วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 19:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องย่อ" สับ(เปลี่ยน)เอาดีกว่า "
โดย the sleeps

หนุ่ย ชายหนุ่ม วิ่งหอบกระเป๋าหลบหนีกระเซอะกระเซิง โดยมีมือปืน 2คน ไล่ล่า อย่างไม่ลดละ หนุ่ยวิ่งหนีจนไปหลบยังที่มืด ในซอกแห่งหนึ่ง อย่างลุ้นระทึก จนมือปืน ที่เดินหาเขา ผ่านไป เขา เปิด กระเป๋าดูอีก พร้อมส่ายหน้า รำพันในใจว่า "ไม่น่าเอามาเลย"

ภาพอดีตไม่กี่ชั่วโมง ผุดขึ้นมาในหัวของ หนุ่ย 10ชั่วโมงก่อนหนุ่ยซื้อของร้านค้าของชำเขาขโมยสินค้าแบบหยิบเอาๆในขณะที่คนขายเดินไปหยิบเงินทอนมาให้หนุ่ย(ขี้ขโมย)
หนุ่ย ถือกระเป๋า มา1ใบเขาลงจากรถโดยสาร แล้วถือไปเข้าห้องน้ำ หนุ่ย เดินตามหลังผู้ชายคนหนึ่ง ที่ถือกระเป๋า เหมือนกับของเขาเป๊ะๆ ชายคนนั้นแต่งตัวดี ง่ายๆว่า มีฐานะแน่นอน

พริบตา สัญญาวิปลาสได้เกิดขึ้นกับหนุ่ย การอยากได้จึงเกิดขึ้นด้วย เล่ห์กระเท่ห์ หนุ่ย มีสีหน้าคิดจะเอากระเป๋าใบนั้นโดยการสับเปลี่ยน แต่ หนุ่ย ก็ต้อง แปลกใจที่ ชายคนนั้น วางกระเป่าไว้แล้ว เดิน จากไป ทันที หนุ่ยเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร จึงรีบหยิบกระเป่าใบนั้นมา แล้วเอากระเป๋าของตนวางไว้ โดยไม่เอะใจอะไรเลย

ชายคนที่วางกระเป๋าไว้ รีบ เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ในรถยนต์คันหนึ่ง มีมือปืน2คน นั่งอยู่ ต่างหันมาปรึกษากันว่า หนุ่ย เป้นใคร กัน ถึงมาป่วนเปี้ยนอยู่ แล้วดันถือกระเป๋าสับเปลี่ยนไปอีก มือปืนคนที่ดูเป้นลูกพี่จึงสั่งคนลงไปดู เมื่อเปิดกระเป๋านั้น ปรากฏว่าเป็นเสืื้อผ้าของหนุ่ย ทั้งคู่โมโหมาก


จึงรีบไปที่หนุ่ย แต่หนุ่ยขึ้นรถเมล์ไปแล้ว ทั้งหมดจึงออกตามหาโดยรถยนต์

หนุ่ยเปิดกระเป๋าดู เขาก็ต้องตกใจ เมื่อในกระเป๋า เป็น ยาบ้าทั้งหมด เขาอุทานขึ้นมา ว่า " ซวยแล้ว...."


หนุ่ยหัวใจตกไปอยู่แทบตาตุ่ม เมื่อเขาลงจากรถ กระสุนปืน ไล่ยิงเขาอย่างไม่ยั้ง จนเขาต้อง วิ่งหลบหนี

หนุ่ย วิ่งหอบกระเป๋าหลบหนีกระเซอะกระเซิง โดยมีมือปืน 2-3คนตามมาจากปั๊มน้ำมัน
ไล่ล่า อย่างไม่ลดละ หนุ่ยวิ่งหนีจนไปหลบยังที่มืด ในซอกแห่งหนึ่ง อย่างลุ้นระทึก จนมือปืน ที่เดินหาเขา ผ่านไป เขา เปิด กระเป๋าดูอีก พร้อมส่ายหน้า รำพันในใจว่า "ไม่น่าเอามาเลย"

เมื่อหนุ่ย มั่นใจว่า พวกมือปืน2คนนั่น หาเขาไม่เจอ หนุ่ยจึง ค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อน
ทันใดนั้น เสียงมือปืน บอกให้เขาหยุด หนุุ่ย ชะงักทันที มือปืนคนที่เป้นเหมือนลูกพี่ได้สั่งให้มือปืนอีกคน เอากระเป๋ามาจากหนุ่ย เมื่อตรวจเช็คของเรียบร้อยแล้ว หนุ่ยขอร้องชีวิตว่าให้ปล่อยเขาไป เขาแค่อยากได้... ไม่นึกว่า จะเป้นยาบ้า ของพวกพ่อค้ายา
แต่ มีหรือที่มือปืนจะปล่อยให้ หนุ่ยมีชีวิตรอด "ปัง!" นัดเดียว ชีวิตของหนุ่ยจอดสนิท
2มือปืน เดินจากไป ทิ้งร่างที่ไร้วิญญาณของหนุุ่ย นอนกองอยู่ที่นั่น

มือปืนทั้ง2คน เดินแวะเข้ามากินอาหารที่ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง ทันใด เจ้าหน่าที่ตำรวจ นอกเครื่องแบบ ก็กรูกันเข้ามาจับ มือปืนทั้ง2คน เมื่อมือปืนทั้ง2คนถูกจับ ก็เห็น ชายคนที่แต่งตัวดีๆ ที่หนุ่ย สับเอากระเป๋ามา ยืนอยู่กับพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจภายนอก เสียง วอ. ดังขึ้น ณ ที่ศพของหนุ่ยนอนกองอยู่ มีเจ้าหน้าที่ ถือ วอ, รายงานว่า พบศพ ชายคนนึงนอนจมกองเลือด
ชายคนที่แต่งตัวดีๆ นั่นก็ วอ.สื่อสารกลับไปว่า เดี๋ยวจะไปดู

=======จบ==========

ถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม




โพสต์ เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




18TvfoVmJ.gif
18TvfoVmJ.gif [ 355.96 KiB | เปิดดู 3270 ครั้ง ]
abc%20(2).gif
abc%20(2).gif [ 4.81 KiB | เปิดดู 3265 ครั้ง ]

เรื่องย่อ"น้ำตาลูกผู้ชาย..."
โดย... the sleeps


สมหมาย(ฉัตรชัย เปล่งพานิช)เลือกเล่นๆสมมติ :b12: หนุ่มรุ่นใหญ่ เดินออกมาจากหน้าเรือนจำเมื่อเขาพ้นโทษออกจากคุก สมหมายได้ไปหาอะไรบางสิ่งที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนนั่นคืออาวุธปืนและทรัพย์จำนวนนึง สมหมายได้เจอกับหลวงพี่ท่านหนึ่งที่ป้ายรถเมล์ ซึ่ง มี "เจโตปริยญาณ"(การหยี่งรู้จิตใจสัตว์)สมหมายเห็นท่านถือของพะรุงพะรัง เขามีจิตใจที่คิดจะช่วยหลวงพี่ถือสัมภาระจึงได้อาสาช่วยถือข้าวของให้สอบถามได้ว่าจะไปที่วัดแห่งในกทมนี้เองสมหายจึงได้ตามหลวงพี่ไปที่วัดที่หลวงพี่ท่านนั้นจำอยู่
เมื่อถึงวัดท่านได้สอนถึงการไม่จองเวร เพราะท่านรู้ว่าสมหมายจะไปก่อกรรมล้างแค้นในสิ่งที่เขาโดนกระทำมา (ระหว่างนี้ทำภาพอดีต ผกก.สมพล ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขู่รีดไถต่างๆ และที่สำคัญผกก.สมพลได้ไปมีเรื่องกับสมหมายโดนสมหมายต่อยคว่ำกลางวงไฮโล..ตามสันดานตำรวจเลวๆ ผกก.สมพลมีความแค้นจึงวางแผน ยัดเยียดข้อหาค้าเฮโลอีน(ยุคนั้นยาบ้าเรียกว่ายาม้ายังไม่นิยมเฮโลอีนนิยมมากกว่า)ให้กับสมหมายและนำกำลังไปล้อมจับสมหมายที่บ้านแอบยัดยาตอนบุกเข้าบ้านสมหมาย ท่ามกลางลุกเมียของสมหมายที่ร้องไห้ครวญคราง...) ผู้กำกับการ สมพล(นิรุจน์ ศิริจรรยา)(สมมติๆ) :b12: นายตำรวจมือดีที่เกษียณตนเองแล้ว ก็หมดอำนาจ หมดคนคอยประจบเอาใจเป็นธรรมดาวิสัยของผู้ที่หมดอำนาจ !
อดีตผกก.สมพล ต้องใช้ชีวิตอย่างหว้าเหว่เพราะลุกเมียก็เหินห่างจากเขามานานแล้ว อีกทั้งปูมหลังของเขาก็ทำหน้าที่โดยมิชอบทั้งรีดไถใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ยัดเยียดข้อหา (แพะรับบาป)ๆลๆ

สมหมาย ได้สืบเสาะหาผกก.สมพล จนเจอตัวเขาได้สะกดรอยตาม ผกก.สมพล ไปทุกที่ โดยที่อดีตผกก.สมพล ไม่ได้รู้ตัวเลย โอกาสพอจะฆ่าเมื่อมี สมหมายก็ดันลังเล เสียงและภาพของหลวงพี่ที่เตือนสติดังก้องในหัวของสมหมาย พอตัดใจได้จะลงมือฆ่า โอกาสก็หลุดไป เช่น ตอนเข้าห้องน้ำ คนอื่นก้เข้ามาพอดี ๆลๆ วันหนึ่งโอกาสประจวบเหมาะ สมหมายได้ตาม อดีตผกก.สมพล ไปถึง รพ แห่งหนึ่ง เขาตาม ผกก. สมพล ไปเรื่อยๆ จน ถึง ที่พักของผกก.สมพล
ผกก.สมพลนี่เองที่จับเขาเป็นแพะรับบาปในคดีที่เขาไม่ได้ก่อเมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อประจวบเหมาะสมหมายก็บุกเข้าไปในห้องของผกก.สมพล สมหมายได้ด่าทอต่อว่า ผกก.สมพล ว่าทำไมต้องไปทำลายชีวิตของเขา ในคดีที่เขาไม่ได้ทำ ผกก.สมพล ก็ไม่สะทกสะท้านในกรรมที่ตนก่อไว้ แต่แววตาสีหน้าของผกก.สมพล โศกเศร้าหาน้อยไม่!
ผกก.สมพล ได้ท้าทายให้สมหมายฆ่าเขาเสียเพราะเขาเป็นมะเร็งและถือว่าจะได้ระบายแค้นที่เขาทำไถ่บาปที่เขาทำ(ที่จริงไถ่ไม่ได้ และกรรมไม่ได้หมดแค่นั้นยังต้องข้ามภพข้ามชาติไปอีก...) สมหมาย ตระหนักในเรื่องกฏแห่งการจองเวรที่หลวงพี่ที่วัดได้เอ่ยสั่งสอนตนเรื่องการไม่จองเวร
เขาหวนคิดถึงคำพูดหลวงพี่แล้วสมหมายก็ลดปืนลงเดินจากผกก.สมพลให้หัวเราะ ร้องไห้ สัญญาวิปลาสไปคนเดียว เขาเดินจากออกมาพร้อมเสียงอันดังของผกก.สมพลๆ ว่า ทำไมไม่ฆ่าเขาๆๆ คละเคล้ากับเสียงหัวเราะและร้องไห้ของผกก.สมพล(ผกก.สมพล ออกอาการวิกลจากผลของบาปไปแล้ว)ในขณะเดียวกันสมหมายก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วย(น้ำตาไหลทั้งคู่ แต่คนละอารมณ์)
เมื่อสมหมายเดินออกมาได้ซักครู่ เสียงปืนในบ้านก้ดังลั่น กระหน่ำแบบหมดโม่ ! สมหมายคิดว่า ผกก.สมพลฆ่าตัวตาย ทันใดนั้นก็มีวัยรุ่นชาย วิ่งออกมาจากบ้านผกก.สมพล(ซ่อนตัวอยู่ในนั้นนานแล้ว)วัยรุ่นคนนั้น วิ่งผ่านหน้าสมหมายแล้ว ตะโกนใส่หน้าสมหมายว่า " มึงมันโง่! ทำไมไม่ยิงมันเลยว่ะ?!!ไอ้นี่มัน แสบ ทำเขาไว้เยอะ "' แล้ววัยรุ่นคนนั้นก็รีบกระโดดซ้อนมอเตอร์ไซด์ ที่มีเพื่อนของเขาคอยอยู่ แล้วสมหมายก็รีบเผ่นทันทีเหมือนกันเพราะหากอยู่ต่อ เขาอาจจะโดนข้อหาที่เขาไม่ได้กระทำไปด้วย
สมหมายได้ไปที่วัดแห่งนั้นซื้อดอกบัวเพื่อไปกราบหลวงพี่รูปนั้น จบเป็นภาพกว้างเห็นสมหมายเดินถือดอกบัวเข้าวัด
=======จบ===========
อกฺโกฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม เข จ ตํ อุปนยฺหนฺติ เวรํ เตสํ น สมฺมติ ฯ3ฯ
ใครมัวคิดอาฆาตว่า “มันด่าเรา มันทำร้ายเรา มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา” เวรของเขาไม่มีทางระงับ
‘He abused me, he beat me, He defeated me, he robbed me; In those who harbour such thoughts Hatred never ceases.



แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 26 พ.ค. 2010, 21:38, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
โพสต์ เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




14NTP-94s.jpg
14NTP-94s.jpg [ 6.5 KiB | เปิดดู 3262 ครั้ง ]
เรื่องย่อ " หัก "
โดย...หลับอยู่


เจฟ ชายหนุ่ม โต๊ะบอล (เล็กๆ)รับพนันแทงฟุตบอล กำลัง เข้าด้ายเข้าเข็ม รุ่งเรือง กับ มิจฉาอาชีวะ กับรายได้ในการแทงบอล ยูฟ่า เจฟ ใช้จ่ายเที่ยวอย่างเมามันในยามค่ำคืน วันหนึ่ง คราวอับได้มาถึง เมื่อ พงสกร หนุ่มใหญ่ ได้หลบหนีค่าแทงบอล กhอนนึงซึ่ง พงสกรแทงเสีย แล้วหลบหน้าหนี เจฟ จน โต๊ะ บอลใหญ่ ต้องส่งคนมา ไล่บี้ เจฟ
เจฟ หาทางออกไม่ได้ จึงต้อง ไปหาเพื่อนของเขา นามว่า " คล้อย" เขาเป้น มือปืน อาชีพ


เจฟได้ว่าจ้าง คล้อย ให้ตามล่าหาตัว พงศกร แล้ว ทวงหนี้มาให้ได้ ด้วยความเป็นเพื่อน ทั้งสองจึงคุยเจรจากันได้โดยง่าย
แต่เมื่อ คล้อย ตามหา พงศกรเจอแล้ว พงศกรก้ไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าบอลให้กับ คล้อยๆจึงลงมือสังหารพงศกร

เมื่อ คล้อยได้เจอกับเจฟอีกครั้ง เจฟ หงุดหงิด ที่ ตนหาเงินมาไม่ได้ คล้อยจึง ออกแผนว่า ให้เจฟ จ้างตนเก็บ โต๊ะบอลใหญ่
เจฟ จึงจำใจ ว่าตาม คล้อย ขณะนั้น เอง คล้อยก็ได้อัดเสียง สนทนากับ เจฟ แล้ว เอาเสียงของเจฟ ไป ให้กับโต๊ะบอลใหญ่ฟัง โต๊ะบอลใหญ่ ฉุนขาด จึง ว่าจ้าง คล้อยให้ เก็บเจฟ อีกต่อนึง

คล้อยได้รับการว่าจ้างจากโต๊ะบอลใหญ่ ให้ฆ่า เจฟคล้อย จึงลวง เจฟ ไปฆ่า ... เนื่องจาก คล้อยซึ่งเป้นเพื่อนของ เจฟ แท้ๆ เนื้อไม่ได้กิน หนังก้ไม่ได้ จากการ รับงาน ทวงหนี้ของเจฟ นั่นเอง

=======จบ========



นตฺถิ พาเล สหายตา
ความเป็นเพื่อนไม่มีในคนพาล




แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 26 พ.ค. 2010, 21:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




41.gif
41.gif [ 7.4 KiB | เปิดดู 3256 ครั้ง ]
เรื่องย่อ" เรียกรัก กลับคืน"
โดย the sleeps



หนุ่มใหญ่ คนหนึ่งรูปร่างไม่หล่อเลย กำลังไปส่งผู้หญิงสาวสวยหุ่นนางแบบคนนึง เขาตื้อที่จะขอขึ้นห้องของสาวสวยนางนั้นไปด้วย แต่ ผู้หญิงสาวสวยคนนั้น ก้ปฏิเสธบ่ายเบี่ยง(ไม่ชอบประมาณว่าหลอกให้มาส่ง) จนหนุ่มใหญ่มาดเสี่ยคนนั้น ต้องถอย จนถอนหายใจกลัดกลุ้ม

เมื่อขณะที่สาวสวยนางนั้นขึ้นลิฟท์ เธอมีอาการ มึนๆงงๆ พร้อมได้ยินเสียง บริกรรม ดังก้องในหัวในใจ
แล้วเธอก็เหมือนเปลี่ยนสติอารมณ์ไป เกิดอาการ ต้องการทางเพศ กับเสี่ยที่มาส่งนั้น
ตัดไปที่เสี่ยใหญ่คนนั้น ไปถึงรถที่ตนขับมา สาวสวยหุ่นนางแบบคนนั้นก้ตะโกนเรียก เสี่ยใหญ่ แล้ว ชักชวนขึ้นห้อง เสี่ยคนนั้นมีหรือที่จะปฏิเสธ ทั้งคู่เดินขึ้นห้องด้วยกัน

ที่ห้องพักของ กัส เขาบริกรรมคาถาไสยดำเสน่ห์ท่อนสุดท้ายเสร็จพอดี เทียนในห้องของกัสก็ดับ ในขณะที่ไฟในห้องของ สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ กับเสี่ยใหญ่ ก้ปิดลงพอดี

ยามโพล้เพล้ ที่ชนบท เสี่ยหนุ่มอัปลักษณ์ รายนั้น ได้ไปหา กัส กัส คือ หมอ ผี หนุ่ม ที่ใช้มนต์ดำ อาศัยวิญญาณ ไปสิง ให้สาวสวยนั้น ได้เสียกับเสี่ยหนุ่มนั้นเอง

เสี่ยหนุ่มคนนั้น ได้เอาเงินมอบให้กับ กัส จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้ง บรรยายว่า ผู้หญิงคนนี้มี แฟนอยู่แล้ว ตนหลงชอบมานาน หากไม่มี หมอกัส ช่วยเหลือ ตนคงไม่สมหวัง
กัส ไม่สะดุดใจไม่มีสำนึกเลยว่าสาวสวยคนนั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว กัส ทำตัวเป็นคนนอกศาสนาไม่คำนึงถึงศีลธรรมอันใดเลย เขายิ้มกริ่มในมนต์ดำของเขา

สุชาติ แฟนหนุ่มของสาวสวยหุ่นนางแบบนั้น ถูกแฟนของตนโยนเสื้อผ้า ลงจากหน้าต่าง
สุชาติทั้งงง ทั้งเสียใจว่า แฟนสาวของตนกล้าทิ้งตนไปได้อย่างไร? สุชาติแอบสังเกตุเห็นเสี่ยอัปลักษณ์ ขึ้นห้องไปกับแฟนสาวของตน สุชาติแค้นมาก เขาจึงไปปรึกษา กับเพื่อนของเขา อีก2-3คน ในกลุ่ม 2คนในกลุ่มนั้น แนะนำให้สุชาติฆ่าล้างแค้นบ้าง ให้ลืมไปบ้าง แต่ เปี๊ยก เพื่อนในกลุ่มได้แนะนำ ให้สุชาติ ไปหาหมอเสน่ห์มนต์ดำ ที่ชานกรุง เพื่อ 'เรียกรักกลับคืน"

สุชาติตัดสินใจ ไปหาหมอเสน่ห์กับเปี๊ยก ที่ชานกรุง ชื่อหมอวัน เมื่อถึงคราวได้เจอหมอวัน
ซึ่งเป็นคนคุยสนุกสนาน ต่างจากที่นึกไว้ หมอวันได้สอบถามพูดคุยว่า หากแฟนของสุชาติไปได้กับเสี่ย ได้เบ๊นซ์ได้ bmw ได้เงินไว้ใช้4-5แสนต่อเดือนเป็นค่าขนม ก็ปล่อยมันไป
ไม่ต้องไปเรียก กลับคืนมาหรอก...

สุชาติได้ชี้แจงว่า ตนกับแฟนสาวของตนจะแต่งกันเดือนหน้า อยู่แล้ว รักกันมา เกือบ10ปีแล้ว ให้หมอวันช่วยด้วย หมอวันนั่งสงบ แล้วก้รู้ได้ว่า แฟนของสุชาติ โดน ของ !

หมอวันจึงรับปากว่าจะช่วย "เรียกรักกลับคืน" มาให้กับสุชาติ เสียค่ายกครู9บาท
ยามโพล้เพล้ นั้นเอง หมอวัน กับ กัสหมอผีหนุ่ม ได้ ประลอง มนต์ แก้กัน(สู้กัน)

ท้ายสุด กัสเห็นภาพหลอน ผีสาวสวยเซ๊กซี่ ยั่วยวนเขา ให้ไปอยู่ด้วยกัน กัสออกอาการเคลิบเคลิ้มโดยที่ เพ้อเจ้ออยู่คนเดียว ประกอบกับเขาได้ยินเสียงกระซิบ ให้ไปหยิบมีดแล้ว ฆ่าตัวตาย เพื่อที่จะไปอยู่กับสิ่งที่ ลี้ลับ!

กัสจบชีวิตด้วยมือของตน ด้วยจิตที่ตั้งไว้ผิด! และเหนือฟ้ายังมีฟ้า

หมอวันๆได้รับชัยชนะ อย่างไม่ยากเย็นนัก

ที่ห้องยามเช้า แฟนสาวสวยของสุชาติ ตื่นขึ้น พร้อมเสียงหวีดร้อง เมื่อ เสี่ยอัปลักษณ์ตายอย่าง ไม่มีสาเหตุ บนเตียงที่นอนกับเธอ

สุชาติได้คนรัก กลับคืนมา

5ปีผ่านไป

สุชาติกับเปี๊ยก ได้กลับมาหา หมอวัน โดยที่สุชาติ มีบาดแผล ฟกช้ำ หัวแตก มีผ้าพันแผล
เขามาหา หมอวันเพื่อที่จะ ให้ถอนมนต์เสน่ห์ ที่เรียกรักกลับมาเมื่อ5ปีก่อน เนื่องจาก ชีวิตคู่ของเขานับวันก็ยิ่งร้างฉาน สุชาติโดนเมียซ้อมทุกวัน ขอหย่าก็ไม่ได้ เมียไม่ยอม!ถึงขั้นจะเอาชีวิตกันเลยทีเดียว สุชาติอยากที่จะพ้น นรกทั้งเป็น ในชีวิตคู่

หมอวันได้บอกว่า มนต์เสน่ห์ อะไรนั้น คลายฤทธิ์ไปตั้งนานแล้ว จะทำให้เลิกกัน ในเคสของสุชาตินั้น ตนทำไม่ได้ สุชาติต้องผิดหวังคอตก กลับไป :b32: :b32: :b32:

=====จบ======

ทุกข์อื่นใดยิ่งกว่ากาม หามีไม่
สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม





แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 29 พ.ค. 2010, 19:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องย่อๆ“ออกศึก”
โดยหลับอยู่

ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยามีหมู่บ้าน ๆ หนึ่งชื่อ “หนองดิน” ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านอื่น ๆ มาก
แต่กองทัพพม่าได้ส่งหน่วยเล็ก ๆ กองร้อย ๆ หนึ่งมายึดหมู่บ้านนี้

“พรานแสง” ซึ่งล่าสัตว์อยู่ในป่าได้รู้เห็นเข้าจึงกลับมาบอกชาวบ้านที่หมู่บ้าน “หนองดิน” เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวรบต้านพวกพม่า โดยที่ “พรานแสง” วางแผนว่าจะสังหารพวกพม่าได้หมดทั้งกองร้อย แต่ “นายอิน” หัวหน้าหมู่บ้านได้คัดค้านไว้บอกว่า “ไม่มีฤกษ์ออกรบ”
“นายดิน” ถือว่าตนมีความรู้ดูฤกษ์ยามมาจากสำนักดัง ชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนศรัทธา
“พรานแสง” เห็นชาวบ้านแตกออกเป็น 2 เสียง ฝ่ายหนึ่งคอยฤกษ์ยาม ส่วนฝ่ายอง “พรานแสง” ไม่เชื่อ “พรานแสง” กับพวกซึ่งมีกำลังน้อยกว่า จึงแยกพวกออกไปวางแผนซุ่มโจมตี พวกพม่าอีกชั้น “พรานแสง” ได้พาภรรยาและบุตรของตนไปซ่อนในที่ปลอดภัย ชาวบ้าน “หนองดิน” ที่เชื่อ “นายอิน” มัวคอยฤกษ์อยู่ พวกกองร้อยพม่าก็ยกมาตี จนแตกกระเจิง “นายอิน” ถูกฆ่าตายพร้อมชาวบ้านที่คอยฤกษ์ออกรบ ส่วน “พรานแสง” กับพวกซึ่งชิงลงมือพวกพม่าไปบางส่วนที่สำคัญต่อกองทหารพม่า พอได้จังหวะเขากับพวกก็ลงมือราวีกับพวกพม่าจนพวกพม่าตายเกือบหมด

ความสูญเสียได้เกิดขึ้นกับชาวบ้าน “หนองดิน” มากกว่าที่คาดคิด เพราะมัวถือฤกษ์ยามจากผู้นำหมู่บ้านที่โง่เขลา ดุจภาษิต “คนโง่ไม่สมควรเป็นผู้นำ” “พรานแสง” กับครอบครัวและพวกที่เหลือจึงอพยพออกไปร่วมกับคนไทยกลุ่มอื่น ๆ




คนไทยกล้าๆใช้ฉากหลังหน่อยนะแล้วจะรุ่ง
:b32:


โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากเป็นมนุษย์” (ดัดแปลงจากเรื่องจริง)
โดย หลับอยู่



“ไอ้แวว” หมาข้างถนนที่รู้จักภาษามนุษย์ มันโดนคนไล่เตะเป็นประจำเพราะมันน่าเกลียดจนมันตาย แล้วมันก็กลับมาเกิดเป็นหมาที่น่ารักสวยงาม ตามมันอธิฐานไว้ก่อนตาย ว่า “เกิดใหม่ชาติหน้าขอให้ตัวเราเป็นผู้น่ารัก และความเป็นอยู่ดีขึ้น…”

เมื่อมันเกิดใหม่ มันก็เกิดเป็นหมาพันธุ์เล็กน่ารัก และมีลูกคุณหนูซื้อมันไปเลี้ยงอยู่ในบ้านเศรษฐี พอมันโตขึ้น มันเห็นรูปถ่ายบรรพบุรุษต่าง ๆ ในบ้านเมื่อหลายชาติก่อน มันเห่าไม่ยอมหยุด ตรงรูปถ่ายนั้น แล้วมันยังจำรูปถ่ายของคนอื่น ๆ ได้ด้วย แต่ทุกคนในบ้านก็ไม่รู้ฟังภาษาของมัน บางคนในบ้านดันเข้าใจว่ามันเห็นผี แต่ทุกคนก็เอ็นดูมัน มันคิดได้ว่ามันได้กลับมาอยู่ในบ้านของมันเอง แต่ใครจะช่วยอะไรในเมื่อชาตินี้มันได้เกิดเป็นหมาน่ารักที่ใคร ๆ ก็เรียกมันว่า “ข้าวโพด” วันหนึ่ง ครอบครัวนี้พูดคุยกันว่าจะไปทำบุญที่วัดกับหลวงพ่อรูปหนึ่งมันจึงเห่าตามไปด้วย พอถึงที่วัดมันเห็นหลวงพ่อ มันก็วิ่งเข้าไปหาแล้วก็ไม่ยอมกลับ หลวงพ่อท่านมีอภิญญารู้ภาษาสัตว์ แต่ท่านก็ไม่บอกกับโยม ๆ ที่ไปหา ท่านจึงเอ่ยปากถาม “ข้ามโพด” ว่าอยากอยู่ด้วยไหม? “ข้าวโพด) กระดิกหางดีใจ คนในครอบครัวรู้สึกผิดปกติที่เมื่อจะจับ “ข้าวโพด” มันกลับเห่าและทำท่าจะกัด ท้ายสุดมันก็ได้อยู่วัดกับหลวงพ่อรูปนั้น เพราะมันรู้ว่าหลวงพ่อรูปนี้ช่วยมันได้ “ข้าวโพด” มันมักอยู่กับหลวงพอเสมอ แสนรู้มาก ๆ วันหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อรูปนั้นทำวัตรเย็นท่านได้ให้มนสมาทานศีล 5 “ข้าวโพด” พยักหน้า 3 ครั้ง แล้วมันก็สิ้นใจตาย เมื่อหลวงพ่อให้พรว่า “ขอให้เอ็งไปเกิดเป็นลูกเศรษฐี นะ...” ในครอบครัวตระกูลเจ้าของ “ข้าวโพด” เดิมคนในบ้านแต่งงาน แล้วตั้งท้องได้บุตรชาย ๆ ที่มาเกิดขึ้น “ไอ้แวว” หรือ “ข้าวโพด” กลับชาติมาเกิดนั้นเอง และรูปบรรพบุรุษในบ้านที่หมาข้าวโพดเห่าก้คือรูปถ่ายของมันก่อนตายแล้วไปเกิดเป้นไอ้แวว หมาข้างถนนที่โดนคนเตะจนตายนั่นเอง
“ความเป็นอยู่ของมนุษย์เป็นการยาก”
“ความได้เป็นมนุษย์เป็นการยาก”





โพสต์ เมื่อ: 27 พ.ค. 2010, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




abc%20(25).gif
abc%20(25).gif [ 7.84 KiB | เปิดดู 3235 ครั้ง ]
โลกนี้คือละคร- พนม นพพร


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 27 พ.ค. 2010, 21:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 18:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องย่อ “ราวีมรณะ” ตอนที่ 1
โดย หลับอยู่



เจ้าสัว “เซี๊ยะ” เป็นบุคคลที่รอยอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ถ้านับกันในการเกิดเป็นมนุษย์ผู้ชายแล้วอะไร ๆ ที่เกี่ยวกับทางโลกเจ้าสัว “เซี๊ยะ” ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในเรื่องความสำเร็จตั้งแต่วัยหนุ่มรุ่น ๆ

เขาเกิดในยุค พ.ศ. 2480 ช่วงสงครามและหันมาประกอบอาชีพทางเกษตรกรรมหลาย ๆ อย่าง จับธุรกิจอะไรเป็นสำเร็จไปหมด แม้แต่เรื่องความรัก เขามีภรรยาหลายคน แต่ทุกคนก็ไม่เคยทะเลาะกันเอง (1 ในภรรยาของเขาเป็นฝรั่งด้วย)


พอเข้าสู่วัยกลางคน เจ้าสัว “เซี๊ยะ” ก็มีลูกหลานกันแทบจดจำไม่ไหว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเครือข่ายกิจการของเขามีมากจนคนในตระกูลบริหารกันแทบจะไม่ทัน
แล้วหลาน ๆ ของเจ้าสัว “เซี๊ยะ” ที่โตแล้วบางคนก็เป็นนายทหาร บางคนก็เป็นนายแพทย์ใหญ่ที่มีฝีมือและชื่อเสียระดับโลก เช่น “จอร์จ” ซึ่งเป็นหลานที่เกิดจากลูกของ 1 ในภรรยาของเจ้าสัว “เซี๊ยะ” ที่เป็นฝรั่ง ฝีมือทางการแพทย์ของ “จอร์จ” และทีมงานของเขาที่ต่างประเทศ เข้าขั้นระดับเทวดาในโลกมนุษย์ พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในโลกใบนี้

แล้วบั้นปลายชีวิตชของเจ้าสัว “เซี๊ยะ” ก็มาถึง เมื่อโรคต่าง ๆ เข้ามาหา ลูก ๆ หลาน ๆ ทุกคนต่างเอาใจใส่ดูแลเจ้าสัว “เซี๊ยะ” กันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ “จอร์จ” ซึ่งใช้ความสามารถและฝีมืออย่างที่สุดจนเจ้าสัว “เซี๊ยะ” ต้องต่อสายระโยงรยางค์เหมือนปลาหมึกไม่มีผิด กระทั่งลูกหลานบางคนได้ไปหาผู้มีเวทมนต์ (จอมขมังเวทย์) ที่มีอิทธิฤทธิ์จริง ๆ มารักษา แต่เมื่อถึงเวลาตายก็ไม่มีผู้ใดสามารถผัดผ่อนได้ เจ้าสัว “เซี๊ยะ” ได้สิ้นลมไปเอง โดยที่ไม่มีผู้ใดช่วยได้เลย

ดุจคำกล่าวในพุทธศาสนสุภาษิตว่า “อันใคร ๆ ไม่อาจจะชนะ ความแก่และความตาย ด้วยการรบ ด้วยเวทมนต์ หรือด้วยการรบด้วยทรัพย์ จะเอาชนะความแก่และความตายไม่ได้เลย”

ชีวิตของเจ้าสัว “เซี๊ยะ” ก็เหมือนกัน ถึงลูกหลายจะประกาศยกทรัพย์สินให้ใครก็ตามหมดทั้งตระกูล หรือจะมีผู้วิเศษหายตัวได้มารักษา เมื่อความตายมาถึง เขาก็ต้องตายเหมือนทุกสรรพสัตว์ในโลกนี้

จบตอน


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 29 พ.ค. 2010, 19:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนที่ 2 ไม่ควรคบคนพาล”
โดย หลับอยู่

“ป๊อป” หรือ นายทหารหนุ่มยศพันตรีผู้ได้รับมรดกมา 200 ล้าน (อาจทำเป็นตอนต่อจาก “ราวีมรณะ” ก็ได้) จากคุณตาอภิมหาเศรษฐีที่ตายไป(เจ้าสัวเซี้ยะ) ถึงแม้เขาจะมียศสูง และร่ำรวย แต่ปัญญาในทางธรรมะเบื้องต้น เขากลับไม่รู้เลยแม้อายุจะ 30 เศษ ๆ “ป๊อป” ก็ยังมีความยากเที่ยวประสาชายหนุ่ม เขาได้ก้าวไปสู่ความผิดพลาด


เพราะคืนหนึ่งหลังจากเขาเที่ยวกลางคืนมาซักพักใหญ่ ๆ โดยลำพังคนเดียว เพื่อนกินหาเดี๋ยวเดี่ยวก็ได้ แล้วเขาก็มาได้ “เกริก” นายทหารรุ่นน้อง ซึ่งรับจ้างอุ้มฆ่า, เสพอบายมุขเกือบทุกประเภท, โกหก, ส่อเสียด ฯลฯ ศีล 5 ดูเหมือนไม่มีเอาเลย มาเป็นเพื่อนกิน-เพื่อนเที่ยวด้วย ซึ่งอุปนิสัยของ “ป๊อป” ผิดกันกับ “เกิรก” มากนัก “เกริก” ชักชวน “ป๊อป” ได้โดยไม่ยาก เพราะเมื่อ “ป๊อป” ได้ฟังการพูดคุยของ “เกริก” “ป๊อป” กลับมีความดีใจไปด้วย “เกริก” เริ่มทำให้ “ป๊อป” ติดอบายมุขต่าง ๆ เช่น การพนัน, นักเลง, ผู้หญิง ฯลฯ

แล้ว “ป๊อป” ก็ได้คว้าหมอนวดไซด์ไลน์หุ่นนางแบบชื่อ “เจี๊ยบ” ซึ่งภายนอกดูไม่รู้เลยว่าเธอเป็นโสเภณี มาคบหาเป็นแฟนด้วย และดูเหมือนเธอจะเป็นคนดี “เกริก” ต้องตาต้องใจ ”เจี๊ยบ” มากเกริก จึงวางแผนจัดฉากไว้โดยที่เขายุยงส่งเสริม “เจี๊ยบ” แล้วจัดบ่อนเอาไว้โกง “ป๊อป” “ป๊อป” เสียท่าจึงสูญเงินไปร่วม 300 ล้าน จนญาติพี่น้องต้องมาเคลียร์ให้ ที่สุด “ป๊อป” ต้องถูกออกจากราชการด้วยปัญหาอีกหลายอย่างดุจดั่งพุทธศาสนาสุภาษิตว่า “ไม่พึงคบคนพาล”
และ
“หากแสวงหาไม่พบเพื่อนที่ดีกว่าจน หรือเสมอกับตน ก็ควรเที่ยวไปคนเดียว เพราะมิตรภาพไม่มีในหมู่คนพาล” แล้ว เกริก” ก็หักหลังกันกับ “เจี๊ยบ” กันในที่สุด

จบตอน





โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องย่อ“ดาวลืมดิน”
โดยหลับอยู่



“รจนา” เด็กสาวจากต่างจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ เธอมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นดารา-นางแบบ-นักร้อง เหมือนเด็กสายวัยรุ่นทั่วไป เมื่อถึงเวลาที่จะเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ “รจนา” ได้เข้าประกวดเกี่ยวกับงานบันเทิงต่าง ๆ จนเธอได้เข้าวงการสมดังเจตนา “รจนา” เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิง เธอก็มีชื่อเสียงอยู่พอประมาณในประเทศ เป็นที่รู้จักในนาม “โรส รจนา” ขณะที่เธอมีชื่อเสียงเงินทองเธอกลับทำตัวไม่แยแส ญาติ-มิตร หรือกระทั่งแม่คน ตนที่มาเยี่ยมเธอจากต่างจังหวัด

แล้ววันหนึ่งเธอก็เสื่อมลงจากความนิยมลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่แฟนคลับของเธอก็เสื่อมความชอบลง อีกทั้งสื่อมวลชนก็มิชอบในตัวเธอ “โรส รจนา” จึงมีชื่อเสียงที่เงียบหายไปเมื่อเงินของเธอหมด เพื่อนชายที่เป็นดาราก็ตีจาก เธอไป....


“รจนา” ไร้ที่พึ่ง เธอจึงรู้สึกผิดและกลับไปหาแม่ที่บ้านนอก แม่ของเธอเป็นคนเดียวที่ต้อนรับเธอ ผิดจาก ญาติ-มิตรที่รังเกียจเธอ และไม่ค่อยให้การตอนรับ “รจนา”ดำเนินชีวิตผิดพลาดทั้ง ๆ ที่ไปถึงจุดหมายแล้ว เพราะไม่เคยตระหนักในภาษิตที่ว่า “บุคคลไม่ควรลืมตน”
“รจนา” ได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ช่วงหนึ่ง และทางกรุงเทพฯ ก็ติดต่อเธอไปรับงานในวงการบันเทิง เธอจึงกราบลาแม่ของเธอและไปขอโทษ ญาติ –มิตรของเธอก่อนขึ้นกรุงเทพฯ “รจนา” ตั้งใจไว้ว่า เธอจะไม่ประพฤติตนแบบเดิมอีก

จบตอน


โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




220.gif
220.gif [ 3.49 KiB | เปิดดู 3209 ครั้ง ]




one


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 29 พ.ค. 2010, 20:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ตาลายยยยย...เลย


โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




240-32.gif
240-32.gif [ 29.01 KiB | เปิดดู 3200 ครั้ง ]
สนุกไหมล่ะ :b12: :b32:

โพสต์ เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




289.gif
289.gif [ 3.63 KiB | เปิดดู 3186 ครั้ง ]
เรื่องย่อ รัก เรา ไม่นิรันดร์....
โดย หลับอยู่




เหตุกาณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2485 สยาม(ประเทศไทย)เมื่อคราวยังมีสงคราม.....

เป็นเรื่องราวของ หนุ่ม สาวคู่หนึ่ง ซึ่งฐานะแตกต่างกันลิบลับ....

ฝ่ายหญิงชื่อว่า นิ่มเป็นลูกสาวคุณพระท่านนึง(ไม่ใช่พระสงฆ์) :b12: แม่นิ่มซึ่งเป็นสาววัยสะพรั่งมีการศึกษาสูง แต่งตัวตามชาติตะวันตก เธอชอบไปเที่ยวตามตลาดต่างๆในพระนคร และเที่ยวตามสถานบันเทิงในยุคสมัยนั้น เช่นโรงมโหรสพต่างๆ เป็นประจำ

ไอ้วัน หนุ่มจากท้องทุ่ง บางมดเข้ามาเป็น สามล้อ(รถเจ๊ก)ในกรุง ไอ้วันเป็นชายหนุ่มที่มีวิชาอาคมอยู่บ้าง...ตามแบบฉบับลูกผู้ชายไทย แต่ไม่ถึงกับเป็นอาจารย์จอมขมังเวทย์
เพราะเมื่อรุ่นๆ ไอ้วัน เคยไปศึกษาหาความรู้อยู่แถวๆวัด สามปลื้ม ในยุคสมัยก่อนหน้านั้นอีก มักจะมีฆราวาสจอมขมังเวทย์ แบบระดับยอดฝีมือ หลายๆท่านไปประลอง วิชาอาคมกัน ที่โดดเด่นก็คือ อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ฉายา ขุนแผน แห่งเมืองอยุธยาอาจารย์ฟ้อนดีสว่างนี้สามรถ สูบกัญชาแล้วพ่นควันออกมาเป็นนกพิราบได้ รูปชั่วจมูกโหว่ แต่มีเมียมาก อยากจะได้ลูกสาวใครก็ใช่มนตราเอามาเป็นเมียแต่แกก็ไม่ได้ทอดทิ้ง เป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้

ไอ้วันได้ไปคลุกอยู่กับพวกจอมขมังเวทย์แถวๆวัดสามปลื้มนั้น เป็นประจำ ก็ได้วิชาติดตัวมาบ้าง....

วันหนึ่ง ที่ตลาด แม่นิ่มได้ไปเดินดูข้างของ(ช๊อปปิ้ง) ไอ้วันรถ เจ๊กก็มองดูตาค้างด้วยความสวยของเธอ
ไแล้วก็มีนักเลงคณะหนึ่ง(แก๊งค์) ติดฝิ่น ได้วิ่งราวกระเป๋า ของแม่นิ่ม ท่ามกลางตลาด ไอ้วันเห็นเข้าก็ได้วิ่งตามนักเลงฝิ่นขี้ยาแก๊งค์นั้น ซึ่งส่งทอดกระเป๋ากันไปเป็นทอดๆ แต่ก็ไม่พ้น สายตาของไอ้วันได้ ไอ้วันได้ตามไปถึงต้นตอ

ที่คอยรับทอดเป็นคนสุดท้าย ไอ้วันขอเจรจาว่าคืนกระเป๋าใบนั้นมาซะดีๆ แต่ต้นตอหัวหน้านักเลงฝิ่นชิงเลง นั้นกล่าวปฏิเสธ ไอ้วันไม่พูดพล่ามทำเพลง ร่ายมนต์แล้วกรีฑา ฝ่ายนักเลงคณะนั้นซึ่งมีจำนวนมากกว่า กลับสู้ไอ้วันไม่ได้ ไอ้วันได้กระเป๋าของแม่นิ่มกลับคืนมา มันเดินถือมาที่ตลาด

เมื่อจวนจะถึงตัวแม่นิ่ม ซึ่งไอ้วันเห็นหน้าชัดๆแม่นิ่มชัดก็ตะลึงในความใบหน้าอันสวยงาม(เป็นภาพสโลว์)
จู่ๆ แล้วตำรวจเมืองพระนครก็กรูกันเข้าไปจับไอ้วันๆ ปฏิเสธขัดขืนชี้แจงโวยวายว่าเข้าใจผิด

แม่นิ่มซึ่งเห็นว่าไอ้วัน ทิ้งรถเจ๊กของตนตั้งแต่ต้นแล้ววิ่งไล่ตามพวกขี้ฝิ่นที่ชิงราววิ่งเอากระเป๋าของเธอไป นำกระเป๋ามาคืน เข้าไปเจรจากับพวกตำรวจ จนเขาปล่อยตัวไอ้วัน
เมื่อทั้งคู่มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกัน ไอ้วัน ซึ่งชอบแม่นิ่มอยู่ในใจประกอบกับตนมีวิชา มหาเสน่ห์อยู่บ้าง
เห้นได้โอกาส ก็ ล้วงเอายาเส้นมาร่ายบริกรรมมนต์ในใจ จุดไฟสูบแล้วพ่นควัน ไปโดนแม่นิ่มจนแม่นิ่มคนสวยยกมือปิดเบือนหน้าหนี เพียงนี้ก็เข้าทางไอ้วันแล้ว ไอ้วันมั่นใจมากๆ

หลังจากวันนั้น แม่นิ่มซึ่งโดนมนตราของไอ้วันอีกทั้งยังประทับใจในตัวไอ้วันเป็นทุนเดิมจึงลดการถือตัวว่าเป็นถึงลูกสาวคุณพระ ก็มาหาไอ้วันบ่อยๆ จนได้เสียกัน
ข่าวรู้ถึงหูคุณพระพ่อแม่นิ่ม คุณพระแกไม่ยอม เพราะนัดเจ้าสัว จากเมืองนครไชยศรีมาดูตัวแม่นิ่มหมายจะให้แต่งงานกัน คุณพระจึง เรียกตัวแม่นิ่มมาด่าว่า พร้อมขู่จะจัดการไอ้วัน รถเจ๊ก

แม่นิ่มร้องไห้ เพราะตนตกเป็นเมียไอ้วันแล้ว เธอสั่งคนใช้ให้เอาความไปบอกไอ้วันที่ตลาด(เนื่องจากถูกกักบริเวณ ความว่า พอวันดูตัวเธอจะหนีไปกับไอ้วันให้ไอ้วันคอยเธอด้วย ณ ที่แห่งหนึ่ง

ไอ้วันเมื่อรับความจากสาวใช้ของแม่นิ่ม จึงตกปากรับคำ
พอถึงวัน ดูตัว ลูกชายเจ้าสัวจากนครไชยศรี ก็ มายังเรือนของแม่นิ่ม เมื่อแม่นิ่มเห็นเข้าปรากฏว่า ตกใจในความหล่อเหลาของลูกชายเจ้าสัวเลยทีเดียว เธอลืมไอ้วันไปเสียสิ้น ยอมแต่งงานกับลูกชายเจ้าสัว
ทิ้งไอ้วันให้คอยจนมืดค่ำอยู่คนเดียว

แล้วไอ้วัน ก็แอบมาด้อมมองสืบข่าวจนรู้ว่า แม่นิ่มได้แต่งงานไปแล้ว ไฉนมนตราของเราจึงใช้ไม่ได้ผลอีก
ไอ้วัน ย้อนกลับมาพิจารณา ตน จึงปลอบใจตนเองว่า อะไรๆก็ไม่แน่นอน หญิงคนรักก็มากลับใจง่ายแบบพลิกฝ่ามือ

ไอ้วัน เมื่ออยู่ตลาด เห็นแม่นิ่มมากับสามีเธอ เธอกลับทำเป็นไม่เห็น ไอ้วันจึงชอกช้ำแต่มันก็ต้องทำใจ บัดนี้มันต้องกล่าวลา
แล้วไอ้วันก็ คืนสู่ถิ่นฐานที่จากมา กลับไปอยู่บางมด ในวันรุ่งขึ้น

=====จบไตรภาคแรก==========


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 30 พ.ค. 2010, 21:22, แก้ไขแล้ว 9 ครั้ง.
โพสต์ เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร