกล) โดยภาวนา เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ - ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกศา กลับไปกลับมาโดยไม่ต้องสนใจลมหายใน กระผมได้ฝึกอยู่ระยะหนึ่งแต่ไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่ ก็ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไร แต่ช่วงหลังผมอ่านตำราเกี่ยวกับการฝึกสมาธิภาวนามากขึ้น เลยลองเปลี่ยนวิธีภาวนาไปใช้พุทโธตามลมหายใจ หลังจากนั้นผมก็เกิดปํญหาคือ พอภาวนาพุทโธไปได้สักพักหนึ่งใจก็อยากกลับไปภาวนาแบบเดิม ก็เลยออกมาแล้วเริ่มต้นใหม่โดยภาวนาแบบเดิม คือ เกศาฯ พอเริ่มนิ่งใจก็อยากกลับไปภาวนาพุทโธอีก เป็นอย่างนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้วจนเดี๋ยวนี้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเลยเพราะพอ มีความขัดแย้งขึ้นในใจก็ต้องเลิก

จึงเรียนอาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วย
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
ส่วนภาวนาต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อนแล้วจึงเร่งความเพียรในการปฏิบัติจิตตภาวนา ด้วยการเปรียบเทียบบทภาวนาทั้งสองแบบวา การภาวนาแบบไหน ทำให้จิตตั้งมั่น เป็นสมาธิได้เร็ว จริตของผู้ถามปัญหาเหมาะสมกับบทภาวนานั้นให้ใช้บทภาวนานั้นตลอดไปเพียงอย่าง เดียว ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ผิดไปจากธรรม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อนดิฉันตั้งท้องได้ประมาณ 4 เดือนกว่าแล้วแต่เพิ่งไปอัลตราซาวน์มาคุณหมอแนะนำให้เอาเด็กออกเพราะเด็กไม่ สมประกอบ ถึงคลอดออกมาก็ต้องเสียชีวิต เพื่อนก็เสียใจมากแต่คงต้องเอาออกตามคุณหมอแนะนำภายในเร็วๆนี้ เข้าใจว่าเป็นวิบากกรรมของเพื่อนคนนี้
อยากขอคำแนะนำอาจารย์ค่ะว่ามีวิธีไหนช่วยผ่อนหนักเป็นเบา บาปปาณาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้บ้างคะ จะชวนเพื่อนไปทำ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
เมื่อใดที่กรรมให้ผลเป็นวิบาก ผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับวิบากนั้นซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยได้ หากผู้ถามปัญหาจะช่วยเพื่อน ต้องทำให้เพื่อนเข้าใจบริหารธรรม และปฏิบัติให้ได้ตามนั้น จึงจะถือว่าช่วยเพื่อนสัมฤทธิ์ผล

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมได้ไปตั้งจิตบอกกล่าวกับพระพุทธรูปในวัดแห่งหนึ่งว่า “ ขอให้ข้าพเจ้า สอบได้เข้าไปเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วจะนำความรู้และความสามารถที่ได้ มาทำให้ตัวเองดีขึ้น คนรอบตัวดีขึ้น สังคมดีขึ้นจนถึง แผ่นดินดีขึ้น ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าไปเรียนและสำเร็จด้วยเทอญ ” ซึ่งมหาวิทยาลัยประกาศผลสอบออก มาว่าสอบได้

ตามที่ตั้งจิตกับพระพุทธรูปไว้ ผมคิดว่า ตัวเองดีขึ้นนั้น ดีขึ้นอยู่แล้วตามวิชาความรู้และโอกาสที่ได้มาจากการศึกษาปริญญาโทรอบตัวดี ขึ้นนั้นคือการช่วยเหลือ บิดา มารดา และคนรอบตัวใกล้ชิด เมื่อมีโอกาส สังคมและแผ่นดินดีขึ้นนั้น คือการที่ได้เข้าไปช่วยเหลืองานของพระศาสนา หรือกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เช่น ให้ทุนการศึกษา หรือการทำความดีแก่ส่วนรวมเมื่อมีโอกาสขอทราบความคิดเห็นของ ดร.สนอง ว่าความเห็นของผม ถูกต้อง หรือควรเพิ่มเติม หรือแก้ไข ประการใดเพื่อจะได้ไม่ผิดคำที่ได้ให้ไว้กับพระ พุทธรูปพระองค์นั้น ครับ

กราบขอบพระคุณครับ

คำตอบ
คำกล่าวอธิษฐานเป็นการตั้งโปรแกรม เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในทางโลก เพราะการได้เข้าเรียนในระดับปริญญาทา เป็นการพัฒนาสุตมยปัญญาและจินตามยปัญญาให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ปัญญาที่ผู้ถามปัญหามุ่งเน้นพัฒนานั้น นำไปช่วยตัวเองได้ช่วยคนอื่นได้ในทางโลกแต่ช่วยงานของพระศาสนาได้เพียงบาง ส่วน ไม่ถือว่าผิดไปจากคำอธิษฐานที่ให้ไว้กับพระพุทธรูป แต่หากอธิษฐานให้ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม จะเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมของพระพุทธะได้งานช่วยเหลือพระพุทธศาสนาจะทำได้ถูก ตรง และเป็นผลดีต่อการรักษาธรรมและวินัย มิให้เสื่อมไปจากใจของคนที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับพุทธบริษัทผู้เข้าถึงธรรม ได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อนดิฉันเป็นหมอ และมีความเมตตาสูงมาก คนไข้รายหนึ่งอยู่ ICUหายใจเองไม่ได้ หมอจึงอธิษฐานให้เจ้ากรรมนายเวรหันมาเอาเรื่องหมอแทน รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรของคนไข้หนักรายอื่นอีก เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นจะรุมทำร้ายหมอจนเป็นอันตรายไหมคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์พระอรหันตขีณาสพทุกพระองค์ ฯลฯ ล้วนเป็นผู้รู้แจ้งชีวิต และมีเมตตาสูงไม่มีอริยบุคคลผู้ใด อธิษฐานใช้หนี้เวรกรรมแทนเจ้ากรรมนายเวรของบุคคลอื่น เหตุเพราะเจ้าหนี้เวรกรรมตัวเองมีมาก จนไม่สามารถปลดหนี้ได้หมด

ดังนั้นที่ถามไปจึงเป็นการกระทำที่ทำร้ายตัวเองที่ไม่ฉลาด ที่สุด บรรดาพระโพธิสัตว์ที่มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่ประพฤติและไม่แนะนำผู้ อื่นให้ประพฤติเช่นนั้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมตั้งใจว่าจะเปิดธุรกิจส่วนตัวอย่างหนึ่ง(แม่ลงทุนให้) จึงมีเรื่องสงสัยอยากจะถามท่านดังนี้
1. หากผมต้องการมีทรัพย์(เงิน)มาก ผมควรนั่งสมาธิ หรือ บริจาคทรัพย์ เป็นทาน แบบไหนจะทำให้เหตุกับปัจจัยลงตัวที่สุดครับ

2. ผมเพิ่งเรียนจบ อยากให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรื่อง ผมควรปฎิบัติธรรมธรรมข้อใด เพิ่มเติมเพื่อที่จะส่งเสริมธุรกิจที่ทำอยู่ อย่างสุจริต

3. อนิสงจากการนั่งสมาธิจะทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จและมีทรัพย์มากหรือไม่ หรือว่า การบริจาคทานจะทำให้มีทรัพย์มากกว่า
เพี่เหตุกับปัจจัยลงตัว อย่างถวายยารักษาโรคแก่พระก็ทำให้เราไม่เป็นโรคใช่หรือไม่

4. แม่ผมชอบไปถวาย brandรังนก แก่พระสงฆ์เป็นประจำ เพราะต้องการให้พระท่านแข็งแรงเพราะพระท่านทานข้าวไม่ค่อยได้ แบบนี้จะได้บุญหรือบาปและควรหรือไม่ควรทำครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆครับ
ถ้ามีอะไรที่ล่วงเกินไปผมและครอบครัวขอ ขอขมาท่านอาจารย์ด้วยครับ

คำตอบ
(1) ควรทำทั้งสองอย่าง เพราะการให้ทรัพย์เป็นทานเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 อานิสงส์การให้ทำให้เป็นที่รักของคนหมู่มาก ทำให้มั่งมีในสิ่งที่ให้ การนั่งสมาธิเป็นจิตตภาวนา ซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 เช่นกัน แต่การเจริญจิตตภาวนาเป็นบุญสูงสุดผู้มีบุญประกอบกิจการงานใด ย่อมให้ผลเป็นความเจริญทุกเมื่อ

(2) ควรมีศีล 5 คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น เพราะอานิสงส์ของศีลทำให้เกิดเป็นความมั่งมีในโภคะ นอกจากนี้ยังต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ (พ่อแม่) และผู้มาใช้บริการ(ลูกค้า) ก็เป็นผู้มีพระคุณเช่นกัน

(3) เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับบุญที่เกิดจากการประพฤติ การบริจาคทานให้กับคนหมู่มาก การถวายทานแก่หมู่อริยสงฆ์หรือปัจเจกพุทธะ จัดเป็นมหาทาน ทำแล้วบุญจะถูกสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณมาก เมื่อใดที่บุญส่งผล ย่อมทำให้มีทรัพย์มาก

ทุกคนมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะ สามารถปฏิบัติธรรม (นั่งสมาธิ)ได้ แต่ผู้ที่เข้าถึงมรรคผลของธรรมมีน้อย เมื่อใดที่บุญให้ผลยังไม่ทำให้มีทรัพย์ (มนุษยสมบัติ) มากเหมือนกับการบริจาคมหาทานซึ่งผู้เข้าถึงธรรมได้จะมีอริยสมบัติมาก

การถวายยารักษาโรคแก่พระสงฆ์ แล้วตัวเองยังทำบาปอยู่หากแรงของอกุศลกรรมที่ทำในปัจจุบันรวมกับแรง ของอกุศลกรรมที่ทำไว้แต่อดีตส่งผล ผู้นั้นยังต้องรับอกุศลวิบากเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้

(4) การให้สิ่งดีเป็นทาน เช่นอาหารที่ทำให้สุขภาพของผู้รับทาน (ปฏิคาหก) แข็งแรง การให้ทานเช่นนี้เป็นบุญ ควรประพฤติต่อไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระผมมีเรื่องอยากสักถามเกี่ยวกับอาชีพครับ อยากทราบถึงผลกรรมของอาชีพที่ถูกกฎหมายแต่ผิดศีลและผลของบาปที่จะให้ผลโดยมี อาชีพที่สงสัยดังนี้
1.ร้านเสริมสวย
2.ร้านอินเตอร์เน็ต เกมส์
3.เปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์โดยใช้ soft ware เถื่อน ให้แก่ผู้ใช้บริการ
4.รับจ้างทำรายงาน ทำโปรเจ็ค ให้กับเด็กนักศึกษาเพื่อส่งงานให้กับอาจารย์
5.การทำโต๊ะจีนซึ่งก็ต้องมีเหล้าเบียร์ด้วย อาชีพเหล่านี้ถูกกฎหมายแต่ผิดศีลยังไงครับและให้ผลบาปแก่ผู้ประกอบการอย่าง ไรบ้างครับ

อยากให้อาจารย์สนองโปรดแนะนำแนวทางในการเลือกอาชีพที่ถูกกฎหมายแต่ไม่ผิดศีล เพื่อใช้พิจารณาในการประกอบอาชีพที่ถูกต้อง

คำตอบ
(1) การประกอบอาชีพเปิดร้านเสริมสวย ทำแล้วไม่ผิดกฎหมาย ทำแล้วไม่ผิดศีล แต่ผิดธรรมตรงที่ทำให้ผู้มาใช้บริการบางคน มีจิตเป็นทาสของความสวยงาม ถือว่าเป็นบาป แต่มีผลไม่รุนแรงเท่ากับการประพฤติผิดกฎหมายและผิดศีล หากยังมีความจำเป็นต้องแสวงหาทรัพย์มาจุนเจือชีวิตให้ดำรงอยู่กับโลก สามารถทำได้ต่อไป แต่ไม่ควรลืมประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรบ่อย ๆ

(2) การเปิดร้านอินเตอร์เน็ตเกมส์ ในทางโลกทำให้ผู้มาใช้บริการเกิดความสนุกสนาน บันเทิงใจ แต่ในทางธรรมถือว่าเป็นการส่งเสริมให้กิเลสเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้มาใช้ บริการ เป็นบาป แต่ไม่บาปมากเท่ากับประพฤติผิดกฎหมายและประพฤติผิดศีล

(3) การกระทำในเรื่องเช่นนี้เป็นการประพฤติผิดศีล บาปมากกว่าข้อ (2)

(4) ผู้รับจ้างทำรายงาน หรือรับจ้างทำโปรเจ๊คให้นักศึกษาเป็นการประพฤติผิดศีลบาปมากกว่าข้อ (2)

(5) ผิดศีลตรงที่อาชีพนี้ ต้องสั่งเนื้อสัตว์มาปรุงเป็นอาหารเป็นการประพฤติผิดศีลข้อปาณาติบาต ส่วนการให้บริการเหล้า เบียร์ เป็นการประพฤติผิดศีลข้อสุราเมรยะ เมื่อใดที่อกุศลกรรมให้ผลผู้ประกอบกรรมต้องรับอานิสงส์บาปด้วยการเจ็บป่วย และความจำเสื่อมไปก่อนเวลาอันควร

อาชีพที่ถูกกฎหมาย ไม่ผิดศีลและถูกต้องเช่น ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับค้าขายโลงศพ ค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้าง การค้าขายอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง การค้าชายเครื่องคอมพิวเตอร์ ค้าขายโทรศัพท์มือถือ ค้าขายอุปกรณ์บันทึกภาพฯลฯ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. สมัยเด็กของคุณแม่มีคุณยายหนึ่งคนพึ่งไปทำแท้งมา แต่คุณแม่ไม่ทราบ คุณยายวานให้คุณแม่เหยียบขา เหยียบท้องให้ เพราะว่าเด็กยังออกไม่หมด อย่างนี้เป็นกรรมติดตัวรึป่าวแม้ไม่ได้เจตนา ถ้าเป็น จะมีวิธีแก้กรรมอย่างไร

2. ในสมัยเด็กของดิฉัน เด็กมากจนจำความไม่ได้ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าดิฉันเคยดึงคอนกกระจอกตาย ( นกตกลงมาจากรังบนต้นไม้ ด้วยความเด็กจึงไปกำนกเล่นแล้วดึงคอนกหลุด) ด้วยความไม่ตั้งใจ อย่างนี้เป็นกรรมติดตัวรึป่าวแม้ไม่ได้เจตนา ถ้าเป็น จะมีวิธีแก้กรรมอย่างไร

3. คุณแม่ได้ร่วมหุ้นลงทุนทำธุรกิจแชร์กับอาจารย์คนนึง ที่อยู่ในโรงเรียนที่คุณแม่ขายของอยู่ อาจารย์โกงเงินแม่ ไม่จ่ายต้นทุนให้ เป็นเวลามากกว่า 10 ปีมาแล้ว อยากถามว่าอย่างนี้เป็นกรรมเนื่องมาจากอะไร และต้องทำอย่างไรถึงจะแก้กรรมนี้ได้

4. ถ้าคุณพ่อมีภรรยาน้อย คุณแม่เป็นทุกข์ใจหลายครั้งที่ฝันซ้ำๆว่าคุณพ่ออยู่กับผู้หญิงคนอื่น ยิ่งทำให้เป็นทุกใจยิ่งขึ้น อยากถามว่าอย่างนี้เป็นกรรมเนื่องมาจากอะไร และต้องทำอย่างไรถึงจะแก้กรรมนี้ได้


คำตอบ
(1) ถือว่าเป็นบาปผู้เข้าร่วมกระบวนอกุศลกรรมเมื่อใดที่บาปให้ผล จะทำให้ชีวิตมีปัญหา เช่น เจ็บป่วย ทำกิจการงานใดแล้วเกิดความติดขัด ถูกโกง ขาดทุน วิบัติ ฯลฯ

(2) สิ่งทำไปโดยไม่มีเจตนาในสมัยที่ยังเป็นเด็กเป็นเรื่องของการจองเวรที่ยังผูก กันไว้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์นกได้ก่อเวรเป็นลูกหนี้เวรกรรมกับผู้ทำกรรม เมื่ออกุศลวิบากให้ผลนกจึงต้องตายด้วยวิธีการดังที่บอกเล่าไป ถามว่าบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับนกที่ตายไป หากจิตวิญญาณของนกยังคงผูกเวรอยู่กับผู้ทำกรรม เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัวโคจรมาพบกันอีก ผู้ทำกรรมต้องรับอานิสงส์แห่งบาปนั้นบ้าง ฉะนั้นควรทำบุญใหญ่เชื่อปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศบุญกุศลให้กับนกไปเรื่อย ๆ จนกว่านะจะเลิกจองเวร โดยมีเครื่องวัดคือผู้ทำกรรม ไม่ระลึกถึงนกที่ตายอีกต่อไป

(3) นี่เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ในข้อ (1) ประสงค์จะแก้กรรมโปรดดูคำตอบในเว็บไซด์ข้อ 728

(4) เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ในข้อ (1) เช่นกัน ประสงค์จะแก้กรรมต้องทำตามเว็บไซด์ข้อ 728

ข้อ 728

นักวิทยาศาสตร์เชื่อในความเป็นเหตุผล เมื่อมีเหตุเกิดย่อมมีผลเกิดตามมาหรือผลที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิด ผู้ที่เข้าถึงธรรมในพุทธศาสนารู้ว่าไม่มีแม้เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น โดยบังเอิญทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิดทั้งสิ้น กรรมวิบาก มีจริง เป็นประสบการณ์ตรงของผู้ตอบปัญหาจึงขออนุญาตแนะนำพระคุณเจ้าว่า การจะให้ปัญหาของพระคุณเจ้าหมดไปสามารถทำได้ 4 อย่างคือ

1. ยอมรับความจริงของบุพกรรมและยอมชดใช้วิบากของกรรมที่ตามมาทันในชาติปัจจุบัน ชดใช้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหนี้เวรกรรมจะหมดสิ้น

2. ทำบุญใหญ่แลกหนี้บุญใหญ่ต้องทำด้วยการปฏิบัติจิตตภาวนาแล้วอุทิศบุญที่เกิด ขึ้นให้กับเจ้าหนี้เวรกรรม (อดีตภรรยาและลูกสาว) ไปเรื่อย ๆ วิธีนี้เป็นการเอาบุญของพระคุณเจ้าแลกกับหนี้บุพกรรมที่เป็นเวรต่อกัน

3. สร้างความดีหนีหนี้ ด้วยการพัฒนาตัวเองให้มีความเพียรไม่ประพฤติอกุศลกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เพียรกำจัดอกุศลกรรมเก่าให้หมดไปเพียรทำความดีทุกรูปแบบให้มีกำลังหนีทัน อกุศลวิบากที่จะตามมาให้ผลและสุดท้ายเพียรรักษาความดีที่พัฒนาได้ให้คงอยู่

4. หนีเข้านิพพานด้วยการพัฒนาจิตตนเองหมดอาสวกิเลสแล้วดับรูปดับนามเข้านิพพาน

ทั้ง 4 ข้อเป็นทางปฏิบัติของอริยบุคคล ในการบริหารจัดการนำพาชีวิตของตนเองข้ามวัฏฏะ คือข้ามไปจากความทุกข์ทั้งมวล

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะมีกรณีที่เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ที่ยังเป็นฆราวาส สามารถบรรลุอรหัตตผล และสามารถเข้าถึงนิพพานได้หรือไม่ โดยที่ฆราวาสผู้นั้นครองตนโดยไม่ผิดศีล ผิดธรรม ดำเนินชีวิตในสภาพที่มีครอบครัว และปฏิบัติจิตตภาวนาแนวทางสติปัฐฐานสี่ สามารถใช้ปัญญาวิปัสสนาสิ่งต่างๆ และเห็นตามความจริง

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
เป็นไปไม่ได้ครับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.นอกจากสวดมนต์ในตอนกลางคืนการถวายน้ำและพวงมาลัย ให้พระพุทธรูป ในห้องพระ จะทำให้ได้บุญมากขึ้นมั้ย
2.บุญที่ได้จากการถวาย พวงมาลัย+น้ำ คืออะไร
3.การมีสติจดจ่ออยู่กับกิจกรรมประจำวัน เช่น ทำงาน ก็จอจ่อกับงาน ขับรถ ก็จดจ่อกับรถรอบๆรถเรา อย่างนี้จะเกิดบุญหรือไม่ เพราะเรามีสติจดจ่อและเป็นสัมมาสติ แล้วถ้ามีบุญเราควรอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรได้หรือไม่ เช่น พอเราขับรถ อย่างมีสติ จนไปถึงที่จุดหมาย แล้ว เราก็อุทิศ บุญที่ได้จากการมีสติในการขับรถ ให้เจ้ากรรมนายเวรจะได้หรือไม่

คำตอบ
(1) ได้บุญมากขึ้น

(2) การกระทำถือว่าเป็นอามิสบูชาต่อองค์พระพุทธะ ผลของบุญส่งให้เกิดความเป็นมงคลเกิดขึ้นกับผู้บูชาซึ่งเป็นหนึ่งในมงคล 38

(3) การกระทำที่บอกเล่าไป เป็นการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ข้อที่ว่าด้วยการภาวนา ประพฤติได้แล้วเป็นบุญ ผู้ใดมีบุญ ผู้นั้นสามารถอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอความเมตตาช่วยชี้แนะแนวทาง
ปัจจุบันดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจ ที่หาทางปล่อยวางลงไม่ได้ ดิฉันไม่อยากหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย แล้วต้องมาชดใช้อีก 500 ชาติ จึงมาขอความเมตตาจากท่านช่วยชี้แนะแนวทางสว่างให้ด้วยค่ะ

ดิฉันไม่มีงานทำแถมยังมีหนี้สินที่ต้องใช้ในแต่ละเดือนมากมาย ด้วยความเครียดทุกวัน ๆ มันสะสมมากขึ้นจนทำให้ดิฉันเป็นคนนิสัยใจร้อน ขี้โมโห จนบางครั้งสติตามไม่ทันก็ยิ่งแย่หนักกว่าเดิม แล้วก็ต้องมานั่งเครียดและเสียใจซ้ำลงไปอีกกับการกระทำดังกล่าว เพราะรู้ว่าไม่ดีแต่ไม่มีสติที่จะยั้งอารมณ์ของตนเองได้ วิธีแก้ที่พยายามอยู่ในปัจจุบันก็ได้แต่พยายามอ่านหนังสือธรรมะ และอ่านสิ่งที่ท่านสอนในเว็บแห่งนี้ แต่มันมีอุปสรรคเพิ่มขึ้นมาที่จิตใจของดิฉัน คือว่าเมื่อดิฉัน มีความตั้งแต่ที่จะทำดี และพยายามจะนั่งสมาธิ และฝึกสติให้ตนเองมีสติมากขึ้น แต่มันมีเหตุเกิดขึ้นคือทำไหมดิฉันจึงเฝ้าหวนคิดแต่เรื่องกรรมเก่า ๆ ที่ทำไปในชาตินี้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่ทำมาไม่นานหรือตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มันตามหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา (ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่ได้กระทำไปด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือแม้กระทำไปด้วยความไม่รู้เดียงสาเมื่อยังเป็นเด็กที่ยังไม่เข้าใจคำว่า บาปบุญก็ตาม ) นับวันมันจะทวีความหนักขึ้น มันทำให้ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การฆ่าแมลงวัน การเผาปลวกที่มากินเสาบ้าน การเผาหนูและจิ้งจกที่ติดยางที่คุณแม่ดักไว้ (แต่มันยังไม่ตายดิฉันก็มีหน้าที่ต้องเก็บไปเผา) ดิฉัน จำได้ว่าตอนเด็กขณะที่นำมันไปเผาดิฉันเสียใจมาก ต้องร้องไห้ที่ต้องทำ ดิฉันขอให้มันอโหสิให้ดิฉัน เพราะดิฉันไม่ได้ทำการดักมัน ดิฉันไม่มีเจตนาจะฆ่ามัน แต่ที่ต้องเก็บมาเผ่าไฟเพราะถูกใช้ให้ทำ

เท่าที่จำได้อย่างแน่นอนตั้งแต่เด็กจนโตดิฉันทำให้สัตว์ต้องตาย สัตว์ใหญ่สุดก็คือ หนู รองลงมาก็จิ้งจก แมลงสาบ ตะขาบ แมลงป่อง แมลงวัน แมลงเม้ายุง มด และอาจจะมีพวกแมลง ๆ ตัวเล็กต่าง ๆ ประปราย แต่ตั้งแต่ดิฉันเริ่มนั่งสมาธิ เรียนรู้เรื่องบาปบุญ ผ่านมาประมาณ 17 ปี กว่า ดิฉันก็ พยายามรักษาศีลข้อที่ 1 ให้ได้แต่ก็ยังไม่ 100% เฉพาะสำหรับยุงและมด อีกทั้ง สำหรับแมลงเม้า ดิฉัน ก็ได้ชดใช้กรรมให้เขาแล้วในชาตินี้

ขอเล่า ว่าสมัยยังเป็นเด็ก ดิฉันเอากะละมังใส่น้ำไปรองใต้ไฟ ที่แมลงเม้าบินเล่นไฟอยู่ พอมันตกลงมาในกะละมังดิฉัน ก็เล่นด้วยวิธีจับมันกดลงไปในน้ำทีละตัว ๆ พอเห็นว่ามันแน่นิ่งไป ก็จะรีบเอามันขึ้นมาประถมพยาบาลด้วยวิธีเอาผ้าซับน้ำให้ตัวมันหายเปียก แล้วก็เอาปากเป่าลมไปที่หน้ามันเพื่อให้มันได้มีอากาศหายใจแล้วจะได้ฟื้นพอ มันฟื้นดิฉันก็ช่วยชีวิตตัวต่อไป แล้วก็เอาเข็มหมุดมาจิ้ม ๆ โดยจิ้มเฉพาะตามลำตัว แต่ส่วนหัวของแมลงเม้าดิฉันไม่แตะต้อง เพราะกลัวมันเจ็บ ที่ทำไปก็เพราะหมายว่าตัวเองเป็นหมอรักษาคนไข้ ทั้งหมดที่ดิฉัน กระทำไปกับแมลงเม้า ดิฉัน ไม่เคยพูดว่าไม่ได้ตั้งใจ ดิฉันตั้งใจเล่นกับชีวิตเขาอย่างตั้งใจ เพียงความตั้งใจนั้นมันไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของคนที่รู้บาปรู้บุญแต่เล่นไป ตามประสาเด็กเพราะไม่รู้ว่ามันเป็นบาป

ดิฉันจำได้ว่าเล่นไปไม่กี่ครั้ง ( แต่มันหลายชีวิต ) จนเมื่อตอนอายุ 19 ปี ดิฉัน ก็ไปโดนไสยศาสตร์ถูกเขาทำเข็มเข้าตัว ขณะรักษาตัวก็ต้องทนทุกข์ทรมาน มากตอนกลางคืนก็นอนไม่ได้ เพราะพอจะล้มตัวลงนอนก็หายใจไม่ออก 1 คืน เป็นถึงเกือบ 20 ครั้ง ตอนนั้น ก็พยายามรำลึกให้ได้ว่าทำกรรมใดไว้ ก็หวนนึกได้ว่าก็เคยทำกับแมลงเม้ายังไงเล่า ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ดิฉัน ขอบอกไว้เลยว่ากรรมไม่ต้องรอชาติหน้าจริง ๆ เราทำไปในชาตินี้ก็ได้รับชาตินี้ อาการหายใจไม่ออกทุกวันนอนไม่ได้ต้องชดใช้แมลงเม้าอยู่เกือบ 10 ปี ที่ไปทำเขาโดยเอาเขากดลงน้ำ ดิฉัน เข้าใจความรู้สึกของแมลงเม้าเลยว่ามันทรมานขนาดไหน เหมือนคนใกล้จะจมน้ำแล้วก็ทะลึงตัวขึ้นเพื่อหายใจเหนือน้ำให้ได้ ต้องถูกเขาทำเข็มเข้าตัวเจ็บไปหมดยกเว้นเข็มจะไม่วิ่งขึ้นเลยคอมาที่ส่วนหัว ของดิฉันเลย ก็เพราะตอนดิฉัน เอาเข็มจิ้มแมลงเม้านั้น ดิฉัน จิ้มเฉพาะตามลำตัวแมลงเม้าอย่างเดียว ท่านอื่น ๆ ที่เข้ามาอ่านส่วนที่ดิฉัน เล่ามาถ้าใครคิดจะฆ่าสัตว์ เลิกซะเถอะนะค่ะ เพราะคำว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ มันยุติกรรมที่จะมาส่งผลจากกรรมที่เราได้กระทำไปแล้วไม่ได้...จากคนสำนึกผิด ซึ่งในปัจจุบันที่ดิฉันทำอยู่ ก็คือเมื่อเห็นแมลงเม้าจมน้ำหรือสัตว์ใดจมน้ำ ดิฉัน ก็จะรีบนำมันขึ้นมาจากน้ำแล้วรีบช่วยชีวิต ไม่ว่าจะกี่นาทีดิฉันก็จะช่วยจนสุดความสามารถ จนกว่ามันจะฟื้น เพราะบางตัวก็ใช้เวลานานเพราะดิฉันก็ไม่ทราบว่าเขาจมน้ำอยู่ ณ ที่นั้น ๆ มานานแค่ไหนแล้ว พอดิฉันช่วยชีวิตได้ 1 ตัว ดิฉันก็บอกว่ากุศลจากการช่วยในครั้งนี้ ดิฉัน จะนำไปช่วยชีวิตดวงจิตอื่นต่อไป

เล่ามาถึงตรงนี้ขอเสริมอีกนิดว่า มีครั้งหนึ่ง ดิฉันไป พบแมลงปีกแข็ง (ไม่รู้ชื่อแมลง) มันนอนจมในน้ำซันไลท์ผสมน้ำที่ใช้ล้างจาน ดิฉัน ก็คิดว่าโอกาสรอดคงมีน้อยเหลือเกินเพราะเป็นน้ำซันไลท์ผสมน้ำมิใช่น้ำเปล่า อย่างเดียว และท่าทางจะจมมานานแล้ว แต่ดิฉันคิดว่าการที่ดิฉันมาเจอก็ต้องลองช่วยดู ดิฉัน ช่วยเขาอยู่นานเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที มันไม่มีผลอะไรเลย ดิฉัน รู้สึกเสียใจ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า กรรมดีผลในชาตินี้ก็ได้รับแล้ว กรรมชั่วที่ทำไว้ก็ได้รับมาแล้ว เพราะฉะนั้น ด้วยความเชื่อผลของกรรม จึงใช้วิธีสุดท้ายทำจิตให้นิ่งแล้วระลึกว่าด้วยผลของกรรมดีจากการช่วยชีวิต แมลงเม้าที่เคยจมน้ำในวันก่อน ดิฉัน ขอเอากุศลตัวนั้นมาช่วยแมลงตัวนี้ด้วยถ้าเขาไม่ถึงคราวต้องตายจริง ๆ ก็ขอให้กุศลตัวนั้นมาช่วยชีวิตเขาได้ พอดิฉัน อธิษฐานจบภาพที่ดิฉันเห็นมันทำให้ดิฉัน ต้องร้องไห้ออกมา เพราะแมลงตัวนั้นมันกระดุกกระดิกแล้วเริ่มหายใจ แล้วในที่สุดมันก็รอดชีวิต ( ต้องขออภัยท่าน ดร.สนอง ที่ดิฉัน เล่ามามากมาย ก็หวังเพียงว่าจะเป็นประโยชน์เตือนใจหลาย ๆ ท่านที่ได้เข้ามาอ่านบ้างไม่มากก็น้อย ค่ะ )

คำถามที่ 1) เหตุการณ์ในปัจจุบันที่ดิฉัน ตั้งใจและพยายามจะนั่งสมาธิ ทำไมภาพกรรมที่ดิฉันกระทำไว้กับสัตว์ มันถึงมาเตือนที่ใจให้ดิฉันระลึกถึงอยู่ทุกวันค่ะ (ที่ดิฉันกลัวที่สุดในตอนนี้ คือที่เผาหนูและปลวกที่มากัดกินเสาบ้าน) มันเป็นเพราะดิฉันเครียดหลายเรื่องในปัจจุบันแล้วส่งผลให้จิตใจฟุ้งซ่าน หรือ เพราะเจ้ากรรมนายเวรมาเตือนแล้วว่าถึงเวลาแล้วที่ดิฉันต้องชดใช้เขา (ถัดจากที่ชดใช้แมลงเม้าไปแล้ว) หรือค่ะ หรือเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรเขารู้ว่าดิฉันกำลังจะปฏิบัติธรรมแล้วเป็นการ เตือนว่าพอมีกุศลแล้วอย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้เขาค่ะ บอกตามตรงว่าดิฉัน กลัวมาก ๆๆๆ ถ้าเป็นการเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่ดิฉันต้องชดใช้เขาเหมือนที่ทำกับเขา ดิฉันกลัวไฟมากที่สุด ดิฉัน ได้อ่านที่ ดร.สนอง แนะท่านอื่นที่ถามว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิให้เรา แล้ว เมื่อเราแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ไป แล้วท่านแนะว่าเราจะสามารถรับรู้ได้ที่ใจของเราว่าเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิ ให้เราแล้ว ซึ่งดิฉันเข้าใจว่าถ้าเจ้ากรรมนายเวรอโหสิให้ภาพของกรรมที่ทำไว้จะไม่มาหลอก หลอนย้ำเตือนที่ใจของเราอีก (ไม่ทราบว่าดิฉันจะเข้าใจถูกหรือไม่) ดิฉัน จึงกลัวและผวาหนักขึ้นเพราะดิฉัน รู้สึกแต่ว่าเราไปทำกรรมอะไรไว้บ้างมันเรียงรายการมาให้ระลึกได้เลย ท่าน ดร.สนอง ค่ะ ช่วยเมตตาแนะทางที่ดีให้ดิฉันด้วยเถอะค่ะ ว่าดิฉัน ควรจะทำอย่างไรดี ดิฉัน จะสร้างกุศลอย่างไรที่จะส่งทำให้เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ ให้เขาคลายความทุกข์ความทรมานได้ดีและเร็วที่สุด ดิฉันสำนึกผิดมานานแล้ว แล้วไม่คิดจะหนี แต่ดิฉันได้แต่บอกเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ว่า ดิฉัน ขอโทษ ดิฉันขอโอกาสให้ได้สร้างกุศลส่งให้เขาแทนการชดใช้ด้วยชีวิตได้ไหม

คำถามที่ 2) ดิฉัน สังเกตมาตลอดชีวิต เรื่องร้าย ๆ ในชีวิตที่ดิฉันได้รับบางอย่างไม่ได้มาจากกรรมที่ดิฉันกระทำในชาตินี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นกรรมที่เคยสร้างไว้ในชาติใดชาติหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็ชดใช้ก่อนกรรมในชาตินี้บ้าง ชดใช้หลังกรรมในชาตินี้บ้าง จึงอยากจะถามว่า กรรมที่คนเราต้องชดใช้แต่ละรายการนั้น มันไม่ได้เรียง 1 , 2 ,3 ของแต่ละรายการของแต่ละชาติใช่ไหมค่ะ แล้วมันเรียงคิวมาให้ชดใช้อะไรก่อนอะไรหลังจากอะไร หรือจากความรุนแรงของกรรมค่ะ

คำถามที่ 3) ด้วยเหตุตอนเป็นวัยรุ่น ดิฉันเป็นคนพูดมุสาไว้มาก มาคิดได้ก็สายเสียแล้ว ปัจจุบัน ดิฉัน ก็คิดว่าคงกำลังชดใช้กรรมอยู่อีกเรื่อง ด้วยการเป็นฝีที่ต่อมทอมซิล ทุกวันต้องกดหนองตรงคอออกวันละหลายครั้ง ทุกคืนนอน หนองก็ไหลให้กลืนกินไปโดยปริยายทุกวัน ๆ กลิ่นหนองก็ไม่ได้ต่างจากเวลาไปงานศพแล้วเขาวนรอบเมรุเผาศพ แล้วได้กลิ่นน้ำหนองของศพที่นอนอยู่ในโลง (เปรียบเทียบไม่ผิดหรอกค่ะ) เพราะดิฉัน จำกลิ่นได้จากที่เคยไปงานเผาศพมามันไม่ต่างกันเลย มีคนบอกก็ไปรักษา ดิฉัน ก็รู้ตัวว่ามันทำไม่ได้เพราะดิฉันไม่มีเงินรักษา จึงขอถามท่านว่า ดิฉัน จะสร้างกุศลอย่างไรอาการของดิฉันจึงจะดีขึ้นค่ะ

ทั้งหมดนี้ ขอถามท่าน ดร.สนอง ว่า สำหรับชีวิตของดิฉันที่เล่ามาทั้งหมดตั้งแต่ต้น มันหมายถึงชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญสิ้นหมดทุกอย่างแล้วใช่ไหมค่ะ ปัจจุบันมันสายไปแล้วใช่ไหมค่ะ ดิฉัน สำนึกผิดได้แล้ว ระลึกได้ถึงกรรมและผลของกรรมที่ตามมา แต่หาหนทางแก้ไขมันไม่ได้ ได้แต่ขอความเมตตาจากท่านช่วยชี้ทางสว่างให้เดินด้วยเถิดค่ะ


คำตอบ
(1) ผู้ใดทำกรรมไว้เมื่อกรรมให้ผลผู้ทำกรรมต้องรับวิบากของกรรมที่ทำ สิ่งที่บอกเล่าไปเป็นอกุศลกรรม เมื่อใดที่กรรมให้ผลจะให้ผลเป็นอกุศลวิบากดังที่ผู้ถามปัญหากำลังได้รับอยู่ ขณะนี้ เจ้ากรรมนายเวรมิได้มาเตือน แต่เขามาทวงหนี้เวรกรรมที่ผู้ถามปัญหาเคยก่อไว้กับเขาซึ่งจำเป็นต้องชดใช้ หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดสิ้น หรือเจ้ากรรมนายเวรยกเลิกการจองเวร แล้วอกุศลวิบากและการระลึกถึงกรรมเก่าจะยุติโปรดอ่านการบริหารหนี้กรรมจาก ข้อ 728

สิ่งที่ผู้ถามควรทำคือสร้างบุญใหญ่สุด ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมตามสำนักปฏิบัติธรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ และก่อนจะจบ course การฝึกต้องขอความเมตตาจากเพื่อนร่วมปฏิบัติธรรมช่วยกันอุทิศบุญกุศลที่แต่ละ คนมีให้กับเจ้ากรรมนายเวรของผู้ถามปัญหาไปเรื่อยๆ จนกว่าอกุศลวิบากจะเบาบางหรือหมดไป และไม่ระลึกถึงกรรมในอดีตที่เคยทำอีกต่อไป และจะดีที่สุด หากผู้ถามปัญหาสามารถพัฒนาจิตตนเองจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นต้น นั่นหมายความวา ประตูอบายภูมิได้ถูกปิดตายสำหรับการเดินทางชีวิตของผู้ถามปัญหาได้ตลอดไป

(2) ผู้ถามปัญหาโปรดไปหาอ่านเรื่องกรรม 12 ทำความเข้าใจได้แล้ว จึงจะรู้ว่ากรรมชนิดใดให้ผลก่อน-หลัง กรรมชนิดใดให้ผลรุนแรง หรือยกเลิกให้ผลฯลฯ

(3) โรคที่เกิดจากรรมเป็นต้นเหตุ ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการทางแพทย์ปัจจุบัน แต่โรคจะหายได้ต่อเมื่อชดใช้หนี้กรรมจนหมดสิ้นหรือเจ้ากรรมนายเวรยกเลิกการ จองเวร

ทั้งหมดที่ผู้ถามปัญหาบอกเล่าไปมิได้หมายความว่า ชีวิตได้สูญสิ้นหมดทุกอย่าง เพราะชีวิตยังมีลมหายใจเข้า-ออก ยังมีร่างกายเป็นเครื่องมือให้จิตได้ใช้ประกอบกรรม กรรมไม่ดีก็เคยทำมาแล้วจนปรากฏผลประจักษ์แจ้งกับตนเอง ทำไมไม่ลองทำกรรมดีดูบ้าง เอาวิกฤติของชีวิตมาสร้างโอกาสให้ตัวเอง พัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่งด้วยบุญเลิกนึกถึงอดีตที่ไม่เคยมีใครผู้ใดแก้ไขได้ พระพุทธะ พระมหาโมคคัลลานะ อัมพปาลี อิสิพาสี ฯลฯ ล้วนเคยทำกรรมไม่ดีมาทั้งนั้นท่านเหล่านั้นเลิกเอาใจไปผูกติดอยู่กับอดีต แต่ใช้เวลาในปัจจุบันอย่างมีคุณค่า พัฒนาจิตวิญญาณของตัวเอง จนสามารถนำพาชีวิตไปพบกับอริยสมบัติชั้นสูงสุดได้

ย้อนกับมาสู่กรณีของผู้ถามปัญหา ยังมีโอกาสสร้างบุญบารมีให้กับตัวเองได้ ด้วยการใช้เวลาที่เหลืออยู่ในปัจจุบันให้เป็นประโยชน์นำตัวเข้าปฏิบัติธรรม แล้วอุทิศบุญให้ถูกตรงตามคำแนะนำ แล้วโอกาสเป็นเจ้าของสวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ แม้อริยสมบัติยังเปิดให้เข้าถึงได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีคำถามเรื่องการดูจิตค่ะ เมื่อจิตคิดฟุ้งซ่าน เราควรจะตามดูสภาวะจิตที่เกิด เพื่อระลึกว่าความคิดหรือจิตที่คิดนั้นไม่เที่ยง หรือควรจะตัดความคิดที่ฟุ้งซ่านนั้นค่ะ เหมือนที่พระอาจารย์ชาท่านได้บอกว่าให้ดึงจิตกลับเหมือนดึงว่าว ทุกวันนี้หนูพยายามทำอย่างหลังค่ะ คือเมื่อจิตตก ก็จะพยายามตัดความคิดนั้นค่ะ แต่บางท่านว่าให้ดูจิตแทนค่ะ กรุณาขอความกระจ่างค่ะ

สุดท้ายนี้ หนูขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยคุ้มครองอาจารย์และครอบครัวค่ะ
โมทนาสาธุค่ะ

คำตอบ
ดูจิตอย่างที่หลวงพ่อชาท่านแนะนำไว้นั้นถูกต้องแล้ว แต่จะดูเห็นสัจจธรรมของจิตได้ ผู้ดูต้องมีศีลคุมใจให้ได้ก่อน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ามีผู้นำเงินมาช่วยเหลืองานศพมารดา แต่หลังจากหักค่าใช้จ่ายใด ๆ + ทำบุญถวายพระแล้ว ยังมีเงินเหลืออยู่แล้วเรานำเงินไปบริจาคหรือทำบุญที่อื่นแต่อุทิศให้มารดา และผู้บริจาคทุกท่าน จะถือว่าผิดหรือไม่ค่ะ? (ย้ายฐานเจดีย์) ถ้าผิดจะแก้ไขได้อย่างไรค่ะ ?

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
ไม่ผิดครับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันช่วยเหลือน้องชาย เรื่องบ้านที่อยู่อาศัย โดยจ่ายให้ธนาคารเป็นก้อน แล้วให้น้องจ่ายเป็รายเดือนกับดิฉัน โดยไม่คิดดอกเบี้ย จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้างก็ไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นก็หาเงินมาช่วยลงทุนกิจการของน้องและตัวดิฉันร่วม สามล้านบาท กิจการก็ดำเนินการไปด้วยดี แต่มีปัญหาเรื่องน้องสะไภ้อยู่ร่วมกันแล้วเลี้ยงต้นไม้จำนวนหลายสิบต้นเช้า ขึ้นมาให้เด็กรดนำต้นไม้ จนคนไม่มีน้ำอาบ ดิฉันบอกให้เอาคนก่อน ก็โกรธ ย้ายต้นไม้ออกไปนอกบ้านหมด แล้วไม่พูดกับดิฉันตลอดมาเกือบ 2 เดือนจนถึงปัจจุบัน ในทางโลกดิฉันจะสอนให้เขารู้ว่าคนมีบุญคุณและการอยู่ร่วมกันควรจะทำอย่างไร โดยเมื่อเขาไม่ขอโทษและไม่พูดด้วย ดิฉันก็ไม่พูดด้วย ส่วนทางธรรม ดิฉันไม่ได้ถือโกรธเขาเพราะคนมีหลายประเภทอภัยให้ประเภทอย่างนี้อยู่บ่อยๆ

ดิฉันจะถามอาจารย์ว่าดิฉันทำถูกหรือไม่
(ดิฉันไม่ได้เดือดร้อนที่เขาไม่พูดด้วย) และอาจารย์มีข้อแนะนำอย่างไร



คำตอบ
อยู่บ้านเดียวกันแล้วเขาไม่พูดด้วยเป็นเรื่องของเขาแต่ผู้ถามปัญหาต้องพูด กับเขาเมื่อมีธุระจำเป็นที่เขาจะต้องรับรู้ พูดไปแล้วเขาจะเห็นด้วยหรือไม่เป็นเรื่องของเขา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกวันนี้ดิฉันต้องทำงานร่วมกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่มีอายุแล้ว โดยประมาณก็ อายุ 50 ปี และโดยตำแหน่งในที่ทำงานก็ถือว่าเป็นระดับผู้บริหาร และดิฉันก็เคยฝึกกรรมฐานมาก่อนแต่ทุกวันนี้ก็พยายามจะฝึกให้มีสติต่อเนื่อง แต่ทุกวันนี้ดิฉันรู้สึกถึงการไม่สติเลย เนื่องจากผู้ชายคนนี้ ชอบมีนิสัยพูดเสียงดัง,ชอบด่าว่าบุคคลทั่วไปโดยใช้คำหยาบ ๆ คลาย ๆ และชอบพูดดูถูกผู้หญิงบ่อยครั้ง ซึ่งดิฉันพยายามจะไม่ฟังเสียงเค้าแต่คำพูดที่เสียงดังของเค้าก็ทำให้ดิฉัน ได้ยินไปด้วย บางครั้งก็ด่าว่าพระสงฆ์ให้ได้ยิน

ดิฉันจะขอเรียนถามว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรเมื่อต้องทำงานร่วมกับบุคคลเช่นนี้ และดิฉันต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้มีสติตลอดเวลาค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
ผู้ใดประพฤติอกุศลวจีกรรม เช่น ชอบพูดคำหยาบคาย คำดูถูกดูหมิ่น ฯลฯ เมื่อพูดไปแล้วผู้นั้นมีบาปสั่งสมอยู่ในจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาทำขึ้นด้วยตัวเอง ผู้ฉลาดเมื่อได้ยินได้ฟังอกุศลวจีกรรมเช่นนี้แล้ว จะไม่ไปแบ่งเอาบาปของเขามาเป็นบาปของตัว ผู้ฉลาดเอาวจีกรรมของเขา มาเป็นครูสอนใจตัวเองว่าเขากำลังสร้างเหตุนำเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ซึ่งเราจะไม่ประพฤติเช่นเขาผู้ใดมองเห็นถูกเป็นอย่างนี้แล้ว ผู้นั้นจะขอบคุณเขาในฐานที่เขาเป็นครูสอนใจของเรา

การที่จะอยู่กับคนเช่นนี้ได้ หากจิตมีกำลังสติไม่กล้าแข็งต้องนำตัวออกห่างจากรัศมีที่ได้ยิน แต่หากแก้ไขที่ตัวเองด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติกล้าแข็งได้เมื่อใด จิตจะตามดูเสียงที่เข้ากระทบหู จะเห็นว่าเสียงที่ได้ยินดับไปตามกฎไตรลักษณ์ จิตไม่รับเอาเสียงมารปรุงให้เกิดเป็นอารมณ์ จิตจะปล่อยวางเสียง แล้วจิตจะว่างเป็นอิสระเข้าสู่อุเบกขารมณ์ ผู้รู้แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการเช่นนี้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 44, 45, 46, 47, 48, 49, 50 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร